ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EVENT : เก่งทะลุฟ้าล่าทะลุมิติ

    ลำดับตอนที่ #11 : บันทึกบทที่ 10: ข้อเสนอ (เตรียมพิมพ์)

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 52


    บันทึกบทที่ 10 :
          โจรู้สึกตัวอีกทีทุกสิ่งรอบๆก็มืดสนิท  เป็นความมืดที่เหมือนกับที่เขาเห็นในฝันเมื่อคืน  ความมืดที่ว่างเปล่าไม่เห็นแม้แต่ฝ่ามือของตนเอง  นี่ตัวเขาคงกำลังฝันอยู่เป็นแน่โจคิดในใจ   ภาพสุดท้ายที่เขาจำได้ก่อนสติดับไปคือ แสงแดดจ้าที่ส่องเข้าตา  และลูกที่กำลังตกลงมาเป็นภาพซ้อนพอดี   โจไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ว่าทำไมเจ้าฝันประหลาดนี้ถึงเกิดในช่วงนี้  

    เขาพยายามหยิกตัวเอง  แม้จะรู้สึกเจ็บแต่ว่าตัวเขาก็ยังคงอยู่ในที่เดิม  เมื่อโจลองตะโกน   เสียงสะท้อนไปไกลราวกับตัวเขาอยู่ในหุบเขาสะท้อนไปมา   และจบลงด้วยความเงียบ  ไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมา    เมื่อคิดจะเดิน  เขาก็ไม่รู้จะเริ่มจากทิศใดเพราะเป็นความมืดที่มองไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น   แต่โจก็ต้องเดินเพราะว่าอย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ

      ตัวเขานั้นไม่รู้ว่าทางเดินที่เขาเดินอยู่นี้จุดหมายจะพาไปยังที่ใด  ความรู้สึกเขาเหมือนกับทางเดินที่ยาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด  เพราะโจมองไม่เห็นแม้แต่มือและเท้าของเขาเองด้วยซ้ำอย่าว่าแต่รอบข้างเลย   จะมองไปทางไหนก็มีเพียงความมืด  

    เขาไม่รู้ว่าตัวเองได้เดินมาไกลเพียงไรแล้ว   รู้แต่เพียงว่าความรู้สึกเหมือนเดินมานานมากเป็นวันๆ   หรือจะบอกว่านานที่สุดตั้งแต่เขาจำความว่าเดินเป็นเลยก็คงไม่ผิดนัก    เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นใบหน้าโจ   ขาของเขาเริ่มรู้สึกหนักขึ้นทุกทีๆ   เดินไปพลางก็บ่นในใจไปพลางว่าเมื่อไหร่กันที่เขาจะออกจากที่แห่งนี้ได้ ความเหนื่อยทั้งกายและใจ  ทำให้เขาเริ่มก้าวต่อไปไม่ไหว  ในที่สุดเขาก็ทรุดลงนั่งลง 

    ผู้ถูกเลือกเอย  เวลาของเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว  เสียงผู้หญิงเย็นๆเสียงหนึ่งลอยมา 

    โจจำได้ว่าเสียงนี้คือเสียงที่โจได้ยินในความฝันเมื่อคืน    คุณเป็นใครกันครับ โจตะโกนสุดเสียงถามขึ้น

    แผ่นดินแห่งความหวัง   และวันเวลาที่อาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก รอเจ้าอยู่...  เสียงนั้นยังคงพูดต่อโดยไม่สนใจคำถามโจแม้แต่น้อย

    ที่คุณพูดคืออะไร  โจร้องถามอีกครั้ง  เสียงของเขาตอนนี้แถบไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมาจากลำคอเลย   ทำไมตัวเขาถึงรู้สึกเหนื่อยเช่นนี้นะ   แม้แต่พูดก็ขยับปากลำบากแล้ว โจนึกเจ็บใจตัวเอง    

    วันเวลาของเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว....  เสียงนั้นขาดหายไป

    แม้เขาอยากจะถามอะไรต่อเสียงของเขาก็ไม่มีแล้ว    โจจึงคิดจะล้มตัวลงนอนพัก แต่เขากลับรู้สึกเหมือนกับมีใครกำลังเขย่าตัวอย่างแรง  

