ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Muranamasa Soul

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 02 : โชคชะตา..ดำเนิน [The started of Fortune]

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 49


    Chapter 02 : โชคชะตา...ดำเนิน  [The started of Fortune]

                                 "ท่านพ่อ ท่านอยู่ที่ไหน ท่านพ่อๆ" เด็กชายตัวเล็กผมสีม่วงเข้มวิ่งอย่างเร่งรีบ ร่ำร้องหาบิดาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในอุโมงค์ที่มืดมิด นัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์ สอดส่ายหาบิดาของตนอย่างตื่นตระหนก  ทันใดนั้นปีศาจสุนัขร่างใหญ่ " Black dog" ก็กระโจนเข้ามาหมายจะทำร้าย แต่โชคดีเด็กชายหลบได้ทันพลางร้องถาม

     "เจ้าต้องการอะไร" ไม่มีคำตอบออกจากปากของมัน มีเพียงเสียงคำรามอย่างโกรธแค้นและขนสีดำทมิฬที่ตั้งชันดังที่เด็กชายคาดไว้ มันกระโจนเข้าหาเด็กชายอีกครั้งด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม เด็กชายกระโดดหลบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเจ้า Black dog จะเร็วกว่า เลือดสดๆจึงทะลักออกมาจากท้องของเด็กชาย Black dog

    ค่อยๆย่างกรายเข้ามาใกล้เด็กชายมากขึ้น ขณะที่เด็กชายทรุดตัวลงมือขวากดบาดแผลที่ท้องของตน หน้าซีดเผือด แต่แววตายังวาวโรจน์ มือซ้ายกำดาบแน่น

    "เจ้าหนูริอาจจะมาสู้กับข้ามันยังเร็วไป 1000 ปีเฟ้ย  จงตายซะเถอะ ทายาทคนสุดท้ายแห่งโลกปิศาจ

    โนบุกาวา โชตะ"    Black dog อ้าปากโชว์เขี้ยวสีเงินยาวเรียวและ........

      "เมี้ยว ๆ แผล่บๆ" แมวสาวสีเงินเลียเหงื่อบนหน้าชายหนุ่ม ทำให้ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นจาก

    ฝันร้ายขึ้นเอื้อมมือไปลูบ "เคส" จิ้งจอกเก้าหางสุดที่รักที่อยู่ในร่างแมวเหมียว 

    "ฝันแบบนี้อีกแล้ว ไม่ดีเลยเนอะ เคส"

    "เมี้ยว"

    "เฮ้อ ช่างมันเถอะชั้นไปอาบน้ำก่อนละกันรออยู่นี่นะ  ชั้นจะให้แกไปโรงเรียนกับชั้นด้วย"

    "เมี้ยว" ครึ่กๆ  เจ้าแมวสาวถูหน้าของมันกับขาของชายหนุ่มเป็นการขอบคุณ

    ชู้ว่า ๆ  ฮึบ ชู้วับๆ ฮึบ ชู้วับๆ ชู้วั๊บ ...ปีดูวา15 นาทีผ่านไป  โชตะออกมาจากห้องน้ำสวมเครื่องแบบโรงเรียนมัธยมปลาย xxx เรียบร้อย

    "ไปกันเถอะ เคส" โชตะเอื้อมมือไปรับเจ้าแมวสาวเข้าสู่อ้อมแขน แล้วเดินลงมายังห้องโถงใหญ่

    "อรุณสวัสดิ์ขอรับ นายท่าน"  ชายแก่ทักทายโชตะแล้วค้อมตัวให้อย่างนอบน้อม

    "อรุณสวัสดิ์ชิยะซัง วันนี้ชั้นจะเดินไปเองนะ อยากสำรวจโลกมนุษย์นี่เสียหน่อย"

    "แต่ท่านเซย์กิคงไม่ชอบใจนักหรอกนะขอรับ อีกอย่างความปลอดภัยนายท่านต้องมาก่อนเสมอ"

    ชิยะทำหน้าหนักใจ

    "เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ท่านพ่อได้ส่งคนมาคุ้มครองข้าแล้ว ขอบคุณเจ้ามากที่เป็นห่วงเรา" โชตะยิ้มอย่างอ่อนโยน

    "มิเป็นไรมิได้ขอรับ นั่นเป็นหน้าที่ของกระหม่อมอยู่แล้ว" ชิยะยิ้มรับพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าแมวสาวสีเงินที่อยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม

    "อ๊ะ นี่นายท่านจะเอาเคสไปโรงเรียนด้วยหรือขอรับ"

    "ใช่ เคสบอกว่าเหงาน่ะ เราคิดว่าเอาเคสไปด้วยก็คงดี จะได้ช่วยปกป้องเราไงล่ะ เจ้าว่าดีไหม ชิยะ"

    "ดีก็ได้ขอรับ แต่นายท่านต้องระวังอย่าให้เคสกลับร่างเดิมนะขอรับ"

    "อื้อ ชิยะวันนี้เจ้าช่วยไปพบท่านพ่อให้ทีนะ บอกว่าข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน"

    "รับบัญชาขอรับ"

    "เราไปก่อนนะฝากด้วยล่ะ ชิยะ"

    เมื่อโชตะก้าวพ้นประตูบ้านออกมาก็ต้องพบกับ เด็กสาวผมสีน้ำตาล นามว่า มุระนามาสะ ชี เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่ดูมีพลังคู่นั้น

     " เจ้า..มาที่นี่ทำไม" คิ้วเรียวบนใบหน้ารูปสลักของโชตะกระตุกขึ้นเล็กน้อย  เจ้าแมวสาวกระโดดลงมาจากอ้อมแขน  คำรามใส่ คนมาใหม่ตรงหน้าทันที

