ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Reborn] 10th I - Only Me ผมเท่านั้นที่จะขย้ำผืนนภานี้ได้

    ลำดับตอนที่ #19 : ใครจะมาหยุดได้ล่ะ...?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      6
      1 มี.ค. 55

                 ทั้งคู่ฉะกับอย่างไม่ลดละ ทำให้ผู้ดูอย่างโกคุเทระ ดีโน่ และฮิบาริถึงกลับลืมหายใจไปชั่วขณะ

                “อืม น่ากลัวแหะ...”

                “น่ากลัวเหรอ หมายความว่ายังไง ดีโน่ อธิบายมาสิ”

                “เมื่อก่อน ตอนที่ฉันยังเป็นแค่เด็กที่คอยตามหัวหน้าแก๊งคนก่อน วันนั้นเป็นงานฉลองครบรอบของวองโกเล่ แน่นอนว่าแก๊งพันธมิตรอันดับต้นๆอย่างฉันก็ต้องไปร่วม ฉันได้รับการแนะนำตัวต่อท่านรุ่นที่ 9 และฉันก็แอบหนีไปหลบในป่า นายก็คงจะรู้ว่าฉันเกลียดการเป็นมาเฟีย และนั้นทำให้ฉันพบกับ....”

                “กับ... หรือว่าจะเป็น...”

                “ใช่รีเทิร์นกับรีบอร์นในสมัยนั้น รู้สึกว่าตอนนั้นพวกนั้นจะยังไม่ได้รับจุกนม รีบอร์นก็มีรูปร่างเป็นเด็กประมาณประถม วันนั้นพวกนั้นแค่ใช้ของที่อยู่รอบตัวเท่านั้น”

                “เดี๋ยวๆๆ นายบอกฉันไปว่าพวกเขาอยู่ในป่า แล้วพวกนั้นจะ...เดี๋ยว อย่าบอกนะว่า”

                “ใช่ พวกเขาใช้ของที่อยู่ในป่า พวกใบไม้ กิ่งไม้ น้ำ ทุกอย่าง แม้แต่พวกสัตว์มีพิษก็เอามาใช้ ฉันก็ดูไปเรื่อยจนทั้งสองสู้กันเสร็จ บาดแผลน่ะสาหัสเอาการ ถึงขั้นต้องให้เลือดที่โรงพยาบาลเลยล่ะ แถมฉันมารู้ทีหลังด้วยว่าทำไมต้องสู้กัน แล้วรู้มั้ยรีเทิร์นตอบมาว่าอะไร”

                “ว่าอะไรงั้นเหรอ ม้าพยศ...”

                “เธอบอกว่า... ก็พี่ฉันดันมาแย่งของเล่นอันใหม่ของฉันของเล่นนั้นน่ะเป็นปืนสำหรับพวกสไนเปอร์เลยล่ะ”

                “ไม่น่าเชื่อเลย ว่าพวกเขาจะทำได้ถึงขนาดนี้น่ะ”

                ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด

                “ว่าไง จริงเหรอโรมาริโอ้ ยังเหรอ เข้าใจแล้ว โกคุเทระ ได้เวลางานของนายแล้ว เราเจอเส้นทางใต้ดิน แต่ว่ามันตันเพราะงั้น...”

                “จะบอกว่า ต้องใช้ระเบิดของฉันใช่มั้ย งานนี้ฉันจัดให้เต็มที่ไปเลย เจ้าม้าพยศ”

     

                “ว่าไง ไอ้เปี๊ยก เสร็จหรือยัง”

                “ใกล้แล้ว อีกห้า สี่ สาม สอง และหนึ่ง เรียบร้อย นายพาเธอออกมาได้แล้ว ส่วนฉันก็ขอตัวลาล่ะนะ”

                เวลเด้ได้ลอยขึ้นไปในยานบินของตัวเองที่อยู่บนฟ้า ส่วนแซนซัสก็อุ้มซือโนะออกมาจากเครื่อง พร้อมกับสั่งให้สควอโล่เดินนำหน้าไปยังห้องสมุดของท่านรุ่นที่ 9

                บรึ้มมม

                “สำเร็จแล้ว มาถึงแล้วล่ะ ซือโนะต้องอยู่ที่นี้แน่ๆ”

                “ไม่หรอก ดูเหมือนว่าจะไม่อยู่แล้วนะครับบอส”

                “จริงด้วย ท่าทางเพิ่งจะออกไปจากห้องนี้ได้ซักครู่นี่เอง ตามไปกันเถอะ เร็วเข้า!!!

