ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Reborn] 10th I - Only Me ผมเท่านั้นที่จะขย้ำผืนนภานี้ได้

    ลำดับตอนที่ #8 : มนต์สะกด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.67K
      15
      1 ส.ค. 53

    “ใครเหรอครับ เจ้านั่นน่ะครับ คุณรีบอร์น...”

                “นายยังไม่รู้อีกเหรอโกคุเทระ ก็หมอนั่นเคยได้สึนะช่วยและบอกว่าอยากเป็นน้องของสึนะอีกด้วยน่ะ”

                รีบอร์นอธิบายให้โกคุเทระฟังคนเดียว เพราะว่ายามาดมโตะนั่นไม่ต้องพูดถึงเพราะอธิบายอะไรไปยังไงก็ไม่เข้าใจส่วนฮิบารินั่นไม่ค่อยสนใจในเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

                “ไง...ฉันมีเรื่องจะให้ช่วยน่ะ”

                “อ๊ะ อ้าวว แล้วพี่สึ เอ๊ย พี่ซือโนะล่ะครับไปไหนแล้ว”

                “ยะ อย่าบอกนะครับคุณรีบอร์นว่าจะให้....”

                “ใช่ ฉันจะให้ฟูตะ ช่วยใช้พลังแห่งดวงดาวดูให้หน่อยน่ะว่า พลังเนี่ย มันมีฝีมือระดับไหน”

                ฟูตะ เจ้าชายแห่งดวงดาว มีความสามารถในการจัดอันดับ Ranking หากแต่ว่ามีฝนตกล่ะก็จะทำให้การจัดอันดับั่วซั่วไม่รู้ทิศไม่รู้ทาง

                “ครับ เดี๋ยวผมจะดูให้นะครับ ถึงดาวจัดอันดับ นี่ฟูตะ ตอบด้วย....”

                “โห่ ดูเหมือนว่าจะติดต่อกับดวงดาวได้แล้วนะเนี่ย”

                “พลังนี่เป็นพลังมายาเป็นพลังที่มีอันดับ 4 ใน xxx (ไม่รู้มั่วเอาอ่ะนะ) เป็นพลังที่มีความร้ายกาจมากเลยทีเดียว หาคนมองออกว่าเป็นมายาได้น้อยมาก”

                “แล้ว...เจ้าคนที่ใช้พลังนี่เป็นใครในวงการการใช้มายาล่ะ”

                “ดูจากพลังในการใช้แล้วดูเหมือนจะเป็นอันดับที่....สะ....”

                ตุ้บบบ

                “สะ....สะ อะไรกันฟ่ะ เฮ้ย ฟูตะ ฟูตะ....”

                “แย่ล่ะสิ ดูเหมือนว่าจะมีคนเอายานอนหลับมาให้ฟูตะนะ เพราะหากเป็นฝนก็ไม่มีทางที่จะใช่ ดูเหมือนว่าต้องเปิดหาในสมุดของเจ้านี้เองซะแล้วสิ....”

                จากการวิคิดและวิเคราะห์ของรีบอร์น

                อันดับ 10 มาม่อน แห่งวอริเออร์

                อันดับ 4 ฟราน ข้อมูลยังเป็นความลับ (เพราะมันยังไม่มาโผล่น่ะดิ๊)

                และอันดับที่ 2 เป็นใครไม่ได้น้อยจาก โรคุโด มุคุโร่ ผู้พิทักษ์แห่งสายหมอกแห่งวองโกเล่รุ่นที่ 10

                “เอ๊ คุณรีบอร์นว่า จะเป็นใครกันครับ ผมว่าเจ้คนที่มีชื่อว่าฟรานมันน่าสงสัยมากเลยนะครับ”

                “ไม่หรอก โกคุเทระ ทั้งสามคนนั่นแหละน่าสงสัยหมด เพราะระหว่างที่พวกนายนั่งคิดกันฉันให้คนในวองโกเล่หาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าฟรานมาพร้อมรูปถ่ายแล้ว หมอนี้เป็นลูกศิษย์ของมุคุโร่ และยังถูกทาบทามเป็นผู้พิทักษ์แห่งสายหมอกในวองโกเล่อีกด้วย”

                “เอ๊ งานนี้มันชักจะยังไงๆแล้วนะครับ คุณรีบอร์น”

                แต่จากสีหน้าของทั้งสี่คนนั่นบอกได้เลยว่า ยามาโมโตะสงสัยในตัวมาม่อนเพราะเคยเห็นฝีมือมาก่อนและไม่คิดว่ามุคุโร่จะเป็นศัตรู ส่วนโกคุเทระนั่นคิดว่าอาจจะเป็นฟรานเพราะเป็นถึงลูกศิษย์ของมุคุโร่และอาจจะสั่งให้ฟรานมาเอาตัวไป หรือไม่แน่ก็อาจจะเป็นมุคุโร่เองก็ได้ที่มาเอาตัวซือโนะไปเอง หรืออาจจะมาม่อนเพราะแซนซัสมักจะให้มาม่อนกับเบลมาเอาตัวซือโนะไปอยู่ด้วย ส่วนฮิบารินั่นไม่ต้องสงสัย เพราะสายตาจ้องอยู่ที่มุคุโร่อยู่คนเดียวว่าเป็นฝีมือมันแน่ๆ

