ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ฝึกฝน!
พวกเรากลับมาโดนมัดกับเก้าอี้อีกครั้งและหันหน้าเข้าหากัน "ตอนนี้พวกเราน่าจะรู้แล้วนะว่าแม่ของนายเอานิสัยนี้มาจากไหน!" เซเลสกล่าวโทษข้า ชายแก่โรคจิตผายมือไปที่กระดานที่มีบางสิ่งเขียนไว้ต่อหน้าเธอ
"พูดเร็ว! พูดมันด้วยความรัก! -แอนกรอดเป็นคนเดียวเท่านั้นในใจฉันและเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น!-" เขาพูดด้วยน้ำเสียงน่าขยะแขยง "อย่างน้อยก็พูดว่า : ฉันรักเธอ! ตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว!"
"ฉันระ.......ระ......รัก........น า ย คิดว่านะ.........." เธอพูดด้วยสีหน้าที่กระตุก "เอาละพวกเราจะแก้อาการพูะกุกตะกักกันก่อนจากนั้นก็อารมณ์" นิโคลซาร์บอกด้วยรอยยิ้มที่กว้าง
"ตาเจ้าละแอนกรอด! พูด: ฉันรักเธอ! ฉันพร้อมที่จะเอาโลกใบนี้ไว้ที่แทบเท้าของเธอ ถ้าเธอต้องการ!" ตาของนิโคลซาร์ส่องประกายอย่างบ้าคลั่งและโอบกอดตัวเองอย่างน่าขยะแขยง
"ฉันจะผลักเธอ! ฉันจะพิชิตโลกใบนี้และโยนไปที่เท้าของเธอเพื่อให้เธอสะดุดหกล้ม!"
*ผัวะ*
อูว! ข้าโดนกระดานตีหัว หัวของข้าเจ็บปวดเป็นอย่างมากจนข้าคิดว่ามันจะแยกเป็นสองส่วนแล้ว! นิโคลซาร์มองกระดานที่หักและถอนหายใจ เขาทิ้งมันลงกองเศษกระดานที่หักที่สุมกันจนเกือบถึงเข่าของข้า
เข่หยิบกระดานอันใหม่ขึ้นมาจากอกและเขียนอะไรบางอย่างบนนั้น "เอาละ เรามาเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง" เขาถอยไปข้างหลังของเซเลสและพยักหน้าให้กับข้าในขณะที่ผายมือไปที่กระดาน
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
♥♥♥♥♥"ฉันรักเธอเซเลส!"♥♥♥♥♥♥
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
เศษน้ำตาเริ่มไหลออกมาจากตาของข้า มันเริ่มรวมตัวกันเป็นน้ำตาและสายตาของข้านั้นพร่ามัวตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นขึ้นและข้าไม่สามารถทำอะไรได้เลย "ฉันรักเธอเซเลส" ข้าพูดเสียงเบาพร้อมกับยอมแพ้ ข้าไม่ต้องการโดนกระดานฟาดที่หัวอีกครั้ง มันเจ็บปวดอย่างมาก! นึกภาพของคนที่โดนสกรูวไดรเวอร์สองอันค่อยๆเจาะหัวลงมาที่ดวงตาพร้อมกับปั่นสมองของเจ้า! นี่คือสิ่งที่ข้ารู้สึกในตอนนี้!
"ใช่แล้ว! อารมณ์แบบนั้นแหละ! เจ้าเข้าถึงอารมณ์ได้สมบูรณ์แบบ" โรคจิตคนนั้นถูกระดานและเดินมาข้างหลังข้าและเขียนบางอย่าง เซเลสแสดงท่าทางเขินอายและมองไปที่เท้าของเธอที่เกือบจะถูกเศษกระดานคลุมมิด
"ทะ.......ที่รัก! ได้โปรดรับตัวฉันไปตอนนี้และเดี๋ยว!"
โอ้มายก็อด, นั่นมัน..........ไม่ๆ ข้าจะไม่หวั่นไหวที่นี่! มันเกิดจากอาการปวดหัวและความเครียด ใช่แล้ว! แบบนั้นแหละ!
"โอ้! เธอเริ่มทำได้ดีแล้ว! อืมๆๆ.......บางทีพวกเราควรเริ่มการสัมผัสตัวเล็กน้อยด้วย?" เขาพูดกับตัวเอง
เจ้าต้องการให้เด็กตัวเล็กๆทำอะไรกันแน่ไอ้โรคจิต?
"ทำแบบนี้เพื่ออะไรกันไอ้แก่โรคจิต!? ฉันคิดว่าท่านจะต้องการฝึกฝนพวกเราเสียอีก!" เซเลสถามด้วยตาที่ว่างเปล่า
"ไม่ใช่ว่าพวกเรากำลังฝึกฝนพวกเจ้าหรอกหรือ? ในงานเลี้ยงครบรอบพวกเจ้าทั้งสองคนจะต้องทำให้แขกเชื่อว่าทั้งสองคนนั้นเป็นเหมือนหนึ่งร่างกายและหนึ่งวิญญาณ จะต้องไม่มีใครที่เกิดความสงสัยเด็ดขาด ถ้าไม่อย่าานั้นผลที่ตามมาคือความโกลลาหล" นิโคลซาร์ตอบ
"ถ้าตระกูลอื่นๆรู้ว่าการเชื่อมสัมพันธ์นี้ไม่ราบรื่น พวกเขาจะพยายามยึดอำนาจและผลที่ตามมาคือสงครามกลางเมืองทั้งเธอร์น่าและสตริกจะตามมาในไม่ช้า พวกเธอจะต้องเป็นคู่รักที่สมบูรณ์ที่สุดต่อหน้าสาธารณะ!"
