ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EVENT : เก่งทะลุฟ้าล่าทะลุมิติ

    ลำดับตอนที่ #6 : บันทีกบทที่ 5: สายตาจากความมืด (เตรียมพิมพ์)

    • อัปเดตล่าสุด 30 ส.ค. 52


    บันทึกบทที่ 5 :

         วันอันแสนเหนื่อยได้ผ่านไปในที่สุด   ความรู้สึกของโจเหมือนวันนี้นานเป็นอาทิตย์ก็ไม่ปาน  กว่าจะวิ่งรอบที่ร้อยเสร็จก็สองทุ่มกว่าแล้ว  โจเดินกลับหอพักหลังจากหาข้าวผัดกระเพาที่ร้านอาหารตามสั่งตรงข้ามหอพักกิน    ขาของเขาหนักอึ้งไปหมด   กว่าจะขึ้นถึงชั้นที่โจอยู่ก็แทบคลาน   การวิ่งร้อยรอบนี่หนักเอาเรื่องเหมือนกัน  เขาคิดในใจ  

      โจเดินไปยังห้องของตนก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง  ความรู้สึกของเขาเหมือนมีใครมองอยู่    แต่พอหันไปมองรอบๆก็เห็นแต่ความเงียบและว่างเปล่า    มีเพียงแสงไฟจากริมทางเดินเท่านั้น   ตัวเขาคงคิดไปเองแน่ๆ  เขาเลิกใส่ใจเพราะตอนนี้ขอให้หัวถึงหมอนก็พอ    เสียงพูดคุยดังออกมาจากห้องพักเป็นระยะ   ตอนนี้ห้องพักแต่ละห้องคงมีนักเรียนเข้ามาพักกันมากพอสมควรแล้ว เทียบกับตอนที่เขามาอยู่แรกๆไม่ได้เลย   

    เมื่อเปิดประตูห้อง ก็พบว่ามีคนมาแล้ว  ใครพักกับเรานะ  โจพูดกับตัวเอง  

    อ่าว ทำไมโรงเรียนมันกลมอย่างงี้เนี่ย ว่าไง   คนที่นอนอยู่บนเตียงทัก  ไม่ใช่ใครอื่นเขาคือชัยที่นั่งอยู่หลังโจนั่นเอง

    ฮะ ฮะ  วันนี้มีแต่เรื่องบังเอิญแหะ  โจยิ้มทัก   ว่าแต่นายเป็นนักกีฬาไรวะนี่

    วิ่ง สี่คูณร้อย น่ะ กว่าจะสอบเข้าได้ก็ลากเลือดเลยแหละ   โชคดีนะวันนี้โค้ชไม่มาเลยได้กลับมาพักเร็ว   ว่าแต่นายว่าป่ะว่าห้องพักที่นี่หรูใช้ได้เลย  ชัยกลิ้งบนเตียง

    โจไม่พูดพล่ามทำพลงต่อล้มตัวลงนอน  เสียงชัยชวนคุยโน่นคุยนี่สารพัด แต่โจก็ได้แต่รับคำไปผ่านๆ เพราะตัวเขาแค่จะขยับปากพูดคุยก็รู้สึกขี้เกียจแล้ว   เสียงชัยเริ่มผ่านทะลุหูซ้ายออกหูขวาเบาลงทุกที  แสงไฟในห้องก็เริ่มถูกแทนที่ด้วยม่านสีดำจนปิดสนิท เขาหลับลงด้วยความเหนื่อยอ่อนโดยที่ไม่รู้ตัว...  

    โจ โจ   โจโดนใครเขย่าตัวพร้อมกับเสียงใสๆเรียกขึ้น   เมื่อเขาลืมตา ก็พบว่าตัวเขาอยู่กลางความมืดสนิท  คนที่เขย่าตัวเขาก็คือผู้หญิงที่โจเคยเห็นในฝันนั่นเอง   เธอยังคงอยู่ในชุดสีเหลืองเช่นเดียวกับวันที่โจเห็นครั้งแรก ใบหน้าเธอมัวหมองไปด้วยคราบน้ำตาแต่ก็ไม่ทำให้ความน่ารักของเธอลดลงแม้แต่น้อย เมื่อเธอเห็นโจลืมตาก็สวมกอดโจทันที   เขารู้สึกเขินๆทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลูบหลังเธอตอบ  พลางนึกในใจว่าวันนี้คงเป็นวันที่เขาฝันดีมากแน่ๆ                                             