                “แล้วจะเอายังไงดีล่ะเนี่ยโกคุเทระคุง ตอนเนี่ย ระเบิดกำลังพร้อมที่จะปะทุอยู่ข้างๆฉันแล้วนะ”

                “อืมม เอายังไงดีล่ะเนี่ย คุณ.....”

                “อืม เข้าใจแล้วจะไปเดี๋ยวนี้แหละ....ได้เบาะแสมาแล้วล่ะ และดูเหมือนจะเป็นข่าวที่ร้ายมากๆ”

                “ข่าวอะไรกันเหรอครับ คุณรีบอร์น”

                “จากการที่ดีโน่ไปตรวจมาให้ มีข่าวใหญ่และดังว่า ซาวาดะ ซือโนะ น้องสาวของบอสวองโกเล่ ซาวาดะ สึนะโยชิ กำลังจะหมั้นกับผู้ชายคนหนึ่งในอิตาลี”

                “ว่ายังไงนะครับ แล้ว แล้วเราจะทำยังไงกันดีครับ”

                “ไม่ต้องห่วง ดีโน่บอกว่างานจะเริ่มในอีกสองสามวันข้างหน้านี่ และแน่นอนว่าเราจะดิ่งไปเพื่อดูว่าเป็นจริงหรือว่าเท็จกันแน่”

                ว่าแล้วคนที่ความเกี่ยวข้องกับซือโนะก็ได้เดินทางไปยังอิตาลีสู่คฤหาสน์แห่งวองโกเล่

                ตอนค่ำที่สนามเครื่องบินส่วนตัวของวองโกเล่

                “รุ่นที่ 9 เรากันแล้วครับ แล้วตอนนี้รู้ที่กบดานของเจ้าพวกนั่นหรือเปล่าครับ”

                “ไม่เลย แม้แต่นิดเดียว....แม้แต่คนที่เอาตัวเด็กคนนั้นไปเราเองก็ยังไม่รู้ ดูเหมือนว่าต้องพิสูจน์ในวันงานซะแล้วสิ”

                แน่นอนเลยว่าทุกคนก็ต้องไปหาซื้อเสื้อผ้าที่จะนำไปใช้ในวันงานหมั้นของซือโนะกับใครไม่รู้ ซึ่งมี โกคุเทระ เรียวเฮ ยามาโมโตะ แรมโบ้ โคลม ฮิบาริ และรีบอร์น และแล้ววันงานหมั้นก็มาถึง

                “เชิญครับ ได้ยินมาว่าคุณเป็นเพื่อนกับท่านซือโนะ ทางเราจึงยินดีให้พวกท่านได้พบ”

                “เอ่อ คุณดีโน่ พวกนี้เป็นใครกันเหรอครับ”

                “อ้อ จากที่พวกฉันไปสืบมาดูเหมือนว่าจะจ้างมาน่ะ เห็นว่าให้ค่าจ้างเยอะมากทีเดียว”

                “อ้อ อย่างงั้นเหรอครับ....”

                “ถึงแล้วครับ ทางเราขอตัวไปหน้างานก่อนนะครับ”

                แอ๊ดดด

                “ซะ ซือโนะ!!! นายเป็นยังไงบ้าง ใครเป็นคนพาเธอมาที่นี้”

                “เอ๊ะ คุณ...คุณดีโน่ใช่มั้ยค่ะ แล้วทุกคนก็ด้วย ตอนนี้ฉันกำลังหมั้นแล้ว กับคนที่ฉันรักด้วยล่ะค่ะ”

                “เอ๊ะ หมายความว่ายังไงกันซือโนะ คนที่เธอรักน่ะมันเคียวยะไม่ใช่เหรอ”

                “เอ๊ะ เคียวยะ....ใครกันเหรอค่ะ เคียวยะน่ะ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย”

                คำพูดของซือโนะทำให้ใจของฮิบาริถึงกลับต้องกลายเป็นฟอสซิล

                “เพราะอะไรกัน เอ๊ะ ตาเลื่อนลอยแบบนี้ ซือโนะโดนมายาสะกดเอาไว้”

                “หมายถึง มนต์สะกดอะไรประมาณนั้นน่ะเหรอครับ”

                “ใช่....ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะมีทางแก้ไขหรือเปล่า”

                “เอ่อ ยังไง...ลองให้ฉันใช้มายาหักล้างกันดีมั้ยค่ะ”

