ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    sense สัมผัสตาย

    ลำดับตอนที่ #1 : หน้าต่าง : ปฐมบท

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 55


    เด็กสาวยืนมองกระดาษข้อสอบที่ได้รับคืนนิ่ง...นี่เรา...แพ้ยัยนั่นอีกแล้วงั้นเหรอ...!­ เธอกำกระดาษข้อสอบในมือจนยับยู่ยี  ถ้าไม่มีแกสักคน...ฉันก็จะได้เป็นที่หนึ่งของห้องแล้วแท้ ๆ ทำไม ­ ทำไมคนอย่างแกต้องย้ายโรงเรียนมาด้วย ! เธอคิดแค้นใจ...จนเผลอมองไปยังเด็กสาวหน้าระรื่น

    เป็นอะไรไปเมษ เสียงหวานเอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนสาวยืนกำกระดาษข้อสอบแน่น

    อ๊ะ...เอ่อ  ไม่เป็นไรจร้ะสา เมษยิ้มตอบและรีบปรับสายตาให้อ่อนลง

    เหรอ...กานต์ก็สอบได้ที่หนึ่งอีกแล้วเนอะ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมาแท้ ๆ น่าเสียดายแทนเธอจังเมษ...ทั้ง  ๆ ที่เธอพยายามแล้วแท้ ๆ  แบบนี้เธอก็ชวดที่หนึ่งอีกแล้วสิ 

    ฮ่า ๆ ช่างเถอะน่า  เราไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้นซะหน่อย...ก็แค่สอบเอง เมษยิ้มกลบเกลื่อนความแค้นในใจ...ครั้งหน้าฉันจะ...ต้องชนะ...ต้องชนะเท่านั้น...ถ้าฉันไม่พยายามให้มากกว่า...แม่ก็จะ...

     

    -      1 เดือนผ่านไป

     เมษยืนนิ่งมองกระดาษข้อสอบในมืออีกครั้ง...คราวนี้เธอแทบอยากจะฉีกกระดาษนี่ทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด...นี่เราแพ้อีกแล้วอย่างนั้นเหรอ ทำไมกัน !

    เอาละ  รู้คะแนนกันแล้วใช่มั้ยนักเรียน...งั้นพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนคนที่สอบตกมาหาอาจารย์ที่ห้องพักครูด้วย...เอ่อ กานตรัตน์กับเมษราก็มาช่วยติวเพื่อนหลังเลิกเรียนด้วยนะ

    เมษเหลือบมองกานต์ที่เหม่อมองนอกหน้าต่างอย่างไม่ทุกข์ร้อน...หนอย  น่าหมั่นไส้ชะมัด...แก...แกทำให้ฉันพลาดที่ 1 มาสามรอบติดแล้วนะ  เธอจ้องมองกานต์อย่างอาฆาตโดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาอีกคู่ที่จับจ้องเธออย่างไม่วางตาเช่นกัน

     

    นี่เมษ แกสอบไม่ได้ที่หนึ่งอีกแล้วเหรอ ผู้เป็นแม่ถามเมื่อเห็นสีหน้าหวาดวิตกของเด็กสาว

    เมษได้แต่ตอบผู้เป็นแม่เสียงอ่อย

    แกนี่...ไม่เคยทำให้แม่ภูมิใจได้เลยสักครั้ง  ไม่รู้ว่าแกจะเกิดมาทำไม เธอบ่นอย่างเหนื่อยหน่าย

    ขอโทษคะ เมษได้แต่ทำหน้าเศร้า

    ผู้เป็นแม่มองเด็กสาวอย่างเย็นชา  ก่อนจะตอบด้วยเสียงเบื่อหน่าย เฮ้อ...เห็นแกแล้วมันน่าเหนื่อยใจจริง ๆ เธอว่าและมองเด็กสาวที่ก้มหน้านิ่งไม่กล้าขยับ..

