ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลูบคมกามเทพ

    ลำดับตอนที่ #9 : Beauty is in the eye of the beholder

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 67


    ตาดำขลับมองแองจี้ที่สวมเดรสผ้ากำมะหยี่ลายเสือแบบคล้องคอ อวดร่องอกไซส์มหึมาที่ทะลักออกมาโชว์โนมเนื้อเกือบครึ่งเต้า มองต่ำกว่านั้นก็เห็นว่าผ้านั้นรัดติ้วแนบเอวหนา สะโพกปานเทือกเขาหิมาลัย เลยลงไปเกือบถึงเข่า 

    เรือนผมสีน้ำตาลยาวถูกดัดเป็นลอนใหญ่อย่างน่ามอง แต่มันขัดตาตรงที่ด้านหน้าตีฟาล่าเหมือนเจ้าตัวต้องการให้มันช่วยเพิ่มความสูงให้อีกห้าเซ็นต์ รองเท้าส้นสูงกับกระเป๋าหนีบสีดำอาจทำให้หล่อนเหมือนคุณนายไฮโซตามคำแนะนำของหอมหมื่นลี้ ทว่าสะโพกแบบสาวละตินกับน่องและต้นแขนล่ำๆ ก็ทำให้หล่อนแลดูประหนึ่งกรรมกรที่แบกกระสอบข้าวอยู่เป็นเนืองนิตย์เช่นกัน 

               สำหรับคอลัมนิสต์ความมั่นใจเกินล้านอย่างแองจี้ หล่อนอาจจะยึดคติ ‘สวยแท้ไม่แคร์สื่อ’ แต่สำหรับคนมองอย่างการะเกด มันเป็นภาพอันแสนสยดสยองจนเธอแอบสงสารแดเนียลล่วงหน้า

                “สวัสดีค่ะคุณแองจี้ แหม...คืนนี้สวยเซ็กซี่จนเกดจำเกือบไม่ได้เชียวนะคะ” การะเกดจีบปากจีบคอชมอีกฝ่ายขณะยกมือไหว้ด้วยกิริยาอ่อนช้อยเกินพอดี

                “ฉันก็แต่งของฉันอย่างนี้ประจำอยู่แล้ว หล่อนตาถั่วล่ะสิถึงเพิ่งเห็นว่าสวย” ใบหน้าห้าเหลี่ยมเชิดขึ้นน้อยๆ แอบภูมิใจว่าการเข้าสปาขัดหน้า ขัดตัว ทำผม ทำเล็บ รวมถึงถอยเดรสกับรองเท้าใหม่เอี่ยมมาวันนี้ มันได้ผลคุ้มค่ากับเงินและเวลาที่เสียไป

                “เชิญบนเรือเลยค่ะ ตอนนี้หนุ่มๆ สาวๆ รออยู่ข้างบนกันหมดแล้วค่ะ เดินระวังหน่อยนะคะ” แม่งานผายมือเชื้อเชิญนอบน้อมประหนึ่งกำลังปรนนิบัติเชื้อพระวงศ์ พออีกฝ่ายก้าวนำก็เดินตามไปเรื่อยๆ อาศัยเงาสลัวบนทางเดินแอบทำหน้าลิงหน้าค่างใส่แผ่นหลังเปลือยที่ใหญ่ราวกับไม้ซุง 

                ไม่กี่อึดใจเรือลำนั้นก็เคลื่อนออกจากท่าน้ำอย่างช้าๆ การะเกดกุลีกุจอหาไวน์มาบริการคอลัมนิสต์ปากกล้าซึ่งตลอดเวลาทำหน้าเชิดใส่เธอกับเพื่อนร่วมงานทั้งเจ็ดคนจนเกรงว่ากว่างานปาร์ตี้จะเลิกมีหวังกลายเป็นปลวกคอเคล็ด หญิงสาวกล่าวเปิดงานตามสเต็ปเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ก่อนจะขอให้ลูกค้าแต่ละรายออกมาแนะนำตัวกันคนละเล็กคนละน้อย

                “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อแองจี้ เป็นคอลัมนิสต์ของนิตยสารพิงค์เลดี้ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ” แองจี้ก้าวออกไปแนะนำตัวเป็นคนสุดท้ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แม้จะแอบไม่พอใจสายตาหลายคู่ที่มองเธอราวกับจะบอกว่า หน้าไม่สวย หุ่นไม่ดี ไม่ควรจะมีโอกาสเสนอหน้ามาร่วมงานนี้ แต่คนเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างเธอก็เชิดหน้า มองตอบด้วยหางตา 

    ความโกรธกรุ่นถูกเก็บไว้ภายในสีหน้าราบเรียบ ทว่าในใจด่าสาดเสียเทเสียการะเกด เพราะว่ากามเทพสาวอาจวางแผนกับบรรดาผองเพื่อนที่เธอเคยมีปัญหาด้วย แล้วจงใจเชิญมาเพื่อให้อับอายขายหน้า 

    นางสาวอังกาบจมอยู่กับความคั่งแค้นจนกระทั่ง…

                “สวัสดีครับคุณนางฟ้า” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลังขณะที่สาวอวบยืนจิบไวน์ชมวิวอยู่คนเดียวระหว่างชั่วโมงแห่งการเรียนรู้กันและกันของฝ่ายชายกับฝ่ายหญิงทำให้แองจี้หันขวับ พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายที่คิดว่าหน้าตาดีที่สุดบนเรือส่งยิ้มมาให้ก็ฝืนยิ้มด้วยความกระอักกระอ่วน

                “เอ่อ คะ คุณเรียกฉันเหรอคะ” สาวอวบหันซ้ายหันขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด

                “ผมคิดว่าตรงนี้น่าจะมีแต่คุณนะครับ” แดเนียลส่งยิ้มเยือน “ผมเรียกคุณว่าคุณนางฟ้าเพราะคิดว่าความหมายมันคล้ายกับแองจี้ครับ”

                “อ๋อ..ค่ะ” คอลัมนิสต์สาวพยักหน้าด้วยกิริยาขวยเขิน แอบหยิกเนื้อตึงๆ ของตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไปที่เทพบุตรสุดหล่อแวะเข้ามาคุย

                “ผมชื่อแดเนียลครับ สะดุดตาตั้งแต่เห็นคุณแองจี้ก้าวขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือแล้ว” ตำรวจสากลกัดฟันกล่าวคำหวานและส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ 

    จะไม่ให้เขาสะดุดตาได้ยังไงเล่าในเมื่อวินาทีที่เจ้าหล่อนเหยียบเท้าลงบนแผ่นไม้ที่ต่อเป็นทางเดินขึ้นเรือปุ๊บ เสียงไม้ก็ลั่นเอี๊ยดอ๊าดปั๊บ แถมโครงร่างไม่ต่างจากหมีขาวบนขั้วโลกก็ใหญ่เกินกว่าที่จอรับภาพในดวงตาของเขาจะมองผ่านไปได้

                “อ่า...เหรอคะ” หญิงสาวใจเต้นไม่เป็นส่ำ นี่มันยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเลยทีเดียว เพราะตั้งแต่แตกเนื้อสาวมาจนเริ่มทำใจว่าชาตินี้อาจหาคู่ตุหนาหงันไม่ได้ ก็เพิ่งจะมีผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้เป็นฝ่ายเดินเข้ามาทักก่อน “แองจี้จำได้ว่าคุณแดเนียลเป็นนักวิจัย มะ ไม่ทราบว่าวิจัยอะไรคะ”

                “วิจัยตลาดทั่วไปน่ะครับ แต่ตอนนี้...” ชายหนุ่มแสร้งกวาดตามองไปทั่วร่างอวบอัดเกินแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นจิบว่าหล่อนคือไวน์รสเลิศ “ตอนนี้ผมอยากหันมาวิจัยผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณแองจี้มากกว่า”

