ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [On hiatus] Legend of Quarderinn

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 : Good Old Friend เพื่อนเก่าเพื่อนแก่

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 56


    “เด็กคนนั้นกำลังจะมีภัยในอีกไม่ช้า ท่าทางพวกนั้นจะรู้เรื่องเด็กคนนั้นแล้ว” เสียงชายชราดังขึ้น แม้จะพยายามดัดให้นิ่งเฉยราบเรียบ แต่ก็ไม่อาจปิดบังความร้อนใจและความทุกข์ไว้ได้

    เจ้านั่นรู้แล้วล่ะ แต่อย่าร้อนใจไปเลย” เสียงอ่อนหวานกังวานเสนาะ ไพเราะดั่งดนตรีหากหนักแน่นทรงพลังราวขุนเขาของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น เสียงนั้นราบเรียบราวกับไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร

    “ทุกอย่างย่อมมีกาลและเวลาของมัน” นั่นคือเสียงสุดท้ายจากปากของสตรีสูงสักดิ์ ก่อนที่คลื่นใหญ่จะโหมกระหน่ำเข้ามา

    ---

    ซ่า...

    น้ำเย็นฉ่ำสาดเข้าเต็มหน้า ทำเอาเด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิงที่หลับอยู่ถึงกับตื่นเต็มตา แถมสำลักน้ำจนต้องลุกขึ้นมาไออย่างเอาเป็นเอาตาย

    “ตื่นสักทีสินะเรอิส” ฟาร่าทัก โดยที่ถังน้ำหลักฐานยังคงคามือ

    “จะฆ่ากันรึไง นี่มันวันเสาร์นะ” หลังจากที่ไอระลอกใหญ่จนหายสำลักน้ำแล้ว คนโดนปลุกด้วยวิธีพิสดารก็โวยวายพลางนั่งสั่นระริก

    “นายอย่าลืมสิ วันนี้เรามีนัด” เด็กสาวกล่าวอย่างร่าเริง ก่อนฉุดกระชากลากถู คนเพิ่งตื่นไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเตรียมออกจากบ้าน

    เด็กหนุ่มทำได้เพียงปล่อยตัวเองไปตามแรงลากของเพื่อนสนิท พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ชีวิตช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่รู้จักลูเซียและฟอลคอน หาได้สงบสุขไม่ นอกจากจะโดนเพื่อน ๆ แซวแล้ว ยังโดนลูเซียตามสืบ และโดนครูฟอลคอนจ้องตาให้ตกใจอยู่ตลอดเวลา

    ...เอาชีวิตสงบสุขคืนมา...

    ---

    ทั้งสองเดินไปสมทบกับมาร์คัสที่ตลาดเลดี้โจฮันนาอยู่ครู่ใหญ่ ไม่มีอะไรพิเศษนอกจากมาเที่ยวเล่นธรรมดา จนกระทั่ง...

    “เรอิส! นั่น...” ฟาร่าร้องพลางชี้ไปทางร้านขายขนมอย่างตื่นเต้น ทันใดนั้นภาพความทรงจำเมื่อวันวานก็หวนคืนมา

    “นายต้องไปแล้วเหรอ”

    “ใช่ ฉันต้องย้ายเมืองวันนี้แหละ”

    “พวกเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปนะ” เรอิสกล่าวพร้อมฝืนยิ้ม

    “สัญญานะอิคลีปส์ เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป” ฟาร่าขอ พร้อมกุมมือเพื่อนรักไว้

    เด็กหนุ่มผิวคล้ำเกี่ยวก้อยฟาร่าและเรอิสไว้แนบแน่น

    “ฉันสัญญา เราสามคนจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป”

    ทั้งสามกอดร่ำลากันเนิ่นนาน หลังจากนั้น อิคลีปส์จึงยอมให้ชายผู้นั้นกระชากตนจากเพื่อน ๆ ไป

    “เราจะได้พบกันอีก... ใช่ไหม” ฟาร่าถามเพื่อความแน่ใจเป็นครั้งสุดท้าย

    “แล้วเราจะได้พบกันอีก”

    ...

