คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ■ chapter : o n e ( 100% )
ตลอดทางทำผมเหนื่อยและเพลียมาก ไหนจะอาการปวดแก้มก้นเพราะนั่งนานจนทำให้ผมต้องเดินคลึงบีบนวดก้นตัวเองตลอดการเดินเข้าไปในบ้าน ที่ไม่รู้ว่าใหญ่กว่าบ้านของผมเองอีกกี่เท่า ไหนจะกว่าจะเดินทางเข้ามาได้ต้องออกจากตัวเมืองของจังหวัดมาอีกหลายชั่วโมง ผ่านเข้ามาในดงป่าลึกจนผมไม่รู้ว่าหลับไปกี่ตื่น
ทันทีที่ไปถึงบ้านแทมิน เขาค่อนข้างจะตกใจที่เห็นผมกับคยองซูแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมรู้สึกเสียเซล์ฟนิดหน่อยที่เขาทำท่าตกใจนั่น แหงละ แทมินเป็นคนส่งจดหมายมาให้ผม แต่ทำท่าตกใจเหมือนไม่ได้ชวนผมมาซะงั้น
พวกเราเหนื่อยกันมาก กว่าเราจะมาถึงกันก็เกือบ5โมงเย็น ทุกคนขอนอนพักก่อนแต่ทว่าแทมินกลับไม่ยอมเพราะว่าตัวเองได้เตรียมของสำหรับปาร์ตี้นี้ไว้ พวกผมจึงจำเป็นต้องแหกตาตัวเองออกมาจากห้องพักแสนหรูที่แทมินเตรียมไว้ ดีใจจริงที่ได้นอนพักกับคยองซูอีกรอบนึง
สถานที่จัดปาร์ตี้ของแทมินอยู่ที่สระว่ายน้ำที่ดาดฟ้าของบ้านพัก ไม่ต้องคาดเดาเลยว่าหรูขนาดไหน ขนาดของสระน้ำนั่นใหญ่กว่าความกว้างของบ้านผม โดมขนาดใหญ่ที่เอาไว้ป้องกันเวลาน้ำฝนนั่นเป็นการยืนยันได้เลยว่าแทมินน่ะรวยของจริง
ดูท่าคนอื่นๆจะไม่ตกใจกับสถานที่จัดปาร์ตี้ครั้งนี้เลย หรือจะมีแต่ผมและคยองซูที่มองไปรอบๆเหมือนเด็กบ้านนอกเห็นเมืองกรุงครั้งแรก ยอมรับเลยว่าถึงจะเป็นปาร์ตี้เรียบง่าย(เหมือนในการ์ดนั่นบอก)ก็ยังหรูมากๆสำหรับผมอยู่ดี
โต๊ะที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผมไม่รู้ว่ามันมีชื่ออะไรบ้างวางอยู่เต็มไปหมด เก้าอี้นอนขนาดยาวเอาไว้สำหรับนอนที่ข้างๆริมสระนั่นถูกเรียงยาว แต่ละคนที่เริ่มทยอยเดินเข้ามาทำเอาผมกับคยองซูถึงกับตกใจ เมื่อรุ่นพี่คริส จงอิน ชานยอล เซฮุน พร้อมใจกันถอดเสื้อบนโชว์เนื้อหนังของตัวเอง
“อ้าวตัวเล็กกับเพื่อน มานั่งด้วยกันสิ!”
