ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [On hiatus] Legend of Quarderinn

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : New Girl เด็กใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 56


    เขายืนอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ ไกลออกไปอีกฟากหนึ่งคือหญิงสาวผู้เลอโฉม งามสง่าดุจนางสวรรค์ ร่างเพรียวระหงดูรับกับอาภรณ์สีขาวสะอาดประดับอัญมณี เรือนผมสีแดงเพลิงยาวสลวยถึงกลางหลังแลดูงดงามราวเส้นไหมชั้นดี แม้มองไกล ๆ ไม่เห็นรายละเอียดชัดเจนนัก เขาก็รู้ดีว่านางไม่ธรรมดา อย่างน้อยนางก็ต้องเป็นสตรีสูงศักดิ์ หรืออาจมีอะไรมากกว่านั้นแน่

    แม้พยายามมองว่าตนเห็นเพียงหญิงสาวผู้ดีธรรมดา ๆ หากเหมือนมีเสน่ห์ พลัง หรืออำนาจเกินความเข้าใจอะไรบางอย่างในตัวที่กลับตรึงเขาไว้ไม่ให้ละสายตาไปจากนางได้

    “เรอิส...”

    ---

    “...ตื่นได้แล้ว สายแล้วนะ เรอิส”

    ดวงตะวันลอยขึ้นประดับฟ้าได้สักพักแล้ว เสียงใสพร้อมแรงเขย่าคอเสื้อของเด็กสาวคนหนึ่งปลุกเด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิงให้ตื่นขึ้นมาสู่โลกความจริง เขางัวเงียคว้านาฬิกาปลุกมาดูอย่างไม่สบอารมณ์ปนง่วงนอน

    “สายอะไรยายฟาร่า หกโมงเอง” เด็กหนุ่มนามเรอิสว่า ก่อนล้มตัวลงนอนก่อน หากเด็กสาวดึงนาฬิกาปลุกไปดูสลับกับนาฬิกาข้อมือของเธอ

    “หกโมงที่ไหนกัน เจ็ดโมงครึ่งแล้ว นาฬิกาตายมาตั้งสามวันแล้วยังไม่ซื้อใหม่สักที ไปอาบน้ำเลยตาเรอิส” เด็กสาวผมสีชมพูอ่อนว่า ก่อนกระชากลากถูคนเพิ่งตื่นไปอาบน้ำแปรงฟันแต่งตัว

    ---

    ห้องม.6/3 โรงเรียนบลูแอนทาเรสที่เคยครึกครื้น ยามนี้นักเรียนทั้งหลายเงียบเสียงลงแล้ว มีอยู่สามโต๊ะที่ยังว่างเปล่า หน้าห้องมีชายวัยกลางคนร่างสูงโปร่ง คือครูประจำชั้นนามเบรนแดนยืนกอดอกอยู่ โดยมีเด็กหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งยืนมองรอบ ๆ ห้องอย่างฉงนอยู่ไม่ไกลนัก

    “วันนี้ครูพาน้องพานุ่งที่ไหนมาเนี่ย ระวังคุกนะครู” เด็กหนุ่มผมเขียวหลังห้องแซวทันทีที่เห็นเด็กสาวคนนั้น แต่ครูประจำชั้นก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน

    “นับจากวันนี้ พวกเรามีเพื่อนใหม่แล้ว” ครูเบรนแดนประกาศให้ทั้งห้องได้รับรู้ พร้อมผายมือไปทางเด็กหญิงแปลกหน้า สายตาร่วมสี่สิบคู่มอง นักเรียนใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่เชื่อสายตา

    ...เนี่ยนะ เด็กม.6...

    นักเรียนใหม่คนนี้เป็นเด็กหญิง... ไม่สิ เด็กสาวร่างเล็กบางราวกับเด็กประถม ผิวขาวอมชมพูนวลเนียนไร้ตำหนิราวกับผิวเด็ก เรือนผมสีชมพูสดยาวจรดเอวมัดแกละสองข้าง ใบหน้าของเธอเกลี้ยงเกลาดูอ่อนเยาว์ ดวงตากลมโตสีแดงแลดูสว่างไสวไร้เดียงสา เข้ากับรอยยิ้มร่าเริงแจ่มใส ดูอย่างไรก็ไม่น่าเชื่อว่าเป็นเด็กม.6 หากบอกว่าเป็นเด็กป.6 ก็ดูจะน่าเชื่อกว่า

    “เด็กใหม่รึเนี่ย คิดว่าน้องนุ่งใครหลงมาซะอีก” นักเรียนคนหนึ่งกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อทั้งหูทั้งสายตา

    “ใช่ ครูก็ไม่ค่อยอยากเชื่อเหมือนกันว่านี่คือเด็กใหม่ม.6 แนะนำตัวสิ” ครูเบรนแดนกล่าวน้ำเสียงเรียบเฉยเช่นเดิม

    “สวัสดีจ้ะทุกคน ฉันชื่อ...”

