คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter : one (100%)
c h a p t e r o n e :
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสื้อผ้าของเขาหายไป มันไม่ใช่แค่เสื้อผ้าหรอก
คริสหลับตาลงแล้วปิดล็อคเกอร์ เสื้อบาสเขาหายไป พร้อมๆกับกุญแจห้องคอนโดที่เขาออกมาอยู่กับจื่อเถาสองคน คริสขมวดคิ้วแล้วเดินวนห้องพักนักกีฬาสักพักเผื่อจะเจอ
“ซูโฮ นายเห็นกุญแจที่ห้อยอยู่ในตู้ของฉันไหม ? “
เสียงคริสพูดขึ้นทำเอาซูโฮหลุดจากภวังค์ คริสถามเขา.. ใจเต้นตึกตักขึ้นมาทันที ซูโฮเหลือบไปมองคริสที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายกับการหากุญแจต่อ ซูโฮกำไม้ถูพื้นแน่นแล้วมองไปที่คริส
“ฉันถาม!!”
เสียงทุ้มตวาดนั่นทำเอาซูโฮถึงกับสะดุ้ง ริมฝีปากเรียวสั่น ขมวดคิ้วใช้ความคิด ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อเห็นคริสกำลังหันมามองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยญาติดีเท่าไหร่ ซูโฮยังคงก้มหน้าถูพื้นไปเรื่อยๆแต่สายตากลับมองไปที่คริสที่กำลังวุ่นวายกับการหากุญแจห้องของเขา อา.. เขาหล่อจัง เรียนดี หน้าตาดี ความสามารถดี เขาช่างเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็คอะไรแบบนี้นะ
“เป็นอะไรไปนะคริส ?”
“อ้าวเจสสิก้า”
ซูโฮเกร็งตัวเองมากขึ้น บีบด้ามไม้ถูพื้นแน่น เสียงผู้หญิงคนนั้นมาอีกแล้ว ซูโฮกลืนน้ำลายแล้วเริ่มขมวดคิ้ว เขาไม่กล้ามองคริสกับเจสสิก้าเท่าไหร่ ถึงสองคนนี้ไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เขาก็รู้ว่าเจสสิก้าชอบคริส ยัยผู้หญิงน่ารำคาญนั่น
“กุญแจห้องหายไป ไม่รู้ทำตกไว้ไหนรึเปล่า”
“ไม่เอาน่า นายคงจะลืมไว้ที่ห้องละมั่ง”
ซูโฮพยายามถูพื้นต่อไป ก่อนจะเหลือบไปมองทั้งคู่ เจสสิก้ากำลังตบไหล่ของคริสอยู่ ความรู้สึกเกลียดชังพุ่งขึ้นจนเขาบีบด้ามไม้ถูพื้นอีกครั้ง กัดปากแล้วมองไปที่สองคนนั้น ยัยนั่นกล้าดียังไงมาแตะตัวคริส
ถ้าดึงเล็บยัยนั่นออกทีละนิ้วจะเป็นยังไงนะ?
มือของยัยนั่นจะได้ไม่ต้องมาแตะต้องคริสอีก
ซูโฮก้มหน้าแล้วถูพื้นต่อ ความจริงมันไม่ใช่หน้าที่เขาเลยสักนิด ในเมื่อเขาก็เป็นสมาชิกชมรมนี้เหมือนกัน แต่เพราะเขาตัวเล็กเลยไม่ได้เข้าทีม ได้มาเป็นคนดูแลแทน ก็ยังดี แค่นี้เขาก็ได้ใกล้ชิดคริสมากขึ้น
“แล้วจะแอบฟังคนเขาคุยกันอีกนานแค่ไหน?”
ซูโฮเงยหน้ามามองคริสที่ตอนนี้อยู่ตรงหน้าเขา สีหน้าของคริสไม่พอใจสักเท่าไหร่ อะไรกัน เพราะยัยนั่นนะหรอ คริสถึงได้ไล่เขา ?