"แต่การฝึกร่างกายของพวกเราละ?" -เซเลส
"ฮ่าๆ! ไม่จำเป็นสำหรับเรื่องนั้น! ทั้งสองคนต่างก็มีสายเลือดราชวงศ์ นั่นหมายความว่าร่างกายทั้งสองคนนั้นแข็งแกร่งที่สุดบนโลกนี้และมีสภาพสมบูรณ์พร้อมตลอดเวลา
แต่การที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ได้ช่วยพวกเราถ้าพวกเราถูกวางยาพิษหรือโดนระเบิดจากไอ้บัดซบบางตัว อีกทั้งการที่เกิดความโกลาหล พวกเราไม่สามารถอยู่ทุกๆที่ได้
ดังนั้นทั้งสองจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะทำให้คนอื่นๆเชื่อว่าทั้งสองเกิดมาเพื่อกันและกัน" นิโคลซาร์หยุดการบรรยาย
"ข้าจะฝึกฝนตัวเองอย่างบ้าคลั่ง! และเผาไอ้โรคจิตนี่เป็นตอตะโก!" ข้าพูดกับตัวเอง ตอนนี้ข้าโกรธจนใกล้บ้าแล้ว! นิโคลซาร์ทำเกินไป!
"ฮ่าๆๆๆ เจ้ายังเด็กเกินไปหนึ่งร้อยปีที่จะทำได้!" นิโคซาร์ยิ้มอีกครั้ง
เซเลสฝืนยิ้มและพูดว่า "แล้วจะได้เห็นกัน ฉันยินดีที่จะให้ความร่วมมือสู้กับไอ้โรคจิต!"
"ใช่แล้ว! เป้าหมายร่วม! ก้าวแรกของเส้นทางความรักและความสุขสม!" ดูเหมือนนิโคลซาร์จะไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นเป้าหมายในนั้น
-------------------------------------------------
อาทิตย์ต่อมาเรียกได้ว่าเป็นฝันร้าย! มันไม่ใช่แค่โดนกระดานเท่านั้น มีทั้งบทเรียนการเต้นรำ, บทเรียนการยิ้ม, บทเรียนการนอนหนุนตัก โอและจะต้องไม่ลืมบทเรียนการกอดกันที่เซเลสพยายามจะบดข้าด้วยแรงอันน่ากลัวนั้นทุกๆครั้ง ข้ากลัวจริงๆว่าจะมีวันหนึ่งที่เธอมีพลังเพียงพอที่จะทำมันในที่สุด
บางครั้งแม้แต่นิโคลและอาร์เธอร์ก็เข้ามาร่วมด้วย อย่างน้อยพวกเขาก็ดีกว่านิโคลซาร์แต่มันก็ห่างไกลจากความสนุก พวกเขาทั้งสองนั้นยุ่งอยู่กับการบริหารประเทศ คอยจ้องมองการกระทำกันและกันเหมือนกับหมาเฝ้ายาม
ในบทเรียนการเต้นรำ เซเลสพยายามที่จะเหยียบบนเท้าของข้าหรือสกัดข้าให้ล้ม ข้าไม่จำเป็นจะต้องคิดที่จะทำแบบนั้นเพราะข้าเป็นนักเต้นที่แย่อยู่แล้ว การทำให้คู่เต้นรำล้มไม่ใช่สิ่งที่ข้าคิดจะทำ
เซเลสและข้าพยายามที่จะฆ่านิโคลซาร์หลายครั้งแต่ไม่เคยสำเร็จ เขามีเทคนิคลวงตาระดับสูงบางอย่างหรือเทคนิคโคลนนิ่ง มันไม่ใช่เวทมนตร์แต่เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่เขาได้มาจากเชื้อสายแคคูณ
เจ้าอาจจะคิดว่าจะทำสำเร็จในบางครั้งแต่บาดแผลเขาสลายกลายเป็นหมอกสีขาวและกลับมาเป็นไม่บาดเจ็บอีกครั้ง
มีครั้งหนึ่งที่ข้าระเบิดทั้งห้องที่มีเขาอยู่ด้วย พวกเราคิดว่าจัดการเขาได้แล้วแต่กลับโดนไม้เท้าของเขาตีจากข้างหลัง ไม้เท้านั่นกลายเป็นอาวุธอันตรายเมื่ออยู่ในมือของเขา! เชื่อข้าซิ!
ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าพวกเราไม่อาจล้มเขาได้จนกว่าร่างกายจะโต เขาเหนือกว่าพวกเราหลายระดับในตอนนี้
และด้วยบทเรียนแบบนั้น เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนข้าไม่รู้สึกตัว เขาบังคับสอนพวกเราตั้งแต่เช้าจนถึงตอนกลางคืนโดยให้นอนเพียงแค่สี่ชั่วโมงเท่านั้น! มันเลวร้ายยิ่งกว่าการฝึกทหารเสียอีก ร่างกายของพวกเราจะพังอย่างแน่นอนถ้าเป็นอย่างนั้นต่อไป
------------------------------
หลังจากผจญกับวันเลวร้ายไประยะหนึ่ง เซเลสนั่งกินอาหารเย็นพร้อมกับลับกิ๊บหนีบผมและพูดบางอย่างที่ไม่รู้เรื่องกับตัวเธอเอง
ทันใดนั้นเองเธอก็หันมามองที่ข้า "แอนกรอด, ฉันทนไม่ไหวแล้ว!" นัยน์ตาของเธอมีน้ำตา ข้าไม่รู้ว่าเธอทำแบบนั้นจริงๆหรือเปล่า หรือว่ากำลังทดสอบการแสดงของเธอ
"หือ? แล้วเธอต้องการบอกอะไรกับฉันหละ?" ข้าซดน้ำ
"!พวกเราหนีไปพร้อมกันเถอะ!"
