คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : เล่ห์ร้าย
“พี่เกดแน่ใจเหรอว่าเสาร์นี้พวกเราจะจัดการยายปลวกได้อยู่หมัด” หรรษาถามสาวรุ่นพี่ด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“เชื่อมือพี่เถอะน่า ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามที่พี่วางแผนไว้เป๊ะๆ ขาดก็แต่ว่ายายบ้านั่นจะไปงานหรือเปล่าเท่านั้นเอง” กามเทพสาวยิ้มใส่ตาอีกฝ่าย สร้างความเชื่อมั่นว่าทุกอย่างเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว
“แต่หนูษาเกรงว่ามันจะป่วนงานปาร์ตี้จนพังไม่เป็นท่าน่ะสิ” ผู้ช่วยหน้าหวานกล่าวเสียงอ่อย เธอยังจำวีรกรรมเลวร้ายที่คอลัมนิสต์หน้าปลวกทำไว้ในงานปาร์ตี้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ได้เป็นอย่างดี แม้ถึงวันนี้นางมารร้ายจะยังไม่โทร. มาตอบรับคำเชิญของการะเกด แต่บางสิ่งบางอย่างก็ทำให้เธอมั่นใจว่าอีกไม่ช้าจะได้รับสายจากหล่อนแน่
“อย่าห่วงไปเลยน่า พี่บอกแล้วไงว่าการะเกดเอาอยู่ ขอให้ยายปลวกขาวตอบตกลงมาเร็วๆ เถอะ เรื่องบ้าบอคอแตกนี่มันจะได้จบๆ ลงเสียที” แววตาของคนพูดเต็มไปด้วยความหมายมาด
“หนูษาหวังว่าหนุ่มที่พี่เกดเลือกไปเทกแคร์ยายนั่นจะไม่กระโดดลงจากเรือตอนเห็นหน้ากับหุ่นอ้วนเป็นแม่หมูหรอกนะ” หรรษาหน้าเบ้ยามนึกถึงทรวดทรงที่มองผิวเผินคล้ายกับตู้เย็นรุ่นจัมโบ้ของผู้ที่ตกเป็นหัวข้อสนทนา
“ไม่หรอกเพราะพี่กับเขาดีลกันไว้ดีแล้ว เดี๋ยวถึงเวลาหนูษาก็รู้เองแหละว่าหนุ่มเคราะห์ร้ายคนนั้นเป็นใคร” การะเกดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยามนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนที่บอกว่าอยากเป็นเพื่อน
สายตาและการกระทำของแดเนียลบอกว่าเขาคิดมากกว่าเพื่อน เพราะตั้งแต่สิบวันก่อนที่ได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอไป ชายหนุ่มก็โทร.มาคุยด้วยทุกคืน ยิ่งรู้ว่าฟิลิปป์ส่งดอกไม้และโทร.มาชวนเธอออกไปดินเนอร์ เขาก็ทั้งเตือนทั้งขู่ว่าไม่ควรไป
‘ฟิลเป็นผู้ชายอันตราย อย่ากลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกของเขาดีกว่า’ เขาย้ำเสียงเข้มมาตามสายในครั้งแรกที่เธอเล่าให้ฟังว่าฟิลิปป์ส่งกุหลาบช่อโตมาบรรณาการ
‘ขึ้นชื่อว่าผู้ชายก็อันตรายเหมือนกันนั่นแหละค่ะ’ เธอตอบกลับพร้อมกับยิ้มหยันที่มุมปากเมื่อนึกถึงอดีตรักอันแสนปวดร้าว โชคดีที่เธอใจแข็ง ไม่เคยอนุญาตให้อดีตคู่หมั้นได้เชยชมเรือนกายมากไปกว่าการกอดจูบ ไม่เช่นนั้นก็คงจะเสียใจและเสียศูนย์ไปตลอดชีวิต
‘ใช่ครับ ผู้ชายเป็นเพศอันตรายมาก โดยเฉพาะผู้ชายที่เคทยังไม่รู้ที่มาที่ไปดีพออย่าง…’
‘อย่างคุณแดนใช่ไหมคะ เพราะจนถึงป่านนี้เกดยังไม่แน่ใจเลยว่ารู้จักคุณดีแค่ไหน’ หญิงสาวจำได้ว่าสวนเขากลับไปแบบนั้นด้วยความหมั่นไส้แกมน้อยใจที่แดเนียลไม่เคยเปิดเผยตัวตนแท้จริงว่าเขาเป็นใครให้ได้รู้เลยสักครั้ง
‘อย่ารวนสิครับ เคทน่าจะรู้ว่าผมเตือนเพราะความหวังดี ผมไม่อยากให้เคทตกเป็นเหยื่อของอาชญากรเหมือนผู้หญิงโชคร้ายเหล่านั้น ฟิลิปป์มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยหลายอย่าง’ สุ้มเสียงเขาอ่อนลง คงเพราะเริ่มรู้ว่าเธอกำลังหงุดหงิด
‘ขอบคุณที่หวังดีกับเกดนะคะ แต่ตอนนี้คุณฟิลิปป์คือผู้ชายเพียงคนเดียวที่เข้ามาในชีวิตในช่วงที่เกดต้องการมีแฟน’ ความอดทนอดกลั้นของเธอถึงจุดสิ้นสุดในคืนนั้น
‘หมายความว่ายังไงครับ’ ชายหนุ่มส่งคำถามกลับมาเร็วปานกัน ตอนนั้นเธอหัวเราะหยันทั้งเขาทั้งตัวเองในลำคออยู่หลายอึดใจ จึงได้เริ่มเล่าถึงสัญญามหาโหด หาแฟนให้ได้ภายในหนึ่งปีที่ลงนามกับอีกเจ็ดสาวแห่งคิวปิดฮัทให้เขาฟังแบบละเอียดยิบ
แดเนียลหัวเราะประหนึ่งเรื่องคอขาดบาดตายของเธอเป็นเรื่องตลก พอการะเกดโกรธหน้าดำหน้าแดงและตัดสาย ชายหนุ่มก็รีบกริ๊งกร๊างกลับมาขอโทษขอโพยทันที
‘อย่าเพิ่งโกรธสิครับเคท ผมแค่หัวเราะเพราะไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะมีสาวสวยถึงแปดคนร่วมกันทำสัญญาพิศดารนั่นต่างหาก’
‘มันอาจจะเป็นเรื่องพิลึกพิลั่นหรือน่าขันสำหรับคุณ แต่มันคือเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเกดนะคะ เกดตั้งใจจะเอาโบนัสหกเดือนก้อนนั้นไปซื้อทัวร์เที่ยวยุโรป แต่เพราะสัญญาห่าเหวนั่น ทำให้เกดต้องมานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจเป็นเดือนๆ แบบนี้’ การะเกดระบายความอัดอั้นตันใจเสียงขุ่น
‘คุณโวยวายราวกับว่าเป็นผู้หญิงหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อย่างนั้นแหละ’ ชายหนุ่มกล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ
‘ถ้าคุณยังไม่หยุดหัวเราะและยังพูดจาถากถางเกดแบบนี้ เกดจะวางสายแล้วนะคะ’ เธอขู่ฟ่อ ไม่รู้เขาจะขำอะไรกันนักกันหนา
‘ถ้าเคทสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับฟิล ผมก็ยินดีจะเป็นแฟนกำมะลอให้นานจนกว่าเคทจะพอใจ โอเค้?’น้ำเสียงของแดเนียลเปลี่ยนเป็นจริงจัง
‘ไม่โอเคค่ะ เกดยังไม่อับจนถึงขนาดต้องคว้าคุณมาเป็นหุ่นเชิดหลอกเพื่อนร่วมงานหรอก เกดง่วงแล้ว พรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่นะคะ’ เธอทิ้งท้ายแล้วตัดสายไปด้วยความรู้สึกทั้งดีใจทั้งหมั่นไส้
ตั้งแต่วันนั้นแดเนียลก็วนเวียนเสนอตัวเองใส่พานมาเป็นแฟนกำมะลอให้ทุกคืนที่คุยโทรศัพท์กัน ทว่าเธอก็ยังไม่ยอมรับข้อเสนอของเขาอยู่ดี
การะเกดถอนใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าเหมือนคนอมทุกข์เมื่อเลิกงานอีกวัน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าแองจี้จะติดต่อเข้ามาคอนเฟิร์มเรื่องไปร่วมงานปาร์ตี้ หญิงสาวกลับคอนโดด้วยหัวใจห่อเหี่ยว คิดไม่ออกว่าสถานการณ์ในภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไรหากคอลัมนิสต์สาวไม่ยอมไปงานปาร์ตี้ ที่แน่ๆ เธอก็คงจะถูกเจ้านายเรียกเข้าไปเทศนา ตอกย้ำความล้มเหลวในหน้าที่อีกหลายรอบ
“ทำหน้าเหมือนคนแบกโลกอีกแล้วนะพี่เกด หรือว่าทะเลาะกับหวานใจมา” โรสรินแซวด้วยตาพราวระยับ เธอรู้ความเป็นไปของพี่สาวกับหนุ่มที่การะเกดบอกว่าเป็นแค่เพื่อนพอสมควร
“อย่ามาทำเป็นนกรู้ได้ไหมยายโรส พี่บอกแล้วไงว่าพี่กับคุณแดนเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น” กามเทพสาวทำหน้าเหมือนรำคาญการเซ้าซี้เต็มทน
“ค่ะ เพื่อน… เพื่อนที่แต่ละคืนจะต้องโทร.หากัน เพราะคืนไหนไม่ได้ยินเสียง ‘เพื่อน’ แล้วพานนอนไม่หลับเพราะคิดถึง ‘เพื่อน’” โรสรินลากเสียงยาว เน้นย้ำคำว่าเพื่อนด้วยใบหน้าทะเล้น ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบวืดเพราะแม็กกาซีนที่วางอยู่บนโต๊ะถูกพี่สาวขว้างมาหาแก้เขิน
“พูดบ้าๆ เขาโทร.มาเร่งให้พี่รวบรวมข้อมูลให้ต่างหาก พี่ตัดสินใจแล้วว่าแฟนคนต่อไปของพี่เป็นใคร แต่ไม่ต้องถามนะว่าใคร เพราะพี่ไม่ยอมบอกเด็กปากไม่มีหูรูดแบบเราหรอก”
การะเกดทิ้งตัวลงบนโซฟา ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าในเมื่อฟิลิปป์ส่งดอกไม้มาให้ เธอก็จะลองทำความรู้จักเขาให้มากกว่านี้ ช่อดอกไม้ที่ชายหนุ่มส่งมาให้วันนี้ มีการ์ดแนบมาพร้อมกับข้อความหวานหยดที่ว่า ‘เสาร์นี้เจอกันนะครับ’
ฟิลิปป์เป็นผู้ชายที่แปลกประหลาดพอสมควร เขาไม่ได้โทร.มาเซ้าซี้ให้เธอรำคาญใจ แต่ส่งข้อความมาหาวันละหลายครั้ง เขาไม่ชวนไปดินเนอร์อย่างพร่ำเพรื่อตั้งแต่ถูกเธอปฏิเสธ แต่เลือกที่จะบอกว่า ‘ผมจะให้คุณเป็นฝ่ายบอกเองว่าพร้อมที่จะไปดินเนอร์กับผม’
“พี่เกด ! แอบยิ้มอยู่คนเดียวอีกแล้วนะ” โรสรินหรี่ตามองพี่สาวคนสวยอย่างจับผิด พักนี้พี่สาวของเธอชอบแอบยิ้ม แอบบึ้ง แอบหัวเราะ และแอบค้อนให้เห็นบ่อยผิดปกติ
“ยุ่งน่า” หญิงสาวดีดตัวจากโซฟา “ไปอาบน้ำดีกว่า รีบทำกับข้าวเข้าล่ะแจ๋ว เพราะตอนนี้พี่หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว”
“เจ้าค่ะคุณนาย แจ๋วจะจัดสำรับไว้คอยท่านะคะ” โรสรินย่อตัวถอนสายบัวล้อเลียนจนพี่สาวค้อนให้วงใหญ่แต่ก็ยอมเข้าไปอาบน้ำแต่โดยดี
หลังจากร่างเย้ายวนของหญิงสาวหายเข้าไปในห้องนอนได้ประมาณสิบนาที โทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้น ชื่อ ‘ฟิลิปป์’ ซึ่งหราอยู่บนหน้าจอส่งผลให้คิ้วเรียวของโรสรินขมวดมุ่น
“หรือว่าจะเป็นผู้ชายที่พี่เกดพูดถึงเมื่อกี้นะ” เพราะไม่เคยได้ยินชื่อนี้จากปากของพี่สาวมาก่อนหญิงสาวจึงได้แต่เดาไปตามเรื่อง แล้วความสงสัยและอยากรู้ก็ผลักดันให้มือบางฉวยมือถือเครื่องนั้นมากดรับโดยลืมคิดไปว่าอาจเป็นการเสียมารยาท
“สวัสดีค่ะ” โรสรินกรอกเสียงหวานชวนฟังลงไป
“ผมโทร.มากวนเวลาพักผ่อนของคุณเกดหรือเปล่าครับ” ฟิลิปป์ป้อนคำหวานเพราะเสียงปลายทางนั้นคล้ายกับเสียงของการะเกดจนคนโทร.มาแยกแยะไม่ออก
“เอ่อ ขอโทษนะคะ ฉันชื่อโรส เป็นน้องสาวของพี่เกดค่ะ พอดีพี่เกดอยู่ในห้องน้ำก็เลยรับสายให้เขาน่ะค่ะ” หญิงสาวกล่าวเสียงอ่อย
“ว้าว ผมไม่ยักรู้มาก่อนว่าคุณเกดมีน้องสาว แถมยังชื่อเพราะเสียด้วย ผมฟิลิปป์ครับ เป็นลูกค้าของคุณเกด” ชายหนุ่มตอบเสียงทุ้ม
“ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณฟิลิปป์มีธุระด่วนกับพี่เกดหรือเปล่าคะ” รสริสยิ้มแหย
“ไม่มีอะไรด่วนหรอกครับ อืม…โรสเสียงเด็กมาก ยังเรียนอยู่หรือเปล่าครับ” ฟิลิปป์ถือโอกาสชวนคุย
“จบปริญญาตรีมาหลายเดือนแล้วค่ะ” สาวน้อยยิ้มแก้มแทบปริกับโทรศัพท์เมื่อได้ยินคำชมจากเขา เธอก็เหมือนกับสาวทุกคนที่ดีใจเวลาคนชมว่าเสียงเด็ก หน้าเด็กหรือหน้าใส
