ตอนที่ 4 : Collection -3-
โซลแฟชั่นวีคคับคั่งจอแจไปด้วยผู้คนเหมือนที่เป็นมาทุกปี ทั้งนายแบบนางแบบ ทีมงานนิตยสารสายแฟชั่นต่างๆ นักข่าว รวมไปถึงแฟนคลับทั่วไปที่อยากเห็นทั้งไอดอลหรือดาราศิลปิน และแฟนคลับของนายแบบนางแบบเองด้วย
วิลลิสเดินทางมาถึงในชุดของหลุยส์ วิตตองทั้งชุดเหมือนอย่างเคยเช่นกัน ออร่าความหล่อเรียบหรูเรียกสายตาหลายคู่ให้จับจ้องมาที่เขา
ด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินปริ๊นท์ลายสัญลักษณ์ LV สีขาว สวมทับด้วยแจ็คเก็ตบอมเบอร์ผ้าสักหลาดและหนังสีดำ ซึ่งดูเข้ากันได้ดีกับกางเกงสแลคลายสก็อตและรองเท้าหนังสีดำ เป็นการคุมโทนสีเข้มได้อย่างยอดเยี่ยม
งานนี้เขาไม่ได้มาในฐานะนายแบบ แต่มาในฐานะผู้เข้าร่วมชมแฟชั่นในที่นั่งฟรอนท์โรวต่างหาก
ด้วยความที่ชาร์ลและไคล์ต้องมาเดินแบบในงานวันนี้ เขาจึงถูกสองหล่อมัดมือชก โดยการร่อนการ์ดเชิญไปถึงบ้าน
นานๆ ครั้งจะได้มานั่งดูทั้งสองคนเดินแบบบ้าง ก็นับว่าเป็นโอกาสที่ไม่เลวเลยทีเดียว
ร่างสูงใหญ่เดินตัดผ่านผู้คนที่รออยู่ในส่วนด้านหน้าของงาน ผ่านรั้วกั้นเข้าไป มีเสียงตะโกนให้เขาหันหน้าไปให้ถ่ายรูปหน่อย รวมถึงแสงแฟลชวูบวาบสว่างไล่หลังและกองทัพโทรศัพท์มือถือที่ยกขึ้นมาจ่อเตรียมถ่ายคลิป แต่วิลลิสก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
เขาไม่ได้มาทำงาน แต่มาผ่อนคลายนอกเวลางาน แล้วตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่งานแฟชั่นโชว์จะเริ่มแล้ว จึงต้องรีบเข้าไปในฮอลจัดงานให้เร็วที่สุด
;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;
ลู่หานเกิดอาการเหวอเล็กน้อย ทันทีที่เห็นว่าใครเดินเข้ามานั่งตรงที่นั่งฟรอนท์โรวฝั่งตรงกันข้ามกับเขา โดยมีรันเวย์ทอดยาวผ่านหน้ากั้นกลาง
นี่มันจะเป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไปแล้วนะ กำหนดการที่จะได้เจอกันมันอีกตั้ง 3 เดือนแน่ะ
ความคิดในสมองนึกกระหวัดไปถึงการประชุมงานกับทีมกองบรรณาธิการของโว้กโคเรีย ซึ่งก็ได้มติจากที่ประชุมออกมาว่า จะยกกองไปถ่ายแบบคอลเลคชั่นใหม่ของหลุยส์ วิตตอง ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
แล้วนายแบบที่จะมาขึ้นปกฉลองครบรอบ 22 ปี ของนิตยสารโว้กโคเรีย ก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้างที่กะคร่าวๆ ก็น่าจะเกิน 49 เซนติเมตรไปแล้ว ใบหน้าหล่อคมเข้มแบบลูกครึ่ง นามว่าวิลลิส โอ ซึ่งกำลังส่งยิ้มมาให้ลู่หานอยู่ตอนนี้นั่นเอง
ลู่หานฉีกยิ้มตอบกลับไปตามมารยาท พร้อมกับก้มหัวให้เล็กน้อย จากนั้นก็หันหน้าไปยังส่วนต้นของรันเวย์ ที่ตอนนี้ไฟเริ่มหรี่ลงเล็กน้อย เพื่อจะเริ่มต้นโชว์ของสตรีทแบรนด์ชื่อดัง
