คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : หน้าต่าง:รายที่ 1 ร่วงหล่น
แฮ่ก...แฮ่ก.. หญิงสาวลืมตาโพลงในความมืด...
“ ฉันเห็นอีกแล้ว...พรุ่งนี้...สินะ ” เธอยกมือจับต้นคอยาวระหงส์...มันคือความฝันของเรา..แต่มันจะเป็นเรืองจริงสำหรับเธอ...น้ำใส ๆ เอ่อล้นจากดวงตา...
ฉัน...ฉันจะไปช่วยอะไรเธอได้กัน !?
- 7 ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุ –
“ นี่เมษลงมากินข้าวแล้วรีบไปโรงเรียนได้แล้ว วันนี้แม่ไม่ให้แกหยุดแล้วนะ ” ผู้เป็นแม่ตะโกนมาจากในห้องอาหาร...ที่เคยมีซากนกกองอยู่...
เด็กสาวเดินลงบันไดเอื่อยเฉื่อย...ใบหน้าซึมเศร้าราวคนไร้ชีวิต...เธอโผล่หน้าซีดเซียวราวซากศพ ท่าทางหวาดกลัวและกังวลใจ...
“ ขอร้องละลูกอย่าทำให้แม่เป็นห่วงนักเลย...มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ? ” ผู้เป็นแม่ถามเมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาว
“ ไม่มีอะไรคะ ” เธอตอบเสียงเรียบ
“ แน่ใจนะ..แกเนี่ยชอบทำให้แม่เป็นห่วงอยู่เรื่อย ” ผู้เป็นแม่พูดอย่างไม่ใส่ใจ...ราวกับพูดไปตามหน้าที่เท่านั้น
เด็กสาวนั่งก้มหน้านิ่ง มองจานข้าวที่มีควันสีขาวพวยพุ่งออกมา
“ ทำไมนะ เวลาแกมีอะไรทำไมไม่ยอมบอกแม่บ้างเลยเนี่ย ” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถาม และมองลูกสาวที่ก้มหน้านิ่งอย่างละเหียดใจ
“ หนู...จะบอกแม่ได้จริง ๆ เหรอคะ ? ” เธอถามเสียงแผ่ว
“ ได้สิ ก็แม่เป็นแม่...ของลูกนี่ ” หญิงสาววัยกลางคนกลืนคำว่า แม่เลี้ยงลงคอ เพราะเห็นสภาพของเด็กสาวตอนนี้ก็อดเป็นห่วงขึ้นมาจริง ๆ ไม่ได้
“ คือหนู... ” เธอเงยหน้าและกำลังจะพูดสิ่งที่คาใจออกมาแต่....
“ แม่ครับ ๆ มาดูนี่สิครับ ” เด็กชายตัวน้อยเดินเข้ามาในห้องกินข้าวพร้อมกระดาษแผ่นหนึ่งโบกไปมาในมือ ด้วยสีหน้าระริ่น...
เด็กสาวมองน้องชายตัวน้อยที่เข้าขัดจังหวะและกำลังจะพูดสิ่งที่ค้างไว้ในใจออกมาแต่....
“ ไหนอะไรจร้ะ ” ผู้เป็นแม่ยื่นมือไปหยิบกระดาษแผ่นนั่นมาดูและทำเหมือนกับเธอไร้ตัวตนไปเลย “ ว้าวว...ลูกสอบได้ที่หนึ่งอีกแล้วเหรอ ? สมกับเป็นลูกแม่จริง ๆ คนที่ทำให้แม่ภูมิใจได้ก็มีแต่ลูกนี่แหละ...เก่งจังลูกแม่ ”
เด็กสาวมองภาพตรงหน้า...คนที่ทำให้แม่ภูมิใจได้งั้นเหรอ..ลูกแม่จริง ๆ งั้นเหรอ..นี่เราหวังบ้าอะไรอยู่เนี่ย...เมษตักข้าวที่เริ่มเย็นขึ้นมากินเงียบ ๆ อย่างไม่รู้รสชาติ...เรานี่มัน...ส่วนเกินชัด ๆ...!
“ เมษเรื่องของแกไว้ก่อนนะ เดี๋ยวแม่ไปส่งน้องก่อน ”
“ ช่างเถอะคะ มันไม่มีอะไรหรอก ”
“ มันจะ.. ”
“ ก็บอกว่ามันไม่มีอะไรไงเล่า ! ” เด็กสาวตะคอกสวนก่อนจะเดินออกจากห้องกินข้าวไป...เธอหยุดมองผู้เป็นแม่ที่กอดเด็กชายซึ่งหวาดกลัวอย่างปกป้อง
“ แม่น่ะ..มีแค่น้องก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง ” เมษพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา....ถึงไม่มีเรา...แม่ก็ ไม่รู้สึกอะไรไม่ใช่หรือไง !?