                นางสาวอังกาบกลืนน้ำลายเอื๊อกกับสายตาร้อนแรงที่มองเรือนร่างทรงเสน่ห์ของเธอ รู้สึกคอแห้งจนต้องรีบกระดกไวน์ที่เหลือค่อนแก้วขึ้นดื่ม

                “คุณแดนเป็นผู้ชายที่แปลกมากค่ะ ปกติแองจี้เห็นหนุ่มๆ สนใจอยากคุยกับสาวสวยหุ่นเพรียวแบบจะปลิวตามลมมากกว่าผู้หญิงเจ้าเนื้อ” คอลัมนิสต์สาวแกล้งถามลองใจพร้อมกับบุ้ยให้เขามองสาวสวยเอวบางร่างน้อยหลายคน

                “เรื่องแบบนี้ผมว่าเป็นรสนิยมของแต่ละคนมากกว่านะครับ” หนุ่มปากหวานกล่าวพลางกวาดตาสำรวจเรือนร่างไร้ส่วนโค้งนั้นอีกครั้งเหมือนหล่อนคืออาหารตา “คุณแองจี้คงจะเคยได้ยินสำนวนที่ว่า Beauty is in the eye of the beholder ใช่ไหมครับ”

                “ค่ะ” เรียวปากอวบสมตัวที่ฉาบไว้ด้วยลิปสติกสีแดงเพลิงแย้มยิ้มให้เขา ไม่มีใครไม่รู้จักประโยคสุดฮิตที่หมายถึงความสวยขึ้นอยู่กับสายตาของผู้มองหรอก “เคยได้ยินมาหลายครั้ง แต่มันก็ยังเป็นเรื่องเหลือเชื่ออยู่ดีที่ผู้ชายเพอร์เฟกต์อย่างคุณมองแองจี้แบบนี้”

                “คุณแองจี้เพิ่งคุยกับผมไม่กี่ประโยค อย่าเพิ่งพูดว่าผมเพอร์เฟกต์เลยครับ เพราะอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า คุณแองจี้อาจจะคิดว่าผมไม่ดีพอก็ได้ครับ” ชายหนุ่มยิ้มบางๆ “ผมขออนุญาตไปเติมไวน์ให้คุณแองจี้นะครับ”

                “ค่ะ” คนพูดยิ้มหวานและรีบส่งแก้วเปล่าให้เขา แก้มสาวถึงกับร้อนวูบวาบ ยามหนุ่มหล่อถือโอกาสแต๊ะอั๋งระหว่างที่ยื่นมือมารับแก้วไวน์ 

    หัวใจเหมือนจะติดปีกโบยบินตามแผ่นหลังผึ่งผายขณะมองร่างสูงเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ความตื่นเต้นที่ไม่สามารถทนเก็บไว้คนเดียวได้อีกต่อไปทำให้มืออวบอูมควานหาโทรศัพท์มือถือราคาแพงมากดหาคู่หูคนสนิทเพื่อเล่าข่าวใหญ่ให้ฟัง

                ระหว่างที่คอลัมนิสต์สาวกำลังฟุ้งน้ำลายแตกฟองนั้น การะเกดก็ยืนหัวเราะอยู่ข้างโต๊ะเครื่องดื่มกับผู้ช่วยสาวเมื่อเห็นสีหน้าเหมือนคนโดนผึ้งสักร้อยตัวเล่นงานกำลังเดินหน้าบึ้งมาแต่ไกล

                “สุดหล่อของพี่เกดมาแล้ว หนูษาขอตัวไปดูลูกค้าทางนู้นก่อนดีกว่า อย่าหวานกันมากจนเจ๊ลีกับคนอื่นสงสัยล่ะ” หรรษาที่ยืนอยู่ด้วยกันรีบแยกตัวออกไปจากตรงนั้นอย่างรู้งาน

                “เดี๋ยวเหอะ” หญิงสาวทำตาดุใส่ผู้ช่วยจอมเปิ่นที่แสนรู้ไปเสียทุกอย่าง เธอปรับสีหน้ามาเป็นราบเรียบเมื่อแดเนียลสืบฝีเท้าเข้ามาหยุดตรงหน้า เพราะไม่อยากให้คนอื่นมองว่าสนิทสนมกับลูกค้าเกินกว่าเหตุ

                “เป็นยังไงบ้างคะคุณแดนขา คุยกับคุณแองจี้สนุกดีไหมคะ” ปากจิ้มลิ้มส่งเสียงหวานถามแบบให้ได้ยินกันแค่สองคน ตากลมโตฉายแววระยิบระยับเหมือนมีลูกแก้วสีดำกลิ้งอยู่ ให้ความรู้สึกทั้งน่ารักและน่าหมั่นไส้ในคราเดียวกันในสายตาของคนมอง

                “สนุกนรกอะไรล่ะ เคทรู้ไหมว่าผมต้องทำใจนานขนาดไหนถึงกล้าเข้าไปคุยและกัดฟันพูดบ้าๆ บอๆ ตามบทที่คุณยัดเยียดให้” แดเนียลเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกท่าทีโกรธขึ้ง

                “แหม อย่าพูดแบบนี้สิคะ เกดเห็นคุณแดนกับเขาออกจะคุยกันกะหนุงกะหนิงเหมือนคู่รัก อดทนปากหวานใส่เขาอีกสักนี้ดเถอะนะคะ พรุ่งนี้คุณอยากทานอะไร ที่ไหน เกดเลี้ยงเต็มที่แบบไม่มีบ่นสักแอะเลยค่ะ” หญิงสาวอัดฉีดนักมวยที่ส่งขึ้นสังเวียนชกข้ามรุ่นด้วยคำหวานหยด

                “เจอหนักขนาดนี้ เลี้ยงข้าวทั้งปี ผมยังรู้สึกว่ามันไม่คุ้มเลย” เขาพูดอย่างเสียไม่ได้ ผิดกับคนฟังที่ยิ้มหน้าแป้นแล้น

                “แค่แกล้งคุยกับสาวดีๆ ไม่กี่ชั่วโมงคุณยังบ่นขนาดนี้ แล้วไม่คิดบ้างเหรอคะว่าเกดลำบากใจขนาดไหนที่ต้องเอาข้อมูลส่วนตัวของลูกค้ามาให้คุณ รีบกลับไปหายายปลวกเถอะค่ะ ถ้าคุณอยากบ่น อยากโวยวาย พรุ่งนี้ค่อยเก็บไว้ระบายให้เกดฟังต่อ” หญิงสาวยื่นแก้วไวน์ที่เพิ่งเติมไวน์แดงเพิ่มคืนให้เขาพร้อมกับส่งยิ้มยั่วเย้า ยิ้มที่คนมองเห็นแล้วส่งเสียงครางฮึมฮำในลำคอเพราะอยากฝังจูบลงทัณฑ์บนเรียวปากรูปกระจับที่เอาแต่พูดฉอดๆ ให้สาสมกับความแสบซ่า ทว่าก็จำต้องเดินห่างจากร่างเย้ายวนและถือแก้วไวน์กลับไปหาสาวอวบ

                เขาส่งยิ้มให้สาวอวบซึ่งรีบวางสายและยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋า แล้วส่งยิ้มหวานหยดกลับมาให้ 

                “ไวน์มาแล้วครับคุณสุภาพสตรี” แดเนียลพึมพำเสียงทุ้ม 

                “ขอบคุณค่ะ” คอลัมนิสต์สาวพึมพำพร้อมกับรับไวน์จากมืออุ่น หลังจากได้ระบายความตื่นเต้น ก็มีสติพอที่จะไม่เอ๋อพูดติดๆ ขัดๆ เหมือนก่อนหน้า “คุณแดเนียลมางานปาร์ตี้ของคิวปิดฮัทบ่อยไหมคะ”

                “ตอบตามตรงว่านี่เป็นครั้งที่สองของผมครับ เพราะครั้งที่แล้วผมยังไม่เจอคนที่ 'ใช่' แต่คิดว่าครั้งนี้น่าจะพบแล้วล่ะครับ” นัยน์ตาเหมือนพญาเหยี่ยวมองลูกหมูทำเอาสาวอวบครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนคนจะเป็นไข้ เขินเสียจนต้องยกไวน์ขึ้นจิบแก้เก้อ