    " ก็มาทำหน้าที่ไงล่ะ"ชีตอบแล้วมองเจ้าแมวสีเงินที่กำลังขู่ฟ่อใส่เธออย่างผ่านๆ

    "สัตว์อสูรของนายน่ะ จิ้งจอกเก้าหางสีเงินหายากสุดๆเลยล่ะสิ เก่งเหมือนกันนี่ฝีมือแปลงร่างใช้ได้ แต่เรื่องนิสัยนี่คงต้องฝึกอีกเยอะ " 

    "เจ้ารู้"

    "ชั้นดูเจ้าพวกนี้เป็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว นายคงไม่คิดว่าพ่อนายจะส่งคนที่ดูไม่เป็นแม้แต่ไอ้สัตว์ประหลาดนี่มาคุ้มครองนายหรอกนะ"

    "คงจะอย่างนั้น" โชตะพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก

    "งั้นก็ไปได้แล้ว ถ้าชั้นไปโรงเรียนสาย นายตายแน่ถึงแม้ชั้นจะถูกปู่นายจ้างมาก็เหอะ" ชีหันไปพูดกับโชตะที่อยู่ข้างๆ แต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า 

    "เฮ้ย! นายรอชั้นด้วยดิ" ชีรีบวิ่งตามโชตะที่เดินนำหน้าไป

    "เฮ้อ จะไปก็ไม่บอกกันสักนิด จริงๆเล้ยนายหนิ " ชีบ่นหลังจากที่วิ่งตามทัน

    "ก็ชั้นเห็นเธอกำลังพูดเพลิน เลยไม่อยากขัด"

    "มาพลงมาเพลินบ้าอะไรล่ะ " คนพูดเพลินตะคอกใส่เจ้าคนมารยาทดี รอยยิ้มบางปรากฎขึ้นบนริมผีปากของ

    โชตะ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของชีอยู่ดี

    "เวลานายยิ้มดูดีออก นี่ถ้านายไปยิ้มให้พวกสาวๆในห้อง แม่พวกนั้นคงจะละลายไปเลย คิดแล้วก็ขำ แปลกดีนะพวกผู้หญิงเนี่ย"  โชตะหันไปมองชีอย่างสงสัย "แล้วเธอไม่ใช่ผู้หญิงรึไง"

    "อย่างน้อยชั้นก็ไม่ได้พิลึกเหมือนแม่พวกนั้นหรอก" อาการแบบนี้มันพิลึกตรงไหนกัน ปกติผู้หญิงเค้าต้องเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยท่านพ่อก็สอนไว้แบบนี้ล่ะเจ้านี่แปลกจริง โชตะคิดพลางส่ายหน้าเบาๆทำให้เดินไปชนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้า

    "เดินยังไงของแกเนี่ย" เด็กผู้หญิงคนนั้นร้องขึ้นเสียงสูงแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบกับใบหน้ารูปสลักของโชตะ น้ำเสียงของเทอก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ  

    "อุ๊ย ซานาดะคุงเองเหรอจ๊ะ ขอโทษนะชั้นไม่ทันระวังเลยทำให้เดินไปชนซานาดะคุงเข้า"เด็กคนนั้นพูดพลางส่งสายตาอันหวานหยดย้อย&น่าสยดสยองในความคิดของชีมาให้ทำเอาโชตะขนลุกเกรียว

    "ไปเหอะ"ชีคว้ามือโตะแล้วรีบเดินฝ่าวงล้อมของฝูงชนออกไปทำเอาสาวๆแถวนั้นมองตามกันด้วยสายตา

    โหดเหี้ยม เมื่อเดินมาไกลพอที่จะพ้นรัศมีอันตราย ชีก็ปล่อยมือโชตะในทันทีทันใด

    "เฮ้อ นี่ขนาดแค่หน้าโรงเรียนถ้าในห้องชั้นไม่โดนรุมกระทืบตายกันพอดีเหรอเนี่ย เฮ้อ"

    "นี่นายไม่ต้องมาสะเออะทำหน้าเครียดเลย นะคนที่เครียดมันต้องเป็นชั้นคนนี้มากกว่า

    ชั้นคนนี้เฟร้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ " หลังจากตะโกนจนสะใจ ชีก็ทำหน้าหมดอาลัยตายอยากทรุดนั่งพิง
    ต้นซากุระที่
    อยู่ด้านหลัง สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นสิ่งที่เธอไม่อยากเห็นที่สุดเข้า..........

      สิ่งมีชีวิตขนปุยสีขาว หูยาวๆนั้นมีขนสีขาวปกคลุม ดวงตากะจิ๊ดริ๊ดสีแดง และหางเล็กๆส่ายดุ๊กดิ๊กๆที่เด็กผู้หญิงชอบนักชอบหนา แต่มันกลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่เธอจงเกลียดจงชังมันยิ่งกว่าสัตว์ชนิดไหนๆ เจ้ากระต่ายขนปุกปุยอยู่ไกลจากเธอไปเพียงแค่คืบ 

        ชีนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อด้วยความกลัวที่สุดจะบรรยายไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง โชตะที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เห็นชีเงียบไปจึงนึกสงสัย หันมาหวังจะถาม แต่สายตาดันไปสะดุดกับกระต่ายน้อยสีขาวที่อยู่ใกล้เด็กสาว นึกไปเองว่าคงไม่อยากให้กระต่ายหนีจึงไม่ส่งเสียง ไม่ขยับเขยื้อนอยู่อย่างนั้น คิดแล้วก็ย่องไปจับเจ้ากระต่ายขนปุยมาให้ชี ทันทีที่กระต่ายมาอยู่ตรงหน้า ชีก็แหกปากลั่นทันที 

     "เอา มัน ออก ปายๆๆๆๆๆๆๆๆ  อ๊ากส์ๆๆๆๆๆๆๆ"