ผู้เป็นแม่มองเธอเดินจากไปทิ้งเพียงเสียงประตูที่ปิดไล่หลัง บ้านทั้งบ้านก็เงียบสงัดลงอีกครั้ง...ไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจเด็กคนนี้เลย...
“ แม่ครับ ๆ พี่เขาเป็นอะไรหรือครับ ? ” เด็กน้อยมองตามสายตาของคนเป็นแม่และรอฟังคำตอบ
“ เฮ้อ...แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ”
เมษเดินไปตามทางมุ่งหน้าสู่...โรงเรียน...สถานที่ราวกับฝันร้าย...เธอไม่อยากไปโรงเรียน หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น เธอก็กลัวการไปโรงเรียน...ไม่สิมันเริ่มมาตั้งนานแล้ว...ตั้งแต่ยัยนั้นย้ายเข้ามา ชีวิตเราก็เลวร้ายราวกับตกนรก
“ อ้าว ! เมษ ” เสียงใส ๆ ทักขึ้นจากทางด้านหลังทกเอาคนถูกทักสะดุ้งเล็กน้อย “ หายดีแล้วเหรอ ? ”
“ อะ...อื้อ หายแล้วจร้ะ ”
“ เฮ้อ...ฉันเองก็อยากให้กานต์มาเรียนเร็ว ๆ จัง ”
เด็กสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินชื่อกานต์
“ ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเลยเนอะ ถึงจะเป็นแค่อุบัติเหตุก็เหอะ แต่พลัดตกจากหน้าต่างชั้นสามนี่ก็... ”
เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาที่ใบหน้าของเมษ...ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นหวนกลับมาอีกครั้ง สีหน้าหวาดกลัวและตกใจสุดขีดของเพื่อนสาว ดวงตาที่จ้องมองตรงมาที่เธอ...มันเต็มไปด้วยความเคียดแค้น เมื่อนึกถึงดวงตานั้น ร่างทั้งร่างของเมษก็สั่นสะท้าน...ตกจากชั้นสาม...อุบัติเหตุเหรอ ?...มันไม่ใช่นะ...
“ เอ่อ...ปลาย...คือมัน..มันไม่ใช่...นะ ” เมษเอ่ยเสียงสั่น....
“ ไงเมษ ไม่ได้เจอกันนานหายแล้วเหรอ ? ” เสียงนุ่มหวานพูดขัดทำเอาเมษชะงักเมื่อได้ยินเสียงนี้ เธอยืนนิ่งตัวแข็ง...หัวใจกระตุกวูบ...ในหัวขาวโพลน….เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดชื้นทั่วใบหน้าและแผ่นหลัง...ทำไม...ทำไมเธอถึง...
“ อ้าว สา...วันนี้มาเรียนเช้าจัง ” ปลายตอบเสียงใสโดยไม่ทันสังเกตเห็นอาการหวาดกลัวของเมษ
“ ฮ่า ๆ นาน ๆ ทีก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ฉันเองก็ตื่นเช้าเป็นเหมือนกันนะย่ะ ! ชิ ” ประโยคหลังเธอพูดเสียงขุ่นเมื่อเห็นสีหน้าไม่เชื่อของปลาย
“ จร้า ๆ เราเดินไปเรียนด้วยกันเถอะ มีเรื่องเม้าท์เยอะแยะเลย ” ปลายเด็กสาวท่าทางเรียบร้อยเอ่ยชวน
“ ดี ๆ ไปกันเถอะ “ ว่าแล้วสาก็กระโดดโอบคอเมษที่ยังยืนนิ่ง “ คิดถึงเมษจังเลย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันเนอะ ” สาพูดและแนบหน้าใสเข้าใกล้ใบหูชื้นเหงื่อ “ เมื่อกี้เธอคิดจะพูดอะไร อย่าแม้แต่จะคิดเชียว ไม่งั้นคนที่จะซวยคือตัวเธอเอง...นะ คิก ๆ ” เสียงหวานใสเอ่ยบาดลึกลงกลางใจที่หวาดกลัว เสียงแผ่วราวกับกระซิบนั้นดังชัดเจนในโสตประสาท
เมษเหลือบตามองใบหน้าที่แนบข้างหูอย่างหวาดกลัว...ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเพื่อนสาวในวันวานยังตามหลอกหลอนมันกำลังซ้อนทับกับเงาของเด็กสาวในตอนนี้...
