ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EVENT : เก่งทะลุฟ้าล่าทะลุมิติ

    ลำดับตอนที่ #9 : บันทึกบทที่ 8: วันอันมืดมน (เตรียมพิมพ์)

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 52



    บันทึกบทที่ 8 :

    เธอยังคงร้องไม่หยุด  น้ำตาของเธออาบแก้มตั้งสองข้าง   โจทำได้เพียงเป็นที่ให้เธอเช็ดน้ำตาเท่านั้น  แม้ตัวเขาอยากจะปลอบเธอแต่ก็ไม่รู้จะทำเช่นไรดี   ตอนนี้ฝนได้เทกระหน่ำลงมาแล้ว ราวกับฟ้าจะร้องได้ไปกับเธอด้วย   น้ำอุ่นๆไหลซึมไหล่ของโจ  เมื่อเหลือบมองเธอ คนที่เขาอยากจะพบมาตลอดตอนนี้ก็อยู่ข้างๆแล้ว  แม้ว่าเธอจะตาบวมช้ำแต่ก็ไม่ทำให้ความน่ารักของเธอลดลงแม้แต่น้อย  ใจของโจเองอยากจะโอบเธอไว้  แต่เขาไม่อยากเป็นคนฉวยโอกาสในเวลาที่เธออ่อนแอเช่นนี้  และยิ่งกังวลกับท่าทีของเกดที่จากไปเมื่อครู่ ที่เหมือนว่ามีอะไรค้างคาใจกันทั้งสองฝ่าย  

     บริเวณนี้มีเพียงเสียงฟ้าที่ร้องครวญเป็นระยะ  และเสียงฝนกระทบหลังคาเท่านั้น   โจและเธอไม่ได้พูดอะไรกันเลย  ทั้งคู่เงียบ   ปล่อยให้เสียงฝนระบายความรู้สึกที่เศร้าของเธอออกมา     

    ฉันขอโทษ ขอโทษนะ  เธอเงยหน้ามองโจด้วยตาที่ช้ำไปด้วยน้ำตา  วันนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้เนอะทำไมฉันถึงเศร้าแบบนี้  จู่ๆฉันทำอะไรลงไปเนี่ย 

    เมื่อนึกถึงหน้าเธอที่สดใสร่าเริง  กับสีหน้าที่เศร้าในวันนี้  ทำให้โจรู้สึกสลดไปด้วย   อากาศวันนี้ก็เป็นใจเสียจริงๆ  โจไม่ได้พูดอะไรเพียงยิ้ม  และมองเธอเท่านั้น  เขาอยากเอาคำพูดดีๆทั้งหมดที่เขารู้มาบอกให้เธอรู้สึกดีขึ้น  แต่ว่ากลับพูดไม่ออกแม้แต่น้อย  

    เธอซบที่ไหล่โจ ขออยู่อย่างงี้อีกพักนึงได้มั๊ย  เธอเสียงสั่น  น้ำตาเธอไหลพรูลงมาอีกครั้ง 

    โจทำได้แค่เป็นไหล่ให้เธอซบและเช็ดน้ำตาเท่านั้น  เขารู้สึกปวดใจกับเธอไปด้วย และนึกเจ็บใจที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้   

    ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด  ละอองฝนพัดปลิวมาตรงที่โจและเธอนั่ง   แต่ทั้งคู่ก็ยังคงนั่งอยู่เช่นนั้นไม่ได้ลุกไปไหน   อากาศเริ่มเย็นขึ้นทีละน้อย   แต่โจกลับไม่รู้สึกหนาวเลย    คงเป็นเพราะน้ำตาของเธอทำให้เขารู้สึกเย็นเยือกในใจยิ่งกว่า    เขาไม่เข้าใจว่าเธอเป็นอะไรกันแน่  แล้วจะทำยังไงให้เธอดีขึ้นดี  เขาได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา

    มิ้น  ทำไมมาอยู่ตรงนี้  เสียงนุ่มลึกเสียงหนึ่งพูดขึ้น    ชายในชุดชุดวอร์มนักกีฬาถือร่มสีเขียวยืนท่ามกลางสายฝนหน้าหอพัก   โจรู้สึกคุ้นหน้าชายคนนี้มาก   ราวกับเคยเจอมาแล้วหลายครั้งแต่ตอนนี้เขานึกไม่ออกว่าคือใคร   เพราะข้างนอกมืดมากและฝนก็ตกหนัก

