ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Reborn] 10th I - Only Me ผมเท่านั้นที่จะขย้ำผืนนภานี้ได้

    ลำดับตอนที่ #15 : คืนดีและการพบกันอีกครั้ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1K
      10
      31 พ.ค. 54

                “แกทำแบบนี้ทำไม...”

                รีบอร์นถามขึ้นก่อนที่จะชักปืนออกมาจากเสื้อนอกและเล็งไปที่ฮิบาริในวัยสิบปี

                “ผมตังหากทีต้องถาม คุณทำอะไรก่อนซือโนะกันแน่ห๊ะ!!

                “ฉันไม่ได้ทำอะไรให้กับเจ้านี้ ฉันแค่สอนทุกๆอย่างให้ ทั้งหน้าที่ ทั้งการดูแลแก๊ง และอื่นๆนอกจากนี้ เจ้านี้ก็รับฟังและเรียนรู้ทั้งนั่น”

                “เหรอ งั้น...ผมถามนายหน่อยว่า...คุณเคยบอกให้ยัยนี้ ห้ามอะไรบ้างหรือเปล่า”

                “ฉันไม่เคย ฉันบอกแค่ว่าการจะเป็นบอสที่ดีต้องทำยังไง”

                “เหรอ แล้วคุณบอกไปว่าอะไร....”

                “ทิ้งไปซะ ความรู้สึกทั้งหมด จงทิ้งมันไป...ให้หมดหัวใจของนาย”

                โคลมที่ใช้มายาบังตัวมาซักครู่ บอกคำตอบให้กับฮิบาริ

                “อย่างงั้นเหรอ โคลม โดคุโร่ เพราะแบบนี้นี่เอง ถึงว่าสิ...”

                “อืมม อ่ะ โอ๊ยย...เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย ระ...รีบอร์น”

                ฮิบาริที่เห็นว่าซือโนะฟื้นแล้วก็คุกเข่าลงแล้วบอกบางสื่งกับซือโนะไปว่า...

                “ไม่ต้องห่วง ผมสัญญา ไม่ว่ายังไงก็ตามผมจะไม่ให้คุณต้องอยู่คนเดียวหรือต้องสู้อย่างเดี่ยวดายแน่นอน ซือโนะ”

                “ฮิ...ฮิบาริซัง ฮือออๆๆ โฮ่....”

                หมายความว่ายังไงกัน ทำไมกันล่ะ...เรา ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนี่นา

                “ไม่หรอก มันผิดมากๆเลยล่ะเจ้าหนู”

                “ฮิ ฮิบาริเหรอ หมายความว่ายังไงกัน นายมาก็ดีแล้วช่วยมาจัดการกับตัวนายในอดีตหน่อยเถอะ แล้วสึนะล่ะ”

                “สึนะโยชิหลับไปแล้ว เพราะว่าผมให้เขาไปพักน่ะ เหนื่อยจากงานทั้งหลายแลมามากพอแล้ว”

                “จะอะไรก็ช่าง รีบจัดการตัวนายซะ ตอนนี้มันกำลังทำให้ซือโนะสับสนอยู่นะ”

    “ไม่ แบบนี้น่ะดีแล้ว ต้นเหตุทั้งหมด ไม่ได้มาจากใครอื่น แต่มันมาจาก...ตัวคุณเอง”

    “หมายความว่าไงกัน....”

                “คุณ ได้บอกให้ซือโนะทิ้งความรู้สึกทั้งหมดไป เลยทำให้เด็กคนนั้น เกิดการปิดกั้นจิตใจอันอ่อนโยนไป ทำให้ในใจมีแต่ความแข็งกร้าว ไม่มีความร่าเริงเลยแม้แต่น้อย เด็กคนนั้นทำได้ถึงขนาดนี้ถือว่าคงจะ...กลัวนายเป็นเอามาก เพราะไม่อย่างงั้นคงไม่กลายเป็นไปตามที่นายบังคับให้ทำหรอก”

                “ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ฉัน...ฉันแค่อยากจะสอนให้เจ้านั่นเป็น...”

