ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Muranamasa Soul

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 01 : จุดเริ่มต้นของตำนาน [Begin of the legend]

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 49


          

                      จิ๊บ ๆ  เสียงนกร้องบ่งบอกถึงการมาเยือนของรุ่งอรุณ ร่างบางยังคงนอนขดตัวอยู่บนเตียง ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวคลอเคลียลงมาถึงกลางหลัง ล้อมใบหน้ารูปไข่ ให้ชวนมองยิ่งนัก เด็กสาวค่อยๆขยับตัว เปลือกตาเริ่มขยับ  ทันใดนั้น

      " ซ่าน้ำเย็นถูกสาดเข้าใส่ร่างของเด็กสาวอย่างแรง ตามมาด้วยเสียงตะโกน 18 หลอดของผีสาว 

    "ชีจางๆๆๆๆๆๆๆๆ  ตื่นได้แล้วๆๆๆๆๆๆๆๆ''    

    "รู้แล้วโว้ยๆๆ ยัยป้าคาเอเดะ นี่ ซาดิสชะมัดเลย   จะปลุกให้มันดีๆหน่อยไม่ได้หรื่อไง เป็นผีแล้วยังจะสัปดนมารังแกคนอีก เดี๋ยวปั๊ดจับยัดลงหม้อซะเลยนี่''  เด็กสาวชันตัวลุกขึ้นโวยวาย  นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดูมีพลังอย่างน่าประหลาด

    "ไม่ต้องมาว่าข้าเลยนะ เจ้าน่ะแหละ โตจนป่านนี้แล้วทำไมต้องให้ข้ามาปลุกทุกวี่ทุกวันด้วยห๊ะ มุระนามาสะจัง 
    เชอะ ! ''  ผีสาวทำหน้าดุ  สะบัดหน้าไปมองด้านตรงข้าม

    " โหเจ๊ เรียกซะเต็มยศเชียว วันนี้มีอะไรมาจ้างให้ทำอีกป่ะเนี่ย''

    "ฉลาดเป็นเหมือนกันนี่ เจ้าน่ะ '' ผีสาวชำเลืองตามามอง

    "ก็เผอิญเมื่อวานข้าไปพบท่านอิจิมารุ เจ้านายของท่านอิจิมารุต้องการเรียกเจ้าไปพบก็แค่นั้น  ''

    เจ้านายของผีดิบอิจิมารุ อ๋อ ไอ้ตาแก่หัวล้านมู่ลี่ที่ชื่อ โคเซน นั่นน่ะเหรอ ''ชีดีดนิ้วดัง เป๊าะ เมื่อนึกภาพที่เธอ
    เคยไปพบตาแก่ที่ว่านั่นเมื่อ 2 ปีก่อน

     "อ๊ะ เดี๋ยวนะว่าแต่ว่า แล้วจะเรียกไปพบเรื่องอะไรล่ะ'' ชีถามขึ้นอย่างสงสัย 

    " ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ยังไงเจ้าก็ต้องไปให้ได้นะ รู้มั้ย  ''     

    อืม..  มันก็โอเคอ่ะนะ ว่าแต่ไปแล้วได้เงินมั้ยล่ะ'' พอพูดถึงตรงนี้รอยยิ้มของชีเริ่มฉีกกว้าง

    "แหมๆ พอพูดถึงเรื่องเงินล่ะก็ตาโตเชียว ทำไม๊ ทำไม เจ้าถึงได้หน้าเงินอย่างนี้นะ  ทั้งๆที่แม่ของเจ้า อ๊ะ ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าท่านหญิงของข้า ออกจะเรียบร้อย เป็นกุลสตรี  เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ เหมือนดั่งเทพธิดามาจุติอออก
    ขนาดนั้น ไม่น่ามีลูกสาวอย่างเจ้าเล้ย จริงๆนะถ้าเจ้า.. ''

    " อั๊กๆ    อื้อๆๆ เอ้าอำอะไออ่ะ (เจ้าทำอะไรน่ะ) ''   คาเอเดะถลึงตาใส่เจ้าคนไม่เป็นกุลสตรี แล้วพยักเพยิดมาทางยันต์แผ่นโตที่ลอยมาปิดปากเธอเสียงดัง แปะ เมื่อตะกี๊นี้

    "ก็ถ้าข้าไม่ทำอย่างนี้แล้วจะหยุดพูดมั้ยล่ะ" ชีทำหน้ายุ่ง
     "
    แล้วข้าจะบอกไว้อย่างนะ ว่าถึงแม่ของข้าจะเป็นยังไงหรือเคยทำอะไรไว้ที่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าก็คือข้า แม่ของข้าก็คือแม่ของข้า การที่ข้านิสัยแบบนี้มันก็ไม่ได้หนักหัวใครสักหน่อยจริงไหม''