"พรวด" ข้าพ่นทุกอย่างไปบนอาหารและรวบรวมสติ "ฉันไม่เข้าใจ..........ว่าทำไมต้องร่วมมือกับเธอทำแบบนั้นด้วย!"
"เพราะว่าถ้านายอยู่ที่นี่ มันจะทำให้นายทำตามคำทำนายที่สองและทำลายโลกใบนี้ ถ้านายไปกับฉัน ฉันจะได้เฝ้ามองนาย!" เธอมองมาที่ข้า
"เธอคิดไหมว่าคำทำนายของซีเรียอาจจะแต่งขึ้นมา? เธอเป็นพระเจ้าที่แข็งแกร่งแต่แม้แต่ทางสภาเองยังมีปัญหาในการทำนายอย่างเทีายงตรงไม่ใช่เหรอ?" ข้าไม่เชื่อ "และใครเป็นคนตัดสินพวกเรา? ทั้งๆที่มีเรื่องดีกว่านี้ให้ทำ?" เซเลสเตือนข้า
ข้าคิดเล็กน้อย "ไม่ว่าอย่างไรก็ตามข้าจะไม่หนี! เธอคิดจะไปที่ไหน? พวกเรายังเด็กและคนอื่นๆรู้ดีว่าพวกเราเป็นคนในราชวงศ์ถึงแม้จะมองไกลๆก็ตาม! ฉันไม่คิดว่าเธอจะสามารถซ่อนสิ่งนั้นที่อยู่บนหัวได้นานนัก คิดดีๆอีกครั้ง!"
เขาสีดำทั้งสองอันบนหัวของเธองอกออกมาอย่างรวดเร็ว เริ่มต้นที่ขมับจากนั้นย้อนกลับไปที่หัวของเธอในขณะที่แยกออกจากกันในรูปแบบที่ยอมรับเลยว่าสวยเหมือนกับเครื่องประดับ ไม่มีทางที่จะซ่อนมัน!
ผมสีแดงของเธอนั้นมีกิ๊บหนีบผมคาดไว้อยู่ ข้ายอมรับว่ากิ๊บของเธอนั้นเป็นอาวุธที่น่ากลัวที่สุด
เธอมีหางสีดำที่มีความยาวอย่างน้อยหนึ่งเมตรครึ่ง ทำให้เธอดูเหมือนปีศาจอย่างสมบูรณ์แบบ
เขาของข้าน่าเบื่อกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเธอ เริ่มต้นจากที่ขมับเหมือนเธอแต่มันตั้งตรงหยุดที่เหนือหัวเล็กน้อย
ถ้าข้าต้องการ ข้าสามารถที่จะใส่หมวกเพื่อปิดบังพวกมัน แต่ของเธอนั้นไม่มีทางเลย
ผมของข้าสีดำเหมือนกับแม่แต่ตัดสั้น ข้าไม่ชอบที่จะจัดทรงตัวเอง
ตาของข้ากลายเป็นสีทองเหมือนกับงู
*เพี๊ยะ*
"โอ้ว! หยุดนะ!" นังแม่มดนั่นกำลังฟาดข้าด้วยหางของเธอ!
"ฮึ่ม, ช่วยไม่ได้! มันทำแบบนั้นเองในตอนที่ข้าหงุดหงิด"
เธอประกาศออกมาอย่างยิ่งใหญ่และทรงพลัง
*เพี๊ยะ**เพี๊ยะ**เพี๊ยะ*
ข้ากระโดดออกมาและนั่งลงอีกครั้งด้วยอาหารที่เละไปแล้วเพียงแต่ครั้งนี้ข้านั่งห่างไกลออกไป ถ้าจะให้ข้าเชื่อเธอละก็รอจนกว่านรกจะเย็นก่อนเถอะ เธอตั้งใจหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์
ข้านึกถึงบางอย่างขึ้นมา!
"คิดไปแล้ว.........ทำไมเธอถึงรู้เรื่องพยากรณ์ของซีเรียที่ให้ไว้กับฉันอย่างละเอียดนัก!" ข้าถาม "พ่อแม่ของฉันบอกฉันเอง" เธอตอบโดยไม่มีความลังเล
"และทำไมตอนนั้นเธอถึงรู้ฉายาของฉัน? ที่ว่าเด็กน้อย?" -ข้า
เธอลังเลก่อนพูดว่า "ฉันได้ยินจากแม่ของนาย"
"โกหก!" -ฉัน
"ตกลง! ตกลง! ฉันสำรวจห้องของนายก่อนที่จะได้เจอกะนครั้งแรกและเจอแผ่นสถานะของนาย" -เซเลส
"อะไรนะ!" -ฉัน
"ฉันไม่ได้คิดร้ายอะไรทั้งนั้น มันไม่ได้มีอะไรน่าสนใจอยู่ดี นายมันพวกสันโดษ มีแค่หนังสือเกี่ยวกับเวทมนตร์และวิทยาศาสตร์ นายรู้ไหมว่ามันไม่ปกติสำหรับผู้ชายที่จะซ่อนเอนไซโคลพีเดียไว้ในหมอน?" เซเลสมองข้าด้วยสายตาที่สมเพช
"ฉันพยายามลองทำสิ่งที่เขาเรียกว่าผู้หญิงค้นห้องผู้ชายและรู้ไหมว่าฉันได้อะไร?" เธอส่ายหัว "นอกจากฉายานั้น ไม่.......มี........อะไรเลย!"