                “พอเถอะ ไม่ต้องพูดอะไร ถ้าแค่บอกให้ความหวังกับซือโนะก็พอแล้ว ฉันไม่ขออะไรมากนัก”

                “ซือ ซือโนะ”

                “ฮึกฮือออ รี รีบอร์น...ฉัน ฉันควรทำยังไงดีล่ะเนี่ย ฉัน...ฉันควรทำยังไงดี...”

                “ซือโนะ ฉันต้องขอโทษด้วย ที่ฉันยัดเยียดทุกสิ่งทุกอย่างให้ ฉันจะอยากจะบอกว่า เธอต้องทำให้เป็นแบบนี้ในวันข้างหน้า เพราะงั้นยังไม่จำเป็นที่จะต้องมาพยายามเอาในเวลาตอนนี้ เพราะยังไงซะรุ่นที่ 9 ก็ยังคอยดูแลทุกอย่างอยู่ แถมท่านยังเคยบอกนี่นา ว่า...จงมีชีวิตที่มีแต่ความสุขในวัยนี้เถอะ เพราะในวันหน้าเธอก็จะมีความสนุกสนานแบบวัยนี้อีก”

                “รีบอร์น โฮ่ๆๆๆ ฉันเองก็มีเรื่องอยากจะบอกเหมือนกัน ไม่สิ มันเป็นในเชิงคำถามมากกว่า”

                “จะถามอะไรฉันล่ะ ซือโนะ”

                “ถ้านายรู้ช่วยบอกฉันที วันนั้น วันที่ฉันกับฮิบาริซัง ไปเที่ยวที่ ที่ออนเซ็นน่ะ ฮิบาริซังคุยโทรศัพท์กับใคร นายพอจะรู้มั้ย”

                “อ้อ เรื่องนั้นน่ะ เป็นฝีมือฉันเอง”

                “อ้อ เหรอ งั้นเหรอ เอ๊ะ...มะ เมื่อกี๊นายพูดว่าอะไรนะรีบอร์น”

                “ไอ้ที่มีคนโทรไปหาน่ะ เป็นฝีมือฉันเองแหละ”

                “รีบอร์น นายตายซะเลยเถอะ หลอกฉันได้นะ แกนะแก!!!

                “หมายความว่ายังไงล่ะเนี่ย”

                ฮิบาริในวัยเด็กถามกับตัวเองในวัยโต ด้วยความสงสัยและเริ่มเบื่อ

                “ก็ ตอนที่ยัยนี้น่ะ ถูกส่งมาตอนที่โดนยิง เจ้าหนูมันขู่ไปว่า คุณมีคนใหม่แล้วและถ้าหากอยากให้คุณหันไปมองเค้าใหม่ต้องมีความสามารถรอบด้าน เพราะงั้นยัยนี้ก็เลยเรียนเอาๆ ยังไงล่ะ ฮึๆๆ ผมยังจำวันที่ฝึกกับเค้าได้เลยนะเนี่ย”

                ฮิบาริทั้งสองก็มองซือโนะกับสึนะวิ่งไล่รีบอร์น และก็ยืนอมยิ้มกัน จนกระทั่งรีบอร์นกลับเป็นฝ่ายชักปืนออกมาจะวิ่งไล่ยิงทั้งคู่ คราวนี้ทั้งสองก็เป็นฝ่ายวิ่งหนีแทน ทำให้ฮิบาริทั้งสองคนต้องวิ่งออกตัวไปช่วย ก่อนที่ซือโนะและสึนะจะได้ตายจริงเพราะลูกกระสุนของรีบอร์น

                “งั้นพวกเรากลับก่อนก็แล้วกันนะ บ๊ายบายนะ เอ่อ พี่สึนะ”

                “อือ บ๊ายบายน้า ซือโนะ...”