    บอล  ฉะ ฉัน  มิ้นลุกขึ้น  เธอยังคงสะอื้นพูดกับชายที่ยืนอยู่หน้าหอพัก   สายฝนโปรยลงมากั้นขวางระหว่างสองคน  แต่ว่าก็ไม่อาจกั้นความรู้สึกที่เธอมีต่อคนๆนี้ได้เลย   โจรู้สึกได้เช่นนั้น   สายตาเธอจับจ้องที่เขาได้สะท้อนสิ่งหนึ่งออกมา  เป็นสายตาที่โจไม่เคยเห็นเธอมองใครแบบนี้มาก่อน  อย่างน้อยเธอก็ไม่เคยมองโจด้วยสายตาเช่นนี้    

    ลมเย็นที่พัดเอาความหนาวและละอองฝนเข้ามาหนักขึ้นทุกที   แต่ว่าใจของโจกลับร้อนรุ่มและไม่อยากให้สิ่งที่เขาคิดเป็นจริง   ในตอนนี้เหมือนมีเพียงเขาและเธอเท่านั้น ถึงแม้ว่าโจจะอยู่ข้างเธอด้วยก็ตาม

        มิ้น  ฉันขอโทษนะ  เสียงของชายคนนั้นพูดขึ้นเรียบๆ   ที่ฉันพูดแรงกับเธอไป   ขอโทษ  ขอโทษ ขอโทษชายคนนั้นพูดพร่ำแต่คำว่าขอโทษ  แข่งกับเสียงฝนที่ตกกระหน่ำลงมา   คำขอโทษของเขาที่โจได้ยินแม้จะเป็นเพียงคำสั้นๆแต่กลับรู้สึกกินใจยิ่งนัก   ราวกับว่านี่เป็นฉากที่พระเอกกำลังตามมาง้อนางเอกในละครก็ไม่ปาน    แล้วตัวโจล่ะตอนนี้เขาเป็นอะไรกันแน่ 

    มิ้นน้ำตาร่วงพรูลงมา  วิ่งไปหาชายคนนั้นอย่างไม่กลัวเปียกสายฝนที่ตกกระหน่ำ   เธอสวมกอดชายคนนั้นแน่นจนร่มที่เขาถือร่วงลงกับพื้น     

    พอแล้ว  พอแล้ว มิ้นยกมือขึ้นปิดปากเพื่อให้ชายคนนั้นเงียบ   ทั้งคู่กอดกันกลมท่ามกลางสายฝนนั่นเอง  โจได้แต่ยืนมองภาพนั้นอย่างเหม่อลอย   ฉากนี้น่าจะเป็นฉากที่มีความสุขแต่ทำไมกันนนะ  น้ำตาเจ้ากรรมถึงได้ไหลอาบแก้มโจไม่ยอมหยุด  เขาควรจะมีความสุขกับภาพที่เห็นไม่ใช่หรือ เธอมีความสุขแล้ว เราต้องยิ้มไว้  โจพร่ำบอกกับตัวเองแต่ว่าร่างกายไม่ยอมเชื่อฟังเลย...  

    ภาพที่เธอกอดชายคนนั้นกลางสายฝนยังคงตรึงอยู่ในใจโจอย่างไม่เลือน  แม้แต่ในฝันโจก็ยังคิดถึงเรื่องนี้   หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้พบมิ้นอีก   ซึ่งอาจจะดีสำหรับตัวเขาเองเพราะว่าหากโจได้พบมิ้นอีกครั้ง ต่อมน้ำตาเขาอาจควบคุมไม่ได้ก็เป็นได้   เขาเคยอยากจะรู้จักชื่อเธอ  แต่ไม่คิดว่าจะได้มารู้ในสภาพเช่นนี้เลย   แม้ช่วงเวลานี้ควรจะเป็นช่วงเวลาที่สดใส เพื่อนในห้องของโจก็สนิทกันมากขึ้น   แต่สำหรับโจแล้วช่างมืดมนและดูหดหู่ยิ่งนัก   

     เมื่อก่อนที่จะมาสอบชิงทุนที่นี่เขาเคยปฏิญาณตัวเองว่าจะไม่ขอมีความรักกับใคร  จนกว่าจะผ่านช่วง ม.ปลายนี้ไป   แต่คำปฏิญาณได้สลายไปทันทีเมื่อโจพบกับมิ้นครั้งแรก  เธอเปรียบเหมือนกับน้ำที่มาเติมหัวใจเขาให้เต็ม  ความรักก็เป็นเช่นนี้ยิ่งรักมากแค่ไหนเมื่อสูญเสียไปก็จะยิ่งเสียใจมากแค่นั้น  เขาอยากจะพูดและรู้จักเธอให้มากกว่านี้  แต่ทำไมกันนะ  ทำไม    ทำไมตัวเขาถึงไม่พบเธอให้เร็วกว่านี้  โจได้แต่โทษความโชคร้ายของตัวเอง    

