ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลูบคมกามเทพ

    ลำดับตอนที่ #7 : แลกเปลี่ยนเพื่อเรียนรู้

    • อัปเดตล่าสุด 1 ส.ค. 67


    วันจันทร์ซึ่งครบกำหนดสามวันที่ภีมสั่งให้หญิงสาวคิดแคมเปญเพื่อเรียกความนิยมของงานคิวปิดฮัทได้เวียนมาถึง การะเกดกอดแฟ้มสีชมพูแนบอกขณะก้าวไปหยุดหน้าโต๊ะทำงานของวราลีตอนเก้าโมงเช้าด้วยสีหน้าสดใส

    “อีตาฮิตเลอร์ว่างไหมคะเจ๊ เกดเอาการบ้านมาส่งเขาค่ะ” หญิงสาวก้มลงไปกระซิบถามพี่ใหญ่ประจำแก๊ง

                “ก็ไม่มีนัดสำคัญอะไรนะ ว่าแต่เกดทำการบ้านอะไรมาส่งเขาล่ะ” วราลีถามกลับด้วยสีหน้าอยากรู้

                “ก็มีสองไอเดียค่ะ ไอเดียแรกก็อย่างที่หอมแนะนำมาค่ะ คือเกดจะเชิญยายแองจี้ไปร่วมงานปาร์ตี้คราวหน้าตามคำแนะนำของหอม ส่วนอีกไอเดียคือเกดจะขอให้ลูกค้าที่พบกันในงานปาร์ตี้และหมั้นหรือแต่งงานกัน ทำวิดีโอบอกเล่าประสบการณ์จากงานปาร์ตี้ของตัวเอง แล้วโพสต์วิดีโอนั้นบนหน้าเว็บของเราค่ะ”

                “เป็นไอเดียที่ดีเหมือนกันนะ พี่เห็นด้วย” พี่ใหญ่ยิ้มโล่งอก “ว่าแต่เชิญยายบ้านั่นไปงานปาร์ตี้คราวหน้า เกดแน่ใจเหรอว่ามันจะเวิร์ก เจ๊กลัวยายบ้านั่นจะไปแล้วโกรธที่ไม่มีหนุ่มคนไหนสนใจ แล้วเขียนด่าปาร์ตี้ของเกดหนักขึ้นไปอีกน่ะสิ”

                “เกดกะไว้แล้วค่ะว่าอาจเป็นอย่างนั้น ก็เลยคิดจะให้เพื่อนผู้ชายสักคนไปงานปาร์ตี้แล้วทำทีเป็นสนใจยายปลวก คิดว่าทุกอย่างน่าจะเป็นไปตามแผนค่ะ” หญิงสาวขยิบตาให้วราลีพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง เธอยอมรับว่าคิดแคมเปญดังกล่าวจนสมองแทบแตก กว่าจะโทร.ไปขอร้องแกมขู่เข็ญเพื่อนเกย์ที่เคยหยิบยืมเงินไปหลายครั้งให้ตกปากรับคำเรื่องช่วยเทกแคร์คอลัมนิสต์ปากกล้าหน้าห่วยอย่างแองจี้ได้ก็เล่นเอาหอบ

                “งั้นเจ๊ก็โล่งใจ รีบเข้าไปหาอีตาภีมเหอะ” วราลีพยักพเยิดไปยังประตูห้องทำงานของภีม เตชะดำรงกุล

                “ค่ะ” การะเกดรับคำสั้นๆ แล้วหันไปเคาะประตู พอได้ยินเสียงตอบรับของอีกฝ่ายก็ผลักประตูเข้าไป

                “มาแล้วเหรอ ผมกะว่าถ้าอีกหนึ่งชั่วโมงคุณยังไม่โผล่มาขอพบ จะให้คุณลีไปตามอยู่แล้วเชียว” ภีมวางปากกาในมือลง เอนศีรษะพิงพนักเก้าอี้ทำงานประจำตำแหน่งและมองพนักงานสาวด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์

                กามเทพสาวทรุดลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขา กางแฟ้มในมือออกแล้วส่งให้นายหนุ่มพร้อมกับอธิบายด้วยเสียงใสปานระฆังทอง

    “เกดคิดจะเชิญคุณแองจี้ไปร่วมงานปาร์ตี้ในครั้งต่อไปเพื่อให้เขาเข้าใจไอเดียของงานยิ่งขึ้นค่ะ ส่วนแคมเปญที่คิดไว้คือเกดอยากให้เว็บของเรามี Success Stories ค่ะ คือให้ลูกค้าที่แต่งงานหรือหมั้นกันหลังจากไปเจอกันในงานปาร์ตี้ล่องเรือทำวิดีโอส่งมาให้ แล้วเราโพสลงบนหน้าเว็บไซต์ เกดคิดว่ามันน่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าค่ะ”

                “ผมไฟเขียวกับเรื่อง Success Stories และคิดว่านอกจากวิดีโอแล้วเราน่าจะให้ลูกค้าซับมิตเรื่องชีวิตรักของพวกเขาเป็นบทความด้วย ผมคิดว่าลูกค้าจำนวนมากคงสนใจร่วมโครงการนี้ ว่าแต่คุณแน่ใจเหรอว่าจะแฮนเดิลคุณแองจี้ในงานปาร์ตี้ล่องเรือได้ คุณรู้ใช่ไหมว่าถ้าพลาด ถ้ามีเรื่องให้เขาไม่ประทับใจแม้แต่นิดเดียว มันก็เหมือนการผูกเงื่อนแขวนคอตัวเองเท่านั้น” เจ้าของฉายาฮิตเลอร์ไล้นิ้วกับปลายคางเขียวครึ้มอย่างคนใช้ความคิดหนัก