                บรึ้มมมม

                “ท่านซือโนะ กลับมาพอดี ได้เวลา กลับญี่ปุ่นแล้วล่ะครับ เดี๋ยวพวกเราก็กำลังจะไปเก็บข้าวของกันแล้ว เชิญตามสบายเลยนะครับ ท่านซือโนะ”

                “อ่ะ อ้อ รู้แล้วล่ะ โกคุเทระคุง”

                “แล้วนี้ฉันก็ต้องไปเรียนต่อสินะ งั้น...ไว้เจอกัน ที่โรงเรียนนะ แฮ่ๆ”

                ซือโนะเดินวิ่งไปที่ห้องอย่างร่าเริงและมีสีหน้าที่สดใสเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ฮิบาริถึงกลับต้องเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง

                ผ่านไปหลายวัน ซือโนะต้องถูกรีบอร์นสอนการเรียนต่างๆในระยะเวลาปีนึงที่ซือโนะหายตัวไป

                “อ๊ากก!!! รีบอร์น ฉันเริ่มไม่ไหวแล้วนะ พอแค่นี้เถอะ แถมนี้ก็จะได้เวลาต้องไปโรงเรียนแล้วด้วย”

                “งั้นเหรอ งั้นก็ไปซะ บอกไว้ก่อนนะ ว่า...ห้ามหลับในห้อง นายคงรู้นะว่าถ้าทำแบบนั้นจะเป็นยังไงน่ะ”

                อี๊... ไม่บอกก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าต้องโดนอะไร แบบนี้มันก็ไม่แตกต่างไปจากตอนอนาคตน่ะสิเนี่ย บ๊ะ แต่ก็ยังดีนะ ที่มันทำให้เราเริ่มเรียนรู้ได้เร็วขึ้นเนี่ย

                ซือโนะไปโรงเรียนอย่างมีความสุข ได้เจอกับเพื่อนๆทุกคน แต่มีบางอย่างที่แปลกไป เพราะผู้หญิงทั้งห้อง ไม่สิ แต่เป็นทั้งโรงเรียนเลยที่หายตัวไปแม้แต่เคียวโกะกับฮานะ เหลือเพียงซือโนะที่เป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว

                “เอ๊ ทุกคนหายไปไหนล่ะเนี่ย แปลกแฮ่ะ ทุกทีทุกคนต้องมานั่งคุยกันเป็นประจำนี่นา”

                กรี๊ดดดด!!!!

                แง๊ะ เสียงกรี๊ดดังลั่นปฐพีนี้มันอะไรกัน มีตัวแปลกประหลาดมาโรงเรียนเหรอ หรือว่าจะเป็นคุณดีโน่มาที่โรงเรียนเรา ลองไปดูหน่อยคงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง

                ซือโนะเปิดหน้าต่างในห้องแล้วมองลงไปข้างล่างก็เห็นผู้หญิงเดินตามผู้ชายคนๆหนึ่งอยู่ ยังกะลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ด

                “ใครกันล่ะเนี่ย โอ๊ะ นักเรียนใหม่เหรอ แย่จังไกลเกินไปหมอไม่เห็น แต่คงจะหล่อน่าดูล่ะสิเนี่ย ไม่งั้นคงไม่เดินตามกันทั้งโรงเรียนแบบนี้น่ะ”

                “อ้าว ซือโนะ ไม่ได้ลงไปแบบพวกผู้หญิงพวกนั้นเหรอเนี่ย”

                “อ่ะ ไม่หรอก ฉันไม่ใช่พวกกรี๊ดคนหล่อไปเรื่อยน่ะ แล้วหมอนั่นใครน่ะ”

                “ไม่รู้สิ ดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กย้ายมาใหม่น่ะ โอ๊ะ ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วนะซือโนะไปนั่งที่ได้แล้วป่ะ”

                “อือ ขอบใจมากนะ...”

                ซือโนะทราบดังนั้นแล้วก็ปิดหน้าต่างแล้วเดินยังไปยังที่นั่งของตัวเอง โดยที่ไม่รู้ว่ามีสายตาๆหนึ่งกำลังขึ้นไปข้างบน แต่คงจะไม่เห็นว่ามีซือโนะที่กำลังมองอยู่

                “ในที่สุด...ฉันก็เจอแล้ว นี่สินะโรงเรียนนามิโมริ”

                พักกลางวัน

                ในคาบเรียนที่ผ่านๆมาซือโนะไม่ได้แสดงถึงอาการง่วงงาวหาวนอนออกมาแต่น้อย คงเป็นเพราะถูกรีบอร์นทั้งวัยเด็กและวัยโตสอน (แกมบังคับ) มาเป็นอย่างดี

                “ยามาโมโตะ โกคุเทระคุง ไปทานข้าวกันสองคนได้เลยนะ พอดีว่าสัญญากับฮิบาริซังน่ะ ว่าต้องไปหาตอนพักกลางวันนี้น่ะ ไปน้า...”