ตลอดเวลาการนั่งชมแฟชั่นโชว์ ลู่หานใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปชุดที่น่าสนใจ พร้อมกับทำช็อตโน้ตและสเก็ตรูปคร่าวๆ ถึงรายละเอียดของแต่ละชุดอย่างตั้งใจ
บางชุดที่นายแบบนางแบบสวมใส่แล้วเขารู้สึกสะดุดตาและสนใจ จนต้องมองตามตั้งแต่เริ่มออกมาจนเดินเข้าหลังสเตจไป
ถึงแม้ว่าจะไม่ตั้งใจ แต่ในบางจังหวะ สายตาก็มักจะไปสบกับคุณนายแบบฝั่งตรงข้าม ที่วันนี้นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรไม่ทราบ จึงมานั่งเป็นแขกที่นั่งฟรอนท์โรวแบบนี้ แล้วก็ไม่พ้นที่จะได้รับการส่งรอยยิ้มกลับมาให้ทุกครั้ง พร้อมกับมีการยักคิ้วเป็นออปชั่นเสริมบ้าง
อา~ ให้ตายสิ นี่ต้องการสมาธิ ไม่รู้หรือไง
ลู่หานจิ๊ปาก ส่งรอยยิ้มแกนๆ กลับไปให้ทุกครั้ง แล้วก็พยายามระมัดระวังอย่างที่สุดที่จะไม่มองไปที่นั่งฝ่ายตรงข้าม แล้วดื่มด่ำกับแฟชั่นโชว์วันนี้อย่างเต็มที่
;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;
วิลลิสไม่คาดคิดว่าวันนี้จะได้มาเจอคุณคอลัมนิสต์คนสวยแห่งโว้กโคเรีย อาจจะดูเป็นการเสียมารยาทกับเจ้าตัวที่เป็นผู้ชาย แต่เขารู้สึกว่า คำว่า ‘beautiful’ คงจะเป็นนิยามที่เหมาะกับแอรีสมากที่สุดแล้ว
ดวงตากลมโต แพขนตาเรียงตัวสวย จมูกโด่งไม่เล็กไม่ใหญ่แต่เชิดรั้น ริมฝีปากบางแต่ได้รูปเป็นกระจับ เขาสงสัยมากจริงๆ ว่า อวัยวะทุกส่วนที่เหมือนจะโดดเด่นแข่งกันออกมาทุกอย่างนี้รวมกันอยู่บนดวงหน้าเล็กแบบนั้นได้อย่างไร
ไหนจะท่าทางกระตือรือร้น แววตาสุกใสเปล่งประกาย เรียวคิ้วขมวดมุ่นในเวลาที่เจ้าตัวเหมือนจะใช้ความคิดอย่างหนัก การเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติไร้การเสริมแต่ง เป็นภาพที่วิลลิสคิดว่าน่ารักอย่างที่ละสายตาไปไม่ได้จริงๆ
การพบเจอกันคราวก่อนในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้เขาไม่มีเวลามากพอในการสังเกตอากัปกิริยาเหล่านี้ แต่วันนี้เขามีเวลานานเท่าที่ต้องการ แล้วเขาก็ค้นพบว่าอีกฝ่ายมีเสน่ห์ชวนมองไม่น้อยเลยทีเดียว
ร่างเล็กฝั่งตรงข้ามดูหงุดหงิดทุกครั้งเวลาที่เขาส่งยิ้มไปให้ในบางจังหวะที่พวกเราบังเอิญสบตากัน ถึงแม้ว่าปากเล็กสีพีชจะฉีกยิ้ม แต่สายตากลับไม่ยิ้มตามไปด้วยเลย
วิลลิสรู้สึกสนุกกับการคอยสังเกตว่าเจ้าตัวรู้สึกสนใจชุดไหนเป็นพิเศษ เขาก็จะไล่สายตาตามไปด้วย แล้วพยายามอย่างหนักที่จะหาโอกาสเพื่อให้ได้สบกับดวงตากวางกลมโตนั่น
แล้วจะยิ่งสนุกมากขึ้นไปอีก เมื่อรอดูปฏิกิริยาตอบกลับหลังจากที่เขายิ้มให้ หรือบางครั้งก็ยักคิ้วเพิ่มไปให้ด้วย
ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ยิ้มตอบรับกลับมาแบบไม่เต็มใจนั้น และการพยายามไม่สอดส่ายสายตามาทางเขาอีก ทำให้วิลลิสยิ้มขำเอ็นดู
ให้ตายเถอะ น่ารักมากจริงๆ นั่นแหละ