“ พวกเธอสองคนจะรักกันไปถึงไหนเนี่ย...รีบไปได้แล้ว... ” ปลายมองและเร่งเพื่อนสาวที่กอดกันนัวเนีย
“ จร้า ๆ ไปกันเถอะ ” สาว่าและฉุดมือชื้นเหงื่อของเมษก่อนจะออกวิ่งนำหน้าเพื่อนอีกคนไป
- 3 ชั่วโมงครึ่งก่อนเกิดเหตุ -
ช่วงพักเมษนั่งนิ่งเงียบอยู่ในห้องเรียนว่างโล่ง...เพื่อนนักเรียนทุกคนต่างพากันออกไปกินข้าว เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นไม่ขาดสายเมื่อนึกถึงคำพูดเมื่อเช้าก่อนจะเหม่อมองหน้าต่าง...และลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่างนั้น...หน้าต่าง...ที่กานต์...กานต์ร่วงลงไป...ตอนนั้น...ถ้าเรา...ยื่นมือ...แค่ยื่นมือออกไป...ดวงตาในตอนนั้น...เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ เมษมองไปยังริมหน้าต่างนิ่งปล่อยความคิดล่องลอยไปไหล...ตรงนี้มือของกานต์...เกาะอยู่ตรงนี้...ฉัน...
“ อุก... ” เมษยกมือขึ้นปิดปากเดินเซถอยออกห่างจากหน้าต่าง มืออีกข้างยันโต๊ะไว้...พยายามสกัดกั้นของเก่าที่จะคะย่อนออกมา.. “ แฮ่ก ๆ ” กระเพาะของเธอบิดเกลียว อาการคลื่นเหียนจากความกลัวและความเครียดที่ก่อตัว
“ กลัวเหรอ ” สาเดินเข้ามาในห้องเรียนนั่นอย่างเงียบเชียบ “ หึ ๆ เธอนะ...คิดจะฆ่าเพื่อนเชียวนะ ”
“ อุก..แฮ่ก..แฮ่ก ” อาการพะอืดพะอมรุนแรงขึ้นเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของสา “ ฉัน...อุก..ฉัน..ไม่ได้ตั้ง..ใจ ”
“ ฉันเห็นนะ ” รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้น
“ เธอ...เธอเป็นคนสั่งให้ฉันทำนะ ! ” เมษตะโกนก้อง
“ ฉันสั่งเธอเหรอ เหอะ ! เธอนะ ” สาหรี่ตามองเมษที่ทรุดตัวนั่งเกาะขอบโต๊ะก่อนจะโน้มตัวมาใกล้และกระซิบเสียงแผ่วแต่เย็นยะเยือก “ เกลียดยัยนั่นไม่ใช่เหรอ ? ”
เมษนั่งนิ่ง...ตัวทั้งตัวชา ไร้เรี่ยวแรง หัวสมองว่างโล่ง เหงื่อไหลหยดย้อย...ทั้ง ๆ ที่ตัวมีแต่เหงื่อแต่เมษกลับรู้สึกหนาวสะท้าน...หนาวสะท้านมาจากภายในตัวของเธอ...เรา...โต้ตอบไม่ได้เลย...ก็เรานะ...เกลียดยัยนั่นจริง ๆ นี่ เมษได้แต่ก้มหน้านิ่งและกำหมัดแน่นตัวทั้งตัวสั่นสะท้าน
“ ฮ่า ๆ ถ้ากานต์ฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ ก็ดีนะสิ ” สากอดอกมองเย้ยลงมายังเมษ...ช่างเป็นภาพที่สะใจจริง ๆ เพราะเธอเองก็เกลียดยัยนั่นเหมือนกัน ! “ ฟื้นขึ้นมากานต์จะพูดว่ายังไงน๊า...น่าสนุกชะมัด ” เธอพูดยิ้ม ๆ และเดินจากไปทิ้งให้เมษนั่งนิ่งจมดิ่งกับความคิดไปต่าง ๆ นานา
ถ้ากานต์ฟื้นขึ้นมา...เราก็จะ...จะกลายเป็นฆาตกร...ไม่นะ..ไม่นะ...ไม่นะ !
“ เรา... ”
เมษรู้สึกตัวอีกทีเธอก็มายืนอยู่ริมหน้าต่างชั้นสอง...ช่องหน้าต่างเดียวกับที่กานต์ตกลงไป...ตอนที่เธอตกลงไป...เธอจะรู้สึกยังไงนะ กานต์ตอนนั้นตอนที่...ฉันมองเธอจากริมหน้าต่าง...ฉันทำหน้ายังไงกันนะ...