    สิ่งเดียวที่ทำให้โจลืมมิ้นได้คือการซ้อมในแต่ละวัน   ความเหนื่อยจากการซ้อมเทนนิสทำให้ลืมเรื่องราวไปชั่วคราว   ตัวเขาซ้อมเทนนิสหนักขึ้น  เพราะไม่อยากจะคิดฟุ้งซ่าน   แต่ต่อให้โจซ้อมหนักเพียงไหนแต่จิตใจไม่อยู่กับตัว   ผลการซ้อมที่ออกมาก็ทำให้โค้ชผิดหวังทุกครั้ง  

    สมาธิเป็นสิ่งสำคัญ   หากเธอไม่มีมัน  ต่อให้เธอซ้อมหนักกว่านี้อีกสิบเท่า  การซ้อมก็ไม่มีความหมายหรอก  เพราะเมื่อเธอแข่งจริงมันจะใช้สิ่งที่เตรียมมาไม่ได้เลย  โค้ชส่ายหน้าก่อนจะเดินจากไปอย่างผิดหวัง

    นี่ก็อีกวันเดียวจะแข่งแล้ว  แต่โจก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย   ในใจของเขายังคงจมดิ่งไปกับความเศร้า   แม้เขาจะพยายามบอกกับตัวเองว่า เธอไปดีแล้ว ก็ตาม

    ในชั้นเรียนเกดไม่ได้พูดกับโจเลยแม้แต่น้อยยกเว้นจะคุยเรื่องงานเท่านั้น   แต่เธอก็ยังเป็นคนที่ใจดีกับเขาเสมอ หากงานไหนโจทำไม่ทัน  เธอก็จะส่งให้โจลอก  เขารู้สึกผิดต่อเกดมากมายตัวเขาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรถึงจะถึงจะคุ้มกับสิ่งที่เกดทำให้เขา   แม้เขาเองพอจะเดาสิ่งที่เกดจะพูดในวันนั้นได้   แต่ตัวเขาในตอนนี้ไม่อาจมีหัวใจให้ใครได้อีกแล้ว    

    ตลอดสัปดาห์แม้โจจะนั่งข้างเกด  แต่มีความรู้สึกเหมือนอยู่ห่างกันไกลแสนไกล   โจอยากให้เกดกลับมาคุยกับเขาเหมือนตอนที่พบกันวันแรกเหลือเกิน แต่คงจะยากเสียแล้ว  

    พยายามเข้านะ  สู้ๆ  เกดพูดขึ้นหลังจากแยกทางกับโจในวันศุกร์  นี่คือคำพูดที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดของเธอตลอดสัปดาห์  

    เห้ โจพรุ่งนี้แข่งแล้วนะ  ฉันกังวลแทนจริงๆ   โค้ชทำท่าหัวเสีย   หลังจากโจเสิร์ฟลูกพลาดเป็นลูกที่ 10   โจพยายามจดจ่อกับการซ้อมให้มากที่สุด  เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไป อย่าว่าแต่จะทะลุไปถึงรอบสุดท้ายเลย  แค่รอบแรกอาจจะไม่ผ่านด้วยซ้ำ   แม้เขาพยายามเพ่งสมาธิเต็มที่กับการซ้อม  แต่ใจเขาก็ไม่ยอมเชื่อฟังเสียที    ตลอดการซ้อมในช่วงบ่ายวันอาทิตย์   มีแต่เสียงบ่นของโค้ชอยู่ตลอด    จนกระทั้งเย็น

    โจ  โค้ชซีเรียสจริงๆ   วันพรุ่งนี้พยายามมีสมาธิสุดๆเลยนะ ย้ำเลยว่าสุดๆ   ถ้าเป็นแบบวันนี้รับรองตายสถานเดียว

    โค้ชส่ายหน้า พรุ่งนี้ออกจากนี่ 7 โมงนะ  แข่งรอบแรก 10 โมงอย่าสายล่ะ  โค้ชเดินจากไปพร้อมกับปิดประตูสนามเสียงดังสนั่นอย่างหัวเสีย

    แม้ตัวเขาเองอยากจะซ้อมต่อ  แต่ร่างกายนี้ล้าเต็มที   แค่จะจับแร็คเก็ตก็ไม่มีแรงแล้ว   จึงได้แต่จำใจเลิกซ้อม  อากาศช่วงเย็นเป็นช่วงที่ลมพัดเย็นสบายแต่กลับไม่ทำให้โจสบายใจเลย   ตัวเขารู้สึกกดดันมากเมื่อคิดถึงการแข่งในวันพรุ่งนี้   และเรื่องของมิ้นอีก   เห้อ  โจถอนใจยาวๆ   เดินทอดน่องจากสนามเทนนิสไปไปยังหน้าประตู    เมื่อออกข้างนอกโจต้องผ่านหอพักหญิง  ทำให้ภาพของมิ้นกอดกับชายคนนั้นผุดเข้ามาอีก  เขาเหม่อที่ตรงนี้อยู่นาน  น้ำตาค่อยซึมออกจากตา