    “ไง พวกนาย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ“

    น้ำเสียงทุ้มเข้มมีพลังดังมาจากทิศที่ฟาร่าชี้ เจ้าของเสียงแทบวิ่งตรงมาหาทั้งสาม เป็นเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งแข็งแรงผิวสีน้ำผึ้งรุ่นคราวเดียวกับเรอิสและฟาร่า ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา ตัดกับเรือนผมสีเงินแซมทองอ่อน ดวงตาสีฟ้าอ่อนฉายแววเฉลียวฉลาดปนลึกลับ แม้แต่งตัวเรียบง่ายอย่างวัยรุ่นทั่วไปแต่ก็ดูภูมิฐานและสง่างาม

    “อิคลีปส์ คิดถึงจังเลย” ฟาร่าร้องอย่างยินดีพลางวิ่งไปกอด

    “ฉันก็คิดถึงเหมือนกัน แต่เธอไม่ต้องคิดถึงมากขนาดนี้ก็ได้นะฟาร่า ฉันหายใจไม่ออก” เด็กหนุ่มผิวคล้ำแปลกหน้ากล่าวกลั้วหัวเราะ แม้น้ำเสียงจะไม่ค่อยดีด้วยแรงกอดของเด็กสาว เรอิสเห็นภาพตรงหน้าก็อดขำไม่ได้

    “จะให้ฉันไม่คิดถึงได้ไงล่ะ ก็นายเล่นไม่เคยส่งข่าวคราว ไม่เคยมาเยี่ยมกันเลยนี่” เด็กสาวแย้ง ก่อนกอดแน่น ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระจากอ้อมแขนให้หายใจได้สะดวกขึ้น

    “เกือบลืมไปเลยอิคลีปส์ นี่มาร์คัส แฟนฉันเองนะ”

    “มาร์คัส นี่อิคลีปส์ เพื่อนฉันกับเรอิส อยู่ด้วยกันมาจนถึงม.3

    ฟาร่าแนะนำเด็กหนุ่มผิวคล้ำทั้งสองให้รู้จักกัน อิคลีปส์ยิ้มให้อย่างสบาย ๆ หากมาร์คัสกลับมองเจ้าของผมสีเงินปนทองไม่วางตาอย่างไม่สบอารมณ์นัก

    “ฟาร่า เธอนี่ก็เสน่ห์แรงใช่เล่นนะ มีผู้ชายมาจีบด้วย” อิคลีปส์แซวเพื่อนสาว แต่มาร์คัสกลับไม่สนุกด้วย

    หลังจากที่ทำความรู้จักกันพอเป็นพิธีแล้ว อิคลีปส์จึงเริ่มประเด็นใหม่ที่ทำให้วงสนทนาพลิกโผทันที

    “ว่าแต่ เรอิส ความสัมพันธ์ของนายกับเด็กใหม่เป็นไงมั่งล่ะ ชื่ออะไรนะ... อ้อ ลูเซีย”

    อิคลีปส์ถามด้วยน้ำเสียงแกมหยิกแยมหยอก ทำเอาเรอิสถึงกับสะดุ้งโหยง

    “น...นายรู้เรื่องนี้ได้ไง ใครบอกนายหา!

    เรอิสโวยวาย พร้อมคว้าคอเสื้ออิคลีปส์มาเขย่าเค้นคำตอบ หากคนโดนประทุษร้ายกลับแทบกลั้นหัวเราะไม่ได้อย่างขำขันกับท่าทางของเด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิง

    “ก็เขาลือกันให้แซ่ดทั้งห้องแล้วว่านายไปทำอะไรมา จะให้ไม่รู้ได้ไง”

    เด็กหนุ่มผิวคล้ำตอบด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา แต่หาได้ธรรมดาสำหรับเรอิสไม่

    “แล้วก็ ลูเซียกับฟอลคอนน่ะ... อ่า... ญาติฉันเอง”

    คำพูดของอิคลีปส์ทำเอาฟาร่าถึงกับตาโตอย่างไม่เชื่อหู ส่วนเรอิสที่อึ้งอยู่แล้วก็ถึงกับแทบช็อคจนอยากเอาหัวโขกคนตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอด

    “ลูเซียเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉันกันแน่ ทำไมลูเซียกับไอ้ครูฟอลคอนพันธุ์ดุถึงต้องมาตามรังควาญฉันนักหนา” เรอิสโวยวายอีกรอบ พร้อมเขย่าคอเสื้ออิคลีปส์สุดแรงแขน

    “เย็นไว้ก่อน ฉันเป็นญาติลูเซียกับฟอลคอนก็จริง แต่ก็เป็นญาติห่าง ๆ เกือบไม่ใช่ญาติ ฉันก็เพิ่งรู้จักก่อนพวกนายไม่กี่วันเอง ดังนั้น พวกเขาทำอะไรยังไงที่ไหน ฉันไม่รู้เรื่องอะไรหรอก” เด็กหนุ่มตอบเสียงซื่อ ๆ แต่เรอิสก็ยังแคลงใจ

