คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Episode 1 : The secert from past ( ความลับจากอดีต )
ย้อนไปเมื่อประมาณ 1200 ปีก่อน
ในสมัยมหาจักรพรรดิ ถังเซี่ยนจงฮ่องเต้ ผู้ยิ่งใหญ่ แห่งราชวงศ์ถัง
ถือเป็นยุคทองแห่งแผ่นดิน เป็นยามที่แผ่นดินสงบสุขไร้ศึกสงคราม
ประชาราษฎร์อยู่อย่างร่มเย็น แผ่นดินอุดมไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ทิวทัศน์รอบด้าน
ยามเมื่อทอดตาไป ต่างแวดล้อมไปด้วย ไร่นาสีเขียวสดใส ดั่ง มรกตเลอค่า
นทีสีใสไหลเย็นเอื่อยๆ ราวกับ มังกรเงินสุดสง่างาม ภูผาสูงชันเฉียดฟ้า
ต่างปกคลุมด้วยแมกไม้และดอกไม้งดงามต่างๆนานา
ภาพที่ปรากฏนี้ช่างงดงามราวกับสรวงสวรรค์ชั้นฟ้าอมรเลยทีเดียว
และมันจะยังคงงดงามต่อไป หากมิเกิดต้นเหตุแห่งการทำลายล้างในวันนั้น
ในวันเทศกาลตรุษจีน
ปรากฏเงาดำหนี่งทะยาบตัวข้ามกำแพงแห่งมหาปราสาท อียื่อ ( เคียงตะวัน )
ด้วยวิชาตัวเบา อย่างช่ำชอง ก่อนจะข้ามลงสู่พื้นเบื้องล่างแล้วมุ่งตรงไปยังร้านเสื้อผ้าที่ใกล้ที่สุด
เงาดำนั้นหายเข้าไปในร้านเสื้อเพียงหนึ่งชั่วธูปไหม้
ร่างดำนั้นกลับปรากฏกายเป็นชายหนุ่มรูปงามผิวขาว ตาคม จมูกโด่ง ปากหนา
พร้อมด้วยร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมยาวสีขาว ดิ้นทอง ในมือแกร่งหนานั้น ถือพัดเหล็ก
ด้ามยาว สีขาว กำลังพัดอย่างสบายใจ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปเที่ยวชม
บรรยากาศงานตรุษจีน ด้วยความสนุกสนานแลคึกคะนองตามประสาวัยรุ่นที่อยากรู้อยากลอง
ชายหนุ่มเดินเที่ยวชมบรรยากาศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงสีจากโคมแดง พลุไฟ มโหสพ
ร่ายรำขับร้อง การแสกงสุดตระการตา พลางมองใบหน้าผู้คนที่มาเที่ยวงาน
ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าแก่ชรา ต่างยิ้มแย้ม พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บนโรงน้ำชา
หนุ่มสาวเดินควงแขนยิ้มแย้ม หยอกล้อกันทั้งบนบก และในเรือ
ลูกเด็กเล็กแดงวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน พาลทำให้เขายิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้
เพราะได้พบความสุขมากมายในสายตา
“แค่เห็นประชาราษฎร์อยู่อย่างเป็นสุข แผ่นดินสงบสุข
แค่นี้ข้าก็สุขใจเหลือแล้ว ไม่เสียทีที่ข้าลำบากตรากตรำ ออกทำศึกสงครามมานาน” ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจ
ที่ตอนนี้มีความสุขมากมาย
“ความสุขเมื่อมีย่อมทำให้สบายใจ
แต่ความสุขมักจะอยู่กับตัวเราไม่นานนัก” คำพูดนี้ย่อมถูกเลยทีเดียว
เพราะในยามนี้ ความสุขมีอันต้องทลายลง เมื่อมีหญิงวัยกลางคน
แต่งตัวหรูหราวิ่งตะโกนมา ด้วยสีหน้าแตกตื่นอย่างสุดขีด
“ช่วยด้วย! มีกอง จะ จะ โจรมาบุกแล้ว ชะ ชะ ช่วยด้วย!”
