คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บันทึกบทที่ 7: คำพูดที่ไม่อาจกล่าว (เตรียมพิมพ์)
บันทึกบทที่ 7 :
ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนได้ยินเสียงฟ้าฝ่าก็ไม่ปาน “สอบ เหรอ” โจทวนคำเบาๆ
ในห้องแต่ละคนอาการก็ไม่ได้ดีไปกว่าโจเท่าไรนัก เพราะดูทุกคนจะไม่ได้ฟิตอะไรกับวิชานี้เลย จะยกเว้นไม่กี่คนที่ไม่สะทกสะท้าน หนึ่งในนั้นก็คือเกดนั่นเอง สมแล้วที่เธอเป็นนักเรียนทุนเรียนดี สีหน้าเธอยิ้มแย้มเหมือนกับเธอกำลังจะอ่านการ์ตูนสนุกๆเรื่องนึง
“แม่คุณนี่ไม่ได้กำลังจะอ่านการ์ตูนนา” ชัยพูดขึ้นเบาๆ
“เริ่มทำได้ ให้เวลา 45 นาที” อาจารย์ประกาศหลังจากแจกข้อสอบครบทุกคน
ข้อสอบวิชาประวัติศาสตร์ยุโรปนั้น เมื่อโจมองดูกลับรู้สึกไม่ยากอย่างที่คิด คงเป็นอานิสงค์ที่ได้ทำแบบฝึกหัดเมื่อตอนเปิดเรียนแน่ๆ การที่เขาต้องเขียนแบบฝึกหัดจนมือหงิก ทำให้มีข้อมูลหลุดเข้ามาในสมองบ้างพอสมควร
โจเหลือบไปมองรอบๆ แต่ละคนนั้นส่วนใหญ่จะกุมหัว บ้างก็หลับ แม้แต่ชัยเองก็ทำปากบ่นอุบอิบอะไรสักอย่าง ส่วนเกดนั้นกำลังเขียนอย่างเมามันซึ่งเธอเป็นหนึ่งในสองสามคนที่เขียนโดยไม่หยุด
เวลาผ่านไปราวกลับโกหก แต่ว่าหน้ากระดาษของโจยังคงว่างเปล่าอยู่เช่นเดิม ข้อสอบที่โจอ่านและดูว่าง่ายในตอนแรก จู่ๆตัวเขาก็รู้สึกตื้อซะเฉยๆ “ทำไมข้อนี้มันถึงนึกอะไรไม่ออกเลยนะ ทั้งๆที่เห็นแล้วน่าจะรู้คำตอบแท้ๆ” โจคิด
“เหลืออีก 15 นาที จะเก็บข้อสอบ” อาจารย์หน้าห้องประกาศขึ้น
ทุกคนในห้องตอนนี้เริ่มเขียนกันหมดแล้ว เพราะถึงยังไงถ้าทำไม่ได้ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย เหลือเพียงโจที่ยังไม่ได้เขียนอะไรบนกระดาษยกเว้นชื่อตัวเองเท่านั้น ตอนนี้เกดพับกระดาษข้อสอบเตรียมตัวส่งเรียบร้อย เธอหันมามองโจและทำหน้า งงๆ ที่โจเอาแต่จ้องมองแผ่นกระดาษโดยไม่ได้ทำอะไรเลย
“ชู่วๆ” เกดทำเสียงขึ้น โจเหลือบไปทางด้านเธอ “นี่ทำไม่ได้เลยเหรอ”
โจยักไหล่ เป็นสัญลักษณ์ว่าไม่น่าถามเลย “ลองทำจากข้อท้ายๆก่อนสิ” เธอกระซิบ
เมื่อโจไปมองข้อท้ายๆ ซึ่งโจไม่ได้มองเลยก็ปรากฏว่าคำถามของข้อท้าย สามารถนำมาตอบข้อแรกๆได้อย่างสบาย และคำถามก็ง่ายด้วย อาจารย์เหลือทางรอดไว้สำหรับคนที่ตั้งใจทำข้อสอบหรือนี่ เขานึกขอบคุณเกดในใจ
“เวลาอีก หนึ่งนาทีเก็บข้อสอบ” เสียงประกาศขึ้นอีกครั้ง
โจสปีดในการเขียนสุดชีวิต การเขียนจากความว่างเปล่าหากทำเสร็จภายในสิบห้านาที สงสัยเขาต้องได้บันทึกในกินเนสบุ๊คเรื่องเขียนเร็วแน่ๆ