                “คุณน่ะยังมีพลังไม่พอที่จะมาหักล้างกับพลังของผมหรอกนะคร้าบบบ”

                “นาย....นายคือฟราน!!! แกเองเหรอที่ทำให้ซือโนะเป็นแบบนี้น่ะ”

                “ก็ใช่คร้าบบบ แค่ครึ่งเดียวน่ะ....ผมไม่ได้เป็นคนลักพาตัวคุณซือโนะมาหรอกกก”

                “แล้วใครกันล่ะ ที่เป็นคนลักพาตัวซือโนะมาน่ะ”

                แอ๊ดดด

                ประตูข้างๆห้องถูกเปิดออก มีชายในชุดสูทสีขาวเดินออกมาและทักว่า

                “อ้าวว พวกคุณ มากันแล้วเหรอครับ แหมๆๆ ผมนึกว่าจะไม่มากันซะแล้วนะเนี่ย”

                “อ๊ะ มุคุโร่ซัง เสร็จแล้วเหรอค่ะ เหมาะมากเลยล่ะค่ะ ตอนแรกฉันนึกว่าจะไม่เหมาะแล้วนะค่ะเนี่ย”

                มุคุโร่ในชุดสูทสีขาวนั่นเป็นคู่หมั้นของซือโนะ หรือก็คือมุคุโร่คือคนที่ลักพาตัวซือโนะ ส่วนคนที่ใช้มายาสะกดจิตของซือโนะก็คือฟราน

                “แก....ฉันจะขย้ำให้ตาย” เอ่อ คำๆนี้ทุกท่านคงจะทราบว่าเป็นใครนะค่ะ

                ฮิบาริจับทอนฟาไว้แน่นแล้วพุ่งเข้าใส่มุคุโร่ หวังจะฟาดซักยกหนึ่งแต่ว่า....

                “หยุดนะ ห้ามทำร้ายมุคุโร่ซังนะ คุณเป็นใครแล้วทำไมต้องมาทำร้ายมุคุโร่ซังด้วย เขาออกจะเป็นคนดีแท้ๆ”

                “หึๆๆ ขอโทษด้วยล่ะกันนะ ผมน่ะต้องไปแล้วล่ะ แล้วรายละเอียดทั้งหมดเดี๋ยวฟรานจะอธิบายให้พวกคุณฟังเอง”

                ซือโนะและมุคุโร่ได้เดินออกจากห้องไป ซึ่งมุคุโร่มีสีหน้าที่มีความสุขที่ได้ตัวซือโนะ ส่วนซือโนะถึงจะมีสีหน้าที่ดีใจแต่ดวงตากลับดูไม่มีแววตา ที่เป็นคนๆเดิม

                “หมายความว่ายังไงกันห่ะ ไอ้กบ หากว่าแกไม่อธิบายมาดีๆล่ะก็ ฉันจะระเบิดแกเดี๋ยวนี้แหละ”

                “คร้าบบบ คือว่า....ซือโนะซังน่ะ ถูกผมใช้มายาให้รักแต่อาจารย์ ซึ่งอาจารย์บอกว่าอยากให้ผมเพิ่มรายละเอียดนิดๆ ลงไปอีกหน่อย”

                “ให้ซือโนะไม่รู้จักเคียวยะใช่มั้ย”

                “คร้าบบ เพราะอาจารย์กลัวว่าเธอจะจำได้ มันก็เท่านั้นเองล่ะครับ...”

                “งั้นแกก็ใช้พลังมายาของแก ให้ท่านซือโนะจำได้สิฟ่ะ”

                โกคุเทระคว้าคอเสื้อของฟรานและพูดอย่างร้อนรนในใจ

                “ไม่ได้หรอกคร้าบบ เพราะว่าพอผมใช้มายาสะกดให้เธอคนนั้นรักแต่อาจารย์เสร็จ อาจารย์ก็บอกว่าจะล็อกพลังทุกอย่างไม่ให้มาทำลายพลังมายาที่อาจารย์สร้างเอาไว้น่ะครับบบ แม้แต่พลังก็ผมก็ยังทำอะไรไม่ได้”

                “จริงด้วย นี่เจ้าหนู ถ้าหากว่าเราใช้พลังของเพื่อนของเธอตอนศึกชิงแหวนเนี่ย น่าจะทำได้นะ เพราะพลังก็น่าจะเท่าๆกันนี่นา”

                ยามาโมโตะพูดอย่างมั่นใจว่า หากใช้พลังของมาม่อนน่าจะได้ผล

                “ไม่หรอกยามาโมโตะ นายอย่าลืมสิว่ามาม่อนก็แพ้ให้กับมุคุโร่ไปแล้วนะ”

                “จริงด้วยสินะ....”

                ทุกคนต่างก็ครุ่นคิดกันก่อนที่จะหมดเวลาและเริ่มงานหมั้นของซือโนะ ฮิบาริเลยพูดออกมาว่า....

