ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EVENT : เก่งทะลุฟ้าล่าทะลุมิติ

    ลำดับตอนที่ #10 : บันทึกบทที่ 9:การแข่งขัน (เตรียมพิมพ์)

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 52


    บันทึกบทที่ 9 :

    สวัสดีครับท่านผู้ฟัง  รายการโลกกีฬาของเราคงจะไม่กล่าวถึงการแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้  นับตั้งแต่มีการจัดแข่งขันเทนนิสเยาวชนระดับประเทศ   เราก็ได้สร้างนักเทนนิสมีฝีมือขึ้นมากมาย   วันนี้ผมได้มาอยู่สถานที่แข่งขัน  ที่จะเริ่มในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้   และที่อยู่ข้างเราคือนักเทนนิสเยาวชนที่เป็นมือหนึ่งของประเทศครับ  สวัสดีครับน้องบอล

    เสียงผู้ประกาศในวิทยุดังขึ้น

    ดีครับผม “  

    รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ  ที่ทุกคนมองว่าจะเป็นตัวเต็งและคงคว้าแชมป์แน่ๆเลยในการแข่งครั้งนี้ “

    แหม ผมว่าตัวเองไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกครับ   ตอนนี้นักเทนนิสมีฝีมือเกิดขึ้นมากมาย   ผมคงบอกไม่ได้หรอกครับว่าจะชนะเลิศ   เอาเป็นว่าผมจะพยายามให้ดีที่สุดครับ

    น้องบอลยังถ่อมตัวเช่นเคยนะคับ    เดี๋ยวเราจะไป...

    กริ๊ก! โค้ชปิดวิทยุหน้ารถบัสนักกีฬา  ทุกอย่างเตรียมพร้อมจะออกเดินทางจากโรงเรียนในไม่ช้า  

      นักกีฬาเทนนิสของโรงเรียนที่จะไปเข้าแข่งมีทั้งหมด 10 คน  รวมทั้งโจ  ส่วนมือ 1 ของโรงเรียนนั้นได้ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว   โจไม่ค่อยมีสมาธิเลยว่าในรถโค้ชจะพูดอะไรบ้าง   เสียงของโค้ชเหมือนเสียงที่ลอยผ่านหูไป เพราะในใจเขายังคงคิดวนเวียนเกี่ยวกับมิ้น   และความฝันเมื่อวาน   

    นายนพภัทร!” โค้ชตะโกนใส่

    โจสะดุ้งตื่นจากภวังค์   คะ  ครับ

    ฉันถามว่า พร้อมรึเปล่าโค้ชหน้าเครียด  ถึงแม้จะไม่เข้ากับหน้าซีดๆของเขาก็ตาม

    ผมคิดว่าจะทำให้ดีที่สุดครับ  โจตอบได้อย่างไม่เต็มคำนัก   เมื่อคืนหลังจากฝันแล้วเขาก็ไม่อาจหลับได้เลยจนถึงเช้า  เขารู้ตัวดีว่าหากแข่งเมื่อไหร่สภาพร่างกายที่พักผ่อนไม่เพียงพอและจิตใจยังสับสนอยู่อย่างนี้  อย่าว่าแต่ไปรอบ สุดท้ายเลย  แค่แข่งคัดเลือกเขาจะผ่านไปได้รึเปล่า

    คนขับสตาท์รถและเคลื่อนรถไปอย่างช้าๆ  รถได้ผ่านหน้าหอพักหญิง   ทำให้เขานึกถึงเรื่องเมื่อวันก่อนอีกครั้ง   ทำไมกันนะเมื่อผ่านริเวณนี้ทีไร   ภาพเมื่อวันก่อนมันถึงลอยเข้ามาทุกที   โจพยายามสลัดหัวให้ตื่นจากภาพที่เขานึก  คนเราเมื่ออยู่ในห้วงแห่งความเศร้ามักไม่ได้มองในสิ่งใกล้ตัว   โจกลับไม่สังเกตเห็นเลยว่ามีใครคนหนึ่งวิ่งตามรถบัสนักกีฬามา... 