                “คุณแองจี้ล่ะครับ มางานปาร์ตี้ของคุณเคทกี่ครั้งแล้ว” แดเนียลจงใจใส่คำว่าคุณนำหน้าชื่อเล่นของการะเกดเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคลางแคลงใจถึงความสนิทสนมระหว่างเขากับกามเทพสาวตาคม

                “เพิ่งมาตามคำชวนของเขาคืนนี้แหละค่ะ” คอลัมนิสต์สาวตอบเสียงหวาน 

                “ผมว่าคุณเคทจัดงานปาร์ตี้ล่องเรือได้ดีมากๆ ผมชอบทั้งบรรยากาศ วิวของแม่น้ำเจ้าพระยาและผู้คนที่มางาน คุณแองจี้คิดเหมือนผมไหมครับ” คนพูดทำทีสูดหายใจเอาอากาศเย็นสบายเข้าเต็มปอด

                “ค่ะ ไวน์ก็รสชาติกลมกล่อม ของว่างก็ถูกปากแองจี้” แพขนตาปลอมที่ยาวราวกับปีกนกกระพือช้าๆ เพราะอยากให้ดูเย้ายวนในสายตาคนมอง “เหลือแต่เมนคอร์สว่าจะผ่านไหมเพราะปกติอาหารบุฟเฟ่ต์ที่แองจี้เคยทาน รสชาติไม่เคยผ่านค่ะ”

                “อย่ากังวลเลยครับ ผมรับรองว่าอาหารทุกอย่างจะถูกปากคุณแองจี้ คราวที่แล้วผมลองทานพอร์กช้อป รสชาติอร่อยพอๆ กับร้านไฮโซบางแห่งกลางลอนดอนเลยครับ ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้งก็เป็นอีกเมนูที่พลาดไม่ได้ ไหนจะหอยอบชีสสูตรฝรั่งเศสที่รสชาติดีไม่แพ้ภัตตาคาร เลอ จูลส์ เวิร์นบนหอไอเฟลอีก รับรองว่าคืนนี้คุณแองจี้ทานจนพุงกางแน่ๆ ครับ” แดเนียลพยายามกอบโกยคะแนนให้กามเทพสาว

                “แองจี้แค่อยากชิมนั่นชิมนี่พอให้รู้รสชาติ แต่คงไม่ทานจนพุงปลิ้นหรอกค่ะ” หญิงสาวส่งยิ้มแหย นึกเจ็บใจที่มัวแต่ห่วงสวยจนลืมนึกถึงเรื่องกิน ใส่สเตย์ตั้งแต่เอวลงมาถึงต้นขาเพราะอยากให้เวลาใส่เดรสออกมาแล้วดูดี แค่ของว่างกับไวน์แก้วกว่าๆ เธอก็อึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ครั้นจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำและแอบถอดสเตย์ทิ้ง ก็กลัวห่วงยางจะดีดดึ๋งดั๋งออกมาให้หนุ่มตรงหน้าเห็น 

                “เอาล่ะ ผมจะไม่บังคับให้ทานเยอะๆ ก็แล้วกันครับ ผมเข้าใจว่าคุณแองจี้ยังเป็นผู้หญิงที่ห่วงสวย”นัยน์ตามีความหมายหลุบลงคล้ายจะสำรวจร่างคนฟังอีกครั้ง “คุณแองจี้คงไม่รังเกียจที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับผมตอนทานข้าวหรอกใช่ไหมครับ”

                “มะ ไม่เลยค่ะ แองจี้ถือเป็นเกียรติมากกว่า” สาวอวบส่ายหน้าจนผมสยายมากกว่าเดิม

                “เสียดายที่หลังทานข้าว ผมมีสิทธิ์เต้นรำกับคุณแองจี้เพียงเพลงเดียว ถ้าจะติการจัดงานปาร์ตี้ของคุณเคท ผมก็คงจะติตรงที่เขาบังคับให้ลูกค้าสลับคู่เต้นรำไปเรื่อยๆ เท่านั้นแหละครับ” หนุ่มจอมมารยาแสร้งทำหน้าทำตาเหมือนคนผิดหวัง

                “งั้นแองจี้ขอยืมคำติชมของคุณแดเนียลไปเขียนลงในคอลัมน์ที่กำลังดูแลอยู่นะคะ เพราะความจริงแองจี้ก็มาเพื่อเก็บข้อมูลไปเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับปาร์ตี้ล่องเรือดินเนอร์ของคุณเกดค่ะ”

                “จริงเหรอครับ” แดเนียลแกล้งทำหน้าตื่นตาโต พอเจ้าหล่อนพยักหน้าประหนึ่งว่าภาคภูมิใจในหน้าที่การงานของตนเหลือเกิน ก็ก้มหน้าลงมาใกล้และผ่อนเสียงให้เบาลงเหมือนกลัวใครคนใดคนหนึ่งจะผ่านมาได้ยิน “ผมว่าทางออกที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คือการยืดเวลาของงานปาร์ตี้ออกไปอีกสักหนึ่งหรือสองชั่วโมง ใช้ธีมซิลเดอเรลล่าเต้นรำกับเจ้าชายจนถึงเที่ยงคืนไปเลยก็ดีครับ ผมว่ามันเป็นธีมที่โรแมนติกมาก”

                “คุณแดเนียลนี่เป็นผู้ชายที่โรแมนติกจังเลยนะคะ แองจี้เห็นด้วยกับเรื่องนี้ค่ะ” แอลกอฮอล์ที่ซึมเข้าสู่เส้นเลือดส่งผลให้คอลัมนิสต์สาวส่งยิ้มตาหวานฉ่ำให้เขาแบบไม่กระดากนัก

                “เห็นด้วย” มุมปากข้างหนึ่งของคนพูดบุ๋มลงไปอีก “แสดงว่าเราสองคนใจตรงกันใช่ไหมครับ”

                “ค่ะ เราใจตรงกัน” หล่อนมองตอบด้วยประกายตาหวานฉ่ำ ยิ่งคุยเธอก็ยิ่งคิดว่าฟ้าประทานเขามาเพื่อหล่อเลี้ยงหัวใจอันแห้งเหี่ยวให้มีชีวิตชีวา

                หลังจากยืนคุยกันอีกพักใหญ่ การะเกดก็เข้ามาเชิญเธอกับหนุ่มหล่อลงไปรับประทานอาหารที่ชั้นล่าง แดเนียลยังคงคอยบริการตักอาหารทุกชนิดใส่จานมาเสิร์ฟให้ลองชิม การพะเน้าพะนอและสายตาที่มองเธอเพียงคนเดียวตลอดเวลาให้ความรู้สึกราวกับว่าบนเรือลำนี้มีเพียงเธอกับเขาสองคน

                การะเกดมองภาพนั้นด้วยแววตาพอใจ แต่ก็พยายามปิดเพื่อนร่วมงานว่ารู้จักและวางแผนไว้อย่างแยบยลกับแดเนียล 

                “เกดแน่ใจเหรอว่าไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว ดูยังไงพี่ก็ว่าแปลกที่คนหน้าตาดีขนาดนั้นจะลดตัวลงไปเสวนากับยายปลวกนั่น” วราลีถามไม่ต่างจากกามเทพสาวรายอื่น

                “แน่ค่ะ นี่ถือว่าฟ้าดินยังเห็นใจเกดนะคะเพราะเพื่อนที่กะจะให้มาเทกแคร์ยายนั่นดันป่วยกะทันหัน แล้วพอดีคุณแดนซึ่งมางานปาร์ตี้คราวก่อนบ่นกับเกดว่าสาวๆ ในงานไม่ใช่สเปกสักราย เขาชอบสาวอ้วน เกดก็เลยจัดให้ ไม่คิดว่าเขาจะมีรสนิยมที่แปลกประหลาดขนาดนั้น” โกหกวราลีแล้วก็แอบขอโทษขอโพยอยู่ในใจ ขืนสารภาพว่ารู้จักกับเป็นการส่วนตัว คำถามมากมายคงถูกวราลีกับอีกหกสาวซักฟอกจนความแตก 