เขาแค่อยากส่งกำลังใจไปให้คุณคอลัมนิสต์ที่กำลังทำงานอย่างตั้งใจเต็มที่ ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงเลย สาบานได้ *ไขว้นิ้ว*
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตั้งใจดูแฟชั่นโชว์ และทำเหมือนนายแบบอย่างเขาเป็นอากาศธาตุ เขาก็เลิกล้มความตั้งใจในการแกล้งคนตัวเล็ก แล้วหันไปสนใจโชว์ครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน
;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;
การนำเสนอคอลเลคชั่นแนวสตรีทผ่านไปได้สักพัก ลู่หานก็แอบลอบมองไปที่นั่งฝั่งตรงข้าม หลังจากที่เขาทำเป็นเหมือนไม่รู้จักไป ฝ่ายนั้นก็เลิกตอแยเขาได้สักที
พอนั่งเฉยๆ ไม่ทำตัวกวนประสาทก็ทำให้ดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้จะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ก็ต้องยอมรับด้วยความสัตย์จริงเลยว่าคุณวิลลิสหล่อแบบพระเจ้าช่างปั้นและรังสรรค์มา
คิ้วเข้มได้รูปพาดผ่านเหนือตาสองชั้น เบ้าตาลึก สันจมูกที่โด่งพุ่งโดดเด่นออกมาจากใบหน้า ริมฝีปากบางได้รูปสีสุขภาพดี ทุกส่วนรับกันดีแบบไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนหล่อแบบนี้อยู่บนโลก ลูกรักพระเจ้าโดยแท้จริง
คราวก่อนที่เจอกัน ถึงจะได้เจอในระยะใกล้แต่ก็ไม่ได้มีเวลาพินิจพิจารณาอีกฝ่ายมากขนาดนี้ พอมาได้นั่งมองแบบนี้ ก็รู้สึกได้ว่าเป็นคนที่หน้าตาดีและดึงดูดสายตามากจริงๆ นั่นแหละ
แล้วในขณะที่ลู่หานกำลังจะถอนสายตาแล้วกลับไปมองยังทางเดินออกมายังรันเวย์ของเหล่านายแบบนางแบบอีกครั้ง ก็ต้องหยุดชะงักและจ้องมองแบบไม่สบอารมณ์
ดวงตาคู่คมเปล่งประกายแวววาวของลูกรักพระเจ้าคนนั้น ไล่มองตามนางแบบคนหนึ่งช้าๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนตกอยู่ในภวังค์ พร้อมกับริมฝีปากที่ห่อเป็นตัวโอเหมือนจะอุทานว่า โอ้ว~
เหอะ! น้ำลายจะหกแล้วครับคุณนายแบบ เก็บอาการหน่อย เห็นแล้วอยากจะใช้ฝ่ามือตบคางขึ้นไปให้หุบปากจริงเชียว
ลู่หานมองค้อนโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวสักนิด แล้วเลือกที่จะปัดความหงุดหงิดยุบยิบในความรู้สึกซึ่งน่ารำคาญทิ้งไป ด้วยการหันไปใส่ใจกับการนำเสนอคอลเลคชั่นเสื้อผ้าในช่วงท้ายแทน
;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;
วิลลิสไม่ค่อยมีโอกาสได้มานั่งดูแฟชั่นโชว์แบบนี้เท่าไรนัก เพราะงานของเขาคือการอยู่บนรันเวย์แฟชั่น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เป็นการใช้เวลาที่ค่อนข้างสนุกและเพลิดเพลินมาก โดยเฉพาะตอนที่เขาได้เห็นชาร์ลและไคล์เดินออกมาในชุดเท่ๆ ในสไตล์แบบแนวสตรีทแปลกตา
แล้วเมื่อนายแบบนางแบบทุกคนออกมาเดินรอบสุดท้ายปิดท้ายคอลเลคชั่นนี้ ตามมาด้วยดีไซน์เนอร์ออกมาโค้งรับเสียงปรบมือดังกึกก้อง เป็นการจบโชว์ลงอย่างสมบูรณ์