    วันนี้เกดตั้งใจว่าจะตื่นเร็วกว่าทุกวัน  เพราะเธออยากที่จะมาพบและให้กำลังใจโจก่อนที่จะแข่ง  แต่ว่าอะไรก็ดูไม่เป็นใจกับเธอไปสะหมด     เธอตั้งนาฬิกาปลุก 5.30  ซึ่งตั้งปลุกเร็วกว่าปกติ ชม นึง แต่นาฬิกาเจ้ากรรมถ่านหมดสะก่อน  ทำให้เธอตื่นจริงๆก็ 6 โมงกว่า   หลังจากแต่งตัวเสร็จไปรอรถ  รถที่ขึ้นคันแรกก็เสียอีก   จากที่ตั้งใจว่าจะมารอพบโจก่อนที่เขาจะขึ้นรถบัสนักกีฬา   กลายเป็นว่าเมื่อมาถึงรถได้สตาทและกำลังเคลื่อนออกไป    แต่เกดก็ไม่ละความพยายาม  อย่างน้อยเธอขอให้โจได้เห็นว่าเธอมาส่งก็พอ   เกดพยายามวิ่งตามรถบัสอย่างสุดชีวิต    เธอเห็นโจนั่งอยู่ริมสุดด้านหลัง  แม้เธอจะพยายามส่งเสียงเรียก  หรือวิ่งมาถึงด้านข้าง  ดูเหมือนว่าโจจะไม่สังเกตเห็นตัวเธอเลย  จนกระทั้งรถบัสได้วิ่งจากไปไกลแล้ว....

      เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงรถบัสได้พานักกีฬาทั้งหมดถึงบริเวณการแข่งขัน   สถานที่จัดแห่งนี้เป็นที่ๆใช้ตั้งแต่การจัดการแข่งขันระดับประเทศใหญ่ๆมากมาย  มีสนามเทนนิสกว่า 20  สนาม  และมีสนามใหญ่สำหรับการแข่งในรอบ 16 คน 4 สนาม  แต่ละสนามจะจุผู้ชมได้ 2000 คน   ที่ผ่านมาการแข่งครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก  ไม่ว่าจากตัวญาติพี่น้องนักกีฬาเอง  และจากผู้ที่เป็นแฟนกีฬาเทนนิส   ปัจจุบันที่นี่เปรียบเสมือนความฝันของนักกีฬาเทนนิสเยาวชนทุกคน  เพราะเป็นเหมือนตั๋วใบแรกที่จะเป็นนักเทนนิสระดับประเทศและระดับโลกต่อไป   ในครั้งนี้โจมีทั้งโชคดีและโชคร้ายผสมกัน   เพราะการที่จะร่วมแข่งครั้งนี้ไม่ใช่ง่ายที่ทุกคนจะได้มา   ผ.อ.ของโรงเรียนคงเห็นว่าโจเป็นคนที่มีแววที่สุดในรุ่นที่เข้าใหม่มาจึงเสี่ยงที่จะส่งโจลง  แทนการลงโทษให้ไล่ออกจากโรงเรียนตามกฏ     แต่ก็นั่นแหละการที่จะแข่งรายการระดับนี้ได้แต่ละคนต้องเตรียมความพร้อมมาอย่างดี  การที่ให้เตรียมตัวแข่งเพียง 2 อาทิตย์ก่อนการแข่งเหมือนเป็นเรื่องบ้าบิ่นดีๆนี่เอง