                “เรื่องนั้นเกดเตรียมรับมือเขาไว้แล้วล่ะค่ะ รับรองว่าคุณแองจี้จะประทับใจไม่รู้ลืม” แววตามาดมั่นส่งผลให้คนฟังพยักหน้าเข้าใจ

                “ผมแนะนำว่าอย่าเก็บเงินค่าเข้าร่วมงานปาร์ตี้จากคุณแองจี้ ถ้าจะให้ดีก็ดูแลตั้งแต่เรื่องการแต่งหน้าทำผมให้เขาด้วย หรือถ้าหากเขาบ่นว่าเดินทางไป-กลับไม่สะดวก คุณก็ควรจะจัดการอำนวยความสะดวกในส่วนนั้นให้เขาเช่นกัน ปัญหาบ้าๆ นี่มันจะได้จบลงด้วยดีเสียที” ภีมแนะนำเพิ่มเติมซึ่งถึงแม้ลูกน้องสาวจะทำหน้าเหมือนเอือมระอา แต่ก็ยอมพยักหน้ารับคำบัญชาแต่โดยดี

                “ค่ะ บอสมีอะไรอยากแนะนำเกดอีกไหมคะ” การะเกดถามเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรที่เธอต้องนำเสนออีก

                “ผมต้องการเห็นวิดีโอ Success Stories บนหน้าเว็บไซต์ของเราภายในอาทิตย์นี้”

                “ไม่มีปัญหาค่ะ งั้นเกดขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ” หญิงสาวเก็บแฟ้มและออกจากห้องทำงานไปด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น เธอถูกสมาชิกของแก๊งเปลี่ยนกันซักถาม แล้วทุกคนก็แสดงความยินดีกับทางแก้อันแสนแยบยล

                “มีหวังถ้ายายปลวกรู้ว่าดินเนอร์เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ จะต้องซัดของกินจนพุงพลุ้ยแน่ๆ ไปงานไหนก็ได้อภิสิทธิ์กินฟรีร่วมงานฟรีตลอด เบื่อจริงๆ” มิลินบ่นกระปอดกระแปดหลังจากการะเกดรายงานว่าภีมไม่ให้เก็บเงินค่าเข้าร่วมงานปาร์ตี้

                “เรื่องนั้นมิ้มไม่ต้องห่วงหรอก เพราะเกดวางแผนจะให้เจ้าแม่ความงามของเราแนะนำยายปลวกว่าให้ใส่ชุดรัดติ้วสุดๆ ไปงาน จะได้ไม่ต้องสวาปามอาหารกับเครื่องดื่มให้สิ้นเปลือง” คนพูดหันไปส่งยิ้มหวานให้หอมหมื่นลี้ที่ส่ายหน้าจนผมกระจาย

                “ได้ไงเล่า งานนี้หอมไม่ขอเอี่ยวนะ นี่ก็กะว่าจะหาเรื่องเบี้ยวไม่ไปช่วยงานเพราะไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้ยายตัวซวยอีก” กูรูด้านความสวยความงามประจำกลุ่มทำหน้ายี้ แสดงความรังเกียจเดียดฉันท์อดีตคู่กรณีอย่างอังกาบ 

                “ช่วยเกดหน่อยน่านะหอม ถ้าเกดเป็นคนแนะนำ ยายนั่นต้องระแวงว่าเกดอยากเอาคืนเพราะแค้นเรื่องคอลัมน์นั่นแน่ๆ แต่ถ้าเป็นเจ้าแม่ความงามอย่างหอมล่ะก็ รับรองเลยว่ายายมารร้ายจะเชื่อสนิท ช่วยเกดเอาบุญหน่อยนะหอมจ๋า เกดไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ” หญิงสาวเขย่าแขนหอมหมื่นลี้พร้อมกับทำตาปริบๆ แลดูทั้งน่าสงสารทั้งน่าหมั่นไส้ 

                “แค่แนะนำนะ แต่อย่าเสนอหน้ามาให้หอมแต่งองค์ทรงเครื่องให้อีกเป็นอันขาด คราวที่แล้วหอมก็หมดเงินไปกับการซ่อมหนังหน้าคางคกของมันไปตั้งเยอะ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของหอมเลยด้วยซ้ำ” หอมหมื่นลี้ทำตาขวางยามนึกถึงคดีอุกฉกรรจ์ที่สาวอวบเคยก่อไว้ 

                “โอเคจ้า เกดสัญญา” การะเกดยิ้มแก้มแทบปริอย่างโล่งอก พลันสายตาก็เห็นแมสเซนเจอร์คนหนึ่งถือกุหลาบสีแดงช่อโตเข้ามาในบริษัท

                “อุ๊ย !เขามาส่งกุหลาบให้ใครน่ะ” แพรวพราว พนักงานฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ที่ดูแลระบบฐานข้อมูลลูกค้าอุทานด้วยอาการหน้าตื่นตาโต