วิลลิสก็มองไปที่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งก็บังเอิญสบตากับดวงตาคู่เดิมอีกครา รอบนี้เขารู้สึกว่าคนนัยน์ตากวางอารมณ์บูด ความรู้สึกถึงความเป็นเด็กน้อยเหมือนคืนแรกที่พวกเรารู้จักกันเป็นทางการหวนกลับมาอีกครั้ง แน่นอนว่าความรู้สึกเอ็นดูก็หวนกลับมาอีกครั้งเช่นกัน
คนน่ารักรีบหันไปเก็บของลงกระเป๋าสะพายข้างแล้วลุกขึ้นยืน ทยอยเดินปะปนไปกับฝูงชนเพื่อเตรียมตัวเดินออกไปจากฮอลจัดงาน
ไหนๆ วันนี้ก็ปล่อยตารางชีวิตตัวเองให้ว่างทั้งวันเพื่องานโซลแฟชั่นวีคแล้ว ถ้าหากจะไปเดินเล่นเตร็ดเตร่ฆ่าเวลาต่อก็คงไม่เป็นไรมั้ง
คิดได้ดังนั้น ขายาวก็ก้าวเดิน สับเท้าเป็นจังหวะเอื่อยๆ ตามคนตัวเล็กที่มุ่งหน้าออกไปก่อนแล้วอย่างไม่รีบร้อน
;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;
Café Dudart เป็นสถานที่ซึ่งลู่หานชอบแวะมานั่งทำงานบ้างเป็นครั้งคราว หากมีโอกาสต้องแวะเข้ามาแถวย่านอัปกูจอง ซึ่งวันนี้สถานที่จัดงานโซลแฟชั่นวีคก็อยู่ใกล้ๆ พอดี
เขาชอบความเงียบสงบของที่นี่ กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นและมุมสงบทำให้ลู่หานผ่อนคลาย เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการต้องใช้ความคิดในการคิดงานมากทีเดียว
ระหว่างที่เหลือบมองเมนูบนแผ่นป้ายเหนือเคาน์เตอร์และสั่งอเมริกาโน่กับพนักงานออกไป เสียงแหบทุ้มนุ่มคุ้นหูก็ทำให้ลู่หานต้องหันกลับไปมองคนข้างหลังทันที
“ชอบอเมริกาโน่เหมือนกันเหรอครับ”
“คุณวิลลิส…”
“ขออเมริกาโน่ 2 แก้วนะฮัน” สั่งกับพนักงานพร้อมกับยื่นแบล็คการ์ดให้พนักงานคิดเงิน
“คุณแอรีสอยากสั่งอะไรเพิ่มมั้ยครับ”
“ไม่แล้วครับ เดี๋ยวผมจ่ายค่ากาแฟคืนให้นะครับ”
“ไม่ต้องหรอกครับ เอาไว้คุณค่อยเลี้ยงผมตอบแทนคราวหลังแล้วกันนะครับ” วิลลิสพูดพลางยิ้มน้อยๆ ให้กับคนที่ยืนทำหน้าแปลกใจอยู่ แล้วหันไปยื่นมือรับสลิปและแบล็คการ์ดคืนมาจากพนักงาน
“คุณไปหาที่นั่งก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมรอกาแฟแล้วจะเอาไปให้คุณที่โต๊ะเอง”
“เอ่อ...ขอบคุณครับ”
ลู่หานยังจับต้นชนปลายไม่ถูก อยู่ดีๆ ก็ถูกคนที่นั่งดูแฟชั่นตรงที่นั่งฟรอนท์โรวฝั่งตรงกันข้ามกันมัดมือชกเลี้ยงกาแฟซะอย่างงั้น
คนที่เหมือนความคิด error ไปแล้ว เดินเข้าไปหามุมสงบที่เดิมของตัวเอง นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วมองดูบรรยากาศโดยรอบของร้านเป็นการฆ่าเวลา
สายตาเจ้ากรรมก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคนที่จู่ๆ ก็โผล่มาแบบโดยที่ลู่หานไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ การพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับพนักงานในร้าน ทำให้เขาประหลาดใจอีกแล้ว คอนเนคชั่นของคุณวิลลิสมากมายขนาดไหนกันนะ ลู่หานจินตนาการไม่ออกเลย