               

                “อืม จริงเหรอ ซือโนะคุง ที่เธอจะยอมเป็นคู่หมั้นของแซนซัสน่ะ”

                “ค่ะ...”

                “แต่ว่า! เธอกำลังจะได้กลับไปเป็นแบบเดิมนะ เธอไม่อยากมีชีวิตแบบเดิมแล้วเหรอ การเป็นซาวาดะ สึนะโยชิน่ะ”

                “ไม่ค่ะ...ไม่เลย ฉันว่า...ฉันชอบแบบนี้มากกว่าค่ะ ท่านรุ่นที่ 9

                “อืม งั้น...ก็เซ็นชื่อตรงนี้ แล้วเธอจะได้การยอมรับว่าเป็นคู่หมั้นและว่าที่ลูกสะใภ้ของฉัน ไม่สิต้องเรียกว่าฉันจะได้ลูกเขยหรือก็คือแซนซัสมากกว่า”

                ซือโนะไม่มีการรีรอ เธอเซ็นชื่อไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเซ็นเสร็จก็กลับไปนั่งอย่างสำรวม ดูๆแล้วเหมือนกลายเป็นตุ๊กตายังไงยังงั้น

                “เธอ...แน่ใจนะว่า ทำแบบนี้แล้วจะมีความสุขน่ะ”

                “อะไรกัน สควอโล่คุง ดูก็รู้ว่าฉันดีใจ ดีใจจะตายที่ได้พบกับแซนซัส และได้ท่านรุ่นที่ 9 เป็นปู่น่ะ”

                “เหรอ...รีเทิร์น บอกฉันทีว่าที่ยัยนี้คิดอยู่มันเป็นสิ่งที่ถูกน่ะ”

                สควอโล่พูดกับตัวเองพึมพำ ถึงแม้ว่าจะเห็นว่านี้เป็นความสุขของบอส แต่สควอโล่รู้ดีว่าการที่ให้คนที่รักกันมานานต้องมาแยกจากกันนั้น มันทรมานขนาดไหน เราเองก็คงจะทำอะไรไม่ได้หรอกน้า พลังของเราไปหยุดพวกนั้นคนเดียว ไม่สิ หลายคนก็เถอะ

                “ฮัลโหลๆๆ อ้าว สควอ มาอยู่นี้นี่เอง”

                “เธอ...เธอมัน เมจิกไม่ใช่เหรอ”

                “อารายก๊าน ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน ถึงขั้นลืมฉันไปแล้วเหรอ แล้วเบลล่ะไปไหนซะแล้ว...”

                เมจิก สาววัยพอๆกับเบล เป็นเด็กสาวที่มีผมยาวสีดำ ตาสีน้ำตาล ใส่ชุดพองๆสีดำดูแล้วเหมือนโกธิคผสมกับโลลิต้า นอกจากนี้เธอยังสวมผ้าคลุมสีม่วงยาวลากพื้น บนหัวมีหมวกทรงแม่มดสีม่วงสวมอยู่ แต่ว่าเธอนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เด็กสาวธรรมดาๆ แต่เธอเป็นแม่มดในตำนานของโลกเวทมนต์ (รายละเอียดเรื่องนี้ เดี๋ยวเราจะลงทีหลังนะ เรื่องนี้ก็เป็นฟิคเหมือนกัน)

                “เมจิก จริงด้วย ดีเลยเธอช่วยอะไรฉันหน่อยเถอะ”     

                “เห๊ะ...”