ชานยอลโบกไม้โบกมือให้ผมที่กำลังนั่งแช่เท้าอยู่ที่มุมของสระว่ายน้ำคนละฝากกับเขา ถึงแม้จะอยู่ไกลกันแค่ไหนแต่เพราะเสียงสะท้อนจากโดมนั่นก็ทำให้ผมได้ยินชัดอยู่ดี
“ไม่ละ!” ผมตอบกลับ
ปาร์ตี้ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด ผมกับคยองซูยังคงนั่งอยู่ที่มุมขอบสระ นั่งคุยกันไปเรื่อย มองคนนู้นคนนี้แล้วนินทาตามประสา ยังมีแทมินที่ใจดีเดินเอาเค้กมาให้พวกผม ไหนจะพี่มินซอกที่เดินถือแก้วไวน์ขนาดจิ๋วมาให้อีก
“ไม่เอาละครับ พวกผมไม่ดื่ม”
“เห~ ไม่ดื่มแต่มาปาร์ตี้งั้นหรอ”
เสียงของพี่มินซอกบ่งบอกมามากแล้วว่าเมา จนผมต้องยิ้มแหงๆตอบกลับไป คยองซูชวนผมลุกไปหาอะไรกินที่โต๊ะเพราะเห็นว่ามีเค้กวางอยู่
“สนุกไหม?”
พี่ลู่ห่านหันมาถามพวกผมแล้วยิ้มๆ ให้ตายเถอะผมขอลบอคติที่เคยมองว่าพี่เขาหยิ่งไปเลย พี่เขาน่ะน่ารักมากจริงๆ
“ก็สนุกครับ เค้กอร่อยมากเลย”
คยองซูเป็นคนตอบแล้วเคี้ยวเค้กเข้าปากตุ้ยๆ ผมมองอย่างระอา ทั้งๆที่บ้านตัวเองก็เป็นเซฟแท้ๆแต่ทำท่าเหมือนไม่ได้กินข้าวมานาน
“นี่ พี่เตือนนะ อย่าไปยุ่งกับไอ้กลุ่มนั้นละ เจ้าชู้จะตาย ยิ่งเราดูซื่อๆด้วย”
พี่ลู่ห่านชี้ไปที่กลุ่มของพี่คริส ชานยอล จงอิน แทมินที่กำลังผลักกันตกน้ำเล่น ผมพยักหน้าแล้วหัวเราะ สุดท้ายผมกับพี่ลู่ห่านก็คุยกันไปเรื่อย จะมีเซฮุนที่เดินเข้ามาหาพี่ลู่ห่านบ้างและสุดท้ายก็พาตัวพี่ลู่ห่านไปไหนก็ไม่รู้
ผมมองไปรอบงานเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมีโดมปิดบังทำให้ไม่มองเห็นท้องฟ้า แต่ว่ากระจกใสก็ยังคงทำให้มองเห็นความมืดมิดของป่า ผมบอกคยองซูว่าขอตัวไปเดินดูรอบๆงานคนเดียว ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังไล่ผมไปด้วยซ้ำ (ได้ของกินแล้วนี่) ผมยืนเอาหน้าผากชนกับกระจกใสนั่นแล้วมองทอดยาวออกไป ที่นี่ไม่ได้สูงมากก็จริง แต่ก็ยังทำให้เห็นแสงไฟสว่างตามบ้านต่างๆจากในเมืองได้
ความรู้สึกเย็นวูบที่แก้มขวาทำผมสะดุ้ง
ชานยอลถือตัวการที่ทำให้แก้มผมเย็นวาบเมื่อกี้ไว้แล้วส่งยิ้มมาให้ผม
“โค้กหน่อยไหม?”
“ขอบใจ”
ผมรับโค้กนั่นมาดื่มแล้วหันไปมองวิวท้องฟ้าต่อ ชานยอลเดินมาข้างผมแล้วมองออกไปเหมือนกัน
“เบื่อหรอ?”
