คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : หน้าต่าง : ปฐมบท
เด็กสาวยืนมองกระดาษข้อสอบที่ได้รับคืนนิ่ง...นี่เรา...แพ้ยัยนั่นอีกแล้วงั้นเหรอ...! เธอกำกระดาษข้อสอบในมือจนยับยู่ยี ถ้าไม่มีแกสักคน...ฉันก็จะได้เป็นที่หนึ่งของห้องแล้วแท้ ๆ ทำไม ทำไมคนอย่างแกต้องย้ายโรงเรียนมาด้วย ! เธอคิดแค้นใจ...จนเผลอมองไปยังเด็กสาวหน้าระรื่น
“ เป็นอะไรไปเมษ ” เสียงหวานเอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนสาวยืนกำกระดาษข้อสอบแน่น
“ อ๊ะ...เอ่อ ไม่เป็นไรจร้ะสา ” เมษยิ้มตอบและรีบปรับสายตาให้อ่อนลง
“ เหรอ...กานต์ก็สอบได้ที่หนึ่งอีกแล้วเนอะ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมาแท้ ๆ น่าเสียดายแทนเธอจังเมษ...ทั้ง ๆ ที่เธอพยายามแล้วแท้ ๆ แบบนี้เธอก็ชวดที่หนึ่งอีกแล้วสิ ”
“ ฮ่า ๆ ช่างเถอะน่า เราไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้นซะหน่อย...ก็แค่สอบเอง ” เมษยิ้มกลบเกลื่อนความแค้นในใจ...ครั้งหน้าฉันจะ...ต้องชนะ...ต้องชนะเท่านั้น...ถ้าฉันไม่พยายามให้มากกว่า...แม่ก็จะ...
- 1 เดือนผ่านไป –
เมษยืนนิ่งมองกระดาษข้อสอบในมืออีกครั้ง...คราวนี้เธอแทบอยากจะฉีกกระดาษนี่ทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด...นี่เราแพ้อีกแล้วอย่างนั้นเหรอ ! ทำไมกัน !
“ เอาละ รู้คะแนนกันแล้วใช่มั้ยนักเรียน...งั้นพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนคนที่สอบตกมาหาอาจารย์ที่ห้องพักครูด้วย...เอ่อ กานตรัตน์กับเมษราก็มาช่วยติวเพื่อนหลังเลิกเรียนด้วยนะ ”
เมษเหลือบมองกานต์ที่เหม่อมองนอกหน้าต่างอย่างไม่ทุกข์ร้อน...หนอย น่าหมั่นไส้ชะมัด...แก...แกทำให้ฉันพลาดที่ 1 มาสามรอบติดแล้วนะ เธอจ้องมองกานต์อย่างอาฆาตโดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาอีกคู่ที่จับจ้องเธออย่างไม่วางตาเช่นกัน
“ นี่เมษ แกสอบไม่ได้ที่หนึ่งอีกแล้วเหรอ ” ผู้เป็นแม่ถามเมื่อเห็นสีหน้าหวาดวิตกของเด็กสาว
เมษได้แต่ตอบผู้เป็นแม่เสียงอ่อย
“ แกนี่...ไม่เคยทำให้แม่ภูมิใจได้เลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าแกจะเกิดมาทำไม ” เธอบ่นอย่างเหนื่อยหน่าย
“ ขอโทษคะ ” เมษได้แต่ทำหน้าเศร้า
ผู้เป็นแม่มองเด็กสาวอย่างเย็นชา ก่อนจะตอบด้วยเสียงเบื่อหน่าย “ เฮ้อ...เห็นแกแล้วมันน่าเหนื่อยใจจริง ๆ ” เธอว่าและมองเด็กสาวที่ก้มหน้านิ่งไม่กล้าขยับ..
“ แม่ครับ ๆ ”
“ ว่าไงจร้ะลูกแม่ ”
เมษมองหน้าผู้เป็นแม่ที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือด้วยความรู้สึกมากมายหลากหลาย...ทั้ง...เศร้า...เสียใจ...และ...แค้นใจ
กานต์ ! ถ้าไม่มีแกสักคน...ถ้าไม่มี...คนอย่างแกสักคน !...ชีวิตฉันก็จะไม่เป็นแบบนี้...มีแต่การเรียนเท่านั้นที่ทำให้แม่หันมาสนใจและใจดีกับฉัน...แต่คนอย่างแก คนอย่างแกกลับมาพรากมันไปจากฉัน ! แกพรากความสุขไปจากฉัน !