    "เออ เออ อ้า เอ้า ไอแอ้ว แอ่ เอา อ้า อี้ ออกไอ อ๊ะ อี อิ่  '' ( เออ เออ ข้าเข้าใจแล้วแต่เอาผ้านี่ออกไปซะที่สิ ) คาเอ
    เดะทำหน้าดุปนขอร้องเข้าใส่  ทำให้คนมองอดนึกเอาไปเปรียบไม่ได้

     เหมือนลูกหมาขอร้องให้ช่วยเก็บอึ๊เลย ฮ่าๆๆ ชีคิดในใจ แต่บนใบหน้าก็มีเพียงรอยยิ้มนิดๆ  ( ถ้าขืนขำออกไปได้
    ซวยสามตลบน่ะสิ )

    "เข้าใจแล้วๆ  จะเอาออกให้เดี๋ยวนี้แหละ ''  ชียิ้มแบบเจ้าเล่ห์แล้วก็เดินไปกระชากยันต์ผืนโตนั้นออกเสียงดัง
    แคว้ก!

    "โอ๊ย นี่เจ้าจะฆ่าข้ารึไง เจ็บแทบตาย ที่จริงร่ายมนต์เอาก็ได้นี่ อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆเลยนะ อย่าลืมสิแม่เจ้าฝาก
    ให้ข้าดูแลเจ้า เพราะฉะนั้นข้าก็เหมือนกับผู้ปกครองของเจ้า ห้ามแกล้งข้าเด็ดขาดเข้าใจมั้ย''

    "เข้าใจก็ได้ เข้าเรื่องกันดีกว่าตกลงว่าไปแล้วได้เงินใช่มั้ยล่ะ''
    เมื่อคาเอเดะพยักหน้า ชีก็แย้มรอยยิ้มกว้างอย่างถูกใจ

    " งั้นเป็นอันว่าข้าไป ก็แล้วกัน บอกเวลาสถานที่มาได้เลย"

    "เฮ้อ ข้าล่ะหนักใจกับเจ้าจริง จริ๊ง'' คาเอเดะส่ายหน้าอย่างปลงอนิจจังกับเจ้าคนหน้าเงิน


    "
    ออดๆๆๆๆๆๆ''เสียงออดดังรัวขึ้น  ที่หน้าศาลเจ้าโซมารุ โดยฝีมือของเด็กสาวนามมุระนามาสะ ชี 
    โดยมีผีสาวลอยกอดอกอยู่ข้างๆ

    "โว้ย กดตั้งนานแล้วทำไมไม่เห็นมีใครออกมาต้อนรับเลยวะ แมร่ง หูหนวกกันหมดรึไง ไอ้คนบ้านนี้  หงุดหงิด วุ้ย'' ดูจากสีหน้าของเจ้าตัวบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างเด่นชัด

    "นี่เจ้าก็ใจเย็นๆหน่อยสิ มาตั้งนมตั้งนานอะไรกัน ไอที่มายืนรอ มันผ่านมาถึง 2 นาทีรึยังเหอะ  เจ้าน่ะหัดมีความ
    อดทนกับชาวบ้านเค้าซะมั่งสิ  ''

              "ไม่เคยได้ยินเหรอเจ๊ที่เค้าว่า เวลาเป็นเงิน เป็นทอง แล้วดูดิ นัดข้ามาแล้วยังปล่อยให้รออีก ไอ้คนบ้านนี้มัน
    รู้จักคำว่ามารยาทมั้ยเนี่ย  ''ระหว่างนั้นประตูหน้าศาลเจ้าก้อเปิดออก เด็กหนุ่มในชุดยูกาตะเดินออกมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เพราะดูเหมือนจะได้ยินที่ชีพูดเมื่อกี้ด้วย

    "รู้จักสิขอรับ ท่านไม่เคยได้ยิน หรือ  ว่าตระกูลโซมารุขึ้นชื่อเรื่องมารยาทมากเลยนะขอรับ''

     " แล้วขึ้นชื่อด้านไหนล่ะ มารยาทดี หรือมารยาทยอดแย่กันหือ'' เจ้าตัวดีพูดแล้วยักคิ้วอย่างน่าถีบนัก

    "ก็ต้องมารยาทดีอยู่แล้วล่ะขอรับ สงสัยว่าท่านจะไม่เคยออกไปเผชิญกับโลกภายนอกเลยหรืออย่างไร จึงไม่ทราบ
    เรื่องนี้''

     "เออ แล้วไอที่ให้มายืนรอจนขาจะแข็งตายอยู่แล้วนี่ มันหมายความว่าอะไร''

    "เรื่องนี้ทางตระกูลโซมารุต้องขออภัยด้วยนะขอรับ เผอิญในบ้านกำลังยุ่งๆอยู่ ''เด็กหนุ่มพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม

       " เอ้อๆ รู้จักขอโทษก็ดีแล้ว นึกว่าไอ้ตระกูลคนรวยจะหัวสูงจนขอโทษคนอื่นไม่เป็นซะอีก'' เจ้าตัวดียิ้มอย่าง
    พอใจนักพอใจหนา ทำให้เส้นอารมณ์ของเด็กหนุ่มชักจะขาดซะแล้วถ้าคาเอเดะไม่มาห้ามปรามไว้ซะก่อน

    "เรา ต้องขอโทษแทนแม่เด็กนั่นด้วยนะ เค้าก็เป็นอย่างนี้เสมอๆนั่นแหละ''
     
    คาเอเดะชำเลืองหางตาไปมองตัวต้นเรื่องที่เดินลิ่วๆไปสบายใจเฉิบ ไม่ได้สนใจคนที่ต้องรับผิดชอบกับการกระทำ
    เมื่อกี้เลยสักนิด

    " ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ข้าไม่ถือสาเด็ก เพราะเด็กก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ จริงๆท่านไม่ต้องลดตัวลงมาขอ
    โทษกับคนรับใช้อย่างข้าก็ได้ท่านหญิงคาเอเดะ ''เด็กหนุ่มพูด น้ำเสียงแฝงความเจ็บใจไว้เล็กน้อย

    " งั้น เราขอตัวก่อนนะ ขอให้เจ้าโชคดีนะจ๊ะพ่อหนุ่มน้อย''  คาเอเดะยิ้มให้  แล้วรีบตามชีไป

    "นี่ๆๆเจ้าน่ะ ก่อนจะว่าคนอื่นหัดดูตัวเองซะมั่งสิ มารยาทของเจ้าน่ะมีมั่งมั้ย เมื่อกี้พ่อหนุ่มนั่นเกือบจะระเบิดอยู่
    แล้ว เฮ้อ นิสัยแบบนี้ไม่รู้เกิดมาเป็นผู้หญิงได้ยังไง''คาเอเดะ ลอยตามเทศนาเจ้าคนก่อเรื่องมาติดๆ ในขณะที่เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่สำนึกเอาซะเลย แถมยังเดินจ้ำๆไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจจะฟัง

          " ชีจัง ! หัดฟังที่คนอื่นเค้าพูดซะบ้างจะได้มั้ย''  เจ้าตัวดีทำเป็นหูทวนลม เดินต่อไปอย่างกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และแล้วความซวยก็บังเกิด

    "กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ ''  คาเอเดะยืนเอ้ยไม่ใช่สิลอยแหกปากกรี๊ดอย่างเมามัน

    "โว้ยเจ๊ จะแหกปากไปถึงไหนเนี่ยบ้ารึเปล่า สงสัยสมองจะกลับ''

    "ฮึ'' คาเอเดะสะบัดหน้าไปอีกทาง 

     "อะไรวะเนี่ย งอนอยู่ได้บ่อยๆ ชิ น่ารำคาญชะมัด ช่างเหอะรีบไปดีกว่า ''
    ว่าแล้วเจ้าตัวก็รีบเดินไปที่ประตูบ้าน เอ๊ย ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าคฤหาสน์ เอ๊ะหรือจะเป็นพระราชวังดี ตัดสินใจไม่ถูก
    เลยแฮะ  อ๊ะ ช่างเหอะมาเข้าเรื่องกันดีกว่า

    "ประตูไรฟะ ใหญ่ชะมัดแล้วงี้จะเปิดออกมั้ยเนี่ย''   ชีเงยหน้ามองประตูที่ใหญ่กว่าตัวเธอถึง10เท่า " ไม่รู้จะสร้างมาทำหอกอะไร  ประตูนี่ชีพูดออกจะประหลาดใจแกมหงุดหงิดหน่อยๆ

     "เอ้า เอาก็เอาวะ'' ชีหลับตาลงมือทั้งสองประกบกันคล้าพนมมือ  ฟู่ว ออร่าสีน้ำเงินของชีพุ่งสูงขึ้นไป 6 เมตร
      (
    โอ้โห เว่อร์ดีมั้ยล่ะ ) ชีหมุนมือแล้วปล่อยพลังสีน้ำเงินเข้าใส่ประตู จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่น ไหว  แป๊ะ  กึกๆ
    แกรกๆ ซี้ด ซ้าด ( เอ๊ะ เสียงเกาก้นรึเปล่าเนี่ย แกร๊ก ครืน ประตูที่เจ้าตัวเคยว่าใหญ่นักใหญ่หนาพังลงมาแหลก
    เหลวแบบไม่เหลือชิ้นดี