                สควอโล่นำทางไปยังสถานที่ที่รีบอร์นกับรีเทิร์นกำลังสู้กันอยู่

                “อ๊า ถ้าหากเป็นสถานการณ์แบบนี้ก็ต้อง เอาล่ะ จิงกาจิงกา...เทพแห่งกาลเวลาข้านามว่า เมจิก แม่มดขั้นสูงผู้นี้ ขอทำการควบคุมเวลา โปรดทำให้สองคนผู้นี้หยุดการเคลื่อนไหวด้วยเถิด”

                เมื่อเมจิกร่ายมนต์เสร็จทั้งสองคน รีบอร์นและรีเทิร์นซึ่งกำลังอยู่ในท่าชักปืนกระบอกสำรองออกมายิงใส่กันก็ได้ชะงักค้างอยู่แบบนั้น

                “เรียบร้อย แล้วก็...อยากให้ฉันทำอะไรต่อ”

                “ช่วยไปจัดการไอ้บ้านั้นที บอสน่ะ...”

                “อ๋อ แซนอ่ะเหรอ ได้ๆ งานนี้ของกล้วยมาก นายก็ช่วยวางสองคนนั้นให้ดีๆหน่อยก็แล้วกันนะ”         

                “ได้ เธอรีบไปเอาตัวไอ้บอสบ้ามาที เร็วๆล่ะ อ๋อ อย่าลืมใบสัญญาที่อยู่บนโต๊ะด้วยล่ะ”

                “อือๆ”

                เมจิกใช้สเก๊ตบอร์ดเวทมนต์เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังห้องสมุดของรุ่นที่ 9 ที่มีแซนซัส รุ่นที่ 9 และซือโนะอยู่ภายในห้องนั้น

                “เฮ้อ นายสินะ ที่เรียกยัยนี้มาน่ะห่ะ...ใช่มั้ย...เบล”

                “ชิๆๆ ก็...ถ้าหากว่าบอสมีแฟนแบบฉัน...มันก็คงจะไม่มีเรื่องมันส์ๆแบบเดิมๆเกิดขึ้นอ่ะดิ”

                “แกเนี่ยน้า อ่ะ ดูเหมือนว่าจะมาแล้วนะ...”

     

                “สควอโล่คุง เธอไปเรียกเมจิกคุงมายังงั้นเหรอ”

                “เปล่าหรอกคะ ตอนแรกก็นึกว่าจะไม่มีเรื่องอะไร แต่เบลเค้าบอกให้หนูมาช่วยน่ะค่ะ หนูก็เลยรีบมาน่ะค่ะ ท่านรุ่นที่ 9”

                “อืม แล้วซือโนะคุงล่ะ เมจิก”

                “อ้อ อยู่นี่น่ะค่ะ เกาะแซนซัสซะหนึบเลย นี่บอสเขาไปทำอะไรใส่เด็กคนนี้กันน้า ถึงได้หนึบซะขนาดเนี่ย”

                “เอ่อ เมจิกคุง ยังจำเด็กที่ชื่อสึนะโยชิ หรือก็คือ สึนะ ได้มั้ย”

                “อ๋อ เด็กคนนั้นเหรอคะ จะว่าไปยังไม่เจอหน้าเลยนะค่ะเนี่ย จะเจอก็เจอแค่ยามะคุงกับเหมียวโกคุเท่านั้นเองค่ะ”

                “ก็เด็กคนนี้แหละ คือสึนะคุงน่ะ”

                “เอ๊!!! โกหกน้า เพราะอะไรกัน ทำไมล่ะค่ะ”

                “คือเรื่องก็เป็นแบบว่า...”