    เด็กหญิงกล่าวเสียงใสแบบที่ฟังยังไงก็เสียงเด็กประถม แต่ยังไม่ทันที่นักเรียนใหม่จะได้แนะนำตัว นักเรียนหญิงคนหนึ่งวิ่งเข้าห้องเรียน เป็นเด็กสาวร่างสูงโปร่งคล้ายนักกีฬา แม้ผิวไม่ถึงกับขาวนวลเนียนเหมือนสาว ๆ ทั่วไปแต่ก็ขาวอมชมพูดูสุขภาพดี และดูเหมือนว่าเพิ่งออกกำลังกายมาหมาด ๆ เรือนผมสีชมพูอ่อนคล้ายกลีบซากุระยาวประบ่าแลดูทะมัดทะแมง แม้ใบหน้ารูปไข่และดวงตาสีอาเมทิสต์ไม่ได้ถึงกับสวยหยาดเยิ้มน่าหลงใหล แต่ก็น่ารักสมวัยและประดับด้วยรอยยิ้มสดใส

    “ขอโทษค่ะที่มาสาย” เธอบอกครูประจำชั้น ก่อนวิ่งหักโค้งไปนั่งที่ของตนอย่างสวัสดิภาพ

    “แฮ่ก ๆ ขอโทษครับที่มาสาย”

    คนตื่นสายนามเรอิสวิ่งกระหืดกระหอบเข้าห้องเรียนตามมา เป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสมส่วน ไม่กำยำแต่ก็ไม่ถึงกับสะโอดสะอง ผิวออกจะขาวนวลเนียนกว่าผู้ชายคนอื่น ๆ จมูกโด่งสวยได้รูป ใบหน้าคมสันออกจะสวยเหมือนผู้หญิงมากกว่าหล่อ เรือนผมสีแดงเพลิงยาวระต้นคอดูเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลอมแดงและแว่นสายตากรอบสีน้ำตาลอ่อน

    เด็กหนุ่มคนนี้หาได้ดูมีทักษะด้านกีฬาไม่ จึงเบรกไม่ทัน วิ่งแหกโค้งเข้าชนเด็กหญิงนักเรียนใหม่อย่างจังจนทั้งสองถึงกับล้มคว่ำไม่เป็นท่า โดยที่...

    ...เขาล้มคร่อมทับร่างเล็กบางของเธอ ใบหน้าของทั้งสองเกือบจะแนบชิดจนได้ยินเสียงหายใจและสัมผัสได้ไออุ่น (จนร้อน) ของกันและกัน...

    เด็กหนุ่มกับนักเรียนใหม่ค้างเติ่งท่าเดิมอยู่เนิ่นนาน เช่นเดียวกับเพื่อน ๆ และครูประจำชั้นที่ถึงกับนิ่งงันราวกับถูกสาป ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวราวกับเวลาหยุดเดิน ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกันนานจนใบหน้าทั้งสองกลายเป็นสีแดงก่ำ จนกระทั่ง...

    “กรี๊ด!! อีตาบ้า อีตาลามกโรคจิต” ทันทีที่เด็กใหม่ได้สติก็ประเคนทั้งหมัดทั้งลูกเตะใส่เจ้าเด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิงด้วยพละกำลังที่ผิดกับร่างเล็กบางของเธอ ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับระบมไปทั้งตัว เขาทำได้เพียงขอโทษและรีบโกยหนีกลับที่นั่ง

    “เอ่อ... คงไม่มีเหตุขัดข้องอะไรแล้วมั้ง แนะนำตัวได้เลย” หลังจากที่ครูเบรนแดนตั้งสติได้แล้ว ก็รีบกลับเข้าเรื่องทันที ก่อนที่จะมีเรื่องบั่นทอนปัญญากันไปมากกว่านี้

    “ค่ะ... สวัสดีจ้ะทุกคน ฉันชื่อลูเซีย สวิฟท์วินด์ ยินดีที่รู้จักนะจ๊ะ”

    หลังจากที่เด็กใหม่แนะนำตัวเองไปแล้ว เพื่อน ๆ ในห้องก็เริ่มแนะนำตัวเองและทำความรู้จักกับเธอ ขณะนั้นเอง เด็กหนุ่มสี่คนหลังห้องกำลังครึกครื้นกันเอง