     "เฮ้อ ไม่อยากเสียแรงไปกับเรื่องพวกนี้เล้ย ''เด็กสาวลืมตาขึ้นพลางปัดไม้ปัดมือทางฝ่ายคาเอเดะที่เดิมหันหน้าไปทางอื่น รีบหันขวับกลับมา มองที่ประตู ทำหน้าตาค้างเติ่งอย่างกับเห็นผี ก่อนจะตวัดสายตามามองชีประมาณว่าฝีมือเจ้าใช่มั้ยและจบด้วยการพร่ำบ่นออกมาอย่างไม่ขาดสาย

      "นี่ เจ้าทำอะไรลงไปเนี่ย รู้มั้ยว่าประตูนี่มันราคาเท่าไหร่ มันอยู่รอดปลอดภัยมากว่าพันปี เฮ้อ แล้วใครจะมาคิด
    ล่ะเนี่ย ไม่ถึง 20 วิ ประตูนี่ก็แหลกเหลวไม่มีชิ้นดีซะแล้ว โอ๊ย ข้าคิดผิดรึเปล่าที่พาเจ้ามาข้าล่ะเวียนหัวจริงๆ''
     
    ชีเหลือบตามามองคาเอเดะแบบขำๆ  ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไปว่า

    " ไม่ผิดมั้ง ก็... มาแล้วได้ตังค์ไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ได้ตังค์... ''.เจ้าตัวนิ่งไป  "ข้าก็คงไม่มาแล้วล่ะ '' ก่อนพูดต่อจนจบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

    " เออ ก็ถูกของเจ้านะ ว้ายไม่ใช่ๆ   นี่ ข้าชักจะติดนิสัยเจ้าเข้าไปทุกวันแล้วนะ  เวียนเฮ้ดจริงๆ '' คาเอเดะพูดพลาง
    เอามือกุมขมับ คลึงไปมา ทำให้ชีอดขำไม่ได้

    "เอาเถอะ เข้าไปกันได้แล้ว" คาเอเดะ บุ้ยใบ้ไปที่ทางเดินในห้องด้านใน

    "ทำไมมันมืดอย่างนี้ล่ะคาเอเดะ ''ชีพูดเสียงสั่นครือพลางเบียดตัวเข้าไปชิดกับร่างของผีสาว

    "เอ๊ะเจ้านี่ มาเบียดข้าทำไมกันยังไงเจ้าก็ไม่โดนตัวข้าอยู่แล้ว จะเบียดมาทำไมกันบ้าจริง '' คาเอเดะบ่นเพราะร่าง
    ของเธอเริ่มหดๆหายๆจากแรงเบียดของชี 

    "แหม อย่างน้อยมันก็ทำให้อุ่นใจขึ้นบ้างล่ะน่า'' ชีตอบเสียงสั่น สายตาอ้อนวอน ร้องขอความเห็นใจถูกส่งมาให้ผี
    สาวเป็นประกาย วิบวับ

    "ใช้ไม่ได้เลย แค่นี้ก็กลัวแล้ว ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง ถ้าเจ้าไม่คิดมันก็ไม่มีอะไรหรอก เชื่อข้าสิ''  น้ำ
    เสียงที่อ่อนลงของคาเอเดะจึงทำให้ชีชักอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

    หมับ  เฮือก ! มือเย็นเฉียบวางแหมะบนไหล่ของชีอย่างที่เจ้าของมือนั้นไม่ได้คิดเลยว่าจะทำให้เจ้าคนที่ถูกจับกลัว
    แค่ไหน

    " เจ้าเป็นใคร'' เสียงร้องของชีดังขึ้นด้วยความตกใจ

    "ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก วางใจได้ ''เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น

     "เจ้าคือ มุระนามาสะ ชี ที่นายท่านนัดไว้ใช่ไหม''

     "อือ ถูกแล้ว '' ชีพึมพำในลำคอพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ

     "  งั้นเชิญทางนี้เลยนายท่านกำลังรออยู่ '' นายนั่นผายมือไปทางด้านหน้าประมาณว่า เชิญ แต่กลับเดินไปก่อนซะหนิ

    "นายเป็นใคร ''ชีถามขึ้นหลังจากที่เดินมาสักพักแล้วนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าคนที่ตัวเองเดินตามต้อยๆมานี่
    เป็นใคร กึก ควับ

    "เฮ้ย '' ชีเผลออุทานออกมาอย่างไม่ตั้งใจ เพราะเจ้าคนที่เดินนำหน้าอยู่ดีๆก็หยุดหันหลังควับกลับมา เล่นเอาคนเดินตามตกอกตกใจไม่ใช่น้อย

    "ขอโทษด้วยที่ผมลืมแนะนำตัว ผม อายามิ ไซโซ เป็นพ่อบ้านของที่นี่ ยินดีที่ได้รู้จัก  นี่ก็ถึงห้องของนายท่านแล้ว เชิญมุระนามาสะซังเข้าไปได้ ''

    "อ๊ะ เดี๋ยวครับ'' เจ้าพ่อบ้านพูดขึ้นขณะที่คาเอเดะกำลังจะลอยตามชีเข้าไป

     "นายท่านสั่งไว้ว่าให้มุระนามาสะซังเข้าไปได้แค่คนเดียวเท่านั้น" คิ้วของคาเอเดะขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยแต่ก็ยอมถอยห่างออกมา แต่แล้วเสียงเจ้าปัญหาก็ดังขึ้น ...