                “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าจะทำยังไง แต่ฉัน....ไม่ยอมให้ยัยนั่นอยู่ในอ้อมแขนของไอ้บ้านั่นหรอก หึ....”

                ฮิบาริพูดจบก็วิ่งออกไป ทิ้งให้ที่เหลือได้แต่ทำหน้างง

                “มุคุโร่ซังคนพวกนั่นฉันรู้จักนะค่ะ แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน มันเหมือนกับว่า....ฉันเคย....เคยมีความรู้สึกดีๆกับเขาน่ะค่ะ”

                “ไม่หรอกครับ ซือโนะ คุณคงจะคิดไปเองนะค่ะ ลืมไปแล้วเหรอว่าเรากำลังหมั้นกันอยู่นะครับ พูดแบบเนี่ยผมก็หึงเป็นนะครับ”

                “แหม มุคุโร่ซังล่ะก็ เอ่อ แล้วฟรานคุง เคนแล้วก็จิคุสะล่ะค่ะ”

                “อ้อ ฟรานเขากำลังอยู่กับเพื่อนของคุณอยู่ ส่วนเคนกับจิคุสะกำลังเตรียมงานบนเวทีอยู่ครับ”

                มุคุโร่พูดในสีหน้าที่มีความสุข ที่กำลังจะได้ซือโนะเป็นคู่หมั้นของตน ทั้งคู่เดินไปที่งานพร้อมที่จะขึ้นเวที ตอนนี้กำลังเดินตัดสวนดอกไม้เพื่อเข้าไปในที่จัดงาน

                แซ่กกก

                มีเสียงบางอย่างอยู่ที่พุ่มไม้ ซือโนะสงสัยเลยวิ่งละออกจากมุคุโร่ ซึ่งแน่นอนว่ามุคุโร่ก็เดินตามไปดู ซือโนะพบว่าเป็นนกน้อยสีเหลือง ซึ่งซือโนะก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ซือโนะเลยคิดว่าคงจะร่วงลงมาจากต้นไม้ ที่จริงนกตัวนี้คือฮิเบิร์ดที่ฮิบาริใช้เป็นตัวล่อ มุคุโร่ที่กำลังเดินเข้าไปใกล้ตัวซือโนะก็ถูกฮิบาริขวางไว้และโดนจัดการหลังพุ่ม (อย่าคิดลึกนะ ไอ้จัดการน่ะหมายถึงขย้ำโดยทอนฟาน่ะ) และมัดไว้กับต้นไม้ ฮิบาริจัดการเสร็จก็รีบกลับไปที่ที่ซือโนะกำลังอยู่กับฮิเบิร์ด

                “อ๊ะ คะ คุณ....เอ่อ ชะ ช่วยดูเจ้านกนี้ได้มั้ยค่ะ คือ....”

                “นี่จำไม่ได้จริงๆเหรอ เมื่อก่อนเธอยัง....เอ่อ ช่างเถอะ ฉันเคยคิดเอาให้เธอมาหลายครั้ง นานแล้วล่ะที่ไม่ได้ตอบแทนช็อกโกแลตออันนั้น ฉันเลยเอาไอ้นี่มาให้”

                ฮิบาริยื่นกล่องเล็กๆสีขาวสลับดำผูกด้วยริบบิ้นสีแดง ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับลายกล่องช็อกโกแลตที่ซือโนะให้กับฮิบาริไปในวันวาเลนไทน์ ข้างในเป็นแหวนเงินเกลี้ยงเกลา ภายในแหวนมีอักษรสลักอยู่เป็น วันที่ซือโนะได้ไปเที่ยวกับฮิบาริเป็นครั้งแรก

                “เอ๊ะ ทำไม....ทำไมเหมือนกับว่าฉันเคยเห็นเจ้านี้มาก่อน เอ๊ะ...อะไรกัน...เลขนี้มัน...อะไรกัน”

                “ฉันคงอธิบายไป เธอก็คงไม่เข้าใจหรอก งั้นฉันให้เห็นไอ้นี้ก็แล้วกัน”

                ฮิบาริกำบางอย่างในมือแล้วยื่นวางบนมือของซือโนะ สิ่งนั้นคือดอกซากุระที่แห้งแล้วแต่ยังคงมีสีสันสีชมพูของซากุระหลงเหลืออยู่ (กลับไปดูในตอนที่ฮิบาริไปเที่ยวกับซือโนะครั้งแรกได้ เพราะเราแก้แล้ว)

                “นี่มัน อ๊ะ หัวฉัน.....ปวด...ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้”

                “ซะ ซือโนะ....”