เมษมองภาพตรงหน้าอย่างสิ้นหวังและเดินขึ้นห้องนอน...ที่เป็นเพียงห้องเก็บของเล็ก ๆ และตัดตั้งอยู่ลึกสุดทางเดินห่างจากห้องของแม่...และน้องชาย ราวกับอยู่กันคนละโลก
- 3 เดือนต่อมา –
‘ ฉันก็อยากให้กานต์หายไปจากโลกนี้เหมือนกัน ’
เมษยืนอ่านข้อความหวัด ๆ ในหน้าสมุดโน๊ตด้วยหัวใจที่กระตุกวูบวาบ และสูบฉีดเลือดให้พลุ่งพล่าน...มือที่ถือสมุดเล่มนั้นสั้นระริก...เหงื่อเม็ดเป้งไหลตามสันจมูกก่อนจะหยดลงบนหน้าสมุดเล่มนั้น...จากความกลัวในชั่วแว่บเดียว ก็แปรเปลี่ยนเป็น...ความรู้สึกปรีดีและเปี่ยมไปด้วยความหวังแล่นจู่โจม...รอยยิ้มน้อย ๆ ค่อย ๆ คลี่ออก...มืออีกข้างควานหาดินสอจากใต้โต๊ะ...ก่อนจะขยับช้า ๆ เป็นตัวอักษรในกระดาษแผ่นนั้น
เธอรอการตอบกลับของบุคคลนิรนามนั้นเพียง 1 อาทิตย์ ตัวอักษรหวัด ๆ ก็ปรากฏแก่สายตาของเมษอีกครั้ง เมื่ออ่านข้อความนั้นเสร็จ...หัวใจของเธอก็พองโตยิ่งกว่าครั้งก่อน...มือน้อย ๆ ควานหาของใต้โต๊ะบางอย่าง...สัมผัสอ่อนนุ่มของเนื้อผ้า...ใช่แล้ว...ถุงนี้...มันจะสามารถช่วยเราได้...แค่เทของในถุงนี้เท่านั้น รอยยิ้มชั้วร้ายและบิดเบี้ยวค่อย ๆ เผยออกมา ความแค้นของฉัน ความสุขของฉัน...แกต้องได้รับค่าตอบแทนที่สาสมยัยกานต์ เมษจ้องมองถุงผ้าที่ขยับดุกดิกน้อย ๆ อย่างพึงใจ...ก่อนจะเก็บมันเข้ากระเป๋าแผ่วเบา...
หลังจากนั้นเพียง 2 วันในห้องเรียนคาบเช้า จู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นตามติดด้วยเสียงล้มตึงของเก้าอี้ ถุงดินสอสีอ่อนถูกโยนห่างจากตัวเจ้าของ...เมื่อสิ่งนั้นตกลงพื้น ข้าวของกระจัดกระจาย มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่มันขยับอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ คืบคลานออกมาจากเงาในกระเป๋า...และเมื่อนักเรียนสาวแถวนั้นเห็นต่างพากันกรีดกร๊าด ขยะแขยงและแตกพรืดเป็นวงกว้าง ชนโต๊ะกระจัดกระจาย บางล้มระเนระนาด...
มีเพียงเมษ...ที่หัวใจเต้นแรง มันไม่ได้มาจากความกลัว...แต่มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะหยั่งลึกว่านั้น...เมษเหลียวมองสิ่งนั้นอย่างสะพรึงกลัว ตัวเล็กสีดำยาวเพียงข้อนิ้วคลานออกมา มันตั้งตัวกลางอากาศและชูขนยุบยับไปมาอย่างไม่รู้สึกรู้สา...ใบหน้าของเมษซีดเซียวขึ้นมาในบัดดลเมื่อนึกถึงสิ่งของที่เธอได้รับเมื่อ 2 วันก่อน...ม่ะ...ไม่จริง...ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้..!...ก็ฉัน...ไม่ได้ทำนะ !
“ ไม่จริง ” เสียงแหบแห้งเค้นมาจากลำคอของเมษ แต่ก็ดังพอให้เพื่อนสาวที่นั่งข้าง ๆ ได้ยิน
เมื่อความแตกตื่นค่อย ๆ สงบลง...เหลือแต่เพียงเสียงพูดหยอกเย้าระคนขำขันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...มีเพียงนักเรียนบางกลุ่มที่เริ่มจับกลุ่มซุบซิบว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่..