“ข..ขอโทษ จะออกไปเดียวนี้แหละครับ”
ซูโฮก้มหัวขอโทษแล้ววางด้ามไม้ถูพื้นไว้ที่ล็อคเกอร์ข้างๆ แอบเหลือบไปมองเจสสิก้ากับคริสที่ตอนนี้กำลังหัวเราะกันคิกคัก บีบมือตัวเองแน่น เจ็บใจเหลือเกิน ขอบตาร้อนผ่าวออกมา
ไม่เป็นไร เดียวเขาจะได้ใกล้ชิดกับคริสมากกว่านังนั่นแล้ว
“ทำไมไม่ไปถูพื้น มายืนทำอะไรตรงนี้!?”
“คือ คริส”
“คริสอะไร? พูดให้มันชัดๆหน่อย!!”
เสียงตวาดของหัวหน้าชมรมทำให้ซูโฮรู้สึกเซ็ง ก้มหัวเป็นการขอโทษแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องอีกรอบ เห็นเจสสิก้ากับคริสกำลังหัวเราะกันอีกแล้ว
หงุดหงิด เกลียด โกรธ แค้น ไม่ชอบ
เกลียดเจสสิก้า
“เรียกไอ้นี่เข้ามาทำไม ฉันไม่อยากเห็นหน้า”
จื่อเถาพูดขึ้นแล้วทำท่าฟึดฟัด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายถึงซูโฮ เขาก็ไม่ได้อยากเห็นหน้ามันเท่าไหร่หรอกนะ
“เอาเหอะน่า มึงจะอะไรกับมันมากวะ กับคนปัญญาอ่อน”
คริสพูดขึ้นก่อนทั้งห้องจะหัวเราะ ซูโฮยังคงก้มหน้าแล้วถูพื้นต่อ ความรู้สึกตื้นตันใจเข้ามาแทนที่จะต้องเสียใจ วันนี้คริสพูดถึงเขาตั้งสองรอบแหนะ ดีใจชะมัด
“ปัญญาอ่อนจริงหรือเปล่า ขอพิสูจน์หน่อยดิ้”
ยังไม่ทันที่ซูโฮจะหันหลังกลับไป น้ำสีดำขุ่นก็พุ่งใส่หน้า ก่อนทุกอย่างจะกลายเป็นเสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วห้อง ซูโฮนั่งลงไปกับพื้นห้องแล้วสำลักน้ำ กลิ่นเหม็นเน่าและความสกปรกจากที่ถูกเมื่อกี้ถูกสาดเข้าเต็มหน้า จื่อเถาสาดน้ำถูพื้นในถังที่เขาใช้เมื่อกี้ใส่เขา
“นี่พวกนาย !! แกล้งซูโฮแรงไปแล้วนะ!!”
เจสสิก้าวิ่งมาแล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ตามตัวให้เขา แต่ทว่าซูโฮขยะแขยงจนเขาต้องผลักยัยนั่นออก หันไปมองจื่อเถาที่กำลังยืนหัวเราะกับหัวหน้าชมรม ความรู้สึกโกรธแค้นทำให้เขาต้องกำมือแน่น เกลียด ซูโฮลุกขึ้นแล้วมองหน้าสองคนนั้นเขม็ง
แต่ถ้าแลกกับการที่คริสหัวเราะให้กับเขา มันก็คุ้มแล้ว
“อ้าว คนปัญญาอ่อนโกรธแล้วอะมึง”
จื่อเถาพูดขึ้นแล้วหัวเราะ ซูโฮกำมือแน่นแล้วหยิบไม้ถูพื้นขึ้นมาถูต่อ ท่ามกลางเสียงโห่ของในห้อง ไม่มีใครคิดว่าซูโฮจะลุกขึ้นแล้วมาถูต่อสักคน
“ซูโฮ ฉันขอโทษแทนคริสกับจื่อเถาด้วยนะ..”