                “กรุณาถอยออกมาห่างๆ อ๊า แย่ล่ะสิ ดูเหมือนว่าต้องยกเลิกงานซะแล้วซิ แหมๆ พอซือโนะมาเจอคุณก็ดันจะจำได้ซะแล้วสิ เห็นที ผมต้องรีบในเริ่มงานหมั้นให้ไวขึ้นซะแล้ว ผมไม่ยอมยกเลิกงานอย่างที่ผมพูดหรอกนะครับ เพราะงั้น...ขอตัวซือโนะไปก่อนก็แล้วกันนะครับ”

                “แก กลับมานี้นะ ชิ ฉันจะขย้ำแกให้ตายเลย”

                ในงานหมั้น

                “ขอโทษด้วยนะครับ ที่มาสาย พอดีซือโนะเขารู้สึกปวดหัวกะทันหัน เพราะงั้นช่วยเร่งงานหมั้นเถอะนะครับ”

                “อ๊ะ ได้ครับ.....”

                ตรู๊ดดด ตรู๊ดดด

                “ว่าไง นายว่ายังไงนะ!!! จริงเหรอเนี่ย กำลังมายังงั้นเหรอ แย่ล่ะสิ งั้นแค่นี้ก่อนนะ”

                “ท่านรุ่นที่ 9 มีเรื่องอะไรเหรอครับ”

                “ดูเหมือนว่า เจ้านั่นกำลังตรงมา จากญี่ปุ่น....ก็เหมือนว่ากะจะมาทำลายงานนี้เป็นแน่”

                “ถ้าอย่างงั้นก็แย่สิครับท่านรุ่นที่ 9 แต่ก็ไม่แน่....จากที่ผมแอบไปดู ดูเหมือนว่าซือโนะก็ใกล้จะจำเรื่องทั้งหมดได้ เหมือนกับว่าฮิบาริหรือไม่แน่คนอื่นด้วย จะสามารถทำลายมายาที่มุคุโร่ทำเอาไว้ได้”

                “แล้วเจ้านั่นมันจะทำอะไรได้ เจ้านั่นมันเกลียดซือโนะมานานแล้วไม่ใช่เหรอ”

                “ไม่หรอกครับ ท่านอย่าลืมสิว่า ทำไมเขาคนนั้นถึงถ่อไปยันญี่ปุ่น”

                “นั่นสินะ ไม่แน่ก็เป็นได้....”

                ปึ่งงงง

                “ไอ้สวะ จะหมั้นกับใครกันห่ะ!!!

                “เอ๊ะ อ๊า คะ คุณเป็นใครกัน....แล้วทำไม....ทำไมต้องมาทำกับงานของฉันกับมุคุโร่แบบนี้ด้วย ฮึก.....”

                “แก....แก....แกตายซะ!!!

                “หยุดนะ! ไม่ว่าใครก็จะทำร้ายมุคุโร่ซัง ถึงแม้แต่แซนซัสก็เถอะ”

                “เธอ...เธอจำไม่ได้จริงๆเหรอ ฉันอุตส่าห์มอบสิ่งนั้นให้ แล้วเธอ....หึ ดีนะที่เธอยังเอาติดตัวมา สิ่งนี้น่ะ”

                แซนซัสจับขนนกที่ผูกอยู่กับผมของซือโนะด้านซ้ายอย่างเบามือ

                “ขนนกนี่มัน เอ๊ะ ทำไม....ตอนแรก...มันเป็นสีขาวที่ฉัน...เคยเก็บ อ๊ะ นั่นมัน ทำไมล่ะ....”

                “เธอให้ฉันเอง จำไม่ได้เหรอ ขนนกอันนี้ เธอบอกว่าเก็บได้”

                “อ๊ะ ทำไม ทั้งแซนซัส ทั้งคนๆนั้น ทำไม.... อ๊า!!!

                “ซือโนะ...ซือโนะ เป็นอะไรหรือเปล่า”

                “มุคุ...มุคุโร่ซัง ฉัน...ฉัน อ๊ะ....ไม่ไหว หัว....เหมือนจะระเบิด อ๊า!!!

                ซือโนะร้องเสียงดังลั่นอย่างทรมานและสลบลงไปในอ้อมกอดของมุคุโร่

                “ซือโนะ แก...ปลดมายาสั่วๆที่แกทำกับซือโนะเดี๋ยวนี้”

                “หึ เรื่องอะไรล่ะครับ ผมอุตส่าห์ได้ตัวเธอมา อีกอย่างพลังของพวกคุณ....ทำอะไรกับผมไม่ได้หรอกนะครับ แม้แต่เด็กคนนั้น”

                “คงจะหมดหวังแล้วสิเนี่ย...ถ้าหากไม่มีใครสามารถทำได้นอกจากมุคุโร่ ซือโนะก็คงไม่กลับมาเป็นแบบเดิมหรอก”

                “ไม่หรอก พวกเจ้ายังมีทางอยู่.....”