    “ฮึ่ย เจ้าฮิบาริ ได้ตัวท่านซือโนะไปครอบอีกแล้วเหรอเนี่ย หน่อย! เจ็บใจชะมัด”

                ก๊อกๆๆ

                “ฮิบาริซัง ขออนุญาตนะค่ะ”

                “ผมบอกไปแล้วนะว่าเธอไม่จำเป็นต้องเคาะก็ได้”

                “ไม่ได้สิ ก็ฉันน่ะชินแล้ว และอีกอย่างหนึ่งฉันเองก็ไม่อยากที่จะเปิดมาแล้วเจออะไรที่มันเซอร์ไพรส์เกินเหตุน่ะ”

                “ฮึ แล้วมันคืออะไรกันล่ะ...”

                “พอแล้วๆ เข้าเรื่องดีกว่า อ่ะ นี่ค่ะ ข้างกลางวันที่ฮิบาริซังชอบเป็นเอามาก...มั้งนะค่ะ”

                “อือ มานั่งสิ...”

                ฮิบาริพูดในขณะที่กำลังเปิดกล่องข้าวที่รับมาจากมือของซือโนะ

                “แล้วจะให้นั่งไหนล่ะค่ะ ก็ในเมื่อ...มีแต่กองหนังสือเต็มไปหมดเนี่ย”

                พูดง่ายๆก็คือ ในห้องของฮิบาริจะมีโซฟาอยู่ 2 ตัว ตัวหนึ่งก็วางเต็มไปด้วยของและกองหนังสือ ส่วนอีกตัวหนึ่งก็มีกองหนังสืออยู่เหมือนกัน หรือก็คือโซฟาตัวที่สองนั้นนั่งได้แค่คนเดียว ซึ่งฮิบาริก็กำลังนั่งอยู่

                “ก็นั่งนี่ไง...”

                ฮิบาริพูดแล้วใช้นิ้ว ชี้ไปที่ตักของตัวเอง บอกเป็นนัยๆว่า ก็มานั่งบนตักของผมสิมันทำให้ซือโนะถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่ก้มหน้าก้มตา และพยายามใช้มันสมองในการคิดและวิเคราะห์

                “ช้าจริง งั้น...ฮึ้บบ แค่นี้เอง”

                ฮิบาริเห็นว่าซือโนะคิดนาน เลยวางข้าวกล่องไว้บนโต๊ะแล้วดึงตัวซือโนะให้มานั่งบนตักเอง โดยอัตโนมัติ เลยทำเอาซือโนะทำอะไรไม่ถูก

                “อ่ะ เอ่อ คือ...คือ กะ กินให้เร็วเข้าล่ะ ฉะ ฉันเองก็ต้องรีบไปเรียนต่อนะ”

                “เฮ้อ ยอมแพ้เธอจริงๆ เอาล่ะนั่งข้างๆก็แล้วกัน...”

                “ก็แค่เลื่อนกองหนังสือเองนี่เนอะ อ่ะ จะรับชามั้ยค่ะฮิบาริซัง”

                “อือ เอามาสิ ขออร่อยๆล่ะ ฮิ...”

     

                ฮึ่ย ฮิบาริซังนี้ล่ะก็...อ่ะเด๊ะ นั่นเขามุงดูอะไรกันอีกแล้วล่ะเนี่ย อ่ะ แปลกแฮะ ทำไมงวดนี้ถึงไม่ได้มีพวกผู้ชายมามุงด้วยล่ะ งั้นลองแวบไปดูซักแปบคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ

                “เอ๊ จริงเหรอๆ ที่บ้านเป็นกิจการออนเซ็นน่ะ งั้นแสดงว่าเธอก็เป็นนายน้อยของที่นั้นน่ะสิ”

                “อือ แล้วก็น่ะ ที่ผมย้ายมาอยู่ที่โรงเรียนเป็นเพราะคนๆหนึ่งน่ะ”

                “เอ๊ะ ใครเหรอๆ บอกพวกเราหน่อยสิ น้าๆๆ”