;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;
เมื่อคนที่เขาคิดอยากจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นเดินไปจับจองโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาพูดคุยกับน้องชายของเพื่อนที่มาช่วยดูแลร้านอยู่บ่อยครั้ง
“วันนี้เจย์เข้าร้านมั้ยฮัน”
“เจย์น่าจะเข้ามาดึกๆ นะวิลล์ ถ้านายยังอยู่ก็อาจจะได้เจอ”
“ไม่รอละ อยากรีบกลับไปนอน”
“วันนี้ไปไหนมาเหรอ”
“โซลแฟชั่นวีค”
“รีบกลับเพราะคนที่มาด้วยปะ ใครอะ”
“คำถามนี้ไม่ตอบได้ปะ เผื่อขยับสถานะ นายกลายเป็นพวกสอดรู้สอดเห็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
เจฮันยิ้มล้อเลียนให้กับคำตอบของเพื่อนพี่ชายที่ตอบคำถามเหมือนขอไปที วิลลิสถือได้ว่าเป็นแขกประจำของ Café Dudart คนหนึ่งเลยเหมือนกัน
“อเมริกาโน่ 2 แก้วได้แล้วครับ ทานให้อร่อยนะครับคุณลูกค้า”
สิ้นเสียงบอกของเจฮัน นายแบบที่วันนี้อยากทำตัวเหมือนพนักงานเสิร์ฟก็ยกแก้วกาแฟทั้ง 2 แก้วเดินตรงไปยังโต๊ะในมุมที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว ที่มีใครบางคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“อเมริกาโน่ได้แล้วครับ”
“ขอบคุณครับ”
วิลลิสนั่งลงตรงข้ามกับลู่หาน นั่งซดอเมริกาโน่กันเงียบๆ ไปสักพักก็เป็นคนตัวเล็กกว่าที่เริ่มบทสนทนา
“ทำไมคุณวิลลิสถึงมานั่งดูแฟชั่นโชว์วันนี้ได้ล่ะครับ”
“จะเอาความจริงหรือตอบแบบดูดีครับ”
“ขอทั้ง 2 แบบเลยได้มั้ยครับ” พอรู้สึกคุ้นเคยกันมากขึ้นแล้ว ก็เผลอใช้เสียงหวานเอ่ยอ้อนแบบน่ารักๆ ออกไปโดยไม่รู้ตัว
วิลลิสยอมรับว่าใจกระตุกไปนิดหน่อย แต่ก็ทำหน้านิ่งตอบกลับไป
“ความจริงคือเพื่อนนายแบบของผมมันบังคับด้วยการส่งบัตรเชิญให้ไป แต่ถ้าตอบแบบดูดี นอกจากการเดินแบบ ผมก็โปรดปรานการศึกษาแฟชั่นหลากหลายสไตล์นะครับ”
คำตอบของนายแบบหนุ่มทำให้ลู่หานหัวเราะขำเบาๆ เสียงใส
“แล้ววันนี้คุณวิลลิสได้เรียนรู้อะไรบ้างกับแบรนด์สตรีทครับ ผมนึกว่าคุณจะชอบแต่แบรนด์ไฮเอนด์ซะอีก”
“ให้ฟีลลิ่งแบบเดินเตร็ดเตร่เท่ๆ ได้ตามถนนหนทางทั่วไป โดยที่ไม่ต้องทำตัวผึ่งผายเพื่อให้เหมาะกับเสื้อผ้ามั้งครับ”
“ถือว่าไม่เลวนะครับ”
“งั้นผมควรได้คะแนนจากคอลัมนิสต์โว้กโคเรียเท่าไหร่ครับ”
“หมายถึงความคิดเรื่องแฟชั่นหรือหมายถึง ‘ตัวคุณ’ จริงๆ เหรอครับ”
วิลลิสนิ่งไปชั่วอึดใจ คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะถูกถามกลับมาแบบนี้
“ถ้าหมายถึง ‘ตัวผม’ จริงๆ คุณจะให้คะแนนเท่าไหร่ล่ะครับ”
“ผมขอผ่านคำถามนี้แล้วกันนะครับ” ลู่หานอมยิ้ม แล้วยกแก้วอเมริกาโน่ที่พร่องไปค่อนแก้วขึ้นดื่ม
“อารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่มั้ยครับ คุณไม่เหมาะกับหน้าบึ้งๆ เลยนะ” วิลลิสยกอเมริกาโน่ขึ้นจิบบ้าง