                รุ่นที่ 9 ที่รำพึงว่าคงไม่มีหนทางที่จะทำได้ แต่มีเสียงๆหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากที่ไหน

                “อ๊ะ แหวน....แหวนของซือโนะมันส่องแสงเพราะอะไรกัน อ๊ะ หรือว่า....”

                “ใช่แล้ว ตอนที่ท่านรับการทดสอบยังไงล่ะ”

                “ใช่แล้ว รุ่นที่ 9 เราเอง เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกนะว่าไม่มีหนทาง ออเด้ เรารู้ว่าเธออยู่ เธอคงจะฟังมาตลอดเหมือนกันกับฉัน”

                “ครับ หึ ถึงแม้ผมอยากจะให้เด็กคนนี้ เป็นแบบเดียวกันกับสิ่งที่ผมต้องการที่จะทำในอดีตก็ตามที ผมอยากให้คนในวองโกเล่ตีกันอยู่แล้วนี่นะ”

                เสียงทั้งสองออกมาจากแหวนของซือโนะและมุคุโร่ และยังมีร่างวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ในแหวนออกมาและพูดคุยกับทุกคน

                “ออเด้ เจ้าก็ยังคงเป็นแบบนั่นตั้งแต่สมัยก่อนเลยนะเนี่ย เอาเถอะ ยังไงก็ช่วยจัดการให้หน่อยซิ ถือว่าเราขอร้อง เราอยากให้สายเลือดของเราต้องถูกบงการโดยมิชอบ”

                “แหม ผมเองก็ไม่อยากจะช่วยหรอกนะ แต่ว่า....ยังไงก็ตามผมก็เป็นเพียงแค่วิญญาณ และไม่อยากจะทำอะไรไม่ดีต่อสายเลือดของคุณนี่นา คุณอุตส่าห์เลือกผมเป็นผู้พิทักษ์นี่เนอะ งั้น.....”

                ออเด้เป็นผู้พิทักษ์ของรุ่นที่ 1 ซึ่งแน่นอนว่าพลังมายานั้นมีมากกว่ามุคุโร่อยู่หลายเท่า

                “เอาล่ะ ตอนนี้คงต้องรอให้ฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะ ตอนนี้ผมต้องขอลาล่ะ....”

                “ถ้ายังไงเด็กคนนี้ก็ต้องให้พวกเจ้าดูแลด้วยก็แล้วกัน เพราะว่า....โอ๊ะ พูดไม่ได้สินะ”

                รุ่นที่ 1 พูดจบก็สลายกลับเข้าไปในแหวนของซือโนะดังเดิมทุกคนก็เริ่มที่จะโล่งใจไปนิดหนึ่ง

                “แก ส่งตัวซือโนะมา....เดี๋ยวนี้!!!

                “เรื่องอะไรกันล่ะ ไม่แน่ก็ได้มายาของผมอาจจะไม่ถูกทำลายลงแล้วก็ได้ เพราะงั้นผมไม่มอบซือโนะให้กับพวกคุณง่ายหรออกครับ”

                “ฉันไม่ยอมหรอกนะไอ้สวะ!!!

                เหล่าสาวกน้องทูน่าต่างรุมกันกระทืบมุคุโร่ (โกคุเทระ ยามาโมโตะ ฮิบาริ แซนซัส ดีโน่ ส่วนเรียวเฮคิดว่ากำลังสู้กันแบบฝึกซ้อมเลยแจม แรมโบ้คอยปาระเบิด เหล่าวอริเออร์ไม่สามารถร่วมได้เพราะโดนแซนซัสจัดการไปหลายยกไม่ค่อยมีแรงเหลือขนาดจะเดินยังแทบไม่ไหว โคลมมิอาจจะทำร้ายท่านมุคุโร่ได้) [เด็กดีมากเลยนะลูก ไม่ทำน่ะดีแล้ว]

                “อ๊ะ บอส...พอเถอะครับ”

                “อะไรว่ะ มาม่อนแกมีอะไรจะพูด....”

                “จริงด้วย ทุกคนหยุดได้แล้วค่ะ!

                “ทำไม!!!” อ่ะโห่ สามัคคีกันชิบหาย

                “นั้นเป็นภาพลวงตาค่ะ / นั้นเป็นภาพลวงตาครับบอส”

                “ว่ายังไงนะ!! ถึงว่าสิ ทำไมมันทนมือทนเท้าได้ใจจิ๊บ แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน เราก็ไม่รู้ อืมมม....”

                “อ๊ะ จริงด้วย มาม่อน นายใช้ภาพขี้มูกได้ไม่ใช่เหรอ”

                เบลพูดขึ้นมาอย่างทันควัน ถึงแม้จะอยู่ในสภาพกะโผลกกะเผลกก็ตามที

                “อืม ถ้าหากงานนี้ฉันไม่ทำให้บอสล่ะก็ คงจะถูกฆ่าอย่างแน่ เอาล่ะ....อืมม อะไรกันทุ่งหญ้ายังงั้นเหรอ....หมายความว่ายังไงกัน”

                “ก็ทำให้มันชัดเจนขึ้นเซ่!