    เห้  มายืนทำไรอยู่ตรงนี้วะเนี่ย  ชัยมาข้างหลังโจตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ 

    เขารีบเช็ดคราบน้ำตาออก อะ ออ ไม่มีไรแค่ยืนรับลมน่ะ   

    แกเอ๊ย  มัวแต่เศร้าเรื่องผู้หญิงแบบนี้   พรุ่งนี้จะรอดป่าวว้า  ชัยสั่นหัว   พร้อมกับกอดคอโจเดินไปด้วยกัน

    เออ เอาเหอะเดี๋ยวก็รู้เอง  โจตอบเรียบๆ

    ทั้งคู่เดินมาร้านอาหารตรงข้ามหอที่พัก   ทีวีเปิดข่าวในช่วงเย็นพอดี  

    ขณะนี้เรามาที่สถานเตรียมแข่งขันเทนนิสเยาวชน  ครั้งที่ 23  กันนะครับ   เป็นการแข่งขันเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ไม่เป็นรองรายการเทนนิสอย่าง ไทยแลนด์โอเพ่นเลยแม้แต่น้อย   และรายการนี้ยังเป็นการเฟ้นนักกีฬาเพื่อไปยังเส้นทางมืออาชีพต่อไป...   เสียงในทีวียังคงรายงานเกี่ยวกับการแข่ง

    เห้ย   สถานที่ทำไมใหญ่โตจังวะ     ชัยสะกิดหลังจากโซ้ยผัดไทเสร็จไปคำนึง  ตื่นเต้นแทนจิงๆ   แกโชคไม่ดีเลยว่ะโจทำไมเรื่องซวยๆถึงมาลงที่แกหมดวะ  เหอะๆ 

    โจได้แต่ยิ้ม  เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าสิ่งที่เขาเจอคืออะไรกันแน่นะ   หรือว่าเป็นเพราะความฝันในตอนก่อนเปิดเรียน  เป็นจุดเริ่มแห่งความโชคร้ายของเขาหรือ  

    หลังจากกินอาหารเสร็จ  ทั้งคู่ก็กลับห้องพัก   โจแทบจะล้มตัวนอนในทันทีที่ถึงเตียง   ความเมื่อยล้าจากการซ้อมทำให้โจหลับไปตอนไหนก็ไม่ทราบได้ 

    เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเขากลับอยู่ในที่มืดๆแห่งหนึ่ง   เดินไปเท่าไร ก็ไม่พบแสงสว่างเลย   นี่คงเป็นความฝันสินะ    โจพยายามหยิกตัวเองในฝัน  แต่เขานั้นก็ยังอยู่ที่เดิม เจ็บก็ไม่เจ็บ   สถานที่นี้จะมีทางออกที่ไหน  เป็นที่ๆมืดที่ไม่ที่สิ้นสุดเสียจริง เขาคิด

    โจลองร้องตะโกนดังๆว่ามีใครได้ยินสิ่งที่เขาพูดไหม  แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบ  

    ผู้ถูกเลือกเอ๊ย “  เสียงเย็นเยือกลอยเข้ามาในหูโจ  วันเวลาที่คอยเจ้าอยู่กำลังจะถึงแล้ว   จำไว้  เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก  สายน้ำไหลย้อนกลับ   ...  เสียงนั้นได้ขาดหายเพียงเท่านี้

    นั้นใครคับ  แล้วที่พูดคืออะไร  โจตะโกน  แต่ก็มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา

    เห้ยๆ  โจถูกเขย่าตัว  เป็นอะไรวะร้องลั่นเลย  ชัยพูดขึ้น

    อ่าว  เห้ยเสียงนั่นละ  แล้วนี่อยู่ไหนวะเนี่ย  โจมึนงงไม่หายกับสิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่

    ไปสะแล้วเพื่อน   นี่แกอยู่ที่หอพักงายวะ   เป็นเอามากนะนี่   รีบนอนเหอะนี่ก็ ตี 1 แล้วนะ  ชัยกลับไปที่เตียงของตนและล้มตัวลงนอน

    ความฝันแปลกๆที่หายไปพักใหญ่  ทำไมถึงได้กลับมาช่วงนี้นะ   เป็นช่วงที่ชี้ชะตาชีวิตสะด้วย

    วันที่พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก  สายน้ำไหลย้อนกลับคืออะไร  โจยังคงนั่งทบทวนฝันอยู่เช่นเดิม 

    To be continues

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×