    โชตะเลิกคิ้วด้วยความสงสัย อะไรกันคนอุตส่าห์เอามาให้ ขอบคุณสักคำก็ไม่มี ยังจะไล่เจ้ากระต่ายนี่ไปอีก

    มีปัญหาอะไรกันนักกันหนานะ หลังจากเจ้าสัตว์ขนปุยออกห่างไปเป็นระยะ 50เมตรแล้ว  ชีถึงกับสบถออกมาไม่เป็นภาษามนุษย์ ก่อนจะหันตาวาวๆมาให้กับโชตะผู้ที่หยิบยื่นเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นมาให้เธอ พอคิดได้เท่านั้นโทสะที่เพียรจะอดกลั้นไว้ก็แตกในทันควัน

    "นายจะเอามันมาทำไม อยากตายนักใช่มั้ย ถึงได้เอาไอ้สัตว์สยองขวัญนั่น...... เข้ามาใกล้ชั้น ชั้นอุตส่าห์ไม่หันไปมองมันแล้ว แต่นายกลับ นายกลับ......เอามันมาให้ชั้นงั้นเหรอ"

    "โธ่เว้ย ไม่ติดว่าเป็นลูกค้า นายไม่ได้เห็นแสงสว่างจนวินาทีนี้หรอก" 

            ผู้เป็นลูกค้ากลับไม่มีท่าทีโกรธเลยสักเล็กน้อยกลับส่งยิ้มกวนประสาท(ที่หาดูได้ยากติดอันดัข1ใน3ของโลก)มาแทน "ไม่นึกเลยนะว่าคนในตระกูลมุระนามาสะจะกลัว เพียงแค่กระต่ายตัวเล็กๆตัวเดียว"

             ยังไม่ทันที่ชีจะได้กล่าวโต้ตอบ หมอกสีขาวก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณ พร้อมกับการปรากฎตัวของบุรุษผู้หนึ่ง ผมสีทองยาวสลวยจนลงมากองอยู่ที่พื้น ทำให้ปลายผมส่วนนั้นต้องเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น แต่เจ้าของดูเหมือนจะไม่ได้สนใจ  สิ่งที่ดวงตาสีดำสนิทนั้นจดจ้องอยู่คือร่างของบุรุษผมสีม่วงเข้มนัยน์ตาสีอเมธิสคู่สวยเงยขึ้นสบมอองอย่างไม่เกรงกลัวพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

     "ท่านพี่" บุรุษชุดดำเผยยิ้มออกมาอย่างเยียบเย็น

    "ยังจำข้าได้อยู่อีกหรือโชตะ"

    "ท่านเป็นพี่ของข้า ทำไมข้าจะจำท่านไม่ได้"

    "คิดว่าเจ้าจะจำข้าไม่ได้แล้วเสียอีก ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเจ้ากับข้าน่ะ นับตั้งแต่วันที่ข้าออกจากบ้านไป วันนั้นเป็นวันที่ดีจริงๆ เจ้าว่าไหม"

    "พอได้แล้ว" เสียงของโชตะดังขึ้น ดูแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็น นัยน์ตาสีอเมธิสดูไม่เหมือนเดิมดูเจ็บปวด ดูโกรธแค้นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ มือทั้งสองกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เลือดสีสดไหลลงมา หยดลงกลับคืนสู่พื้นพสุธา รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของบุรุษชุดดำอีกครั้ง

    "เลือดของเจ้า ให้หยดลงไปแบบนั้นมันน่าเสียดายออก" พูดจบ ตัวอักขระสีแดงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของบุรุษชุดดำ ริมฝีปากบางขยับรอยยิ้ม ฉับพลันตัวอักขระสีแดงก็พร้อมใจกันส่องแสงสว่างจ้า เมื่อแสงนั้นค่อยๆหายไป เสียงคำรามของสัตว์ก็ดังขึ้น ปรากฏสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่ชีเห็นแล้วถึงกับสบถอกมาอย่างหัวเสีย ส่วนหัวและลำตัวที่เป็นสิงโตดูสง่างาม ขนและแผงขอสีดำเงางาม ปีกค้างคาวคู่ใหญ่สยายออกข้างลำตัว แววตาสีแดงก่ำแสดงให้เห็นถึงชาติพันธุ์และถิ่นกำเนิดของมันอย่างดี มันคือ เธสตรอล สัตว์แห่งความตายผุ้ถือกำเนิดจากไฟแห่งโลกันต์

                บุรุษชุดดำเดินไปข้างๆเธสตรอลแล้วกระซิบอะไรบางอย่างในภาษาที่ชีไม่เข้าใจแต่เธอก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่ไม่รู้จุดประสงค์ที่เรียกเจ้าสัตว์นรกนี่มา เธสตรอลแสยะยิ้มเมื่อได้ฟังคำสั่งของผู้เป็นนาย เผยให้เห็นเขี้ยวสีเงินยาวเรียนที่ดูท่าจะคมไม่เบา มันค่อยๆก้าวเดินเข้าไปหาเป้าหมาย(ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากบุรุษผมสีม่วงเข็มบวกกับนัยน์ตาสีอเมธิสสุดสวย โชตะคุงผู้น่าร้ากกกกของเรานั่นเอง) แล้วเร่งความเร็วขึ้น จากเดินเป็นวิ่ง จากวิ่งกลายเป็นเหมือนเงารางๆคลายกับภาพหนังที่ forward ไปข้างหน้า ฟุ่บ เธสตรอลตั้งหลัก ขาหลังถีบตัวออก กระโจนเข้าหาโชตะทันที

