ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Terror infinity : เกมสยองไร้ที่สิ้นสุด

    ลำดับตอนที่ #6 : Resident Evil : ผีชีวะ 3-2

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 58


    ซอมบี้ยังคงเดินเข้ามาจากทุกฝั่งอย่างต่อเนื่อง ถีงแม้มันจะดูน่ากลัวแต่จริงๆแล้วมันเคลื่อนที่ช้ามาก ภายใต้สภาวะจดจ่อของเจิ้งนั้น ซอมบี้ไม่มีโอกาศที่จะเข้ามาใกล้ได้แม้แต่น้อย แต่เมื่อจำนวนซอมบี้ตายมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เหลือแค่แม็กเดียวเสียแล้ว

    อีกทางด้านหนึ่งนั้นทหารรับจ้างสามารถเปิดประตูเข้าไปในห้องแลปได้ในที่สุด แต่ปรากฎว่าซอมบี้จำนวนมากโผล่ออกมาจากประตูและลากทหารรับจ้างคนนั้นเข้าไปด้านใน เสียงร้องครั้งสุดท้ายของทหารคนนั้นทำให้คนฟังขนลุกไปตามๆกัน อย่างที่เคยลอกไป คุณจะไม่คิดมากเลยในตอนที่ดูหนัง แต่ถ้ามันเกิดเหตุการณ์โดยตรงกับคุณละก็ ความสยองไม่สามารถพรรนณาออกมาได้เลย

    วันตะโกนออกมา "กลับไปที่ห้องราชินีแดง! กลับไปที่นั่น!"

    ไม่นานหลังจากนั้น ซอมบี้มากกว่าสิบตัวเดินเข้ามาอยู่ระหว่างกลุ่มของเจิ้งและทหารรับจ้าง พวกมันค่อยๆลากเท้าเข้ามาหาเจิ้งและทั้งสามคนนั้นได้กลิ่นเน่าจากร่างกายของมัน เซียวยี่ทำได้แค่ตะโกนออกมาว่า "เจิ้งยิงพวกมันด่วนเลย!"

    อย่างที่คนเคยดูหนังเรื่องนี้ต่างรู้กัน คนที่มันกัดหรือข่วนจะติดเชื้อ วัคซีนที่มีอยู่นั้นอยู่บนรถไฟ ก่อนที่พวกเขาจะไปถีงรถไฟพวกเขาคงตายก่อนแล้วเพราะพวกเขายังคงเป็นคนธรรมดาอยู่

    เจิ้งเริ่มลนหลังจากที่เห็นทหารรับจ้างเริ่มห่างออกไป ซอมบี้เริ่มปรากฎออกมามากขึ้นเรื่อยๆแต่กระสุนของเขากลับลดน้อยลงเรื่อยๆ

    "สิบนัด,เก้านัด,แปดนัด..."

    เจิ้งนับจำนวนกระสุนปืนในใจในขณะที่ยิง แต่แล้วอยู่ดีๆซอมบี้ข้างหน้าเขากลับล้มลงไปทีละตัวๆ เจี๋ยปรากฎออกมาข้างหลังพวกมันและตะโกนว่า "มาทำอะไรอยู่ตรงนี้? ฉันบอกแล้วไงให้ตามพวกเขาไปไม่ใช่เหรอ? นายเองก็เคยดูหนังเรื่องนี้แล้วไม่ใช่เหรอไง? ไม่รู้เหรอว่าฮันเตอร์จะโผล่มาในห้องนี้หลังจากนี้"

    เจี๋ยยังคงยิงต่อไปโดยไม่คิดที่จะมองทั้งสามคนแม้แต่น้อย เขาวิ่งไปที่ๆทหารรับจ้างไป เจิ้งและคนอื่นๆตามไป

    (ความเร็วของเขามากกว่าเรา20% บางทีเขาอาจพัฒนากล้ามเนื้อ)

    เจิ้งสำรวจเจี๋ยพร้อมกับวิ่งไปด้วย เขาสังเกตเห็นว่าความเร็วในการคิดกับปฎิกิริยาตอบโต้ของเจี๋ยดีกว่าเขามาก มันเป็นสิ่งจำเป็นในการยิงปืน

    ด้วยความช่วยเหลือของเจี๋ย ทั้งสี่คนมาถึงห้องส่วนกลางคอมพิวเตอร์ได้ในที่สุด เสียงดังปึงดังหลังจากนั้น มันเป็นเสียงประตูที่จะป้องกันไม่ให้ซอมบี้เข้ามาด้านใน

    ทุกๆคนยกเว้นเจี๋ยต่างนั่งไปกองกับพื้น พวกเขาต่างก็หอบหายใจอย่างรุนแรง ถึงแม้ปอดของเขาจะเต็มไปด้วยอ็อกซิเจนแล้ว แต่ความกลัวส่งผลให้พวกเขาหอบหายใจอย่างรุนแรงอยู่ มันต้องใช้เวลาสักครู่หนึ่งพวกเขาถึงสงบลงได้

    "ไม่เลวเลย" เจี๋ยเก็บปืนไว้ที่เอวและหัวเราชมให้กับเจี๋ย

    "นายหมายถึงอะไร?"