    นักกีฬาทุกคนพร้อมโค้ชลงจากรถและเดินไปยังห้องพักนักกีฬาที่สนามแข่งได้จัดให้     บริเวณลานจอดรถเต็มไปด้วยรถบัสนักกีฬา  และรถจอดอยู่เต็มลาน   มีเสียงผู้ประกาศเป็นระยะๆถึงหมายกำหนดการในการแข่งของวันนี้   เสียงแซงแซ่ของนักกีฬาแต่ละคนที่แต่ละโรงเรียนส่งมาดังไปทั่วบริเวณ  แสดงให้เห็นถึงจำนวนผู้ที่มาแข่งรอบคัดเลือกว่ามากมายมหาศาลแค่ไหน     สถานที่และบรรายากาศเมื่อลงจากรถทำให้โจลืมเรื่องเศร้าๆที่เขาจมอยู่ชั่วคราว   เขาไม่เคยพบกับการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน   อย่างดีที่สุดที่โจเคยแข่งมาก็เป็นแค่การแข่งขันระดับจังหวัดเท่านั้น  หากเทียบทั้งสถานที่และบรรยากาศแล้วคนละเรื่องกันเลย   

    จากลานจอดรถนักกีฬาและโค้ชไปยังตึกที่เหมือนกับศูนย์กลางของสถานที่แข่ง   ซึ่งตึกนี้จะตั้งอยู่ระหว่าง สนามแข่งใหญ่ 4 สนาม  ส่วนรอบนอกจะเป็นสนามเทนนิสเล็กใช้สำหรับแข่งรอบคัดเลือก   ตึกนี้เป็นตึกรูปวงรี 2 ชั้น   ให้ความรู้สึกเหมือนยานอวกาศที่เห็นในหนังไม่มีผิด    คณะของโจเดินเข้าไปในตึก  แอร์ข้างในเย็นฉ่ำผิดกับอากาศข้างนอกที่ร้อนอบอ้าวอย่างสิ้นเชิง  โจนั้นไม่รู้ว่าตัวเขาสั่นเพราะแอร์เย็นหรือเพราะความตื่นเต้นกันแน่  ในบรรดานักกีฬาที่มาด้วยกัน           ดูเหมือนจะมีเพียงโจเท่านั้นที่ดูตื่นๆกับบรรยกาศแข่งเนื่องจากโจเป็นเพียงน้องใหม่คนเดียวสำหรับนักกีฬาที่ส่งมารายการนี้    ทางเดินในตึกทอดยาวเป็นทางโค้งตามรูปทรงของตึก   บริเวณทางเดินจะแยกเป็นห้องต่างๆ ทั้งหมดจะเป็นห้องพักสำหรับนักกีฬาไม่ต่ำกว่า  20  ห้อง   แต่ละโรงเรียนจะใช้ร่วมกัน   ซึ่งตามทางเดินนั้นเต็มไปด้วยนักกีฬาจากโรงเรียนต่างๆเดินสวนกันไปมา

    หลังจากคณะของโจเดินอยู่พักใหญ่ก็มาถึงห้องพัก   ซึ่งด้านในนั้นมีโรงเรียนอื่นพักอยู่ด้วย 2 โรงเรียน   ทั้งหมดต่างยิ้มทักทายกับสมาชิกใหม่ที่พึ่งมาถึง   

    ห้องพักเป็นห้องที่กว้าง  และจะแบ่งเป็นส่วนๆ   ตั้งแต่ส่วนที่เป็นที่อาบน้ำแต่งตัว   ส่วนที่แป็นล้อกเกอร์เก็บของ  และส่วนที่สำหรับนั่งพัก    โรงเรียนอีก 2 โรงเรียนที่มาอยู่ก่อน  ก็นั่งรวมกลุ่มกัน อยู่ทางส่วนนี้โดยมาก  แต่แยกกันคนละมุมห้อง

        ติ๊ง! ต่อง!  ขอให้แต่ละโรงเรียนส่งตัวแทนไปจับสลาก  สายการแข่งขันบริเวณโถงชั้นสองด้วยค่ะ   เสียงประกาศดังก้องขึ้น   โค้ชแต่ละโรงเรียนต่างออกจากห้องพักเพื่อไปจับสลากสายแข่ง