    "เฮ้ เฮ้ อย่าลืมสิว่ายังมีผู้ปกป้องคนนี้อยู่ทั้งคน แค่นี้น่ะมันกระจอกเฟ้ย"เสียงนี้มิใช้เสียงคนอื่นคนไกลผู้ปกป้องที่ว่าก็คือเด็กสาวผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม นาม มุระนามาสะ ชี นั่นเอง

      "อควาเรส ออฟ ไลท์" อัญมณีสีเหลืองสว่างรูปดวงจันทร์ปรากฎขึ้นบนมือของชี

    "ด้วยสิทธิของผู้ทำพันธสัญญาแห่งข้าจงออกมานักบวชศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง ไลม์มิ่ง ซวอร์ด"  ทันใดนั้นแสงสว่างสีขาวก็พุ่งวูบออกจากมือของชีตรงเข้าสูโชตะ เคร้ง เสียงของอะไรบางอย่างปะทะกับเขี้ยวของเธสตรอล ซึ่งนั่นก็คือคทาสีขาวบริสุทธิ์ของนักบวชศักดิ์สิทธิ์ ไลม์มิ่ง ซวอร์ด เธสตรอลดูเหมือนจะงุนงงกับการกระทำของผู้มาใหม่จึงหันกลับไปมองผู้เป็นนาย นัยน์ตาสีทมิฬมีแววแปลกใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เปลี่ยนเป้าหมายได้ คราวนี้เจ้าสัตว์แห่งนรกหันมาสนใจเด็กสาวหัวสีน้ำตาลแทน

     "เจ้า คิดจะทำอะไร" นัยน์ตาสีอเมธิสหันมาสบกับนัยน์ตาสีน้ำเงินที่ฉายแววกล้า

    "ลืมไปแล้วรึไงหน้าที่ของชั้นคืออะไร ชั้นน่ะ ทำงานคุ้มค่าจ้างอยู่แล้ว" พอพูดจบ เด็กสาวก็กระโดดฟึ่บมาอยู่ตรงหน้าเธสตรอลที่บัดนี้กลายเป็นคู่ต่อสู้ของเธอไปเรียบร้อย

    "ไลท์เทน คุ้มครองไอ้ขี้เก๊กนั่นไว้  ไม่มีคำสั้งจากชั้นห้ามปล่อยมันออกมาเด็ดขาด" นักบวชศักดิ์สิทธิ์กลายร่างเป็นเกราะสีฟ้าสว่างปกคลุมตัวโชตะไว้

     "อควาเรส ออฟ ไฟร์" อัญมณีสีแดงเพลิงรูปพระอาทิตย์ปรากฏขึ้นบนมือของเด็กสาว

     "ด้วยสิทธิของผู้ทำพันธสัญญาแห่งข้าจงออกมาสัตว์ผู้พิทักษ์แห่งรา กาดิอัส ออฟ ซันเดรส"แสงสว่างสีทองพุ่งวูบออกจากอัญมณีปรากฏเป็นเสือขนสีแดงเพลิง ปีกขนนกสีทองสยายออกข้างลำตัวอย่างสง่างาม

     "เมื่อสัตว์สู้กับสัตว์ และคน"  เด็กสาวสะบัดมือขึ้นกลางอากาศ "ยูกิซาดากุระ" ดาบสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นบนมือของชี "โอเวอร์โซล อควาเรส ออฟ ไฟร์ อิน ยูกิซาดากุระ แชงจ์อิน!" อัญมณีสีแดงเพลิงกับดาบสีขาวพุ่งขึ้นไปในอากาศเกิดแสงสว่างวาบ ก่อนที่ดาบสีแดงเพลิงเล่มหนึ่งจะพุ่งลงมาปักฉึกลงตรงหน้าชี นัยน์ตาสีน้ำเงินดูทรงอำนาจขึ้น 

    "ก็ต้องสู้กับคน" สิ้นคำพูดทั้งร่างของคนและดาบก็หายไป และไปปรากฏอีกที่ตรงหน้าของบุรษชุดดำ เสียงฟาดฟันดาบดังมาอย่างไม่ขาดระยะ แม้ชีจะฟาดดาบลงไปสักเท่าไหร่แต่ไอ้คนตรงหน้าดันไม่เป็นอะไรเลยเอาแต่เบี่ยงตัวหลบดาบของเธอลูกเดียว

                   อีกด้านหนึ่ง กาดิอัสเข้าโจมตีเธสตรอลอย่างไม่บันยะบันยัง ทำให้เกิดรอยแผลเหวอะหวะหลายแห่งบนตัวของเธสตรอล ในขณะที่กาดิอัสก็เจ็บไม่แพ้กันเลือดสีแดงสดไหลลงมาตามบาดแผลบนตัว ย้อมขนสีแดงเพลิงกลายเป็นขนสีเลือด

    "ที่จริง เจ้าก็น่าสนใจดีอยู่หรอก แต่ข้าไม่ว่างพอจะมาเล่นอะไรอย่างนี้นะสิ" บุรุษชุดดำกล่าวขณะที่เบี่ยงตัวหลบดาบของชี "เพราะฉะนั้น ไว้เจอกันใหม่สาวน้อย" บุรุษชุดดำกระโดดออกห่าง "สาวน้อย" ฉีกยิ้มอย่างเยียบเย็นไปให้เด็กชายผมสีม่วงเข้ม พึมพำอะไรบางอย่าง เธสตรอลผละออกจากการต่อสู้กลับมาหาผู้เป็นนาย หมอกสีขาวที่ปกคลุมอยู่ ค่อยๆจางหายไปพร้อมๆกับบุรุษชุดดำและเธสตรอล