                ท่านรุ่นที่ 9 เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนมาถึงตอนปัจจุบันให้เมจิกได้ทราบ ทำให้เมจิกรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องราวของซือโนะ

                “ว้าว สุดยอดไปเล๊ยค่า ท่านรุ่นที่ 9 แหม...ฉันอยากจะเป็นแบบนี้มั้งจังเลยล่ะค่า”

                “ฮึๆ เตรียมใจไว้หน่อยนะเจ้าเบล มีแฟนเป็นแม่มดคนดังทั้งทีน่ะ”

                “ชิๆๆ คุณก็ด้วยแหละครับ ท่านผ.บ. ได้ยัยนักฆ่าระดับโคตรพระกาฬมาน่ะ”

                เมจิกและรุ่นที่ 9 ต่างมองไปที่เบลและสควอโล่ที่พูดแซวเรื่องแฟนของแต่ละคนกัน ทันใดนั้นเมจิกก็เกิดปิ๊งไอเดียเจ๋งๆออกมาได้

                “ท่านรุ่นที่ 9 ค่ะ คุณบอกฉันว่าซือโนะเขาถูกกระสุนให้กลายเป็นผู้หญิงและในตอนนี้ก็พยายามสร้างกระสุนที่จะทำให้ซือโนะกลับมาเป็นสึนะโยชิเหมือนเดิม และแน่นอนว่าได้สร้างขึ้นมาสำเร็จแล้ว แต่ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะสำเร็จชัวร์หรือไม่สินะค่ะ”

                “ถูกต้องแล้วทำไมยังงั้นเหรอเมจิกคุง”

                “ก็...ถ้าจะเอาให้ชัวร์เนี่ย ทำไมไม่ใช้เวทมนต์ของฉันไปเลยล่ะค่ะ อย่าลืมสิค่ะว่าฉันน่ะเป็นแม่มดระดับตำนานของโลกเวทมนต์เลยนะค่ะ กะอีเรื่องแค่นี้ ทำไมฉันจะทำไม่ได้ล่ะค่ะ”

                “จริงด้วยสินะ ยังมีวิธีแบบนี้ด้วยนี่นา!!!

                “เอาล่ะ ทุกคนช่วยถอยออกไปก่อนนะค่า ฉันต้องสร้างฟองบาเรียกันไม่ให้คนพวกนี้ออกมาอาละวาดอีกรอบค่ะ”

                เมจิกก็ร่ายมนต์สร้างให้แต่ล่ะคนไปจนเสร็จ เธอจึงเริ่มคลายมนต์หยุดเวลา ซึ่งในตออนี้รีเทิร์นและรีบอร์นขยับและชักปืนออกมาและยิงออกไป แต่กระสุนก็ไม่สามารถทะลุออกมาได้ ส่วนแซนซัสก็ยังคงสงบนิ่งอยู่ภายในฟองบาเรีย ถึงแม้ในมือจะมีแสงของพลังดับเครื่องชน เตรียมที่จะทำลายจากภายในออกมา แต่ก็คงจะไม่สามารถที่จะทำลายออกมาได้

                “เอาล่ะ อะแฮ่ม...ฉันอยากจะทำให้เรื่องนี่มันยุติลง เอาล่ะ แซนซัสฉันรู้ว่านายยังคงโหยหาความรักจากผู้หญิง แต่...นายอย่าลืมสิว่า ซือโนะน่ะเป็นผู้ชายแต่แค่กลายร่างกลายเป็นผู้หญิง ส่วนรีเทิร์น...เธอเองก็ไม่น่าไปทำลายชะตาชีวิตของซือโนะนะ ถึงแม้ว่าเธอจะทำให้บอสของเธอมีความสุขแต่ว่า...เธอแน่ใจเหรอว่าซือโนะน่ะจะมีความสุขด้วยน่ะ อ้อ รีบอร์นก็ด้วย อย่าอาละวาดหนักนักสิ แต่ที่แน่ๆ ช่วยบอกฉันที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซือโนะ ทำไมอยู่ๆถึงดูลักษณะกับท่าทางแล้วเหมือนกับตุ๊กตาได้”

                “เธอรู้ได้ยังไงกันยัยคอสเพลย์ ฉันไม่รู้จักเธอ แต่เธอมาพูดว่าบอสแบบนี้ฉันไม่มีทางให้อภัยนะย่ะ”

                “รีเทิร์นหยุดซะ นี่น่ะเป็นเพื่อน แล้วก็คนรักในสมัยเด็กของบอสนะ แต่ว่าตอนนี้เมจิกน่ะเป็นคนรักของเจ้าเบลอยู่”