    โจๆ    เสียงที่เขาคุ้นเป็นอย่างดีเรียก    โจลืมตาขึ้นมองโดยรอบก็พบว่าเขาอยู่นอนบนเตียงในห้องสีขาวห้องหนึ่ง คนที่เรียกเขาไม่ใช่ใครอื่นโค้ชนั่นเอง   สีหน้าโค้ชในตอนนี้ซีดกว่าปกติ  แม้ทุกทีหน้าของเขาจะดูซีดอยู่แล้วก็ตาม  

    โชคดีนะที่เธอไม่เป็นอะไร   โค้ชถอนหายใจเฮือกหนึ่ง  ทุกคนเป็นห่วงเธอมาก  โค้ชบอกเธอแล้วว่าก่อนแข่งยังไงก็ต้องพักให้เต็มที่

    เมื่อโจได้ยินคำว่าการแข่ง   เขาพึ่งนึกออกว่าตัวเขานั้นกำลังจะแข่งรอบคัดเลือกอยู่ จึงพยายามลุกขึ้น                                 โค้ชครับ การแข่ง...      โจพยายามลุกจากเตียงแต่โค้ชก็ดันไหล่โจไม่ให้โจลุกขึ้น

    เธอต้องพักผ่อน   ส่วนการแข่งนั้น  โค้ชส่ายหน้า  เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอกทำใจให้สบายพักผ่อนให้มากๆ    โค้ชฝืนยิ้มอย่างเครียดๆ

    แม้โค้ชจะไม่ได้บอกว่าเป็นอย่างไร  แต่โจก็รู้แก่ใจดีว่าตัวเขาคงแพ้บายไปแล้ว  เพราะเป็นธรรมดา เมื่อนักกีฬาสภาพร่างกายไม่พร้อมก็ต้องถอนตัวจากการแข่ง    ทีนี้ตัวเขาจะทำอย่างไรต่อไปดีล่ะ  สัญญาที่ทำไว้กับ ผ.อ.  จะเป็นยังไงต่อไป เขาไม่อาจผ่านได้แม้กระทั้งรอบคัดเลือกรอบแรก    ดังนั้นจึงไม่อยากจะคิดถึงสิ่งที่จะตามมา

    เออ..โค้ชครับ  แล้ว ผ.อ.  โจมองไปที่โค้ช   ด้วยสายตาที่เลื่อนลอย

    ผ.อ.ทราบเรื่องแล้วล่ะโจ   ท่านว่าเดี๋ยวจะคุยกับเธอเอง  โค้ชยังคงยิ้ม   นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่โจรู้จักกับโค้ชมา  ที่เห็นเขายิ้มแบบนี้   หากโค้ชทำหน้าซีดเสียวเหมือนปกติโจยังรู้สึกดีกว่าที่เขายิ้มเช่นนี้  เพราะเป็นรอยยิ้มที่โจรู้สึกว่าเขาฝืนยิ้มให้โจนั้นรู้สึกดีขึ้น  

    ก๊อก ! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น   พร้อมกับเปิดประตู  ผู้ที่มาเป็นคนที่โจทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอที่สุดในเวลาเดียวกัน   คนที่จะบอกถึงอนาคตของเขาต่อไปเดินเข้ามาแล้ว  

    ผ.อ.ในชุดสูทสีดำเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าเคร่งขรึม  หนวดสีขาวทำให้ใบหน้าของผ.อ.ดูเคร่เครียดมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว    ผ.อ.เดินเข้ามาพร้อมกับอาจารย์หญิงคนเดิมที่โจเจอในห้องผ.อ.วันแรก เธอขยับแว่น  เดินตามผ.อ.เข้ามาพร้อมกับหนังสือเล่มใหญ่

             ภายในห้องแม้จะมีแอร์เย็นสบาย  แต่ว่าโจกลับรู้สึกว่าห้องนี้อากาศอึดอัด  ร้อนเป็นไฟ   เหงื่อตามใบหน้าผุดขึ้นมา ไม่ขาดทั้งที่แอร์ก็เปิดจนเย็นฉ่ำ   ใจของโจนั้นร่วงลงไปถึงตาตุ่ม   ความรู้สึกโหวงๆที่ท้องนี่มันคืออะไรกันนะ   เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าผู้ที่กำลังจะโดนประหารมีความรู้สึกเป็นเช่นไร