    "ไลท์เทน ปลด"เสียงของชีดังขึ้น แสงสว่างสีฟ้าที่ปกคลุมร่างของโชตะก็หายไปเด็กสาวหัวสีน้ำตาลทรุดตัวลงอย่างหมดแรง นัยน์ตาสีน้ำเงินดูอ่อนล้า  กาดิอัส เสือตัวใหญ่เดินเข้ามาหาเธออย่างห่วงใย  บาดแผลที่เคยอยู่บนตัวมันบัดนี้หายสนิทด้วยฝีมือของใครบางคนที่บัดนี้ทรุดตัวลงไปกองอยู่กับพื้นเรียบร้อย

    " ไม่ต้องห่วงชั้น กาเดี้ยน ปลด" เสือตัวใหญ่หายไปทันที

    เมื่อเสือตัวใหญ่หายไปเด็กสาวถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความหมดแรง

    "อะไรกันแค่นี้ ถึงกับหมดแรงเลยรึไง"

    "........." ไม่มีคำตอบออกจากปากของเด็กสาวมีแต่นัยน์ตาวาววับที่ส่งกลับมา นัยน์ตาสีอเมธิสต์ดูโล่งใจ ถ้ายังมีแรงส่งสายตามาท้ารบได้ขนาดนั้นก็โอเคแล้วล่ะ เด็กหนุ่มคิด

    "แล้วนี่เดินไปไหวไหม"

    "......." อีกครั้งที่ไม่มีคำตอบเล็ดรอดออกจากปากของเด็กสาวคราวนี้สายตารำคาญเด่นชัดอยู่บนนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มคู่โต ประมาณว่าชั้นเดินไปเองได้แกไม่ต้องมาเจือก  ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอาในความดื้อรั้นของเด็กสาว

    "รับเข้าไปเต็มๆเลยไม่ใช่รึไง เลือดพิษของเธสตรอลน่ะ"

    "รู้ได้ไง"

    "เธอใช้พลังรักษาให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้น" เด็กสาวพยักหน้าหงึกหงักแล้วเอ่ยถ้อยคำที่กลั่นออกมาจากใจจริง

    "ฉลาด"

    นัยน์ตาสีอเมธิสต์ตวัดมามองอยางไม่พอใจ แล้วลุกเดินออกไปทิ้งให้เด็กสาวนั่งจุ้มปุ๊กอยู่คนเดียว

    "เฮ้อ ขี้งอนจริงๆ ถ้าเจ้าชายเป็นอย่างนี้ทุกคนโลกคงลำบากตาย" เด็กสาวคิดพลางยิ้มอย่างขำๆ ไม่ทันไรความเหนื่อยล้าจากเมื่อครู่ก็เข้ามาจู่โจม ทำให้เธอผล็อยหลับไปทันที

      

     เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นรูม่านตาหรี่ลงรับแสงแดดจ้าแสบตา "เฮ้ย!" เด็กสาวอุทานขึ้นเมื่อพบว่าที่ๆเธออยู่

    มันไม่ใช่ต้นซากุระหลังโรงเรียนอีกแล้วมันเป็นทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

    "โอ๊ย วันนี้มันอะไรกันนักกันหนานะ" ยังไม่ทันทีเด็กสาวจะได้หาคำตอบ ความมืดมิดก็เข้าปกคลุมท้องฟ้าและทุ่งหญ้า ภาพของเด็กสาวผมสีน้ำตาลก็ปรากฏขึ้น นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มคู่โตดูกังวลอย่างหนัก ส่วนสูงที่ดูจะไม่เกินครึ่งตัวของชีบ่งบอกให้รู้ถึงสถานะของความเป็นเด็ก ใบหน้าเล็กๆหันไปซ้ายทีขวาทีอย่างอารมณ์เสีย รอบๆตัวของเด็กหญิงเงียบสงัด ด้านหลังเป็นปราสาทสีขาวงามสง่าภายในปราสาทมีแสงไฟวิ่งไปวิ่งมานับสิบดวงบ่งบอกให้รู้ว่ากำลังมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในนั้นเป็นแน่

     กุบ กับ กุบ กับ เสียงฝีเท้าของอาชาสีดำสนิทตัวหนึ่งวิ่งมายังจุดที่เด็กสาวยืนอยู่ ร่างของชายที่อยู่บนหลังม้าอาบไปด้วยเลือดสีแดง


    "เฟรซิส" เด็กหญิงร้องเรียก อาชาสีดำสนิทหยุดยืนอยู่ข้างๆร่างเล็กๆของเด็กหญิง ชายบนหลังม้าพยุงตัวลงมาแล้วค้อมตัวให้เด็กหญิง

     "องค์หญิง นายท่าน"ร่างนั้นทำท่าจะล้มลงจนร่างเล็กๆต้องไปพยุงเอาไว้ "ท่านพ่อเป็นอะไร เฟรซิส เฟรซิส"

    "นายท่าน สิ้นชีพแล้ว พะ ย่ะ ค..." น้ำเสียงสุดท้ายหายไปพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่ล้มลงตรงหน้าเด็กหญิง

     เหมือนกับทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่ง กาลเวลาหยุดเดิน คำพูดของชายบนหลังม้าดังก้องอยู่ในหัว

    "ท่านพ่อ"หยดน้ำสีใสไหลรินออกมาจากนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่ดูว่างเปล่า ร่างทั้งร่างสั่นสะเทิ้ม คำพูดที่เขาคนนั้นกล่าวไว้ก่อนที่จะออกศึกดังขึ้นมาในโสตประสาท

       เจ้าต้องเข้มแข็งให้ยิ่งกว่าขุนเขา เยือกเย็นให้ยิ่งกว่าธารน้ำแข็ง และกล้าหาญให้เหนือบุรุษผู้กล้า จงใช้พลังและศรัทธาของเจ้าปกป้องในสิ่งที่เจ้ารัก น้ำตาของเจ้าพ่อขอให้มันหยุดไหลในวันนี้  ขอให้พ่อได้เห็นมันเป็นคนสุดท้าย สัญญากับพ่อนะ