เจสสิก้าเข้ามาพูดแล้วโค้งหัวขอโทษ ซูโฮได้แต่ใช้หางตามองแล้วถูพื้นต่อ
“ไม่เอาน่าเจสสิก้า อย่าลดตัวไปคุยกับไอ้นี่เลย มันฟังเธอไม่รู้เรื่องหรอก”
“คริส ทำไมนายพูดกับซูโฮแบบนั้น ยังไงก็คนเหมือนกันนะ”
“คนบ้านะสิ กลับกันเถอะ ปล่อยมันไว้อย่างนี้แหละ”
แล้วคริสก็เดินไปโอบไหล่ของเจสสิก้า ยักคิ้วให้จื่อเถาแล้วเดินออกไปทั้งห้องทิ้งให้ซูโฮอยู่คนเดียว ซูโฮบีบด้ามไม้กวาดแล้วน้ำตาไหล ทำไมต้องโอบไหลยัยนั่นด้วย
หรือคริสจะชอบเจสสิก้า?
“ไม่จริง..”
ไม่หรอกน่า ยัยเจสสิก้านั่นนะหรอ ไม่มีทางหรอก คริสไม่ได้ชอบเจสสิก้า
“ไม่..ไม่จริง..”
คริสไม่ได้ชอบเจสสิก้าสักหน่อย – ยัยนั่นนะคิดไปเองต่างหาก คิดไปเอง เข้ามาหาคริสเอง ยัยนั่นพยายามเข้าหาคริสเองต่างหาก และคริสก็รำคาญเจสสิก้าด้วย
“ฮ่าๆๆๆๆ !!!!!!!”
ยัยนั่นไม่ควรเข้าใกล้คริสสักนิด เขาควรทำอะไรสักอย่างเพื่อคริส ดวงตามองเหม่อไปที่ล็อคเกอร์นั่น ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้แล้วจูบลงที่ตรงช่องเสียบกุญแจ
คริสเคยจับตรงนี้มาก่อน
แค่คิดหัวใจก็เต้นรัว ทุกอย่างในหัวของเขามีแต่คริส คริส และคริส หลับตาพริ้มก่อนจะหัวเราะออกมาคนเดียวอย่างบ้าคลั่ง
“คริส..”
ไม่ใช่สิ ตอนนี้ในหัวเขามีอีกอย่าง
กำจัดเจสสิก้าเพื่อไม่ให้คริสรำคาญยังไงละ
- F O L L O W
“แยกกันตรงนี้ก็ได้ ผู้ชายไปส่งผู้หญิงถึงบ้านไม่ดีเท่าไหร่หรอกมั้ง”
เจสสิก้าพูดขึ้นแล้วหัวเราะ คริสพยักหน้าแล้วปล่อยให้เจสสิก้าลงจากรถ ถอนหายใจออกมาเพราะไม่ใช่แค่กุญแจที่หายไป กลายเป็นว่าคีย์การ์ดขึ้นคอนโดเขาก็หายไปเช่นกัน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วละ ต้องมีใครสักคนหยิบไปแน่ๆ
บางทีอาจจะเป็นจื่อเถา จื่อเถาอาจจะลืมหยิบการ์ดมาแล้วมาหยิบของเขาก็ได้
คิดไปให้ปวดประสาททำไมละ?
คิดได้ก่อนจะเลื่อนมือไปเปิดลิ้นชักรถแล้วล้วงหาโทรศัพท์เครื่องหรู กดหาเบอร์ได้ไม่นานก็ยิ้มออกมา
“อี้ชิง ฉันคิดถึงนายจัง”
.
.
.
.
.
.
.