“อ้าวเหรอครับ แล้วโรสทำงานอะไรครับเนี่ย”
“ช่วงนี้โรสยังไม่มีงานประจำค่ะ ก็เลยรับแปลหนังสือให้สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง คุณฟิลิปป์ล่ะคะ ทำงานอะไร” เพราะเห็นว่าเขาเป็นฝ่ายถามก่อน โรสรินจึงไม่ลังเลที่จะถามกลับบ้าง ส่วนหนึ่งคงมาจากความเหงา ไม่ค่อยมีคนคุยด้วยในแต่ละวันที่ทำให้สาวพูดเก่งอย่างเธอกลายเป็นสาวขี้เหงา
“ผมทำงานด้านชิปปิ้งครับ ปกติบินมาเมืองไทยปีละหลายครั้งเหมือนกัน แล้วโรสแปลหนังสือประเภทไหนครับ” ชายหนุ่มยังคงเดินหน้าถามต่อ
“หนังสือนิยายโรมานซ์ของฝรั่งเศสค่ะ” โรสรินกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ นิยายที่เธอแปลไปแล้วหลายเล่มเป็นที่ถูกอกถูกใจของนักอ่าน บก.ยังชมว่าภาษาที่แปลออกมาสละสลวย อ่านไม่สะดุด สำนักพิมพ์ถึงขนาดเร่งให้ส่งงานเพราะยอดขายถล่มทลาย
“ว้าว ผมมาเจอเจ้าแม่โรมานซ์เข้าหรอเนี่ย” ฟิลิปป์เย้าเป็นภาษาฝรั่งเศส สร้างความแปลกใจให้คนฟังซึ่งหลงใหลได้ปลื้มกับภาษามาตั้งแต่เรียนมัธยมปลายแล้ว
“คุณฟิลิปป์เป็นคนฝรั่งเศสอย่างงั้นเหรอคะ” โรสรินละล่ำละลักถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ถูกต้องแล้วครับมาสมัวแซล โรสไม่รู้หรอกว่าผมดีใจมากขนาดไหนที่เจอผู้หญิงพูดภาษาฝรั่งเศสในเมืองไทยได้” ประกายแปลกๆ ฉายชัดอยู่ในดวงตาของคนพูด
“โอ๊ย!! โรสตื่นเต้นจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะที่ได้คุยกับเจ้าของภาษาแบบนี้ โรสพูดฝรั่งเศสไม่เก่งนักหรอกนะคะ ถ้าหากพูดผิดตรงไหนคุณฟิลิปป์ช่วยสอนด้วยก็แล้วกันนะคะ” โรสรินส่งภาษากับเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ผมอยากเป็นเพื่อนคุยกับโรสนานกว่านี้นะครับ แต่เผอิญผมมีธุระด่วน ผมขอเบอร์โทรศัพท์ของโรสได้ไหมครับ วันหลังเราจะได้โทร.คุยกันอีก ผมขอรับรองด้วยเกียรติว่าไม่ใช่ฆาตกรโรคจิตที่คิดร้ายกับโรสแน่นอนครับ” ชายหนุ่มสัพยอกในตอนท้าย
“เอ่อ คงไม่เหมาะมั้งคะ คุณฟิลิปป์เป็นลูกค้าของพี่เกด นี่ถ้าพี่เกดรู้ว่าโรสถือวิสาสะรับสาย ของเขา เขาคงดุโรสจนหูชาแน่ๆ” หญิงสาวหน้าม่อย
“งั้นก็อย่าบอกคุณเกดสิครับ ไม่ต้องบอกเขาด้วยว่าผมโทร.หา เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะโทร.ไปถามรายละเอียดเรื่องงานปาร์ตี้จากคุณเกดใหม่เอง” ฟิลิปป์ตะล่อมเสียงทุ้ม
“แต่ว่า…” สาวน้อยพะว้าพะวัง ไม่มั่นใจว่าการทำผิดครั้งนี้จะให้โทษมหันต์หรือเปล่า
“เป็นเด็กดี เชื่อผมนะครับว่าคุณเกดจะไม่ว่าอะไร ถ้ารู้ว่าโรสบอกว่าผมโทร.มาแล้วโดนคุณเกดดุ ผมคงไม่สบายใจไปอีกหลายวัน” เสียงทุ้มออดอ้อน
“กะ ก็ได้ค่ะ โรสจะไม่บอกพี่เกด” โรสรินตอบรับอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วยอมให้เบอร์โทรศัพท์กับหนุ่มหนุ่มฝรั่งเศสตามที่เขาขอ ก่อนจะวางสายและทำลายหลักฐานเพื่อไม่ให้พี่สาวรู้ว่าแอบรับสาย
ทุกอย่างระหว่างเธอกับการะเกดดำเนินไปเหมือนทุกคืนเมื่ออีกฝ่ายออกมาสมทบเพื่อรับประทานอาหารเย็นและนั่งดูละครด้วยกัน สักพักการะเกดก็คว้ามือถือที่ดังขึ้น แล้วขอตัวเข้าไปคุยกับแดเนียลในห้องนอน ปล่อยให้สาวขี้เหงาอย่างเธอนั่งจุมปุ๊กดูละครคนเดียวจนสี่ทุ่มซึ่งโทรศัพท์มือถือที่ไม่ค่อยมีคนโทร.เข้าส่งเสียงกริ๊งกร๊าง
“ผมโทร.มากวนเวลานอนของโรสหรือเปล่าครับ” ฟิลิปป์ถามเสียงทุ้มเป็นภาษาฝรั่งเศส
“ไม่เลยค่ะ ส่วนใหญ่โรสนอนประมาณเที่ยงคืน บางคืนก็เลทไปถึงตีสองเลย คุณฟิลิปป์ยังไม่นอนอีกเหรอคะ” โรสรินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนโซฟา
“ผมยังไม่ง่วงมาก ก็เลยลองโทร.มาถามโรสดูว่าพอจะเป็นเพื่อนคุยกับคนขี้เหงาอย่างผมสักหนึ่งหรือสองชั่วโมงได้ไหมครับ” ชายหนุ่มป้อนคำหวานอย่างคล่องปาก เขาอายุสามสิบปีเต็ม โชกโชนเรื่องการจีบสาวมาจนรู้ว่าจะพูดคุยอย่างไรให้อีกฝ่ายมีใจเสน่หา
“ก็น่าจะได้มั้งคะ” แก้มเนียนใสของโรสรินปรากฏรอยบุ๋มของลักยิ้มอย่างน่ารัก
“เอาเป็นว่าถ้าโรสรำคาญเสียงของผมเมื่อไรก็แกล้งทำเสียงกรนใส่มือถือนะครับ ผมจะได้รู้ว่าถึงเวลาวางสายแล้ว” เขาพูดเสียงขี้เล่นก่อนจะผสมโรงหัวเราะไปกับเสียงใสๆ ของคนฟัง “ตกลงโรสอายุเท่าไรแล้วครับ ผมจะบอกว่าผมแก่พอสมควรแล้ว”
“วันจันทร์นี้โรสก็ยี่สิบสองเต็มแล้วค่ะ ที่คุณฟิลิปป์บอกว่าแก่ คืออายุเท่าไรค่ะ สี่สิบหรือว่าห้าสิบ”สาวน้อยเย้ากลับตามประสาคนขี้เล่น
“ว้า พูดเสียผมเสียเซลฟ์เลย ผมเพิ่งจะสามสิบเมื่อสองเดือนก่อนเองนะครับ” ฟิลิปป์ทำเสียงน่าสงสารในขณะที่คู่สนทนาหัวเราะคิก
“ก็คุณฟิลิปป์เป็นคนบอกโรสเองนี่คะว่าแก่ โรสก็เลยเดาไปตามเรื่องเท่านั้น แต่ถ้าทำให้น้อยใจก็ขอโทษจริงๆ ค่ะ” โรสรินส่งเสียงหวานกลับ