ผมมองเขาอย่างงงๆ นั่นเป็นคำถามผมหรือเปล่าที่ต้องถามเขา เพราะถ้าเขาไม่เบื่อเขาคงไม่เดินมาหาผมหรอกใช่ไหม
“ไม่อะ นายเมาปะเนี่ย”
“บ้า เพิ่งกินไปสองแก้วเอง”
ชัดเจน กลิ่นฉุนอ่อนๆออกมาจากตัวเขานั่นทำให้ผมต้องรีบเอามือปิดจมูก ชานยอลเหมือนจะรู้ตัวก็เขยิบออกห่างผมไปนิดนึง อา.. เขาน่ารักจัง
ผมยิ้มให้เขาแล้วหันกลับไปมองท้องฟ้าเหมือนเดิม ถึงแม้จะไม่ได้อรรถรสเท่ากับจิบไวน์แล้วมอง(เหมือนในหนังที่เคยดูอะนะ)แต่ก็ได้ฟีลไปอีกแบบ
ผมหยุดสายตาไว้ที่แสงของตึกแห่งหนึ่งก่อนจะคิดอะไรไปเรื่อย
แต่ทว่าเสียงร้องโห่นั่นทำลายบรรยากาศของห้วงความคิด
ผมหันไปมองตามเสียงร้องโห่นั้นก็จะทำหน้าเหวอออกมา .. ตอนนี้พี่ลู่ห่านกับเซฮุนกำลังโชว์บทจูบดุเดือดกันกลางสระ ทันทีที่ผละออกก็มีรอยยิ้มเจ้าเหล่ของเซฮุนที่ทำให้พี่ลู่ห่านต้องซุกหน้ากับผิวเปลือยเปล่านั้น
ผมรีบเดินมาหาคยองซูที่นั่งกินเค้กแล้วตาโตค้างเติ่งไว้อย่างนั้น ไหนจะพี่ซูโฮที่หัวเราะร่าแล้วปรบมือไปมาอย่างชอบใจ บรรยากาศเริ่มครึกครื้นกันมากขึ้น จนพวกผมต้องหัวเราะกันออกมา
ไม่นานหลายๆคนก็ตกลงไปเล่นในน้ำนั่นด้วย
น่าแปลกใจ ทั้งๆที่บ้านพักแทมินออกจะใหญ่โตมากๆแต่กลับไม่มีแม่บ้านหรือคนใช้สักคน
ผมรู้สึกว่าความคิดตัวเองมันไร้สาระเกินไปจึงหันไปสนใจกับกิจกรรมที่ทุกคนกำลังเล่นกันในน้ำต่อ เซฮุนกับพี่ลู่ห่านยังคงจูบกันอยู่อย่างนั้น ส่วนพี่คริสกับเถาตอนนี้ขอตัวขึ้นไปต่อกันบนห้องเลยทีเดียว น่าอิจฉาชะมัด คนอื่นๆก็ถือไวน์แล้วลงไปจิบกลางสระน้ำนั่น ให้ตายเถอะ ชีวิตคนรวยมันสบายอย่างนี้นี่เอง
สุดท้ายก็เหลือแต่ผมกับคยองซูที่ไม่ได้ตกลงไปในน้ำ ข้ออ้างและหน้าตาซื่อๆของคยองซูทำให้ทุกคนเชื่อสนิทใจ มันไม่ใช่ข้ออ้างสิ มันคือความจริงต่างหากที่พวกเราไม่ได้หยิบเสื้อผ้ามาเผื่อสำหรับเล่นน้ำ ผมนั่งดูพวกเขาเล่นกันอย่างสนุกสนานไม่นานก็ขอตัวไปนอนก่อนเพราะคยองซูเริ่มง่วง ผมโบกมือให้พวกเขาที่ยังคงเล่นน้ำอยู่ก่อนจะสะดุ้งตัวเพราะความรู้สึกชาวาบที่แล่นเข้ามาในร่างกาย
มีใครบางคนกำลังมองผมอยู่
สักมุมหนึ่ง เป็นความรู้สึกแปลกๆเรียกได้ว่าขนลุกเลยเถอะ ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ได้ขยับตัวไปไหน จนกระทั่งคยองซูมาสะกิดนั่นแหละผมจึงหันไปตามความรู้สึกที่บอกว่าตรงนั้นมีคนกำลังมองอยู่