    “รังควาญเรอิสขนาดนี้ นายเป็นพวกเดียวกับไอ้ฟอลคอนนั่นสินะ” มาร์คัสโพล่งถามขึ้นมาเสียงแข็ง ดวงตาสีเลือดหมูจ้องอิคลีปส์เขม็ง ทำเอาอีกสามคนถึงกับตกใจ

    “ทำไมฉันถึงต้องเป็นพวกเดียวกับฟอลคอนด้วยล่ะ ถึงเป็นญาติห่าง ๆ แต่ก็แทบไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” อิคลีปส์ตอบน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนเลิกสนใจแฟนของเด็กสาว

    “มาร์คัสนี่ก็หาเรื่องอิคลีปส์จัง หึงเหรอ” ฟาร่าถามแกมหยอกแฟน หากเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ไม่เล่นด้วย

    “ว่าไป พวกนายไม่ได้เล่นฟันดาบกันมาหลายปีแล้วเนอะ อยากรู้จังว่าฝีมือเป็นยังไงกันมั่ง” พอไม่รู้ว่าสถานการณ์จะชวนให้เรอิสกระอักกระอ่วนต่อไปได้ถึงไหน ฟาร่าจึงเปลี่ยนประเด็นทันที ซึ่งก็เป็นเสมือนระฆังที่ช่วยชีวิตเรอิสได้

    “เยี่ยมไปเลย ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าอดีตรองประธานชมรมฟันดาบได้ฝึกอะไรเพิ่มหรือเปล่านับจากเมื่อสามปีที่แล้ว” อิคลีปส์เห็นด้วยอย่างยิ่งกับฟาร่า เขามองตาเรอิสพร้อมยิ้มกว้าง

    “ฉันก็อยากเห็นฝีมือนายเหมือนกัน อิคลีปส์ เนห์คาร์ด อดีตประธานชมรมฟัน” เรอิสซึ่งพอจะอารมณ์เย็นลงมาบ้างแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยปนเย้ยหยัน ก่อนทั้งสองจะเดินกอดคอไปชมรมดาบด้วยกัน

    ---

    “นี่ ฟาร่า”

    “อะไรเหรอ”

    มาร์คัสกับฟาร่าที่เดินตามหลังอิคลีปส์กับอิคลีปส์แอบกระซิบกันสองคน สายตาของเด็กหนุ่มผมสีดำมองเพื่อนเก่าของเรอิสอย่างแข็งกร้าว ราวกับพร้อมจะเอาเรื่องตลอดเวลา

    “ฉันไม่ไว้ใจเจ้าอิคลีปส์นั่นเลย สีหน้าท่าทางเจ้าเล่ห์แบบนั้น ยังไงก็มาไม่ดีแน่” มาร์คัสบอกฟาร่าอย่างตรงไปตรงมา

    “นั่นเพื่อนเก่าฉันกับเรอิสนะ รู้จักกันมาแต่อ้อนแต่ออก นายจะไปรู้จักเขามากกว่าพวกเราได้ยังไง” ฟาร่าตอบกลับอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะหยอกกลับ

    “หรือว่าที่จริงนายหึงฉันล่ะ นายอิจฉาเขาใช่ไหมที่ฉันโดดกอดเขาน่ะ”

    “ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะฟาร่า” เด็กหนุ่มร่างใหญ่ตอบเสียงแข็งโดยไม่ได้กระซิบ อย่างน้อยก็ดังจนอิคลีปส์แทบหันขวับกลับมามอง

    “อะไรน่ะ” อิคลีปส์ถาม

    “อย่าไปสนใจเลยน่า ผัวเมียทะเลาะกัน เรื่องปกติ” เรอิสตอบอย่างไม่ใส่ใจ

    ---

    ทั้งสี่เดินมาถึงห้องชมรมฟันดาบ แม้ห้องจะปิดล็อคอยู่ แต่อิคลีปส์เอาลวดงัดแงะประตูเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

    สองหนุ่มใส่ชุดเกราะและเลือกดาบของตน เรอิสเลือกดาบยาวที่น้ำหนักเบา ใช้ง่ายถนัดมือสองเล่ม เขายิ้มอย่างมั่นใจ ดาบคู่นี่แหละเป็นอาวุธเพียงอย่างเดียวที่เขาเคยใช้สยบอิคลีปส์มาแล้ว

    อิคลีปส์ใช้ลวดงัดแงะเปิดตู้กระจกเก็บของสำคัญในชมรม หยิบดาบที่อยู่ในฝักสลักลายมังกรสวยงามออกมา แม้ไม่ใช่ดาบที่ใช้ฆ่าฟัน แต่ก็เป็นดาบที่ใช้ในการแข่งขันระดับมืออาชีพ จึงไม่ได้ใช้ง่ายน้ำหนักเบาอย่างดาบทั่วไปในห้อง