    เธอกอดโจแน่น  อือ อือ  ชั้นคิดว่าเธอจะไม่ฟื้นมาอีกแล้ว  เธอสะอื้น

    โจรู้สึกงุนงง  ว่าเป็นเรื่องอะไรกัน  แต่ก็ไม่คิดจะหาคำตอบต่อ เพราะตอนนี้เขารู้เพียงอย่างเดียวว่าเมื่อโจเห็นเธอร้องไห้แล้วเขาก็รู้สึกเศร้าตามก็เท่านั้น  แม้ทำอะไรไม่ถูกแต่เขาก็ลูบหลังเธอเป็นเชิงปลอบเพื่อหวังว่าจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น       พลางมองไปรอบด้านก็พบว่าเขายังคงอยู่บนกำแพงเมืองที่เขาเคยเห็นในฝันเหมือนครั้งที่แล้ว  แต่ว่าสภาพเต็มไปด้วยไฟลุกไหม้  ตอนนี้ทหารบนกำแพงกำลังวุ่นกับการขนย้ายคนเจ็บ  และศพบนกำแพง  สงสัยว่าสิ่งที่ว่าเป็นฝันดีคงต้องคิดใหม่            เสียแล้ว 

    คุณหนูขึ้นมาทำอะไรบนนี้  รีบลงไปเร็ว   เสียงดังมาจากด้านหลังของโจ

    อือ อือ  ไม่อ่ะชั้นจะอยู่กับโจ   เธอยังคงสวมกอดโจแน่นจนโจทำอะไรไม่ถูก   แต่ว่าอัศวินจากด้านหลังเขาช่วยกันดึงเธอออกมา   โจจึงยกมือขึ้นห้าม

    แต่ว่าโจคับ  ตื่นเหอะคับ  อ่าวอะไรกันคนละเรื่องแล้ว  นี่ตัวเขาก็ตื่นอยู่นะ โจบ่นในใจอย่างหงุดหงิด                   ผมแค่อยากให้พวกคุณอย่าบังคับเธอก็แค่นั้น  นี่พูดเรื่องอะไร

    อัศวินยังคงพูดเช่นเดิม ไอ้คุณโจคับ   บังค๊งบังคับอะไรตื่นเหอะคับ  อัศวินยังคงพูดแบบเดิม จนกระทั้งโจรู้สึกเหมือนโดนยันด้วยอะไรบางอย่าง   เขารู้สึกวูบและเจ็บที่ศีรษะ  

    อูย นี่มันอะไรกันนี่  โจครวญ  พอลุกขึ้นก็พบว่าตัวเขาอยู่ข้างเตียง  

    ชั้นปลุกตั้งนานแล้ว  ไม่ลุกเลยนะเห้ย   จะ 8 โมงแล้วทำเอาฉันสายไปด้วยนะเนี่ย เลยใช้พระบาทช่วย ชั้นไปก่อนนะเว้ยรีบไปล่ะเดี๋ยวก็ซวยแบบวันแรกอีกหรอก  ชัยบ่นอุบ  อยู่ในชุดเตรียมพร้อมไปเรียนเรียบร้อย

    โจสะดุ้งลุกขึ้นยืนอัตโนมัติหลังจากได้ยินคำว่าจะ 8 โมงแล้ว   ลืมเคืองชัยที่ยันเขาตกเตียงสนิท   เมื่อเหลือบดูนาฬิกาก็พบว่าเวลา 7.50  อีกแล้ว! รู้สึกว่าตัวเขาเองจะถูกกับเลขนี้เสียจริงๆ  

                 โจไม่ได้อาบน้ำ  เพียงแค่เอาน้ำลูบหน้ากับแปรงฟัน และแต่งตัวทันที   การนอนเร็วเมื่อวานไม่ได้ช่วยทำให้รู้สึกดีแม้แต่น้อย เพราะตัวเขารู้สึกราวกับไม่ได้นอนตลอดคืน   โดยเฉพาะช่วงวันสองวันที่ผ่านมา   ความฝันที่โจฝันล้วนแต่เหมือนกับเรื่องราวที่ต่อกัน และสมจริงยิ่ง  เพราะเขาจำทุกรายละเอียดในฝันได้  จนเขายังรู้สึกสับสนในเวลาที่เขาตื่นกับฝันอยู่อย่างไหนเป็นความจริงกันแน่   อย่างเช่นเมื่อคืนความรู้สึกเหมือนโดนคนกอดมายังไม่หายไป  แต่เขาก็ไม่มีเวลาคิด            เรื่องนี้มากนัก  เพราะแต่งตัวเสร็จก็ต้องวิ่งลงจากหอเพื่อไปโรงเรียนให้ทันก่อนเวลาเรียกแถว  