“แล้ววันจันทร์นี้โรสจะไปฉลองวันเกิดกับใครที่ไหนครับ ถ้าให้ผมเดา คงจะทิ้งคุณเกดไปฉลองกับแฟนสองคนใช่ไหม” คนพูดหลอกล่อเอาสถานภาพด้วยการแกล้งดึงเอาชื่อของการะเกดมาอ้าง ถึงจะยังไม่เคยเห็นหน้าของสาวน้อยคนนี้ แต่เขาก็พอจะรู้ว่าคงหน้าตาดีและน่ารักไม่แพ้ผู้เป็นพี่แน่นอน
“คุณฟิลิปป์เดาผิดค่ะ เพราะโรสคงเฝ้าคอนโดรอฉลองกับพี่เกดตอนเย็น”
“เชื่อได้ไหมครับเนี่ยว่าอายุจะยี่สิบสองแล้วแต่ยังไม่มีแฟน ยิ่งคุยเก่งและนิสัยน่ารักอย่างนี้ ผมยิ่งไม่อยากเชื่อ” เขาเปรยต่อเหมือนไม่เชื่อ
“สมัยเรียนที่บ้านโรสมีกฎเหล็กเรื่องห้ามมีแฟนค่ะ พอเรียนจบแล้วมาอยู่กับพี่เกดก็ไม่ค่อยมีเวลาออกไปเจอใคร ส่วนผู้ชายที่เจอบ่อยก็บรรณาธิการรุ่นลุง แมสเซนเจอร์ที่เอาหนังสือมาส่ง ยามรักษาการณ์ของคอนโด หรือไม่ก็คนขับรถแท็กซี่ค่ะ” โรสรินเล่าพลางก็หัวเราะไปพลาง
“งั้นถ้าหากวันจันทร์ผมว่าง ผมพาโรสไปฉลองวันเกิดได้ไหมครับ” ฟิลิปป์รีบรุกต่อ เพราะอยากเห็นหน้าค่าตาของอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด
“โรสขอยังไม่ตอบตกลงนะคะเพราะที่บ้านสอนว่าอย่าด่วนไว้ใจคนแปลกหน้าถึงแม้ว่าเขาจะคุยสนุกสักแค่ไหนก็เถอะ” หญิงสาวตอบเสียงขี้เล่นแต่ก็ตรงประเด็นมากที่สุด
หนุ่มฝรั่งเศสไม่ได้ดึงดันแต่บอกว่าเขายังมีเวลาคุยกับเธออีกถึงสามวัน ยิ่งได้คุยกับเขา โรสรินก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายน่ารัก ขี้เล่น คุยสนุกและช่างเข้าอกเข้าใจไปเสียทุกอย่าง มันเป็นครั้งแรกในชีวิตสาวที่มีโอกาสพูดคุยกับผู้ชายที่รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้ากัน เหตุผลอื่นที่มารองรับก็คงจะเป็นเพราะฟิลิปป์เป็นหนุ่มฝรั่งเศส ซึ่งสาวช่างฝันแบบเธอวาดหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้พบเจ้าชายที่ขี่ม้าขาวมารับจากฝรั่งเศส
ฟิลิปป์ชวนคุยจนกระทั่งเที่ยงคืนเขาถึงกล่าวเสียงทุ้มมาตามสายว่า
“ตอนนี้หนังตาของผมมันหนักอึ้งจนแทบลืมไม่ไหวแล้ว พรุ่งนี้สายๆ ผมจะโทร.มาคุยกับโรสใหม่นะครับ” เสียงเบาหวิวให้ความรู้สึกราวกับเขากระซิบกระซาบชิดใบหูร้อนผ่าวของเธอ
“ค่ะ หลับฝันดีนะคะ” เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มพอใจ เขาทำให้เธออยากรู้เหลือเกินว่ารูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหน
“ฝันดีเช่นกันครับเจ้าหญิง” ฟิลิปป์กล่าวคำหวานแล้ววางสาย มั่นใจว่าคำพูดของเขาจะทำให้สาวน้อยโรสรินหุบยิ้มไม่ลงและจะคิดถึงเขาไปจนกระทั่งผล็อยหลับเลยทีเดียว
ในการทำงานของวันถัดมา การะเกดคอยพะว้าพะวังกับโทรศัพท์จนไม่เป็นอันทำอะไร หลังจากผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าจากการรับสายของลูกค้าในภาคเช้า หญิงสาวก็เฝ้าถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าหวังระหว่างการทำงานช่วงบ่าย หลังจากถอนใจด้วยความสิ้นหวังเป็นครั้งที่ร้อย โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น
“คิวปิดฮัทสวัสดีค่ะ กามเทพการะเกดรับสายค่ะ” กามเทพสาวสลัดเรื่องรบกวนจิตใจและกรอกเสียงหวานลงไป
“ฉันแองจี้ โทร.มาคุยเรื่องงานปาร์ตี้ตามคำชวนของเธอพรุ่งนี้” หางเสียงบ่งบอกว่าคนพูดหยิ่งถือดี ทำเอาคนฟังซึ่งยิ้มดีใจจนน้ำตาแทบไหลในตอนแรก เปลี่ยนมาแบะปากใส่หูโทรศัพท์แบบกะทันหัน
“สวัสดีค่ะคุณอัง…เอ๊ย ! คุณแองจี้ เกดดีใจจริงๆ เลยค่ะที่คุณสละเวลาอันมีค่า โทร.มาหาเกด ตกลงคุณแองจี้จะไปร่วมงานปาร์ตี้ล่องเรือดินเนอร์ของเกดใช่ไหมคะ” กามเทพสาวจีบปากจีบคอ งัดทุกมารยา…เอ๊ย ! มารยาททางโทรศัพท์ตอบกลับไปเสียงหวานสุดกำลังลูกคอ
“ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าจะไปดีหรือเปล่า ที่โทร.มาก็เพราะเพิ่งเห็นการ์ดเชิญของเธอ” คอลัมนิสต์สาวปากกล้ากล่าวเสียงเหยียด แท้จริงหล่อนเห็นการ์ดเชิญจากการะเกดมาหลายวันแล้ว แต่ที่เพิ่งติดต่อกลับมาเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าอยากไปงานนั้นจนตัวซีดตัวสั่น
“เกดอยากให้คุณแองจี้ลองไปสัมผัสบรรยากาศของงานดูสักครั้งค่ะ เกดรับรองว่าคุณแองจี้จะต้องประทับใจ คุณภีมบอกเกดไว้เรียบร้อยแล้วค่ะว่าสำหรับแขกวีไอพีอย่างคุณแองจี้ กินดื่มฟรีตลอดงานค่ะ” การะเกดกัดฟันดัดเสียงให้ฟังดูอ่อนหวาน หวังให้อีกฝ่ายตายใจ
“เธอกับทุกคนในคิวปิดฮัทมีแผนจะแกล้งฉันหรือเปล่า ฉันรู้นะว่าเธอกับเพื่อนๆ ของเธอได้อ่านคอลัมน์ที่ฉันเขียน ถ้าจะสร้างภาพเพื่อตบตาฉันล่ะก็ บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่โง่” น้ำเสียงเหยียดทำเอากามเทพสาวแอบแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อยู่ปลายสาย