    “นี่พวกแกคิดว่าลูเซียอายุเท่าไร ข้าทายว่าสิบหก” เด็กหนุ่มผมสีเขียวคนที่แซวครูเบรนแดนกับเด็กใหม่เมื่อตอนแรกเอ่ย พร้อมวางเงินสามโทนาริสไว้บนโต๊ะ

    “ปลายเทอมม.6 แล้ว ข้าว่าสิบเจ็ด” เด็กหนุ่มผมสีดำทรงเดรดล็อกกับเด็กหน่มผมทรงโมฮอกว่า พร้อมวางเงินสามโทนาริส

    “หน้าเด้งกว่าก้นเด็กขนาดนี้ ยังไงข้าก็ว่าต่ำกว่าสิบห้า ที่มาเรียนที่นี่ได้นี่เด็กเส้นชัวร์ ๆ”

    เด็กหนุ่มอีกคนกล่าวเสียงใส พร้อมตบเงินสามโทนาริสลงบนโต๊ะบ้าง เป็นเด็กหนุ่มร่างค่อนข้างสูงโปร่งแต่ไม่เท่าเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ผิวของเขาขาวผ่องแต่ไม่ถึงกับซีด เรือนผมสีเงินเป็นประกายชี้ตั้งเป็นทรงหากบริเวณท้ายทอยยาวเลยบ่า ดวงตาสีเขียวแลดูสดใสซุกซนดูเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร

    “ครูว่า ถามยังไงลูเซียก็ไม่ตอบหรอก” เสียงเย็น ๆ ของครูเบรนแดน พร้อมเงินอีกสามโทนาริสที่โผล่ขึ้นมาบนโต๊ะทำเอาทั้งสี่ถึงกับเสียวสันหลัง พวกเขารู้ดีว่ายังไงตนก็เสียเงินพร้อมคะแนนแน่

    ครูเบรนแดนลุกไปถามอายุลูเซีย นักเรียนทั้งห้องพากันฟังคำตอบหูผึ่ง หากลูเซียกลับเลี่ยงได้อย่างแนบเนียน

    “สุภาพบุรุษน่ะ เขารู้ว่าอะไรควรไม่ควรถามผู้หญิงนะคะคุณครู”

    เมื่อได้ยินคำตอบ ทั้งสี่ที่พนันกันอยู่ถึงกับซีด ส่วนครูเบรนแดนยิ้มน้อย ๆ อย่างพอใจ

    “ครูชนะ งั้นเงินพวกนี้เป็นของครู ครั้งหน้าอย่าเล่นพนันอีก” ครูเบรนแดนกล่าวอย่างยินดี ก่อนโกยเงินทั้งหมดเข้ากระเป๋าของตน ทิ้งให้เด็กหนุ่มทั้งสี่ที่แพ้พนันนั่งคอตกอย่างยอมจำนน

    ช่วงเวลาทำความรู้จักกับลูเซียผ่านพ้นไปด้วยดี ทุกคนรู้จักนักเรียนใหม่มากขึ้น หากเรื่องอายุ ชีวิตวัยเด็ก และบ้านเกิดของเธอยังเป็นปริศนาต่อไป

    ---

    “โห สปีดเหนือนรก”

    “ไกลขนาดนั้นทำไปได้ไง”

    ลูเซียทำได้ยอดเยี่ยมในวิชาพละ แม้จะเป็นครั้งแรกที่เธอรู้จักบาสเกตบอล แต่พอมีเพื่อน ๆ ที่เป็นนักกีฬาโรงเรียนช่วยฝึกสอนให้ เธอก็ทำได้ดีกว่าที่ทุกคนคิด อาจดีกว่าบรรดานักกีฬาเสียด้วยซ้ำ แม้จะอยู่ทีมสีชมพูที่แพ้มาโดยตลอด แต่เธอก็คว้าชัยชนะให้ทีมมาโดยตลอด

    รองกัปตันทีมบาสเกตบอลโรงเรียน เจ้าของฉายา เจ้าชายน้ำแข็ง ยืนมองลูเซียไม่วางตา เขาเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงเพรียวดูแข็งแกร่ง ผิวขาวกร้านแดดกร้านลมอย่างนักกีฬา เรือนผมสีกรมท่าประบ่า ใบหน้าหล่อเข้มคมคายแลดูดุดัน เช่นเดียวกับดวงตาสีน้ำเงินหม่นอันแข็งกร้าวเข้าใจยากและเต็มไปด้วยปริศนา