แต่กลับไม่มีใครยืนอยู่สักคน .. ยังคงเป็นกระจกใสๆอยู่อย่างนั้น
วูบ
ลม? ผมขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วมองไปรอบๆงานที่ตอนนี้เปิดเพลงดังกระหึ่ม ลมหรอ โดมปิดหมดแล้วแท้ๆทำไมถึงมีลมอยู่อีก ลมที่ปะทะเข้ากับผิวหนังผมเมื่อกี้ถึงจะไม่ใช่ลมแรงมากแต่ก็รู้สึก ผมกะจะหันไปถามคยองซูว่ารู้สึกเหมือนกันไหมกลายเป็นว่าคยองซูโดนพี่แทมินหลอกให้ดื่มไวน์ซะแล้ว
“เฮ้ย คยองซูมันคออ่อนมากอะพี่ อย่าให้มันกินๆ”
ผมรีบไปดึงแก้วไวน์นั่นออกจากมือของพี่ลู่ห่านที่กำลังสนุกกับการให้คยองซูดื่มน้ำสุรารสหวานหรูนั่น
“หวานจังเลยยย”
คยองซูพึมพำแล้วล้มลงไปนอนแหมะอยู่ข้างขอบริมสระ แย่ละ เขาต้องแบกเจ้าเตี้ยนี่เข้าห้องจริงหรอ
“โห อ่อยจังเล้ยยยย จงอินมาลากเข้าห้องดิ้”
พี่มินซอกพูดขึ้นแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับแทมินและพี่ลู่ห่าน จงอินที่ดูจะเมาเหมือนกันก็เดินแตร่เข้ามาทันที หน้าตาดูกริ่มมาก คาดว่าเมาแล้วแน่นอน
“โห ไม่เอาอะ ไม่ใช่เป๊กไม่ยุ่ง”
“ไม่ได้บอกให้มายุ่งสักหน่อย ! กลับเองได้เหอะ”
คยองซูใช้มือดันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วชี้หน้าอีกคน ปากเล็กๆนั้นบวมเจ่อเพราะการกินแอลกอฮออล์เกินขนาดที่ตัวเองรับได้
“โห เตี้ยแล้วไม่เจียม”
จงอินพูดแล้วหันหลังกลับไปนอนที่เปลตรงริมสระเหมือนเดิม ทำเอาคนเตี้ยแถวๆนี้สะดุ้งเป็นแถบ
“ไอ้ดำ!! ไอ้บ้า !!”
เสียงตะโกนของคยองซูดังลั่นไปทั้งโดม จนคนอื่นๆหันมามองแล้วหัวเราะกับอาการเมาแบบไม่มีสติแบบนี้ ผมกุมขมับตัวเองแล้วรีบลากคยองซูออกมาจากตรงนั้นทันที ก่อนจะกลายเป็นตัวตลกไปมากกว่านี้
60%
มีคำผิดแจ้งนะคะ
เสียงฟ้าผ่าตลอดคืนทำผมรู้สึกกระสับกระส่ายแปลกๆ รู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่ใช่ว่าผมกลัวฟ้าฝนอะไร แต่ว่ามันรู้สึกแปลกๆจนนอนไม่ได้ จนได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆนั่นแหละถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้หลับสนิทจริงๆ ผมเด้งตัวออกจากเตียงแล้วไปเปิดไฟในห้องทันที คยองซูที่ยังคงมึนเมาอยู่พึมพำอะไรไม่รู้ที่ผมจับใจความไม่ได้
“แบคฮยอน! คยองซู! ออกมาข้างนอกเดียวนี้ !!!”