“ ฮึก....ชั้นสองนี่...สูงจนน่ากลัวเลย...นะ ” เธอเหม่อมองท้องฟ้าสีคราม...ฉันเป็น...ฆาตกร..!
“ กานต์...ฉันจะตามเธอไปแล้วนะ ” เด็กสาวเหม่อมองน้ำตาไหลอาบแก้ม
“ เฮ้ย...อย่าโดดนะ ! “ ชายหนุ่มโผล่พรวดมาทางประตูห้องและวิ่งไม่คิดชีวิตไปยังเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า...แต่... เมษก้าวขาทิ้งตัวลงทางหน้าต่าง...ร่างของเธอค่อย ๆ ร่วงหายลับไป...
“ เฮ้ย ! “ ชายหนุ่มเอื้อมมือคว้าร่างที่หายลับไป เมษมองใบหน้าแดงก่ำที่โผล่พ้นขอบหน้าต่าง...ตอนนั้นถ้าเราคว้ามือกานต์ไว้...
“ เฮ้อ...ค่อยยังชั่วที่คว้าไว้ทัน ”
“ ทำไม ? ” ร่างของเมษถูกดึงขึ้นมาจากริมหน้าต่าง “ ทำไม...นายต้องมาช่วยฉันด้วย ”
“ เธอน่ะ...อยากจะตายจริง ๆ เหรอ ? ”
“ ฉัน...ก็ใช่นะสิ ” เมษมองชายหนุ่มตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา “ ฉัน...ฉันนะ ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่...คนอย่างนายจะมาเข้าใจอะไร !? ”
เด็กหนุ่มมองหญิงสาวที่ร้องไห้โฮและพูดว่า “ ฉันนะไม่เข้าใจเรื่องของเธอหรอก...แต่ฉันคิดว่าความตายนะน่ากลัวนะ ถ้าเธอตายไปชีวิตที่เหลืออยู่มันน่าเสียดายออก ทั้งเรื่องกิน เรื่องเที่ยว มีความรัก มีงานทำ ชีวิตข้างหน้าของเธอต้องมีอะไรดี ๆ เข้ามาอีกเยอะแน่ ๆ เชื่อไว้สิ ”
“ อนาคต...เหรอ ? คนอย่างฉัน....คนอย่างฉัน ฮึก...ก็ยังหวังได้อีกเหรอ ? ” ....ฆาตกรอย่างฉัน...ยังหวังได้อีกเหรอ
“ ได้สิ ต้องได้แน่ ๆ ” เด็กหนุ่มหันมายิ้มให้เมษ “ แต่ตอนนี้เราไปห้องพยาบาลกันก่อนเถอะนะ ”
เด็กสาวผมหยักนอนมองเพดานห้องนิ่ง...เสียงเข็มนาฬิกาในห้องพยาบาลดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เหลืออีก 3 ชั่วโมงสินะ...แค่คิดถึงฝันเมื่อคืนก็...
“ ขออนุญาตนะครับ ” เด็กหนุ่มเดินเข้ามาในห้องพร้อมพยุงเด็กสาวรุ่นน้องเข้ามาด้วย
“ อาจารย์ไม่อยู่หรอกนะ...แต่เธอเซนต์ชื่อแล้วหยิบยากินได้เลย ”
“ เธอเป็นเวรห้องพยาบาลเหรอ ? ”
“ ใช่ ” หญิงสาวไม่แม้แต่จะผงกหัวขึ้นมาดู...เมื่อเวลาใกล้เข้ามา...ความรู้สึกทรมานยิ่งทวีคูณ...แต่ครั้งนี้มันกลับยิ่งรุนแรง...ราวกับตัวเธอเองที่จะ...ตาย...
“ นั่งตรงนี้สิ ”
“ ค่ะ ”
ชายหนุ่มเริ่มทำแผลให้กับเด็กสาว...
ไหมนอนหอบหายใจถี่...ทรมานจัง...อยากได้ยาพารา เธอคิดและลุกขึ้นจากเตียงเดินไปยังชั้นวางยา...
“ นี่เธอเป็นอะไรมากมั้ย ? ” ชายหนุ่มเห็นท่าทางของอีกฝ่ายไม่ค่อยดีจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ ไม่...นายทำแผลให้เด็กคนนั้นเถอะ “ ไหมกลืนยาลงคอและหันไปเผชิญหน้ากับหญิงชายคู่นั้น...เมื่อไหมเห็นเด็กสาวคนนั้น...ความฝันเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมา...มันช่างแจ่มแจ้งและเด่นชัด...ดวงตากลมโต ผมยาวตรงประบ่านั้น ปากหนาอวบอิ่ม ....นี่มัน...