“หมดเวลา วางปากกา” อาจารย์ลุกขึ้นมาเก็บข้อสอบทุกคน โจนั้นสามารถทำข้อสอบได้เกินครึ่งนึงได้อย่างหวุดหวิด แม้จะทำไม่เสร็จก็ดีกว่าส่งกระดาษเปล่า หลังจากอาจารย์เดินออกจากห้อง ทุกคนต่างพูดบ่นกันแซด และลงความเห็นว่าวิชานี้อาจจะไปไม่รอดได้เมื่อดูจากสภาพการแล้ว ส่วนชัยก็บ่นขึ้นว่า
“แกเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวนี้ชักโหดขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะตกป่าวเนี่ย เซงจริงๆ” ชัยฟุบกับโต๊ะ
โจยิ้มเจื้อนๆ ไม่รู้ว่าจะบอกชัยยังไง เพราะตัวเขาก็รอดได้เพราะคำบอกใบ้จากเกดน่ะแหละ ซึ่งส่วนใหญ่คนในห้องจะไม่รู้กัน
วิชาต่อไปคือวิชาเลขทีแสนตึงเครียด ไม่ใช่ว่าวิชายากแต่ว่าตัวอาจารย์ทำให้นักเรียนในห้องต้องทำท่าตั้งใจแม้จะไม่อยากก็ตาม ทุกคนในห้องต่างนั่งกันเป็นหุ่นยนต์ โจเองก็พยายามที่จะถ่างตาแม้จะง่วงมากขนาดไหนก็ตาม เพราะไม่อยากจะโดนช้อกปาหัวอีก แม้เปลือกตารู้สึกหนักอึ้งลงทุกที แต่ก็พยยามถ่างจนสุดความสามารถ ไม่ว่าจะเอามือถ่าง หรือหยิกแขนตัวเอง ในที่สุดโจก็ไม่อาจทานอำนาจร่างกายที่เหนื่อยล้ามาตลอดได้ เขางีบหลับไปสองสามรอบ และเจอปาช้อกอย่างไม่ปรานีเช่นเคย
“สงสัยว่าต้องหาหมวกกันน้อกมาเรียนแล้วล่ะ” โจบ่นเบาๆ เพื่อนรอบข้างที่กำลังทำท่าตั้งใจเรียนอยู่ได้ยินถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว รวมทั้งเกดและชัย ทั้งหมดหัวเราะขึ้น ทำให้ทั้งหมดเจอช้อกปากันอย่างถ้วนหน้า
“นี่พวกเธอที่อยู่ตรงนั้นน่ะ คงอยากทำแบบฝึกหัดล่วงหน้าสักบทสินะ” อาจารย์จ้องมาทางแถวโจอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ “พวกเธอดูไว้นะ ตรงนั้นน่ะทำให้เธอต้องเหนื่อยกัน เอาล่ะทำแบบฝึกหัดท้ายบทนี้ ส่งตอนเย็นนี้นะ”
ทั้งห้องเซงแซ่ไปด้วยเสียงบ่น “เอาล่ะอยากเพิ่มหรือไง”
โจอดรนทนไม่ได้ว่าทำไมอาจารย์คนนี้จะคร่ำเคร่งอะไรนักหนา และสิ่งที่เขาทำก็มากเกินไปกับการให้เด็กตั้งใจเรียน เขายกมือและยืนขึ้นอย่างรู้สึกเหลืออด
“อาจารย์ครับ” โจทำเสียงเข้ม “ถ้าเกิดจะลงโทษละก็ให้ผมทำคนเดียวเถอะครับ ผมเป็นคนทำให้คนแถวนี้หัวเราะเพราะบอกว่าจะใส่หมวกกันน้อกมาเรียน”
ทั้งห้องเงียบกริบ จากนั้นก็มีเสียงชัยพูดดังขึ้น “มันคนจริงเว้ย ปรบมือให้เลย” ชัยยืนขึ้นปรบมืออย่างไม่เกรงกลัว จากนั้นทั้งห้องก็ทะยอยปรบมือให้โจจนดังสนั่น รวมทั้งเกดด้วย เธอมองโจใหม่ด้วยสายตาชื่นชมในความกล้านี้
“เงียบ!!!!!!!!!!!!!!” อาจารย์ตวาด ผมทรงปัดขวาของจารย์ตอนนี้ไม่เป็นทรงเนียบอีกแล้ว กลับยุ่งโดยมือที่ไปขยี้ผม “พวกเธอกล้ามาก” เสียงพูดอาจารย์สั่น “ดี ในเมื่อเธอคนนั้นอยากรับเอง ก็ได้งั้นเธอคนเดียวต้องเขียนส่งทั้งยี่สิบสามฉบับนะ ห้ามใครช่วยด้วย ส่งเย็นนี้” สิ้นเสียงอาจารย์เดินออกจากห้องอย่างเร็ว พร้อมกับปิดประตูดังสนั่น