                “อ้าว...ยังงั้นเหรอ แต่ยังไงก็ตาม เธอรู้ได้ยังไงว่าซือโนะจังไม่ได้เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วน่ะ ทั้งๆที่บางครั้งฮิบาริกับซือโนะจังทะเลาะกันแท้ๆ”

                “ฉันเป็นถึงแม่มด เรื่องแค่นี้ไม่รู้ก็แย่แล้ว เพียงแค่ฉันใช้ลูกแก้วเหตุการณ์เท่านี้ก็จบ อ่ะห๊า...ซือโนะกำลังคบกับฮิบาริอยู่เหรอเนี่ย แหม คิดถึงวันเก่าๆที่ฮิบาริกับมุคุโร่พยายามตามตื้อเราจังเลยน้า”

                “อะแฮ่ม!

                “อ้าว โทษทีๆเบลล่ะก็...เอาล่ะ ยังไงก็แล้วแต่ แซนซัส ฉันลองใช้ลูกแก้วย้อนอดีตดูแล้ว แต่ว่าเธอกับเจ้าเด็กหัวเขียวเนี่ยพูดกันเบาเกินไป ฉันเลยไม่รู้เรื่องอะไรนัก เธอจะบอกฉันหน่อยได้มั้ยว่า ทำยังไงให้ซือโนะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

                “ไม่มีทาง ฉันไม่มีวัน ที่จะให้ใครหรืออะไรมาขัดขวางความรักของฉันได้หรอก”

                “นาย...นายแน่ใจนะ ดีล่ะ ที่จริงไม่อยากจะใช้วิธีนี้ซักเท่าไรหรอกนะ”

                เมจิกเอื้อมมือเข้าไปในฟองและทะลุเข้าไปในหัวของแซนซัส ทุกคนต่างร้องออกมาอย่างตกใจ เพราะอยู่ๆก็ทำให้มือทะลุเข้าไปได้

                เวลาผ่านไปแซนซัสกับเมจิกก็อยู่ท่าแบบเดิมมาร่วม 10 กว่านาที โดยที่มือของเมจิกยังคงค้างอยู่ภายในหัวของแซนซัส ส่วนแซนซัสนั้นดวงตาเลื่อนลอยเหมือนกับว่าวิญญาณหลุดลอยหายไปแล้ว

                “เฮ้อ เอาล่ะ วิธีทำออกจะยุ่งยากนิดหน่อย แต่ว่าหากฉันทำไม่สำเร็จคงต้องจับเล่นแบบจัดหนักนะ”

                ทุกคนต่างรู้ดีว่า ในตอนนี้เวลานี้ไม่ควรที่จะเข้าไปแหยมกับเมจิก เพราะเวลาที่เมจิกใช้สมาธิกับอะไรๆแล้วจะไปไกล และหากใครไปทำให้สมาธิแตกเมจิกอาจจะใช้มนต์ขั้นรุนแรงโจมตีใส่ก็เป็นได้

                “เอาตัวซือโนะกลับไปที่ห้องนั้นแล้วยัดใส่ไปในเครื่องนั้นเลยนะดีโน่ เออ จะว่าไปแล้วฮิบาริยังไม่มาอีกเหรอ คนรักแท้ๆ”

                “อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ ฉันให้เจ้านั้นหลงไปอีกทางหนึ่งน่ะ เดี๋ยวมันจะอาละวาดเอาน่ะนะ เธอไม่ชอบนี่นา ใช่มั้ย...”

                “อือ ทั้งเอาแต่ใจ เงียบเกินตัว ชอบมุดเข้ามาในเตียง แล้วก็แอบมาทางด้านหลังฉัน แล้วก็...”