     มือเล็กๆของเด็กหญิงยกขึ้นปาดหยดน้ำที่ไหลออกมาจากนัยน์ตาสีน้ำเงินคู่สวย "ข้าสัญญา ท่านพ่อ ข้าจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป"เด็กหญิงกล่าวด้วยเสียงที่เข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม "ดาร์เกน"เด็กหญิงหันไปพูดกับอาชาสีดำสนิท "ไปที่ปราสาทบอกแม่ข้า ว้าท่านพ่อสิ้นแล้ว เจ้ารีบกลับมาหาข้าด้วยข้าจะไปนำร่างของท่านพ่อกลับมา" อาชาสีดำผงกหัวเป็นเชิงเข้าใจ มันรีบวิ่งกลับไปยังปราสาทหลังงามทันที

     เด็กสาวหัวสีน้ำตาลที่เฝ้าดูอยู่ถึงกับช็อกค้างกับภาพที่เห็น นี่มันอะไรกันความทรงจำ......ของชั้น.....กลับมา......อีกแล้ว 

    ภาพตรงหน้ามืดลงอีกครั้ง แล้วปรากฏขึ้นเป็นสมรภูมิขนาดใหญ่ กลิ่นควันไฟและกลิ่นเลือดเหม็นคลุ้งไปทั่ว เลือดสีแดงย้อมปฐพีอันเขียวขจีให้กลายเป็นสีแดงสด ผู้ที่อยู่ตรงกลางสมรภูมินั้นคือร่างของอาชาสีดำสนิทและเด็กหญิงตัวเล็ก ผมสีน้ำตาลอ่อนของเด็กน้อยปลิวไสวไปตามสายลม นัยน์ตาสีน้ำเงินมองหาร่างของผู้เป็นบิดา พลันก็ไปสะดุดตาเข้ากับร่างของบุรุษผมสีแดงเพลิง เด็กหญิงกระตุกสายบังเหียนม้าให้เดินเข้าไปหาร่างๆนั้น ร่างเล็กๆกระโดดลงจากหลังม้า คุกเข่าลงตรงหน้า ท่านพ่อ ข้าจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีกแล้วใช่ไหม นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่อ่อนโยนคู่นั้น ข้าคิดถึงมันเหลือเกิน เด็กหญิงลุกขึ้นถอยห่างออกมาจากร่างของบิดา

      "อควาเรส ออฟ  บลิซซาร์ด" เด็กหญิงพึมพำเบาๆอัญมณีสีฟ้ารูปเกล็ดหิมะปรากฏขึ้นบนมือของเธอ "แชงจ์อิน  โพรเทค โหมด" อัญมณีส่องแสงวาบก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นคทาคริสตัลสีฟ้าใส ขนาดใหญ่กว่าตัวของเด็กหญิงเกือบครึ่งตัว ควับ หัวลูกแก้วสีฟ้าใสชี้ไปที่ร่างของบุรุษผมสีแดงเพลิง "ฟรีซซิ่ง เซฟเว่น"เกล็ดน้ำแข็งค่อยๆก่อตัวที่ปลายเท้าของบุรุษผมสีแดงเพลิงจนไปถึงเส้นผมเส้นสุดท้ายกลายเป็นปฏิมากรรมมนุษย์น้ำแข็งโดยสมบูรณ์ เด็กหญิงยกคทาสีฟ้าใสขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเคาะลงกับพื้นดิน "วาร์ป" พายุหมุนสีดำก่อตัวขึ้นล้อมรอบร่างทั้ง3ให้หายไปอย่างไร้ร่องรอย

    ณ ปราสาท ซากุระขาว

    กลางห้องโถงใหญ่ในพระราชวัง หญิงสาวคนหนึ่งทรุดตัวลงกับพื้นเมื่อได้ทราบข่าวการจากไปของคนรัก น้ำใสๆไหลนองเต็มใบหน้านวล ชุดสีขาวสว่างที่สวมอยู่กลับต้องดูหม่นหมองเพราะอารมณ์แห่งความเศร้าของผู้สวมใส่ นัยน์ตาสีฟ้าคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆนับไม่ถ้วน

     "ท่านมอเรียล "เสียงแผ่วเบาจากร่างโปร่งแสงดังขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าหันไปตามเสียงเรียกของร่างนั้น "ทรงอย่าร้องไห้เลยนะ เพคะ"

     "เราจะทำอย่างไรดี คาเอเดะ ฮืก ฮึก เราควรจะทำ ฮึก อย่างไร" เสียงสะอื้นของหญิงสาวทำเอาคาเอเดะใจหายมองผู้เป็นนายด้วยความเศร้าสลด

    ฟู่ว พายุหมุนสีดำหมุนวนอยู่กลางห้อง คาเอเดะขมวดคิ้ว รีบเข้าไปบังร่างของหญิงสาวไว้ทันที "ท่านแม่" เสียงเล็กๆ ดังขึ้นจากใจกลางพายุ 

    "ชี" หญิงสาวอุทานขึ้นอย่างตกใจ ร่างของอาชาสีดำ เด็กหญิงตัวเล็กผมสีน้ำตาลและชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงก็ปรากฏขึ้น "ข้า...กลับมาแล้ว"เสียงเบาๆของเด็กหญิงดังขึ้นอย่างเว้นเป็นช่วงๆร่างเล็กๆเดินเซๆมาหาหญิงสาวผู้เป็นแม่ แล้วล้มลงตรงหน้าด้วยความหมดแรง

     "ชีจัง"หญิงสาวหวีดร้องด้วยความตกใจ "เวลล์ๆ พาชีไปพักที่ห้องที"ชายลึกลับโผล่ขึ้นมาตรงหน้าช้อนร่างของเด็กหญิงแล้วหายไป