“ไม่ใช่อย่างที่คุณแองจี้คิดหรอกค่ะ สาเหตุที่เกดอยากชวนไปครั้งนี้เพราะเกดอยากให้คุณได้ไปสัมผัสกับบรรยากาศของงานปาร์ตี้ล่องเรือจริงๆ งานนี้เกดคัดสรรแต่หนุ่มไฮโปรไฟล์เท่านั้นนะคะ นอกจากหน้าที่การงานและการศึกษาจะสูงสมกับคนไฮคลาสอย่างคุณแองจี้แล้ว รูปร่างหน้าตากับหุ่นของแต่ละคนงี้สุดยอดจนเกดบรรยายไม่ถูกเลยล่ะค่ะ” หญิงสาวกระซิบกระซาบราวกับกลัวคนอื่นจะดักฟัง
“เวอร์ไปหรือเปล่า” แองจี้ทำเสียงขึ้นจมูก “ถ้ามีแต่คนเลิศๆ เขาก็คงอยากคุยแต่กับคนสวยๆ มากกว่าคนหน้าตาพอไปวัดไปวาอย่างฉันล่ะมั้ง”
“อุ๊ย ! ทำไมคุณแองจี้ดูถูกศักยภาพของตัวเองแบบนั้นล่ะคะ เรื่องพวกนี้เกดเชื่อว่า Beauty is in the eye of the beholder ค่ะ บางครั้งหนุ่มๆ ที่ไปงานปาร์ตี้ของเกดก็บ่นว่าทำไมไม่หาสาวอวบหุ่นน่าฟัด เอ๊ย! น่ากอดไปงานบ้าง เพราะเขาไม่ชอบสาวผอมแห้งแรงน้อยค่ะ ถ้าคุณแองจี้เห็นหน้าของลูกค้าคนที่พูดเรื่องนี้กับเกดจะอ้าปากค้างเลยล่ะค่ะ เพราะเขาหล่อไม่บันยะบันยังเลย งานนี้เกดก็ส่งการ์ดไปเชิญเขาด้วยนะคะ คิดว่าถ้าหากเขาเจอคุณแองจี้ปุ๊บ จะต้องคิดว่าเจอนางฟ้าแน่ๆ” การะเกดกลั้นหัวเราะกับผู้ช่วยสาวซึ่งยื่นหน้าข้ามที่กั้นมาฟัง เพราะได้ยินเธอเอ่ยชื่อของแองจี้
“แต่ฉันยังไม่รู้เลยว่าต้องแต่งหน้าทำผมและใส่ชุดแบบไหนถึงจะเหมาะกับงานแบบนั้น” คนโทร.มายังเล่นตัวเสมอต้นเสมอปลาย
“งานปาร์ตี้ของเกดเป็นงานแบล็กไทค่ะ ส่วนเรื่องการแต่งหน้าทำผมหรือชุดที่ควรใส่ไป เกดว่าคนที่จะให้คำแนะนำแบบเลิศสุดๆ กับคุณแองจี้ได้เห็นจะเป็นกามเทพหอมค่ะ เกดขอโอนสายคุณแองจี้ไปให้เขานะคะ”
“อี๊ ! ไม่เด็ดขาด เธอรู้ไหมว่าคราวก่อนยายนั่นทำหน้าฉันพัง กว่าจะกลับมามีสภาพเหมือนเดิมได้ เธอรู้ไหมว่าฉันหมดเงินหมดทองไปเท่าไร ต้องเข้าคลินิกเข้าสปาไปกี่สิบรอบ” คอลัมนิสต์สาวโวยวายเสียงแหลมหลายร้อยเดซิเบลจนคนฟังรีบยกหูโทรศัพท์ออกห่าง
“อ่า ถ้าเกดจำไม่ผิด หอมเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายพวกนั้นให้คุณแองจี้ไม่ใช่เหรอคะ” คนท้วงทำหน้ายี้ใส่โทรศัพท์
“ใช่ ! แต่นั่นมันแค่ค่าซ่อมหน้า ไม่นับค่าเสียเวลาของฉันย่ะ ถ้าให้รับผิดชอบค่าเสียเวลาทำมาหากินของฉันล่ะก็ น้ำหน้าอย่างยายนั่นไม่มีปัญญาจ่ายหมดหรอก” คนโทร.หาแว้ดกลับ
“โธ่…คุณแองจี้ขา เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น หอมเขาเสียใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายอาทิตย์เลยนะคะ เกดว่าสาเหตุที่คุณแองจี้แพ้อะไรง่ายๆ เพราะคุณแองจี้มีผิวบอบบางแบบผิวทารกมากกว่านะคะ ให้โอกาสหอมได้แก้ตัวใหม่หน่อยเถอะนะคะ อย่างน้อยให้เขาแนะนำเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมก็ได้ค่ะ เพราะเกดมั่นใจว่าคุณแองจี้จะต้องหน้าเป๊ะหุ่นเลิศไปงานปาร์ตี้อยู่แล้ว” การะเกดฝืนใจชมในสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกมากที่สุด เธอแทบจะปล่อยเสียงหัวเราะก๊ากตามหรรษาซึ่งใช้มือปิดปากตัวเองไว้แน่นเพราะคำชมแกมด่าที่ขนมาบรรณาการอริของสาวๆ ในแก๊ง
“ก็ได้ ฉันแค่ให้แม่นั่นแนะนำเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมเท่านั้นแหละ เพราะฉันไม่วางใจจะให้เอาเครื่องสำอางราคาถูกๆ มาแตะหนังหน้าฉันอีก”
“เอ่อ ถ้าเกดจำไม่ผิด ตอนนั้นหน้าของคุณแองจี้ไม่ได้แพ้เครื่องสำอางของหอม แต่แพ้สเปรย์ฉีดดับกลิ่นปากที่เอามาพ่นใส่หน้าแทนไม่ใช่เหรอคะ” คนพูดทวนความทรงจำให้อีกฝ่ายด้วยสีหน้าแหย
“โอ๊ย!! มันก็ทั้งน้ำยาบ้าๆ นั่นและเครื่องสำอางถูกๆ นั่นแหละ เธอจำใส่กะโหลกไว้เลยนะ ว่าถ้าฉันทำตามคำแนะนำของยายหอมหมื่นลี้แล้วมีคนบนเรือหัวเราะ ฉันจะล่มงานล่องเรือของเธอแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเลย” แองจี้ข่มขู่เสียงวางอำนาจ ทว่านอกจากใบหน้าของการะเกดไม่แสดงความหวาดหวั่นแล้ว ยังเจือไปด้วยรอยยิ้มขบขัน
‘ไอ้ที่หล่อนจะทำล่ม คงมีแต่เรือเพราะมันน้ำหนักเกินเท่านั้นแหละ’ เจ้าของความคิดกลั้นหัวเราะแล้วรีบปรับคลื่นอารมณ์ ก่อนจะตอบอีกฝ่ายไปว่า
“ค่ะๆ รับรองว่าจะไม่มีคนหัวเราะเยาะคุณแองจี้แน่นอน ตกลงเกดโอนสายคุณแองจี้ไปให้หอมหมื่นลี้ได้แล้วใช่ไหมคะ” กามเทพสาวเร่งเร้าเอาคำตอบ พออีกฝ่ายตอบรับเสียงกระแทกกระทั้นก็จัดการโอนสายไปให้หอมหมื่นลี้ ตามด้วยการวิ่งปร๋อไปฟังบทสนทนาระหว่างทั้งคู่
หอมหมื่นลี้เริ่มต้นการสนทนาด้วยการทำทีเป็นขอโทษขอโพยคอลัมนิสต์ขี้วีนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะเริ่มแนะนำเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมอย่างที่ซักซ้อมกันไว้กับการะเกด แล้วตบท้ายด้วยการรับประกันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าหากทำตามคำแนะนำ รัศมีความงามของอีกฝ่ายจะเจิดจรัสงามประหนึ่งพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