ข้าสิ้นหวังแล้ว!
"ทำไมฉันถึงถูกทำเหมือนกับว่าฉันเป็นไอ้โรคจิต ฉันไม่เคยทำอะไรที่จะต้องได้รับการเรียกแบบนี้! เท่าที่ฉันจำได้ ฉันทำตัวดีตลอด! เวรเอ๊ย! แม้แต่ชาติแรกยังเป็นพระเลย!"
ข้าไม่ควรพูดคำนั้น!
"พะ............พระ!? ตอนนี้ฉันเข้าใจทุกกกกกกกกกอย่างงงงงงงงแล้ว!" เซเลสยิ้มถึงใบหู
"อย่าคิดที่จะพูดอะไรก็ตามเกี่ยวกับมันเด็ดขาด! มันเป็นชีวิตที่ดี!" แต่ความคิดใหม่ก็ประกายขึ้นมา ".......,แต่มีชีวิตแบบนั้นไม่ได้ให้อะไรเลย สุดท้ายมันก็กลับมาอยู่จุดที่ฉันยืนอยู่!
คนที่มีชีวิตโรคจิตอย่างสมบูรณ์แบบนั้นทำถูกแล้ว! ในตอนจบพวกเขามีชีวิตที่เลวร้ายเหมือนกัน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ได้บางอย่างกลับไป!" ข้าพยักหน้าให้กับตัวเอง
*เพี๊ยะ**เพี๊ยะ**เพี๊ยะ**เพี๊ยะ**เพี๊ยะ*
"โอ้ว! " -ข้า
"อย่าคิดจะไปหนทางนั้นเด็ดขาด! สำหรับคงโง่ซาดิสอย่างนาย นั่นเป็นสิ่งที่ดีสุดท้ายในตัวของนาย!" เซเลสจ้องมองมาที่ข้าด้วยสายตาที่รังเกียจ แต่ความคิดของข้ามันยุ่งเหยิงหมดแล้ว
"โฮ่ๆ, บางที่ฉันควรจะเริ่มที่นี่เดี๋ยวนี้? ยังไงพวกเราก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว! ยังไงก็ไม่เสียหายดังนั้นทำไมฉันไม่ฉวยโอกาศนี้ไว้ละ! เธอในตอนนี้ยังไม่สามารถใช้งานได้แต่แค่ทดสอบก็ไม่เสียหายเพราะร่างกายของฉันเองก็ยังไม่โตพอเหมือนกัน!" ข้าก้าวไปข้างหน้าและรู้สึกดี
-ผัวะ-
เธอตบข้าและพวกเรากลิ้งลงไปปล้ำต่อสู้กันและกัน
บางสิ่งแตกในขณะที่พวกเรากลิ้งไปมาบนพื้น ในตอนนั้นเองประตูเปิดออกและพวกเราตัวแข็งทื่อ
ไอเร็ท, แคธรีนและนิโคลซาร์เดินเข้ามา
ข้าพยายามบีบคอของเซเลสด้วยแขนข้างเดียว ส่วนเธอใช้ขาทั้งสองข้างพันรอบตัวข้าในตำแหน่งที่น่าสงสัยในขณะที่แขนข้างหนึ่งของข้ายันแขนซ้ายที่ถืออาวุธกิ๊บหนีบผมเอาไว้
แขนอีกข้างหนึ่งของเธอพยายามปล่อยตัวเองจากมือของข้า หางของเธอพันรอบส่วนบนและคอของข้า พยายามรัดคอคืน
"โฮ่ๆ!" นิโคลซาร์ยิ้มอย่างโง่ๆพร้อมกับตาโตข้างหนึ่ง
"การฝึกไม่คืบหน้าอย่างที่คิด........" แคธรีนพูด
แม่ของข้ามองอย่างกล่าวโทษ
เซเลสปล่อยกิ๊บหนีบผมและดึงข้าเข้ามาใกล้พร้อมกับ กอดข้า! "วะฮ่าๆ! พูดเรื่องอะไรเหรอคะ! ที่รักและฉันกำลังสำรวจหนทางใหม่ในการสื่อสารกันและกัน ถูกไหมที่รัก? ดังนั้นคนแก่กว่าและฉลาดกว่าไม่ควรขัดขวางคนที่อ่อนกว่านะ!"
"กระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านสันหลังของข้า! โอเค! นี่! มัน! โครตขยะแขยง! "ทำตามซิเจ้าโง่!" เธอกระซิบ ข้ากอดเธอกลับและกลับมายืนท่าตรง
"ใช่แล้ว พวกเราพึ่งจะพบข้อดีของกันและกัน! จริงๆแล้วทุกคนเข้าใจผิดอย่างมาก! ไม่จำเป็นจะต้องฝึกอีกแล้ว!" -ข้า
เซเลสพยักหน้ารับที่อกของข้า
"พวกเราจะคอยดูว่าพวกเธอทั้งสองจะแสดงแบบนี้ได้นานอีกเท่าไหร่! จากนั้นจะตามด้วยบทลงโทษไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง! ทั้งสองทางนั้นผิดทั้งคู่! ทั้งสองคนลืมไปแล้วหรือไงว่าพวกเธอยังเป็นเด็กอยู่!" -ไอเร็ธ
พวกเราทั้งสองเริ่มต้นร้องไห้!