                “ออยว่าคงไม่พ้นคุณทิมสุดหล่อ ส่งดอกไม้มาให้หนูษาของพวกเราแน่เลย” นันทิสามองสาวซุ่มซ่ามประจำบริษัทอย่างหมั่นไส้แกมเอ็นดู

                “ผมเอาดอกไม้มาส่งคุณการะเกดครับ” คำตอบของแมสเซนเจอร์คนนั้นทำเอาทุกคนหันมามอง ‘คุณการะเกด’ กันเป็นตาเดียว

                “แบบนี้แสดงว่าเกดจะมีแฟนอีกคนแล้วสินะ” ริมฝีปากสีหวานของพริมาคลี่ยิ้มน้อยๆ ด้วยความยินดี ลึกๆ ยอมรับว่าไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เลยเพราะสาวสวย มนุษยสัมพันธ์ดีอย่างการะเกด หากจะเสี่ยงมาลัยรักคงไม่ใช่เรื่องยาก

                “ลองมีคนส่งดอกไม้มาให้ถึงออฟฟิซขนาดนี้ สวดมนต์ทำใจรอไว้ได้เลยพริม ยายเกดกระโดดลงคานหนีพวกเราไปอีกรายแล้ว” วราลีมองสาวสวยประจำบริษัทเซ็นรับกุหลาบช่อนั้น แล้วก็รู้สึกเย็นเยือกไปถึงไขสันหลัง 

                “ใครส่งมาน่ะพี่เกด” หรรษายั้งปากไม่ให้หลุดชื่อของลูกค้าหนุ่มนามว่าแดเนียลไว้ได้อย่างหวุดหวิด พอคนถูกถามเปิดการ์ดที่มากับดอกไม้ ก็ยื่นหน้าเรียวเล็กเข้าไปอ่านให้คนอื่นๆ ได้ยินกันอย่างถ้วนหน้า “ผมยังรอสายของคุณอยู่นะครับ…ฟิลิปป์”

                “ทำไมหอมรู้สึกคุ้นๆ ชื่อนี้พิกล” หอมหมื่นลี้ซักฟอกด้วยแววตาคาดคั้น “เอ๊ะ! หรือว่าเขาคือลูกค้าที่ไปงานล่องเรือเมื่อตอนเย็นวันเสาร์ ผู้ชายตัวสูงๆ ที่หน้าตาหล่อสูสีกับคีอานูรีฟใช่หรือเปล่า”

                “ฮึ้ย…หอมจำสับสนแล้ว คุณฟิลิปป์คนนี้เขาเป็นลูกค้าของทางโรงแรมที่เกดบังเอิญเจอหลังงานปาร์ตี้ต่างหาก พอดีตอนแวะเข้าไปคุยกับคุณปราชญ์ แล้วจะกลับบ้าน รถของเกดมันสตาร์ทไม่ติด คุณฟิลิปป์ซึ่งเพิ่งกลับมาจากข้างนอก เขาผ่านมาเห็นเข้าพอดีก็เลยช่วยดู เราคุยกับประมาณสิบนาที เขาก็ถามขอเบอร์เกด แต่เกดไม่ยอมให้ เขาก็เลยถามว่าเกดทำงานอยู่ที่ไหน” กามเทพสาวกัดฟันปั้นเรื่อง แต่เปลี่ยนชื่อตัวละครกับที่มาเพื่อไม่ให้ทุกคนสงสัย 

                “นี่แหละที่เขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาส” พริมารำพึงรำพัน แววตาดำขลับเจิดจ้าด้วยแรงแห่งศรัทธา 

    “หูย ทำไมบุพเพอาละวาดของเกดมันช่างง่ายดาย รวดเร็วขนาดนี้ คุยกันแค่สิบนาทีก็มีดอกไม้มาบรรณาการถึงบริษัทเลย” แพรวพราวชำเลืองมองกุหลาบช่อโตตาละห้อย มั่นใจว่าอีกไม่ช้าการะเกดจะเข้าวินตามหรรษาไปอีกราย 

    “นั่นสิ ว่าแต่คุณเฟรปเป้เขาหล่อมากไหมเกด” นันทิสา สาวร่างเล็ก ผมยาว นิสัยเรียบร้อย ซักต่อด้วยนัยน์ตาไหวระริก

    “เขาชื่อคุณฟิลิปป์ ไม่ใช่เฟรบเป้ย่ะ คิดถึงชาเขียวเฟรบเป้อยู่ล่ะสิท่า” หอมหมื่นลี้ค้อนเพื่อนสาว แล้วหันไปสนใจเงาสะท้อนของตัวเองกระจก เอียงซ้ายเอียงขวาสำรวจบริเวณทีโซน แล้วแตะแป้งพับลงบนจุดที่เริ่มมันตามประสาสาวรักสวยรักงาม 

    “ฟิลิปป์ หรือ เฟรบเป้ก็ช่างเหอะ ตอนนี้มิ้มอยากรู้ว่าเขาหล่อผ่านมาตรฐานไอเอสโอของเกดหรือเปล่า” มิลิน เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มสไตล์เกาหลีซึ่งกำลังฮิตฮอตในยุคนี้ ทนรอคำเฉลยไม่ไหวจนต้องแทรกเข้ามาเร่งรัดเอาคำตอบจากการะเกด 