                “เฮ้ยๆๆ อย่าพูดเกินไปสิ ดูเจ้าชายของเธอซะ มันเตรียมจะไปปักฮิบาริแล้วนะ”

                เบลทำหน้าตาไม่พอใจ ในมือถือมีดอยู่สามสี่เล่ม (เอ๊ะ ผมเบลมันปิดหน้าเลยไม่ใช่เหรอ สงสัยเวลาจะดูสีหน้าต้องดูที่ปากว่าต้องยิ้มหรือว่าบึ้ง)

                “อ่ะแฮะ... เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเรื่องเครื่อง แล้วออกไปให้หมด...ทุกคน ฉันว่าพวกนายคงจะไม่อยากจะโดนลูกหลงจากพลังของฉันแน่ๆ”

                ทุกคนต่างพร้อมใจพยักหน้า และก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

                “ดี... ห้ามแง้มแม้แต่นิดเดียวนะ”

                ปังงง  

     

    Magic’s say

                “ฮู่ ให้ตายสิ ทำไมต้องเหลืองานยากๆแบบนี้ให้เราด้วยละเนี่ย พวกวาเรียก็ไม่มีอะไรจะทำหรือไงน้า ถึงได้มาทำอะไรแบบนี้”

                เมจิกเดินไปยังเครื่องควบคุม เมื่อเห็นก็สบถออกมา

                “โว้ เครื่องอะไรของมัน ดูแล้วยุ่งยากชะมัด เฮ้อ คงต้องพึ่งมนต์ภูตซะแล้ว”

                วิ๊งงงงๆๆๆ

                “อ๊า ท่านเมจิก มีเรื่องอะไรให้พวกเรารับใช้เจ้าค่ะ”

                “ช่วยหน่อย เครื่องพวกนี้มันยุ่งยากจริงๆเลย จัดการทำให้ไอ้เด็กบ้านี้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เรื่องของตอบแทนเดี๋ยวฉันให้ผงวิเศษ 3 ถุงใหญ่ โอเคมั้ย”

                “ว้าว ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ!!! เอาล่ะ พวกเรา ลุยกันโล้ดดด”

                ระหว่างนี้เราก็นั่งดื่มชาดีกว่า นิตรสารได้ลงเรื่องของเรามั้งหรือเปล่าน้า... โอ๊ะ มีเรื่องนี้ลงด้วยเหรอเนี่ย เอ๊ น่าสนใจดีแหะ แหมๆ ไม่นึกเลยนะว่าไอ้เจ้าคริสตัลน้ำแข็งแดนใต้จะช่วยได้ขนาดนี้เนี่ย ลองดูซักหน่อยก็คงจะไม่เลว ฮึๆๆ

                “เอาล่ะ พวกเธอ มานี่หน่อยสิ...”

                “เจ้าคะ ท่านเมจิก จะให้พวกเราทำอะไรอีกหรือเจ้าคะ”

                “ช่วยจัดการตามที่ฉันจะสั่งต่อไปนี้ทีนะ... พอดีนึกสนุกอยากแกล้งคนขึ้นมาน่ะ”

                The End of say

     

                “แปลก อย่างเมจิกไม่น่าจะนานขนาดนี้นี่นา”

                “นั้นสิ... ฉันไม่สนล่ะ ฉันจะเข้าไปดู”

                ฮิบาริพุ่งเข้าไปในห้องโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

                “อ้าว ฮิบาริเหรอ ว่าไงไม่ได้เจอกันนานเลยนะ....”

                “หยุดแล้วบอกมาซะว่ายัยนั่นเป็นยังไงบ้าง”

                “อืม ถ้าเรื่องนี้ล่ะก็ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันกับพวกภูตจัดการกันเสร็จแล้ว เหลือแค่ให้คนๆหนึ่งที่ฉันติดต่อเอาไว้มาถึงที่”

                “อีกคน...”