เมษล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแค่กลับไม่เจอสิ่งที่น่าจะอยู่ตรงที่ ๆ มันควรจะอยู่...ไม่เจอถุงผ้านั้นแล้ว แต่กลับมีสมุดแปลกปลอมใส่ไว้แทน และเมื่อเธอหยิบมันออกมา...แผ่นกระดาษก็ร่วงและหล่นลงบนโต๊ะ...หงายด้านที่มีตัวหนังสือหวัดสีดำเข้ม....ตัวหนังสือสีดำเข้มที่ชัดเจนนั่น...มันยิ่งทำให้เมษไม่กล้าแม้แต่จะอ่านมัน...
‘ ครั้งหน้า...ใครดีนะ ฉันให้เธอเลือกระหว่าง กานต์กับ... ’ ดวงตาของเมษเบิกกว้างและใบหน้าซีดลงกว่าเก่าด้วยความกลัวเมื่อเห็น ตัวอักษรสีเข้มและถูกขีดเขียนด้วยแรงกดมหาศาล ... ‘ เมษ ’
เมษขย้ำกระดาษนั้นอย่างลนลานก่อนจะยัดมันลงกระเป๋าเหมือนเดิม...เรื่องนี้...เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้ ถ้ารู้ละก็ผู้หญิงคนนั้น...แม่จะต้องโกรธมากแน่ ๆ ที่ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ! มันต้องเป็นความลับ...ใช่แล้ว
“ มันจะเป็นความลับ... ” เมษกุมนั่งกุมหัวนิ่งและพูดพึมพำซ้ำไปซ้ำมา...อย่างหวาดกลัว
กานต์รีบกุลีกุจอเก็บข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นเข้ากระเป๋าสีอ่อนนั้น...มีเพียงสิ่งเดียวที่สะกิดใจเธอ...ดินสอสีฟ้านี้...ที่แปลกปลอม มันไม่ใช่ของเธอ !...แต่เธอรู้...รู้ว่าใครเป็น เจ้าของ ! เจ้าของดินสอกำลังกลับมา...รอวันแก้แค้นเธอ และมันได้เริ่มขึ้นแล้ว การแก้แค้นนั้นได้เริ่มขึ้นแล้ว !!
กานต์กลืนน้ำลายดังเอื๊อกและหยิบดินสอแท่งนั้นเก็บเข้ากระเป๋าก่อนจะเดินก้มหน้างุดกลับมานั่งที่และปล่อยให้จิตใจคิดไปต่าง ๆ นานา...สายตาก็จับจ้องไปยังเจ้าของดินสอที่แท้จริง...เธอนั่งอยู่ตรงนั้น แผ่นหลังของเธอกำลังสั่นไหว กานต์หวาดกลัวทุกกริยาของเธอที่ขยับและหันมายิ้มอ่อนโยนให้เธอ...อย่านะ...อย่าหันมานะ..
“ ขอร้องละ...อย่านะ ” เธอพูดเสียงแผ่วและจิกมือทั้งสองเพื่อระบายความกลัวในจิตใจ
หลังจากเหตุการณ์นั้นทั้งเมษและกานต์ต่างตกอยู่ในอาการหวาดผวา...
ข้อความเหล่านั้นยังเขียนส่งมาถึงเมษเรื่อย ๆ และทวีความถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จากอาทิตย์กลายเป็นวัน จากวันกลายเป็นทุกเช้าและบ่าย...จนกระทั่งข้อความนั่นตามหลอกหลอนเธอทุกคาบเรียน...ไม่เว้นแม้แต่ปิดเทอมเล็ก ทุก ๆ เช้าจะมีจดหมายไม่จ่าหน้าซองมาส่งให้...และเนื้อหาในนั้นมันยิ่งรุนแรงและวิปริตมากขึ้นเรื่อย ๆ...จากการกลั่นแกล้งธรรมดา กลายเป็นการพยายามแก้แค้นให้อีกฝ่าย...ถึงตาย...และนี่มันยิ่งทำให้เมษเกิดอาการหวาดระแวงและไม่ไว้ใจใครในห้องเรียน...ไม่สิ...โรงเรียนนี้...ทั้งโรงเรียนต่างหาก...ถ้าหากเธอไม่ทำตามเนื้อหาในจดหมาย คนที่จะโดนเล่นงานคือ...เธอ ไม่ใช่กานต์ !!
