ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลูบคมกามเทพ

    ลำดับตอนที่ #2 : พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก ราหูอมการะเกด

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 67


    28 มิถุนายน…บริษัทคิวปิดฮัท 

                “เกด… อีตาฮิตเลอร์เรียกให้เข้าไปพบด่วนแน่ะ” วราลี สาววัยสามสิบสี่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนบุคคลและเลขานุการของภีมก้าวมาหยุดหน้าโต๊ะทำงานของการะเกด กล่าวด้วยแววตาห่วงใย  

                “เอ่อ เจ๊รู้ไหมคะว่าบอสมีเรื่องอะไรจะคุยกับเกด” หญิงสาวทำหน้าประหลาดใจระคนกริ่งเกรง

                “เรื่องข่าวที่ยายแองจี้เอาไปเขียนกระทบกระทั่งอีเว้นต์ที่เราจัดขึ้นน่ะสิ เมื่อไรยายบ้านั่นจะเลิกตามจองล้างจองผลาญพวกเราก็ไม่รู้” พี่ใหญ่ของกลุ่มเดือดปุดเพียงแค่เปล่งชื่อของคอลัมนิสต์ฝีปากกล้าผ่านริมฝีปากสีสด ไม่มีใครในคิวปิดฮัทไม่รู้จักนางสาวอังกาบ เจ้าของชื่อในวงการว่า แองจี้ คอลัมนิสต์ที่เขียนคอลัมน์ ฟลาย ไฮ วิซ แองเจิล ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านคอยจับตามองทุกความเคลื่อนของคิวปิดฮัทเพื่อหาข้อผิดพลาดและเอาไปตีไข่ใส่สีในคอลัมน์ของแม็กกาซีนจนกามเทพสาวหลายคนปวดเศียรเวียนเกล้ากันมาแล้ว

    “เกดรีบไปเถอะ ก่อนที่อีตาโหดจะโผล่ออกมาอาละวาด”

    ท้ายประโยคของสาวรุ่นพี่ทำให้การะเกดลุกจากเก้าอี้และเร่งฝีเท้าไปยังห้องเจ้านายสุด โหด เวลานี้เธอไม่มีอารมณ์แม้แต่จะท่องคาถาเมตตามหานิยมเพราะรู้ดีว่าถึงท่องไปกี่สิบบทก็คงเปล่าประโยชน์

    หลังจากเคาะประตูและได้ยินเสียงห้วนห้าววางอำนาจตะโกนอนุญาต เธอก็สูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วผลักประตูเข้าไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

    “บอสมีอะไรกับเกดเหรอคะ” หญิงสาวลอบกลืนน้ำลาย ถามด้วยท่าทางกริ่งเกรงและฝืนส่งยิ้มอ่อนหวาน ทว่าเวลานี้ใบหน้าคมเข้มของนายหนุ่มไม่หลงเหลือความรื่นรมย์ใดๆ ให้เห็นเลยสักนิด นัยน์ตาดุดันฉายแววเอาเรื่องจนเธอรู้สึกเย็นเยือกไปถึงไขสันหลัง แม้จะรู้ระแคะระคายจากวราลีมาแล้วว่าจะโดนสวดเรื่องอะไร แต่เอาเข้าจริงๆ เธอก็อดขนพองสยองเกล้าไม่ได้

    “ถ้าไม่มี ผมคงไม่สั่งคุณลีให้เรียกคุณเข้ามาพบให้เสียเวลาทำการทำงานแบบนี้” กรรมการผู้จัดการบริษัทคิวปิดฮัทแขวะพลางโยนนิตยสารพิงค์เลดี้ลงบนโต๊ะโครมใหญ่ “คุณถ่างตาดูเอาเองละกันว่าคอลัมน์ Fly High with Angel หน้า 19 น่ะเขาเขียนถึงปาร์ตี้ที่คุณจัดว่ายังไง”

    หญิงสาวไม่คิดจะซักฟอกให้ระคายแก้วหูคนอารมณ์บ่จอย เธอหยิบแม็กกาซีนที่ไม่เคยคิดจะเสียเงินซื้อสักครั้งในชีวิตขึ้นมาเปิดหน้าสิบเก้าตามคำบัญชาของพ่อมหาโหด

     

    'เตือนใจสาวไทยก่อนบินไปหาหวานใจที่เมืองนอก 

    หลังจากแองจี้ได้อ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับของยุโรปและกริ๊งกร๊างโทรศัพท์หาเพื่อนซี้ที่เป็นนักข่าวอยู่ปารีสเพื่อล้วงตับควักไส้เอาความจริง ว่าข่าวที่เขาลงโครมๆ กันเมื่อสามวันก่อนนั้นจริงเท็จแค่ไหน พอได้ยินคำตอบ แองจี้ก็ต้องยอมรับว่าปวดกระดองใจจนทนไม่ไหวและขอเอามาเม้าต์ให้แฟนๆ คอลัมน์ได้อ่านเป็นอุทาหรณ์สอนใจค่ะ 