--------------------------------------
จบบทนี้ครับ
เผื่องงในประโยคสุดท้ายนะครับ ทางใดทางหนึ่งหมายถึงไม่ว่าจะสู้กันหรือรักกันนัวเนียก็ผิดอยู่ดีเพราะวัยนี้กอดกันนัวเนียมันเกินเด็กไป
"พูดเร็ว! พูดมันด้วยความรัก! -แอนกรอดเป็นคนเดียวเท่านั้นในใจฉันและเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น!-" เขาพูดด้วยน้ำเสียงน่าขยะแขยง "อย่างน้อยก็พูดว่า : ฉันรักเธอ! ตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว!"
"ฉันระ.......ระ......รัก........น า ย คิดว่านะ.........." เธอพูดด้วยสีหน้าที่กระตุก "เอาละพวกเราจะแก้อาการพูะกุกตะกักกันก่อนจากนั้นก็อารมณ์" นิโคลซาร์บอกด้วยรอยยิ้มที่กว้าง
"ตาเจ้าละแอนกรอด! พูด: ฉันรักเธอ! ฉันพร้อมที่จะเอาโลกใบนี้ไว้ที่แทบเท้าของเธอ ถ้าเธอต้องการ!" ตาของนิโคลซาร์ส่องประกายอย่างบ้าคลั่งและโอบกอดตัวเองอย่างน่าขยะแขยง
"ฉันจะผลักเธอ! ฉันจะพิชิตโลกใบนี้และโยนไปที่เท้าของเธอเพื่อให้เธอสะดุดหกล้ม!"
*ผัวะ*
อูว! ข้าโดนกระดานตีหัว หัวของข้าเจ็บปวดเป็นอย่างมากจนข้าคิดว่ามันจะแยกเป็นสองส่วนแล้ว! นิโคลซาร์มองกระดานที่หักและถอนหายใจ เขาทิ้งมันลงกองเศษกระดานที่หักที่สุมกันจนเกือบถึงเข่าของข้า
เข่หยิบกระดานอันใหม่ขึ้นมาจากอกและเขียนอะไรบางอย่างบนนั้น "เอาละ เรามาเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง" เขาถอยไปข้างหลังของเซเลสและพยักหน้าให้กับข้าในขณะที่ผายมือไปที่กระดาน
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
♥♥♥♥♥"ฉันรักเธอเซเลส!"♥♥♥♥♥♥
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
เศษน้ำตาเริ่มไหลออกมาจากตาของข้า มันเริ่มรวมตัวกันเป็นน้ำตาและสายตาของข้านั้นพร่ามัวตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นขึ้นและข้าไม่สามารถทำอะไรได้เลย "ฉันรักเธอเซเลส" ข้าพูดเสียงเบาพร้อมกับยอมแพ้ ข้าไม่ต้องการโดนกระดานฟาดที่หัวอีกครั้ง มันเจ็บปวดอย่างมาก! นึกภาพของคนที่โดนสกรูวไดรเวอร์สองอันค่อยๆเจาะหัวลงมาที่ดวงตาพร้อมกับปั่นสมองของเจ้า! นี่คือสิ่งที่ข้ารู้สึกในตอนนี้!
"ใช่แล้ว! อารมณ์แบบนั้นแหละ! เจ้าเข้าถึงอารมณ์ได้สมบูรณ์แบบ" โรคจิตคนนั้นถูกระดานและเดินมาข้างหลังข้าและเขียนบางอย่าง เซเลสแสดงท่าทางเขินอายและมองไปที่เท้าของเธอที่เกือบจะถูกเศษกระดานคลุมมิด
"ทะ.......ที่รัก! ได้โปรดรับตัวฉันไปตอนนี้และเดี๋ยว!"
โอ้มายก็อด, นั่นมัน..........ไม่ๆ ข้าจะไม่หวั่นไหวที่นี่! มันเกิดจากอาการปวดหัวและความเครียด ใช่แล้ว! แบบนั้นแหละ!
"โอ้! เธอเริ่มทำได้ดีแล้ว! อืมๆๆ.......บางทีพวกเราควรเริ่มการสัมผัสตัวเล็กน้อยด้วย?" เขาพูดกับตัวเอง
เจ้าต้องการให้เด็กตัวเล็กๆทำอะไรกันแน่ไอ้โรคจิต?
"ทำแบบนี้เพื่ออะไรกันไอ้แก่โรคจิต!? ฉันคิดว่าท่านจะต้องการฝึกฝนพวกเราเสียอีก!" เซเลสถามด้วยตาที่ว่างเปล่า
"ไม่ใช่ว่าพวกเรากำลังฝึกฝนพวกเจ้าหรอกหรือ? ในงานเลี้ยงครบรอบพวกเจ้าทั้งสองคนจะต้องทำให้แขกเชื่อว่าทั้งสองคนนั้นเป็นเหมือนหนึ่งร่างกายและหนึ่งวิญญาณ จะต้องไม่มีใครที่เกิดความสงสัยเด็ดขาด ถ้าไม่อย่าานั้นผลที่ตามมาคือความโกลลาหล" นิโคลซาร์ตอบ
"ถ้าตระกูลอื่นๆรู้ว่าการเชื่อมสัมพันธ์นี้ไม่ราบรื่น พวกเขาจะพยายามยึดอำนาจและผลที่ตามมาคือสงครามกลางเมืองทั้งเธอร์น่าและสตริกจะตามมาในไม่ช้า พวกเธอจะต้องเป็นคู่รักที่สมบูรณ์ที่สุดต่อหน้าสาธารณะ!"