ถึงจะเพิ่งสองทุ่มกว่าๆแต่ดูท่าเจสสิก้าต้องรอรถแท็กซี่นานผิดปกติ ไม่รู้ว่าคริสปล่อยเขาลงผิดที่หรือยังไงทำไมถึงได้เปลี่ยวขนาดนี้
“ให้ตายเถอะไอ้บ้า .. ทำไมทำกับเพื่อนแบบนี้”
เจสสิก้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดหาคริส กรอกตาไปมาเมื่อหน้าจอขึ้นว่าสายไม่ว่าง โอเค คงจะสวีทกับอี้ชิงทางโทรศัพท์นะสิ
“อา ทำยังไงดีเนี่ย ฝนทำท่าจะตกแล้วด้วย”
เจสสิก้าพูดขึ้นแล้วหันไปรอบๆด้าน ก่อนจะหยุดอยู่ที่ใครคนนึงทื่ยืนอยู่ข้างหลัง
“อ้าวซูโฮ ทำไมมาอยู่ที่นี้ละ ?”
“บ้านฉัน..อยู่ตรงนี้เอง”
ซูโฮพูดขึ้นแล้วก็ชี้ไปที่คอนโดเก่าๆทั้งโทรม เจสสิก้าพยักหน้าแล้วยิ้มแหยๆให้ ก่อนจะหันหน้ากลับมารอรถเหมือนเดิม ไม่ปฏิเสธว่าตัวเองเริ่มจะกลัวๆซูโฮขึ้นมาบ้าง บรรยากาศหนาวซะต้องกอดตัวเองไว้ ซูโฮกระตุกยิ้มขึ้นแล้วกำมือแน่นทั้งสองข้าง
“ตรงนี้ไม่มีรถหรอก..”
“อ้าวหรอ? งั้นฉันควรไปตรงไหนนะ ฝนจะตกแล้วด้วย”
ยังไม่ทันจะพูดอะไรฝนก็เริ่มรินลงมาทีละนิด จนเจสสิก้าต้องวิ่งไปหลบฝนที่หน้าร้านค้าเก่าๆ ผิดกับซูโฮที่ยังยืนนิ่ง ดวงตาเลื่อนลอยแล้วยืนยิ้มอยู่ท่ามกลางสายฝนอยู่อย่างนั้น เจสสิก้ามองซูโฮอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็พอจับใจความประโยคที่ซูโฮพยายามพูดได้
“งั้นไปด้วยกันสิ เดียวฉันพาเธอไป..”
เดียวฉันพาเธอไปจากชีวิตคริสเอง
50%
ในขณะที่ซูโฮเดินท่ามกลางฝนที่กำลังตกกระหน่ำ เจสสิก้าพยายามจะหาที่หลบให้ได้มากที่สุด หล่อนพยายามถอดรองเท้าส้นสูงที่ตัวเองใส่แล้วเดินเท้าปล่าว น้ำฝนนั่นทำให้ชุดนักศึกษาสีขาวของเธอนั่นบางจนทะลุเห็นชุดชั้นในสีขาวแนบเนื้อนั่น แต่ทว่า ซูโฮไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เขาเดินกัดฟันตลอดทาง กำมือแน่น สมองเต้นตึบๆราวกับเด็กกำลังจะได้ดูการ์ตูนที่อยากดูมานานแสนนาน
“ฉันว่า.. ตรงนี้ก็มีรถนะ”
เจสสิก้าตะโกนขึ้นแต่ทว่าซูโฮยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ดวงตาเหม่อลอยออกไปไกล หล่อนไม่มีทางเลือกจึงต้องเดินตามซูโฮไป ตลอดทางมืดสนิทแทบจะไม่มีคน พยายามจะคุยด้วยเท่าไหร่ซูโฮก็ไม่หันมา แถมยังพึมพำอยู่คนเดียว เดินมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงสถานีรถไฟฟ้า เจสสิก้ายืนตัวสั่นหงกๆแล้วพยายามใส่รองเท้าส้นสูงนั่นอีกครั้ง
“ขอบใจนายมากเลยนะซูโฮ แล้วก็ต้องขอโทษแทนคริสกับจื่อเถาด้วย ฉันว่าสองคนนั้นนะแกล้งนายแรงไปหน่อย”
เจสสิก้าพูดขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ซูโฮ คนเริ่มเดินมาตรงทางขึ้นประตูมากขึ้น เขาไม่ได้ตอบอะไรทั้งนอกนอกจากยิ้มออกมา มือเริ่มสั่นมากขึ้น ใจเต้นรัว ภายในหัวมีแต่คำว่าฆ่า ฆ่า ฆ่า
เขาต้องกำจัดเจสสิก้า เพื่อไม่ให้คริสรำคาญ
สัญญาณเตือนว่ารถไฟฟ้ากำลังจะมาถึง ผู้คนต่างมารอแย่งเข้าไปข้างในรถไฟฟ้าเพื่อจะได้นั่ง
“งั้นฉันไป..”