    แม่ครับ ๆ

    ว่าไงจร้ะลูกแม่ ” 

    เมษมองหน้าผู้เป็นแม่ที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือด้วยความรู้สึกมากมายหลากหลาย...ทั้ง...เศร้า...เสียใจ...และ...แค้นใจ

    กานต์ ! ถ้าไม่มีแกสักคน...ถ้าไม่มี...คนอย่างแกสักคน !...ชีวิตฉันก็จะไม่เป็นแบบนี้...มีแต่การเรียนเท่านั้นที่ทำให้แม่หันมาสนใจและใจดีกับฉัน...แต่คนอย่างแก  คนอย่างแกกลับมาพรากมันไปจากฉัน ! แกพรากความสุขไปจากฉัน !

    เมษมองภาพตรงหน้าอย่างสิ้นหวังและเดินขึ้นห้องนอน...ที่เป็นเพียงห้องเก็บของเล็ก ๆ และตัดตั้งอยู่ลึกสุดทางเดินห่างจากห้องของแม่...และน้องชาย  ราวกับอยู่กันคนละโลก

     

    -      3 เดือนต่อมา

     ฉันก็อยากให้กานต์หายไปจากโลกนี้เหมือนกัน

    เมษยืนอ่านข้อความหวัด ๆ ในหน้าสมุดโน๊ตด้วยหัวใจที่กระตุกวูบวาบ  และสูบฉีดเลือดให้พลุ่งพล่าน...มือที่ถือสมุดเล่มนั้นสั้นระริก...เหงื่อเม็ดเป้งไหลตามสันจมูกก่อนจะหยดลงบนหน้าสมุดเล่มนั้น...จากความกลัวในชั่วแว่บเดียว  ก็แปรเปลี่ยนเป็น...ความรู้สึกปรีดีและเปี่ยมไปด้วยความหวังแล่นจู่โจม...รอยยิ้มน้อย ๆ ค่อย ๆ คลี่ออก...มืออีกข้างควานหาดินสอจากใต้โต๊ะ...ก่อนจะขยับช้า ๆ เป็นตัวอักษรในกระดาษแผ่นนั้น

    เธอรอการตอบกลับของบุคคลนิรนามนั้นเพียง 1 อาทิตย์  ตัวอักษรหวัด ๆ ก็ปรากฏแก่สายตาของเมษอีกครั้ง  เมื่ออ่านข้อความนั้นเสร็จ...หัวใจของเธอก็พองโตยิ่งกว่าครั้งก่อน...มือน้อย ๆ ควานหาของใต้โต๊ะบางอย่าง...สัมผัสอ่อนนุ่มของเนื้อผ้า...ใช่แล้ว...ถุงนี้...มันจะสามารถช่วยเราได้...แค่เทของในถุงนี้เท่านั้น  รอยยิ้มชั้วร้ายและบิดเบี้ยวค่อย ๆ เผยออกมา   ความแค้นของฉัน  ความสุขของฉัน...แกต้องได้รับค่าตอบแทนที่สาสมยัยกานต์  เมษจ้องมองถุงผ้าที่ขยับดุกดิกน้อย ๆ อย่างพึงใจ...ก่อนจะเก็บมันเข้ากระเป๋าแผ่วเบา...

    หลังจากนั้นเพียง 2 วันในห้องเรียนคาบเช้า  จู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นตามติดด้วยเสียงล้มตึงของเก้าอี้  ถุงดินสอสีอ่อนถูกโยนห่างจากตัวเจ้าของ...เมื่อสิ่งนั้นตกลงพื้น  ข้าวของกระจัดกระจาย  มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่มันขยับอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ คืบคลานออกมาจากเงาในกระเป๋า...และเมื่อนักเรียนสาวแถวนั้นเห็นต่างพากันกรีดกร๊าด  ขยะแขยงและแตกพรืดเป็นวงกว้าง  ชนโต๊ะกระจัดกระจาย  บางล้มระเนระนาด...