“ นี่เธอ... ” ไหมพูดได้แค่นั่น...เธอรู้ดีว่า...เธอไม่สามารถช่วยอะไรได้
เด็กสาวที่ถูกเรียกหันไปมองเมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายพูดอะไรจึงเอ่ยขอบคุณและขอตัวกลับห้องเรียน
“ เดี๋ยวก่อน...เธอคงไม่คิดจะ.. ” ชายหนุ่มรั้งแขนอีกฝ่ายไว้
“ คะ...ฉันสัญญา ” เธอยิ้มและโบกมือลาก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้เหลือเพียงไหมและชายหนุ่มในห้อง
ไหมเดินไปนั่งตรงหน้าชายหนุ่ม “ ยื่นมือมาสิ ”
“ เธอจะทำอะไร ”
“ ข้อมือนายเจ็บไม่ใช่เหรอ ? ” ไหมว่าและดึงแขนซ้ายของชายหนุ่มมาพันผ้ากอซ “ แล้วแฟนนาย...ไปโดนอะไรมาเหรอ ? ”
“ อุบัติเหตุนะ ” ชายหนุ่มมองมือเรียวเล็กขยับอย่างคล่องแคล่ว
“ เหรอ...แต่ของจริงนะมันหลังจากนี้ นายควรจะทำใจไว้เลยนะ ”
ชายหนุ่มเงยหน้ามองอย่างประหลาดใจ “ ทำไม...เธอพูดเหมือนจะรู้อะไร ”
“ หน้าต่างชั้นสาม...แต่ถึงบอกนายไปมันคงไม่มีอะไรเปลี่ยน ” ไหมเปลี่ยนใจไม่พูดกระทันหันเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน
“ อะไรของเธอพูดอะไรให้มันชัดเจนหน่อยสิ ”
“ ก็นะ...อ๊ะ เสร็จแล้ว ” ไหมว่าและยึดผ้ากอซให้แน่น “ นายก็กลับไปได้แล้ว ”
“ เดี๋ยวสิ เธอพูดเหมือนกับว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้กำลังจะตาย ”
ไหมไม่พูดตอบยังคงล้างอุปกรณ์ทำแผลต่อ...
“ นี่ ”
เด็กสาวยังคงไม่พูดตอบไปอีกสักพักก่อนจะเอ่ยออกมา “ นายน่ะ กลับไปได้แล้ว ”
“ เธออาจจะไม่เชื่อฉันก็ได้นะ แต่ฉันรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะกำลังมีอันตราย ขอร้องละ ” ชายหนุ่มยังคงคะยั้นคะยอ
ไหมก้มหน้านิ่ง อาการปวดหัวหายไปหมดแล้ว... “ ฉันเชื่อนาย... ”
“ กะแล้วเชียวว่าเธอ...เอ๋...เดี๋ยวสินี่เธอเชื่อง่าย ๆ เลยเหรอ ”
“ ก็นะ ” ไหมจ้องมองชายหนุ่มนิ่ง “ เฮ้อ...ฉันจะบอกอะไรดี ๆ ให้นะ อีก 2 ชั่วโมงครึ่งที่ตึกใหม่ชั้นสองริมหน้าต่าง ผู้หญิงคนนั้นจะกระโดดลงมา...หัว...กระแทกขอบปูน ” หญิงสาวเว้นจังหวะเล็กน้อย “ คอหัก...ตาย ” ห้องพยาบาลเกิดความเงียบสงัดขึ้น...
เด็กหนุ่มจ้องหน้าหญิงสาวเงียบ...กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ และเค้นเสียงผ่านลำคอตีบ “ นี่...เธอ...พะ...พูดเล่นอะไรกันเนี่ย ”
“ กะแล้วเชียว...นายเองก็...ไม่เชื่อฉันสินะ ”
“ ก็นะ ก็แค่สงสัยนะ ว่าทำไมเธอถึงรู้ละเอียดจัง ”
“ ฉันจะไปเข้าเรียนแล้ว ” เด็กสาวหยิบกระเป๋าสะพายและเดินออกจากห้องพยาบาลไป
“ เดี๋ยวสิ ” ชายหนุ่มกุลีกุจอตามหญิงสาวไปแต่...
