คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 :: เด็กใหม่
“พระเจ้า!!! ทำไงดีเนี่ย ดันมาสายตั้งแต่วันแรก แฮ่ก...แฮ่ก เหนื่อยเป็นบ้าเลยเว้ย” ขายาวกำลังพาร่างเล็กของเด็กหนุ่มหน้าหวานออกวิ่งด้วยความเร็วสูง เพื่อมุ่งหน้ามายังอาคารหรูเบื้องหน้า ที่ตั้งระยะห่างจากตัวอาคารถึงตัวเด็กหนุ่มไว้ประมาณสองร้อยเมตร
“เอาวะ ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว สู้ๆเว้ย อี ทงเฮ” วิ่งไปก็พูดปลอบตัวเองไปพลาง แต่เพราะทั้งวิ่งและพูดไปด้วยนี่แหล่ะ ที่ทำให้ร่างเล็กรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิม หยดน้ำใสๆเริ่มผุดให้เห็นบนใบหน้าหวาน จากที่เริ่มก่อตัวจากหยดเล็กเพียงสองสามหยด จนในที่สุดก็บังเกิดเป็นสายน้ำใสๆทั่วทั้งใบหน้า
หยดน้ำหลายร้อยหยดที่เกิดจากการที่ต่อมเหงื่อภายในร่างกายถูกกระตุ้น สาเหตุก็คงมากจากอุณหภูมิภายในร่างกายสูงขึ้นเนื่องจากสองขาออกแรงวิ่งมาเป็นระยะเวลาหลายนาทีแล้ว หยดน้ำที่มีรสเค็มเพราะส่วนผสมของโซเดียมและโพแทสเซียมทำให้เด็กหนุ่มเริ่มเกิดความระคายเคืองบริเวณใบหน้า ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหยดน้ำใสเริ่มเคลื่อนไหวตัวเองมายังดวงตาคู่สวย และด้วยประสาทสัมผัสที่ไว ตาเรียวหลับตาทันทีเพื่อป้องกันของเหลวเข้าสู่ตา แต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว ด้วยความรีบ เด็กหนุ่มจึงต้องใช้แขนเสื้อสีดำขลับของตัวเองเช็ดเบ้าตาเพื่อให้คลายความแสบ ในขณะเดียวกันสองขาก็ยังไม่เลิกทำหน้าที่ของตัวเอง ยังคงออกวิ่งต่อไป
เพราะความรีบและไม่ได้มองทางข้างหน้า เด็กหนุ่มจึงชนเข้ากับใครสักคน ด้วยแรงที่กระแทก เอกสารทั้งหมดที่อยู่ในมือของเด็กหนุ่มหน้าหวาน ร่วงลงพื้นและกระจัดกระจายตามแรงดึงดูดของโลก เด็กหนุ่มรีบยกแขนขวาขึ้นมองนาฬิกาสีข้อมือสีขาวเรือนเล็กเพื่อดูเวลา ชั้นเรียนกำลังจะเริ่มขึ้นอีกสองนาทีข้างหน้านี้ ร่างเล็กจึงรีบคว้าเอกสารที่หล่นเกลื่อนอยู่บนท้องถนนคอนกรีตยัดใส่กระเป๋าเป้จนหมดแทบจะในพริบตาเดียว
“โธ่เว้ย คนกำลังรีบ ดันเดินชนมาได้” หันมาตะโกนไล่หลังบุคคลนิรนามที่ชนกันเมื่อครู่ ก่อนจะรีบวิ่งสุดชีวิตเพื่อไปถึงยังอาคารสวยหรูเบื้องหน้าให้ได้ภายในหนึ่งนาที
“ทำไมสร้างไกลอย่างนี้วะ โว้ยยยย” ปากบางยังไม่เลิกบ่น สองขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อวิ่งไปให้เร็วที่สุด โดยไม่ได้รับรู้เลยว่า เด็กหนุ่มที่ชนกันเมื่อกี้กำลังด่าตัวเองอยู่เบาๆ
“เดินไม่ดูทาง เด็กประสาท”
TTTTTTTTTTTTTTT
“ขอโทษนะฮะที่ผมมาสาย” เสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียงใสที่แหบพร่าตะโกนเข้ามาภายในห้องเรียนขนาดเล็ก ทงเฮยังคงมีอาการหอบให้เห็นเนื่องจากว่าเขาวิ่งมาเป็นระยะทางหลายร้อยเมตรภายในเวลาไม่กี่นาที หนำซ้ำยังต้องวิ่งขึ้นชั้นสามกระวีกระวาดหาห้องเรียนกว่าจะพบถึงได้มายืนอยู่เบื้องหน้าประชาชนนักเรียนนับสามสิบชีวิต