ก่อนสะดุดลูกปัดที่หลุดออกมา แต่ก่อนจะล้มลง
มีเงาสีขาววูบไหวไปยังนางด้วยความเร็วก่อนจะรับนางไว้ แล้วถามนาง
“นี่ ท่าน มีเหตุอันใดเกิดขึ้นหรือ
ถึงได้วิ่งมาหน้าตาตื่นราวกับเกิดภัยร้ายขึ้นน่ะ” ชายหนุ่มถามด้วยความรวดเร็ว
ขณะนั้นผู้คนเริ่มมุงนางมากขึ้น
ด้วยความเป็นห่วง ปนไปด้วยความอยากรู้ หญิงกลางคนหยุดหายใจซักครู่
ก่อนจะรวบรวมแรงลุกขึ้นแล้วกล่าว
“ขอบคุณ เจ้ามากน่ะ เหตุที่ข้าวิ่งมาคือ ตอนนี้ที่ลานพญามังกรเงิน
มีกองโจรงูดำมาบุก” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงหวดกลัว ผู้คนที่ต่างมามุงนาง
เมื่อได้ฟังหญิงวัยกลางคนกล่าวออกมา ต่างตกใจหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ ก่อนจะกันแตกตื่น
จูงลูกหลานเข้าบ้าน แล้วลงกลอนประตูแน่นหนา เพียงครู่เดียว
ถนนที่เคยคลาคล่ำไปด้วยผู้คน
เหลือทิ้งไว้เพียงโคมไฟสีแดงส่องสว่างและชายหนุ่มเท่านั้น ชายหนุ่มไม่ยอมเสียเวลา
ทะยานออกไปด้วยความรีบร้อนตรงไปยังลานพญามังกร ทันที
“คอยดูน่ะ ข้าจะสั่งสอนให้พวกเจ้ารู้สึกแน่” ชายหนุ่มประกาศกร้าว
ผ่านไปชั่วยาม ชายหนุ่มก็มาถึงที่เกิดเหตุ ก่อนเริ่มออกตามหา
ก่อนจะพบเสียงอาวุธปะทะกัน
“ฮึฮึ ข้าเจอเจ้าแล้วเจ้าโจร” ชายหนุ่มคิดในใจ
ก่อนจะทะยานตัวไปยังต้นเสียง แต่เพียงเข้ามาถึงกลับต้องตะลึงที่พบ หญิงสาว
ถือกระบี่ ร่ายรำอย่างงดงามกลางเหล่าโจร อย่างกล้าหาญ ก่อนจะออกอาการลุ่มหลง
เมื่อยามที่นางหันหน้ามาทำให้เขาได้พบกับใบหน้างามผ่อง คิ้วโค้ง ตาโต จมูกโด่ง
ปากบาง ช่างงดงามราวกับเทพธิดา
“โอ้ นางที่แสนงดงามนั้นเป็นใคร ช่างงดงามซะเหลือเกิน ไม่ได้! ข้าต้องช้วยนางแล้ว” ชายหนุ่มคิดในใจ
ด้วยประโยคแรก คิดถึงใบหน้างาม ก่อนที่ประโยคหลังจะคิดออกมา
เมื่อพบว่าเพลงกระบี่นางเริ่มเร่รวน โดยทันที ชายหนุ่มจึงสะบัดพัดเหล็ก
ป้อนกระบวนท่า เข้าประจัญทันที
ฝ่ายอิรสตรีงามนางนั้น
เมื่อแรกเริ่มนั้น นางพบกองโจรบุกเมือง นางไม่รอช้า ปาดกระบี่ ในท่า “หยกสวรรค์เบิกฟ้า” ในวิชา “เพลงกระบี่บุปผาหยกสวรรค์” เข้าต่อสู้ ยามแรกนั้น
นางเป็นฝ่ายชิงบุกจึงได้เปรียบ แต่เนื่องจากการต่อสู้เริ่มยืดยื้อ
และนางได้รับพิษมาก่อน ทำให้นางเริ่มออกอาการอ่อนล้า เพลงกระบี่ซวนเซ ไม่ถูกทิศทาง
นางเริ่มออกเค้าของความพ่ายแพ้ ทันใดนั้นเอง
ปรากฏบุรุษรูปงามที่นางใฝ่ฝันถึงตลอดเวลา ร่ายรำเพลงพัด ปัดป้องคมดาบออก
นางจึงรู้ว่า ศึกครั้งนี้นางจะไม่ใช่ผู้แพ้แน่นอน ครั้นเมื่อนางรู้ตัวแล้ว
จึงรวบรวมลมปราณอีกครั้ง ก่อนปาดกระบี่ออกในท่า “หมื่นภาพสวรรค์ บุปผาสนธยา” ออกไป ฟาดฟันหมู่โจร
สิ้นลมลงตาย
ผ่านไปเพียงชั่วยาม
เหล่าโจรต่างบาดเจ็บสิ้นลมเป็นอันมาก แต่ทั้งบุรุษ แลสตรีคู่นั้นกลับมิเป็นไรเลย
ไร้ซึ่งรอยแผล พวกเขาถอนหายใจ ก่อนมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกัน
ก่อนจะเริ่มสนทนา
“ขอบคุณมาก ถ้าไม่ได้ท่าน ข้าคงไม่รอด เพลงท่านยอดเยี่ยมมาก” นางกล่าวอย่าชื่นชม
“มิเป็นไรหรอก มีเหตุร้ายข้าก็ต้องช่วย แต่เพลงกระบี่ท่านน่ะ
สุดยอดมาก” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างเขินอาย
“แล้วท่านเป็นใครหรือ” สตรีถามด้วยความขอบคุณ
“ข้าชื่อ ถังหลง แล้วท่านเป็นใคร”
เขาตอบโดยปัดชื่อจริงของเขาไปโดยเปลี่ยนเป็นถามนางบ้าง
“ข้าชื่อ........” นางกล่าว แต่เลือดลมกลับหยุดไปกะทันหัน
ทำให้นางหมดสติไป
“ท่าน ท่าน เป็นอันใดไป” ชายหนุ่ม
รีบประคองนางก่อนตรวจอาการ ก็พบว่านางแค่เป็นลม เขาค่อยหายใจอย่างโล่งอก
ก่อนจะคิดได้ว่า ไม่ทราบที่อยู่ของนาง ความกังวลเริ่มเพิ่มขึ้น
“แย่แล้ว ข้าลืมไปได้อย่างไรกัน เรายังไม่ทราบที่พักนางเลย
แล้วนี่จะพานางไปไหนดีเนี่ย เอาเถอะ ไปพักที่วังก่อนล่ะกัน” ชายหนุ่มคิดได้ดังนั้น
จึงช้อนอุ้มนางขึ้นแล้ว ทะยานตัวหายไปในความมืด โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่า
ความรักได้เริ่มผลิบานพร้อมๆกับรากเหง้าแห่งน้ำตา การสูญเสีย และความพินาศ
.........................................................................................................................
ความคิดเห็น