ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [On hiatus] Legend of Quarderinn

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 : New Teacher ครูใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 56


    รอบกายเขาคือห้องโถงใหญ่ แม้ไม่ได้ดูโอ่อ่าใหญ่โตเหมือนปราสาทในเทพนิยายเจ้าชายเจ้าหญิง แต่ก็แลดูหรูหราไม่แพ้กัน ที่ผนังมีภาพสลักสวยงามราวกับมีชีวิตจริง ประดับประดาด้วยอัญมณีเลอค่าหลากสี เป็นภาพสงครามและสัตว์ประหลาดสี่ตัว เหมือนเป็นตำนานสักอย่างที่เขาไม่เข้าใจ

    เด็กหนุ่มยกมือขึ้นคลำรูปสลักวิหคสีแดงเพลิง สีเดียวกับผมของเขา ทันใดนั้นทับทิมเม็ดงามซึ่งเป็นดวงตาของนกนั้นก็พลันสว่างวาบ...

    “กำลังมีคนปองร้ายเด็กคนนั้น...”

    ---

    เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมา พบว่าตนยังคงนั่งอยู่ที่ห้องน้ำชาย เขานั่งหลับมานานขนาดไหนไม่ทราบได้

    ...นั่งส้วมแค่แปบเดียวยังอุตส่าห์ฝันได้อีกเนอะ...

    เขารีบทำความสะอาดทุกอย่างให้เรียบร้อยและล้างมืออย่างสบายใจเฉิบ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องเรียน ทว่า...

    โครม!!

    ใครสักคนวิ่งตรงเข้ามาเร็วจนหยุดไม่ทัน ชนเรอิสเข้าอย่างจังเสียจนล้มลงกับพื้นทั้งคู่ เด็กหนุ่มล้มหงาย ส่วนร่างเล็กบางของอีกคนล้มคร่อมเขา ทั้งสองแนบชิดกันเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจ

    ...ราวกับว่าภาพเมื่อตอนเช้ามันย้อนกลับมาอีกครั้ง เพียงแค่สลับตำแหน่งและเปลี่ยนสถานที่เป็นห้องน้ำชาย...

    “จ...เจ๊ากันแล้วสินะ ตาลามก”

    เสียงแหลมใสที่ฟังอย่างไรก็เป็นเสียงเด็กผู้หญิงของคนร่างเล็ก เรียกสติของคนโดนคร่อมขึ้นมา ใบหน้าของเขาที่เคยซีดจากการทำกิจหนักก็แดงก่ำยิ่งกว่ามะเขือเทศขึ้นมาทันใด เช่นเดียวกับใบหน้าอ่อนวัยของคนคร่อม

    “เฮ้ย!!” พอเรอิสปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กหนุ่มก็ถึงกับร้องสุดเสียงด้วยความโกรธ ความตกใจ หรือความอายไม่ทราบได้

    “เธอเข้ามาทำอะไรในนี้!

    “ก...ก็มาเข้าห้องน้ำไง” เด็กสาวตอบ ท่าทางซื่อ ๆ แต่หารู้ไม่ว่าทำให้อีกฝ่ายยิ่งหนักใจ

    “นี่มันห้องน้ำชาย อั้นไปอีกแค่สามก้าวก็ถึงห้องน้ำหญิงแล้ว ไม่ไปล่ะ”

    “ห้องน้ำชาย? ห้องน้ำหญิง? เพิ่งรู้ว่าเมืองนี้มีแยกห้องน้ำด้วย ทำไมต้องแยกด้วยล่ะ” คำตอบและน้ำเสียงใสซื่อของอีกฝ่ายทำเอาเด็กหนุ่มแทบเอามือก่ายหน้าผาก

    ...โตหมาเลียก้นไม่ค่อยจะถึง ยังไม่รู้จักห้องน้ำชายหญิงอีก โอ้ชีวิต...