ในเช้าวันหนึ่งที่อากาศค่อนข้างเย็น...เมษทำอาหารเช้าง่าย ๆ กินเองเงียบ ๆ ในห้องครัว...แต่จู่ ๆ แม่ของเธอก็เอะอะโวยวายและเดินเข้ามาดึงทึ้งผมเธอย่างกราดเกรี้ยว เด็กสาวได้แต่ร้องโอดครวญ...
“ แม่คะ...หนูเจ็บ.. ” เธอร้องเสียงแหลม แต่ผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ผ่อนแรงลงเลยกลับดึงแรงหนักกว่าเก่า..
“ นี่แกต้องการขู่ให้น้องแกกลัวใช่ไหม แกถึงได้เอาไอ้นี่ไปใส่ไว้ในร้องเท้าของน้องแก !! ” ผู้เป็นแม่ต่าทอด้วยเสียงดังลั่น
เมษจ้องมองสิ่งของในมือ...ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ จนลืมความเจ็บปวดไปชั่วครู่...
ซากนกท้องแหวะ...นอนตายส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งมาจากในรองเท้านักเรียน...
ที่บ้านฉันเลี้ยงนกอยู่ตัวหนึ่ง...คำในกระดาษที่เธออ่านเมื่อวานผุดวาบขึ้นมาในหัว...ขนของมันสีฟ้าสวยสดเป็นประกาย...เมษจ้องมองขนหลุดลุ่ยสีฟ้าที่ไร้ความสดแล้วปลิวออกจากรองเท้า...มันน่ารักมากเลยละ ปากของมันสีดำเข้ม...เธอจ้องมองปากของนกน้อยสีดำคล้ำมีคราบน้ำลายเกาะเขรอะและลิ้นจุกปากแลบห้อยสีม่วงหม่น...ดวงตากลมโตของมันกลมโต และสดใส...ดวงตาไร้แววชีวิตจ้องตรงมายังเธอ...ตัวอ้วนกลม ท้องป่อง จ้ำม่ำ...แต่บัดนี้ท้องของมันถูกแขวะแยกออก ตับไตไสพุง...ไหลกองอยู่ด้านนอกรอยแผล จนท้องของมันแบนแฟ่บ เลือดแห้งกรังเกาะขนสีฟ้าจนเป็นสีดำและกระจุกก้อน...ขาสองข้างหงิกงอ ราวกับทรมานก่อนที่จะสิ้นใจตาย...
‘ เธอคงอยากเห็นมันสินะ...ฉันจะยกให้เธอก็ได้...แด่เพื่อนรักของฉัน ’
ประโยคสุดท้ายแจ่มชัดในหัวสมอง...เมษเอาเรี่ยวแรงมหาศาลจากความหวาดกลัว สะบัดหัวให้หลุดจากมือที่มาเกาะดึงผมของเธอออกอย่างรวดเร็วและแรง...เมื่อเห็นนกไร้ลมหายใจนั้น...ความกลัวแล่นมาจุกคอหอย จนเธอหายใจแทบไม่ออก หัวใจเต้นผิดจังหวะ เหงื่อกาฬไหลออาบ ดวงตาสั่นระริกจ้องไปยังรองเท้านั้น โดยไม่สนใจเสียงก่นด่าอย่างโกรธเกรี้ยว....มัน...มันมาแล้ว มันจะมาแก้แค้นฉัน...อ๊าาา...ไม่ !
“ มัน...มันเริ่มแล้ว อ๊าาา...ไม่...ไม่นะ !! ” เมษร้องเสียงสติและวิ่งกระแทกผู้เป็นแม่จนรองเท้าข้างนั่นกระเด็นตก...ซากนกลอยละลิ่วขึ้นเหนือพื้นราวกับต้องการจะโบยบินอีกครั้ง แต่ร่างของมันก็กระแทกพื้นในเวลาไม่นาน ร่างอ่อนปวกไร้เรี่ยวแรง...ซากศพที่ไม่มีชีวิต...!
ผู้เป็นแม่มองลูกสาวอย่างไม่เข้าใจและไม่สบอารมณ์ ท่าทางของเด็กสาวราวกับกลัวซากนกนี่เสียเต็มประดา...เหอะ...สงสัยคงกลัวความผิดที่ตนได้ก่อไว้ ลูก...คนนี้นี่...ไม่สิ ลูกเมียน้อยคนนี้นี่ใช่ไม่ได้เลยจริง 1 ๆ !