                “ก็ดูดีน่ะนะ แต่เกดไม่รู้หรอกว่าความจริงเขามีลูกมีเมียแล้วหรือยัง เขาเป็นนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสที่บินมาดูงานที่เมืองไทยและพักอยู่โรงแรมนั้น เกดว่าพวกเราหยุดเม้าต์เรื่องนี้และแยกย้ายกันไปทำงานดีกว่านะ เดี๋ยวอีตาโหดเห็นว่าเป็นไทยมุงกันอยู่ตรงนี้นานเกินสามนาทีจะถูกสวดยกแผงเปล่าๆ”

                “พี่ขอแสดงความยินดีกับเกดล่วงหน้าด้วยนะ” พริมาวางมือกับไหล่บาง ส่งยิ้มจากน้ำใสใจจริง ก่อนจะกลับไปทำงานเหมือนคนอื่น  

                “ผิดคาดมากๆ ตอนแรกหนูษาคิดว่าคุณแดเนียลเป็นคนส่งมาเสียอีก” หรรษายื่นหน้ามากล่าวเหมือนผิดหวังกับกุหลาบช่อนั้น

                “ตอนนี้พี่ไม่ง้ออีตาแดเนียลแล้วล่ะหนูษา เพราะคุณฟิลิปป์เขาก็หล่อไม่แพ้กัน ทำงานกันต่อดีกว่านะ” การะเกดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับของบรรณาการจากลูกค้าหนุ่ม 

    เวลานี้เธอยังไม่อยากเล่ารายละเอียดให้หรรษาฟังเพราะไม่แน่ใจว่าทางรักจะราบรื่นเหมือนโปรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบหรือเปล่า เธอไม่ได้ตาบอดจนมองไม่เห็นว่าหนุ่มฝรั่งเศสคนนั้นแจกนามบัตรสาวสวยในงานปาร์ตี้หลายคน

                ผู้ชายหล่อย่อมเลือกมากเป็นธรรมดาเพราะเขาคิดว่าเขามีสิทธิ์ เธอเองก็คิดเห็นไม่ต่างไปนักหรอกว่า ผู้หญิงสวยก็ย่อมมีสิทธิ์เลือกเช่นกัน

                “อีกสักสองวันค่อยโทร.ไปหาละกัน” ริมฝีปากอิ่มขมุบขมิบกับการ์ดที่ฟิลิปป์ใส่เบอร์ของตัวเองมาอีก เหมือนเขากลัวว่าเธอจะทำนามบัตรก่อนหน้าหายงั้นแหละ หญิงสาวนั่งทำงานต่อจนเหลืออีกสิบนาทีจะถึงเวลาหยุดพักเที่ยง โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น

                “คิวปิดฮัทสวัสดีค่ะ กามเทพเกดรับสายค่ะ” กามเทพสาวรับสายอย่างคล่องแคล่ว

                “สวัสดีครับกามเทพใจร้าย” คนโทร.มาจงใจตัดพ้อผ่านเสียงทุ้มชวนฟัง แม้เขาจะไม่ได้แนะนำตัว แต่การะเกดก็จำเสียงของเทพบุตรขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเรื่องแบตเตอรี่รถเมื่อคืนวันเสาร์ได้แม่น

                “สวัสดีค่ะคุณแดน ไม่ทราบว่าวันนี้มีอะไรให้เกดรับใช้คะ หรือว่าจะโทร.เข้ามาให้ฟีดแบ็กเรื่องงานปาร์ตี้” ถึงจะสั่งตัวเองไม่ให้ยิ้ม แต่เรียวปากอิ่มกลับหุบยิ้มไม่ลง ซ้ำร้ายมือบอนของเธอยังดึงกุหลาบแดงหนึ่งดอกออกจากช่อ และเริ่มเด็ดกลีบบางเบาออกมาทีละกลีบแก้เขิน 

                “ฟีดแบ็กน่ะ ผมกรอกแบบสอบถามและส่งกลับตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะครับ แต่ถ้าให้ตอบว่าวันนี้มีอะไรให้ช่วยไหม ผมคิดว่ามีครับ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายิ้มไม่หุบเช่นกัน

                “อะไรเหรอคะ” คิ้วเรียวผูกโบเข้าหากันโดยอัตโนมัติ

                “เที่ยงนี้ผมไม่มีเพื่อนทานข้าวเลย ไม่ทราบว่าเคทจะให้เกียรติออกมาทานข้าวกับผมได้ไหมครับ ถือว่าตอบแทนที่ผมช่วยเรื่องรถคืนก่อนไง” หนุ่มเจ้าเล่ห์ทวงบุญคุณหน้าตาเฉย

                “แสดงว่าคืนนั้นคุณช่วยเกดเพราะหวังผลงั้นสิคะ” หญิงสาวยังไม่ยอมตอบรับคำชวน แม้ว่าเวลานี้หัวใจมันจะเต้นเป็นจังหวะโจ๊ะพรึมๆ เพราะสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ขณะนี้ มันคือการขายขนมจีบให้เธอดีๆ นี่เอง

                “สาบานว่าตอนช่วย ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ ครับ” แดเนียลแสร้งถอนใจยาว “ตอนนี้ผมอยู่แถวสีลม ถ้าหากเคทไม่อยากออกมาทานข้าวด้วยกันตอนเที่ยง เดี๋ยวผมเข้าไปหาตอนนี้เลยดีกว่าครับ ผมจะได้มีโอกาสบอกเจ้าของเคทกับทุกคนที่บริษัทด้วยว่าเคทเป็นแม่งานที่ทั้งสวยทั้งเก่ง”