ช่วงเช้าของโรงเรียนดาร์ทาเนี่ยนในทุกๆวันก่อนที่อาจารย์ประจำชั้นจะเข้าพบ นักเรียนในห้องจะพากันวิ่งไล่เตะและโหวกเหวกโวยวายกันเป็นประจำ พฤติกรรมของพวกเขาดูแล้วก็ไม่แตกต่างอะไรกับเด็กประถมที่กำลังกินกำลังโต จึงไม่แปลกอะไรที่เวลาได้ยินเสียงเปิดประตูห้องหลังจบเสียงกริ่งไปแล้ว ทั้งชั้นจะเงียบกริบราวต้องมนต์ทันที
แต่ครั้งนี้ห้อง B-302 ของทงเฮอาจารย์ประจำชั้นเข้าพบนักเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเมื่อมีเสียงเปิดประตูเป็นครั้งที่สองที่พ่วงด้วยเสียงตะโกนแบบนั้น จึงทำให้ร่างเล็กตกเป็นเป้าสายตานับร้อยแทบจะในทันที
“เอ่..อ คือ...” เมื่อถูกผู้คนมากมายจ้องแบบนั้น หน้าหวานๆของร่างเล็กก็เริ่มขึ้นสี ทงเฮทำอะไรไม่ถูก เขาดูเก้ๆกังๆและงี่เง่ามากในสายตาของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ร่างเล็กรับรู้และสัมผัสได้ในทันทีว่ามีสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจจับจ้องเขาอยู่ แต่ยังไม่ทันที่จะหันไปดูชายเจ้าของสายตานั้น ก็มีเสียงดังขึ้นกลางห้องซะก่อน
“นายเป็นใครน่ะ หน้าไม่คุ้นเลย” เด็กหนุ่มผมตั้งที่ยืนถือลูกฟุตบอลอยู่กลางห้องโพล่งขึ้น ถ้าเดาไม่ผิดคาดว่าคงจะเล่นฟุตบอลในห้องค้างไว้ก่อนที่อาจารย์จะเข้ามา
“เอ่อ.. คือชั้น..”
“เอาล่ะๆ ทุกคน เงียบๆกันหน่อย” เสียงกระทบกันของแปลงลบกระดานกับโต๊ะไม้เบื้องหน้าดังขึ้นแทรกเสียงใสๆของทงเฮ
“ครูจะแนะนำเด็กใหม่ให้พวกเธอรู้จัก มายืนตรงนี้สิทงเฮ”
ร่างเล็กกวาดสายตามองไปยังผู้คนเบื้องหน้า สายตานับสิบคู่ที่จ้องมองเขามานั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ทั้งตื่นเต้น ดูถูก ปนเปกันไปตามอารมณ์ของแต่ละคน ทงเฮปิดเปลือกตาเรียวลงอย่างช้าๆพร้อมกับสูดหายใจรับอากาศบริสุทธิ์เข้าไปจนเต็มปอดแกร่งก่อนจะค่อยๆขับไล่อากาศเหล่านั้นออกมาเพื่อคลายความตื่นเต้น
“อะแฮ่ม.. ชั้นชื่ออี ทงเฮ ย้ายมาจากโรงเรียนทังซอล ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
หลังจากที่เด็กใหม่อย่างทงเฮแนะนำตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งห้องก็ยังคงเงียบกริบไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ ร่างเล็กกระชับกระเป๋าที่สะพายพาดบนไหล่ไว้แน่น เขาเชิดหน้าเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวเพราะโดยทั่วไปแล้วการที่มีนักเรียนเข้าใหม่สักคนกลางคันแบบนี้ ย่อมจะต้องมีการต้อนรับตามแบบฉบับของห้องนั้นๆไป ซึ่งตัวทงเฮเองก็รู้ดีเพราะเขาก็เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนแล้ว
“อ๋า ทังซอล โรงเรียงดังนั่นน่ะหรออ” เด็กหนุ่มผมตั้งที่ถือลูกฟุตบอลไว้โพล่งขึ้นด้วยความตื่นเต้น เสียงของเขาดังไปทั่วทั้งห้องและยังเป็นตัวทำลายความเงียบเมื่อสักครู่นี้ลงด้วยเพราะทันทีที่สิ้นเสียงของเด็กหนุ่มเสียงจ้อกแจ้กของนักเรียนทั้งห้องก็ดังขึ้นแทรกทันที