     "ทำไมคาเอเดะจะเข้าไปไม่ได้นายท่านของนายเค้าบอกว่าเข้าไปได้คนเดียวแต่ไม่ได้บอกว่าห้ามพาผีไปอีก1
     
    ซักกะหน่อยหนิ."ชีหันหลังกลับมาพูดน้ำเสียงแฝงความไม่พอใจ

    " แต่นายท่านบอกไว้ว่า...." 

    "ไซโซ  อย่าเสียมารยาท เชิญท่านหญิงเข้ามาด้วยกันสิ''  เสียงของคนที่คาดว่าน่าจะเป็นนายท่านที่พ่อ
    บ้านงี่เง่านั่นพูดถึง พ่อบ้านงี่เง่าจึงจำต้องสงบปากสงบคำเอาไว้โดยรู้สึกเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก

    "ก็ได้ เชิญครับท่านหญิงคาเอเดะ''คาเอเดะทำหน้าละอายแทนเจ้าคนที่ไม่สมเป็นกุลสตรี

    "เจ้า น้าเจ้า ที่จริงเจ้าเข้ามาคนเดียวก็ได้นี่ไม่เห็นต้องทำให้ไซโซเค้าเสียหน้าเลย'' คาเอเดะบ่นหลังจากที่ไซโซหันหลังเดินจากไป

     "ก็ชั้นอยากให้ป้าเข้ามาด้วยนี่ อีกอย่างเค้าก็อุตส่าห์ให้เข้ามาแล้ว อย่าบ่นไปเลยน่าทำเป็นคนแก่ไปได้ ป้า-คา-เอ-เดะ เนอะ ฮิ ฮิ" ยิ้มกวนประสาทถูกส่งมาให้คนที่ถูกว่าๆแก่ทันใดนั้นเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์ก็ขาดผึงทันที

    "นี่เจ้า ! ''

      "เอ่อขอโทษนะ ไม่ทราบว่าจะคุยกันอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย'' คาเอเดะกับชีหันขวับพบว่าเจ้าคนที่มาขัดจังหวะ
    การฆาตกรรมของคาเอเดะคือตาแก่หัวล้านมู่ลี่ โคเซนที่ชีพูดถึงนั่นเอง


        
    โคเซนมองทั้งคู่อย่างไม่ค่อยพอใจนักประมาณว่า นี่! ยังมีข้าอยู่อีกคนนะ ไม่เห็นหัวกันเลยรึไง

    "สวัสดีท่านคาเอเดะและก็สวีดัดชีจังด้วย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะชีจัง แหมโตขึ้นเยอะเลยนะเรา" โคเซนทักทาย
    ด้วยใบหน้าที่โล่งใจเพราะในที่สุดเขาก็มีตัวตนอยู่ในห้องนี้เสียที โดยมิได้สนใจชีที่กำลังแยกเขี้ยวใส่ อยู่เลย

     "ชั้นบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกชื่อชั้นอย่างนั้น ให้เรียกว่า มุระนามาสะซัง เข้าใจมั้ยชีพูดเน้นชื่อตนเองอย่างเด่นชัดนัยน์ตาลุกวาว 

    "พอซะทีน่ะชีจังเจอกันเป็นไม่ได้เชียวคู่นี้ เฮ้อ ทุกทีเล้ย"
     
    เมื่อเห็นโคเซนทำหน้าประมาณว่าเห็นมั้ยๆพร้อมยักคิ้วไปให้ชี คาเอเดะหันไปทำตาดุใส่แล้วเอ็ดใส่

    "ท่านก็เหมือนกันท่านโคเซน  อายุก็ปูนนี้แล้วยังจะมาทะเลาะกับเด็กอีก รู้ว่าเค้าไม่ชอบแล้วยังจะไปเรียกเค้าอย่างนั้นอีก ใช้ไม่ได้เลยนะ" โคเซนหน้าจ๋อยไปทันที

    "เอาเถอะๆ ที่ท่านเรียกชีจังมาก็เพราะมีธุระไม่ใช่หรอ คุยๆกันซะสิ

    "อ้อ จริงสินะ คือว่าชั้นมีงานให้เธอทำหน่อยน่ะ แต่ก่อนจะพูดชั้นว่าเธอมานั่งที่เบาะนี่ก่อนดีกว่ายืนอยู่ตรงนั้นคง
    เมื่อยแย่" ชีเหลือบตาไปมองที่เบาะญี่ปุ่นบนเสื่อตาตามิก่อนจะตัดสินใจนั่งลงไป