ทางด้านกานต์ก็เจอกับการกลั่นแกล้งที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ...ทั้ง ๆ ที่เธอรู้ว่าใคร...ใครเป็นคนทำ แต่ความกลัวมัน...สั่งให้เธอผิดปากเงียบเรื่อยมา เธอไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อของคน ๆ นั้นออกมา...ได้แต่...ทน และทนรับผลที่ตามมาจากการกระทำของเธอในวันวาน
ย่างเข้าภาคเรียนที่ 2 กานต์มาเรียนด้วยสภาพจิตใจที่หดหู่...เธอยกเก้าอี้ลงจากโต๊ะ และทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรงตั้งแต่เช้า...สิ่งที่เธอต้องทำเป็นประจำคือ การมองหาแผ่นหลังนั่น เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเยื้องไปทางที่นั่งต้านขวา แต่เก้าอี้ยังคงถูกยกวางไว้ที่โต๊ะเหมือนเดิม กานต์เผลอถอนหายใจแผ่วออกมาอย่างโล่งออก...แต่หัวใจของเธอก็ยังคงเต้นถี่ ลางสังหรณ์แปลกประหลาดบอกเธอว่าเรื่องร้ายกำลังจะมาเยือนเธอ...สิ่งเดียวที่จะทำให้จิตใจของเธอสงบลง คือ การอ่านหนังสือ และเธอต้องการที่จะอ่านหนังสือมันตอนนี้เพื่อที่เธอจะได้ไม่ฟุ้งซ่านอีกต่อไป
“ อ่านหนังสือดีกว่า ” กานต์พูดและล้วงมือเข้าใต้โต๊ะที่จัดเป็นระเบียบ แต่สิ่งที่สัมผัสได้ไม่ใช่กระดาษปกมันของหนังสือเรียน แต่มันเป็นอะไรที่แข็งและด้าน
สิ่งนั้น...สิ่งที่เธอสัมผัสมันเป็นเส้นและเมื่อเธอจับลำตัวของมัน ร่างทั้งร่างของมันก็บิดงอพันไปที่รอบ ๆ มือและความเจ็บแปล๊ปก็แล่นเข้าที่กลางหลังมือ...เธอดึงสิ่งนั้นออกมาจากใต้โต๊ะอย่างรวดเร็ว สีของมันเป็นสีเขียวอ่อนที่สด ลำตัวมันบิดงอไปรอบ ๆ มือเรียวเล็ก กานต์จ้องมองสัตว์เลื้อยคลานในมืออย่างตกใจ สิ่งที่เธอเกลียดและกลัวที่สุดคือ....งู
“ กะ...กรี๊ดดดด !!!! ” เธอแผดเสียงลั่นห้อง ทำให้เพื่อนนักเรียนที่มากันเกินครึ่งห้องหันมามองเธอเป็นตาเดียว....กานต็สะบัดมือแรง ๆ แต่งูนั้นกลับยิ่งรัดแน่นและกัดเธอแรงขึ้น “ ใครก็ได้....ขอร้องละ เอามันออกไปที...ใครก็ได้ ! ”
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ กานต์มองเพื่อน ๆ ที่ถอยกรูดออกห่างจากเธอ...สายตาวิงวอนของความช่วยเหลือได้เพียงคำตอบเป็นสายตาเห็นใจกลับมา.. “ ใคร...ใครก็ได้ ขอร้องละ ” เธอพูดออกมาอย่างข่มขื่นและบีบงูตัวนั้นแน่นทำให้มันดิ้นพล่านในมือเธอ ยิ่งมันดิ้นมากเท่าไร กานต์ก็ยิ่งขนลูกขนชันและบีบมันแรงขึ้น...ต้อง...ฆ่ามัน..ฆ่ามันเท่านั้น มันถึงจะปล่อยเราไป...เมื่อเด็กสาวคิดได้ดังนั้น...เธอเงื้อมมือขึ้นและฟาดงูตัวเรียวเล็กลงกับขอบโต๊ะ...โดยไม่สนใจว่ามือของเธอจะกระแทกโดนโต๊ะนั้นด้วย
“ กรี๊ด !! ” เพื่อน ๆ ต่างก็ร้องออกมาเมื่อเห็นกานต์ฟาดงูลงบนโต๊ะอย่างทารุณ
งูเขียวนั้นบิดงอด้วยความเจ็บปวดและทรมาน มันคลายแรงกันที่หลังมือของกานต์แล้ว...แต่เด็กสาวก็ยังไม่หยุดฟาดมันลงบนโต๊ะ...เลือดของงูไหลกระเซ็นปนกับเลือดของเธอ...หลังมือนั้นปรากฏรอยแผลเล็ก ๆ สองรอยและค่อย ๆ แดงช้ำเป็นวงกว้างตามแรงกระแทกที่ขอบโต๊ะ...กานต์ฟาดมันอย่างเสียสติ ระบายความหวาดกลัวและอัดอั้นไปกับความเจ็บปวดนี้...