“เรียนที่ทังซอลก็ดีอยู่แล้ว โง่หรือเปล่าที่ออกมาน่ะ” เสียงหวานที่ดังขึ้นท่ามกลางเสียงอึกทึกเหล่านั้นทำให้ร่างเล็กเริ่มไม่สบอารมณ์
ทงเฮหันไปมองทางที่มาของเสียงก็พบกับเด็กหนุ่มเจ้าของเสียงหวานนั่งเอามือเชยคางมองร่างเล็กด้วยแววตาที่ไม่สามารถเข้าใจได้ ใบหน้าเรียวยาวที่หวานไม่ต่างจากเสียงของเขาสะกดให้ร่างเล็กจ้องมองอย่างไม่ละสายตา ยิ่งมองร่างเล็กก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงมิตรภาพดีๆที่ช่างขัดกับคำพูดของเขานัก ปากเรียวบางของเด็กหนุ่มหน้าหวานยกยิ้มให้ทงเฮอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเสมองออกไปทางนอกหน้าต่างราวกับร่างเล็กเป็นสิ่งไม่น่าสนใจ
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมของอาจารย์ประจำชั้นดังขึ้นทำให้เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเหล่านักเรียนเงียบลงทันตา
“ทุกคนสนิทกันไว้นะ ส่วนทงเฮ ครูขอเอกสารของเราด้วย”
“อ่า..ฮะ” ร่างเล็กควานหาเอกสารภายในกระเป๋าเป้ที่ตนเองยัดไว้เมื่อตอนชนกับชายแปลกหน้ามาให้อาจารย์ประจำชั้นด้วยรอยยิ้มที่แสนสดใส
“ทุกคนรอกันเงียบๆล่ะ” อาจารย์ประจำชั้นสั่งทุกคนในห้องไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“ดะ..เดี๋ยวสิฮะ” ร่างเล็กเดินตามอาจารย์ประจำชั้นไปแต่ก็โดนประตูเลื่อนปิดกระแทกหน้าเสียก่อน
ทันที่อาจารย์ประจำชั้นออกจากห้องไปเด็กหนุ่มผมตั้งที่ยืนถือลูกฟุตบอลอยู่นั้นปล่อยบอลลงพร้อมกับเตะไปที่ผนังข้างประตูอย่างเต็มแรง จากทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์ที่ว่าแรงกิริยาเท่ากับแรงปฏิกิริยา ลูกบอลที่เด็กหนุ่มผมตั้งเตะมานั้นกระแทกเข้ากับผนังห้องและเด้งมากระแทกหน้าผากทงเฮอย่างเต็มแรง
“โอ๊ยย!” ร่างเล็กยกมือขึ้นปิดหน้าผากซ้ำยังเซไปด้านหลังชนเข้ากับโต๊ะของอาจารย์ตรงกลางห้องอย่างพอดี
“โกล์!” เสียงเฮของคนทั้งห้องดังขึ้นทันทีที่เด็กหนุ่มผมตั้งคนนั้นเตะบอลเข้าเป้าหมาย
ทันทีที่ทงเฮตั้งตัวได้และจะหันมาประจันหน้ากับทุกคนในห้อง ลูกวอลเล่ย์บอลก็พุ่งตรงเข้าหาหน้าหวานของร่างเล็กด้วยความเร็วสูง ทงเฮยกกระเป๋าเป้ขึ้นป้องกันไว้ได้ทันเวลา แต่เมื่อหันมาทางซ้ายร่างเล็กก็ต้องยกกระเป๋าเป้ขึ้นบังหน้าแทบจะในทันทีเนื่องจากลูกเทนนิสสีเขียวเข้มกำลังพุ่งตรงมาทางเขาด้วยความเร็วสูงไม่แพ้กัน
ทงเฮหัวเสียเป็นอย่างมากแต่เขาก็พยายามสงบสติอารมณ์ไว้เพราะตัวเองก็รู้ดีแก่ใจว่าเด็กใหม่จะต้องเจออะไรทำนองนี้เป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว
“เมื่อกี้เห็นเจ้านี่ทำหน้าโมโหหรือเปล่า” เด็กหนุ่มผมตั้งกระโดดลงจากโต๊ะเรียนที่นั่งอยู่เมื่อครู่ เขาวิ่งลงมากอดคอทงเฮพร้อมกับชี้หน้าให้เพื่อนๆในห้องหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนาน ร่างเล็กจับแขนของเด็กหนุ่มผมตั้งที่กอดคอต้นไว้ออกและสะบัดทิ้งอย่างหมั่นไส้