    เรอิสขี้คร้านจะอธิบาย จึงพยายามจะตัดบทและลุกขึ้น หากเรียวแขนบอบบางของลูเซียที่ล็อคเขาไว้กลับแข็งแรงผิดคาด

    “นายลามก นายรู้อะไรเกี่ยวกับเรอิส เรย์แลนมั่ง บอกมาให้หมดเลยนะ” พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบ ลูเซียจึงเข้าประเด็นสำคัญ คาดคั้นข้อมูลของ เรอิส เรย์แลนทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับตกใจที่จู่ ๆ ก็มีเด็กสาวแปลกหน้ามาถามเอาข้อมูลส่วนตัว ทั้งที่ไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อน แถมตัวเขาเองก็แทบไม่เป็นที่รู้จักด้วย

    “นายรู้อะไรเกี่ยวกับเรอิส เรย์แลนก็บอกมา” พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตอบ เด็กสาวจึงถามย้ำ

    “เธอจะเอาอะไรกับฉันอีก” เด็กหนุ่มย้อนถามอย่างไม่สบอารมณ์

    “เอ๊ะ นายนั่นแหละจะอะไรนักหนา ฉันแค่ถามข้อมูลเขา แล้วนายจะหวงไปไหน แฟนนายรึไง” พอไม่ได้คำตอบสักที ลูเซียจึงหงุดหงิดขึ้นมา

    “ฉันนี่แหละ เรอิส เรย์แลน!

    พอได้ยินคำตอบ ลูเซียก็ถึงกับตะลึง เธอไม่เชื่อหูเลยว่า ตาลามกที่ก่อวีรกรรมเมื่อเช้า คือคนเดียวกับที่เธอกำลังหาข้อมูล

    ดวงตากลมโตสีแดงของนักเรียนใหม่พิจารณาคนถูกคร่อมอย่างถี่ถ้วนตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับว่าจะมองทะลุเข้าไปถึงไส้ใน เนิ่นนานจนกระทั่ง...

    “ลูเซีย...” เด็กหนุ่มเรียกเธอ ไม่มีคำตอบใด ๆ นอกจากใบหน้าของเด็กสาวที่แดงระเรื่อขึ้นกว่าเดิม

    “อยากมองก็มอง แต่ช่วยลุกก่อนได้ไหม!

    เลือดลมบนใบหน้าสวยที่เกือบจะปกติก็กลับมาแดงแข่งกับมะเขือเทศอีกครั้ง พอลูเซียนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังนอนอยู่ตำแหน่งไหนก็แทบกระโดดลุกขึ้น ใบหน้าของเธอแดงก่ำไม่แพ้กับเรอิส ก่อนจะวิ่งออกจากห้องน้ำไป ทิ้งให้เด็กหนุ่มนอนเคล็ดขัดยอกอยู่กับพื้น

    “ไม่คร่อมกันต่อแล้วล่ะ ไม่สนุกเลย”

    “เห็นเงียบ ๆ ที่แท้แรงนะเนี่ย พาผู้หญิงมาคร่อมคาห้องน้ำชายเลย”

    “แต่งงานเมื่อไรส่งการ์ดบอกเพื่อนฝูงด้วย”

    เพื่อน ๆ ห้องม.6/3 มาสังเกตการณ์อยู่หน้าห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบได้ พากันส่งเสียงโห่ฮาสลับหยอกล้อทันทีที่เห็นลูเซียวิ่งจากไป

    “ท่าดีทีเหลวนะเรอิส รุกซะดี สุดท้ายก็ปล่อยไปโง่ ๆ”

    เด็กหนุ่มร่างกำยำผมสีเขียวย่างสามขุมเข้ามาหาเรอิส เพียงมองแววตาคนตัวสูงใหญ่ก็อดปวดเศียรเวียนเกล้าไม่ได้ เขารู้สึกได้ถึงเค้าลางหายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามา

    “อุ้ย จะล้ม ๆ” เด็กหนุ่มผมสีเขียวแสร้งทำเป็นจะล้มหน้าคะมำทับเด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิง

    แม้คนตัวเล็กกว่าอยากต่อยสั่งสอนให้หน้าหัน แต่ก็รู้ดีว่าชกต่อยสู้ยังไงก็แพ้ จึงได้แค่ยืนนิ่ง ๆ ส่งสายตาอาฆาต

    โครม!!