    เจี๋ยหันไปมองที่ทหารรับจ้าง พวกเขายังคงจ้องมองศพที่อยู่ตรงทางเดินยาวที่มีเลเซอร์ เจี๋ยพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า"เวลาอันตรายที่สุดสำหรับมือใหม่เป็นช่วงที่เข้ามาในหนังครั้งแรก อันดับแรกมือใหม่ต้องเข้าใจในสถานการณ์ตัวเอง ฉันเห็นหลายต่อหลายคนแล้วที่คิดว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเป็นส่วนหนึ่งของรายกายทีวีและพวกเขาตายเร็วที่สุด แต่พวกเธอปรับจิตใจเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะนายและหลาน พวกเธอทั้งสองคนเป็นมือใหม่ที่เยี่ยมที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา ไม่เพียงแค่ปรับจิตใจได้แล้ว ยังสามารถเอาชนะความกลัวได้อีกด้วย"

    "อย่างที่สอง, การเอาชนะความกลัวยังไม่เพียงพอที่จะทำให้มีชีวิตรอด พวกเธอยังคงเป็นคนธรรมดาอยู่ในหนังเรื่องแรก ถึงแม้จะรู้เนื้อเรื่องแต่พวกเธอยังคงตายง่ายอยู่ดี ดังนั้นการได้หนังเรื่องแรกอิงกับดวงเป็นอย่างมาก ตราบเท่าที่มีชีวิตรอดผ่านหนังเรื่องแรก พวกเธอสามารถพัฒนาร่างกายตนเองหรือแลกเปลี่ยนกับปืนแบบฉันก็ได้"

    หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็หยิบบุหรี่ออกมาและยื่นให้เจิ้ง "ยินดีด้วยมือใหม่ รู้สึกเป็นไงบ้างที่ยังมีชีวิตอยู่ ฮ่าๆๆ"

    เซียวยี่เดินเข้ามาพร้อมกับพูดว่า "เจี๋ย ให้ผมอันนึง"

    เจี๋ยหันมามองอันนึงพร้อมกับพูดว่า "อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ นายไม่มีกลิ่นของบุหรี่แม้แต่น้อย ถ้านายไม่อยากตายละก็ ตามพวกเราไป"

    เซียวยี้ก้มหัวลงและพูดว่า "เจี๋ย, ผมโดนหักสิบแต้ม ผมควรทำอย่างไรดี?"

    เจี๋ยหัวเราะและพูดว่า "นายติดลบสิบแต้มแทนที่จะได้แต้ม? โชคของนายนี่ดีกว่าคนปกติจริงๆ อย่ากังวลไป, ยังไงนายก็ได้1000แต้มในตอนจบอยู่ดี แต่จำไว้ด้วยว่า ถ้านายยังคงติดลบหลังจากได้1000แต้ม นายจะถูกลบหายไปจากโลกนี้"

    จากน้นก็มีเใยงเคาะประตูดังขึน เสียงของอลิสดังออกมาจากนอกห้อง "เปิดประตูเดี๋ยวนี้, เร็วเข้า!"

    ทหารรับจ้างเดินเข้ามาและเจี๋ยเปิดประตูพอให้อลิสและแมทเข้ามาได้

    วันถามพวกเขา "สภาพข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง? พวกเรากลับไปยังจุดที่พวกเรามาได้ไหม?"

    อลิสส่ายหน้า "มีพวกมันเต็มไปหมด"

    "ทุกๆคนต่างก็เงียบหลังจากได้ยิน แคปแลนพูดทำลายความเงียบ "พวกเราไม่สามารถหนีได้ ทางออกทางอื่นก็ไม่มี พวกเราจบสิ้นแล้ว!"

    สแปนซพูดต่อ "พวกเรารออยู่ที่นี่ไม่ได้เหรอ? หลังจากที่คนที่อยู่ข้างนอกรู้ว่าพวกเราหายตัวไป พวกเขาจะส่งทีมสำรองมา ผมคิดว่าพวกเรายังคงปลอดภัยตราบเท่าที่อยู่ที่นี่ ผมไม่ต้องการออกไปสู้กับซอมบี้พวกนั้น"

    แต่ทหารรับจ้างต่างก็แสดงสีหน้าละอายใจและทำให้สแปนซถามด้วยความสงสัย "ผมพูดผิดตรงไหน?"