"แต่การฝึกร่างกายของพวกเราละ?" -เซเลส
"ฮ่าๆ! ไม่จำเป็นสำหรับเรื่องนั้น! ทั้งสองคนต่างก็มีสายเลือดราชวงศ์ นั่นหมายความว่าร่างกายทั้งสองคนนั้นแข็งแกร่งที่สุดบนโลกนี้และมีสภาพสมบูรณ์พร้อมตลอดเวลา
แต่การที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ได้ช่วยพวกเราถ้าพวกเราถูกวางยาพิษหรือโดนระเบิดจากไอ้บัดซบบางตัว อีกทั้งการที่เกิดความโกลาหล พวกเราไม่สามารถอยู่ทุกๆที่ได้
ดังนั้นทั้งสองจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะทำให้คนอื่นๆเชื่อว่าทั้งสองเกิดมาเพื่อกันและกัน" นิโคลซาร์หยุดการบรรยาย
"ข้าจะฝึกฝนตัวเองอย่างบ้าคลั่ง! และเผาไอ้โรคจิตนี่เป็นตอตะโก!" ข้าพูดกับตัวเอง ตอนนี้ข้าโกรธจนใกล้บ้าแล้ว! นิโคลซาร์ทำเกินไป!
"ฮ่าๆๆๆ เจ้ายังเด็กเกินไปหนึ่งร้อยปีที่จะทำได้!" นิโคซาร์ยิ้มอีกครั้ง
เซเลสฝืนยิ้มและพูดว่า "แล้วจะได้เห็นกัน ฉันยินดีที่จะให้ความร่วมมือสู้กับไอ้โรคจิต!"
"ใช่แล้ว! เป้าหมายร่วม! ก้าวแรกของเส้นทางความรักและความสุขสม!" ดูเหมือนนิโคลซาร์จะไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นเป้าหมายในนั้น
-------------------------------------------------
อาทิตย์ต่อมาเรียกได้ว่าเป็นฝันร้าย! มันไม่ใช่แค่โดนกระดานเท่านั้น มีทั้งบทเรียนการเต้นรำ, บทเรียนการยิ้ม, บทเรียนการนอนหนุนตัก โอและจะต้องไม่ลืมบทเรียนการกอดกันที่เซเลสพยายามจะบดข้าด้วยแรงอันน่ากลัวนั้นทุกๆครั้ง ข้ากลัวจริงๆว่าจะมีวันหนึ่งที่เธอมีพลังเพียงพอที่จะทำมันในที่สุด
บางครั้งแม้แต่นิโคลและอาร์เธอร์ก็เข้ามาร่วมด้วย อย่างน้อยพวกเขาก็ดีกว่านิโคลซาร์แต่มันก็ห่างไกลจากความสนุก พวกเขาทั้งสองนั้นยุ่งอยู่กับการบริหารประเทศ คอยจ้องมองการกระทำกันและกันเหมือนกับหมาเฝ้ายาม
ในบทเรียนการเต้นรำ เซเลสพยายามที่จะเหยียบบนเท้าของข้าหรือสกัดข้าให้ล้ม ข้าไม่จำเป็นจะต้องคิดที่จะทำแบบนั้นเพราะข้าเป็นนักเต้นที่แย่อยู่แล้ว การทำให้คู่เต้นรำล้มไม่ใช่สิ่งที่ข้าคิดจะทำ
เซเลสและข้าพยายามที่จะฆ่านิโคลซาร์หลายครั้งแต่ไม่เคยสำเร็จ เขามีเทคนิคลวงตาระดับสูงบางอย่างหรือเทคนิคโคลนนิ่ง มันไม่ใช่เวทมนตร์แต่เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่เขาได้มาจากเชื้อสายแคคูณ
เจ้าอาจจะคิดว่าจะทำสำเร็จในบางครั้งแต่บาดแผลเขาสลายกลายเป็นหมอกสีขาวและกลับมาเป็นไม่บาดเจ็บอีกครั้ง
มีครั้งหนึ่งที่ข้าระเบิดทั้งห้องที่มีเขาอยู่ด้วย พวกเราคิดว่าจัดการเขาได้แล้วแต่กลับโดนไม้เท้าของเขาตีจากข้างหลัง ไม้เท้านั่นกลายเป็นอาวุธอันตรายเมื่ออยู่ในมือของเขา! เชื่อข้าซิ!
ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าพวกเราไม่อาจล้มเขาได้จนกว่าร่างกายจะโต เขาเหนือกว่าพวกเราหลายระดับในตอนนี้
และด้วยบทเรียนแบบนั้น เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนข้าไม่รู้สึกตัว เขาบังคับสอนพวกเราตั้งแต่เช้าจนถึงตอนกลางคืนโดยให้นอนเพียงแค่สี่ชั่วโมงเท่านั้น! มันเลวร้ายยิ่งกว่าการฝึกทหารเสียอีก ร่างกายของพวกเราจะพังอย่างแน่นอนถ้าเป็นอย่างนั้นต่อไป
------------------------------
หลังจากผจญกับวันเลวร้ายไประยะหนึ่ง เซเลสนั่งกินอาหารเย็นพร้อมกับลับกิ๊บหนีบผมและพูดบางอย่างที่ไม่รู้เรื่องกับตัวเธอเอง
ทันใดนั้นเองเธอก็หันมามองที่ข้า "แอนกรอด, ฉันทนไม่ไหวแล้ว!" นัยน์ตาของเธอมีน้ำตา ข้าไม่รู้ว่าเธอทำแบบนั้นจริงๆหรือเปล่า หรือว่ากำลังทดสอบการแสดงของเธอ
"หือ? แล้วเธอต้องการบอกอะไรกับฉันหละ?" ข้าซดน้ำ
"!พวกเราหนีไปพร้อมกันเถอะ!"