    มีเพียงเมษ...ที่หัวใจเต้นแรง  มันไม่ได้มาจากความกลัว...แต่มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะหยั่งลึกว่านั้น...เมษเหลียวมองสิ่งนั้นอย่างสะพรึงกลัว  ตัวเล็กสีดำยาวเพียงข้อนิ้วคลานออกมา  มันตั้งตัวกลางอากาศและชูขนยุบยับไปมาอย่างไม่รู้สึกรู้สา...ใบหน้าของเมษซีดเซียวขึ้นมาในบัดดลเมื่อนึกถึงสิ่งของที่เธอได้รับเมื่อ 2 วันก่อน...ม่ะ...ไม่จริง...ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้..!...ก็ฉัน...ไม่ได้ทำนะ !

    ไม่จริง เสียงแหบแห้งเค้นมาจากลำคอของเมษ  แต่ก็ดังพอให้เพื่อนสาวที่นั่งข้าง ๆ ได้ยิน

    เมื่อความแตกตื่นค่อย ๆ สงบลง...เหลือแต่เพียงเสียงพูดหยอกเย้าระคนขำขันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...มีเพียงนักเรียนบางกลุ่มที่เริ่มจับกลุ่มซุบซิบว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่..­

    เมษล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแค่กลับไม่เจอสิ่งที่น่าจะอยู่ตรงที่ ๆ มันควรจะอยู่...ไม่เจอถุงผ้านั้นแล้ว  แต่กลับมีสมุดแปลกปลอมใส่ไว้แทน และเมื่อเธอหยิบมันออกมา...แผ่นกระดาษก็ร่วงและหล่นลงบนโต๊ะ...หงายด้านที่มีตัวหนังสือหวัดสีดำเข้ม....ตัวหนังสือสีดำเข้มที่ชัดเจนนั่น...มันยิ่งทำให้เมษไม่กล้าแม้แต่จะอ่านมัน...

    ครั้งหน้า...ใครดีนะ  ฉันให้เธอเลือกระหว่าง กานต์กับ... ’ ดวงตาของเมษเบิกกว้างและใบหน้าซีดลงกว่าเก่าด้วยความกลัวเมื่อเห็น  ตัวอักษรสีเข้มและถูกขีดเขียนด้วยแรงกดมหาศาล ... ‘ เมษ ­

    เมษขย้ำกระดาษนั้นอย่างลนลานก่อนจะยัดมันลงกระเป๋าเหมือนเดิม...เรื่องนี้...เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้  ถ้ารู้ละก็ผู้หญิงคนนั้น...แม่จะต้องโกรธมากแน่ ๆ ที่ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ! มันต้องเป็นความลับ...ใช่แล้ว

    “ มันจะเป็นความลับ... ” เมษกุมนั่งกุมหัวนิ่งและพูดพึมพำซ้ำไปซ้ำมา...อย่างหวาดกลัว

     กานต์รีบกุลีกุจอเก็บข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นเข้ากระเป๋าสีอ่อนนั้น...มีเพียงสิ่งเดียวที่สะกิดใจเธอ...ดินสอสีฟ้านี้...ที่แปลกปลอม  มันไม่ใช่ของเธอ !...แต่เธอรู้...รู้ว่าใครเป็น  เจ้าของ ! เจ้าของดินสอกำลังกลับมา...รอวันแก้แค้นเธอ  และมันได้เริ่มขึ้นแล้ว  การแก้แค้นนั้นได้เริ่มขึ้นแล้ว !!