    มีพลังงานหรืออะไรไม่ทราบได้ ผลักเจ้าคนกวนประสาทจนล้มคร่อม... ไม่สิ ล้มทับเรอิสอย่างจัง ริมฝีปากใกล้กันจนแทบจะเสียอธิปไตย ใบหน้าของคนโดนทับแดงขึ้นมาอย่างหาเหตุผลไม่ได้ว่าหายใจไม่ออก โกรธ หรืออายกันแน่ บนหลังของคนผมสีเขียวมีรอยรองเท้าประทับอยู่ เบื้องหลังของคนโดนถีบคือเด็กหนุ่มผมสีเงินนามคลิฟฟอร์ดซึ่งยังยกเท้าค้างไว้ท่าเดิม

    “คนท่าดีทีเหลวน่ะนายต่างหากกิล จะล้มแหล่มิล่มแหล่อยู่นั่นแหละ ไม่ล้มจริงสักที ลูกผู้ชายจะล้มต้องล้มให้จริงเฟ้ย” คลิฟฟอร์ดเทศน์ เรียกเสียงฮือฮาให้กระหึ่มยิ่งขึ้นอย่างชื่นชมปนสะใจ โดยเฉพาะในหมู่สาว ๆ ที่กำลังกรี๊ดกร๊าดสลับหัวเราะคิกคักอย่างสุขสม

    ...แต่เรอิสหาได้รู้สึกถึงความเท่ไม่... ในเมื่อเขานี่แหละผู้เสียหาย...

    “เล่นอะไรไร้สาระ กลับห้อง”

    เสียงแข็งกร้าวอันเย็นชาแปลกหูของชายคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหลังของเหล่าม.6/3 มุง สร้างความรู้สึกเย็นวาบข้างหลังให้กับนักเรียนทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ทุกคนจึงละความสนใจจากเรอิส เดินกลับห้องเรียนอย่างเงียบกริบ

    ระหว่างที่เดินกลับห้องอยู่นั่นเอง เรอิสรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์หรือพลังงานประหลาดบางอย่างที่ชวนให้เสียวสันหลัง แต่ก็เดินกลับห้องอย่างไม่สนใจนัก

    ...หาได้สนใจไม่ ว่าเหตุการณ์พลิกชีวิตใกล้เข้ามาแล้ว...

    ---

    ชายร่างสูงชะลูดหากดูแข็งแกร่งยืนอยู่หน้าห้อง ผิวขาวซีดกร้านแดดกร้านลมบ่งบอกว่าผ่านชีวิตมามาก เสื้อแขนยาวมีฮู้ดสีดำแทบจะบดบังหน้าจนมิด เผยให้เห็นปอยผมดำเล็กน้อย และดวงตาสีทองดุดันและลึกลับราวกับแฝงไว้ด้วยปริศนา

    ชายแปลกหน้ายืนกอดอกอย่างนิ่งเฉยหน้าห้องอยู่ครู่ใหญ่ ยังคงไม่ปริปากพูดอะไร หลังจากที่นักเรียนเก็บกองไพ่ตรงหน้าเสร็จแล้ว ต่างก็พากันมองชายคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างงุนงงว่าเขาเป็นใครกันแน่

    ...ตานั่นใครกัน อย่าบอกนะว่าครูสอนวรรณคดี...