เสียงนั่นของรุ่นพี่คริสใช่ไหม อะไรกันนี่เพิ่งจะตีสองกว่าๆเอง ผมขยี้ตาตัวเองสักพักแล้วหันไปมองนาฬิกาที่แขวนไว้ในห้องตัวเอง แต่เสียงทุบประตูนั่นยังดังขึ้นเรื่อยๆจนผมต้องขานรับว่าตื่นแล้ว และไปปลุกคยองซูที่นอนอืดอยู่เตียงข้างๆผมต่อ
“ออกมาให้เร็วที่สุด! เดียวนี้! มาที่ห้องรับแขก”
ไม่รู้ว่าเสียงนั่นจะเข้มไปหรือเปล่าถึงได้ปลุกคยองซูให้ตื่นด้วย ไม่นานพวกผมก็เดินลงมาหาพี่ๆทุกคนที่ห้องรับแขกด้วยอาการกึ่งหลับกึ่งตื่นทั้งคู่ ดูเหมือนพวกเราสองคนจะมาถึงเป็นคู่สุดท้าย บรรยากาศแปลกๆ
“ฉันจัดการยกศพไปไว้ที่ห้องเก็บของท้ายบ้านละ ให้ตายเหอะ นี่มันวันอะไรกัน”
ศพ ?
พี่ลู่ห่านเดินมาพร้อมกับทำท่าหงุดหงิด ผมมองทุกคนในห้องไปรอบๆ ใบหน้าของแต่ละคนดูมีความกังวลมากถึงมากที่สุด เรียกได้ว่าหน้าซีดกันทุกคนเลยเถอะ -- ไหนจะพี่มินซอกที่นั่งตัวสั่นอยู่โซฟาโดยมีพี่ซูโฮปลอบข้างๆนั่นอีก
“เข้าใจละ เมื่อกี้ฉันไปโทรศัพท์แจ้งตำรวจแต่ว่าสายถูกตัดขาดหมดทุกเครื่อง”
“ไม่มีสัญญาณ..”
เซฮุนเดินเข้ามาพร้อมกับชูมือถือตัวเองที่ขึ้นโชว์ว่า no signal ทุกคนในห้องเริ่มตึงเครียดกันหมดกว่าเดิม
“อืม ประตูถูกล็อค หน้าต่างด้วย”
ชานยอลพูดขึ้นบ้างแล้วทำหน้านิ่ง ทุกคนอยู่ในชุดนอนกันหมด นั่งอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่ตรงกลางห้องรับแขกที่หันเข้าหากันบ้าง และยืนกันประปรายอยู่บ้าง
“..เอ่อ..”
ริมฝีปากผมไวกว่าความคิด ดูท่าจะกลายเป็นจุดสนใจทันที ชานยอลมองผมกับคยองซูสลับไปมา – อะไรกัน ทำไมต้องมองอะไรแบบนั้นด้วย
“แทมินถูกฆ่า”
“ถูกฆ่า!!!”