    ทว่าสิ่งที่มาแปลกในวันนี้คือ เขามองนักเรียนใหม่อย่างแทบไม่เหลือท่าทีดุดันเย็นชาที่ทุกคนเคยคุ้น แม้ดวงตาสีน้ำเงินหม่นยังคงยากจะหยั่งถึง แต่รอยยิ้มน้อย ๆ หายากกลับปรากฏบนใบหน้าของเขา

    “ไงโทมัส เด็กใหม่เยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ” เจ้าของเรือนผมสีเงินถาม พลางมองรอยยิ้มนั้นอย่างตื่นเต้นราวกับไม่เคยพบเคยเห็น แต่ก็ไม่มีคำตอบ

    “ฮั่นแน่ ชอบลูเซียล่ะดิโทมัส ชอบก็ไปจีบเซ่” เด็กหนุ่มผมเขียวเห็นรอยยิ้มแปลกตาของคนหน้านิ่งจึงเข้ามาหยอก แน่นอนว่าไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนนิ่งขรึมที่เขาเรียก

    “แหม ๆ ๆ เงียบ สงสัยป๊อด ไร้น้ำยางี้แหละโทมัส ถึงได้โดนยัยร...”

    คำล้อเลียนทำเอาคนนิ่งขรึมนามโทมัสแทบอยากวิ่งไปชกหน้าเจ้าคนปากพล่อย แต่ยังไม่ทันได้หยอกกึ่งเหยียดเสร็จ เด็กหนุ่มผมสีเงินก็กระโดดเข้าตะครุบปิดปากของสหายผมสีเขียวอย่างทันท่วงที คนโดนเล่นหัวคลายกำปั้น หากดวงตาสีน้ำเงินหม่นยังคงจ้องคนโดนปิดปากเขม็งราวกับว่าจะกินเลือดกินเนื้อ

    “ขอบใจ คลิฟฟอร์ด” คนเย็นชาเอ่ยอย่างไม่สนใจ เขามองลูเซียต่ออีกครู่หนึ่ง

    ...ถ้าฉันสามารถยิ้มและหัวเราะอย่างร่าเริงได้อย่างเธอ ก็คงจะดี...

    ปี๊ดดด!!

    “หมดเวลา เชิญทีมสีฟ้าลงสนามได้”

    โทมัส เด็กหนุ่มผมสีเงิน และเจ้าคนปากพล่อยเดินลงสนาม ท่าทางเจ้าของผมสีกรมท่ามุ่งมั่นเป็นพิเศษที่จะได้แข่งกับลูเซีย ขณะนั้นเองที่แขนของเขาไปกระทบกับไหล่ของใครบางคนที่กำลังเดินออกจากสนาม

    ...ฟาร่า เด็กสาวเพื่อนสนิทของเรอิสนั่นเอง...

    ...

    รอยห้านิ้วบนใบหน้าของโทมัสแดงฉานใบราวกับตราบาป ดวงตาสีม่วงวาวโรจน์ราวกับว่าจะฆ่าอีกฝ่ายเสียให้ตาย

    “ฉันเกลียดแก ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัว!

    “จะไปตายที่ไหนก็ไปเลย!

    ...

    “ข...ขอโทษนะ” เด็กสาวหันกลับมาขอโทษ หากเมื่อดวงตาทั้งคู่ประสานกัน เธอก็ถึงกับนิ่งงัน ส่วนเด็กหนุ่มชายตามองอย่างเฉยชา ก่อนเดินจากไปอย่างไม่สนใจ ราวกับว่าเธอเป็นอากาศธาตุ

    ทุกคนเดินประจำที่แล้ว ดวงตาสีน้ำเงินหม่นกับนัยน์ตาสีแดงของเด็กใหม่ประสานกันอย่างแน่วแน่ ดังคำสัญญาว่าจะไม่ยอมแพ้ซึ่งกันและกัน

    ---

    ปี๊ดดด!!