“ นายนะ...เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอกนะ ” เธอพูดทิ้งท้ายและเดินจ้ำอ้าวหนีไป
- 1 ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุ –
เมษเข้าเรียนด้วยความหวังเต็มเปี่ยมอีกครั้ง...ฉันหน่ะจะ...ไม่คิดสั้นอีกแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...ฉันจะมีชีวิตอยู่ !!
เสียงริงโทนล้าสมัยดังก้องห้องเรียน อาจารย์ประจำชั้นรีบกุลีกุจอวางเอกสารการเรียนการสอนลงและกดรับสายโทรศัพท์ทันที
“ นี่เธอคิดว่าใช่เรื่องนั้นหรือเปล่าอ่ะ ? ” เสียงซุบซิบเริ่มดังเซ็งแซ่เมื่อลับหลังอาจารย์
“ เรื่องที่ว่ากานต์ฟื้นแล้วนะเหรอ ? ”
“ ก็ใช่สิ เพื่อนของเพื่อนฉันที่มีญาติเป็นพยาบาลบอกมาเองเลยนะ ”
เมษฟังบทสนทนาด้วยหัวใจเต้นกระตุก...กานต์ฟื้นแล้วอย่างนั้นเหรอ...ไม่จริงน่า...ทั้ง ๆ ที่....ฉัน...คิดว่าเธอจะ...เธอจะ...เมษตกใจในความคิดชั่วแว่บของตนเอง...หัวใจของเธอเต้นถี่ ดวงตาหลุบต่ำไม่กล้าสบตากับใคร...ฉัน..เด็กสาวกำมือชื้นเหงื่อแน่น กลัวจัง...กลัวจัง...เราเป็นฆาตกร ! เราพยายามฆ่าเพื่อน...เราเป็น..ฆาตกร !!
“ ดีจังเนอะ กานต์ฟื้นแล้ว ” สาส่งยิ้มมาจากอีกฟากของโต๊ะ
“ อึก... ” เมษไอ้แต่นั่งนิ่ง
“ ขอโทษทีนะ พอดีทางโรงพยาบาลที่เพื่อนเราไปรักษาเขาโทรมาน่ะ...มีข่าวจะแจ้งให้ทราบ ” อาจารย์เว้นจังหวะให้นักเรียนตื่นเต้น
มีแต่เมษเท่านั้นที่จ้องเขม็งไปยังตัวอาจารย์...หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ...เสียงภาวนาเพียงเสียงเดียวที่อยู่ในใจของเมษตอนนี้คือ...ขอร้องละ...ขอร้องละกานต์ ช่วย...อย่าลืมตาไปตลอดซีวิตเถอะ...!
“ มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายอยากฟังอันไหนก่อนละ ? ”
“ ข่าวดี/ร้าย ”
“ งั้นเอาข่าวดีก่อนแล้วกันนะ ”
“ กานต์ฟื้นแล้วใช่มั้ยคะ ? ”
“ อ้าว พวกเธอรู้แล้วนี่...ใช่กานตรัตน์ฟื้นแล้ว...และตอนนี้ก็ออกจากห้องไอซียูแล้วด้วย เย็นนี้หัวหน้ากับรองหัวหน้าช่วยแวะไปให้กำลังใจเพื่อนด้วยนะ ”
หัวใจของเมษกระตุกวูบหล่นลงตาตุ่ม...ม่ะ...ไม่จริง..ใช่มั้ย...? ความหวังที่อยากจะมีชีวิตอยู่บินหายไป
“ ค่ะ/ครับ ” ทั้งสองตอบรับคำไหว้วานของอาจารย์
“ เอาละ เรื่องต่อไป...เป็นข่าวร้ายนะ ” บรรยากาศภายในห้องเงียบสนิท... “ เธอคนนั้นกับยัยหลังห้องปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยด้วย ” อาจารย์ก้มหน้านิ่งรอให้สองคนปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยและเริ่มพูดต่อ “ ทางตำรวจได้พบข้อมูลเพิ่มเติมว่าเหตุการณ์นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุ...มันเป็น...เรื่องที่ซับซ้อนกว่านั้น ”
“ มันเป็นการฆาตกรรมเหรอครับ‘จารย์ ”
“ เรื่องนั้น...ทางตำรวจเองก็ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เขาพบบางอย่างที่น่าสงสัยในคดีนี้ ” อาจารย์ก้มหน้านิ่ง
“ หรือว่า..ในห้องเราจะ ” เสียงโหวกเหวกดังเซ็งแซ่อีกครั้ง...ทุกน้ำเสียงกล่าวออกมาด้วยความตื่นตระหนก
เมษหันไปมองรอบ ๆ ตัว...เพื่อน ๆ ทุกคนต่างพูดกันไม่หยุดปาก...ฆาตกรรม...แต่สายตาของเธอชะงักที่สาที่จ้องมองมายังเธอ ทำไมกัน...อย่าจ้องฉันแบบนั้นนะ...อย่าจ้องฉันแบบนั้นนะ !