                “อืม แปลกอย่างที่เกดว่านั่นแหละ” วราลีถอนหายใจเฮือก “เสียดายรูปร่างหน้าตาจริงๆ”

                “เสียดายทำไมคะเจ๊ เกดว่าเป็นอย่างนี้น่ะดีแล้ว ยายปลวกจะได้เลิกเป็นมารความสุขของพวกเราเสียที เกดขอตัวไปหาสองคนนั่นก่อนนะคะเจ๊ ประเดี๋ยวยายปลวกจะโวยวายหาว่าไม่ให้ความสำคัญอีก”รอยยิ้มรื่นรมย์ฉายชัดอยู่เหนือใบหน้ารูปไข่ พูดจบก็สาวเท้าเข้าไปหาคู่ที่เพิ่งตกเป็นหัวข้อสนทนา

                “อาหารถูกปากไหมคะคุณแองจี้ คุณแดน” แม่งานคนสวยทำทีเป็นเดินเข้ามาถามไถ่

                “อร่อยทุกอย่าง จริงไหมครับคุณแองจี้” แดเนียลถามสาวอวบที่ยิ้มแก้มแทบปริ

                “ค่ะ ปาร์ตี้นี้เลิศกว่าที่แองจี้คิดไว้เยอะ ขอบคุณคุณเกดมากนะคะที่เชิญแองจี้มาร่วมงาน” คอลัมนิสต์สาวเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวแบบไม่กระดากปาก

                “เกดต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณแองจี้ที่อุตส่าห์ให้เกียรติมาร่วมงานนี้มากกว่าค่ะ ถ้าหากมีอะไรอยากแนะนำก็บอกเกดหรือพนักงานทุกคนได้ตลอดเวลาเลยนะคะ เกดจะได้นำไปปรับปรุงในโอกาสต่อไป”กามเทพสาวยังคงความอ่อนน้อมถ่อมตน

                “เรื่องที่แองจี้กับคุณแดเนียลอยากแนะนำก็คงจะเป็นระยะเวลาของงานปาร์ตี้ค่ะ พวกเราคิดว่าหากยืดเวลาออกไปอีกสักหนึ่งหรือสองชั่วโมง น่าจะทำให้ลูกค้าได้มีโอกาสเอนจอยงานปาร์ตี้และทำความรู้จักกันมากขึ้น” คำพูดและสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของแองจี้บ่งบอกว่าหล่อนไม่หลงเหลือความขุ่นเคืองในใจ

                “ขอบคุณค่ะ ไว้เกดจะลองเอากลับไปปรึกษาเจ้านายดูนะคะ” หญิงสาวน้อมรับด้วยกิริยาอ่อนหวาน แล้วแววตาก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นล้อเลียน “แต่คิดอีกที เกดว่าที่คุณแองจี้กับคุณแดเนียลคิดว่าเวลาของงานปาร์ตี้มันสั้นไป อาจจะเป็นเพราะได้มาเจอคนถูกใจที่คุยกันถูกคอก็เป็นได้นะคะ”

                “ผมคงต้องยกความดีความชอบให้กับแม่สื่อคนเก่งใช่ไหมครับที่ทำให้ผมได้มาเจอผู้หญิงสมบูรณ์แบบไปทุกอย่างแบบคุณแองจี้” ชายหนุ่มกัดฟันเติมคำว่า ‘แบบ’ ตามหลังคำว่า ‘สมบูรณ์’ ในวินาทีที่สาวอุดมสมบูรณ์อย่างแองจี้เผลอ พร้อมทั้งส่งสายตาคาดโทษไปยังกามเทพสาวเจ้าปัญหา

                “มันเป็นหน้าที่ของเกดอยู่แล้วค่ะ เกดไม่อยากขัดคอ คุณแดนกับคุณแองจี้แล้ว ขอตัวไปคุยกับลูกค้าท่านอื่นๆ ก่อนนะคะ”การะเกดยิ้มให้ทั้งคู่แล้วเดินจากไปอย่างสุขารมณ์ 

    ดูเหมือนแองจี้จะไม่ระแคะระคายแผนการของเธอเลยแม้แต่นิดเพราะหลงละเลิงกับคำป้อยอของเธอและการเอาใจใส่จากแดเนียล เขาทำหน้าที่ได้อย่างไม่บกพร่องจนเธอคิดว่าหากคิดจะเอาดีทางด้านการแสดง ก็คงคว้าออสการ์ไปหลายรางวัล

    ในที่สุดเวลาแห่งการรอคอยของแองจี้ก็เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อชั่วโมงของการเต้นรำได้มาถึง  แม้ลึกๆ จะแอบเสียดายว่าจะได้เต้นรำกับหนุ่มหล่อนิสัยดีเพียงเพลงเดียว แต่มันก็คงเป็นหนึ่งช่วงเวลาที่เธอจะจดจำไปอีกนานแสนนาน

    ร่างอ้วนเดินนำแดเนียลขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้าเรือ ยิ้มเขินอย่างมีจริตยามเขาค้อมศีรษะลงเล็กน้อยและยื่นมือออกมาด้วยท่าทีสุภาพ 

    “ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ”

    “ด้วยความยินดีค่ะ” คอลัมนิสต์สาวตอบรับเสียงหวาน มืออวบอูมวางลงบนอุ้งมือใหญ่ แก้มปริแทบแตกยามถูกรั้งเข้าไปใกล้ร่างสูง

    การเต้นรำตามการนำของแดเนียลให้ความรู้สึกประหนึ่งว่าเธอคือซินเดอเรลล่าที่กำลังเคลื่อนไหวไปในท่วงทำนองเดียวกับเจ้าชาย กลิ่นหอมอ่อนๆ ของโคโลญจน์จากซอกคอของเขาให้ความรู้สึกเย้ายวนชวนให้คลั่งจนเธอแอบสูดหายใจเอาความหอมนั้นเข้าเต็มปอด เผลอเบียดหน้าอกหน้าใจเข้าใส่ร่างแกร่งด้วยความเสน่หา แม้เพียงการเสียดสีผ่านเสื้อผ้า เลือดในกายสาวก็ร้อนระอุเหมือนลาวาร้อนๆ กลางปล่องภูเขาไฟ

                “คิดอะไรอยู่ครับ” แดเนียลกัดฟันถามเสียงทุ้มหลังจากปลอบตัวเองว่าอีกไม่นาน เขาก็จะได้รับอิสรภาพที่โหยหาเสียที

                “เอ่อ ตอนนี้แองจี้มึนไวน์จนจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้วค่ะว่าคิดเรื่องอะไรบ้าง” สาวอวบถือโอกาสใช้มารยาหญิงกล่าวเสียงเหมือนคนใกล้หมดแรงพร้อมกับถือโอกาสซบศีรษะพิงอกกว้าง ลอบยิ้มอยู่คนเดียวเมื่อคิดว่าผู้หญิงหลายคนคงอิจฉาตาร้อนเป็นแถบๆ 

                “ผมหวังว่าคุณแองจี้จะไม่ขับรถมางานปาร์ตี้นะครับ เพราะถ้าเมาแบบนี้ ผมว่ามันจะไม่ปลอดภัยขากลับ” หนุ่มปากหวานพึมพำชิดเรือนผม แล้วก็ต้องหน้าเบ้และเบือนหนีเพราะกลิ่นฉุนของสเปรย์ผสมกับกลิ่นของน้ำหอมที่หล่อนพ่นใส่บริเวณซอกคอกับใบหูมากเสียจนเขารู้สึกเวียนหัว