ผมกับคยองซูพูดออกมาพร้อมกัน ให้ตายเถอะ นี่มันไม่ตลก ผมรู้สึกขนลุกเกรียว มือไม้แข้งขาอ่อนแรงลงภายในพริบตา แทมิน แทมินที่ผมเคยคุยด้วยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี่นะหรอ -- พี่คริสเดินมาตรงหน้าพวกผมสองคนแล้วมองสลับกันไปมา
“ใช่ รายละเอียดเดียวค่อยบอก ตอนห้าทุ่มถึงตีหนึ่งพวกนายอยู่ไหนกัน”
เสียงทุ้มใหญ่นั่นถามผม ผมรู้สึกตัวเองโดนบีบให้เล็กลงไปอีกสิบๆเท่า เมื่อมีสายตานับสิบของคนในบ้านกำลังมองมา – บรรยากาศน่าอึดอัดนี่ชวนทำให้คลื่นไส้เสียจริง
“ผมกับคยองซู .. นอนอยู่ในห้อง”
ผมตอบไปตามความจริง สมองประมวนผลตลอดทั้งคืนที่เกิดขึ้น หลักจากงานเลี้ยงปาร์ตี้นั่นพี่มินซอกพยุงคยองซูมาส่งที่ห้องพร้อมกัน
“พวกนายจัดการเรื่องคนร้ายไปละ ฉันกับเซฮุนจะไปดูศพแทมิน”
พี่ลู่ห่านที่ยืนกอดอกมองพวกเรามาตลอดพูดขึ้นแล้วเดินนำหน้าไป ตอนนี้ผมรู้สึกงงและสับสนไปหมด อาจจะเป็นเพราะเพิ่งตื่นนอนไม่เต็มที่ หรือบางอย่างที่แปลกไป ทุกคนในห้องดูเปลี่ยนไปจริงๆ
“นายดูจะไม่ตกใจกับศพเลยนะลู่ห่าน”
รุ่นพี่คริสถามขึ้น บรรยากาศดูตรึงเครียดขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง
“แหงละ ฉันเรียนหมอนี่” พี่ลู่ห่านยักไหล่
“บางทีอาจจะเป็นนายก็ได้นะที่ฆ่าแทมิน .. แล้วแสร้งว่าเป็นดูแลศพ แล้วก็แอบเก็บหลักฐานไว้คนเดียว”
เถาพูดขึ้นมาเบาๆแต่กลับได้ยินทุกคน ผมมองหน้าพี่ลู่ห่านที่ตอนนี้ดูท่าจะตกใจมาก แต่ก็กลับมาทำหน้านิ่งเฉียบไว้เหมือนเดิม ท่ามกลางความเงียบนั่น ลู่ห่านยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วเดินมาหาจื่อเถา—ยืนประชันหน้าคนที่สูงกว่าแล้วยิ้มออกมา
“ถ้าฉันจะฆ่าละก็..ฉันฆ่านายก่อนดีกว่านะ”
"หยุด!—พอ! ลู่ห่านนายทำอะไรเกรงใจเซฮุนหน่อย ไปทำหน้าที่ตัวเองได้แล้ว”
จื่อเถาดูจะเสียสมดุลไปเล็กน้อยนั่นยิ่งทำให้พี่ลู่ห่านรู้สึกสะใจ พี่คริสที่เดินเข้ามาห้ามทัพดูจะปวดประสาทมากทีเดียว พี่ลู่ห่านพูดกล่าวคำลาเบาๆแล้วโบกมือให้จื่อเถา รอยยิ้มนั่นละที่ทำให้จื่อเถาเผลอกำหมัดตัวเองแน่น ทันทีที่พี่ลู่ห่านออกไปจากห้อง บรรยากาศก็ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย .. เล็กน้อยเท่านั้น
“น่ากลัวชะมัดเลยลู่ห่านเนี่ย ถ้าฉันเป็นคนนอกต้องคิดแน่ๆว่าลู่ห่านเป็นคนฆ่าแทมิน”
พี่มินซอกพูดขึ้นมาแล้วทำท่าขยะแขยง ผมจูงมือคยองซูให้มานั่งที่โซฟาด้วยกัน คยองซูดูจะตกใจมากดวงตาของเขาโตขึ้นอีกแล้ว มือนั่นชื้นเหงื่อจนทำให้ผมรู้ว่าคยองซูกำลังกลัวจริงๆ ผมบีบมือของเขาแน่น ไม่ใช่ว่าผมไม่กลัว ผมกลัวมากต่างหากละ แต่ผมต้องเข้มแข็งไว้ ผมจะไม่เป็นภาระให้คนอื่น
“พอเถอะมินซอก อย่าพูดโยนให้คนอื่น เราไม่มีหลักฐาน”
“กลับมาเข้าเรื่องเหอะ เซ็ง เอาตรงๆใครเป็นคนฆ่า”
จงอินถามขึ้น แต่กลับไม่มีใครตอบ ผมว่าวิธีการถามของเขาจะดูงี่เง่าไปหรือเปล่า คงไม่มีฆาตกรคนไหนออกมายอมรับหรอกว่าตัวเองเป็นคนฆ่า
“เฮอะ ! แล้วทำไง!? รออย่างนี้เรื่อยๆอะนะ หงุดหงิดวะแม่ง”
ผมค่อนข้างเดานิสัยของคิม จงอินออกซะแล้ว เขาดูใจร้อนและขี้หงุดหงิดน่าดู ไม่ควรเข้าใกล้เลยจริงๆ
“ไม่เอาน่าจงอิน เดียวให้ลู่ห่านพิสูจน์ศพก่อนสิ บางทีแทมินอาจจะฆ่าตัวตายก็ได้”
พี่คริสพูดอย่างใจเย็น มือหนานั่นลูบหัวคนรักของตัวเองที่นอนตักอยู่
“เหอะ! ฆ่าตัวตายอะไรมีเข็มขัดรัดคอ !! พี่พูดได้ดินั่นมันไม่ใช่เข็มขัดพี่นิ!!!”