    ผ.อ.และอาจารย์หญิงเดินมายืนข้างโค้ช   โจยกมือไหว้สวัสดี  แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะไม่ค่อยใส่ใจเท่าไรนัก ผ.อ.และอาจารย์คนนี้คงไม่ได้มาเพื่อเยี่ยมอาการป่วยของเขาเป็นแน่   เพราะสีหน้าของทั้งสองคนไม่ได้บอกเช่นนั้นเลย

    โจ ครูผิดหวังในตัวเธอนะ  ผ.อ.ลูบหนวด  ครูไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนที่หลีกหนีปัญหาเอาตัวรอด มากกว่าจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง 

    เออแต่ว่า..โจเขา  โค้ชพยายามพูดแทรก แต่ผ.อ.ยกมือห้ามไว้  

    เธอยังจำสัญญาที่ให้กับฉันได้ไหม  ผ.อ.จ้องเขม็งไปที่โจ

    จำได้ครับ  ผมขอโทษจริงๆนะคับ    โจยกมือไหว้ขอโทษ ขอโอกาสให้ผมเถอะครับ 

    ดูเหมือนว่าคำขอโทษของโจจะไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเลย   ผ.อ.  ไม่เพียงรับคำขอโทษ  สีหน้าของผ.อ.ยังเครียดกว่าเดิม

    โอกาสสำหรับคนทำผิด  หนึ่งครั้งก็เกินพอแล้ว  จริงๆแล้วเธอต้องถูกไล่ออกตามกฏ  ผ.อ.หันไปทางอาจารย์หญิง

    เธอเปิดหนังสือเล่มใหญ่และกล่าวขึ้นอีกครั้งย้ำว่า  “1.มาสาย ในวันเปิดเรียนวันแรก   ผิดข้อบังคับหน้า 1 ข้อ 3  2. หลบอาจารย์ไม่ยอมมารายงานตัว ผิดข้อบังคับหน้า 1 ข้อ 8   3.  แอบอ้างตัวเป็นผู้อื่นผิดข้อบังคับหน้าที่ 3  ข้อ 4    โทษทั้งหมดรวม 3 กระทง   กระทงที่หนึ่งมีโทษให้ทำทัณฑ์บนไว้   กระทงที่สองให้ตัดคะแนนความประพฤติ  และกระทงสุดท้ายแอบอ้างตัวเป็นผู้อื่นมีทั้งโทษทางอาญาตามกฏหมาย  อนึ่งเนื่องจากเหตุเกิดในโรงเรียนจึงตัดสินให้พ้นสภาพนักเรียนแทน   ทางโรงเรียนจะไม่นำเรื่องนี้แจ้งความแต่อย่างใด

    เสียงอาจารย์หญิงคนนี้พูดด้วยโทนเสียงเหมือนวันที่โจได้ยินวันแรก   เธอพูดราวกับเรื่องธรรมดาที่นักเรียนคนหนึ่งกำลังจะถูกไล่ออก   โจฟังเธอพูดอย่างเลื่อนลอย   นี่ตัวเขาจะต้องจบสิ้นแค่นี้หรือ  

    เออ ผ.อ.  สุขภาพโจไม่ดีจริงๆนะครับ   โค้ชพยายามขอร้องแทน 

    ถ้าคุณช่วยแก้ตัวคุณจะมีความผิดไปด้วยนะโค้ช   กฏต้องเป็นกฏไม่อย่างงั้นการปกครองก็จะเสีย “  ผ.อ. หันไปทางอาจารย์หญิง พยักหน้าเป็นสัญญาณ

    เนื่องด้วย นาย นพภัทร ชิงชิดดี  ทำความผิดดังที่กล่าวมา  ทางโรงเรียนได้ให้โอกาสทำคุณไถ่โทษแล้ว  แต่นายนพภัทรก็ไม่ได้สำนึกในความผิด   กลับพยายามหลีกเลี่ยงปัญหา โดยการแกล้งป่วย   ในนามของโรงเรียน ขอตัดสินให้นายนพภัทร พ้นสภาพนักเรียนตั้งแต่บัดนี้ไป.... 