สามองหน้าที่ซีดเผือกของเพื่อนสาวก่อนจะผุดยิ้มออกมาและขยับปากช้า ๆ เป็นคำว่า ฆา-ต-กร
“ ม่ะ.. ไม่...ม่ายยย ! ” เมษตะโกนดังลั่นและลุกพรวดด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวและหวาดกลัว “ ฉัน..ฉัน... ”
“ เมษราเธอเป็นอะไรไป ” อาจารย์ตกใจกับท่าทีที่แปลกไป
“ จริงด้วยสิ วันนั้นเมษ...ก็อยู่ใน... ” นักเรียนสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างหวาด ๆ
“ ฉันเปล่านะ...ฉันไม่ได้ทำนะ ”
“ หรือว่าเธอจะ... ”
“ ฉันไม่ได้เป็นคนผลักนะ...ฉัน... ” เมื่อเมษหันไปเห็นสายตาเย็นชาของเพื่อนเธอถึงกับผงะ...สายตาเหล่านั้นทิ่มแทงหัวใจของเธอ จนเธออยากจะหนีไปจากตรงนี้ อยากจะไปให้ไกล..ฉันไม่ได้ผลักนะ !
“ คนผลักนะ...คนผลักนะคือ... ”
“ ยัยฆาตกร ! ” เสียงหวีดแหลมดังกระแทกโสตประสาทของเมษจนทำให้ฟางเส้นสุดท้ายที่ยึดเหนี่ยวสติขาดผึง
“ ฉัน...ฉัน..อ๊าาา...อ๊าาา ไม่นะ !! ” เมษร้องไม่เป็นภาษาผลักโต๊ะตัวเขื่องออกจากแถวและวิ่งหนีไป...ทางหน้าต่าง
“ หยุด...หยุดนะ !! ”
เมษไม่ได้ยินเสียงใด ๆ อีกต่อไป เธอปีนและกระโดดลงมาจากหน้าต่างบานเดียวกับ...บานเดียวกับกานต์ เพื่อนสาวที่เธอไม่ได้ยื่นมือไปช่วย
...ภาพที่เธอเห็นเมื่อเหลียวหลังกลับไปมอง คือ สีหน้าของเพื่อน ๆ ที่มองลงมายังตัวเธอซึ่งกำลังลอยละลิ่ว ทิ้งตัวดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่าง...ร่างนั้นค่อย ๆ ร่วงลงมีเพียงสีหน้าที่ตื่นตระหนกและตกใจของทุกคนที่ติดตรึง แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้น...คนเดียวเท่านั้นที่ยิ้มยินดีให้กับความตายของเธอ...สา...เธอคนเดียวเท่านั้นที่ฉันจะไม่ยอมยกโทษให้...ฉันจะไม่ยกโทษให้แกเด็ดขาด !
สายกมือขึ้นโบกลาเล็กน้อย เมื่อเมษเห็นก็ยิ่งทวีความแค้นใจ...แค้นใจจนอยากจะพาเธอร่วงลงมากับฉันด้วย ร่างของเมษพลิกหงายหน้ามองท้องฟ้าใสกระจ่าง...ท้องฟ้าสวยจัง...นี่จะเป็นภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นก่อนตายจริง ๆ เหรอ...ฉันกำลังจะตายจริง ๆ เหรอ ? และในวินาทีที่ความตายกำลังมาเยือน เมษก็ประจักษ์กับตัวเองว่า ความตายน่ะ น่ากลัวนะ !
...ฉัน...ฉัน...ยังไม่อยากตาย...ยังไม่อยากตาย !
“ ไม่...ไม่นะ ! ไม่น๊าาา ! ” น้ำใส ๆ เอ่อล้นออกมา ความกลัวแล่นขึ้นจับใจ...แรงลมปะทะแผ่นหลังจนเจ็บ...มือเอื้อมคว้าอากาศข้างหน้า...ช่วยด้วย...
“ ช่วย.. ”
ตุ๊บ !! ร่างของเมษหล่นกระแทกคอนกรีตที่เสริมไว้ทำแปลงผักสวนครัวอย่างแรง...ความเจ็บตรงบริเวณท้ายทอยแผ่กระจายไปทั่วร่าง...มันเจ็บจนชาไปทั้งต้นคอ
“ ...ด้วย ฉัน..ยังไม่... ” ...ไม่อยาก..ตาย !