    "จ้อก" (เสียงรินน้ำชา)

    "อ้ะนี่น้ำชาดื่มซะก่อนนะ ดีต่อสุขภาพ" โคเซนยื่นถ้วยชามาให้พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่ชีเห็นว่ามันน่าสยดสยองซะมากกว่า

    "มีอะไรก็ว่ามาชั้นไม่ได้มีเวลาว่างมากนัก"ชีชักเริ่มรำคาญ  โคเซนทำหน้าประหลาดใจ

     "อ้าวก็ไหนท่านคาเอเดะบอกว่าวันนี้ว่างทั้งวันเลยนี่นา เอ้อช่างเถอะรีบๆพูดให้จบไปก็ดีเหมือนกัน
    ชั้นต้องการให้เธอไปคุ้มครองเด็กผู้ชายคนนึงเค้าเป็นหลานชั้นเอง ชื่อ ซานาดะ โชตะ นี่รูปของเค้า หล่อใช่มั้ยล่ะ
    พรุ่งนี้เค้าจะย้ายเข้าไปอยู่ในห้องเดียว โรงเรียนเดียวกับเธอ หน้าที่ของเธอคือคุ้มครองเค้าขณะที่อยู่ในโรงเรียน
    และทุกๆที่พูดง่ายๆเธอก็เหมือนเป็นเงาตามตัวเค้านั่นแหละเค้าอยู่ที่ไหนเธอก็อยู่ที่นั่น เวลากลับบ้านก็ต้องไปส่ง
    เค้าด้วยเวลาจะไปโรงเรียนก็ต้อง…"

    "พอแล้วๆชั้นรู้แล้วว่าต้องทำยังไง ค่าจ้างล่ะจะให้เท่าไหร่

    "ชีจัง นี่หน้าเงินไม่เปลี่ยนเลยนะ" โคเซนยิ้มเจ้าเล่ห์ "ชั้นล่ะชอบจริงๆไอ้นิสัยแบบเนี้ย ค่าจ้างเธอจะเรียกเท่าไหร่ก็ได้เย็นนี้โทรมาบอกชั้นก็แล้วกัน ชั้นจะได้โอนเงินไปให้"

    "มีแค่นี้ใช่มั้ย เงิน 10ล้านเยน โอนที่ธนาคาร ดึ๊กๆดำดุ๋ย สาขา กระบุ๋มบุ๋ย เลขบัญชี xxxx ได้เลย พรุ่งนี้ชั้นจะไป
    ตรวจสอบ ถ้าไม่ครบ งานนี้ก็ยกเลิก"

    "มุระนามาสะจัง" โคเซนเปลี่ยนวิธีการเรียกทำให้ดูเป็นการเป็นงานขึ้นแต่ก็ยังคงใช้คำลงท้ายว่า"จัง"อยู่เหมือน
    เดิม

     "ก่อนที่จะไป ชั้นมีของสิ่งหนึ่ง อยากจะให้เธอ"

    " นี่คือดาบเขี้ยวมังกร ยูกิซาดากุระ ชั้นรับฝากมันไว้มานานแล้วถึงเวลาต้องคืนมันเสียที รับมันไว้ด้วย"ชีพลิกดาบสีขาวในมือไปมาก่อนขยับยิ้มอย่างถูกใจ

     "ยูกิซาดากุระ อยู่กับชั้น คงทำงานหนักหน่อยล่ะนะ"

    ...................................................................................................................................................................................


    "
    จ้อก แจ้ก แจ้ก จ้อก คร่อกๆฟี้ " เสียงเซ็งแซ่ในห้อง 1 A โรงเรียนมัธยมปลาย มิโซระ ต้องเงียบลงเพราะ  อิรินางิ
    ซาคุยะ หัวหน้าห้องสาวจอมดุเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกวาดสายตาเหี้ยมโหดไปทั่วห้องเป็นสัญญาณบอกให้ทุก
    คนเงียบลง

    "ขอต้อนรับทุกคน เข้าสู่ห้อง 1 A ชั้น อิรินางิ ซาคุยะ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าห้อง และเป็นประธานนัก
    เรียนในชั้นปีนี้ด้วย ขอให้ทุกคนเคารพและทำตามกฎระเบียบของโรงเรียน มีความสามัคคีและมีน้ำใจต่อกันด้วย
    นะ  อ้อ วันนี้เรามีนักเรียนใหม่เข้ามา เชิญได้"  

    เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาเดินเข้ามา  ผมสีม่วงเข้มจนทำให้เกือบดูเหมือนสีดำ ใบหน้าที่ดูสงบนิ่งเหมือนรูปสลัก นัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์ ดูลึกลับ และมีสเน่ห์อย่างน่าประหลาด  รูปร่างสูงโปร่งและสง่างามแบบที่ไม่มีชายใดจะเทียบได้ ทำให้เด็กผู้หญิงทั้งห้องอ้าปากค้าง หน้าแดงแปร๊ดไปตามๆกัน จะมีก็แต่ชีที่ยังคงทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง หัวหน้าห้องสาวที่กำลังพยายามทำลายความเงียบนี้แต่ก็ทำไม่สำเร็จ กับพวกผู้ชายที่กำลังส่งสายตาอาฆาตไปให้เด็กหนุ่มผู้นั้น    และแล้ว ...    