“เผด็จการเอ๊ย” ชัยพูดขึ้น อย่างหงุดหงิด
“ฮะ ฮะ ไม่หาเรื่องแต่ก็มีเรื่องมาหา “ โจหัวเราะกับความซวยของตัวเอง ที่ชักจะชินเมื่อเข้าโรงเรียนนี้แล้ว
“เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอเขียนนะ เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเขียนส่งเย็นนี้แทนคนทั้งห้องน่ะ” เกดพูดขึ้น
“เออ เพื่อนกันไม่ช่วยกันได้ไงวะ เอาก็เอาวะ” ชัยตบไหล่โจ โจมองทั้งสองอย่างซาบซึ้ง และไม่คิดว่าแม้จะรู้จักกันเพียงอาทิตย์เดียว แต่กลับร่วมทุกข์ร่วมสุขกันขนาดนี้
“ขอบคุณนะ แต่ว่า..” โจมองชัยและเกด “เขาไม่ให้ใครช่วยเลยนะ”
“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพวกเราช่วยพูดกับอาจารย์ให้” พฤกษ์ หัวหน้าชั้นเดินมากล่าวขึ้น “แค่นายลุกขึ้นยืนพูดกับอาจารย์เนี่ย ฉันยอมรับว่าเป็นคนจริง มากเลย ใช่ป่าวพวกเรา”
ทุกคนในห้องเดินมาล้อมโจด้วยสายตาที่ชื่นชม “เดี๋ยวพวกเราจะเขียนด้วย ถ้าทุกคนเขียน รับรองแป๊บเดียวก็เสร็จ”
“เดี๋ยวพวกชั้นจะไปซื้อของกินขึ้นมาให้นะ” กลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่งพูด
ต่างคนต่างแยกย้ายไปนั่งทำแบบฝึกหัด ห้องที่โจอยู่ในวันนี้ช่างดูอบอุ่นกว่าทุกวัน โจคิดว่าแม้เขาจะโดนลงโทษมากกว่านี้ก็ถือว่าคุ้ม ไม่คิดเลยว่าห้องนี้จะเป็นห้องที่พึ่งเข้ามาเรียนได้อาทิตย์เดียว
“อย่างน้อยโรงเรียนนี้ก็ไม่ได้มีแต่เรื่องซวยนะ เพราะได้เพื่อนที่ดีเนี่ยแหละคุ้มแล้ว” โจคิดในใจ
ตลอดกลางวันแทนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปพักกินอาหารเที่ยง ทุกคนกลับมาช่วยโจทำแบบฝึกหัดทั้งนั้น คนที่ไม่ได้อยู่ในห้องก็ไปซื้ออาหารจากข้างล่าง
เมื่อคนข้างนอกผ่านห้อง ม.4/7 ก็มองอย่างแปลกใจทั้งนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับห้องนี้กันแน่ ทำไมถึงยังไม่มีใครลงไปพักเที่ยงอีก จนกระทั้ง เสียงกริ่งเข้าเรียนช่วงบ่ายดัง
วิชาช่วงบ่าย แม้อาจารย์จะสอนแต่ว่าทุกคนก็ยังคงแอบทำแบบฝึกหัด โชคดีที่อาจารย์คาบบ่ายเป็นอาจารย์ที่ไม่ได้เคร่งมากนัก เพราะเป็นวิชาภาษาอังกฤษที่อาจารย์ไม่ค่อยได้ดูนักเรียนเวลาสอน
ติ๊ง! ต่อง ! เสียงบอกเวลาเลิกเรียนของวันนี้ จากการช่วยเหลือของทุกคนทำให้ในทีสุดโจก็ทำเสร็จ บรรยากาศในห้องทุกคนสนิทสนมกันมากขึ้น หัวหน้าห้องอาสาจะเอาไปส่งให้ เพื่อจะได้ขอโทษและพูดกับอาจารย์ด้วย ส่วนโจต้องรีบไปซ้อมในตอนเย็นต่อ จึงขอบคุณและลาทุกคนอีกครั้ง ชัยก็เช่นกัน ส่วนเกดนั้นบอกว่าอยากเข้าห้องสมุด ทั้งหมดจึงแยกย้าย