    “ฉันไม่ออมมือนะ เรอิส”

    “ฉันกะแล้วว่านายต้องพูดแบบนี้”

    ทั้งสองเดินไปประจำตำแหน่งหน้าห้องชมรม ในเวทีจำลองที่ใช้ชอล์คขีดไว้ ดวงตาสีฟ้าอ่อนกับนัยน์ตาคู่งามสีน้ำตาลฉายประกายแน่วแน่ จ้องประสานกันราวกับสื่อใจถึงกันได้

    “จากนี้ไปจะเป็นการประลองระหว่างเรอิส เรย์แลน กับอิคลีปส์ เนห์คาร์ด... เริ่มได้!

    ทันทีที่ฟาร่ากล่าวเปิดงานจบ เด็กหนุ่มทั้งสองก็วิ่งตรงเข้าฟาดฟันกันทันที ในดวงตาทั้งสองคู่เต็มไปด้วยประกายมุ่งมั่น ว่าจะไม่มีวันอ่อนข้อหรือยอมแพ้ให้อีกฝ่ายแน่

    เคล้ง! เคล้ง!

    เสียงดาบตวัดแหวกอากาศและกระทบกันดังอย่างไม่ขาดสาย ทั้งสองผลัดรุกผลัดรับ ฟาดฟันกันอย่างสูสี แม้จะเป็นเพียงการเล่นฟันดาบกัน แต่ทั้งคู่ก็จริงจังด้วยเกียรติแห่งลูกผู้ชายและด้วยตำแหน่งอดีตประธานชมรมกับรองประธานชมรม

    “ไม่เลว ๆ คราวนี้ฉันจะเอาจริงล่ะนะ”

    ทันทีที่อิคลีปส์พูดจบ เพลงดาบของเขาก็เปลี่ยนไป รวดเร็ว คล่องแคล่ว และเฉียบขาดขึ้น ราวกับว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการลองเชิง จากที่สูสีตอนนี้เรอิสเริ่มเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เขาทำได้เพียงตั้งดาบป้องกันอย่างยากลำบาก โดยไม่อาจหาช่องว่างโต้ตอบได้เลย ฝีดาบชองอิคลีปส์เฉียบขาดจนฟาร่ากับมาร์คัสถึงกับมองตาไม่กะพริบ

    “ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป นายเสียคะแนนบานเลยล่ะ”

    อิคลีปส์ต้อนเรอิสจนแทบหงายหลังหลุดออกจากเวที หากคนเสียเปรียบยังยืนยันจะไม่ยอมแพ้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มยังคงแน่วแน่เช่นเดิม

    เด็กหนุ่มผิวคล้ำฟาดดาบสุดท้ายปิดเกมเต็มแรง หากคนใกล้แพ้ยกดาบขึ้นตั้งป้องกันได้อย่างทันท่วงที ทว่า...

    ดาบคู่ในมือเรอิสกลายเป็นสีแดง ทั้งคนหน้าสวยและอิคลีปส์รู้สึกได้ถึงไอร้อนประหลาดจากดาบทั้งสอง โดยเฉพาะอิคลีปส์ที่ถึงกับแทบจับดาบไม่ไหว แต่ก็ยังฝืนกำดาบแน่น ฟาดเข้าซัดเรอิสให้หนักขึ้น

    ดาบแกร่งของอิคลีปส์สามารถผ่ากลางดาบคู่ของเรอิส... ไม่สิ ดาบคู่ของเรอิสผ่าทะลุดาบของอิคลีปส์... ไม่สิ...

    ...ดาบทั้งสามหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน กลายเป็นประติมากรรมประหลาด...

    พออิคลีปส์กับเรอิสเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองถึงกับตกตะลึงกับเรื่องเหนือธรรมชาติ โดยเฉพาะเรอิสที่ถึงกับนิ่งค้างราวกับถูกสาป

    ...เกิดอะไรขึ้นนะ เหมือน ร้อนวาบไปทั้งตัว และเรื่องดาบนั่นมันอะไรกัน...

    ท่ามกลางความชุลมุนนั่นเอง ฟาร่าเหลือบไปเห็นเพื่อนนักเรียนหญิงที่คุ้นเคยอยู่ที่มุมห้องไม่ไกลนัก

    “อ้าว ลูเซีย...” เด็กสาวรีบหลบเข้ามุมตึกทันทีที่ได้ยินฟาร่าทัก อิคลีปส์พอจะสัมผัสได้ถึงเค้าลางความวุ่นวาย ทางออกที่ง่ายที่สุดของทุกปัญหาจึงบังเกิด

    ...มีคนเห็นแล้ว เผ่นเถอะ...