“เฮ้อ...โชคดีไปที่หอมไม่ต้องแต่งหน้าเซ็ตผมให้ยายปลวกนั่นแล้ว” เจ้าแม่ความงามกลอกตามองเพดานอย่างโล่งอก
“งามเจิดจรัสประหนึ่งพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ หมายถึงหน้ากลมดิ๊กเป็นพระจันทร์ใช่ไหมหอม” หรรษาหัวเราะคิก
“ทีนี้ทุกอย่างก็เข้าตามแผนของพวกเราเป๊ะ” การะเกดดีดนิ้วเปาะ มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เธอวางแผนกับแดเนียลไว้อย่างดิบดี
หญิงสาวแทบจะอดทนรอให้ถึงคืนพรุ่งนี้ไม่ไหวเพราะมันเหมือนการยิงปืนครั้งเดียวได้นกถึงสองตัว นอกจากจะได้เห็นคอลัมนิสต์หน้าบานเป็นจานเชิงแล้ว ยังจะได้เห็นสีหน้าพะอืดผะอมของแดเนียลเป็นโบนัสอีกด้วย
คืนนั้นหญิงสาวยอมลดทิฐิ โทรศัพท์ไปหาแดเนียลเพื่อแจ้งข่าวดี(เสียเมื่อไร)ให้เขารู้ แต่แล้วก็ต้องอ้าปากค้างเพราะสุดหล่อดันมาเล่นตัวเอาโค้งสุดท้ายด้วยการยื่นคำขาดว่าเธอต้องให้เขามารับไปงานปาร์ตี้ โดยอ้างว่าเขาต้องการซักซ้อมเรื่องการรับมือกับสาวอวบ แม้จะพยายามปฏิเสธด้วยเหตุผลและข้ออ้างนานัปการ แต่สุดท้ายเธอก็ถูกคนเต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนอย่างเขาต้อนเข้ามุมอับ
“ถ้าหากกลัวเพื่อนร่วมงานของเคทจะสงสัยว่าไปกับผม เราก็ไปให้ถึงโรงแรมก่อนพวกเขา แล้วเคทก็บอกไปว่าน้องสาวต้องการใช้รถ เลยต้องนั่งแท็กซี่ไปสิครับ ส่วนขากลับก็รอให้คนอื่นกลับกันหมดก่อน แล้วเราสองคนค่อยกลับ ผมว่าปัญหาแค่นี้ผู้หญิงฉลาดอย่างเคทน่าจะจัดการได้นะครับ” พ่อคนร้อยเล่ห์เพทุบายมิวายแดกดันในตอนท้าย
“ก็ได้ค่ะ แต่เกดเตือนคุณไว้ก่อนนะคะว่าเกดเตรียมสเปรย์พริกไทยไปด้วย ถ้าคุณคิดจะทำมิดีมิร้ายตอนอยู่กันสองต่อสองในรถล่ะก็ เกดจะสเปรย์ให้ตาคุณบอดไปเลย” หญิงสาวทำเสียงฮึดฮัดในลำคอเพราะหมั่นไส้เขาจนคิดว่าหากยืนอยู่ใกล้ๆ จะปล่อยหมัดอัปเปอร์คัตเข้าใส่ปลายคางบึกบึนนั่นสักครั้ง
“ผมไม่เคยคิดจะฝืนใจหรือใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงหรอกครับเคท เพราะเรื่องบนเตียงมันจะสนุกสุดเหวี่ยงก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายเต็มใจเท่านั้นแหละ ยกเว้นก็แต่ว่าคุณเป็นผู้หญิงประเภทที่ชอบความดิบเถื่อนบนเตียง ซึ่งบอกตามตรงว่าผมจัดให้ได้ทุกรูปแบบ” แดเนียลกล่าวทีเล่นทีจริงผ่านหูโทรศัพท์ แล้วระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นคอนโดเพราะแม่กามเทพสาวก่นด่าเขาเป็นชุดก่อนจะตัดสายและปิดมือถือหนี
มันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของการะเกดที่ทั้งตลกทั้งน่าหมั่นไส้ในความรู้สึกของชายหนุ่ม แต่เหนือสิ่งอื่นใด บางสิ่งบางอย่างที่ห่างหายจากชีวิตของเขาไปนานก็เริ่มซึมซับเข้าสู่หัวใจอย่างเหนือการควบคุม
แต่ละคืนที่ไม่ได้ยินเสียงหวานๆ ไม่ได้คุยหัวร่อฉอเลาะกับกามเทพสาว เขารู้สึกทุรนทุรายเหมือนชีวิตขาดสิ่งสำคัญไป
แดเนียลขับรถผ่านป้อมยามรักษาการณ์เข้าไปจอดในลานจอดรถหน้าคอนโดของการะเกดในเย็นของวันถัดมา รถของเขามาถึงก่อนเวลานัดราวห้านาที แต่ก็ไม่ได้เสียเวลารอนานเท่าไรนัก เมื่อโทร.ขึ้นไปหาแล้วปรากฎว่าเธอพร้อมอยู่แล้ว ถึงแม้เขาจะเคยเห็นร่างเย้ายวนในชุดนางฟ้ามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็อดผิวปากหวือไม่ได้เมื่อนางฟ้าการะเกดเดินถือปีกกับกระเป๋าถือใบเล็กออกมาจากล็อบบีด้วยท่วงท่าของสาวมั่น
“วันนี้เคทสวยเซ็กซี่เป็นพิเศษเลยนะครับ” ชายหนุ่มรี่มาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารและถือโอกาสไล่สายตาเก็บรายละเอียดของนิยามคำว่าสวยเซ็กซี่ที่เพิ่งชมไปมากขึ้น เนินอกอิ่มที่เขาเห็นจากมุมเบิร์ดอายวิวทำให้ขายาวแทบไม่อยากขยับจากข้างประตูรถฝั่งผู้โดยสารที่ยืนพิงอยู่ แต่เสียงกระแอมในลำคอของการะเกดก็ส่งยิ้มแก้เก้อ รีบขยับออกและดึงประตูรถให้เปิดกว้าง
“ขอบคุณที่ชมค่ะ เกดก็หวังว่าคุณฟิลิปป์จะคิดเหมือนคุณแดน” นัยน์ตาคมซึ่งถูกกรีดด้วยอายไลเนอร์และตวัดตรงหางตาทำให้ดูทั้งดุทั้งเซ็กซี่ ทอประกายเจิดจ้ายามมองตอบคนฟัง
“หมายความว่ายังไงครับ เคทอย่าบอกนะว่า…”
“ใช่ค่ะ คุณฟิลิปป์ก็ไปงานปาร์ตี้ของเกดวันนี้เหมือนกัน” กามเทพสาวแสร้างทำตาชวนฝัน แล้วก็แอบยิ้มเมื่อคนตัวโตกระแทกประตูรถเช่าคันหรูเสียงดังสนั่นก่อนจะก้าวยาวๆ ไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ
“หมอนั่นไม่ได้ไปเพราะอยากพบเคทคนเดียวแน่ คราวก่อนผมเห็นเขาหลีสาวตั้งหลายคน มุกส่งดอกไม้ไปบำเรอผู้หญิงน่ะ มันเป็นมุกเดิมๆ ของพวกเพลย์บอยรู้ไหมครับ ความจริงเขาอาจจะส่งกุหลาบไปให้คนอื่นด้วยก็ได้” ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้ง ขัดใจที่ตักเตือนยังไง แม่สาวข้างกายก็ยังดื้อแพ่ง
“เกดรู้ค่ะว่าเขาคุยกับหลายคน ให้นามบัตรสาวหลายคน และอาจจะส่งดอกไม้ให้หลายคน แต่เกดก็เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเขานะคะว่าคนหน้าตาดี คุณสมบัติเพียบพร้อมก็ย่อมจะเลือกมากเป็นธรรมดา”หญิงสาวหันไปตอบโต้สารถีหน้าเครียดด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น แปลกที่ลึกๆ เธอกำลังพอใจกับสีหน้าท่าทางเหมือนคนหึงหวงของเพื่อนอย่างเขา
“แสดงว่าคุณเป็นผู้หญิงแคร์ฟรี” ชายหนุ่มกระชากรถออกจากหน้าคอนโดด้วยสีหน้าถมึงทึง
“ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ เกดแค่คิดว่าถ้าหากเรามีสิทธิ์เลือก ทุกคนก็คงอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตัวเองด้วยกันทั้งนั้น คุณฟิลิปป์อยู่ในฐานะที่เลือกได้ เขาก็คงอยากเลือกผู้หญิงที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับเขาเหมือนกันค่ะ” การะเกดเหลือบมองเสี้ยวหน้าของสารถีเพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลง
“แล้วถ้าหากเขาอยากลองเทสต์ไดร้ฟ์สาวๆ ทุกคนก่อนตัดสินใจเลือกล่ะ เคทจะยอมเป็นหนึ่งในนั้นไหม” แววตาเย็นชาของแดเนียล บอกว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
“ถ้าคุณคิดว่าเกดง่ายขนาดนั้นก็จอดรถเถอะค่ะ เกดไม่อยากวิสาสะกับผู้ชายที่มองว่าผู้หญิงทุกคนง่าย” นัยน์ตาคมเขียวขุ่นมองคนฟังอย่างโกรธจัด ผิดหวังที่เขาดูถูกดูแคลนทั้งที่น่าจะรู้จักเธอดีกว่านี้หลังจากคุยกันทุกคืนมาร่วมสองอาทิตย์
“ผมขอโทษ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงอ่อย “ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเกดแบบนั้น แต่บางทีผมไม่เข้าใจการกระทำของเกดเลย”
“ช่างเถอะค่ะ คุณไม่ได้รู้จักเกดดีพอ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณจะตัดสินหรือมองเกดอย่างผิดๆ”หญิงสาวเบือนหน้าไปมองนอกรถ เวลาโกรธจนมือไม้สั่นแบบนี้ เธอชอบอยู่เงียบๆ เพื่อระงับความพลุ่งพล่าน
“ผมอยากรู้จักเคทมากกว่านี้ อยากรู้ว่าเคทเป็นคนยังไง ชอบทำอะไร ชอบผู้ชายแบบไหน” แดเนียลกล่าวทำลายความเงียบหลังจากขับรถต่อไปอีกเกือบห้านาที เขารอฟังคำตอบจนเกือบเลิกหวัง ริมฝีปากของคนที่ยังหันหน้าหนีจึงได้เริ่มขยับ
“เกดก็เหมือนผู้หญิงทุกคนที่หวังว่าวันหนึ่งจะได้พบผู้ชายที่รักจริง แต่งงานกันและเขารักเกด มีแค่เกดคนเดียวไปจนกว่าเราจะตายจากกันค่ะ แต่ที่ผ่านมามันดันไม่เป็นอย่างที่ฝันก็เท่านั้น” มุมปากอิ่มยิ้มหยันโชคชะตาของตัวเองเมื่อนึกถึงความล้มเหลวในชีวิตรักที่ผ่านมา
“เคยถูกหักหลังมาใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มเดาเพราะรับรู้ถึงความขมขื่นจากเสียงสั่นเครือ
การะเกดผงกศีรษะยอมรับและกลืนก้อนสะอื้นลงในลำคอแห้งเป็นผง แม้เธอจะเคยบอกตัวเองว่าจะไม่เล่าเรื่องราวในอดีตให้คนอื่นนอกจากคนสนิทฟัง แต่เวลานี้เธอกลับรู้สึกว่าไว้ใจเขาจนยอมเล่าทุกอย่างให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบอย่างหมดเปลือกจนกระทั่งรถแล่นไปถึงปลายทาง
“เคท” แดเนียลเคลื่อนมือไปรวบมือบางและบีบเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนยิ่งกว่าครั้งใดให้คนฟัง “ขอบคุณจริงๆ ครับที่ไว้ใจและยอมเล่าให้ผมฟัง”
“คุณคงคิดว่ามันน่าเบื่อ” เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ ไม่มั่นใจว่าหลังจากนี้เขาจะคิดหรือมองเธออย่างไร
“ไม่เลยครับ มันทำให้ผมรู้จักตัวตนของเคทมากขึ้น” ชายหนุ่มยังไม่ยอมปล่อยมือ เขาเห็นความขัดเขินฉายชัดบนดวงหน้าหวานละมุนซึ่งเจ้าตัวหลุบแพตาลงเพราะทนสายตาลึกซึ้งของเขาไม่ไหว “วันหนึ่งเคทจะพบผู้ชายที่รักและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อความสุขของเคทไปตลอดชีวิตครับ”
“ขอบคุณค่ะ” การะเกดดึงมือออกจากการเกาะกุมอย่างสุภาพ หันไปเปิดประตูด้วยความรู้สึกสับสน แม้จะบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าเขาเป็นเพียงเพื่อน แต่ใจเจ้ากรรมกลับเต้นไม่เป็นส่ำ ตลอดเวลาที่เดินเคียงเขาเดินเข้าไปในล็อบบีของโรงแรม
ผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มยืนรอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเคย แดเนียลมองปราดเดียวก็รู้ตามประสาผู้ชายด้วยกันว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับแม่สาวตาคมที่มากับเขา โชคดีที่การะเกดดึงเขาเข้าไปเป็นไม้กันสุนัข ไม่เช่นนั้นเขาคงหลงเอาตัวเข้าไปเป็นคานสอด