    ภายในห้องบรรายากาศดูตึงเครียดทันที  เพราะว่าการแข่งขันจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้   จากเสียงที่คุยหัวเราะกัน   ตอนนี้ในห้องต่างเงียบกริบ   จะมีเพียงเสียงคุยเล็กน้อยเท่านั้น   โจไม่ได้คุยอะไรกับนักกีฬาที่มาด้วยกันนัก  อาจเป็นเพราะตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ และอีกส่วนหนึ่งคือเขายังไม่รู้จักันเท่าไหร่   เขาจึงแยกไปนั่งมุมหนึ่งคนเดียว                  โจเหม่อมองนาฬิกาอย่างไร้ความหมาย  เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้จ้องนาฬิกานักนะทั้งๆทีมันก็ไม่มีอะไรน่าดูนอกจากบอกเวลาเท่านั้น     ขณะนั้นเองเสียงในความฝันได้ลอยมาในหัวโจอีก

    วันที่พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก สายน้ำไหลย้อนกลับ....  

    แกร๊ก! เสียงเปิดประตูดังขึ้น  โจตื่นจากการเหม่อ  หากเขาจำไม่ผิดคนที่เข้ามาก็คือบอลนักกีฬามือหนึ่งของโรงเรียนโจและเป็นมือหนึ่งของประเทศตอนนี้นั่นเอง  แม้จะพบกันแค่ตอนสอบเข้า   แต่ว่าโจรู้สึกเหมือนกับได้เจอคนๆนี้มากกว่า 1 ครั้ง แต่เขานึกไม่ออกว่าเจอตอนไหน   บอลแบกไม้เทนนิสเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉย   หน้าตาและผิวคมเข้ม   อยู่ในชุดวอร์มนักกีฬาใส่หมวกสีแดงสดใส   ทั้งหมดต่างจ้องไปที่บอลเป็นสายตาเดียวเพราะไม่คิดว่าจะได้มาอยู่ห้องเดียวกับนักเทนนิสมือหนึ่งเช่นนี้   บอลไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่เดินเข้ามาด้านในสุดโดยมีนักกีฬาโรงเรียนแต่ละคนลุกขึ้นทักทาย   โจเองก็ลุกขึ้นหวัดดีตามมารยาท   บอลจ้องโจอยู่พักนึงก่อนจะยิ้ม

    อ่าว  นี่นายคนนั้นนี่ที่มาสอบเข้า  ชื่อ... 

    อ่าว พี่จำผมได้ด้วยเหรอคับ   ผมโจครับ โจยิ้มทัก  เขาไม่คิดว่าคนดังอย่างรุ่นพี่คนนี้จะไม่ใช่คนถือตัวอะไร  

    ทั้งคู่คุยกับพักนึงก่อนที่บอลจะขอตัวไปพักด้านใน

    เดี๋ยวพี่ขอตัวไปพักก่อนนะ ถ้าเป็นไปได้พี่อยากแข่งกับนายอีกโจ   

    ผมก็เช่นกัน โจยิ้มรับ 

     ตอนนี้สิ่งที่โจต้องทำทั้งหมดคือพยายามรวบรวมสติกลับคืนมา   ลืมเรื่องร้ายๆและเรื่องฟุ้งซ่านไปให้หมดสิ้น  หากเขายังมีสภาพจิตใจแย่ๆ อย่างนี้  ไม่ต้องแข่งก็คงรู้ผลได้  เขาจึงกลับไปนั่งมุมเดิมเพื่อรวบรวมสมาธิกลับคืนมา

    ขอโทษ ค่า  พี่บอลอยู่ที่นี่รึเปล่า  เสียงใสๆที่คุ้นเคยดังขึ้น   เด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนมัดผมสีขาวเดินเข้ามา

    สติที่กำลังรวบรวมกระจายหายไปกับสิ่งที่โจได้เห็น  นั่นมันมิ้นนี่นา  แล้วทำไมมาแถวนี้  ใจโจวูบไปถึงตาตุ่ม 