     เสียงอาจารย์อ่านคำพิพากษา  ลอยมาวนเวียนในหัวโจไม่อย่างไม่สิ้นสุด   แม้คนให้ห้องจะกลับไปหมดแล้วก็ตาม โจพยายามอ้อนวอน ผ.อ.  แต่ ผ.อ.ก็ไม่เชื่อและฟังในสิ่งที่โจพยายามบอกเลยแม้แต่น้อย   เขาคงโทษใครไม่ได้คงต้องโทษความซวยของตัวเอง  ตั้งแต่ที่เขาเข้าโรงเรียนแห่งนี้ได้  ครอบครัวของโจก็จัดการฉลองยกใหญ่   เพราะถ้าสามารถเข้าโรงเรียนนี้ก็ไม่ต้องห่วงอนาคต   ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาอาชีพ  หรือจะเข้ามหาลัยดีๆก็ได้    

    เขานั้นอยากวาดฝันว่าการมาเรียนที่แห่งนี้จะเป็นจุดเริ่มแห่งฝันในการเป็นนักเทนนิสระดับโลก   แต่ความฝันของโจยังไม่ทันที่จะเริ่ม   ก็กลายมาเป็นสิ้นสุดด้วยเวลาเพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น   นับตั้งแต่เกิดฝันแปลกๆ  ความซวยก็ประดังเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย   นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขากันแน่    

    โจได้แต่คิดทบทวนตัวเองไปมา   น้ำตาที่เขาพยายามข่มไม่ให้ไหล  กลับนองใบหน้าไม่ขาด   สิ่งที่เขาได้รับตอนนี้มันช่างหนักสำหรับชีวิตนักเรียน ม.ปลายคนหนึ่งจะรับได้จริงๆ  คำว่า ไล่ออกๆ ๆยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่หาย                    แล้วตัวเขาจะไปทำอะไรต่อไปดี

    ก่อนที่โค้ชจะออกจากห้อง  โค้ชได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าๆ  โจพึ่งรู้ตอนนี้เองว่าโค้ชที่โจเห็นว่าเหมือนยักษ์ในตอนแรกนั้น กลับเป็นคนที่ห่วงโจที่สุดในตอนนี้  

    เธอพักที่นี่ให้หายสะก่อนนะ  เดี๋ยวโค้ชจะพยายามพูดกับ ผ.อ.อีกที  โค้ชยิ้มก่อนจะจากไป   เป็นรอยยิ้มที่ไม่เข้ากับใบหน้าของโค้ชเลย แต่ก็ถือว่าเป็นรอยยิ้มที่ดีที่สุดตั้งแต่โจเห็นรอยยิ้มในโรงเรียนนี้ เพราะเขาสัมผัสได้ในความจริงใจที่ส่งผ่านออกมา

    แม้โค้ชจะให้ความหวังเล็กๆ  แต่โจก็รู้ดีว่าคงเปล่าประโยชน์อยู่ดีเพราะผ.อ.ไม่ใช่คนที่จะฟังใครอยู่แล้ว   เขาเดินออกจากห้องอย่างไร้จุดหมาย  ที่ที่เขาอยู่นี่คงเป็นโรงพยาบาลที่ไหนสักที่หนึ่งแน่   มีนางพยาบาล และคนใส่ชุดคนป่วยเดินสวนโจตลอดทาง   ทางเดินที่เขาเดินเป็นทางเดินสีขาวยาว  สุดทางมีป้ายเขียนบันไดหนีไฟอยู่  โจเดินเข้าไปยังทางบันไดหนีไฟ   เขาขึ้นบันไดที่วกวนไปมาอย่างไร้จุดหมาย  หัวของโจตอนนี้ขาวโพลนไปหมด   ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรด้วยซ้ำ  โจไม่รู้ว่าตัวเองขึ้นบันไดมาทั้งหมดกี่ชั้น   ไม่รู้ว่านานเพียงไรที่เขาเดินขึ้นบันไดนี้  แต่โจก็ได้มาถึงชั้นบนสุดของบันได 