    การแข่งขันจบลง ชัยชนะเป็นของทีมสีชมพูด้วยคะแนน 22-20 ทุกคนถึงกับตะลึงที่ขนาดทีมรวมพลนักกีฬาถึงสามคนยังแพ้

    โทมัสเหลือบมองเด็กใหม่พลางยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะหันไปซ้อมบาสกับเพื่อน ๆ ร่วมทีม

    “โทมัส ฉันขอเล่นด้วยนะจ๊ะ” ลูเซียเอ่ยพร้อมรอยยิ้มสดใส

    เด็กหนุ่มผู้เย็นชาตอบรับแทบจะทันที ก่อนเด็กใหม่จะร่วมเล่นกับนักกีฬาโรงเรียนอย่างสนุกสนาน เวลานี้ไม่เหลือคราบเย็นชาของโทมัส ฟิวริโอ เจ้าของฉายาเจ้าชายน้ำแข็ง เหลือเพียงเด็กหนุ่มพูดน้อยธรรมดา ๆ เท่านั้น

    ---

    ครึ่งเช้าผ่านไปอย่างราบรื่น ช่วงพักกลางวันใกล้จะจบลงแล้ว เรอิสกับเด็กสาวผมสีชมพูอ่อนนามฟาร่านั่งคุยกับเด็กหนุ่มอีกคนอย่างสนิทสนมเกินเพื่อน พลางหันไปถามเพื่อนห้องอื่น ๆ ถึงเรื่องครูวิชาวรรณคดีที่มาใหม่ แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ 

    “ครูใหม่เหรอ ไม่เห็นมีเลย สงสัยโดด”

    “เห็นว่าเพิ่งสมัครเข้ามาวันนี้ แต่ไม่เห็นมีใครมาสอนเลย ก็เลยนั่งเล่นไพ่ทั้งคาบ”

    ในเมื่อไม่มีใครรู้ข้อมูลครูใหม่... ไม่สิ ไม่มีใครเคยเจอเคยเรียนกับครูใหม่ เด็กสาวจึงยิ้มกว้างอย่างดีใจว่าคาบต่อไปว่างแน่ พร้อมหยิบไพ่ขึ้นมา

    “ฉันขอบายล่ะฟาร่า ช่วงนี้ไส้แห้ง” พอเด็กหนุ่มผมสีแดงเห็นไพ่ในมืออีกฝ่ายก็รีบปฏิเสธทันที

    “แหงล่ะ กุ้งชุบแป้งทอดอุตส่าห์หารเงินซื้อมากินสามคน พวกเราหันไปคุยกันแปบเดียวนายก็ซัดไปตั้งหลายอัน งกฉิบไอ้ไส้แห้ง”

    นักเรียนชายอีกคนที่ดูสนิทสนมกับฟาร่าว่าอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่กำยำ ผิวสีแทนกร้านแดดกร้านลมมีแผลเป็นประปราย ผมดำสั้นตั้งชี้และยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงนัก หนวดเคราสั้น ๆ และดวงตาสีเลือดหมูทำให้ดูยิ่งดุดัน แต่กลับเป็นมิตรเมื่อหันไปคุยกับฟาร่า

    “ก็ใครใช้ให้สวีทกันไม่ลืมหูลืมตา มัวแต่เม้าท์เรื่องชาวบ้านมันน่ะไม่ทันกินนา” เด็กหนุ่มผมสีแดงตอกกลับเสียงนิ่ง ๆ พร้อมยิ้มน้อย ๆ พอให้กวนประสาทอีกสองคนได้

    “สาธุ ใครมันแย่งกินขอให้จู๊ด ๆ” เด็กสาวแกล้งสาปแช่ง คนร่างกำยำหัวเราะกับท่าทางของเธอ หากเรอิสกลับมองเพื่อนสนิทพลางยิ้มเจื่อน ๆ

    ...เพราะเขารู้ดีว่าเธอแช่งอะไรมาก็เป็นจริงตลอด และมันก็เป็นจริงกับเขามาหลายครั้งแล้ว...

    ---

    ทั้งสามเดินเกือบถึงห้องเรียนแล้ว ทว่าเรอิสกลับรู้สึกได้ถึงพลังหรือมวลสารอะไรบางอย่างที่ปั่นป่วนอยู่ในตัว เขากุมท้องไว้แน่น ท่าทางทรมานไม่น้อย

    ...รอบนี้ท่าทางยัยฟาร่าปากพล่อยอานิสงส์แรงเกินคาด...

    “เข้าห้องน้ำก่อน”

    เด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิงวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างไว ฟาร่าและเพื่อนอีกคนเดินเข้าห้องเรียน ท่าทางพร้อมเล่นไพ่เต็มที่

    “เฮ้ย ฟาร่าหิ้วไพ่มาเว้ย อย่างนี้ต้องแจม”

    ช่วงเวลาคาบวรรณคดีที่ไม่มีครูผ่านไปอย่างครึกครื้น ทุกคนใช้ชีวิตอย่างสุขกว่าปกติ

    หามีใครรู้ไม่ว่าชีวิตของตนกำลังจะพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง อย่างที่ไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิมอีก

    ...โดยเฉพาะสำหรับเด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิง...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×