    " สวัสดี ผม ซานาดะ โชตะ เพิ่งย้ายมาจากต่างประเทศ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย ที่นั่งของผมล่ะคุณอิรินางิโชตะหัน
    ไปมองหัวหน้าห้องสาวที่ส่งสายตาขอบคุณมาให้  แล้วเริ่มพูดต่อ 

    "เอ่อจะให้นายนั่งที่ไหนดีล่ะ" ซาคุยะทำท่าคิดหนักเมื่อสายตาของเด็กผู้หญิงทั้งห้องจ้องเขม่นมาที่เธอ ขณะนั้นทางด้านชีจังที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง หันกลับมาทันทีที่ได้ยินชื่อ ซานาดะ โชตะ  สายตาจ้องไปที่เด็กหนุ่ม อย่างพิจารณา ยิ้มนิดๆกับความคิดของตน อย่างนี้สินะถึงต้องให้ชั้นมาคุ้มครอง อโพซลุส คนที่ 4 ตัวแทนแห่งคนบาป    ช่างสง่างาม สง่างามจนเกินกว่าที่จะเป็นมนุษย์ คิดอะไรไปเพลินๆพลันหนังตาก็เริ่มหย่อนลงอย่างช่วยไม่ได้ ชีฟุบหน้าลงกับโต๊ะเข้าสู่ห้วงนิทราในทันที ระหว่างนั้นซาคุยะก็ตัดสินใจได้พอดี 

    "อ๊ะรู้แล้ว โชตะคุง ไปนั่งกับมุระนามาสะซังก็แล้วกัน ตรงนั้นว่างอยู่ใช่มั้ย  " 

    "หา"ทุกคนในห้องร้องพร้อมกันทันที 

    "ไม่มีหา ต่อจากนี้ขอให้ลุกขึ้นยืนแล้วแนะนำตัวทีละคนเริ่มจากแถวแรกเลยละกัน"
     
    "
    สวัสดีครับผมชื่อนานาฮาระ ชินสุเกะ" ชายผมสีน้ำเงินลุกขึ้นแนะนำตัว 

    "สวัสดีค่ะ ชั้นนานาฮาระ มิโยโกะเป็นฝาแฝดกับชินสุเกะคุงค่ะ" เด็กสาวที่มีหน้าตาเหมือนกับชินสุเกะเปี๊ยบเว้นแต่โครงหน้ากับเสียงดูหวานกว่าผมสีน้ำเงินของเธอยาวมาถึงกลางหลัง และอีกหลายๆคนก็แนะนำตัวผ่านไป  จนมาถึงมาถึงโชตะและชี

     "สวัสดีอีกครั้ง ผมซานาดะ โชตะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย"    

    "แล้วจะฝากหัวใจด้วยมั้ยจ๊ะ " ผู้หญิงไม่แต๊ คนหนึ่งพูดขึ้น ทำเอาโชตะหน้าแดงระเรื่อ เท่านั้นแหละเสียงกรี๊ดของ
    เด็กผู้หญิงดังกระหึ่มไปทั่วห้องชีที่หลับอยู่ลืมตาโพลงเมื่อได้ยินเสียงที่รบกวนการนอนของเธอ พรึ่บ!  " ชั้น ! มุระนามาสะ ชี" ชีกวาดสายตาไปที่ผู้หญิงในห้องหน้าตาไม่พอใจสุดขีด

    "อย่ามากรี๊ดอะไรแถวนี้นะ จะมาขอส่วนบุญไอ้หมอนี่หรือไง มันไม่ใช่เทวดาอะไรซักหน่อย กรี๊ดกันไปหาอะไร คนกำลังจะหลับจะนอนหัดมีมารยาทซะมั่งเซ่

     "จะกรี๊ดอะไรกันนักหนาน่ารำคาญชะมัดพวกผู้หญิงนี่" ชีพึมพำหลังจากทำให้ทั้งห้องเงียบกริบเหมือนป่าช้า ขณะที่โชตะยังคงหน้าแดงไม่หาย