    เรื่องของเรื่องก็คือ มีสาวไทยจำนวนไม่น้อยที่นิยมของนอก ซึ่งตรงนี้แองจี้ก็ไม่ได้ว่าสาวๆ อยากรวยทางลัดหรืออะไรเทือกนั้นเลยนะคะ เพราะจะว่าไป การจะหาหนุ่มไทยที่ยังไม่มีแฟน มีเมีย หรือมีผัว ! ในทุกวันนี้หายากม้ากมาก พอมีหนุ่มฝรั่ง ซึ่งส่วนใหญ่สูงยาวเข่าดีภาษีเลิศ มันไม่แปลกเลยที่สาวไทยเป็นล้านคนจะแห่แหนกันเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกของเว็บหาคู่สุดฮอตบางเว็บขณะนี้ เพราะนอกจากคุณเธอทั้งหลายจะสามารถติดต่อพูดคุยกับหนุ่มในฝันและอาจนัดเดตกับเขาวันใดวันหนึ่งแล้ว บางบริษัทจัดหาคู่ยังขยันสรรหาอีเว้นต์หรือปาร์ตี้หาคู่ตุนาหงันให้หนุ่มๆ สาวๆ ได้มีโอกาสพบปะสังสรรกันแทบทุกอาทิตย์อีกด้วย 

                 แต่งานปาร์ตี้ที่แองจี้ขอเม้าต์ถึงวันนี้ คือการเชิญชวนลูกค้าสาวๆ ที่ผ่านการคัดเลือกของกามเทพที่ดูแลงานปาร์ตี้ว่าสวย เซ็กซ์ เอ็กซ์ อึ๋มได้มาตรฐานจำนวน 25 คน ไปพบกับลูกค้าหนุ่มไฮไปรไฟล์จำนวน 25 คน (อ่านถึงแค่นี้ทุกคนก็คงจะชื่นชมว่าช่างลงตัวอะไรเช่นนี้ใช่ไหมล่ะคะ แต่อย่าค่ะ ! อย่าเพิ่งปักใจเชื่อว่าปาร์ตี้นี้จะเหมือนการพาซินเดอเรลล่าไปพบเจ้าชายในงานเต้นรำ)

    บรรยากาศในงานปาร์ตี้ล่องเรือดินเนอร์ใต้แสงเทียน จิบไวน์และเต้นรำกับหนุ่มๆ นั้น แองจี้ไม่รู้แบบละเอียดยิบหรอกนะคะ เลยไม่รู้ว่าบรรยากาศแท้จริงจะออกมาเหมือนการเสี่ยงพวงมาลัยรัก หรือว่าให้ฝ่ายหญิงนั่งเรียงกันเป็นแผงปลาทู (เอ๊ะ! คุ้นๆ เหมือนบรรยากาศในซอยบางซอยของย่านสุขุมวิทยามกลางคืนเกินไปไหมคะเนี่ย) แล้วให้หนุ่มแต่ละคนจับไม้สั้นไม้ยาว ก่อนชี้ตัวว่าอยากคุย อยากนั่งกระแซะ หรือเต้นรำกับสาวผู้โชคดีคนไหน 

    ฟังแล้วเหมือนแผนการส่งเสริมการตลาดที่แสนจะธรรมดาใช่ไหมคะคุณผู้อ่านขา แต่ความจริงมันมีเงาดำแฝงอยู่ด้วยค่ะ

    และนี่แหละค่ะคือที่มาของข่าวแซ่บที่แองจี้หยิบยกเอามาเม้าต์ในตอนแรก

    ในข่าวคือ มีสาวไทยจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจคบหากับหนุ่มต่างชาติซึ่งรู้จักกันผ่านทางอินเทอร์เน็ต แล้วลงท้ายถูกผู้ชายหลอกให้บินไปยุโรป ผู้หญิงเหล่านั้นวาดหวังจะได้แต่งงานและใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่พอไปถึงกลับกลายเป็นว่าถูกบังคับให้ขนยาเสพติดข้ามชาติบ้าง ถูกขายทอดตลาดไปแอฟริกากับเม็กซิโกบ้าง ถูกบังคับให้ทำงานในร้านนวดที่จบลงด้วยการนาบบ้าง