    โจพยายามวิ่งให้เร็วที่สุด ถึงแม้ขาเขาจะปวดขาจากการวิ่งอย่างหักโหมตั้งแต่เช้าที่ตึก ผ.อ. และจากการลงโทษของโค้ชเมื่อวาน  แต่ด้วยเวลาที่บีบเข้ามาทำให้เขาลืมความเจ็บปวดสิ้น ขาเขาก้าวอย่างลืมปวด  เมื่อฝ่านหน้าหอหญิงทำให้เขาอดคิดถึงเด็กผู้หญิงที่เขาเจอเมื่อวานนี้ไม่ได้   โจรู้สึกอยากเจอเธออีกครั้งจริงๆ   เขาเคลิ้มแต่ก็ต้องตื่นจากห้วงความคิด เพราะอาจารย์หน้าเหี้ยมคนเดินมองดูเวลาเตรียมจะปิดประตูแล้ว 

    หวัดดีคับ  โจยกมือไหว้ ซึ่งทันเวลาพอดิบพอดี 

    อาจารย์เหมือนจะจ้องมองโจราวกับจะบอกว่า ”วันนี้รอดตัวไปนะ”  ก่อนจะปิดประตูโรงเรียน

    โจต้องลอบร้องว่าโล่งในใจ ถือว่าวันนี้เป็นวันที่โชคดีอีกวัน เขาหวังว่าความโชคดีคงเหมือนกับความโชคร้ายที่เกิดแล้วจะมีตามมาอีก 

    ตลอดทั้งเช้าดูเป็นวันปกติสำหรับโจจริงๆ อย่างน้อยก็คนละเรื่องกับเมื่อวานที่แทบจะทำให้เขาไม่มีเวลาพักหายใจ   หากไม่นับเรื่องการโดนปาช็อกจากอาจารย์เลข  เนื่องจากโจสับปะงกในตอนเรียนกับการตีของเกดเพราะเผลอเอาหัวไปซบไหล่เธอไปหลายที   อาจารย์เลขวันนี้ดูจะไม่ค่อยหาเรื่องเขาเหมือนเมื่อวาน เพราะคงเสียดายช้อกที่คว้าง           แต่อาจารย์ก็อดพูดกึ่งคาดโทษไม่ได้   “หากแปรงลบกระดานมีหลายแปรง ชั้นคงคว้างหัวเธอไปแล้ว”  อาจารย์พูดหลังจากคว้างช้อกใส่โจเป็นแท่งที่สิบ  

       วันนี้โจง่วง  ซึ่งเป็นการง่วงที่สุดตั้งแต่เขาจำความได้ว่ารู้สึกง่วง  เขาเตรียมพร้อมที่จะสติขาดได้ทุกเมื่อ            หลายครั้งที่โจพยายามฝืนโดยเฉพาะวิชาเลขที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนความพยายามของเขาดูจะเปล่าประโยชน์ เพราะเวลาหลับเขาหลับโดยที่ไม่รู้ตัวจริงๆ หากไม่ใช่โดนเกดตีหรือว่าโดนช้อกคว้างเขาคงจะหลับยาว  ดีที่เมื่อโจงีบหลับความฝันที่โจฝันต่อเนื่องนั้นไม่ผุดขึ้นมาอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงรู้สึกง่วงหนักกว่าเดิม

    นี่ๆทำการบ้านเลขยัง เกดสะกิดหลังจากดโจสับปะงกเป็นรอบที่ยี่สิบ

    เขาอ้าปากค้าง เพราะลืมสนิทว่าเลขสั่งการบ้านส่งเช้าวันนี้   ตายล่ะลืม โจเกาหัวแกรกๆอย่างอับจนปัญญา 

    อ๊ะ เอาไป๊ทำเองคงไม่ทันแล้วล่ะ  เกดหยิบแบบฝึกหัดจากกระเป๋ามาให้โจ 

    นี่เกดรู้ตัวป่าว” เขารับและมองเกดด้วยสีหน้าจริงจัง

    “อะไร” เกดทำสีหน้างงๆ

     “ว่าวันนี้เธอเหมือนนางฟ้าเลย  โอ้ยโจกุมแขนที่ถูกเธอหยิกน้อยๆทีหนึ่ง 

    “ถ้าปากเก่งเหมือนเรียนก็ดีดิ๊”   เกดอดค้อนโจทีหนึ่งไม่ได้    

    ชัยที่นั่งด้านหลังหัวเราะท้องแข็ง กับท่าทางของทั้งสองคน                                                                                               

    โจรีบปั่นตลอดสองคาบเรียนตอนเช้า  เสร็จทันเวลาอย่างไม่น่าเชื่อ  ตัวเขาเขียนได้เร็วขึ้นคงเป็นผลมาจากแบบฝึกหัดประวัติศาสตร์ยุโรปเมื่อวาน  เพราะเขาเขียนไปทั้งหมด 10 หน้าเต็มๆ  