                “อือ จะว่าไงดีล่ะ ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าเธอคนนั้นน่ะอายุเท่าไร บ้านอยู่ที่ไหน หรือว่าเรียนที่ไหน เพราะถึงแม้ว่าบ้านฉันจะทำกิจการด้านโรงแรมก็เถอะ แต่ว่าข้อมูลของคนๆนั้นน่ะเป็นความลับสุดๆเลยล่ะ”

                เห๊ สมัยนี้ยังมีพวกตามหารักครั้งแรกอยู่อีกเหรอเนี่ย เฮ้ย แล้วเรามามัวเสียเวลาอะไรที่นี้ล่ะเนี่ย ป่านนี้โกคุเทระคุงกับยามาโมโตะคงรอเบื่อแล้วมั้ง ชิส์ เลยไม่รู้เลยว่าหน้าตาของคนที่กำลังพูดเป็นยังไง บ๊ะ ช่างมันเถอะ ยังไงก็อยู่โรงเรียนเดียวกันนี่เนอะ

                “โอ๊ะ นั่นนายกำลังขนชีทไปไหนล่ะนั้นน่ะ”

                “อ้อ ก็ไปที่ห้องเรียนไง พอดีต้องเอาไปให้กับกรรมการน่ะ”

                “งั้นฉันช่วยถือล่ะกัน ไหนๆก็เพื่อนกันนี่นา”

                “อ๊า ชอบใจมากเลยนะ...ซือโนะ”

                ทั้งคู่เดินถือชีทเอกสารไปด้วยกัน โดยไม่รู้เลยว่ากำลังมีคนได้ยินและตื่นเต้นเป็นเอามาก

                ครืดดด

                “เป็นอะไรไปเหรอ...ฮาจิเมะคุง”

                ชายที่เข้ามาเป็นนักเรียนใหม่ในโรงเรียนนามิโมริไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคู่หมั้น (ซือโนะโดนบังคับ) ของซือโนะตอนงานหมั้นที่ไปออนเซ็นกับฮิบาริหลังจากที่ซือโนะได้รับความทรงจำทั้งหมดกลับขึ้นมา

                “ซือโนะ นี่ใช่ผู้หญิงหน้าตาแบบนี้หรือเปล่าห่ะ!

                ฮาจิเมะควักเอารูปในตอนที่ซือโนะโดนบังคับให้เป็นเบ๊ตอนที่ฮาจิเมะไปแข่งและได้เจอกันเป็นครั้งแรก

                “อ้อ ใช่แล้วล่ะ เนี่ยน้า ซาวาดะ ซือโนะน่ะ เป็นน้องสาวฝาแฝดของซาวาดะ สึนะโยชิน่ะ แล้วก็ยังมีคุณฮิบาริเป็นยังไงดีล่ะ...ไม่รู้สิ ไม่แน่อาจจะเป็นแฟนกันก็ได้”

                เปรี้ยงงง

                “ชิส์...แล้วรู้หรือเปล่าว่าซือโนะเขาอยู่ห้องไหนน่ะ”

                “เอ๊ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นห้อง A เนี่ยแหละ อ้าว ฮาจิเมะคุง เอ๊ะ หรือว่ารักแรกของฮาจิเมะคุงคือซือโนะเหรอ”

                จริงเหรอเนี่ย ซือโนะ ซือโนะอยู่โรงเรียนนี้น่ะ ฮึ ดีใจสุดๆเลยเว้ย!!!

                ภายในใจของฮาจิเมะร้องออกมาอย่างดีใจ และคิดว่าคงเป็นโชคชะตาที่ให้เขามาเรียนในโรงเรียนเดียวกันกับซือโนะ แต่ฮาจิเมะก็ยังคงไม่รู้ว่าซือโนะกับฮิบาริกำลังคบกันอยู่ อาจเป็นเพราะฮาจิเมะรีบลุกออกไปเลยไม่ได้ฟังตรงจุดสำคัญ

                “โอ๊ะ...”

                “อ้าวๆ ระวังหน่อยสิ เกือบร่วงมั้ยล่ะนั้นน่ะ เอาล่ะ เอาส่งมาให้ฉันม่ะ เดี๋ยวฉันจัดการที่เหลือให้”

                “อ่ะ ขอบใจมากเลยนะ ไปล่ะ...”

                “แฮ่กกๆๆ อ่ะ ซือ....”