    แคปแลนตอบ "ไม่มีทีมสำรองอีกแล้ว"

    สแปนซคว้าคอเสื้อขอ,เขาและถามด้วยความหงุดหงิด "นายหมายความว่ายังไงที่ว่าไม่มีทีมสำรองแล้ว?"

    วันถอนหายใจและพูดว่า "คำสั่งของพวกเราคือการนำวงจรราชินีแดงกลับไปและแยกรังผึ้งออกจากโลกภายนอก จำตึกที่เราผ่านเข้ามาก่อนมาถึงรังผึ้งได้ไหม? ถ้าพวกเราไม่กลับไปในสามชั่วโมง ประตูจะปิดลงและแยกรังผึ้งออกจากโลกภายนอก ไอ้บริษัทเฮงซวย ฉันรู้แล้วว่าทำไมพวกเราถึงได้คำสั่งแบบนี้"

    เจิ้งหันไปมองหน้าทุกๆคน พวกเขารู้ดีว่าเวลานาฬิกาหมายถึงอะไร พวกเขาจะต้องมีชีวิตรอดก่อนประตูจะปิดและจะต้องไม่บาดเจ็บจากซอมบี้ก่อนหน้านั้น พวกเขาไม่สามารถสู้ซอมบี้หลายตัวในเวลาเดียวกันได้และDeser Eagle ไม่เพียงพอที่จะสู้กับฮันเตอร์ได้

    สแปนซปล่อยเสื้อแคปแลนแต่เขายังคงลนลานอยู่ "ไม่! พวกเขาไม่น่าจะทำแบบนี้! พวกเขาคิดจะฆ่าพวกเราทังหมดอย่างนั้นเหรอ?"

    เร็นตอบ "นี่เป็นวิธีปลอดภัยที่สุดในการรักษาความปลอดภัยของบริษัท ถ้าพวกเราทั้งหมดตายที่นี่จะไม่มีใครปล่อยข้อมูลออกไปได้" แขนของเขาเต็มไปด้วยเลือดจากการถูกกัด

    แต่ละคนต่างก็เงียบ จากนั้นสแปนซก็พูดต่อ "ทำไมนายถึงพึ่งมาบอกตอนนี้? ทำไมนายไม่บอกอะไรเลยก่อนเกินเรื่อง?"

    อลิสขัดขึ้นมา "หยุดเถียงกันได้แล้ว พวกเรามาหาทางออกกันดีกว่า อันดับแรกพวกเราต้องหาทางออกจากห้องได้เสียก่อน" เธอหยิบวงจรหลักของราชินีแดง ละเข้าไปในห้องคอมพิวเตอร์ 

    "เธอคิดจะทำอะไร?" วันถาม

    "ทำให้เธอกลับมาทำงาน"

    หลังจากที่พวกนั้นจากไป เจิ้งถามเจี๋ยว่า "พวกเราไม่ตามไปดูเหรอ?"

    "มีอะไรให้ดู? นายเองก็เคยดูหนังเรื่องนี้แล้ว จะดีกว่าถ้าเก็บแรงไว้ฆ่าซอมบี้ในภายหลัง"

    หลานจับหน้าผากของเธอ"ใช่แล้ว, เจี๋ย,ฉันมีคำถามถามนาย พวกเราจะกลับไปที่ของพระเจ้าได้อย่างไร? มีแสงบนหัวของพวกเรา? พวกเราค่อยๆหายไป? หรือว่ามีเส้นทางโผล่มาตรงหน้าเรา?"

    เจี๋ยตอบ "ฉันเองก็ไม่รู้ว่ากลับแบบไหน ทุกๆครั้งที่ภารกิจจบ ฉันก็ไปอยู่ในที่ของพระเจ้าในวินาทีต่อมาแล้ว เธอไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้กลับหลังจากเวลาหมดหรอก ตราบเท่าที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้โดนเชื้อไวรัสทีหรืออะไรบางอย่าง ตราบเท่าที่เธอยังมีสติ พวกนั้นทุกอย่างจะหายไป เช่นเดียวกับกรณีที่เสียแขนหรือขา เธอสามารถเอามันกลับมาแลกกับแต้มบางส่วน"

    หลานหน้ามุ่ยและถามต่อ "นายพูดถึงภารกิจ?"