    ติ๊ง! ต๊อง! เสียงสวรรค์ที่โจรอมานานดังขึ้น  ได้เวลาพักกลางวัน แล้ว    ท้องเขาครวญหนักเพราะไม่ได้กินอะไรเลยตอนเช้า    โจเดินลงไปหาอะไรกินพร้อมชัย  ส่วนเกดขอแยกตัวไปอีกทางหนึ่ง

       โรงอาหารของโรงเรียนเต็มไปด้วยอาหารสารพัด  ถ้าไม่นับอาหารหรูๆ  อย่างอาหารฝรั่งเศสล่ะก็ บอกได้เลยว่ามีครบครัน   ที่นั่งเป็นโต๊ะยาวติดกัน  แบ่งเป็นห้าแถว   หลังจากโจหาซื้อข้าวหน้าหมูทอดร้านญี่ปุ่นแล้ว  ก็เดินไปหาที่นั่ง

    เห้ นายเซ่อ  เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากไกลๆ 

    เบื้องแรกโจนึกไม่ออกว่าเป็นเสียงใคร แต่เมื่อเขาหันไปมองอีกครั้งก็ทำให้เขาถึงขั้นตัวแข็งทื้อ หัวใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอคนนั้นน่ะเอง!  ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันที่นี่   ตัวโจดูเหมือนจะเสียการควบคุมโดยที่ไม่รู้ตัว  ซึ่งเขาเองไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน  จะว่าเป็นความรู้สึกดีใจที่พบหรือว่าอย่างไรตัวเองก็ไม่อาจอธิบายได้ถูก      

     วันนี้เธออยู่ในชุดนักเรียนแขนยาวเช่นเดียวกับวันแรก  แต่วันนี้มัดผมโบสีฟ้าทำให้ดูน่ารักจนโจเหม่อมองอย่างลืมตัว    เธอยกมือเรียกโจห่างออกไปสองแถวพร้อมกับเรียกอีกครั้ง  ทำให้เขาได้สติว่าตอนนี้ยืนขวางทางอยู่ และมี             รังสีอมหิตมากมายเพ่งเล็งมาจากด้านหลัง เพราะแถวได้ติดขัดยาวตรงโจคนเดียว  เขาได้แต่หันไปยิ้มขอโทษอย่างอายๆก่อนจะเดินไปหาเธอคนนั้น     พลางนึกในใจ วันนี้สงสัยจะเป็นวันดีจริงๆด้วย

    ไง โจทัก   ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม  มะ มา กะ กินคนเดียวเหรอคำพูดตะกุกตะกักอย่างที่ไม่เคยพูดมาก่อนหลุดออกมาจากปาก  โจนึกเจ็บใจตัวเองไม่น้อยที่ทำท่าเปิ่นๆเมื่อครู่และยังพูดอย่างงี้ออกไปอีก

    ป่าวหรอกเดี๋ยวเพื่อนฉันก็มา  แต่ว่าต้องมานั่งจองโต๊ะอ่ะ  น่าสงสารตัวเองจังเลยเนอะ  ยังไมได้กินไรเลย  เธอทำหน้าตาปริบๆ ยิ้มอย่างเป็นกันเอง    โจตะลึงนิ่งอึ้งไปพักหนึ่งที่เห็นรอยยิ้มนี้  เหมือนกับว่าอยากจะเก็บภาพนี้ไว้นานๆ  วันนี้ยิ่งมองก็ยิ่งคิดว่าทำไมดูเธอน่ารักกว่าเมื่อวานที่เจอกันอีก

     แน่ะๆ  ชอบเงียบจังนะเธอเนี่ย เธอค้อนใส่ “หรือว่าไม่ชอบที่มานั่งกะเรา”

    โจหัวเราะแก้เก้อ เขาอยากจะบอกว่า”ก็ชอบทุกอย่างที่เป็นเธอน่ะครับจะไม่ชอบได้ไง” แต่ปากมันไม่กล้าจึงเปลี่ยนเป็น ปะ เปล่า เอาของเราไปกินก่อนสิเดี๋ยวไปซื้อใหม่กะ ก็ได้นะ 

    เธอยิ้มหวาน  คิดตังป่ะละ อิ ๆ 

    ไม่คิดก็ได้ ถือเป็นอาหารขอบคุณเมื่อวานไง    โจยื่นข้าวหน้าหมูทอดให้ พร้อมกับแอบมองหน้าเธออีกครั้ง และรีบเบือนสายตาไปทางอื่นเมื่อเธอมองเขาตอบ  ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่กล้าสบตาเธอตรงๆ ซึ่งกับคนอื่นที่เคยพบก็ไม่เป็น playSound(); showPoll();

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×