                “กรี๊ดดด!!! ฮาจิคุง”

                “เอ่อ อ่ะ ไปไหนแล้วล่ะ โธ่เว้ย!

                ซือโนะเดินกลับไปที่ห้องโดยที่ไม่ได้ยินว่าฮาจิเมะพยายามจะเรียกให้หันมา เพราะถูกเสียงสาวๆในโรงเรียนกลบเอาไว้

                ครืดด

                “อ้าว ท่านซือโนะ เป็นไงครับ ทานข้าวอิ่มดีมั้ยครับ”

                “อือ แล้วโกคุเทระคุงล่ะ”

                “คร้าบ แหม ถ้าท่านซือโนะมานั่งกินกับพวกเราเนี่ยคงจะอร่อยเป็นเท่าตัวเลยนะคร้าบ”

                “เหรอ อ่ะ ใกล้ได้เวลาเรียนแล้วนี่ ฉันไปนั่งที่ก่อนนะ...”

                “คร้าบบบ”

                ซือโนะก็ตั้งใจเรียนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เช้ายันเลิกเรียน อาจจะเป็นเพราะชินกับบทเรียนทั้งหมดแล้ว ไม่ก็กลัวว่ารีบอร์นกำลังจ้องจะเล่นลับหลังเลยไม่อยากโดน แต่ความจริงก็คือรีบอร์นนั่นเชื่อใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เลยขู่ไปเท่านั้น ไม่มีการแอบมองอยู่ตามที่ต่างๆ

                “เย้! เลิกเรียน...ฮ้า ดีล่ะ โกคุเทระคุง ยามาโมโตะ ไปเล่นเกมเซ็นเตอร์กันเถอะนะ”

                “ได้สิครับ ท่านซือโนะ”

                “เอาสิ ซือโนะ ไปคลายเครียดหลังเลิกเรียนก็ดีเหมือนกันนะ”

                ทั้งสามต่างก็ตกลงจะเข้าไปในตัวเมืองนามิโมริ เพื่อไปมาอะไรเล่นกัน

                “แฮ่กๆๆ ไหนๆ ซือโนะอยู่ไหนล่ะเนี่ย อ๊ะจ๊ากกก! พอทีเถอะคร้าบบบ”

                “ไม่ได้ นายต้องมาเข้าชมรมของฉันนะ”

                “ไม่ ต้องฉันต่างหาก”

                “ฮาจิเมะ ก้าวไปสู่โลกมายากับพวกเราเถอะนะ”

                ฮาจิเมะที่กำลังเหนื่อยกับการตามหาตัวซือโนะ และวิ่งหนีจากฝูงคนที่ต้องการตัวเข้าชมรม อาทิเช่น บาสเกตบอล ฟุตบอล การแสดง และอื่นๆ อีกมากมาย ฮาจิเมะเห็นว่าซือโนะเองก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ก็เลยกะว่าจะหนีไปเรื่อยๆ จนกว่าจะกลับไปถึงบ้าน

                ในตัวเมืองนามิโมริ

                “เย้ สนุกจัง แต่ว่าสู้ยามาโมโตะไม่ได้เลยนะเนี่ย สมแล้วที่เป็นนายน่ะ”

                “ไม่หรอก ซือโนะเองก็เหมือนกัน ดูๆ แล้วเนี่ยสกอร์มันมากกว่าเมื่อก่อนอีกนะเนี่ย”

                “จริงเหรอ เย่ส! โอ๊ย...แต่ว่าวันนี้เนี่ยฉันรู้สึกเหนื่อยเร็วจังเลยแฮ่ะ”

                “คร้าบ นี่ครับท่านซือโนะ ระหว่างเครปช็อกโกแลตไอศรีมสตรอเบอรี่กับเครป

    วานิลาไอศรีมช็อกโกแลตจะรับอะไรดีครับ”

                “ว้าว งั้นขอเป็นเครปช็อกโกแลตไอศรีมสตรอเบอรี่ก็แล้วกัน ขอบคุณมากเลยนะโกคุเทระคุง”

                “ไม่เป็นไรครับ...”

                “แล้วของฉันล่ะโกคุเทระคุง...”