    "แน่นอน, ฉันบอกแล้วไงว่าพวกเราทำเพียงแค่เอาชีวิตรอด เหมือนกับตอนที่พวกเราพึ่งมาถึงที่นี่และไม่สามารถออกห่างจากวันได้ นั่นเป็นภารกิจพิเศษ บางครั้งพวกเราเองก็ทำต้องทำภารกิจพิเศษให้สำเร็จ นั่นเป็นการของพระเจ้าในการเพิ่มความยาก"

    หลานถอนหายใจ "โชคไม่ดีจริงๆ จริงๆแล้วฉันต้องการ...ช่างมันเถอะ"

    "เธอคิดจะทำอะไร?"

    เจิ้งขัดขึ้นมา "เธอหมายถึงเธอต้องการให้พวกเราอยู่ที่นี่งั้นหรือ?"

    หลานยิ้มให้เจิ้งและพูดว่า "ถูกแล้ว นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ อย่างที่เจี๋ยบอกว่าพวกเราจะออกจากที่นี่ทันทีที่เวลาหมด ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเราอยู่ที่ไหนก็ได้ต่างจากตัวแสดง ถ้ายังงั้นแล้วทำไมพวกเราไม่อยู่ที่นี่ละ ฉันจำได้ว่าเนื้อเรื่องหลังจากนี้พวกเราจะลงไปยังอุโมงค์ใต้ดินและเกือบตายจากการโจมตีของฮันเตอร์ ถึงแม้พวกเขาจะไปถึงรถไฟได้สำเร็จก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี ถ้าอย่างนั้นสถานที่นี้ละ?"

    เจิ้งและเจี๋ยต่างก็ประหลาดใจกับคำพูดของหลาน "เธอกลัวว่าพระเจ้าจะให้ภารกิจพวกเราในภายหลัง? อย่างเช่นให้ตามตัวละครตัวอื่นๆ? และถ้าพวกเราไม่เข้าใกล้ตัวละครนั้นเราจะตาย?"

    "ใช่แล้ว นั่นเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดถ้าไม่นับความเป็นไปได้นั้น?"

    เจี๋ยสูบบุหรี่และคิดเล็กน้อย "ตกลง, พวกเราจะอยู่ที่นี่ พระเจ้าจะไม่มอบภารกิจที่เป็นไปไม่ได้อย่างเช่นตัวละครห่างไปไกลแล้วและสั่งให้พวกเราเข้าไปในระยะ300เมตร ในเมื่อตัดสินใจแล้ว พวกเราจะรอเวลาหมดที่นี่"

    ทั้งสามคนต่างก็ประหลาดใจ เจิ้งพูดกับเจี๋ยว่า "นายไม่จำเป็นต้องรอที่นี่เหมือนพวกเรา พวกเราเป็นคนธรรมดาแต่นายมีปืนและพัฒนาร่างกายมาแล้ว ทำไมนายถคงไม่เลือกฆ่าซอมบี้เพื่อเอารางวัลละ? และถ้านายฆ่าฮันเตอร์ได้เท่ากับว่านายได้แต้ม100แต้มเชียวนะ! พวกเราเลือกอยู่ที่นี่เพราะมันจำเป็น"

    เจี๋ยฝืนยิ้มออกมา "พูดตามจริง ใครกันที่คิดจะอยู่ที่นี่ ไม่ว่าใครต่างก็ต้องสติแตกเมื่อผ่านหนังไปเรื่อยๆ นี่เป็นหนังเรื่องที่สี่แล้วและบางครั้งฉันเองก็คิดจะฆ่าตัวตายเสียด้วยซ้ำ"

    "และฉันเองก็ต้องการให้พวกนายมีชีวิตรอด บางครั้งคนเราก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดด้วยตัวเอง ถ้ามีคนที่มีประสบการณ์นอกเหนือจากฉัน โอกาศที่จะรอดชีวิตก็จะมากขึ้น เอาละ, ในเมื่อตกลงแล้วว่าจะอยู่ที่นี่ พวกเรามาคิดกันว่าจะบอกตัวละครยังไงดี"

    ทั้งสี่คนหารือกันจนกระทั่งตัวละครกลับมา พวกเขาเดินเข้าไปหาตัวละครด้วยรอยยิ้ม เจิ้งเข้าใจดีว่าไม่เพียงแค่เขาที่ต้องการมีชีวิตรอดเท่านั้น ทุกๆคนเองต่างก็ต้องการมีชีวิตรอดเหมือนกัน

    =================================

    จบตอนครับ

    หลังจากแปลและกลับไปดูผีชีวะ1 ผมก็รู้สึกตัวว่าผมแปลชื่อผิด คาแพลนตริงๆคือแคปแลน = =' ถ้ามีผู้อ่านกลับไปอ่านใหม่วันพรุ่งนี้แล้วยังเห็นเป็นชื่อคาแพลน รบกวนแจ้งด้วยนะครับ _/\_

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×