กึก...ตุ๊บ ! เสียงกระดูกคอลั่น...หัวกระแทกคอนกรีตจนคอหักเอียง เลือดกระเซ็นพุ่งออกมาเป็นวงกว้าง แขนกระตุกวูบ ร่างกายที่ชี้ค้างเอนล้มตามแรงโน้มถ่วง...เลือดสีแดงฉานยังคงไหลซึมออกมาจากท้ายทอยเปื้อนขอบคอนกรีต...ย้อมเสื้อนักเรียนสีขาวเป็นวงกว้าง...มือยกค้างหล่นตุบอย่างไร้เรี่ยวแรง เลือดกระเซ็นเป็นวงเล็ก ๆ ดวงตาเบิกกว้าง...ค้างมองไปยังที่ ๆ เธอหล่นมา จ้องมองสีหน้าเพื่อน ๆ อย่าง...เคียดแค้น...
“ กะ....กรี๊ดดดด...!! ” เสียงกรีดร้องดังลั่นมาจากชั้นสองและผู้เห็นเหตุการณ์คนอื่น ๆ ทุกคนต่างแตกฮือและยกมือขึ้นปิกปาก...บางก็เบือนหน้าหนีไม่อาจทนรับสภาพที่เห็นตรงหน้านี้ได้...การตายของนักเรียนคนนี้ช่างน่าสยดสยองเกินกว่า ที่คนธรรมดาจะทนดูได้
ชายหนุ่มมองภาพการตายของหญิงสาวตาค้าง...ไม่..ไม่จริงน่า...นี่มันเรื่องจริงหรือเนี่ย...ผู้หญิงคนนั้นพูดจริงหรือเนี่ย ? เหมือนกับที่เธอบอกทุกอย่าง...
- 5 นาทีก่อนเกิดเหตุ –
ไหมเหลือบมองนาฬิกา...อีก 5 นาทีสินะ...ทำไม ? ทำไมเธอต้องมาบอกฉันด้วยว่าเธอกำลังจะตาย ฉันไม่อยากรู้สักหน่อย...ฉันไม่ต้องการจะรู้นะ ! ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้จริง ๆ นะ ไหมเหม่อมองกระดานดำที่มีสูตรเคมีจนแน่นเต็มพื้นที่ เฮ้อ...เลิกคิดดีกว่าเรา ตั้งใจเรียนได้แล้ว
จู่ ๆ เธอก็มองเห็นหน้าของเด็กสาวคนหนึ่งที่จ้องมองเธอ...รอยยิ้มนั่นช่างน่ากลัวและชั่วร้าย...ดวงตาของเธอเบิกโพลง...และไม่กี่วินาทีความเจ็บแปล๊ปก็แล่นเข้ามาเล่นงานเธอที่ท้ายทอย
“ นี่สายไหมเป็นอะไรไป ? ”
“ อุ่ก...จะ...เจ็บ “ ไหมยกมือจับท้ายทอยแต่ความเจ็บมันไม่ลดลงเลย...มันกลับยิ่งเจ็บมากขึ้น...จนเธอแทบจะทนไม่ไหว.. “ เจ็บ...เจ็บ...ช่วยด้วย “ เธอฟุ่บลงกับโต๊ะและร้องโอดครวญโหยหวน มือของเธอตะเกียกตะกายไปบนโต๊ะ ราวกับต้องการจะคลานหนีจากความเจ็บนี้ ส่วนมืออีกข้างจิกแน่นที่ท้ายทอย...เจ็บ....เจ็บจนอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด แต่เพียงไม่กี่วิต่อมาความเจ็บนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง
“ มะ..ไหมเป็นอะไรมั้ย ? ” เพื่อนข้างโต๊ะถามอย่าเป็นห่วงเมื่อเห็นไหมหยุดดิ้นทุรนทุราย เธอนอนหอบหายใจถี่...ผมชื้นเหงื่อปรกหน้า...ความเจ็บหายไปแล้วเหลือแต่ความรู้สึกชานิด ๆ ที่ต้นคอขาว...นี่คงเป็น...ความเจ็บของเธอก่อนตายสินะ...ขอโทษนะ ฉันขอโทษนะ ไหมร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ..ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้...จริง ๆ
“ ไปพักที่ห้องพยาบาลมั้ย ? ” อาจารย์ถามด้วยความเป็นห่วง ไหมยังไม่ทันจะตอบก็มีเสียงกรีดร้องดังสนั่นมาจากชั้นสองและสามของตึก นักเรียนหลายคนวิ่งกรูกันลงมา
ความคิดเห็น