    “ลูเซีย ตานั่นใครกัน” เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งถาม แม้เด็กใหม่จะไม่พอใจกับสรรพนาม “ตานั่น” แต่เธอก็ยอมแนะนำชายหน้าให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก

    “พูดดี ๆ หน่อยสิ นั่นพี่ชายฉัน ชื่อพี่ฟอลคอน เขามาเป็นครูสอนวิชาวรรณคดี”

    หลังจากที่แนะนำคุณครูใหม่ให้ทั้งห้องรู้จักแล้ว ทุกคนก็ยิ่งพิจารณาชายหน้าห้องอย่างไม่เชื่อสายตา

    “หน้าไม่รับแขกอย่างนี้เนื่ยนะครูใหม่”

    “แต่งตัวซะกลัวเจ้าหนี้จำได้ หลุดมาจากการ์ตูนสายลับนักสืบอะไรเนื่ย”

    “พี่น้องอะไร หน้าไม่เห็นมีเค้าเลย”

    พอรู้ว่าคนตรงหน้าคือครูใหม่ หน้าตาก็ดูอายุยังไม่น่าถึงสามสิบ นักเรียนก็พากันวาพากษ์วิจารณ์ครูใหม่กันอย่างสนุกปาก จนกระทั่ง...

    “นี่สินะ ห้องม.6/3 ไร้อารยธรรมสิ้นดี”

    น้ำเสียงเย็นยะเยียบและคำพูดรุนแรงแทงใจของชายหนุ่มทำเอาร่วมสี่สิบชีวิตถึงกับชะงัก ทั้งห้องเงียบสนิทเหลือเพียงเสียงหายใจ

    “หยิบสมุดขึ้นมาเดี๋ยวนี้” เสียงเย็นเยียบของชายคนนี้ทำเอาทุกคนก้มลงหยิบสมุดอย่างยอมจำนน แม้ยังแคลงใจอยู่ก็ตามว่าเจ้าคนพันธุ์ดุหน้าห้องจะมาไม้ไหน

    พอทุกคนควานหาสมุดจนเจอก็เงยหน้าขึ้นมา ทุกคนพากันมองกระดานอย่างตะลึงพรึงเพริด จากที่ตอนแรกว่างเปล่า เพียงไม่ถึงนาทีกลับมีบทกลอนประหลาดเขียนไว้อย่างอัดแน่นเต็มกระดานราวกับเสกขึ้นมา

    “นี่คือ บทเพลงมังกรเขียนกลอนนี้ให้เสร็จ ไม่เสร็จไม่ต้องออกจากห้อง” ชายหนุ่มประกาศกร้าวอย่างที่นักเรียนไม่อาจขัดขืนได้ ก่อนหันไปสบตากับเรอิส

    ดวงตาดุดันสีทองของครูใหม่จับจ้องนัยน์ตาสีแดงเพลิงเนิ่นนานราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่าง เกรี้ยวกราดราวกับจะฆ่าเสียให้ตาย แม้นักเรียนหน้าสวยอยากก้มลงคัดกลอนให้เสร็จ ๆ เสียที หากเหมือนมีพลังหรืออำนาจอะไรบางอย่างจากดวงตาสีทองที่ทำให้เด็กหนุ่มไม่อาจขยับได้

    ...ทำโทษให้มันจบ ๆ ไปเลยสิครู จ้องทำไมนักหนา จะมาไม้ไหนกันเนี่ย...

    พอรู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเริ่มอึดอัดใจระคนกลัว ครูใหม่จึงยิ่งจ้องตา พลางยิ้มน้อย ๆ อย่างได้ใจ ทำให้อีกฝ่ายยิ่งรู้สึกได้ถึงรังสีบางอย่างที่กำลังคุกคามตนอยู่ ยิ่งทำเอาคนโดนจ้องขยับกายไม่ได้ราวกับถูกสาปเป็นหินด้วยสายตา