                “ไม่ได้หรอก เพราะว่าพลังถูกปิดกั้นโดยเจ้านั่น มันเลยแสดงข้อมูลออกมาได้เท่านี้”

                “ทุ่งหญ้า....ทุ่งหญ้ายังงั้นเหรอ มันเหมือนกับว่าเคยได้เห็นมาก่อน...ถึงแม้มันจะนานก็ตามที”

                “โคลมเธอนึกอะไรออกยังงั้นเหรอ”

                “อ๊ะ ค่ะ มันเหมือนกับว่าท่านมุคุโร่เคย....พบกับฉันครั้งแรกล่ะมั้ง ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ไปที่นั้นมานานแล้วตามที เหมือนกับ....”

                “ทุ่งหญ้าเหรอ โคลม พยายามนึกเข้าว่ามันที่ไหน”

                “ค่ะ ฉันจะ....พะ...พยายาม....”

                “ไม่ไหวดูเหมือนว่าโคลมจะใช้พลังไปพอควรทีเดียว คงต้องพยายามตีความกันเองแล้วล่ะนะ”

                “ยังงั้นเหรอ แล้วจะทำยังไงดีล่ะ คนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับไอ้ทุ่งหญ้าอะไรนั่นก็มีแค่เจ้าพวกนี้นะ โคลมก็สลบ แล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย”

                “จริงด้วย ไอ้เจ้ากบนั่นไง ไม่แน่ว่ามันอาจจะรู้ก็ได้”

                “ปู๊ เสียใจด้วย ผมไม่รู้หรอกคร้าบบ อาจารย์ยังไม่เคยพาผมไปที่อะไรแบบน้านเลยซักครั้งเดียว”

                ฟรานออกมาแล้วบอกคำตอบก่อนที่จะโดนทุกคนรุมตื้บ

                “แย่ล่ะสิเนี่ยทีเนี่ย แล้วใครดีล่ะเนี่ย ที่จะช่วยได้....”

                “อ๊ะ จริงด้วย....”

                “อะไรห่ะ มาม่อน!

                “บอสจำเจ้านั่นได้มั้ยครับ เจ้าหมอนั่นไง ตอนศึกชิงแหวนในศึกแห่งนภา ตอนนั้นที่ทางเราเรียกพวกหน่วยลอบสังหารมา 50 กว่าคนน่ะ แล้วเจ้าหมอนั่นก็โผล่ออกมา”

                “จริงด้วย! เจ้าหมอนั่นคนดังในคดีฆาตรกรรมหมู่ในแถบอิตาลีตอนเหนือ”

                ทุกคนเลยออกเดินทางไปยังอิตาลีตอนเหนือ เพื่อไปพบกับคนคนนั้น

               

    “ที่นี้แน่ๆ แล้วคิดว่าหมอนั่นจะอยู่มั้ยล่ะครับคุณรีบอร์น”

                “ไม่ลองก็ไม่รู้ ยังไงก็ลองดูรอบๆก็แล้วกัน”

                ฮิบาริที่กำลังเดินอยู่แถวๆหลังคฤหาสน์ ทิวทัศน์เป็นทะเลสาบและป่าไม้เขียวชะอุ่ม ฮิบาริกะว่าจะนั่งพักและทำให้ใจสงบ แต่สสายตาก็ไปปะทะกับ.....

                “หมอนี้....เจอตัวซะที”

                ฮิบาริพบกับลันเชียที่กำลังนอนแผ่อยู่บนหญ้าริมทะเลสาบ ข้างๆตัวมีลูกตุ้มอสรพิษวางเอาไว้

                “หืมม นายมัน เพื่อนของสึนะโยชิสินะ มีธุระอะไรที่แฟมิลี่ของฉันห่ะ”

                “เห๊ แค่อยากจะมาถามน่ะ ที่จริงในใจก็อยากจะลองสู้ด้วยซักตั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้มีงานด่วนเลยทำไม่ได้”

                “แล้วมีเรื่องจะถามอะไรฉันล่ะ....”

                “มุคุโร่....แกพอจะรู้มั้ยว่า....ทุ่งหญ้าที่มันพูดถึงมันที่ไหนกัน”

                “อ้อ ไอ้ทุ่งหญ้านั่นน่ะมันอยู่.....”