    กานต์กลืนน้ำลายดังเอื๊อกและหยิบดินสอแท่งนั้นเก็บเข้ากระเป๋าก่อนจะเดินก้มหน้างุดกลับมานั่งที่และปล่อยให้จิตใจคิดไปต่าง ๆ นานา...สายตาก็จับจ้องไปยังเจ้าของดินสอที่แท้จริง...เธอนั่งอยู่ตรงนั้น  แผ่นหลังของเธอกำลังสั่นไหว  กานต์หวาดกลัวทุกกริยาของเธอที่ขยับและหันมายิ้มอ่อนโยนให้เธอ...อย่านะ...อย่าหันมานะ..

    “ ขอร้องละ...อย่านะ ” เธอพูดเสียงแผ่วและจิกมือทั้งสองเพื่อระบายความกลัวในจิตใจ

     

    หลังจากเหตุการณ์นั้นทั้งเมษและกานต์ต่างตกอยู่ในอาการหวาดผวา...

    ข้อความเหล่านั้นยังเขียนส่งมาถึงเมษเรื่อย ๆ และทวีความถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จากอาทิตย์กลายเป็นวัน  จากวันกลายเป็นทุกเช้าและบ่าย...จนกระทั่งข้อความนั่นตามหลอกหลอนเธอทุกคาบเรียน...ไม่เว้นแม้แต่ปิดเทอมเล็ก   ทุก ๆ เช้าจะมีจดหมายไม่จ่าหน้าซองมาส่งให้...และเนื้อหาในนั้นมันยิ่งรุนแรงและวิปริตมากขึ้นเรื่อย ๆ...จากการกลั่นแกล้งธรรมดา  กลายเป็นการพยายามแก้แค้นให้อีกฝ่าย...ถึงตาย...และนี่มันยิ่งทำให้เมษเกิดอาการหวาดระแวงและไม่ไว้ใจใครในห้องเรียน...ไม่สิ...โรงเรียนนี้...ทั้งโรงเรียนต่างหาก...ถ้าหากเธอไม่ทำตามเนื้อหาในจดหมาย  คนที่จะโดนเล่นงานคือ...เธอ  ไม่ใช่กานต์ !!

    ในเช้าวันหนึ่งที่อากาศค่อนข้างเย็น...เมษทำอาหารเช้าง่าย ๆ กินเองเงียบ ๆ ในห้องครัว...แต่จู่ ๆ แม่ของเธอก็เอะอะโวยวายและเดินเข้ามาดึงทึ้งผมเธอย่างกราดเกรี้ยว  เด็กสาวได้แต่ร้องโอดครวญ...

    “ แม่คะ...หนูเจ็บ.. ” เธอร้องเสียงแหลม  แต่ผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ผ่อนแรงลงเลยกลับดึงแรงหนักกว่าเก่า..

    “ นี่แกต้องการขู่ให้น้องแกกลัวใช่ไหม ­ แกถึงได้เอาไอ้นี่ไปใส่ไว้ในร้องเท้าของน้องแก !! ” ผู้เป็นแม่ต่าทอด้วยเสียงดังลั่น

    เมษจ้องมองสิ่งของในมือ...ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ  จนลืมความเจ็บปวดไปชั่วครู่...

    ซากนกท้องแหวะ...นอนตายส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งมาจากในรองเท้านักเรียน...

    ที่บ้านฉันเลี้ยงนกอยู่ตัวหนึ่ง...คำในกระดาษที่เธออ่านเมื่อวานผุดวาบขึ้นมาในหัว...ขนของมันสีฟ้าสวยสดเป็นประกาย...เมษจ้องมองขนหลุดลุ่ยสีฟ้าที่ไร้ความสดแล้วปลิวออกจากรองเท้า...มันน่ารักมากเลยละ  ปากของมันสีดำเข้ม...เธอจ้องมองปากของนกน้อยสีดำคล้ำมีคราบน้ำลายเกาะเขรอะและลิ้นจุกปากแลบห้อยสีม่วงหม่น...ดวงตากลมโตของมันกลมโต  และสดใส...ดวงตาไร้แววชีวิตจ้องตรงมายังเธอ...ตัวอ้วนกลม  ท้องป่อง  จ้ำม่ำ...แต่บัดนี้ท้องของมันถูกแขวะแยกออก  ตับไตไสพุง...ไหลกองอยู่ด้านนอกรอยแผล  จนท้องของมันแบนแฟ่บ  เลือดแห้งกรังเกาะขนสีฟ้าจนเป็นสีดำและกระจุกก้อน...ขาสองข้างหงิกงอ  ราวกับทรมานก่อนที่จะสิ้นใจตาย...