จงอินตวาดขึ้นทำเอาหลายๆคนถึงกับตกใจ ผมเขยิบไปนั่งซะชิดกับคยองซู บรรยากาศในห้องตอนนี้เงียบลงจนได้ยินเสียงแอร์ดังหึ่งไปมา – ชานยอลเดินมานั่งข้างๆจงอินแล้วตบบ่าเหมือนให้กำลังใจ
หมายความว่าเข็มขัดที่รัดคอแทมินคือเข็มขัดของจงอินงั้นหรอ ?
แสดงว่าจงอินเป็นคนร้าย ?
“อ..เอ่อเดียวเรามานะ”
คยองซูสะกิดผม ตอนนี้สีหน้าเขาดูหวาดเสียวมากจริงๆ ริมฝีปากนั่นซีดซะเกือบกลายเป็นสีเดียวกับสีผิวของเขา
“ไปเป็นเพื่อนไหม?”
“ไม่ต้องหรอก อยู่ตรงนี้เอง”
ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมาสนใจกับความเงียบเชียบตรงหน้า – บรรยากาศแบบนี้น่ากลัวชะมัด เขาควรจะเดินไปหาคยองซูที่อยู่ตรงห้องน้ำตรงห้องครัวดีไหม
พรึ่บ!
ความมืดเข้าครอบครุมบ้านหลังใหญ่ เสียงฟ้าผ่าดังนั้นคงจะส่งสัญญาณบอกแล้วว่าตอนนี้ไฟฟ้าคงไม่ทำงาน เสียงร้องเหวกโวยวายดังขึ้นเรื่อยๆ – เดียว คยองซูอยู่คนเดียว
“คยองซู!!”
ผมตะโกนสุดเสียง พยายามลุกขึ้นออกจากตรงนั้นฝ่าความมืดไปหาคยองซู -- แต่เหมือนมีใครสักคนมาดึงผมนั่งลงกับโซฟาเหมือนเดิม มือใหญ่ปิดปากผมแน่นเหมือนพยายามไม่ให้เปิดปากหรือพูดอะไร ส่วนมืออีกข้างที่ดึงเอวผมเข้าไปแนบชิดกับแฝงอกของเขาจนน่าอึดอัด ลมหายใจที่หอบเหนื่อยดังขึ้นข้างหูผมเหมือนคนที่วิ่งหนีอะไรมา ผมดิ้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสียงอู้อี้ดังลอดขึ้นมาจนทำให้มือใหญ่นั่นกดแรงปิดปากผมแรงมากขึ้นกว่าเดิม
“เงียบ..”