                “อยะ อย่าเข้ามานะคะ” เจอไม้นี้เข้า กามเทพสาวถึงกับรีบกระซิบกระซาบใส่หูโทรศัพท์เพราะยังไม่อยากให้หรรษาหรือสมาชิกในแก๊งรู้เห็นเกี่ยวกับเขา เธออยากให้คนที่ยังไม่มีแฟนชะล่าใจ มากกว่าจะหวาดผวาและเร่งหาแฟนจากการปรากฏตัวของเขา 

                “ทำไมล่ะครับ”

                “คือมันไม่เหมาะที่คุณจะเข้ามาหาเกดโดยที่ไม่มีธุระเกี่ยวกับเรื่องงานค่ะ” การะเกดกล่าวอย่างกระวนกระวาย ถ้าเปรียบแดเนียลกับสเต็กสักชิ้น เขาก็คงจะเป็นสเต็กเกรดดีเลิศที่มีราคาแพงที่สุดในโลกอย่างมัตสึซากะ

                “แสดงว่าเคทจะออกมาหาผมใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มต่อรอง

                “เอ่อ” หญิงสาวอึกอักในลำคอ เงียบไปเกือบนาทีเพื่อชั่งใจตัวเองจึงได้กล่าวต่อ “คุณแดนสะดวกเจอกันที่รถไฟฟ้าตรงสยามไหมล่ะคะ”

                “ทำไมต้องไปสยามด้วยล่ะครับ หรือว่าเคทกลัวคนจะเห็น อายที่จะนั่งทานข้าวกับผม” เขาดักคอเหมือนรู้ทัน

                “ตอบตามตรงว่าใช่ค่ะ เกดขี้เกียจมานั่งตอบคำถามของทุกคนว่าคุณเป็นใคร ถ้าหากพวกเขาเจอคุณแล้วเกิดจำได้ว่าเคยไปงานปาร์ตี้ เจ้านายก็คงเฉ่งหัวเกดเท่านั้นค่ะ” การะเกดยอมรับเพราะไม่เห็นความจำเป็นจะปั้นเรื่องมาโกหกเขา “ถ้าคุณแดนไม่สะดวกเจอกันที่สยาม เกดก็ขอบายค่ะ”

                “โอเคครับ เอาเป็นว่าผมจะซื้อตั๋วรถไฟฟ้ารอเคทแล้วเรานั่งไปสยามด้วยกัน แล้วเจอกันนะครับ”นิ้วเรียวกดตัดสายเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายมีโอกาสแย้งอีก เขาเก็บแล็ปท็อปใส่เป้คู่ใจและสาวเท้าไปหาสถานีรถไฟฟ้าเพื่อซื้อตั๋วรอตามที่บอกเธอไว้ ไม่นานเกินรอก็หัวเราะจนตัวโยนเพราะการะเกดวิ่งกระหืดกระหอบฝ่าฝูงชนเข้ามาหาด้วยอาการเหงื่อแตกพลั่ก

                “หัวเราะอะไรนักหนาคะ” กามเทพสาวแว้ดใส่พร้อมกับคว้าการ์ดที่เขายื่นให้ แล้วเดินก้าวเร็วๆ ไปต่อแถวเสียบการ์ดผ่านเข้าสู่ด้านใน

                “หัวเราะคนแผนสูงที่กลัวคนอื่นจะเห็นถึงขนาดต้องลงทุนนั่งรถไฟฟ้าไปทานข้าวกับผมถึงสยามน่ะสิ” แดเนียลยังไม่หยุดขำ พอร่างสมส่วนขึ้นบันไดเลื่อน ก็รีบก้าวขึ้นไปยืนเบียด “ถามจริง หน้าตาของผมมันน่าเกลียดจนเคทไม่อยากพาไปให้ใครเห็นเลยเหรอครับ”

                “อย่าถามอะไรโง่ๆ ได้ไหมคะ” การะเกดแหงนคอตั้งบ่ามองหน้าคมคาย “นี่เกดยังไม่รู้เลยนะคะว่าทำไมจะต้องออกมาพบคุณ”

                “คำตอบมันง่ายนิดเดียวครับ” ตำรวจหนุ่มก้มหน้ามาใกล้ยิ่งขึ้น “เพราะเราใจตรงกัน”

                กามเทพสาวไม่ตอบ แต่วิ่งปร๋อไปขึ้นรถไฟฟ้าที่เพิ่งแล่นมาจอด ผู้คนแน่นขนัดเสียจนเธอต้องยืนเบียดกับเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “คุณไม่ทำการทำงานวันจันทร์เหรอคะ”

                “ทำครับ แต่เผอิญงานของผมมันไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิซทุกวัน เพียงแต่เข้าแต่ละครั้งก็ต้องรายงานความคืบหน้าของงานวิจัยให้บอสรู้” แดเนียลก้มลงมาใกล้ซอกคอคนฟังซึ่งทำหน้าตื่นตาโตกับการกระทำแบบนั้นของเขาทันที