          หญิงสาวค่อยๆเดินไปที่ร่างของบุรุษผมสีแดงเพลิง "ท่านพี่ ข้าควรจะทำอย่างไรดี โชคชะตามันช่างโหดร้ายเหลือเกินที่มาพรากชีวิตของท่านไป ข้าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรกันในเมื่อคนที่ข้ารักมาตายไปแบบนี้ จะมีชีวิตไปเพื่ออะไรกัน" น้ำใสๆไหลพรากออกมาอีกครั้ง

    "อ่อนแอจริงๆเลย" เสียงแข็งกร้าวของผีสาวดังขึ้น

     "ท่านมอเรียลถามได้ยังไงคะว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อใคร แล้วชีจังไปไหนซะล่ะคะ ชีจังเองก็สูญเสียพ่อไป ถ้าต้องมาเสียท่านไปอีกคน ชีจะเป็นยังไง ท่านเคยคิดบ้างมั้ย ท่านกำลังจะทำให้การตายของท่านมุซาชิสูญเปล่า อย่างน้อย ท่านก็น่าจะเข้มแข็ง ๆกว่าที่เคยเป็น เข้มแข็งพอที่จะปกป้องชีได้" ใบหน้าของหญิงสาวเงยขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าดูเข้มแข็งกว่าเดิม หยาดน้ำตาบนใบหน้าค่อยๆเหือดแห้งไป สองเท้าลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

    "เข้มแข็งงั้นเหรอ "

    "ใช่ค่ะ ต้องเข้มแข็ง" คาเอเดะยิ้มให้นายท่านของเธอ

     "จริงสินะ ข้ายังมีสิ่งที่ต้องปกป้อง"

    "แม่จะเข้มแข็งให้ได้ ชี แม่สัญญา"

    น้ำเสียงหนักแน่นของหญิงสาวปรากฏขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า วันคืนแห่งความสงบสุขกลับมาสู่ปราสาทหลังงามอีกครั้ง

    ทางด้านเด็กสาวที่เฝ้าดูภาพเหล่านั้นมาตลอดกลับไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม ไม่มีอาการแสดงความดีใจ.....ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ร่างทั้งร่างกลับสั่นระริกราวกับไม่อาจควบคุม

               "เป็นเพราะชั้นใช่ไหม เป็นเพราะชั้น ท่านแม่ถึงเปลี่ยนไป คงเป็นเพราะสัญญาว่าจะปกป้องชั้น จะดูแลชั้น ทำไมกัน ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย   ชั้น ทำตามสัญญา..........ไม่ได้สักนิด" ท่านพ่อข้าขอโทษข้าไม่อาจทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้อีกแล้ว ไม่สามารถทำได้จริงๆ น้ำอุ่นไหลมาคลอที่เบ้าตา นัยน์ตาสีน้ำเงินเริ่มพร่าเลือน ก่อนที่หยดน้ำจะร่วงลงมากระทบกับไปหน้า เสียงของคนๆหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในใจ เอ่ยถ้อยคำที่พาความอบอุ่นให้แผ่ซ่านไปทั้วร่าง น้ำตาที่จะไหลออกมา เหือดแห้งไปอีกครั้ง เด็กสาวหลับตาลง ยิ้มน้อยๆอย่างสบายใจ

    น้ำตาของเจ้าพ่อขอให้มันหยุดไหลในวันนี้ ขอให้พ่อได้เห็นมันเป็นคนสุดท้าย สัญญากับพ่อนะ

    เปลือกตาค่อยๆเปิดขึ้น นัยน์ตาสีน้ำเงินกระพริบปริบๆอย่างงุนงน เมื่อพบว่าไม่มีแสงอาทิตย์จ้าๆทิ่มตาเธอ เฮ้ย ซวยล่ะสิเย็นแล้วเรอะ  เพราะไอ้ฝันบ้าๆเมื่อกี้แท้ๆเลย เฮ้อ  เมื่อชีหันหน้าไปข้างๆ ร่างทั้งร่างก็พลันสะดุ้งโหยง หน้าขาวๆของโชตะอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงคืบ ทำเอาหน้าของชีแดงแจ๋ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ  (อะฮ้า ชีหน้าแดงเป็นด้วยเรอะ พระเจ้าเป็นบุญตาจริงๆ ขนาดเป็นนักเขียนเองยังไม่เคยเห็นเลยนะเนี่ย แห๊ม พ่อหนุ่มน้อยโชตะนี่ก็ไม่เลวแฮะ) ร่างของเด็กสาวสั่นกึกๆอย่างพยายามข่มอารมณ์ลึก นัยนาสีน้ำเงินเข้มฉายแววอาฆาตมายัง

    นักเขียนนาม ardeven"ชั้นก็เป็นผู้หญิงนะเฟ้ย!" เมื่อหันไปด่า เอ๊ยพูดกะนักเขียนสุดสวยเสร็จ   ชีก็ค่อยๆผลักใบหน้าหล่อๆออกไปห่างๆ ด้วยมืออันเย็นเฉียบ

    จะว่าไปหมอนี่ก็น่ารักดีแฮะ เหมือนเด็กชะมัด หน้านี่ก็ขาวซะยังผมสีม่วงเข้มน่าจับนี่อีก คิดไปคิดมาสาวน้อยของเราก็ทนความอยากไม่ไหว มือเล็กๆลอยปุไปอยู่บนหัวของโชตะ ละเลงผมอันเป็นระเบียบของโชตะอย่างเมามัน (นี่นะเรอะ ผู้หญิง เจ๊อะ ไม่อยากจะเชื่อ ~-~ )  ดูเหมือนชีจังจะได้ยินที่เจ้านักเขียนงี่เง่าพูด รังสีอาฆาตจากนัยน์ตาสีน้ำเงินจึงแผ่ออกมาชั่วครู่ ก่อนจะหันไปสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่ตรงหน้าอีกครั้ง  ปับ มืออันแข็งกระด้างคว้าหมับเข้าที่ข้อมือที่เล็กกว่า สายตาดุๆปนหงุดหงิดใจของนัยน์ตาสีอเมธิสต์คู่สวย ทำให้ชีต้องปล่อยมือจากผมอันแสนนุ่มนิ่มอย่างเสียดาย