เสียงนั่นทำผมเบิกตากว้าง ชานยอล.. อย่าบอกนะว่าเขาเป็นฆาตกร – ผมเงียบตามที่เขาบอกเพราะเริ่มรู้สึกว่าคนในห้องเงียบกันหมด จนได้ยินแค่เสียงหายใจที่ปะปนกันไป ความมืดนั่นทำให้ผมมองไม่เห็นอะไรเลยสักนิด หรือเห็นก็เห็นแค่เพียงรูปร่างของโต๊ะเพราะแสงจากพระจันทร์ที่ส่องเข้ามาทางริมผ้าม่านนิดเดียว สายตาของผมมองไปที่หน้าประตูห้องรับแขก ที่ข้างนอกมีห้องน้ำที่คยองซูอยู่ ถึงแม้จะมองไม่เห็นก็ตาม ชานยอลยังกอดผมจากข้างหลังและปิดปากผมไว้อย่างนั้น ผมรู้สึกว่ามันนานเกินไป – ทุกคนในห้องนั้นยังคงเงียบ จนกระทั่งชานยอลค่อยๆเอามือที่ปิดปากผมออก— ผมหายใจหอบเบาๆ.. แต่สิ่งเดียวที่ผมกลัวคือ คยองซู
“อ๊ากกกกกกกกก !!!!!!!!!!!”
“คยองซู!!!!!!!!”
ยังไม่ทันที่ผมจะลุกขึ้นไปทำอะไรชานยอลก็จับตัวผมนั่งลงแล้วปิดปากผมอีกรอบ— เสียงร้องของคยองซูยังโหยหวนออกมาอยู่ไม่ขาดสาย ผมดิ้นสุดแรงแต่ทว่าแรงกอดของชานยอลมีมากเกินไป
“อื้อ..ฮึก”
“เงียบไว้ เดียวมันได้ยิน..”
ชานยอลกระซิบข้างหู ไม่ต้องบอกก็รู้คำว่ามันที่ชานยอลพูดถึงคืออะไร ผมน้ำตาไหลออกมา ไม่กล้าแม้แต่จะออกเสียงใดๆความรู้สึกจุกอยู่ที่คอ ทั่งเป็นห่วง หวาดกลัว จิตตก มือไม้สั่นไปหมด – เสียงของคยองซูเงียบไปแล้ว ผมกลืนน้ำลายลงคอ ชานยอลดูจะกลัวเหมือนกัน ผมได้ยินเสียงเขาหายใจติดขัดด้วย ไม่ใช่แค่นั้น ตอนนี้ทั่งผมและเขาต่างสั่นเป็นเจ้าเข้า
“อ..ช่วยด้วย.”
เสียงร้องของคยองซูพูดขึ้นมาตะกุกตะกัก ผมได้ยินเสียงดังกึกกักเต็มไปหมด ทั้งน้ำตาที่ไหลออกมานั่นทำให้หัวผมอื้อมึน เสียงคนวิ่งเต็มไปด้วยความวุ่นวายแม้กระทั่งในความมืด—แต่กลับไม่ได้ยินเสียงใครพูดอะไรทั้งนั้น ชานยอลกอดผมไว้แน่น เหมือนเขาจะกลัวจริงๆ
ผมได้แต่ภาวนาขอให้คยองซูอย่าเป็นอะไรไปก็พอ !!!
----------------------------------------------------------------------------------------------------
writer : เป็นไงคะตอนแรก .. โอเคไหม มีคำผิดคำไหนแจ้งเตือนด้วย
เพราะเราไม่ได้เช็ค ลงเลย 5555555 ... เรื่องนี้วางพล็อตจบ(นาน)แ้ล้ว ขอบคุณหลายๆคนจริงๆที่ช่วยติดเตือน *เดียวมาเขียนขอบคุณกัน*
เอาละ ฟิคเรื่องนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิดหรอก ก็เหมือนกับอ่านโคนันธรรมดานั่นแหละน่า
เป็นไงบอกกันมั่งนะคะ .. แต่ง 10 คนอ่านกันอยู่ 4-5 คน เซ็ง
ความคิดเห็น