                “คุณจะทำบ้าอะไร อย่ามาทำทะลึ่งตึงตังในที่สาธารณะแบบนี้นะคะ” คราวนี้หญิงสาวลดหางเสียงลงมาเป็นกระซิบเพราะไม่อยากให้คนรอบข้างหันมา

                “ขี้ระแวงอีกแล้วนะครับ ผมแค่อยากเช็กให้มั่นใจเท่านั้นว่ากลิ่นหอมที่ลอยอ้อยอิ่งติดจมูกผมอยู่ตอนนี้เป็นกลิ่นหอมของเคท” ตอบพลางก้มหน้าลงไปหาซอกคอขาวผ่องมากขึ้น

                “กะ ก็ใช่น่ะสิคะ ทีนี้คุณเอาหน้าออกไปห่างๆ ซอกคอของฉันได้หรือยัง” การะเกดยอมรับเสียงสั่น ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยามลมหายใจอุ่นจัดรินรดบริเวณต้นคอกับใบหู 

                บ้าจริง…เขาเป็นลูกครึ่งไทยประสาอะไร ถึงไม่รู้ว่าการทำแบบนี้ในที่ที่คนพลุกพล่านมันน่าเกลียด 

                “ตัวหอมดีจัง ผมชอบกลิ่นนี้” เขาส่งยิ้มมหาเสน่ห์มาให้จนคนมองเสเบือนหน้าหนี หญิงสาวไม่กล่าวอะไรอีกจนกระทั่งลงจากรถไฟฟ้าและพาเขาเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เวลาที่เหลืออยู่ประมาณสี่สิบนาที ทำให้เธอตัดสินใจพาเขาเข้าไปนั่งในฟู้ดคอร์ตและสั่งอาหารง่ายๆ มารับประทาน

                “ตกลงคุณมีธุระอะไรกับเกดกันแน่คะ” เพราะอยากรู้ว่าเขาจะจีบหรือเปล่า ทำให้สาวปากกล้าหว่านคำถามใส่ ส่งผลให้คนที่กำลังซดน้ำซุปถึงกับสำลัก

                “คุณถามผู้ชายทุกคนที่ชวนออกมาทานข้าวแบบนี้หรือเปล่าหืมเคท”

                “ก็เกดไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรนี่คะ คุณแดนเป็นลูกค้าของบริษัท เกดไม่อยากเดา ไม่อยากคิดไปเองค่ะ” เธอเชิดหน้าถามเสียงเครียด เอาไงเอากันล่ะงานนี้ ถ้าหากเขาไม่จีบ เธอจะได้เดินเครื่องพุ่งชนหนุ่มหล่อเจ้าของกุหลาบช่อนั้นเสียที

                “งั้นถ้าผมบอกว่าอยากรู้จัก อยากเริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อน ส่วนเรื่องอื่นที่อาจจะตามมา ผมอยากให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินมากกว่าจะด่วนสรุป เคทจะว่ายังไงครับ” แววตาของแดเนียลบอกว่าเขาจริงจังกับคำพูดทุกคำ เขายอมรับว่าชอบการะเกด แต่เพราะชอบถึงไม่อยากจีบ เพราะรู้ว่าในความเป็นจริงมันเป็นไปได้ยาก โลกของเขากับเธอต่างกันเกินไป

    ถ้าวันหนึ่งการะเกดล่วงรู้ว่าเหตุผลที่เขาพยายามตีสนิทเพราะทั้งอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับคดี อีกทั้งยังกล้าระแวงว่าเธออาจมีส่วนรู้เห็นกับกลุ่มอาชญากรค้าเนื้อสด การะเกดคงโกรธและอาจจะเกลียดเขาไปตลอดชีวิต

                “คุณแดนต้องการคนแก้เหงาระหว่างที่อยู่เมืองไทยใช่ไหมคะ” การะเกดคอแข็ง 

                เธอวาดหวังอะไรจากการรู้จักเขากันนะ หวังว่าจะได้พบผู้ชายดีพร้อมที่ตกหลุมรักตั้งแต่ได้ยินเสียงหรือพบหน้ากันครั้งแรกอย่างนั้นหรือ สมัยนี้มันยุคโลกาภิวัตน์แล้ว ไม่มีหรอกไอ้คำว่า Love at First Sight มีแต่คำว่า Lust at First sight มากกว่า 

                วันนี้แดเนียลมาขอเป็นเพื่อน อาทิตย์หน้าเขาอาจจะเป็นเพื่อนกันฉันอยากอึ๊บเธอก็ได้

                “ผมไม่ใช่ผู้ชายขี้เหงานักหรอกครับเคท ผมไม่ค่อยปล่อยให้ตัวเองมีเวลาว่างจนเกิดความเหงา”แดเนียลยิ้มบางๆ “ตกลงเราเป็นเพื่อนกันได้ไหมครับ”

                หญิงสาวนั่งเงียบ มองเขาด้วยประกายตาครุ่นคิดนานเกือบสามนาทีถึงได้ยิ้มที่มุมปากและตอบเสียงหวาน 

                “ถ้าอยากให้เกดตอบตกลง คุณก็ต้องสัญญามาก่อนสิคะว่าจะช่วยเกดในบางเรื่อง”

                “เรื่องอะไรครับ” คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง

                “เกดไม่บอกจนกว่าคุณแดนจะตอบตกลงค่ะ” เจ้าของนัยน์ตาดำขลับต่อรองแบบสาวเจ้าเล่ห์ น่ารักเสียจนแดเนียลหุบยิ้มไม่ลง 