ยังไม่ทันที่เจสสิก้าจะหันมาได้ทั้งตัว ซูโฮก็ผลักตัวเธอออกไปพร้อมๆกับรางรถไฟที่กำลังวิ่ง เสียงผู้คนกรีดร้องดังขึ้นก่อนเสียงสัญญาณทุกอย่างจะแจ้งเตือน
“กรี๊ดดดดดดด ช่วยด้วย ช.ช่วยด้วย!!”
เสียงเจสสิก้าร้องดังขึ้นเมื่อรถไฟกำลังวิ่งมาไม่ยอมหยุด ส้นสูงของหล่อนติดลงที่รางรถไฟ เสียงคนกรีดร้องดังขึ้นมากมายทันทีที่รถไฟวิ่งมาถึง แต่ว่าไม่มีใครกล้าลงไปช่วยสักคน
“ไ..ม่”
แล้วรถไฟก็วิ่งผ่านหน้าของซูโฮไปพร้อมๆกับร่างของเจสสิก้า
มันรวดเร็วแทบไม่ถึงวินาที
ซูโฮยืนนิ่งมองสภาพศพเจสสิก้าที่ตอนนี้โดนรางรถไฟชนกระเด็นไปไกล เลือดที่ไหลเปื้อนชุดนักศึกษานั่นช่างดูสวยงาม มันแดงเถือก ขาของเธอน่าจะถูกทับนะถึงได้หักงอเสียจนน่าเกลียดแบบนั้น ไหนจะหน้าตาของเจสสิก้าตอนนี้มันเละเทะไปหมด
แค่นี้คริสก็ไม่รักยัยนี่แล้ว
ผู้คนต่างกรีดร้อง บางคนถึงกับขาอ่อน ก่อนจะค่อยๆเดินถอยหลังออกมาเมื่อเห็นตำรวจ แล้วยิ้มออกมา
“ฮ่าๆๆๆ!!!!”
คริส นายเห็นไหม ฉันกำจัดเจสสิก้าให้นายแล้วนะ
.
.
.
.
.
ข่าวอุบัติเหตุการตายของเจสสิก้าดังไปทั่วมหาลัย
ซูโฮนั่งยิ้มคนเดียวใต้ต้นไม้ที่สามารถมองเห็นสนามบาสได้สะดวก ถึงแม้มันจะไกลแต่กลับส่วนตัวมาก เพราะไม่มีใครมาตรงนี้กัน เพราะข่าวลือที่ว่ามีคนเคยเอาศพมาทิ้งไว้ตรงนี้ ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหนเลย ศพก็อยู่ส่วนศพ มันเสียไปแล้ว มันไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก
ซูโฮกอดกระเป๋าตัวเองแล้วมองเหม่อไปที่สนามบาส พวกคริสไม่ได้เล่นบาสกันแต่กำลังยืนคุยกัน กอดมันไว้แน่น ภายในกระเป๋าที่เอามาเรียนของเขามีแต่เส้นผมของคริส เสื้อของคริส ทิชชู่ที่คริสเคยใช้แล้ว หลายๆอย่าง
อยากจะกอดมันไว้ ไม่อยากให้มันไปไหนเลย
ซูโฮยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น สายลมอ่อนๆกระทบบนใบหน้า แต่ทว่าเขากลับละสายตาไปจากคริสไม่ได้สักนิด
“ซูโฮ..”