ถ้าหากยอมเปิดใจสักหน่อย หรือมองดูในหลายๆ ด้าน ลู่หานยอมรับเลยว่า คุณวิลลิสก็เป็นคนที่น่าคบหาคนหนึ่งเลยเหมือนกัน ตอนนี้ก็เอาไป 7 คะแนนก่อนแล้วกันนะครับ
“พรุ่งนี้ผมต้องเข้าออฟฟิศแต่เช้า วันนี้ขอตัวกลับก่อนนะครับ” เมื่อนั่งจิบอเมริกาโน่จนหมดแก้ว ลู่หานก็เอ่ยบอกความต้องการออกมา
“ให้ผมไปส่งมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรครับ” ลู่หานเกรงใจและไม่อยากรบกวนคนที่เลี้ยงกาแฟไปมากกว่านี้แล้ว ก็เลยตอบปฏิเสธไป
“งั้นเราออกไปกันเลยมั้ยครับ”
“คุณจะกลับเลยเหมือนกันเหรอครับ”
“ครับ ไปกันเถอะ”
สิ้นเสียงทุ้มนุ่ม ทั้งคู่ก็ยืนขึ้นและเดินออกไปตรงประตู วิลลิสพยักเพยิดใบหน้าบอกเจฮันว่าพวกเขาจะกลับกันแล้ว
เมื่อผลักประตูเดินออกมานอกร้าน วิลลิสก็ถามลู่หานทันที
“คุณกลับยังไงครับ”
“รถไฟใต้ดินครับ แล้วคุณล่ะครับ”
“เดี๋ยวผมเดินกลับไปเอารถที่งานก่อน แล้วค่อยขับกลับครับ แน่ใจนะว่าไม่ให้ผมไปส่ง”
“ผมกลับเองได้ครับ ไม่ต้องห่วง”
“ผมขอ WhatsApp ของคุณได้มั้ยครับคุณแอรีส ถ้าคุณถึงที่พักแล้ว หรือเผื่อมีเหตุการณ์อะไร ก็แชทมาบอกผมนะครับ”
“ทำไมคุณไม่ใช้ Kakaotalk เหมือนคนอื่นเหรอครับ”
“ก็ผมไม่อยากเหมือนคนอื่นนี่ครับ”
ลู่หานหมดหนทางที่จะเลี่ยงไม่ให้เบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง แล้วเมื่อคิดถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่คุณวิลลิสมอบให้ เขาก็ยอมบอกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองแต่โดยดี
“ถึงที่พักแล้วอย่าลืมแชทมาบอกผมนะครับ”
“คุณเหมือนพ่อเลยครับ”
“อยากเป็นแด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อมากกว่าครับ”
ลู่หานกลั้นยิ้มแก้มแทบแตกกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับการยักคิ้วอันเป็นเอกลักษณ์นั่น เขาเกือบหลุดขำออกมาแล้วกับความมั่นใจแบบเต็มเปี่ยมของคุณนายแบบระดับโลกคนนี้
“คุณก็ขับรถกลับดีๆ นะครับ”
“ครับ เจอกันคราวหน้านะครับ”
หลังมองส่งแผ่นหลังเล็กเดินไปตามทางเดินเพื่อไปยังสถานีใกล้ๆ นี้ ก็ถึงที่เวลาที่วิลลิสจะต้องกลับอพาร์ทเมนท์ของตัวเองเช่นกัน แผนที่จะใช้เวลาว่างของตัวเองวันนี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจไม่น้อยเลยทีเดียว
….To be continued…
ยิ่งเขียนยิ่งยาว OTL
เจอคนขี้เต๊าะ 1 อัตรา และพี่เค้าสายเปย์นะคะ รู้ยัง XD
เซอร์ไพรส์กับยอดคอมเมนต์มากๆ เยอะเกินความคาดหมาย
ขอบคุณทุกกำลังใจเลยค่า
ตอนหน้าคู่แข่งพี่วิลล์ปรากฏตัว 555+
เจอกัน Collection -4- ค่า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ส่วนนายเอกของเราก็มีเคลิ้มตามนิดหน่อย แต่ยินยอม น่ารักมากกกก55555