                “แบบนี้ไม่แฟร์เลยนะครับ เกิดเคทบอกให้ไปฆ่าใคร ผมมิกลายเป็นฆาตกรเพราะความความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรอกเหรอ” เขาแกล้งตีหน้าเศร้าโอดครวญ ในขณะที่คนฟังหัวเราะร่าอย่างน่ารักน่าใคร่ 

                “ถ้าคุณแดนกลัวขนาดนั้น เราก็อย่าเป็นเพื่อนกันดีกว่าค่ะ เพราะเพื่อนในความรู้สึกของเกดคือคนที่พร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเวลาเพื่อนมีปัญหา” กามเทพสาวทำทีเป็นยักไหล่ไม่แยแส

                “ก็ได้ครับ ผมตกลงว่าจะช่วย ทีนี้บอกได้หรือยังครับว่าเคทอยากให้ผมช่วยเหลือเรื่องอะไร” ที่สุดแดเนียลก็เป็นฝ่ายยอมจำนน เรียกรอยยิ้มเก๋ไก๋จากคนกำลังเดือดร้อน

                หญิงสาวตัดสินใจเล่าเรื่องคอลัมน์ที่แองจี้เขียนโจมตีงานปาร์ตี้ล่องเรือดินเนอร์ที่เธอรับผิดชอบจนถูกเจ้านายเรียกเข้าไปด่า รวมถึงเล่าแผนการที่จะเชิญคอลัมนิสต์เจ้าปัญหาไปร่วมงานปาร์ตี้ในครั้งต่อไปให้ฟังด้วยความคับแค้นใจ

                “แล้วคุณแองจี้อะไรนั่นรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงครับ ผมจะได้ทำใจไว้รอตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าต้องเล่นละครเป็นหนุ่มที่ตกหลุมเสน่ห์ของเขาตั้งแต่แรกเห็น” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ

                “ก็พอไปวัดไปวาได้ค่ะ แต่แย่หน่อยตรงที่อวบไปนิดเท่านั้นเอง เขาเป็นสมาชิกของคิวปิดฮัทมานานพอสมควรแล้วค่ะ แต่เพราะเรื่องมาก จู้จี้จุกจิกสารพัด ก็เลยยังไม่มีใครสามารถหาหนุ่มที่ถูกใจให้เขาได้เสียที” การะเกดบอกความจริงไปเพียงครึ่งเดียว 

    เธอไม่คิดจะบอกความจริงอีกครึ่งที่ว่าแองจี้ต้องการเลือกแต่หนุ่มไฮโปรไฟล์แต่ไม่ดูสารรูปหรือศักยภาพของตัวเองเลยว่าแท้จริงคู่ควรกับหนุ่มโลว์โปรไฟล์มากกว่า มีหนุ่มมากหน้าหลายตาที่เหล่อนสนใจ แต่เขาเหล่านั้นกลับไม่มีใครสนตอบสักราย

                “อวบไปนิดหรืออ้วนฉุกันแน่ครับ” แดเนียลหรี่ตาจับผิด แล้วเขาก็ต้องกลอกตาไปมาเมื่อเห็นรอยยิ้มแหยของแม่สาวเจ้าเล่ห์เป็นเชิงยอมรับกลายๆ ว่าข้อสันนิษฐานของเขาเป็นจริง “มีหวังทุกคนในงานปาร์ตี้คงมองว่าผมเป็นพวกวิปริตผิดมนุษย์มนาที่สนใจผู้หญิงอ้วน หน้าตาดูไม่ได้ แทนที่จะแจกขนมจีบให้สาวสวยหุ่นดี”

                “แหม ทนเอาหน่อยเถอะค่ะ งานปาร์ตี้มันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง หลังจากนั้นคุณแดนก็ไม่ต้องไปเจอเขาอีกไงคะ” การะเกดเอียงคอฉอเลาะเสียงหวาน

                “ผมคิดว่าข้อแลกเปลี่ยนของเรามันไม่ค่อยแฟร์สักเท่าไรเลยนะครับ มันน่าจะมีอะไรเป็นการแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อกันมากกว่านี้นะครับ” เสียงเขางึมงำไม่ต่างจากหมีกินผึ้ง 

                “เช่นอะไรคะ” กามเทพสาวถามตรงไปตรงมา ป่วยการจะอ้อมค้อมเพราะเธอไม่อยากให้เขามองว่าต้องการคบหาเพราะหวังผลประโยชน์เช่นกัน

                “เคทบอกผมเองไม่ใช่เหรอครับว่าเครียดเรื่องผู้ชายที่ไปร่วมงานปาร์ตี้เพราะกลัวจะมีพวกอาชญากรแทรกตัวเข้ามา” เขาพยายามหาสิ่งมาโน้มน้าวจิตใจของคนฟัง พอเธอพยักหน้ารับก็กล่าวต่อด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง “ถ้าผมบอกว่าผมสามารถช่วยเคทเรื่องนี้ได้เพราะผมมีเพื่อนเป็นตำรวจอยู่หลายคน เคทจะว่ายังไงครับ”