เสียงเรียกเบาๆทำให้ซูโฮขมวดคิ้ว คุณหมอคิมจุนซูนี่เอง เขาหันไปมองแล้วทำหน้านิ่ง รู้สึกหงุดหงิดที่จู่ๆก็มาขัดเวลาเขากับคริสเสียอย่างนั้น
“หมอมีเรื่องจะคุยด้วย .. “
ซูโฮขมวดคิ้ว รู้สึกใจสั่น หรือว่าหมอจะรู้เรื่องที่เขาทำกับเจสสิก้า?ไม่น่า ทันทีที่เขาผลักเจสสิก้าแล้วเขาก็เดินออกมา ตอนนั้นคนมันเยอะด้วยคงไม่มีใครสังเกตหรอก
“เรื่องค่าหอที่เราอยู่นะ”
ซูโฮเป่าลมออกมาค่อยๆลุกขึ้นมาแล้วปัดฝุ่นออกจากก้น หันไปมองคริสที่ยังคงยืนคุยกับเพื่อนๆในชมรมบาสเหมือนเดิม
เดียวฉันมาหานะคริส
“ช่วงนี้ผู้คุมหอบอกว่าเราไม่ค่อยอยู่หอ กลับดึกๆเราทำอะไรอยู่”
คิมจุนซูพูดขึ้นในฐานะผู้ปกครองของซูโฮ กอดอกเมื่อเห็นว่าซูโฮยังคงทำหน้าไม่สนใจ ซูโฮไม่ตอบอะไรนอกจากก้มหน้าแล้วกัดฟันตัวเองเสียงดัง ขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะยกกระเป๋านั่นขึ้นมากอดเหมือนกำลังปลอบตัวเอง
ค..คริสช่วยด้วย คุณหมอเขาคงจะรู้เรื่องของเราสองคนแล้ว
“ผมเรียน..”
ดวงตาสั่นไม่กล้าสบตาคนเป็นหมอ จุนซูได้แต่ถอนหายใจ เขารู้ว่าซูโฮมีอาการผิดปกติทางจิต หวาดกลัวไม่กล้าพูด ชอบนั่งยิ้มคนเดียว บางครั้งก็พูดขึ้นมาคนเดียวอยู่บ่อยครั้ง แต่ทำยังไงได้ละในเมื่อซูโฮยังคงหนุ่มอยู่
เขาไม่สามารถทิ้งเด็กคนนี้ไปเผชิญโลกคนเดียวลำพังได้หรอก ขนาดพ่อแม่ยังไม่ดูแลทิ้งลูกไว้หน้าโรงพยาบาล
“ทีหลังอย่ากลับดึกมากละ เห็นข่าวเจสสิก้ารึยัง?”
ซูโฮสะดุ้งขึ้นแล้วก้มหน้า รู้สึกใจสั่นและเริ่มหวาดกลัว กลืนน้ำลายลงคอแล้วบีบข้อมือตัวเองแน่นไม่กล้าสบตาหมอ เจสสิก้าอีกแล้ว เมื่อไหร่ชื่อนี้จะหายไปสักที
“อื้ม”
“หมอเป็นห่วงเรา ถ้าเป็นไปได้กลับมาอยู่กับหมอเถอะ”
“ไม่!!ไม่ไป!!! ไม่ไป !!!!!!!!”
ซูโฮร้องลั่นแล้วกอดกระเป๋าตัวเอง สะบัดหัวไปมาแล้วหอบหายใจใหญ่ จนจุนซูต้องรีบทำมือตกลงเมื่อเจ้าตัวไม่อยากกลับมา
หมอกำลังจะขัดขวางความรักของเขากับคริส หมอ .. หมอ..