    เธอคงอยากเห็นมันสินะ...ฉันจะยกให้เธอก็ได้...แด่เพื่อนรักของฉัน

    ประโยคสุดท้ายแจ่มชัดในหัวสมอง...เมษเอาเรี่ยวแรงมหาศาลจากความหวาดกลัว  สะบัดหัวให้หลุดจากมือที่มาเกาะดึงผมของเธอออกอย่างรวดเร็วและแรง...เมื่อเห็นนกไร้ลมหายใจนั้น...ความกลัวแล่นมาจุกคอหอย  จนเธอหายใจแทบไม่ออก  หัวใจเต้นผิดจังหวะ  เหงื่อกาฬไหลออาบ  ดวงตาสั่นระริกจ้องไปยังรองเท้านั้น  โดยไม่สนใจเสียงก่นด่าอย่างโกรธเกรี้ยว....มัน...มันมาแล้ว  มันจะมาแก้แค้นฉัน...อ๊าาา...ไม่ !

    “ มัน...มันเริ่มแล้ว  อ๊าาา...ไม่...ไม่นะ !! ” เมษร้องเสียงสติและวิ่งกระแทกผู้เป็นแม่จนรองเท้าข้างนั่นกระเด็นตก...ซากนกลอยละลิ่วขึ้นเหนือพื้นราวกับต้องการจะโบยบินอีกครั้ง  แต่ร่างของมันก็กระแทกพื้นในเวลาไม่นาน  ร่างอ่อนปวกไร้เรี่ยวแรง...ซากศพที่ไม่มีชีวิต...!

    ผู้เป็นแม่มองลูกสาวอย่างไม่เข้าใจและไม่สบอารมณ์  ท่าทางของเด็กสาวราวกับกลัวซากนกนี่เสียเต็มประดา...เหอะ...สงสัยคงกลัวความผิดที่ตนได้ก่อไว้  ลูก...คนนี้นี่...ไม่สิ  ลูกเมียน้อยคนนี้นี่ใช่ไม่ได้เลยจริง 1 !

     

    ทางด้านกานต์ก็เจอกับการกลั่นแกล้งที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ...ทั้ง ๆ ที่เธอรู้ว่าใคร...ใครเป็นคนทำ  แต่ความกลัวมัน...สั่งให้เธอผิดปากเงียบเรื่อยมา  เธอไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อของคน ๆ นั้นออกมา...ได้แต่...ทน  และทนรับผลที่ตามมาจากการกระทำของเธอในวันวาน

    ย่างเข้าภาคเรียนที่ 2 กานต์มาเรียนด้วยสภาพจิตใจที่หดหู่...เธอยกเก้าอี้ลงจากโต๊ะ  และทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรงตั้งแต่เช้า...สิ่งที่เธอต้องทำเป็นประจำคือ  การมองหาแผ่นหลังนั่น  เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเยื้องไปทางที่นั่งต้านขวา  แต่เก้าอี้ยังคงถูกยกวางไว้ที่โต๊ะเหมือนเดิม  กานต์เผลอถอนหายใจแผ่วออกมาอย่างโล่งออก...แต่หัวใจของเธอก็ยังคงเต้นถี่  ลางสังหรณ์แปลกประหลาดบอกเธอว่าเรื่องร้ายกำลังจะมาเยือนเธอ...สิ่งเดียวที่จะทำให้จิตใจของเธอสงบลง คือ การอ่านหนังสือ  และเธอต้องการที่จะอ่านหนังสือมันตอนนี้เพื่อที่เธอจะได้ไม่ฟุ้งซ่านอีกต่อไป