                “แองจี้นั่งแท็กซี่มาค่ะ” มุมปากสีแดงสดเหยียดยิ้ม คิดว่าการพูดเปิดโอกาสให้แบบนี้จะทำให้สุภาพบุรุษอย่างเขาเสนอตัวไปส่ง

                “งั้นก็ดีแล้วล่ะครับ เพราะผมคิดว่าคุณแองจี้นั่งแท็กซี่กลับน่าจะปลอดภัยกว่าขับรถเอง” 

                 คำตอบของเขาสร้างความผิดหวังให้แก่คอลัมนิสต์สาวอย่างหนัก แต่พอนึกอะไรออกก็แหงนหน้าขึ้นกล่าวตอบโต้ด้วยแววตาเว้าเวอน 

    “แต่นั่งแท็กซี่ที่เมืองไทยก็ใช่จะปลอดภัยสำหรับผู้หญิงนะคะ เพราะบ่อยครั้งพวกมิจฉาชีพก็มาในคราบของคนขับแท็กซี่ค่ะ ยิ่งดึกๆ แบบนี้ยิ่งอันตรายสำหรับผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว ถ้าหากโดนเข้าจริงๆ แองจี้คงไม่มีแรงไปสู้รบปรบมือกับมันหรอกค่ะ ถะ ถ้าหากมันลากไปข่มขืน แองจี้คงฝันร้ายไปตลอดชีวิต”

                แดเนียลแทบจะหัวเราะก๊ากกับสิ่งที่ได้ยิน จะหาว่าเขาไร้จรรยาบรรณของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็ต้องยอมล่ะคราวนี้ เพราะนาทีนี้เขากลัวแทนคนขับแท็กซี่ที่คิดจะชิงทรัพย์และข่มขืนหล่อน เพราะน้ำหนักไม่แพ้มวยเฮฟวี่เวทบวกกับหน้าตาแบบพาเข้าวัดตอนคืนเดือนมืดยังลำบากใจแบบนี้ คงไม่มีไอ้หนุ่มหน้าไหนใครกล้าคิดประทุษร้ายหล่อนแน่ ถ้าเขาเป็นคนขับแท็กซี่ก็คงเหยียบคันเร่งรีบพาไปส่งให้ถึงจุดหมายปลายทางเร็วที่สุด

                “เอ่อ...คือ..ผม”

                “ได้เวลาเปลี่ยนคู่แล้วค่ะทุกท่าน” เสียงหวานของการะเกดที่ดังผ่านไมโครโฟนไม่ต่างอะไรกับระฆังช่วยเหลือเขาที่กำลังเข้าตาจน

                “เราต้องเปลี่ยนคู่แล้ว เดี๋ยวคุยกันใหม่นะครับคุณแองจี้” แดเนียลส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ให้คู่สนทนาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วปล่อยมือจากเอวและมืออวบอูม หันไปขอเปลี่ยนคู่กับคู่ที่อยู่ใกล้สุดแบบด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า 

    หลังจากที่ชายหนุ่มเต้นรำต่อไปอีกประมาณห้าเพลงและเหลือบเห็นร่างคุ้นตาของการะเกดเดินลงไปชั้นล่างของเรือ เขาก็ขออนุญาตคู่เต้นรำลงไปเข้าห้องน้ำ การะเกดก้าวออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นใบหน้าถมึงทึงของเขาก็เลิกคิ้วเหมือนจะถามว่ามีหงุดหงิดเรื่องอะไร

                “คุณรู้ไหมว่าเมื่อกี้ผมเกือบโดนยายอ้วนต้อนเข้ามุม” เขาโพล่งระบายความเดือดดาล

                “ต๊าย นี่คุณโดนยายแองจี้ปลุกปล้ำมาอย่างนั้นเหรอคะ” การะเกดทำหน้าทะเล้นใส่ ความจริงเธอมองทุกความเคลื่อนของเขากับสาวอวบตั้งแต่เริ่มโหมโรงเต้นรำกันแล้ว หลายครั้งที่อดขำไม่ได้จนต้องเบือนหน้าไปซุกไหล่หรรษาและแอบหัวเราะคิกคัก

                “ไม่ขำเลยนะเคท” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด “คุณรู้ไหมว่าเมื่อกี้เขาบอกผมว่ามาแท็กซี่และขากลับก็กลัวที่จะนั่งแท็กซี่คนเดียวเพราะเมา กลัวจะโดนคนขับลากไปข่มขืน”

                “แหม นั่นมันแค่มารยาขั้นต้นเท่านั้นแหละค่ะ เขาคงพูดแบบนั้นเพราะอยากให้คุณขับรถไปส่ง เกดว่าก็ดีเหมือนกันนะคะ ถือเป็นการปิดท้ายแผนของเราอย่างสวยหรู แฮปปี้เอนดิ้งกันทุกฝ่าย”

                “แฮปปี้กับผีน่ะสิ นี่คุณเสียสติไปแล้วเหรอถึงจะให้ผมไปส่งยายหมูตอนที่จ้องจะเขมือบผมแทนของหวาน เกิดเขาลากผมไปทำมิดีมิร้ายขึ้นมาจริงๆ จะว่ายังไง” ชายหนุ่มสบถลั่น 

    “ก็หลับหูหลับตาให้ความร่วมมือกับเขาไปสักครั้งสองครั้งสิคะ คุณเป็นผู้ชาย ยังไงก็ไม่สึกหรอเหมือนผู้หญิงหรอก” กามเทพสาวลอยหน้าลอยตาตอบ

    “ถึงจะไม่สึกหรอแต่ผมก็เลือกคนที่ผมจะขึ้นเตียงด้วยเสมอ” คนพูดกลอกตามองเพดานเรืออย่างเอือมระอา ทว่าพอตาเหลือบเห็นขาอวบใหญ่ของคนที่พากันนินทา ซึ่งกำลังเดินลงมาจากดาดฟ้าก็รีบละล่ำละลักพูด “ยายอ้วนลงมาแล้ว ผมหนีไปหลบในห้องน้ำก่อนล่ะ คุณรีบพาเขาขึ้นไปข้างบนเลยนะ”

                การะเกดยืนกลั้นหัวเราะขณะมองร่างสูงวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำ พอร่างยักษ์ของแองจี้ลงมาถึงก็ทำทีเป็นส่งยิ้ม 

                “ลงมาเข้าห้องน้ำเหรอคะคุณแองจี้” กามเทพสาวยิ้มหวานใส่อีกฝ่าย

                “เปล่า เธอเห็นคุณแดเนียลบ้างหรือเปล่า” ถามพลางก็สอดส่ายสายตาสำรวจไปพลาง 

                “แหม...คืนนี้คุณแองจี้หายใจเข้า หายใจออกเป็นคุณแดเนียลตลอดเลยนะคะ” หญิงสาวสัพยอกเสียงกลั้วหัวเราะ พอเห็นอาการค้อนขวับเหมือนหมั่นไส้ ก็กล่าวต่อด้วยใบหน้ายิ้มๆ “เมื่อกี้เกดได้คุยกับคุณแดเนียลสองสามประโยคค่ะ พอดีเขามาขอคำปรึกษาว่าจะน่าเกลียดไปไหมถ้าหากจะไปส่งคุณแองจี้ เพราะหลังจากได้ยินว่าคุณแองจี้นั่งแท็กซี่มา คุณแดเนียลก็กระวนกระวาย ร้อนใจว่าขากลับอาจจะไม่ปลอดภัยค่ะ”

                ประโยคนั้นไม่เพียงทำให้สาวอวบตื่นตะลึง เพราะคนที่เงี่ยหูฟังอยู่หลังประตูห้องน้ำก็ถึงกับอ้าปากค้างกับความแสบสันต์ของการะเกด

     “คุณแดเนียลพูดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ” คอลัมนิสต์สาวยกมือขึ้นทาบร่องอก 