    เมื่อเห็นภาพที่หาได้ยากเช่นนี้ นักเรียนหญิงจึงพากันมองเรอิสสลับกับครูฟอลคอน พลางหัวเราะคิกคักและซุบซิบนินทากันอย่างเปรมปรีดิ์ แต่ครูฟอลคอนก็ไม่ใส่ใจ

    “เสร็จแล้ว!!” น้องสาวของครูฟอลคอนร้องเสียงดังอย่างยินดี ทำเอาทั้งห้องที่กำลังเมื่อยมือหันขวับมามองกันให้หน้าหันอย่างแปลกใจ ในเมื่อคนที่คัดเร็วที่สุดยังคัดได้ไม่ถึงครึ่งบทเลย

    ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มเรือนผมสีเงินนามคลิฟฟอร์ดหาได้สนใจลูเซียหรือใครไม่ เขานั่งเอกเขนกอย่างสบายอารมณ์ สมุดยังคงว่างเปล่า

    คลิฟฟอร์ดหยิบปิคโคโลสีเงินเลาน้อยขึ้นมาจากกระเป๋า ยกขึ้นจรดริมฝีปาก ก่อนเรียวนิ้วทั้งสิบจะเริ่มวาดลวดลาย เป็นท่วงทำนองไพเราะแปลกหูเกินความเข้าใจของทุกคนในห้อง แม้จะแผ่วเบาแต่กลับทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ

    ที่สำคัญคือจังหวะของเพลงนี้กลับเข้ากับบทกลอนบนกระดานของครูฟอลคอน ราวกับว่าเป็นอันหนึ่งเดียวกัน

    บทเพลงแปลกหูนี้มีพลังประหลาดนัก มือที่เมื่อยล้าของนักเรียนทั้งหลายกลับมามีกำลัง ทั้งยังดึงเด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิงออกมาจากอำนาจของดวงตาสีทอง ทำให้เขากลับมาขยับได้อีกครั้ง

    ...ออกโรงแล้วสินะ ไนติงเกลสีเงิน...

    ที่น่าแปลกที่สุดคือ ทั้งลูเซียและครูฟอลคอนต่างก็เพลิดเพลินและซาบซึ้งกับบทเพลงประหลาดนี้เป็นพิเศษ ราวกับว่าพวกเขาเข้าใจบทเพลงนี้เป็นอย่างดี

    ทว่า จากที่เคลิบเคลิ้มกับบทเพลงอยู่ จู่ ๆ ครูฟอลคอนก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาตรงรี่ไปที่โต๊ะของคลิฟฟอร์ดด้วยท่าทางคุกคามยิ่งกว่าคราวเรอิสเสียอีก

    “แกไปรู้จักเพลงนี้มาจากไหน”

    ท่าทางของครูฟอลคอนเกรี้ยวกราดจนน่ากลัว ดวงตาสีทองพิจารณาเด็กหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับจะมองให้ลึกลงไปถึงจิตใจ ละเอียดถี่ถ้วนยิ่งกว่าตอนมองเรอิสเสียอีก ลูเซียเองก็หันมามองเด็กหนุ่มอย่างละเอียดเช่นเดียวกัน

    “...ม...ไม่น่าเชื่อ” ครูฟอลคอนพึมพำเสียงเครียด ก่อนจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีเขียวมรกต ราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังดวงตาคู่นั้น หากอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้าน

    “อะไรครับ ผมก็แค่อ่านกลอน จินตนาการเป็นทำนองเพลง แล้วก็เป่าออกมาครับ” เด็กหนุ่มตอบคำถามเสียงดังฟังชัด หาได้กลัวคุณครูไม่

    ดวงตาสีทองยิ่งจ้องเขม็ง พร้อมกระชากปิคโคโลเลาน้อยออกจากมือของพ่อหนุ่มนักดนตรี

    “บทเพลงมังกรเป็นเพลงศักดิ์สิทธิ์ เด็กไม่มีสมองไม่มีสิทธิ์เอามาเล่นไม่รู้ที่ต่ำที่สูงอย่างนี้หรอก”

    “พวกแกสองคน คัดมาคนละ 5 จบภายในวันนี้!” ครูฟอลคอนชี้หน้าเรอิสสลับกับคลิฟฟอร์ด ก่อนประกาศลงโทษที่ทำให้ทั้งสองถึงกับโอดครวญ ทำเอาทั้งห้องถึงกับตกใจ

    ...ให้โดนจ้องทั้งคาบยังรู้สึกดีกว่านี้เลย...