เมษยืนมองกานต์ฟาดมือลงบนโต๊ะนั้นอยู่ห่าง ๆ ในใจเกิดความกลัวมากมาย ความกลัวต่อบาป ความกลัวที่เธอไม่รู้ และสภาพที่แปลกไปของกานต์เป็นสิ่งที่เธอกลัวที่สุดในตอนนี้...เธอจ้องมองงูเขียวที่ตอนนี้ถูกฟาดจนอ่อนปวกเปียก ราวกับเชือกสีเขียวที่ไร้กระดูก...งูตัวนั้นเธอเป็นคนเอาไปใส่ไว้ในใต้โต๊ะตามคำบอกของเธอคนนั้น...มันเป็นฝีมือเธอ...
“ เอามันออกไป....เอามันออกไป...เอามันออกไป...เอามันออกไป ” แม้ว่างูจะสิ้นลมไปแล้วแต่กานต์ก็ยังคงฟาดมือนั้นราวกับคนเสียสติ...ทุก ๆ ความเจ็บปวดมันทำให้เธอโล่งใจขึ้น...ความหวาดกลัวมันหดหายมีแต่ความเจ็บเข้ามาแทนที่แต่นั้นมันทำให้เธอตัวเบาหวิว...
“ พอเถอะ กานต์ ” สาซึ่งเพิ่งมาถึงโรงเรียนเห็นว่ากานต์ฟาดมือทำร้ายตนเองจึงเข้าไปห้ามอย่างห่วงใย...
“ อ๊ะ...อ๊าาา ” กานต์ร้องออกมาเมื่อได้สติและเห็นว่าใครเป็นคนเตือน...เธอจึงรีบวิ่งออกจากห้องนั้นไปราวกับคนเสียสติ...ทิ้งให้สาและเพื่อน ๆ ในห้องมองตามด้วยความเป็นห่วง...มีแต่เมษเท่านั้นที่ไม่ได้มองตามกานต์...สายตาของเธอจ้องมองไปยังซากงูเขียวนั้นและกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ด้วยความรู้สึกอึดอัดและหวาดกลัว...เธอและกานต์ต้องทนอยู่ในสภาพนี้ไปอีกนานเท่าไร...เธอจะทนได้อีกนานเท่าไร...อีกนานเท่าไรกว่าเธอจะสติ...สติแตก เหมือนกานต์ !!
จนกระทั่ง 3 สัปดาห์ก่อนสอบปลายภาคเรียนที่ 2...จู่ ๆ กานต์ก็พบจดหมายฉบับหนึ่งใส่ไว้ที่ใต้โต๊ะ...เนื้อหาในนั้นสั้นและห้วน...แต่กลับมีแรงกดดันที่ทำให้กานต์ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ... ‘ เลิกเรียนแล้ว...เจอกันนะ เพื่อนรัก ’
กานต์นั่งกระสับกระส่ายและคิดอยู่ในหัวตลอดเวลา ตัวหนังสือที่บรรจงเขียนส่งมาถึงเธอ คำว่าเพื่อนรักนั้นตัวใหญ่กว่าประโยคอื่น ๆ ในวินาทีนั้นเธอก็รู้ในทันทีว่า ความน่ากลัวกำลังรอเธออยู่ น่ากลัวกว่าเหตุการณ์งูเขียวนั้น มันต้องน่ากลัวกว่าแน่ ๆ...เธอได้แต่กระวนกระวายใจจนไม่ทันสังเกตว่าในห้องเรียนแห่งนี้...เหลือนักเรียนเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น...คือ...เธอ เมษและ...เด็กสาวอีกคนที่นั่งเยื้องไปทางด้านหน้า และทุกครั้งที่เห็นแผ่นหลังนี้ แผ่นหลังเล็กบางนี้...ร่างทั้งร่างของกานต์ก็หนาวสะท้าน...เย็นเฉียบ...ราวกับคนที่มีความตายรออยู่เบื้องหน้า...!
ความคิดเห็น