“เฮ้ เด็กใหม่” เด็กหนุ่มที่นั่งโต๊ะแถวหน้าร้องทักทงเฮขึ้น
“ไหวหรือเปล่า” เด็กหนุ่มคนนั้นถามเหมือนจะออกแนวเป็นห่วงร่างเล็ก แต่กลับกลายเป็นถามเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับเพื่อนๆในห้องเสียมากกว่า
“อีทงเฮ อีทงเฮ อ่า..ที่นั่งนายอยู่ด้านนั้นนะ” เด็กหนุ่มผมตั้งเดินไปเก็บลูกฟุตบอลที่ตกอยู่หน้าประตูแล้วเดินมาตบบ่าของทงเฮเบาๆพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มอันแสนสดใสมาให้
ร่างเล็กยกกระเป๋าเป้ขึ้นพาดไหล่อีกครั้งพร้อมกระชับไว้แน่นกลัวจะโดนกระชากออกจากตัว เขาเดินมายังที่ว่างสองที่สุดท้ายทางด้านหลังห้อง แต่ยังเดินไม่ทันถึงที่หมายร่างเล็กก็ล้มลงไปกองกับพื้น เขาสะดุดขาของนักเรียนคนหนึ่งเข้าเพราะไม่ทันได้ระวัง
“แค่น่ารักนิดหน่อย อย่าทำเป็นเหลิงนักล่ะ” นักเรียนคนที่ขัดขาร่างเล็กไว้หันมาบอกด้วยสีหน้านิ่งเรียบก่อนจะหันกลับไปอย่างไม่สนใจ
ทงเฮลุกขึ้นเดินเอามือขยี้ผมอย่างหัวเสีย เขาตัดสินใจวางกระเป๋าลงบนโต๊ะว่างตัวแรกและนั่งลงอย่างเซ็งๆ ทงเฮนั่งเชยคางมองออกไปทางนอกหน้าต่าง สายลมอ่อนๆที่พัดผ่านทำให้ใบไม้สีเขียวสดพร้อมใจกันพลิ้วไหวไปตามแรงลมราวกับจะเต้นระบำทำให้เด็กหนุ่มที่นั่งเหม่อมองการกระทำเหล่านั้นอยู่ค่อยๆสบายใจขึ้น
“อย่ามาใช้ที่คนอื่นตามอำเภอใจสิ” เสียงทุ้มหนึ่งดังขึ้นจากข้างตัวทงเฮทำให้เขาต้องหลุดจากภวังค์ ร่างเล็กเริ่มจะอารมณ์เสียขึ้นมาอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่าจะมาตอแยอะไรกับเขานักหนาทั้งที่ตัวเขาเองก็มานั่งที่เรียบร้อยแล้ว มันก็ควรที่จะยุติการกระทำบ้าๆนั่นสักที
“หนวกหูน่า! ไม่ได้ก็ไม่ได้ดิ” ในที่สุดทงเฮก็โพล่งออกมาอย่างเหลืออด เขาเงยหน้าไปมองเจ้าของเสียงทุ้มนั้น แต่ทันทีที่ได้เห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใครร่างเล็กถึงกับตัวแข็ง ใบหน้าหวานชาวาบ นิ่งอึ้งไปในทันที
“คิม คิบอม..”
“หมอนี่เป็นใครกัน” คิบอมหันไปถามเด็กหนุ่มผมตั้งที่นั่งโต๊ะข้างๆทงเฮ
“เป็นนักเรียนใหม่ที่ย้ายมาจากทังซอลน่ะ” เด็กหนุ่มผมตั้งเงยหน้าขึ้นมาตอบก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือการ์ตูนต่อไป
คิบอมหยิบกระเป๋าเป้ของทงเฮที่วางไว้บนโต๊ะโยนไปยังโต๊ะว่างข้างหลังเขา
“นี่มัน..ที่ของชั้น”
ทงเฮเงยหน้าสบตาร่างสูงอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะลุกออกไปยังโต๊ะตัวใหม่ด้านหลัง
“อะไรกัน นิสัยเสียน่าดูเลย” ร่างเล็กนึกบ่นอยู่ในใจ แล้วดึงเก้าอี้ออกมาจากโต๊ะเพื่อที่จะนั่งลง คิบอมนั่งอยู่เบื้องหน้า ทงเฮนั่งมองร่างสูงจากทางด้านหลังด้วยความไม่พอใจที่คิบอมนิสัยเสียแบบนี้แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจเป็นที่สุด
“แต่ในที่สุดก็ได้เจอ...”