"พรวด" ข้าพ่นทุกอย่างไปบนอาหารและรวบรวมสติ "ฉันไม่เข้าใจ..........ว่าทำไมต้องร่วมมือกับเธอทำแบบนั้นด้วย!"
"เพราะว่าถ้านายอยู่ที่นี่ มันจะทำให้นายทำตามคำทำนายที่สองและทำลายโลกใบนี้ ถ้านายไปกับฉัน ฉันจะได้เฝ้ามองนาย!" เธอมองมาที่ข้า
"เธอคิดไหมว่าคำทำนายของซีเรียอาจจะแต่งขึ้นมา? เธอเป็นพระเจ้าที่แข็งแกร่งแต่แม้แต่ทางสภาเองยังมีปัญหาในการทำนายอย่างเทีายงตรงไม่ใช่เหรอ?" ข้าไม่เชื่อ "และใครเป็นคนตัดสินพวกเรา? ทั้งๆที่มีเรื่องดีกว่านี้ให้ทำ?" เซเลสเตือนข้า
ข้าคิดเล็กน้อย "ไม่ว่าอย่างไรก็ตามข้าจะไม่หนี! เธอคิดจะไปที่ไหน? พวกเรายังเด็กและคนอื่นๆรู้ดีว่าพวกเราเป็นคนในราชวงศ์ถึงแม้จะมองไกลๆก็ตาม! ฉันไม่คิดว่าเธอจะสามารถซ่อนสิ่งนั้นที่อยู่บนหัวได้นานนัก คิดดีๆอีกครั้ง!"
เขาสีดำทั้งสองอันบนหัวของเธองอกออกมาอย่างรวดเร็ว เริ่มต้นที่ขมับจากนั้นย้อนกลับไปที่หัวของเธอในขณะที่แยกออกจากกันในรูปแบบที่ยอมรับเลยว่าสวยเหมือนกับเครื่องประดับ ไม่มีทางที่จะซ่อนมัน!
ผมสีแดงของเธอนั้นมีกิ๊บหนีบผมคาดไว้อยู่ ข้ายอมรับว่ากิ๊บของเธอนั้นเป็นอาวุธที่น่ากลัวที่สุด
เธอมีหางสีดำที่มีความยาวอย่างน้อยหนึ่งเมตรครึ่ง ทำให้เธอดูเหมือนปีศาจอย่างสมบูรณ์แบบ
เขาของข้าน่าเบื่อกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเธอ เริ่มต้นจากที่ขมับเหมือนเธอแต่มันตั้งตรงหยุดที่เหนือหัวเล็กน้อย
ถ้าข้าต้องการ ข้าสามารถที่จะใส่หมวกเพื่อปิดบังพวกมัน แต่ของเธอนั้นไม่มีทางเลย
ผมของข้าสีดำเหมือนกับแม่แต่ตัดสั้น ข้าไม่ชอบที่จะจัดทรงตัวเอง
ตาของข้ากลายเป็นสีทองเหมือนกับงู
*เพี๊ยะ*
"โอ้ว! หยุดนะ!" นังแม่มดนั่นกำลังฟาดข้าด้วยหางของเธอ!
"ฮึ่ม, ช่วยไม่ได้! มันทำแบบนั้นเองในตอนที่ข้าหงุดหงิด"
เธอประกาศออกมาอย่างยิ่งใหญ่และทรงพลัง
*เพี๊ยะ**เพี๊ยะ**เพี๊ยะ*
ข้ากระโดดออกมาและนั่งลงอีกครั้งด้วยอาหารที่เละไปแล้วเพียงแต่ครั้งนี้ข้านั่งห่างไกลออกไป ถ้าจะให้ข้าเชื่อเธอละก็รอจนกว่านรกจะเย็นก่อนเถอะ เธอตั้งใจหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์
ข้านึกถึงบางอย่างขึ้นมา!
"คิดไปแล้ว.........ทำไมเธอถึงรู้เรื่องพยากรณ์ของซีเรียที่ให้ไว้กับฉันอย่างละเอียดนัก!" ข้าถาม "พ่อแม่ของฉันบอกฉันเอง" เธอตอบโดยไม่มีความลังเล
"และทำไมตอนนั้นเธอถึงรู้ฉายาของฉัน? ที่ว่าเด็กน้อย?" -ข้า
เธอลังเลก่อนพูดว่า "ฉันได้ยินจากแม่ของนาย"
"โกหก!" -ฉัน
"ตกลง! ตกลง! ฉันสำรวจห้องของนายก่อนที่จะได้เจอกะนครั้งแรกและเจอแผ่นสถานะของนาย" -เซเลส
"อะไรนะ!" -ฉัน
"ฉันไม่ได้คิดร้ายอะไรทั้งนั้น มันไม่ได้มีอะไรน่าสนใจอยู่ดี นายมันพวกสันโดษ มีแค่หนังสือเกี่ยวกับเวทมนตร์และวิทยาศาสตร์ นายรู้ไหมว่ามันไม่ปกติสำหรับผู้ชายที่จะซ่อนเอนไซโคลพีเดียไว้ในหมอน?" เซเลสมองข้าด้วยสายตาที่สมเพช
"ฉันพยายามลองทำสิ่งที่เขาเรียกว่าผู้หญิงค้นห้องผู้ชายและรู้ไหมว่าฉันได้อะไร?" เธอส่ายหัว "นอกจากฉายานั้น ไม่.......มี........อะไรเลย!"
ข้าสิ้นหวังแล้ว!