    “ อ่านหนังสือดีกว่า ” กานต์พูดและล้วงมือเข้าใต้โต๊ะที่จัดเป็นระเบียบ  แต่สิ่งที่สัมผัสได้ไม่ใช่กระดาษปกมันของหนังสือเรียน  แต่มันเป็นอะไรที่แข็งและด้าน

    สิ่งนั้น...สิ่งที่เธอสัมผัสมันเป็นเส้นและเมื่อเธอจับลำตัวของมัน  ร่างทั้งร่างของมันก็บิดงอพันไปที่รอบ ๆ มือและความเจ็บแปล๊ปก็แล่นเข้าที่กลางหลังมือ...เธอดึงสิ่งนั้นออกมาจากใต้โต๊ะอย่างรวดเร็ว  สีของมันเป็นสีเขียวอ่อนที่สด  ลำตัวมันบิดงอไปรอบ ๆ มือเรียวเล็ก  กานต์จ้องมองสัตว์เลื้อยคลานในมืออย่างตกใจ  สิ่งที่เธอเกลียดและกลัวที่สุดคือ....งู

    “ กะ...กรี๊ดดดด !!!! ” เธอแผดเสียงลั่นห้อง  ทำให้เพื่อนนักเรียนที่มากันเกินครึ่งห้องหันมามองเธอเป็นตาเดียว....กานต็สะบัดมือแรง ๆ แต่งูนั้นกลับยิ่งรัดแน่นและกัดเธอแรงขึ้น “ ใครก็ได้....ขอร้องละ  เอามันออกไปที...ใครก็ได้ !

    ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ  กานต์มองเพื่อน ๆ ที่ถอยกรูดออกห่างจากเธอ...สายตาวิงวอนของความช่วยเหลือได้เพียงคำตอบเป็นสายตาเห็นใจกลับมา.. “ ใคร...ใครก็ได้  ขอร้องละ ” เธอพูดออกมาอย่างข่มขื่นและบีบงูตัวนั้นแน่นทำให้มันดิ้นพล่านในมือเธอ  ยิ่งมันดิ้นมากเท่าไร  กานต์ก็ยิ่งขนลูกขนชันและบีบมันแรงขึ้น...ต้อง...ฆ่ามัน..ฆ่ามันเท่านั้น  มันถึงจะปล่อยเราไป...เมื่อเด็กสาวคิดได้ดังนั้น...เธอเงื้อมมือขึ้นและฟาดงูตัวเรียวเล็กลงกับขอบโต๊ะ...โดยไม่สนใจว่ามือของเธอจะกระแทกโดนโต๊ะนั้นด้วย

    “ กรี๊ด !! ”  เพื่อน ๆ ต่างก็ร้องออกมาเมื่อเห็นกานต์ฟาดงูลงบนโต๊ะอย่างทารุณ

    งูเขียวนั้นบิดงอด้วยความเจ็บปวดและทรมาน  มันคลายแรงกันที่หลังมือของกานต์แล้ว...แต่เด็กสาวก็ยังไม่หยุดฟาดมันลงบนโต๊ะ...เลือดของงูไหลกระเซ็นปนกับเลือดของเธอ...หลังมือนั้นปรากฏรอยแผลเล็ก ๆ สองรอยและค่อย ๆ แดงช้ำเป็นวงกว้างตามแรงกระแทกที่ขอบโต๊ะ...กานต์ฟาดมันอย่างเสียสติ  ระบายความหวาดกลัวและอัดอั้นไปกับความเจ็บปวดนี้...