                “จริงค่ะ แต่เกดคิดอีกที...” กามเทพสาวแสร้งทำหน้าเหมือนเพิ่งฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ “มันจะดีเหรอคะคุณแองจี้ที่จะให้เขาไปส่ง คือ…อย่าหาว่าเกดระแวงไม่เข้าเรื่องเลยนะคะ แต่เกดกลัวว่าคุณแดนเขาจะทำอะไรคุณแองจี้น่ะค่ะ เกดยอมรับว่าเห็นสายตาที่เขามองคุณแองจี้คืนนี้แล้วแอบหวั่นใจ ยิ่งคุณแองจี้แต่งตัวเซ็กซี่ เห็นร่องอกแบบนี้ เกดก็ยิ่งไม่แน่ใจค่ะ ถ้าเกิดอะไรร้ายๆ ขึ้นกับคุณแองจี้ อย่างเช่น...คุณแดเนียลหน้ามืด ใช้กำลังปลุกปล้ำเพราะหยุดยั้งความต้องการของตัวเองไม่ได้ เกดคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต แล้วบอสก็คงจะเล่นงานเกดจนตกงานแน่ๆ เลยค่ะ”

                “เธออย่าห่วง อย่าคิดมากไปหน่อยเลยน่า คุณแดเนียลเขาเป็นสุภาพบุรุษจะตาย เขาไม่มีวันทำอะไรอย่างนั้นกับฉันหรอก ถ้าหากเธอยอมให้เขาไปส่งฉันคืนนี้ ฉันจะเขียนคอลัมน์ดีๆ เกี่ยวกับงานปาร์ตี้ของเธอในปักษ์หน้า โอเคมั้ย” สาวอวบที่กระสันจะโดนหนุ่มหล่อคิดมิดีมิร้ายจนตัวสั่นรีบยื่นข้อเสนอ 

                “จะ จริงเหรอคะคุณแองจี้” การะเกดทำตาโต ผิดกับคนที่หลบอยู่ในห้องน้ำซึ่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ 

                “ให้ตายเหอะแม่ตัวแสบ !” แดเนียลสบถในลำคอ น้ำเสียงระริกระรี้แบบนั้นมันแสดงว่าแม่กามเทพสาวคงกำลังดีใจเป็นปลากระดี่ได้น้ำ ตอนนี้เขาชักจะไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่าระหว่างการะเกดกับแองจี้ ใครร้ายกาจและแผนสูงมากกว่ากัน เพราะเท่าที่ยืนฟังอยู่ขณะนี้

                เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือแองจี้ยังมีการะเกด

                “จริงสิ คนระดับฉัน พูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว” ใบหน้าของแองจี้เชิดขึ้น

                “งั้นเกดจะบอกคุณแดเนียลว่าคุณแองจี้โอเคเรื่องให้เขาไปส่งนะคะ” หญิงสาวยิ้มแก้มแทบแตก แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นคอลัมนิสต์สาวยิ้มกลับมาอย่างเป็นมิตร

                “งั้นฉันกลับขึ้นไปข้างบนก่อนล่ะ” สาวอวบกล่าวเสร็จก็หมุนตัวเดินดุ่มๆ ไปหาบันได                       

    คนมองตามยืนยิ้มอยู่คนเดียวจนกระทั่งประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมกับอาการแยกเขี้ยวยิงฟันใส่ของแดเนียล

                “ท้องผูกเหรอคะถึงทำหน้าทำตาแบบนี้” กามเทพสาวยิ้มหวานยิ่งกว่าครั้งใดให้คนฟัง

                “คุณไปพูดบ้าๆ กับยายหมูอ้วนทำไม” แดเนียบรวบต้นแขนและเขย่าจนอีกฝ่ายหัวสั่นหัวคลอน

    “หูยย คุณจะเขย่าให้หัวเกดหลุดก่อนหรือไงคะถึงจะหยุด” การะเกดบ่นกระปอดกีะแปด พอเขายอมปล่อยมือจากต้นแขนก็เป็นฝ่ายคว้ามือหนาไว้เสียเอง 

    “เกดรู้ค่ะว่าคุณโกรธที่เกดตกปากรับคำกับยายปลวกแบบนั้น แต่เข้าใจเกดหน่อยนะคะว่าเกดต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ยายนั่นพอใจ คุณแดนก็น่าจะได้ยินแล้วว่าเขาจะเขียนถึงงานปาร์ตี้ของเกดในคอลัมน์ครั้งต่อไป ถือว่าช่วยลูกนกลูกกาลูกหมาลูกแมวอย่างเกดให้รอดจากปากเหยี่ยวปากกาสักครั้งเถอะนะคะ แล้วพรุ่งนี้คุณจะพาเกดไปขึ้นเขาลงห้วย กระโดดหน้าผาหรือพาไปซ้อมระบายความแค้น เกดก็จะไม่บ่นสักคำเลยค่ะ”

                “ผมต้องการแอคเซสเข้าไปในแอคเคาน์ของลูกค้าผู้ชายทุกคนที่เคยมางานปาร์ตี้ของคุณ” แดเนียลกล่าวด้วยประกายตาคมกล้า 

                “เกดทำอย่างนั้นไม่ได้จริงๆ ค่ะ แต่เกดจะให้รายชื่อลูกค้าที่ร่วมงานปาร์ตี้หนึ่งปีที่ผ่านมานะคะ” หญิงสาวบอกด้วยแววตาเว้าวอน “อย่าทำให้เกดลำบากใจไปมากกว่านี้เลยนะคะ”

                “ก็ใครล่ะที่ตัดสินใจโดยพลการก่อน” ชายหนุ่มสวนกลับ พอคนฟังได้แต่ทำหน้าจ๋อยแต่ไม่ตอบโต้ ก็พ่นหายใจออกแรง ในเมื่อการะเกดทำตัวเป็นสาวเจ้าเล่ห์กับเขาก่อนเพื่อตักตวงผลประโยชน์ เขาก็จะทำแบบนั้นกับหล่อนเช่นกัน “เอาล่ะ คราวนี้ผมหยวนให้ แต่คราวหน้าผมจะไม่ยอมไหลตามน้ำอีกแล้วนะ เข้าใจหรือเปล่า”

                “ค่ะๆ เกดสัญญาว่าต่อไปจะไม่ล้ำเส้นคุณแดนอีก” หญิงสาวกลับมายิ้มหน้าระรื่นได้เหมือนเดิม

                “แล้วเคทจะกลับยังไง ถ้าให้ผมไปส่งเขา” แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นห่วงใย

                “เดี๋ยวให้ทางโรงแรมเรียกแท็กซี่ให้ค่ะ”

                “ถ้าหากเจอแท็กซี่นิสัยไม่ดีล่ะ ใส่เสื้อผ้าแบบนี้ วิ่งหนีมันไม่ทันแน่ ถึงจะมีสเปรย์พริกไทยก็ใช่ว่าจะช่วยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์” ท่าทางและน้ำเสียงร้อนใจของเขาทำให้หัวใจของคนฟังอุ่นวาบ

                “งั้นคุณแดนส่งยายแองจี้แล้วโทร.มาถามเกดก็ได้ค่ะ เพราะถ้าให้เกดโทร.หา เกดไม่รู้ว่าคุณจะแยกจากเขาเมื่อไร” การะเกดเอียงคอบอกด้วยกิริยาน่ารัก “ขึ้นไปข้างบนดีกว่านะคะ เดี๋ยวเพื่อนร่วมงานของเกดจะสงสัย”

                แดเนียลพยักหน้าเห็นด้วยและเดินนำขึ้นไปข้างบน เขาลอบถอนใจที่เห็นสาวอวบเต้นรำกับคนอื่น รีบไปขอสาวที่ยืนคว้างอยู่คนเดียวเต้นรำและเปลี่ยนคู่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเรือแล่นไปจอดเทียบท่าและการะเกดก้าวออกมากล่าวขอบคุณลูกค้าเป็นการปิดงาน

                “คุณแองจี้พักแถวไหนครับ” เขาถามคอลัมนิสต์สาวที่ทำท่าขัดเขินได้อย่างน่าหมั่นไส้ขณะยืนมองผู้โดยสารคนอื่นๆ เดินลงจากเรือ