     "เลิกหน้าแดงซะทีเหอะ คงไม่เคยเจอแบบนี้สินะ เฮ้อ แต่นายก็ต้องทำตัวให้ชินล่ะนะ ไม่งั้น ชั้นคงลำบากแย่" ชียิ้มอย่างปลงๆ

    "ลำบากงั้นเหรอโชตะทวน
    "
    ยังไง

    "แล้วปู่นายไม่ได้บอกรึไง  ว่าจ้างให้ชั้นมาคุ้มครองนายโชตะส่ายหน้า

     "ชั้นไม่มีปู่ ปู่ชั้นตายไปตั้งนานแล้ว"ดวงตาของโชตะเศร้าหมองลง แค่แวบเดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ

    "งั้นเหรอก็ไอ้หัวล้านมู่ลี่โคเซน มันบอกว่านายเป็นหลานไม่ใช่รึไง  เอ้อ ช่างเถอะชั้นจะคิดไปให้หนักกบาลทำไม

    "โคเซนงั้นเหรอ" โชตะพึมพำ 

     "โซมารุ โคเซนใช่มั้ยชีพยักหน้า ทันใดนั้นสีหน้าของโชตะก็เริ่มเครียดจัดถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนพึมพำคำพูด
    ออกมาเบาราวกับเสียงกระซิบ  "เอาอีกแล้วนะท่านพ่อ"

                           เวลาที่ล่วงเลยทำให้ท้องฟ้าสีครามแปรเปลี่ยนเป็นสีที่มืดมิดแห่งรัตติกาล หากแต่ยังมีชายหนุ่มผู้
    หนึ่งยืนรับลมอยู่บนยอดของเสาไฟฟ้า  ผมสีม่วงเข้มของชายหนุ่มพริ้วไหวไปตามสายลม นัยน์ตาคู่สวยสงบนิ่ง
    ขณะที่ทอดสายตาไปยังท้องฟ้าที่มืดมิด ชายหนุ่มถอนหายใจ ราวกับจะสมเพชในโชคชะตาของตนเอง

                           เมื่อ 1000 ปีก่อนโลกถูกควบคุมด้วยพลังอันชั่วร้ายของผู้ที่เรียกตนเองว่า  เฮเดส   ประชากรบน
    โลกต่างพากันล้มตาย ความเสียหายลุกลามไปยังโลกทั้ง 5 คือ โลกมนุษย์ [Earth] โลกวิญญาณ[Spirit] โลก
    ปิศาจ [Evil] โลกแห่งภูต [Genii]และโลกสวรรค์ [Heaven] เหล่าผู้นำของโลกทั้งห้าจึงคิดหาวิธีล้มล้าง
    ความชั่วร้ายนี้

                           ไวส์ซิลิน เทพแห่งสวรรค์จึงเสนอให้แต่งตั้งตัวแทนจากโลกทั้งห้า ตัวแทนจะต้องมีสายเลือดที่
    บริสุทธิ์ ที่สำคัญที่สุดคือจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจาก Ra มหาเทพผู้สร้างโลกเท่านั้น เมื่อตัวแทนทั้งห้ามารวม
    กันจะก่อเกิดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่สามารถชำระล้างทุกสิ่งได้  เราเรียกตัวแทนเหล่านั้นว่า "อโพซุลุส"
     
                           
    อันที่จริงพิธีกรรมนี้มีมานานหลายชั่วอายุคนแต่เป็นวิธีการที่อันตราย คือเมื่อตัวแทนได้ใช้พลัง
    นั้นไปแล้วร่างกายก็จะสูญสลายไปทันที   พิธีกรรมนี้จึงกลายเป็นพิธีกรรมต้องห้าม แต่เมื่อเป็นหนทางสุดท้ายที่
    จะรอดชีวิต ผู้นำทั้งห้าจึงตกลงทำพิธีกรรมนี้ด้วยตนเอง   ซึ่งนำพาการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ มาสู่โลกทั้งห้า

                            นับจากนั้นมาก็ไม่มีใครพูดถึงพิธีกรรมนั้นอีก  พิธีกรรมนั้นถูกบัญญัติให้เป็นพิธีกรรมต้องห้าม
     
    นบัดนี้มันต้องถูกนำมาใช้อีกครั้งเพื่อต่อกรกับอำนาจใหม่ของผู้ที่สืบเชื้อสายมาจาก เฮเดส   " เฮเดอัส " ด้วยเหตุนี้
    เขาเจ้าชายแห่งโลกปิศาจ  ผู้ได้รับเลือกจากมหาเทพ จึงต้องเดินทางมายังโลกมนุษย์ เพื่อประกอบพิธีกรรมนั้น

     รอยยิ้มเศร้าหมองปรากฏขึ้นบนใบหน้ารูปสลักของชายหนุ่ม ฉับพลันร่างทั้งร่างก็หายวับไปทันที

       

     

                       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×