    เมษยืนมองกานต์ฟาดมือลงบนโต๊ะนั้นอยู่ห่าง ๆ ในใจเกิดความกลัวมากมาย  ความกลัวต่อบาป  ความกลัวที่เธอไม่รู้  และสภาพที่แปลกไปของกานต์เป็นสิ่งที่เธอกลัวที่สุดในตอนนี้...เธอจ้องมองงูเขียวที่ตอนนี้ถูกฟาดจนอ่อนปวกเปียก  ราวกับเชือกสีเขียวที่ไร้กระดูก...งูตัวนั้นเธอเป็นคนเอาไปใส่ไว้ในใต้โต๊ะตามคำบอกของเธอคนนั้น...มันเป็นฝีมือเธอ...

    “ เอามันออกไป....เอามันออกไป...เอามันออกไป...เอามันออกไป ” แม้ว่างูจะสิ้นลมไปแล้วแต่กานต์ก็ยังคงฟาดมือนั้นราวกับคนเสียสติ...ทุก ๆ ความเจ็บปวดมันทำให้เธอโล่งใจขึ้น...ความหวาดกลัวมันหดหายมีแต่ความเจ็บเข้ามาแทนที่แต่นั้นมันทำให้เธอตัวเบาหวิว...

    “ พอเถอะ  กานต์ ” สาซึ่งเพิ่งมาถึงโรงเรียนเห็นว่ากานต์ฟาดมือทำร้ายตนเองจึงเข้าไปห้ามอย่างห่วงใย...

    “ อ๊ะ...อ๊าาา ” กานต์ร้องออกมาเมื่อได้สติและเห็นว่าใครเป็นคนเตือน...เธอจึงรีบวิ่งออกจากห้องนั้นไปราวกับคนเสียสติ...ทิ้งให้สาและเพื่อน ๆ ในห้องมองตามด้วยความเป็นห่วง...มีแต่เมษเท่านั้นที่ไม่ได้มองตามกานต์...สายตาของเธอจ้องมองไปยังซากงูเขียวนั้นและกลืนน้ำลายดังเอื๊อก  ด้วยความรู้สึกอึดอัดและหวาดกลัว...เธอและกานต์ต้องทนอยู่ในสภาพนี้ไปอีกนานเท่าไร...เธอจะทนได้อีกนานเท่าไร...อีกนานเท่าไรกว่าเธอจะสติ...สติแตก  เหมือนกานต์ !!

     

    จนกระทั่ง 3 สัปดาห์ก่อนสอบปลายภาคเรียนที่ 2...จู่ ๆ กานต์ก็พบจดหมายฉบับหนึ่งใส่ไว้ที่ใต้โต๊ะ...เนื้อหาในนั้นสั้นและห้วน...แต่กลับมีแรงกดดันที่ทำให้กานต์ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ... ‘ เลิกเรียนแล้ว...เจอกันนะ เพื่อนรัก

    กานต์นั่งกระสับกระส่ายและคิดอยู่ในหัวตลอดเวลา  ตัวหนังสือที่บรรจงเขียนส่งมาถึงเธอ  คำว่าเพื่อนรักนั้นตัวใหญ่กว่าประโยคอื่น ๆ ในวินาทีนั้นเธอก็รู้ในทันทีว่า  ความน่ากลัวกำลังรอเธออยู่  น่ากลัวกว่าเหตุการณ์งูเขียวนั้น  มันต้องน่ากลัวกว่าแน่ ๆ...เธอได้แต่กระวนกระวายใจจนไม่ทันสังเกตว่าในห้องเรียนแห่งนี้...เหลือนักเรียนเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น...คือ...เธอ  เมษและ...เด็กสาวอีกคนที่นั่งเยื้องไปทางด้านหน้า  และทุกครั้งที่เห็นแผ่นหลังนี้  แผ่นหลังเล็กบางนี้...ร่างทั้งร่างของกานต์ก็หนาวสะท้าน...เย็นเฉียบ...ราวกับคนที่มีความตายรออยู่เบื้องหน้า...!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×