    โจเปิดประตู  เดินออกสู่ภายนอก  ชั้นบนสุดที่บันไดพามาถึงก็คือดาดฟ้าของตึกนี้   เวลานี้เป็นเวลาใกล้ค่ำเต็มทีแล้ว   แสงอาทิตย์ก็เริ่มหายไปจากขอบฟ้า  ไฟจากตึกต่างๆเริ่มส่องสว่าง   หากเขาไม่ได้เจอเหตุการณ์ร้ายๆมา ก็คงเห็นว่าภาพนี้เป็นภาพที่ชวนให้อารมณ์เพลิดเพลินไม่น้อย    โจได้แต่เกาะขอบรั้วที่กั้นขอบของดาดฟ้าตึก     มองไปข้างล่างอย่างไร้ความหมาย   เขาคิดในใจว่าหากเขากระโดดลงไปเขาก็คงไม่ต้องแบกรับความเศร้าเช่นนี้ต่อไปอีก   เขาเริ่มปีนขี้นไปยืนขอบรั้ว   ลมแรงพัดปะทะใบหน้าโจแรงขึ้นเมื่อเขามายืนด้านบน    เมื่อโจมองข้างล่างเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะวูบๆควบคุมตัวเองไม่ได้   เมื่อเขาคิดที่จะก้าวลงทางเดิม ก็ไม่ทันเสียแล้ว   พอโจยกขาจะก้าวลง  แรงลมที่ปะทะและสติที่ยังไม่ฟื้นดีของเขาทำให้ก้าวพลาด  หน้าขะมำไปข้างหน้า   เท้าของเขาตอนนี้ไม่มีพื้นอะไรรองรับทั้งสิ้น มีแต่เพียงอากาศธาตุเท่านั้น

    ตัวโจตกวูบลงอย่างเร็ว  แต่เขาก็รู้สึกเหมือนกับมีใครคว้ามือขวาโจไว้ กระตุกอย่างแรงตามแรงโน้มโถ่งของโลกและแรงดึงของแรงปริศนานั้น   โจรู้สึกเหมือนกับโดนกระชากและเหวี่ยงอย่างแรง   รู้สึกตัวอีกทีเขาก็กลิ้งขลุกๆที่พื้นแล้ว  

    เธอนี่ช่างสิ้นคิดจริงๆนะ  นี่ถ้าฉันมาไม่ทันป่านี้นะ.. ชายคนที่ฉุดโจขึ้นมากล่าว   แม้จะมองไม่ชัดเพราะดาดฟ้าตอนนี้มืดแล้ว  แต่ก็มองออกว่าเป็นคนที่รูปร่างสูงใหญ่  และเป็นชาวต่างชาติ   ที่พูดภาษาไทยได้คล่องมาก  เขาอยู่ในชุดสูทเนตไทด์สีดำ   ผมหยิกยาวประบ่า  

    ขอบคุณคับ  โจลุกขึ้นปัดฝุ่นที่ตัว  เดิมทีผมคิดจะกระโดดแต่ว่าเปลี่ยนใจก้าวพลาดน่ะคับ ดีที่คุณช่วยไว้ทัน

    ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้โจ แสงไฟจากทางเข้าตึกได้สะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าของเขา ซึ่งจัดว่าเป็นฝรั่งที่หน้าตาดีคนหนึ่ง  อายุไม่น่าจะประมาณ 20 กว่าๆเท่านั้น   แต่กลับรูปร่างสูงใหญ่และแข็งแรงราวกับนักกีฬามวยปล้ำ

    จะพูดยังไงดีนะ   ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกที่ผมได้มาอยู่ที่นี่   ชายคนนั้นกล่าวขึ้นสีหน้าเรียบเฉย  

    หมายความว่าไงครับ  โจงงกับคำพูดของเขา  หรือว่าคุณมาเดินเล่นแถวนี้

    ไม่ใช่  ผมเป็นคนติดตามคุณต่างหากล่ะ  ชายคนนั้นจ้องโจเขม็ง  นัยย์ตาสีฟ้าของเขาให้ความรู้สึกลึกลับสุดหยั่ง

    เออ ผมเป็นแค่เด็กม.ปลายที่โดนไล่ออก  มีอะไรให้ติดตามครับ  ไม่ใช่ลูกนายกนะ

    ชายลึกลับหัวเราะ บางทีเธออาจสำคัญกว่าลูกผู้นำเสียอีก  จะว่ายังไงดีนะ  เรามาเข้าเรื่องกันก่อนดีกว่า   มิสเตอร์ นพภัทร  คุณสนใจจะย้อนเวลาไหมล่ะ.... ชายคนนั้นยื่นมือมาที่โจ...
    to be continues

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×