    “ถ้าครูไม่อยากให้ใครแตะต้องบทกลอนสุดรักสุดหวง แล้วทำไมถึงไม่อธิบายอะไรเลยล่ะ” คลิฟฟอร์ดประท้วงเสียงแข็ง แต่ก็ไม่เป็นผล ครูฟอลคอนเดินจากไปอย่างไม่สนใจไยดี ส่วนลูเซียจ้องคนผมสีเงินเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

    ...เงียบ สงสัยผิดจริงเลยเถียงไม่ออก กลัวเสียหน้าล่ะสิ...

    ---

    หนึ่งวันผ่านไปอย่างเชื่องช้าและทรมานสำหรับเรอิส เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องเรียนพลางนวดมือไปด้วย ทว่า...

    “เรอิสชอบกินเผ็ดเหรอ ครั้งหน้าฉันต้องทำแกงกะหรี่สูตรพิเศษพริกร้อยเม็ดให้เรอิสแล้วล่ะ”

    “จับเรอิสวิ่งแข่งไม่ก็งัดข้อสิ ยังไงเจ้านั่นก็แพ้ ขนาดแข่งกับฟาร่ายังไม่ค่อยจะชนะเลย”

    ฟาร่า มาร์คัส และลูเซียกำลังคุยเรื่องตนอย่างออกรส โดยนักเรียนใหม่พยักหน้าหงึกหงักพลางเก็บข้อมูลอย่างสนอกสนใจ ดูท่าทางถูกคอราวกับว่าเด็กใหม่กำลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มของตนแล้ว

    “ฟาร่า เย็นแล้ว กลับบ้านกัน” เด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิงพยายามทำเป็นไม่สนใจลูเซีย เขาดึงมือฟาร่าจะเดินกลับบ้าน แต่เด็กสาวยังคงเจรจากับเพื่อนใหม่อย่างถูกคอ

    “ดึงมือกลับบ้านกันอย่างนี้ ฟาร่ากับเรอิสเป็นแฟนกันเหรอ ไหนพวกนายบอกว่าเรอิสยังโสดนี่” ลูเซียถามอย่างสนใจ พลางมองเรอิสสลับกับฟาร่าตาลุกวาว ทำเอาทั้งสองถึงกับมองหน้ากันตาปริบ ๆ พูดอะไรไม่ออก

    ยังไม่ทันได้มีใครตอบคำถามของลูเซีย คุณครูใหม่ก็ออกมาจากห้องพักครู และกระชากมือน้องสาวลากกลับบ้านไป

    “บ๊ายบายฟาร่า บ๊ายบายมาร์คัส บ๊ายบายตาเรอิสลามก พรุ่งนี้จะมาหาข้อมูลใหม่นะ” เด็กหญิงตะโกนลา ฟาร่ากับมาร์คัสหัวเราะน้อย ๆ ให้กับท่าทางของเธอ หากเรอิสยืนนิ่งเฉย ในหัวประเมินสถานการณ์ของตนกับความฝันเมื่อตอนแอบงีบในห้องน้ำ เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่านั่นไม่ใช่ความฝันธรรมดา

    “กำลังมีคนปองร้ายเด็กคนนั้น...”

    ...เด็กคนนั้นหมายถึงตัวฉันเอง ส่วนคนที่ปองร้ายฉันคือพวกลูเซียกับไอ้ฟอลคอนพันธุ์ดุสินะ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×