                “คอนโดของแองจี้อยู่แถวจตุจักรค่ะ เกรงใจคุณแดนที่จะไปส่งยังไงไม่รู้” แองจี้ทำหน้าม่อย

                “อย่าคิดแบบนี้สิครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่จะส่งสุภาพสตรีให้ถึงที่พักอย่างปลอดภัย” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงทุ้มและหันไปยิ้มให้ฟิลิปป์ซึ่งยังไม่มีโอกาสคุยกันเลยหลังจากขึ้นเรือ “เป็นไงบ้างครับคุณฟิล คราวนี้เจอสาวถูกใจกี่รายครับ”

                “ผมไม่ได้โชคดีแบบคุณแดนหรอกครับ” หนุ่มฝรั่งเศสพยายามกลั้นหัวเราะขณะส่งยิ้มให้สาวอ้วนล่ำ หน้าตาไม่ผ่านมาตรฐาน 

    แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าหนุ่มหล่ออย่างแดเนียลจะมีรสนิยมแปลกประหลาดขนาดนั้น

                “แล้วงานหน้าคุณฟิลจะมาไหมครับ” แดเนียลหยั่งเชิงต่อไปอีก คืนนี้เป็นอีกคืนที่เขาสังเกตความเคลื่อนไหวของลูกค้าผู้ชายทุกคน ฟิลิปป์ยังทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัย แจกนามบัตรให้สาวสวยหลายคนในงาน หนำซ้ำยังแอบไปคุยกับการะเกดอยู่หลายครั้ง

                “คงไม่แล้วล่ะครับเพราะอีกไม่นานผมต้องกลับบินกลับฝรั่งเศสแล้ว เชิญครับ” คนพูดผายมือเชิญให้คู่สนทนากับสาวอ้วนลงไปก่อน ในขณะที่เขารั้งท้ายเพราะต้องการจะอยู่คุยกับการะเกด

                “ขอบคุณคุณแดเนียลกับคุณแองจี้ที่มาร่วมงานปาร์ตี้ของเกดนะคะ เดินทางกลับกันอย่างปลอดภัยนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ทั้งคู่ด้วยกิริยานอบน้อมอ่อนหวาน สบตาคมกริบของแดเนียลเพียงวินาทีเดียวก็ทำทีเป็นหันมาหาหนุ่มหล่อที่เดินลงมาเป็นคนสุดท้าย ปล่อยให้คอลัมนิสต์สาวกับแดเนียลเดินไปกล่าวคำอำลากามเทพในชุดนางฟ้าอีกเจ็ดราย

                “ในที่สุดผมก็ได้คุยกับคุณเกดแบบไม่ต้องเกรงใจใครเสียที” สุ้มเสียงที่ไม่เบานัก ส่งผลให้ตำรวจสากลที่หูผึ่งรอฟังบทสนทนาถึงกับคอแข็ง เขายอมรับว่าลึกๆ ห่วงการะเกดอย่างบอกไม่ถูก แต่เวลานี้ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินก้าวไปข้างหน้า

                “วันนี้มีสาวสวยสักรายที่ถูกใจคุณฟิลิปป์ไหมคะ” การะเกดถามพอเป็นพิธีเพราะความจริงเธอรู้ว่าเขาหว่านเสน่ห์ใส่สาวหลายคนไม่แพ้ครั้งก่อน

    แม้จะบอกตัวเองว่าระหว่างเขากับแดเนียล เธอควรจะเลือกหนุ่มคนนี้มาเป็นแฟนเพราะเขาจีบอย่างตรงไปตรงมา ทว่าลึกลงในก้นบึ้งของหัวใจ เธอกลับไม่ยินดีกับความคิดนี้เอาเสียเลย หลายสิ่งหลายอย่างในตัวของฟิลิปป์ทำให้เธอนึกถึงอดีตชายคนรัก ณัฐวุฒิเป็นคนอัธยาศัยดี แต่สิ่งหนึ่งที่เรบกวนจิตใจของเธอตลอดเวลาที่คบกันคือเขาเจือจารความน่ารักและเอาใจใส่ไปให้เพื่อนผู้หญิงทุกคนจนเกินพอดี   

                “อืม ถ้าผมตอบว่าผมมางานปาร์ตี้คืนนี้เพราะอยากเจอคนจัดงาน คุณเกดจะเชื่อไหมครับ” หนุ่มฝรั่งเศสซึ่งอยู่ในชุดสูทสีน้ำตาลทันสมัยส่งสายตาลึกซึ้งมาให้

                “เกดจะพยายามเชื่อนะคะ” หญิงสาวบอกตัวเองว่าลองให้โอกาสเขาได้แสดงตัวตนต่ออีกหน่อย บางทีเธออาจตัดสินเขาเร็วเกินไปก็ได้

                “คุณเกดมายังไงครับ” ฟิลิปป์ถามเพิ่มเติม

                “คืนนี้เกดนั่งแท็กซี่มาค่ะ คุณฟิลิปป์ล่ะคะ”

                “ผมขับรถมาครับ ถ้าคุณเกดไม่รังเกียจ อนุญาตให้ผมไปส่งได้ไหมครับ” คนพูดส่งสายตาเว้าวอน 

    “เกดไม่มีทางรังเกียจคนที่ส่งดอกไม้ตั้งหลายช่อให้เกดหรอกค่ะ แต่ปัญหามันติดอยู่ที่ว่าเกดไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานรู้และเอาไปฟ้องบอส แถมเกดจะต้องเข้าไปพบผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มประมาณสิบนาทีหลังจากนี้อีก”

    “ปัญหานี้แก้ง่ายนิดเดียวครับ เดี๋ยวผมจะไปนั่งรอในรถ คุณเกดเข้าไปคุยกับคนที่ต้องคุยด้วยได้ตามสบาย เสร็จธุระและมั่นใจว่าเพื่อนร่วมงานทุกคนกลับไปแล้วเมื่อไรก็ค่อยออกไปหาผมที่ลานจอดรถ ตกลงไหมครับ” ฟิลิปป์ขยิบตาให้อย่างรู้กันแล้วก็ยิ้มกว้างเมื่อสาวเจ้าตอบตกลง เขาเดินตัวปลิวไปกล่าวขอบคุณและอำลานางฟ้าอีกเจ็ดคน ก่อนจะไปนั่งฟังเพลงรอการะเกดอยู่ในรถ 

    ไม่ถึงสิบนาทีก็เห็นร่างระหงเดินออกมาจากล็อบบี เขาลงจากรถมาเปิดประตูรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูซีรี่ส์ 7 รอรับกามเทพสาวด้วยความยินดี

     

                แดเนียลซึ่งเพิ่งสตาร์ทเครื่องยนต์มองภาพที่การะเกดขึ้นรถของหนุ่มฝรั่งเศสไปด้วยความรู้สึกขุ่นมัว เขาอุตส่าห์แสร้งถ่วงเวลาการออกจากโรงแรมด้วยการขอแองจี้ไปเข้าห้องน้ำ ตามด้วยการแกล้งโทรศัพท์กลับไปคุยกับบุพการีเพราะอยากคอยดูว่าการะเกดจะขึ้นแท็กซี่หมายเลขทะเบียนอะไรออกจากที่นั่น แต่สิ่งที่เห็นอยู่ขณะนี้มันเกินความคาดหมายจนตั้งตัวไม่ทัน 

    เขาชักจะไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่าแผนการของการะเกดมันมีกี่หลืบกี่ชั้น แล้วตกลงแม่กามเทพสาวเจ้าเล่ห์ยัดเยียดให้เขาไปส่งแองจี้เพื่อที่ตัวเองจะได้กลับกับฟิลิปป์หรือเปล่าเพราะระหว่างงานปาร์ตี้ สองคนนั้นก็คุยกันหลายครั้ง 