TTTTTTTTTTTTTTT
ขณะเดียวกันทางด้านทังซอลโรงเรียนเก่าของทงเฮก็มีนักเรียนใหม่จำนวนห้าคนกำลังยืนแนะนำตัวเองอยู่หน้าห้อง แต่สถานการณ์ภายในห้องนี้ช่างแตกต่างกับของทงเฮอย่างสิ้นเชิง เสียงปรบมือดังไปทั่วทั้งห้องราวกับรอคอยการมาเยือนของพวกเขามาเป็นเวลานานแล้ว
เด็กหนุ่มทั้งห้าคนเดินไปยังโต๊ะว่างห้าโต๊ะทางด้านหลังห้องที่บังเอิญพร้อมใจกันว่างได้อย่างถูกโอกาส ระหว่างทางที่พวกเขาเดินมานั้น นักเรียนที่นั่งอยู่รอบข้างต่างยืนขึ้นปรบมือเพื่อยินดีต้อนรับเด็กใหม่อย่างพวกเขาเสมือนกับว่าเป็นบุคคลสำคัญ ซึ่งคนเหล่านั้นต่างก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องยินดีปรีดากับเด็กใหม่ห้าคนนี้ถึงขนาดนี้ แต่ร่างกายของพวกเขานั้นเป็นไปเองตามธรรมชาติถ้าเปรียบกับหุ่นยนต์ก็คงเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้ทำแบบนี้ไว้มาแล้ว
“เฮ้อ ทำไมต้องมาเรียนหนังสือแบบนี้ด้วยนะ” ไอบะฟุบหน้าลงไปบ่นกับโต๊ะอย่างรู้สึกเบื่อหน่าย
“เอาน่า ก็มันเป็นวัยของเด็กคนนั้นที่พวกเราต้องตามหานี่นา คิดซะว่าได้มาศึกษาความรู้ของโลกมนุษย์เพิ่มเติมแล้วกัน” โชที่นั่งอยู่โต๊ะด้านข้างหันมาตบบ่าเบาๆเพื่อปลอบใจไอบะ
“ข้าไม่ได้เก่งเหมือนเจ้านี่โช”
“ระวังคำพูดด้วย ไอบะ” จุนที่นั่งโต๊ะตรงหน้าหันมาเอ็ดเบาๆ
“เอ่อ..ชั้นขอโทษ”
“แล้วนี่ถ้าชั้นเกิดเรียนแย่ขึ้นมาจะโดนท่านพ่อเอ็ดด้วยมั๊ยเนี่ย โอโนะ” นิโนะที่นั่งอยู่ด้านข้างโชยื่นมือไปเขย่าเก้าอี้โอโนะเบื้องหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“ให้โชจัดการน่า อย่าเครียดไปเลยมันน่าสนุกออกไม่ใช่เหรอ” โอโนะหันมาตอบด้วยรอยยิ้ม
“เออแล้วที่อยู่ของพวกเราล่ะ” ไอบะนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่ลงมาจากเบื้องบนท่านพีก็แนะนำให้พวกเขาเริ่มต้นจากจุดนี้ ท่านพีบอกไว้ว่าถ้าพวกเขาหาตัวคนใดคนหนึ่งพบภารกิจของพวกเขาก็ใกล้จะสำเร็จ เพราะคนนั้นจะเป็นตัวนำพาให้พวกเขาค้นพบที่เหลือทั้งหมด เมื่อพวกเขาลงมาเหยียบพื้นโลกก็ตรงดิ่งมาเข้าเรียนที่นี่ทันทีเพราะโชบอกว่าเป็นโอกาสดีที่จะมาเข้าเรียนในตอนนี้ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่ได้สำรวจโลกมนุษย์เลยแม้แต่ที่เดียวรวมถึงหาที่พำนักด้วย
“ชั้นจัดการเรียบร้อยแล้วไม่ต้องห่วง” โชหันมาตอบไอบะด้วยรอยยิ้ม
“สมกับเป็นนายจริงๆเลยโช”
-------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น