เลว
“ถ้างั้นดูแลตัวเองด้วย หมอแค่เรียกมาคุยด้วยเฉยๆนะ”
จุนซูสวมเสื้อกาวน์ของตัวเองแล้วหันมายิ้มให้ ซูโฮได้แต่นั่งขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้นไม่บอกไม่กล่าว เดินออกไปจากห้องทันที จุนซูถอนหายใจแล้วเดินตามไปหมายจะล็อคประตูห้อง แต่ทว่ากลับมีมือหนึ่งมากั้นไว้ระหว่างช่องเล็กๆ ซูโฮเอามือมากั้นช่องประตูไว้ ดวงตานั่นจ้องมาที่จุนซูอย่างโมโห
“อย่า – ยุ่ง –กับ –ฉัน –อีก”
จุนซูเบิกตากว้าง เมื่อกี้เขาปิดประตูแรงมากแต่ดูเหมือนมือของซูโฮที่โดนหนีบจะไม่รู้สึกอะไรเลย แถมยังขู่เขาอีก ซูโฮถอนมือออกไปแล้ว แถมยังมองเขาด้วยสายตาอาฆาตอีก จุนซูเลยรีบปิดประตู เมื่อกี้มันอะไรกัน ? ทำไมซูโฮถึงได้ดูน่ากลัวแบบนั้น ?
ซูโฮกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?
- F O L L O W -
ทันทีที่กลับไปที่ห้องชมรม กลายเป็นว่าทุกคนไปงานศพเจสสิก้ากันหมด ซูโฮกัดริมฝีปากล่างตัวเองแล้วกุมมือแน่น ขนาดยัยนั่นตายไปแล้วทำไมคริสยังจะไปสนใจมันอีก จะทำยังไงดี ทำไมคริสถึงได้สนใจยัยนั่นอยู่ละ วันนี้เขายังไม่ได้เข้าใกล้คริสเลยสักนิด
คิดถึงกลิ่นน้ำหอมนั่น คิดถึงสายตาเวลาที่คริสมองมา
ซูโฮกวาดสายตาไปรอบห้องเผื่อจะเจออะไรบางอย่าง ก่อนจะหยุดสายตาไปที่ถังขยะนั่น กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเดินไปแล้วเริ่มล้วงมือเข้าไปหาอะไรบางอย่าง เขาเห็นคริสกินน้ำอยู่ มันต้องอยู่ในนี้สิ...มือเล็กยังคงคุ้ยลงไปเรื่อยๆ คราบน้ำขยะไหลลงมาเต็มแขน ขมวดคิ้วเมื่อไม่เห็นมีแก้วน้ำที่เขาเห็นคริสถืออยู่ในสนามเลย
“หรือจะอยู่ข้างนอก..”
ซูโฮใช้หลังมือปาดคราบเหงื่อที่ไหลออกมา กลิ่นเน่าของถังขยะติดอยู่ที่มือ แต่ทว่าเขายังไม่ลดละ .. ซูโฮลุกขึ้นแล้วเดินออกไปที่ข้างสนาม นั่นไง.. แก้วนั่นแหละ ซูโฮกลืนน้ำลายแล้วมองแก้วที่วางอยู่สนามฝั่งตรงข้ามอย่างใจสั่น ตอนนี้ไม่มีคนแล้ว ไม่มีสักคนอยู่ในสนาม วิ่งไปที่โต๊ะนั่นทันทีก่อนจะหยิบแก้วน้ำที่ยังคงเหลือน้ำไว้อยู่นั่นขึ้นมา
“เจอแล้ว …”
หายใจหอบใหญ่แล้วหัวเราะออกมา ซูโฮเก็บแก้วน้ำนั่นไว้แล้วเดินกลับเข้ามาในห้องชมรม
คริส เราได้อยู่ใกล้กันอีกแล้วนะ..
talk : ไม่จิตเลยวะ รอบหน้าขอจิตกว่านี้
ลีด หนูขอโทษ OTL หนูไม่ได้ตั่งใจสุ่มได้ชื่อเธอนะลีด ตอนแรกได้จงแด
555555555555555555555
หนู ♥ หมอจุนซู
ความคิดเห็น