                “หมายความว่ายังไงคะ” หญิงสาวมองเขาด้วยประกายตาที่เปลี่ยนไป 

    “หมายความว่าถ้าเคทสามารถส่งรายชื่อของผู้ชายที่เข้าร่วมงานปาร์ตี้ล่องเรือในระยะหนึ่งปีย้อนหลังให้ผมได้ ผมก็จะส่งข้อมูลนั้นต่อให้เพื่อนที่เป็นตำรวจสากลเช็กแบ็กกราวน์ของคนพวกนั้นอย่างละเอียดครับ ผมเองก็ได้อ่านข่าวนั้นเหมือนกัน ผมเข้าใจความรู้สึกของเคทดี และผมก็เป็นอีกคนที่อยากหาตัวเดนมนุษย์พวกนั้นให้พบ” นัยน์ตาของแดเนียลแข็งกร้าว กรามบดเข้าหากันจนเกิดสันสูน บ่งบอกว่าเขาไม่ได้เสแสร้ง การพบปะผู้คนมาทุกรูปแบบทำให้การะเกดมองออกไม่ยากว่าเขาหมายความตามที่พูดทุกคำ

                “แต่มันผิดกฎของคิวปิดฮัทที่จะเอาข้อมูลของลูกค้าให้คนอื่นค่ะ ข้อมูลทุกอย่างเป็นความลับของบริษัทซึ่งสัญญากับลูกค้าว่าจะเป็นความลับ ถึงอยากจะช่วยหาตัวคนร้ายมากขนาดไหน แต่เกดก็ทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ค่ะ” การะเกดมีสีหน้าพะว้าพะวัง

                “ผมว่ามันขึ้นอยู่กับจุดประสงค์มากกว่าครับ ว่าเราต้องการเอาข้อมูลเหล่านั้นไปทำอะไร” นายตำรวจหนุ่มหลอกล่อ “เคทคงไม่อยากให้ผู้หญิงอีกหลายคนต้องพบชะตากรรมเดียวกับผู้หญิงไทยสองคนนั้นหรอกใช่ไหมครับ”

                “ค่ะ แค่รู้ว่าผู้หญิงเคราะห์ร้ายสองคนนั้นเคยร่วมงานปาร์ตี้ของเกด เกดก็รู้สึกแย่จนไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ” การะเกดทำหน้าเหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งใบ 

    “ผมว่าเราเริ่มต้นจากการแฮกแอคเคาน์ของผู้หญิงเคราะห์ร้ายสองคนนั้นดีไหมครับ หลังจากนั้นค่อยสืบสาวราวเรื่องต่อไปว่าเขาติดต่อกับผู้ชายคนไหนบ้าง ไหนๆ ลูกค้าสองคนนั้นก็เสียชีวิตไปแล้ว ผมว่าคงไม่ผิดมากกระมังถ้าหากเราจะเข้าไปหาข้อมูลจากแอคเคาน์หรือกล่องข้อความลับของพวกเขา” แดเนียลตะล่อมต่อ  

                “เอ่อ…” การะเกดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “กะ ก็ได้ค่ะ แต่คุณต้องสัญญานะคะว่าคุณหรือเพื่อนของคุณที่เป็นตำรวจสากลจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ถ้าหากบอสรู้ เขาคงไล่เกดออกสถานเดียว”

                “สาบานด้วยเกียรติเลยครับว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเราสองคน” นัยน์ตาคมกริบลิงโลด “ไม่ต้องห่วงเรื่องของผู้หญิงชื่อแองจี้นะครับ ผมจะทำให้เขายิ้มแก้มแทบปริตลอดเวลาที่อยู่ในงานปาร์ตี้ของเคทเลย”

                “ขอบคุณค่ะ เกดจะให้ข้อมูลของแอคเคาน์ผู้หญิงสองคนนั้นหลังปาร์ตี้เลิกแล้วนะคะ” หญิงสาวต่อรองกับเขาอย่างไม่ประมาท ผลของมันคือทำให้แดเนียลหัวเราะอย่างรู้ทัน ก่อนที่เขาจะพูดกลั้วหัวเราะขึ้นว่า

                “ผมขอรับข้อมูลวันอาทิตย์ละกันครับ เรานัดทานข้าวคุยกันแบบสบายๆ ดีกว่า เคทจะได้ไม่ต้องคอยหวาดระแวงด้วยว่าเพื่อนร่วมงานคนไหนจะโผล่มาเห็น” แดเนียลกล่าวด้วยแววตารื่นรมย์ ผิดกับดวงหน้าหวานของคนฟังซึ่งเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง ทว่าสุดท้ายการะเกดก็เพียงแค่ค้อนขวับอย่างหมั่นไส้ 

                “เกดเห็นจะต้องขอตัวกลับไปทำงานแล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวกล่าวหลังจากมองหน้าปัดนาฬิกาบนข้อมืออีกครั้ง

                “ได้ครับ แต่ต้องหลังจากที่ผมได้เบอร์ของเคท เราจะได้คุยเรื่องแผนการทั้งหมดอย่างสะดวก เคทคงไม่อยากให้ผมแวะไปหาที่บริษัท หรือโทร.ไปที่ออฟฟิซบ่อยๆ หรอกใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มทำหน้าตายอธิบายเหตุผล แล้วเผยยิ้มกว้างอวดไรฟันเมื่อคนฟังหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเบอร์ของเขา แล้วยิงเบอร์เข้ามาเหมือนจะยืนยันว่าไม่ได้เล่นตุกติก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×