                ในทันใดนั้นเองก็มีหลุมดำขนาดใหญ่เท่าคนปรากฏขึ้น

                “เฮ้อๆๆ แดนใต้เนี่ย ยังไงๆก็หนาวจริงๆเลยน้า อ่ะ เมจิกจัง ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ”

                “ท่านยูกิ ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะค่ะ เป็นไงกับความคืบหน้าของการคืนชีพเยติค่ะ”

                “ต้องขอบอกว่าผิดหวังอีกครั้งจ๊ะ การใช้คาถาของฉันมันยังไม่ถูกต้องและสเถียรเลยล่ะจ๊ะ แล้วไหนล่ะจ๊ะ คนที่จะให้ฉันจัดการน่ะ”

                “อ่ะ ในนั้นค่ะ ถ้าไม่ว่าอะไรก็ช่วยด้วยนะค่ะ”

                “อืม แหมๆๆ งานนี้ต้องใช้คาถาตอนเดียวกันกับการคืนชีพเยติซะแล้ว เอาล่ะนะ เมจิกเตรียมพร้อม!

                “ค่ะ โอม....จิงการีเพียว โคมุสโดมัส ข้าขอเครื่องบรรณการจากแดนใต้ มาสถิต ณ ที่แห่งนี้ด้วยเถิด...”

                “โอม...สโนว์ดรอป อามูโนสเอลครัส ข้า...จิตวิญญาณแห่งแดนใต้ ขอพลังทั้งมวลสรรพสิ่งมาเป็นพลังแห่งข้า เพื่อปลดปล่อยร่างนี้ไปสู่อิสระเถิด ฮ้า....”

                จู่ๆยูกิก็ยื่นฝ่ามือคู่ไปยังร่างของซือโนะ ทำให้เกิดหมอกน้ำแข็งขึ้น อันมาจากพลังของความหนาวเย็นของแดนใต้

                “ซือโนะ...ซือโนะเป็นยังไงบ้าง...”

                ยูกิและเมจิกได้ยืนอยู่หน้าเครื่องอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เห็นร่างของซือโนะก่อนใครเพื่อน

                “ซือโนะ อะไรกัน น้ำแข็งเหรอ!

                “อ่า ยูกิ คือไม่ทราบว่าผลของการใช้คาถานี้ต่อเยติ มันเกิดอะไรขึ้นกับมันเหรอค่ะ”

                “เยติ...เยติกลายเป็นน้ำแข็งมากกว่าเดิม...อีกอย่างมนต์นี้ฉันทำมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีเยติตัวไหนมีชีพจรกลับมาเหมือนเดิมเลยซักตัว”

                “จะบอกว่า...ถ้าหากโดนมนต์นี้เข้าไปก็จะ....ตาย ยังงั้นเหรอค่ะ”

                “จ๊ะ คือฉันคิดว่าหากใช้กับมนุษย์มันอาจจะได้ผล แต่กลายเป็นว่าทำให้เกิดผลแบบเดียวกันซะอีก”

                “แก....”

                ฮิบาริคว้าทอนฟาขึ้นมา หมายจะกำจัดคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความแค้น ที่ทำให้หญิงที่ตนรักต้องตายไปต่อหน้าต่อตา แต่...

                ผัวะ!!!

                “ฮิบาริ นายคิดจะทำอะไรกับคุณยูกิ เจ้าบ้า...”

                “ฮึ่ยยย!!!

                “ฮิบาริ! ฮิบาริ!!! ชิส์ เจ้าบ้านี่ คุณยูกิ ขอบคุณมากเลยนะค่ะ...”

                “ไม่เป็นไรๆ แล้วเด็กคนนั้น...”

                “อ้อ ตอนนี้ถูกวาร์ปย้ายไปอยู่ที่ปราสาทของฉันแล้วล่ะ กะว่าจะให้อยู่ที่นั้นซะสองสามเดือน ยังไงก็ไปเที่ยวมั้งนะค่ะ”

                “จ้า แต่ว่าเธอเองก็ทำให้เด็กคนนั้นกลับมาเป็นแบบเดิมไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงไม่ทำละจ๊ะ พลังออกจะสูงมากกว่าฉันจะตายไป”

                “แหม ก็ทำไม่ลงหรอกค่ะ มันต้องที่เจ้าตัว ฉันไม่สามารถไปทำตามอำเภอใจหรอกค่ะ อ่ะ จริงด้วยไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไปที่ปราสาทฉันแล้วนั่งดื่มชากันดีมั้ยค่ะ”

                “งั้นฉันขอไปด้วย...”