               

                “เจอมั้ยครับคุณรีบอร์น เจ้าลันเชียนั่นน่ะ”

                “ไม่....ทางนายล่ะเรียวเฮ”

                “ไม่....ว่าแต่ ไอ้เจ้าฮิบาริมันหายไปไหนล่ะเนี่ย”

                ทุกคนรวมทั้งวอริเออร์ต่างก็รวมตัวกัน เพราะหาตัวลันเชียไม่เจอ แต่แล้ว

                “อ้าว อยู่ที่นี้ยังงั้นเหรอ”

                ลันเชียเดินออกมาจากด้านหลังคฤหาสน์แล้วตรงเข้าไปในกลุ่ม

                “หาเจ้าเด็กเมฆาอยู่ใช่มั้ย หมอนั่นมันไปแล้วล่ะ ดูเหมือนว่าไปประมาณหลายสิบนาทีได้แล้ว”

                “ว่าไงนะ! แล้วมันที่ไหนกันห่ะ!

                “ก็ทางตะวันตกจากที่นี้อีกประมาณ 200 เมตร เดี๋ยวก็ถึงเองแหละ เห้นว่ากำลังหาคนใช่มั้ย ฉันจะช่วยด้วยก็แล้วกัน ไอ้เจ้านั่นมันประมาทไม่ค่อยจะได้”

                ณ ทุ่งหญ้า ซือโนะนั้นนอนอยู่ใต้ต้นไม้ และตรงกลางของทุ่งหญ้าก็เกิดการฉะกันของคนสองคน นั่นคือฮิบาริที่กำลังควงทอนฟาฟาดกับมุคุโร่ที่ใช้สามง่าม

                “นี่แก แกใช้ไอ้เจ้าแง่มนี่ ทำให้ซือโนะเป็นแผลยังไงเหรอ”

                “อ๊ะๆๆ ผมเปล่านะครับ ผมแค่ใช้พลังมายาก็เท่านั้น แต่หลังจากชายที่ชื่อออเด้มาทำอะไรซักอย่างใส่ซือโนะ เธอก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย เพราะงั้น....ผมเองก็ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”

                “อือ....เอ๊ะ ทำไมกันล่ะเนี่ย แล้วนี่....ฉันเป็นใครกัน แล้วทำไมมีคนมาทะเลาะกันล่ะเนี่ย แล้วที่นี้มันที่ไหนกัน”

                ซือโนะที่ฟื้นขึ้นควรจะคืนสู่ปกติ กลับกลายเป็นว่าความจำหายไป เลยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร

                “ซือโนะ!!

                “เอ๊ะ เด็กเหรอ น่ารักจัง อ้าว แล้ว...พวกคุณ เป็นใครกันค่ะ”

                แซนซัสถึงกับอึ้งในคำถามของซือโนะ แซนซัสถลาเข้าไปแล้วถามซือโนะ

                “อย่ามาล้อเล่นกับคนอย่างฉันนะไอ้สวะ แก...แกก็รู้นี้ว่าแกเป็นใคร แล้วแกก็น่าจะจำฉันได้”

                “โอ๊ยย ช่วยปล่อยฉันก่อนเถอะค่ะ ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นใครด้วยซ้ำ”

                “เฮ้ยๆ แซนซัสพอทีเถอะ”

                “ใช่แล้วแซนซัส อย่างที่ดีโน่ว่านั่นแหละ”

                “อ๊ะ...เท่จังเลย เอ่อ คุณชื่อดีโน่เหรอค่ะ”

    “อ๊ะ เอ่อ ใช่ แล้วซือโนะล่ะเป้นไงบ้าง”

    “ซือโนะ คือชื่อของฉันเหรอค่ะ งั้นคุณดีโน่ค่ะ ช่วยฉันด้วยเถอะค่ะ ฉันอยาก....อยากรู้ อยากได้ความทรงจำกลับมา ช่วยทีเถอะค่ะ!!

                “เอ่อ แย่แล้วสิเรา เอ่อ ท่านรุ่นที่ 9 ครับ ผมจะทำยังไงดีล่ะครับ”

                ดีโน่หันไปขอความช่วยเหลือจากรุ่นที่ 9 โดยมีรังสีอำมหิตแผ่มาจากแซนซัสอย่างมาก ทำให้ดีโน่ถึงกลับเสียวส้นหลังว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองหรือเปล่า

                “อืม งั้น....พาซือโนะไปอยู่ที่โรงพยาบาลในอิตาลีก่อน แล้วฉันจะให้อิเอมิสึบอกกับแม่ของซือโนะว่าจะให้อยู่ที่อิตาลีไปซักพักหนึ่งล่ะกันนะ เอาล่ะ พวกเราก็รีบไปโรงพยาบาลเถอะนะ”

                “เอ่อ คือว่า....แล้วทั้งสองคนนั่นล่ะครับ จะเอายังไง”

                “อ้อ สองคนนั่นก็ปล่อยให้สู้กันไปเถอะนะ เดี๋ยวก็เลิกเองล่ะนะ”

                รุ่นที่ 9 พูดจบก็ให้ดีโน่พาตัวซือโนะตามรุ่นที่ 9 ไปยังโรงพยาบาลในเครือวองโกเล่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×