    หรือว่าแท้จริงแล้วการะเกดสนิทสนมกับหนุ่มฝรั่งเศสคนนั้นมากกว่าที่เขาเข้าใจนะ ฟิลิปป์มีพฤติกรรมน่าสงสัยและเขาก็เตือนกามเทพสาวหลายครั้งแล้วว่าควรถอยห่าง แต่เจ้าหล่อนกลับดื้อแพ่ง ลอยหน้าลอยตานั่งรถคันหรูของฝ่ายนั้นไปอย่างหน้าตาเฉย

    “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณแดเนียล” เสียงของคอลัมนิสต์สาวทำให้เขารีบหันกลับมาส่งยิ้ม

                “อ๋อ ไม่มีครับ พอดีผมกำลังคิดว่าควรจะให้คุณแองจี้บอกทางหรือเปิดจีพีเอสไปดี” เขาอ้อมแอ้มแก้ตัว

    “เปิดจีพีเอสก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบหลังจากแผนการบางอย่างปิ๊งขึ้นมาในหัวสมอง เธอจัดการบอกที่อยู่คอนโดและแสร้งทำทีเป็นชวนคุยเมื่อรถคันนั้นแล่นออกจากหน้าโรงแรม แล้วเมื่อไปถึงได้ประมาณครึ่งทางก็แสร้งเมาคอพับในท่าที่คิดว่าหน้าตาและหน้าอกจะดูเซ็กซี่เร้าใจสำหรับเขา

    แดเนียลเหลือบมองผู้โดยสารสาวแล้วก็ต้องรีบเบือนหน้ากลับไปมองเส้นทางเหมือนเดิมเพราะทนมองสภาพการนอนปากเผยอนั้นไม่ได้  เขาไม่ใช่ไก่อ่อนที่อ่านเกมผู้หญิงไม่ออก ว่าพฤติกรรมแบบนี้มันหมายถึงเจ้าหล่อนจงใจให้ท่าแบบไม่คิดจะรักษาภาพพจน์กุลสตรีไทย

    เขาจำไม่ได้ว่าถอนหายใจกี่สิบครั้งกว่ารถจะแล่นไปหยุดอยู่หน้าป้อมยามของคอนโดที่หล่อนพักซึ่งยามรักษาการณ์เปิดประตูให้เมื่อกดกระจกลงและบอกว่าพาหญิงสาวมาส่ง  

                “คุณแองจี้ครับ ถึงแล้วครับ” ชายหนุ่มปลุกด้วยเสียงไม่เบานัก ก่อนจะตัดสินใจสะกิดด้วยปลายนิ้วจนอีกฝ่ายงัวเงียรู้สึกตัว “ถึงแล้วครับ”

                “ถึงไหนค้า” หล่อนทำทีเป็นส่งเสียงอ้อแอ้เหมือนคนเมาตอบ

                “ถึงคอนโดของคุณแองจี้แล้วครับ” เขาตอบด้วยใบหน้ายิ้มๆ แล้วลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูให้และช่วยดึงเจ้าของร่างอวบอ้วนลงจากรถ

                “แองจี้เวียนหัวจังเลยค่ะคุณแดเนียลขา ช่วยพาแองจี้ขึ้นไปส่งข้างบนหน่อยได้ไหมคะ” คอลัมนิสต์สาวเจ้ามารยาตอบอู้อี้ชิดอกกว้างหลังจากแกล้งทำแข้งขาอ่อนจนเขารวบตัวเข้าไปพิงร่างแกร่งไว้

                “เอ่อ มะ มันไม่เหมาะมั้งครับ ผมไม่อยากให้คนมองคุณแองจี้ในแง่ไม่ดี” แดเนียลมีสีหน้ากระอักกระอ่วนกับคำขอแกมอ้อนวอนนั้น

                “แองจี้ไม่แคร์หรอกค่ะ แองจี้รู้ว่าคุณแดเนียลเป็นสุภาพบุรุษ” คนพูดยัดเยียดคีย์การ์ดใส่มือเขา จงใจเบียดอกภูเขาไฟเข้าใส่ร่างหนาเพราะตระหนักว่านี่เป็นโอกาสทองที่จะได้ใช้ค่ำคืนอันแสนวาบหวามกับหนุ่มในฝัน

                “ผมว่า…เอ่อ…คุณแองจี้ครับ !” ริมฝีปากได้รูปอุทานเสียงหลงเมื่อจู่ๆ คู่สนทนาที่กำลังโอบเขาอยู่ รูดลงไปจนเกือบช้อนร่างอวบอ้วนขึ้นมาไม่ทัน

                “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณ” ยามรักษาการณ์วิ่งจากป้อมมาถาม

                “คือคุณแองจี้เขาเมาจนขึ้นห้องพักเองไม่ได้ครับ” ชายหนุ่มหน้ายุ่ง “ลุงพอจะช่วยผมได้ไหมครับ”

                “อุ้ย !” ชายวัยสี่สิบห้ามองคนหลับแล้วก็เกาหัวแกรกๆ “ผมคงอุ้มคุณแองจี้ขึ้นไปไม่ไหวหรอกครับ”

                คำตอบนั้นเรียกเสียงไชโยโห่ฮิ้วของคนแกล้งเมาหลับอย่างแองจี้ แต่แล้วสวรรค์ก็เป็นอันพังทลายเพราะคำพูดถัดมาของยามรักษาการณ์

                “แต่เดี๋ยวผมจะคอยเปิดประตูกับลิฟต์ให้คุณก็แล้วกัน ดีไหมครับ”

                “ดีครับ งั้นเรารีบไปกันเถอะครับ” คนหนักจนอยากปล่อยร่างอวบเกินหญิงลงจากวงแขนตอบด้วยอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดและปล่อยคีย์การ์ดในมือให้ลุงคนนั้น ลิฟต์ที่พาขึ้นไปยังชั้น 15 ให้ความรู้สึกเหมือนเขากำลังโดนสวรรค์ลงทัณฑ์เพราะน้ำหนักที่เดาว่าคงเกิน 80 กิโลกรัมของคนในวงแขน 

                “เชิญก่อนเลยครับ” ยามรักษาการณ์กล่าวเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินนำไปตามป้ายที่ชี้บอก

                “ใกล้ถึงยังครับลุง ผมจะไม่ไหวแล้วนะ” แดเนียลกัดฟันถามด้วยสภาพเหงื่อกาฬแตกพลั่กราวกับเข้ายิมมาเป็นชั่วโมง

                “ห้องสุดท้ายนั่นครับ” ลุงยามวิ่งถือคีย์การ์ดดิ่งไปเปิดประตูเปิดไฟรอ แต่พอเห็นหนุ่มหล่อจะวางร่างเจ้าของห้องลงบนโซฟาก็รีบท้วง “ผมว่าพาเข้าไปในห้องนอนน่าจะดีกว่านะครับ”

                ตำรวจสากลหนุ่มลอบปรายตาหงุดหงิดให้คนแนะนำ แต่ก็ยอมเร่งฝีเท้าพาคอลัมนิสต์สาวเดินเข้าไปในห้องนอนที่ประตูเปิดกว้างรออยู่ ทว่าอึดใจที่เขาวางร่างหนักอึ้งลงบนฟูก มือของคนหลับก็ขยับมารวบลำคอและดึงลงไปหาด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล

                “อย่าครับคุณแองจี้ !” แดเนียลลนลานแกะมือเหนียวปานมือตุ๊กแกออก

                “คุณแดนขา คุณทำให้แองจี้มีความสุขที่สุดเลย อย่าทิ้งแองจี้ไปไหนนะค้า” สาวอวบแกล้งละเมอเหมือนคนเมาและฝังปากสีสดจูบสะเปะสะปะบริเวณปลายคางบึกบึน

                “ปล่อยครับ !” คนพูดพยายามหันหลบการโจมตีก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่นเมื่อเห็นว่าปากของอีกฝ่ายกำลังจะสัมผัสกับปากของตน “ลุงครับ ! ช่วยผมด้วย !”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×