“ผมไม่รบกวนเวลาทำงานของคุณเกดแล้วนะครับ” ปราชญ์ส่งยิ้มเลยไปหาหนุ่มหล่อ “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณแดน”
“เช่นกันครับ” แดเนียลวาดมือมาโอบไหล่คนข้างกายประหนึ่งจะประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ“ขอบคุณมากนะครับที่คอยอำนวยความสะดวกให้เคทของผมมาโดยตลอด”
“ไม่เป็นไรครับ คุณเคทกับผมดีลงานกันแบบน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่ามากกว่า” หนุ่มใหญ่กล่าวเท่านั้นก็รีบอัปเปหิตัวเองจากที่นั่น
“ทำไมคุณต้องพูดแบบนั้นกับคุณปราชญ์ด้วยคะ” หญิงสาวสะบัดตัวออกจากการโอบกอดและแหวใส่เสียงขุ่น
“อ้าว ผมเห็นเคททำหน้าทำตาเหมือนอยากให้ช่วยเป็นไม้กันหมา ผมก็เลยเข้ามาเป็นเกราะกำบังให้เท่านั้น” แดเนียลแสร้งทำหน้าเหลอ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะเหยเกเพราะถูกคนฟังทุบอกดังปึ้ก
“คุณปราชญ์คือออปชั่นสุดท้าย ในกรณีที่เกดหาแฟนไม่ได้ก่อนกำหนดค่ะ” เธอทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่
“ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าจะช่วย” เขาก้มลงมาส่งยิ้มอวดไรฟันขาวสะอาดที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ยิ้มที่ทำให้การะเกดแทบลงไปกองกับพื้นเพราะความพิศวาสบาดจิต เธออยากตะโกนใส่เขาให้ริมตลิ่งของแม่น้ำเจ้าพระยาทรุดเหลือเกินว่า ก็ใครกันล่ะที่เอาแต่คำว่าเพื่อนมาอ้าง ถ้าคุณเปลี่ยนสถานะมาเป็น ‘จีบได้มั้ย’ ฉันก็จะเปลี่ยนสถานะเป็น ‘โสด…จีบได้’ ทันทีเหมือนกัน
“เรื่องที่เกดอยากให้คุณช่วยมีแค่เรื่องคุณแองจี้เท่านั้นค่ะ เรื่องอื่นเกดคิดว่าน่าจะแก้ปัญหาได้เอง”ขาเรียวขยับถอยหลังไปหนึ่งก้าวก่อนจะผายมือไปทางเรือ “เชิญไปรอบนเรือได้แล้วค่ะเพราะอีกไม่นานเพื่อนๆ ของฉันจะมาถึงกันแล้ว อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง ซินเดอเรลล่าของคุณแดนน่าจะมาถึง อย่าลืมนะคะว่าคุณจะต้องมองเขาเพียงคนเดียวในงานคืนนี้ สิ่งที่คุณจะต้องท่องไว้ขึ้นใจก็คือ Beauty is in the eye of the beholder ค่ะ”
“ผมจะพยายามครับคุณกาม-เทพ” ศีรษะได้รูปโค้งลงเล็กน้อย “แต่คุณจะบังคับสายตาไม่ให้มองผมคนเดียวได้เหรอ เพราะผมแอบเห็นว่าคุณชอบมองบั้นท้ายของผมบ่อยๆ”
“แหวะ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลยค่ะ คืนนี้สายตาของเกดจะมองบั้นท้ายของหนุ่มทุกคนในงาน”กามเทพสาวยิ้มยั่ว “ยกเว้นบั้นท้ายคุณ !”
“ผมจะคอยดูว่าคืนนี้เราจะได้สบตากันกี่สิบครั้ง ผมขี้เกียจขึ้นไปยืนหง่าวอยู่คนเดียว ขอไปนั่งเล่นที่บาร์ของโรงแรมจนกว่าลูกค้าคนอื่นๆ จะทยอยมาดีกว่า” ชายหนุ่มส่งยิ้มแห่งความมั่นใจก่อนจะเดินกลับเข้าไปยังตัวตึกด้วยท่วงท่าสง่างาม คนมองตามทำปากยื่นย่นจมูกใส่ ยืนแกร่วอยู่คนเดียวจนกระทั่งกามเทพสาวอีกเจ็ดคนมาสมทบ แล้วก็ไม่นานนักหลังจากนั้นที่ลูกค้าคนแรกเดินมาถึง
ทุกอย่างเป็นไปตามการคาดหมายของการะเกด เพราะหลังจากต้อนรับลูกค้าคนแล้วคนเล่า ก็ยังไม่เห็นเงาของคอลัมนิสต์สาว ฟิลิปป์กับแดเนียลเดินคู่กันมาเหมือนฟ้าดินอยากให้เธอเปรียบเทียบว่าระหว่างหนุ่มหล่อหุ่นกับหน้าตากินกันไม่ลงทั้งสอง คนไหนภาษีดีกว่ากัน ทว่าจนแล้วจนรอดเธอก็ฟันธงแบบเด็ดขาดไม่ได้อยู่ดีว่าใครคือคนเข้าวิน เหมือนหัวใจมันคอยแต่จะร้องเพลง ‘อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน’ ทั้งที่ปกติการะเกดไม่ใช่คนเจ้าชู้
“คุณแดนสุดหล่อมาอีกแล้ว หนูษาว่ามันชักจะยังไงๆ อยู่นา ดูสายตาที่เขามองพี่เกดแล้วหนูษารู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ยังไงไม่รู้” หรรษาโน้มมากระซิบเพราะไม่อยากให้นางฟ้าคนอื่นๆ มารับรู้
“เป็นไข้หรือเปล่าถึงได้หนาวๆ ร้อนๆ ถ้าทำงานไม่ไหว โทร.ไปตามให้คุณทิมมารับไปพยาบาลก็ได้นะ” คนถูกล้อทำทีเป็นเฉไฉ
“แหม ทุกวันนี้มีจิกแก้เขินด้วย” สาวเปิ่นของบริษัทยังแซวไม่เลิก
“แก้เขินบ้าอะไรเล่า พี่กำลังเครียดเพราะยายปลวกยังไม่โผล่หัวมาต่างหาก หนูษาตามทุกคนขึ้นไปดูความเรียบร้อยบนเรือเถอะ เดี๋ยวพี่ตามขึ้นไป” หญิงสาวกล่าวหลังจากก้มลงมองหน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือด้วยหัวใจร้อนรุ่มเพราะเหลืออีกเพียงสองนาทีก็จะถึงเวลาออกเรือ พอผู้ช่วยสาวทำตามคำบอกก็ยืนกระวนกระวายมองหน้าปัดนาฬิกาสลับกับทางเดินมายังท่าน้ำ ก่อนที่เข็มวินาทีจะเดินไปถึงเลขสิบสอง ตาสวยเฉี่ยวของเธอก็เหลือบเห็นร่างอวบอ้วนคุ้นตาเดินเฉิดฉายตรงมาด้วยมาดของนางพญา
“อี๊ !!” กามเทพสาวส่งเสียงแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์ในลำคออย่างสุดกลั้น
ความคิดเห็น