"ทำไมฉันถึงถูกทำเหมือนกับว่าฉันเป็นไอ้โรคจิต ฉันไม่เคยทำอะไรที่จะต้องได้รับการเรียกแบบนี้! เท่าที่ฉันจำได้ ฉันทำตัวดีตลอด! เวรเอ๊ย! แม้แต่ชาติแรกยังเป็นพระเลย!"
ข้าไม่ควรพูดคำนั้น!
"พะ............พระ!? ตอนนี้ฉันเข้าใจทุกกกกกกกกกอย่างงงงงงงงแล้ว!" เซเลสยิ้มถึงใบหู
"อย่าคิดที่จะพูดอะไรก็ตามเกี่ยวกับมันเด็ดขาด! มันเป็นชีวิตที่ดี!" แต่ความคิดใหม่ก็ประกายขึ้นมา ".......,แต่มีชีวิตแบบนั้นไม่ได้ให้อะไรเลย สุดท้ายมันก็กลับมาอยู่จุดที่ฉันยืนอยู่!
คนที่มีชีวิตโรคจิตอย่างสมบูรณ์แบบนั้นทำถูกแล้ว! ในตอนจบพวกเขามีชีวิตที่เลวร้ายเหมือนกัน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ได้บางอย่างกลับไป!" ข้าพยักหน้าให้กับตัวเอง
*เพี๊ยะ**เพี๊ยะ**เพี๊ยะ**เพี๊ยะ**เพี๊ยะ*
"โอ้ว! " -ข้า
"อย่าคิดจะไปหนทางนั้นเด็ดขาด! สำหรับคงโง่ซาดิสอย่างนาย นั่นเป็นสิ่งที่ดีสุดท้ายในตัวของนาย!" เซเลสจ้องมองมาที่ข้าด้วยสายตาที่รังเกียจ แต่ความคิดของข้ามันยุ่งเหยิงหมดแล้ว
"โฮ่ๆ, บางที่ฉันควรจะเริ่มที่นี่เดี๋ยวนี้? ยังไงพวกเราก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว! ยังไงก็ไม่เสียหายดังนั้นทำไมฉันไม่ฉวยโอกาศนี้ไว้ละ! เธอในตอนนี้ยังไม่สามารถใช้งานได้แต่แค่ทดสอบก็ไม่เสียหายเพราะร่างกายของฉันเองก็ยังไม่โตพอเหมือนกัน!" ข้าก้าวไปข้างหน้าและรู้สึกดี
-ผัวะ-
เธอตบข้าและพวกเรากลิ้งลงไปปล้ำต่อสู้กันและกัน
บางสิ่งแตกในขณะที่พวกเรากลิ้งไปมาบนพื้น ในตอนนั้นเองประตูเปิดออกและพวกเราตัวแข็งทื่อ
ไอเร็ท, แคธรีนและนิโคลซาร์เดินเข้ามา
ข้าพยายามบีบคอของเซเลสด้วยแขนข้างเดียว ส่วนเธอใช้ขาทั้งสองข้างพันรอบตัวข้าในตำแหน่งที่น่าสงสัยในขณะที่แขนข้างหนึ่งของข้ายันแขนซ้ายที่ถืออาวุธกิ๊บหนีบผมเอาไว้
แขนอีกข้างหนึ่งของเธอพยายามปล่อยตัวเองจากมือของข้า หางของเธอพันรอบส่วนบนและคอของข้า พยายามรัดคอคืน
"โฮ่ๆ!" นิโคลซาร์ยิ้มอย่างโง่ๆพร้อมกับตาโตข้างหนึ่ง
"การฝึกไม่คืบหน้าอย่างที่คิด........" แคธรีนพูด
แม่ของข้ามองอย่างกล่าวโทษ
เซเลสปล่อยกิ๊บหนีบผมและดึงข้าเข้ามาใกล้พร้อมกับ กอดข้า! "วะฮ่าๆ! พูดเรื่องอะไรเหรอคะ! ที่รักและฉันกำลังสำรวจหนทางใหม่ในการสื่อสารกันและกัน ถูกไหมที่รัก? ดังนั้นคนแก่กว่าและฉลาดกว่าไม่ควรขัดขวางคนที่อ่อนกว่านะ!"
"กระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านสันหลังของข้า! โอเค! นี่! มัน! โครตขยะแขยง! "ทำตามซิเจ้าโง่!" เธอกระซิบ ข้ากอดเธอกลับและกลับมายืนท่าตรง
"ใช่แล้ว พวกเราพึ่งจะพบข้อดีของกันและกัน! จริงๆแล้วทุกคนเข้าใจผิดอย่างมาก! ไม่จำเป็นจะต้องฝึกอีกแล้ว!" -ข้า
เซเลสพยักหน้ารับที่อกของข้า
"พวกเราจะคอยดูว่าพวกเธอทั้งสองจะแสดงแบบนี้ได้นานอีกเท่าไหร่! จากนั้นจะตามด้วยบทลงโทษไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง! ทั้งสองทางนั้นผิดทั้งคู่! ทั้งสองคนลืมไปแล้วหรือไงว่าพวกเธอยังเป็นเด็กอยู่!" -ไอเร็ธ
พวกเราทั้งสองเริ่มต้นร้องไห้!
--------------------------------------
จบบทนี้ครับ
เผื่องงในประโยคสุดท้ายนะครับ ทางใดทางหนึ่งหมายถึงไม่ว่าจะสู้กันหรือรักกันนัวเนียก็ผิดอยู่ดีเพราะวัยนี้กอดกันนัวเนียมันเกินเด็กไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น