                “อ้าว รีบอร์น ได้ยินด้วยเหรอ”

                “ฉันก็ได้ยินนะ...”

                “ง่ะ ทั้งรีบอร์นแล้วก็รีเทิร์น แหม สมกับที่เป็นพี่น้องตามกันมาจริงๆ เก่งไม่แพ้กันเลย”

                ทั้งสี่คนจึงเดินทางไปยังโลกเวทนมต์ โดยที่เมจิกเป็นคนเปิดประตูมิติให้ และแล้วเวลาก็ล่วงเลยไปเป็นเวลาครึ่งปี

               

                “ซือโนะ หวังว่าเธอพร้อมแล้วใช่มั้ย...ที่จะกลับไปยังบ้านของเธอน่ะ”

                “ค่ะ ขอบคุณคุณเมจิกและคุณยูกิมากเลยนะค่ะ แล้วก็เรื่องชุดเนี่ย จะไม่เป็นการใหญ่ไปเหรอค่ะ ทั้งๆที่เป็นแค่งานสวมหน้ากากแค่นั้นเอง”

                “ไม่เลย ดีซะกว่าจ๊ะ เพราะฮิบาริจะได้ไม่เห็นตัวของเธอยังไงล่ะจะ...อุ๊บ!!! อื้อๆ อ่า...อื้อ!!

                “ยังไงก็ตามก็ไปที่งานที่นามิโมริจัดก่อนดีมั้ย เพราะมีแค่ 5 ปีครั้งเองนี่นา แถมชุดราตรีโบว์แดงที่ฉันตัดให้เนี่ยก็ไม่เลวเลยน้า”

                ซือโนะที่ได้มาอยู่อาศัยกับเมจิกเป็นเวลาครึ่งปี ในตอนนี้กำลังจะกลับไปยังโลกของตนที่เมืองนามิโมริ ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่มีการจัดงานครั้งยิ่งใหญ่ นานๆจะมีซักครั้ง เป็นงานที่ถือว่าเป็นความศักดิ์สิทธ์ของคนในเมือง เพราะงานนี้เป็นงานสวมหน้ากาก หากคู่ของแต่ละคนสามารถจับคู่กันได้ถูกต้อง หมายความว่าต้องเป็นคู่ที่ฟ้าชะตาลิขิตอย่างแน่นอน

                และชุดที่ซือโนะกำลังสวมนั้นเป็นชุดราตรีสไตส์คนอังกฤษ กระโปรงยาวฟู่ฟ่องสีส้ม

                “รีเทิร์นก็จะไปด้วยงั้นเหรอ...”

                “ฉันสังหรณ์น่ะ ว่าสควอโล่ต้องอยู่ที่ญี่ปุ่นน่ะ แล้วอีกอย่างฉันไม่อย่าจะพลาดดูว่าฮิบาริจะรู้มั้ยว่าเป็นเธอน่ะ...ซือโนะ”

                แฮะๆๆ ดูจากสภาพคงไม่ได้ไปร่วมงานแหงๆ แต่งชุดวาเรียซะเต็มยศซะขนาดนี้ เอาล่ะ...มาดูกันสิว่าฮิบาริซังจะเป็นยังไงเมื่อเราที่หายหน้าไปถึงครึ่งปี ได้กลับมาเจอกับเขาอีกครั้ง
    _______________________________________________________________________________
    Writer's say
    อ๋อยยย กว่าจะเสร็จไปอีกตอนเล่นเอาไม่ได้อ่านหนังสือเรยยย
    ช่วงนี้ผู้เขียนต้องอ่านหนังสือ เพราะอะไร...รู้มั้ย
    เค้ายังหามหา'ลัยเข้าไม่ดัยเร้ยย
    แถมเพื่อนบางคนมันมาบอกเขาด้วยว่าได้ที่เรียน
    ทำเอาไรต์เตอร์เครียดน้า
    เพื่อนๆก็ช่วยอวยพรให้เข้าได้เข้ามหา'ลัยดีๆให้ด้วยเน้อ
    ไปละ บัยบี....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×