                “อ้อ ของแกน่ะเหรอ หึ...นี้ไงล่ะ”

                เอ๊ะ นมขวดเย็นๆ เหรอ เอ๊ะ เดี๋ยว...ปกติโกคุเทระคุงมักจะว้ากใส่นี่นา แล้วทำไมคราวนี้...

                “โอ๊ะ ขอบใจมากเลยโกคุเทระ นายจำได้เหรอเนี่ยว่าฉันชอบน่ะ”

                “ก็ไปที่ห้องอาบน้ำสาธารณะ แล้วเห็นนายดื่มไปตั้งหลายขวดนี่หว่า”

                อ้อ ที่แท้...ก็ไปอาบน้ำมาด้วยกันนี่เอง เห็นแบบนี้เราก็ไม่ค่อยปวดหัวแฮ่ะ

                ซือโนะยิ้มมองให้กับทั้งคู่ที่กำลังคุยเรื่องในวันที่โกคุเทระกับยามาโมโตะไปอาบน้ำสาธารณะด้วยกัน โดยไม่รู้เลยว่ากำลังมีบางอย่างตรงเข้ามา

                พลั่กกกก

                “อ๊ะ โอ๊ยย! กระเป๋าล่ะ แย่ล่ะ มาอีกแล้ว ขอโทษก็แล้วกันนะ”

                “คะ ค่ะ...เอ๊ ทำไมเสียงนั้นมันคุ้นๆ จังเลยน้า บ๊ะ ช่างมันเถอะ แต่ว่า...เครปที่

    โกคุเทระคุงอุตส่าห์ซื้อให้”

                “ท่านซือโนะ เฮ้ย! แกกลับมา....”

                “ไม่เป็นไรหรอกโกคุเทระคุง เอางี้ ไปทานเค้กที่บ้านฉันก็แล้วกันรู้สึกว่าเมื่อวานจะทำเค้กครีมสดสตรอเบอรี่เอาไว้ในตู้เย้นนี่นา เราไปทานด้วยกันเถอะ ยามาโมโตะก็ด้วย”

                “โอ๊ ขอบใจมากเลยนะ...”

                หลังจากที่ซือโนะพยายามห้ามโกคุเทระด้วยการเบี่ยงเบนไปเรื่องอื่นได้สำเร็จ ทั้งสามก็เดินทางกลับไปยังบ้านของซือโนะด้วยกัน เพื่อไปนั่งทานขนมด้วยกัน

                ด้านฮาจิเมะ

                “แฮ่กๆๆ เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด ไม่นึกเลยว่าเด็กที่นี่จะบ้าพลังกันซะขนาดเนี่ย แต่ว่า...เด็กผู้หญิงคนนั้นจะเป็นอะไรหรือเปล่าน้า เราชนไปซะแรงเลยนี่นา เอาเถอะ กี่โมงแล้วล่ะเนี่ย...เฮ้ยย ไม่มี...ไม่มีมือถือ ไปไหนล่ะ...อ้าว นี้มันไม่ใช่กระเป๋าเรานี่นา แล้วกระเป๋าช้านหายไปไหน!!!

                ฮาจิเมะครวญครางเสร็จก็เดินวนไปวนมา จนเกิดหาทางในการแก้ไขปัญหา ด้วยการใช้โทรศัทพ์สาธารณะโทรเข้าเครื่องตัวเอง

                ตรู๊ดดดด

                “รับสิๆๆ”

                แกร๊กกก

                (“ฮัลโหลค่ะ เอ่อ นั่นใครเหรอค่ะ...”)

                “อ้อ ครับๆ เอ่อ คือพอดีโทรศัพท์ที่คุณกำลังถืออยู่น่ะ เป็นมือถือของผมน่ะครับ”

                (“แล้วคุณเป็นใครกันเหรอค่ะ”)

                “อ้อ คือ เอ่อ...คุณจำตอนที่คุณโดนใครบางคนวิ่งชนหรือเปล่าครับ”

                (“อ้อ รู้แล้วๆ คุณคือคนในตอนนั้น แต่ว่าฉันไม่เห็นหน้าคุณน่ะ แล้ว...ทำไมมือถือของคุณถึงมาอยู่ในกระเป๋าฉันล่ะค่ะเนี่ย”)

                “นั่นน่ะเป็นกระเป๋าของผมต่างหาก ส่วนกระเป๋าของคุณน่ะ อยู่กับผม ตอนที่ผมชนมันคงจะสลับกันน่ะครับ”

                (“เอ๊ จริงด้วย งั้น...เอาไงดีล่ะค่ะเนี่ย เอางี้ คุณมาที่บ้านฉันเอามั้ยค่ะ...”)