     "ยุ่งไม่เข้าเรื่อง"  โชตะเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

    "ก็ผมนายมันน่าจับจะตาย สาวๆอย่างชั้นจะไปอดใจไหวได้ยังไง นายก็ต้องทำใจล่ะนะ เกิดมาหน้าตาดีก็เงี้ยะ"

    โชตะส่ายหน้าเบาๆอย่างเอือมระอา ไม่บอกก็รู้ว่าเธอกำลังแกล้งเขาชัดๆ ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้  "เมื่อกี้เธอหลับไป" ชีพยักหน้าหงึกหงัก ความสงสัยเกี่ยวกับความฝันบ้าๆนั่นผุดขึ้นในใจ

    "กาดิอัสได้รับบาดแผลจากการต่อสู่ไปไม่น้อย พิษของเธสตรอลจึงอยู่ในบาดแผลนั้นด้วย เมื่อตอนที่เธอใช้พลังรักษาให้กาดิอัส เธอย่อมต้องสูญเสียพลังไปส่วนหนึ่ง พร้อมกับรับเอาพิษบางส่วนจากกาดิอัสมาด้วย สิ่งที่เธอเห็นไม่ใช่ความฝันมันคือความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดที่เธอเคยมี จริงอยู่ที่ความทรงจำนั้นจะปรากฏขึ้นมาเพียงชั่ววูบแต่คนส่วนมากก็รับไม่ได้กับความทรงจำนั้นและขังตัวเองอยู่ในจิตใจตลอดกาลหรือไม่บางคนก็อาจจะเสียสติไปเลยด้วยซ้ำ และนี่คืออำนาจของเธสตรอลที่ทำให้มันได้ฉายาว่าเป็นเจ้าแห่งสัตว์นรก ชั้นใช้ขนจิ้งจอกเก้าหางของเคสมาช่วยดึงวิญญาณเธอออกมา ก่อนที่เธอจะไม่กลับมาอีก

    "คราวหน้าคราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก ชั้นไม่ชอบช่วยเหลือใคร"นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มของเด็กสาวพราวระริก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ  "ใจดีเหมือนกันนะท่านเจ้าชาย" 


                     เจ้าชายที่ว่าลุกขึ้นพรึ่บ หน้าขาวๆขึ้นสีแดงเรื่ออย่างเห็นได้ชัดแล้วออกคำสั่งที่ดูฟังชัดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
    "กลับบ้าน!"

                    ตลอดทางเดินกลับบ้าน ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันซักกะนิด มีแต่ความเงียบๆๆ และเงียบจนน่ากลัว ชีเองก็ดูเหมือนจะผิดปกติอย่างรุนแรง ใบหน้าเครียดจัดนัยน์ตาสีน้ำเงินแอบเหล่มองไปยังคนข้างตัวเป็นพักๆ ส่วนคิ้วก็ขมวดกันชนิดที่แทบจะผูกเป็นโบว์ได้ ก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ แล้วตัดสินใจทำสิ่งที่คิดอยู่มานานสองนาน

     

    เมื่อกี้ที่ช่วย ขอบคุณ เสียงห้วนๆหลุดออกมาจากปากของเด็กสาวแถมยังแผ่วเบาเสียจนถ้าไม่ฟังดีๆก็จะไม่รู้เรื่องเด็ดขาด หน้าขาวๆยังขึ้นสีเรื่อแลดูน่ารัก นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเสมองไปทางอื่น

     

    โชตะทำหน้าเหวอไปเลยทีเดียว ก่อนจะยิ้มน้อยๆน่ารักเสียงนุ่มๆของโชตะที่ทำเอาคนถูกชมสะดุ้งโหยง น่ารักบ้าอะไรเล่า

     

    หลังจากผ่านเหตุการณ์อันน่าอึ้งมาสักพักสาวน้อยนามชีจังของเราก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นว่าไอ้เจ้าชายที่เดินอยู่ข้างๆเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยิ้มอย่างที่ไม่หลงเหลือมาดน้ำแข็งอย่างเจ้าชายคนเดิม และแล้ว ตูม! ขีดความอดทนอันจำกัดจำเขี่ยของชีระเบิดขึ้น เด็กสาวหยุดเดินสูดลมหายใจดังฟืดก่อนปล่อยความหงุดหงิดใจทั้งหมดออกมา ยิ้มบ้าอะไรของนายเนี่ย 

     

    ชั้นเองก็เป็นคน ยิ้มบ้างมันก็ไม่ผิดอะไร

     

    แต่ปกตินายไม่เคยยิ้ม แล้วมายิ้มแบบนี้ มันผิดปกติชัดๆ !

     

    ไร้สาระชายหนุ่มเดินต่ออย่างไม่สนใจแววตาอาฆาตของเด็กสาวเลยสักนิด

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
     
    ในที่สุดก็จบตอนที่ 2จนได้ ตอนนี้ต้องใช้ความพยายามในการอัพให้จบอยู่เหมือนกันนะคะ เพราะมันค้างๆคาๆมานานมาก แต่พอเอาเข้าจริง อาร์เดเวนก็ชอบตอนนี้นะคะมัน...แปลกๆดี
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×