    อีคลีปส์จับมือเรอิสกับฟาร่า พาทั้งสองวิ่งหนีสายตาลูเซียทันที โดยหวังว่านักเรียนใหม่จะไม่ปากสว่าง และพวกตนจะไม่ถูกเปิดโปงว่าลักลอบเข้าโรงเรียนและแอบวางเพลิงปริศนา

    ---

    ตอนนี้เหลืออยู่เพียงเพื่อนรักสามคนที่ร้านกาแฟ โดยมาร์คัสไม่ได้ตามมาสมทบด้วย ตรงหน้าพวกเขาคือเค้กก้อนใหญ่

    “สุขสันต์วันเกิดนะ เรอิส” ฟาร่ากับอิคลีปส์กล่าวขึ้นพร้อมกัน ก่อนทั้งสามจะยกน้ำส้มขึ้นชนแก้ว และเป่าเค้ก กินเค้กฉลองวันเกิดกันตามประสาเพื่อนเก่า

    ---

    หลังจากที่ฉลองกันอย่างสนุกสนาน งานเลี้ยงก็เลิกราเมื่อเค้กหมด ทั้งสามพูดคุยเรื่องจริงจัง

    “นายจะบอกว่า ความฝันแปลก ๆ ของนาย แล้วไอ้ที่ดาบละลายนั่น เกี่ยวข้องกับลูเซียสินะ”

    อิคลีปส์ถามเสียงเครียดหลังจากที่ได้ยินความฝันทั้งหมดของเรอิส

    “ใช่.. ก่อนวันที่เจอลูเซีย ฉันไม่เห็นจะฝันอะไรเป็นพิเศษเลย หยิบจับอะไรก็ไม่เคยเห็นจะละลาย”

    พอได้ยินเช่นนั้น ทั้งสองก็รู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันธรรมดา ๆ แต่มีความหมายอะไรสักอย่างแน่นอน

    ...ทำไมคนที่ต้องเผชิญทุกอย่างต้องเป็นเรอิสด้วยนะ...

    หลังจากที่คุยกันมานานแต่หาคำตอบไม่ได้ อิคลีปส์ซึ่งเคร่งเครียดมานานจึงยุติบทสนทนาหนักสมอง เขามอบถุงเล็ก ๆ ให้เรอิส

    “ฉันไม่ค่อยมีเวลาเลือกซื้อของขวัญนักหรอกนะ ยังไงก็ สุขสันต์วันเกิดนะเรอิส” อิคลีปส์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม... หากเศร้าอย่างผิดสังเกต

    เด็กหนุ่มหน้าสวยหยิบของขวัญวันเกิดออกมาดู เป็นจี้ห้อยคอรูปดาบไขว้กัน เขาห้อยจี้ไว้ที่คอพลางยิ้มน้อย ๆ อย่างชื่นชม

    “จี้เท่มากเลย ขอบใจนะอิคลีปส์”

    “เรอิส ตอนนี้นายก็อายุสิบแปดแล้ว จากนี้ไปชีวิตของนายจะต้องเจออะไรอีกมาก ขอให้นายเข้มแข็งไว้นะ ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ” อิคลีปส์ลุกขึ้นยืน อวยพรเรอิสด้วยน้ำเสียงและท่าทางจริงจังจนผิดสังเกต

    “แล้วเราจะได้พบกันอีก” เด็กหนุ่มผิวคล้ำทิ้งท้าย ก่อนฝากเงินค่าขนมไว้ที่ฟาร่าและรีบลุกขึ้นเดินจากไปอย่างไม่เหลียวหลัง ไม่ทันให้อีกสองคนได้ลา

    ฟาร่ามองตามเพื่อนรักของตนไป เหลือบไปเห็นเขาวิ่งไปสมทบกับเด็กสาวผมสีเงินคนหนึ่ง ทั้งสองคุยกันอยู่ครู่หนึ่งด้วยท่าทางเหมือนอยู่เหนือเขาก่อนเดินจากไป แม้ไม่อยากก้าวก่ายแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นใครกันแน่ เธอรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างในตัวเด็กสาวแปลกหน้าคนนั้น จึง

    ...ใครกันนะ ดูไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ไม่น่าใช่เพื่อน ไม่น่าใช่แฟน...

    แปลกดีนะ ไม่เคยเห็นอิคลีปส์ก้มหัวให้ใครเหมือนพ่อบ้านในหนังเลย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×