                “แล้วบ้านของคุณอยู่ตรงไหนล่ะครับ”

                (“อยู่ตรง %^&# ค่ะ แล้วบ้านของฉันก็จะอยู่ตรง #$%% ค่ะ ทราบแล้วใช่มั้ยค่ะ”

                “ครับๆ เดี๋ยวผมจะเอาของคุณไปคืนนะครับ รอซักพักนะครับ”

                แกร๊กกก

                เมื่อฮาจิเมะวางสายก็ออกตามหาบ้านที่ว่านั่น และแล้วก็ถึงที่ แต่ฮาจิเมะไม่ทันสังเกตป้ายชื่อบ้าน

                กริ๊งงง

                “ค่า...อ้าว เชิญค่ะ...ชือจ้างง เพื่อนๆมาแน่ะ อ้าว โกคุเทระคุง ยามาโมโตะคุง จะกลับแล้วเหรอจ๊ะเนี่ย”

                “ครับ ฝากขอบคุณเรื่องเค้กด้วยนะครับ พวกเราขอตัวก่อนนะครับ”

                “จ้า กลับบ้านดีๆนะจ้า ทั้งโกคุเทระกับยามาโมโตะน่ะ เอาล่ะ มาหาซือจังใช่มั้ยจ๊ะ ห้องของซือจังอยู่ข้างบนแน่ะ ตามสบายนะจ๊ะ”

                “คะ ครับ”

                ฮาจิเมะถอดรองเท้าออกแล้วเดินหาห้องของซือจังที่ว่านั่นและก็คิดว่าประตูบานนี้แน่ๆ ที่เป็นห้องของเด็กที่สลับกระเป๋ากับตน

                ก๊อกๆๆ แอ๊ดดด

                “อ้าว ไม่อยู่แหะ...งั้น นั่งรอก็แล้วกัน...ห้องสวยจังเลยแฮะ โอ๊ะ กรอบรูปนั้น ใครกันหน้าตาดูคุ้นแฮะ”

                “อ่ะ มาแล้วเหรอค่ะ นี่ค่ะ ทานขนมไปก่อนก็ได้นะค่ะ”

                “คะ ครับ”

                ซือโนะที่เปิดประตูเข้าทำเอาฮาจิเมะต้องตกใจแล้วนั่งนิ่ง แต่ก็ยังไม่เห็นหน้าเพราะตนนั่งหันหลังอยู่แถมยังเอาแต่ก้มหน้า

                “อ่ะ ชุดนี้ยังไม่ได้ซักนี่นา แม่ค่ะ ช่วยซักชุดให้หน่อยได้มั้ยค่ะ”

                ตุ้บบ

                อ่ะ หมวกแก็ปสีเหลืองฟ้า คุ้นๆจัง หรือว่า...มะ เหมือน หรือว่า อ๊ะ...

                “แม่ค่า...”

                “ซะ ซือโนะ...”

                “เอ๊ะ...นะ นาย ฮะ ฮาจิเมะ ฮาจิเมะที่ออนเซ็นในตอนนั้น ง่ะ...”

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    โอ้ว!!! ก็ต้องขอพูดคำว่า ขออำภัยนะคร้าาา
    ช่วงเน้เครียดมั่กๆๆ T^T ทั้งงานกีฬาสี (พอดีเขาอยู่ม.6 อ่ะ)
    การบ้านอีก แถมยังต้องอ่านหนังสืออีก อร๊ากกกก!! /(>{}<)\
    ก้อขอขอบพระกรุณาธิคุณ  เปงอย่างยิ่ง ที่อุตส่าห์
    ทนรอนังคนขี้เกียจคนนี้พิมพ์นะเค๊อ!
    ก็ขอฝากน้องซือโนะคนนี้นะครีาา บั้ยบ๊าย คร๊าา แง้วๆๆ (=>w<=)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×