วันนี้โค้ชได้ทิ้งโปรแกรมซ้อมไว้ให้โจ แต่โค้ชไม่ได้มาดูโจซ้อม ถึงแม้จะไม่มีโค้ชมาคุมแต่ก็ต้องทำตามโปรแกรมที่ให้ไว้ เพราะการแข่งข้างหน้าเหลืออีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์แล้ว ทำให้เขาต้องมีวินัยในตัวเอง
โจซ้อมเสร็จในตอนค่ำ ซึ่งถือว่าซ้อมเสร็จเร็วกว่าปกติ เพราะไม่มีโค้ชมาคอยเพิ่มการซ้อมนอกโปรแกรมดังเช่นทุกวัน แต่น่าประหลาดใจตรงที่ผลการซ้อมในวันนี้ดีกว่าที่โจคาดไว้มากนัก
“ทำไมเวลาซ้อมกับโค้ชถึงดูแย่ทุกทีนะ พอซ้อมดีแล้วโค้ชดันไม่อยู่” โจอดขำตัวเองไม่ได้
เมื่อเก็บของเตรียมตัวกลับหอ โจกลับแปลกใจที่มีบางคนยืนอยู่ตรงประตูสนาม
“ซ้อมเสร็จแล้วเหรอ” เสียงนั้นเอ่ย ไม่ใช่ใครอื่นเกดนั่นเอง
“อ่าว ทำไมป่านี้แล้วมาอยู่ตรงนี้ล่ะ” โจอดแปลกใจไม่ได้
“ก็ พอดีอ่านอะไรเพลินน่ะ ไหนๆกลับช้าแล้วเลยรอเธอซ้อมเสร็จเลย” เกดก้มหน้า ดูวันนี้เธอไม่ค่อยสบสายตาเขาเท่าไหร่ หรือว่าอาการเดิมจะกลับมาอีก
“เหรอ ก็ดีนะไม่ได้กลับบ้านกับเธอเลยตั้งแต่เปิดเรียนมาน่ะ” โจยิ้มให้ ทั้งคู่เดินไปด้วยกันไปทางประตูโรงเรียน “ฉันนึกขอบคุณเธอตลอดเลยนะ รวมทั้งวันนี้ด้วย ถ้าไม่ได้เธอเรื่องเรียนของฉันคงไม่รอดหรอก “
“อืม ไม่เป็นไร” เกดตอบอย่างเรียบๆ สายตาทอดไปข้างหน้า แม้ว่าเธอจะใส่แว่นแต่ว่าแสงไฟตามทางเดินก็สะท้อนสายอันเหม่อลอยได้อย่างชัดเจน ทั้งคู่เดินออกจากสนามเทนนิส
ช่วงค่ำนี้อากาศเย็นสบายแต่สำหรับโจกลับดูอึดอัดยิ่งนัก เขาอยากจะพูดกับเกดให้มากกว่านี้ แต่ไม่ทราบเพราะอะไรทั้งที่มีเรื่องมากมายที่อยากคุยแต่ตัวเขากลับพูดไม่ออกเลยสักนิดเดียว ไม่เหมือนตอนแรกที่เจอกัน บรรยากาศดูแปลกๆชอบกล
“ว่าแต่ทำไมเดี๋ยวนี้ดูเธอเงียบๆจังเลย ไม่เหมือนตอนแรก” ในที่สุด โจก็เอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน
“บ้าเหรอ เราก็เหมือนทุกทีน่ะแหละ” เกดมองโจและยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่โจรู้สึกว่าเหมือนกับเกดจะฝืนยิ้มให้เขาสบายใจเสียมากกว่า
“ยังจะโกหกเราอีกเหรอ นี่เราเพื่อนกันนะ มีอะไรก็บอกมาเถอะ” โจหยุดเดินและคว้ามือเกด เมื่อเธอพยายามที่จะเดินให้ห่างโจออกไป
สัมผัสจากมือของเกดทำให้โจรู้สึกแปลกๆ ทำไมตัวเขารู้สึกไม่อยากปล่อยมือจากเธอเลย เกดหันมามองหน้าโจทั้งคู่จ้องตากันอยู่พักใหญ่ แสงสลัวจากหน้าประตูโรงเรียน สายลมที่โชยมาเอื่อยๆ พัดเปียทั้งสองข้างของเกดให้พลิ้วไปตามแรงลม ตอนนี้ช่างเหมือนกับบรรยากาศของคนที่จะสารภาพรักก็ไม่ปาน โจหน้าแดงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ปล่อยมือเกดเลย เขาจึงรีบคลายมือออก ส่วนเกดก็เช่นกัน ทั้งคู่ต่างหันหน้าไปคนละทาง
“แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยนะโจ นี่เพื่อนนะ” โจพูดขึ้นในใจ แม้ใจของเขาจะพยายามคิดแต่ร่างกายกลับไม่ยอมฟัง โดยเฉพาะหัวใจเต้นรัวเหมือนมีกลองมารัวในอกก็ไม่ปาน
“นั่นสินะ ก็เรามันเพื่อนกัน เธอก็มีคนที่..” เกดเงียบเสียงไป หลบสายตาโจที่พยายามจ้องมองหน้าเธอ “ไม่มีอะไร ช่างมันเถอะ ดะ เดี๋ยวเราไปกินข้าวกันม๊ะหิวแล้วล่ะ” เกดหัวเราะกลบเกลื่อน
“ เป็นเสียงหัวเราะที่ฝืนจริงๆ เพราะสายตาเธอมันฟ้องนะเกด เธอจะบอกอะไรฉันกันแน่” โจอยากจะบอกแบบนี้แต่ก็ได้แต่กล้ำกลืนคำพูดไว้ เพราะเขาก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน ได้แต่บอกไปว่า “เอาสิ”
โจและเกดเดินออกจากโรงเรียนเพื่อไปยังร้านอาหารตามสั่งตรงข้ามหอที่โจพัก แต่เมื่อผ่านหอพักหญิง
“นายเซ่อ ฮือ ฮือ” เสียงสะอื้นเรียกขึ้น
โจหันไปมองก็ตะลึงในสิ่งที่เห็น เธอคนนั้นนี่เอง คนที่เขาพยายามตามหาตลอดอาทิตย์ ทำไมเธอถึงมาอยู่ตรงนี้ แสงไฟจากหน้าหอ สะท้อนดวงตาที่แดงก่ำไปด้วยคราบน้ำตา เธออยู่ในชุดนอนลายหมี สวมรองเท้าแตะ นั่งกอดเข่าอยู่ตรงหน้าทางเข้า แม้น้ำตาจะแห้งแต่เธอก็ยังคงสะอึกสะอื้นอยู่
“เป็นอะไรไปน่ะ เกิดอะไรขึ้น” โจเดินไปนั่งข้างๆ
“ช่วยอยู่เป็นเพื่อนเราได้มั๊ย” เธอมองหน้าโจพร้อมกับซบที่ไหล่ น้ำอุ่นๆไหลมากระทบบ่าที่เธอซบ โจทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองเกดสลับกับเธอไปมา เกดยังคงยืนอยู่หน้าหอ เธอมองโจด้วยสายตาบางอย่างเป็นสายตาที่เห็นแล้วรู้สึกแย่มากกว่าจะรู้สึกดีในความรู้สึกเขา แต่โจก็อธิบายไม่ถูกเช่นกัน
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราก็กลับแล้ว บ๊ายบายนะ” เกดโบกมือลาโจและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวสิ” แม้โจจะพยายามเรียก แต่ก็ไม่ทัน จะตามไปก็ตามไม่ได้เพราะมีคนมาซบอยู่ตรงอก เขาต้องปล่อยให้เกดเดินหายไปในความมืด อย่างไม่อาจทำอะไรได้
ในความมืดมีเพียงแสงไฟที่ส่องเป็นเพื่อนร่วมทาง เสียงฟ้าร้องครวญเป็นระยะๆ ลมพัดแรงขึ้น เหมือนกับว่าฝนจะตกในอีกไม่ช้า เกดเดินไปอย่างเหม่อลอย ภาพผู้หญิงคนนั้นซบไหล่ของโจมันช่างตรึงในใจเธอจริงๆ
“เราควรทำยังไงดีนะ คำว่าเพื่อนหนอคำว่าเพื่อน จะให้บอกไปดีมั๊ยนะว่าเรารู้สึกอย่างไร แต่ว่าเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว จะให้พูดออกไปยังไงดี เอาเถอะขอให้เขามีความสุขเราก็น่าจะดีใจแล้วล่ะ” เกดยิ้มทั้งน้ำตา ฝนได้ตกลงแล้วราวกับจะร้องไห้ให้กับเธอก็ไม่ปาน...
to be continues
ความคิดเห็น