    มิ้นไม่ได้สังเกตว่าโจนั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง   แต่เขานั้นเห็นเธอตลอดเพราะนั่งอยู่มุมในสุดตรงข้ามประตู   เธอถามนักกีฬาในห้อง  และเดินเข้าไปด้านใน อีกฟากของห้องพัก   เธอไม่สังเกตเลยว่าด้านหลังนั้นมีใครกำลังมองอยู่   มิ้นเดินตรงไปหาบอล ที่กำลังนั่งยืดขาอยู่  เธอส่งผ้าให้บอลซับหน้า   ทั้งคู่จับมือกัน  พูดอะไรกันบางอย่าง   แม้โจจะไม่ได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกันแต่ก็พอจะเดาออกว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน  โจเห็นภาพนั้นโดยตลอด  ภาพเหตุการณ์ในวันที่ฝนตก  ลอยเข้ามาในหัว   ตัวเขาเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วว่าชายที่มาหาเธอในวันนั้นคือใคร   แล้วทำไมบอลถึงดูคุ้นหน้านัก     โจเริ่มหัวเราะประชดความผิดหวังและเศร้าของตัวเองเบาๆ   แอร์ในห้องเย็นฉ่ำสักเท่าไหร่   ก็ไม่ทำให้ความร้อนรุ่มในใจโจสงบลงได้เลย   ทั้งๆที่ตอนแรกเขากำลังจะลืมเธอแล้วมุ่งสมาธิในการแข่ง  สวรรค์ช่างเล่นตลกเสียจริง

    ไม่นานนักโค้ชของแต่ละโรงเรียนก็กลับมาเพื่อบอกผลในการจับสลาก    นักกีฬาแต่ละโรงเรียนมานั่งรวมกลุ่มที่โค้ชของตน   รวมทั้งโจและบอลด้วย   มิ้นดูตกใจที่เห็นโจมาอยู่ที่ตรงนี้   เธอยิ้มทักโจ  แต่เขาก็พยายามหลบตาเธอและหันไปด้านอื่นทำเป็นไม่เห็น   แม้จะอยู่ห่างกันเพียงสองช่วงเก้าอี้ยาวก็ตาม   

    นาย โจ   เดี๋ยวเธอต้องรีบเตรียมตัวนะ  เธอจะเป็นคนแข่งรายการแรกเปิดสนามเลย  อีก 15 นาที  โค้ชประกาศ  ก่อนจะบอกรายการแข่งแก่คนอื่นๆ   

    โจได้แต่เดินอย่างไร้วิญญาณไปเปลี่ยนชุดในห้องอีกส่วนหนึ่ง  แม้เขาจะผ่านมิ้นที่นั่งข้างบอล  โจก็ไม่ได้เหลือบมองเธอเลยแม้แต่น้อย  เขาเปลี่ยนชุดไปอย่างไร้ชีวิตชีวา   อาการวิงเวียนที่ไม่ค่อยได้นอนเมื่อคืนนี้ดูเหมือนจะออกอาการ   โจเซถลาไปวูบนึง  หลังจากกำลังใส่เสื้อนักกีฬา   ตอนแรกอาการอดนอนก็ไม่ได้แสดงอาการเท่าไหร่  แต่หลังจากสภาพจิตใจย่ำแย่แล้ว  ดูเหมือนอาการจะหนักขึ้น   แต่เขาไม่มีทางเลือกถึงอย่างไรเขาก็ต้องแข่งรายการนี้   การที่จะขอยกเลิกการแข่ง  ตัวเขาเองคงโดนไล่ออกตามที่ ผ.อ.ประกาศแน่นอน

    เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อยโค้ชได้พาโจไปยังสนามแข่งรอบแรก   ไม่ห่างจากตึกพักเท่าไรนัก  

    จำไว้นะโจ  นึกถึงสิ่งที่ฝึกมาทั้งหมด   และนำสิ่งที่ฝึกมาใช้  อย่าสนใจคู่แข่งจงสนใจที่ตัวเองมีสติให้ได้มากที่สุด

    โค้ชย้ำครั้งสุดท้ายก่อนที่โจจะเข้าสนามแข่ง 

     ในรอบคัดเลือกนี้แม้จะมีคนดูไม่มากแต่ก็มีนักข่าวกีฬามาทำข่าวกัน พอสมควร   สนามเทนนิสที่ใช้แข่งรอบคัดเลือกจะล้อมไว้ด้วยตาข่ายเท่านั้น  ผู้ที่ดูจะอยู่รอบนอกสนามต้องยืนดู  ขณะแข่งโค้ชไม่สามารถให้คำแนะนำอะไรกับนักกีฬาได้เลย  นักกีฬาต้องสู้ด้วยตัวลำพังของเขาเอง 

    โจเดินเข้าไปในสนามด้วยแววตาที่ไร้วิญญาณ  เขาพยายามบอกกับตัวเองว่าการแข่งต้องมาก่อน และพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านต่างๆไปให้หมด  

    ต่อไปจะเป็นการแข่งขันรอบคัดเลือกระหว่าง  นาย นพภัทร  ชิงชิดดี   และ นาย สมศักดิ์  ขจรศรี     ขอให้นักกีฬาเดินมารายงานตัวกับกรรมการ   กรรมการข้างสนามประกาศขึ้น   โจหยิบแร็คเก็ตเดินไปยังกรรมการที่นั่งข้างสนาม

    คู่แข่งของโจนั้นรูปร่างปราดเปรียว   ใส่หมวกสีขาว   หน้าตากระหยิ่มยิ้มอยู่ตลอดเวลาราวกับว่าการแข่งครั้งนี้เป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้น  หลังจากกรรมการโยนเหรียญแล้วเพื่อจะตัดสินให้ฝ่ายใดเสิร์ฟก่อน   ปรากฏว่าสมศักดิ์ได้เลือกก่อนว่าจะเป็นฝ่ายเสิร์ฟหรือจะเลือกฝั่ง  

    ผมเลือกฝั่งแล้วกันครับ   เพราะกับนักเทนนิสที่ไร้วิญญาณ  เสิร์ฟก่อนหลังก็มีค่าเท่ากัน  สมศักดิ์ยิ้มเยาะ

    โจได้ฟังอารมณ์ขึ้นเล็กน้อย  แต่เขาก็ข่มไว้และยิ้มรับ   แม้สภาพจิตใจของโจจะดีขึ้นแต่สภาพร่างกายของเขากลับไม่ดีเสียเลย  สติพร้อมที่จะวูบได้ตลอดเวลาแต่เขาก็พยายามข่มมันไว้   อากาศที่อบอ้าวและแสงแดดที่แรงจ้าในวันนี้กลับยิ่งส่งผลให้อาการโจหนักขึ้นทุกที  

    ต่อไปจะเริ่มการแข่งขัน   ฝ่ายเสิร์ฟฝ่ายแรก  นพภัทร  กรรมการประกาศ พร้อมกับให้สัญญาณ

    โจเดาะลูกบอลกับพื้นด้วยมือ   ตัวเขาไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าลูกบอลทำไมถึงดูมีหลายอัน  เขาพยายามสลัดหัวเรียกสติกลับคืนมา     แล้วเดาะลูกบอลอีกครั้งก่อนที่จะโยนลูกกลางอากาศ   แสงแดดที่ส่องลงมากระทบหน้า  ทำให้เขารู้สึกว่าพื้นโลกหมุน  ลูกบอลที่กำลังลงมาเป็นภาพซ้อนกันหลายลูก  นี่เขาเป็นอะไรกัน โจคิดในใจ แต่ทว่าก็ป่วยการเสียแล้ว เพราะทุกอย่างล้วนมืดดำสนิทสิ้น...


    to be continues...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×