    หากไม่ยินยอมหรือพยายามหลบหนีก็จะถูกทารุณถูกซ้อมจนตายเหมือนอย่างในภาพนี้แหละค่ะ สายข่าวจากปารีสของแองจี้กระซิบบอกด้วยว่าสองสาวในรูปนี้ได้ใช้บริการหาคู่ออนไลน์กับบริษัทหาคู่สุดฮอตของไทยเว็บหนึ่ง แถมยังเคยไปร่วมปาร์ตี้ล่องเรือล่ารักกับเขาด้วยค่ะ 

    ยังไงก่อนตัดสินใจไปจอยปาร์ตี้ที่ว่านี้ ก็ขอให้นักอ่านทุกท่านระมัดระวังตัวกันให้ดีด้วยนะคะ เพราะลำพังคนจัดงานเขาไม่แคร์ถึงสวัสดิภาพของท่านหรอกค่ะ เขาแคร์แค่ว่าหนุ่มคนไหนโปรไฟล์เลิศ น่าดึงมาแจมให้สาวๆ น้ำลายหกเท่านั้นแหละ

                 ไม่อยากบ่นแต่ก็อดบ่นไม่ได้ ว่าบริษัทจัดหาคู่ควรสแกนลูกค้าสักนิดก่อนคิดจะพาขึ้นเรือ อย่าสักแต่ว่าลูกค้าแลดูไฮโซ กระเป๋าหนักควักไม่อั้น ก็หลับหูหลับตาเชิญร่วมปาร์ตี้แล้ว 

    ไม่งั้นคำว่า Cupid มันจะเพี้ยนเป็น Stupid เอาได้ โฮะๆๆ 

                พบกับแองจี้ใหม่ในปักษ์หน้านะคะนักอ่านที่รัก รับรองว่ามีเรื่องเมามันมาเม้าต์ให้น้ำลายแตกฟองกันอีกเช่นเคยแน่นอนค่ะ..

     

    การะเกดกำหมัดแน่นหลังจากอ่านจบ เธออยากบีบคอคอลัมนิสต์ปากกล้านัก ใครอ่านก็คงรู้ว่ายายอังกาบ หรือชื่อในวงการว่า “แองจี้” จงใจโจมตีคิวปิดฮัท เพราะเวลานี้เป็นเว็บไซต์หาคู่ที่ดังเป็นพลุแตกในเมืองไทย แถมยังเริ่มได้รับความนิยมจากฝรั่งมังค่าที่ต้องการหาแฟนไทยอีก

    ไม่สิ..ความจริงยายปลวกหน้าห้าเหลี่ยมจงใจโจมตีงานในส่วนที่เธอรับผิดชอบโดยตรงต่างหาก

                 “บอสคิดว่าเกดควรจะทำยังไงคะ สกรีนลูกค้าแต่ละรายก่อนจะให้เข้าร่วมงานปาร์ตี้หรือเปล่าว่าเขาเคยก่อคดีอะไรไว้ไหม” หญิงสาวเก็บความขุ่นเคืองไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย กัดฟันถามนายหนุ่มด้วยสุ้มเสียงเป็นการเป็นงาน ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เธอจะแสดงอาการผวาดผวาหรือทำตัวสั่นงันงกไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอีตาฮิตเลอร์จะลุกขึ้นมากระทืบซ้ำ เพราะคนอย่างเขาไม่เคยให้กำลังใจลูกน้อง

                ภีม เตชะดำรงกุล พ่นลมหายใจแรงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขากำลังหงุดหงิดสุดเหวี่ยง

                 “เรื่องสกรีนแบ็คกราวน์ของลูกค้ามันแทบเป็นไปไม่ได้เลย คุณก็น่าจะรู้ เพราะลูกค้าผู้ชายส่วนใหญ่ที่คุณเชิญเข้าร่วมปาร์ตี้เป็นชาวต่างชาติกันแทบทั้งนั้น ยกเว้นก็แต่คุณจะมีปัญญาหาแฟนที่ทำงานให้ตำรวจสากลแล้วแฮ็คดูข้อมูล แต่ผมคิดว่าคุณคงไม่สามารถถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง เพราะขนาดหาแฟนเป็นคนไทย คุณยังทำไม่ได้เลย” ตาคมกริบทันเห็นริมฝีปากของสาวสวยประจำบริษัทเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง

    หล่อนโกรธเขารู้ดี แต่ทำไงได้ สิ่งที่เขาว่ามาทั้งหมดมันเป็นความจริงทั้งนั้น การะเกดสวยสะดุดตา แต่มันน่าประหลาดที่หล่อนกลับไม่มีหนุ่มควงสักคน สำหรับเขามันแสดงถึงความล้มเหลวอีกรูปแบบหนึ่ง

    “เกดไม่ชอบอาชีพตำรวจอยู่แล้วค่ะ ถึงจะมีตำรวจยศพลตำรวจเอกมาจีบ เกดก็ไม่คิดจะมองอยู่แล้ว”ใบหน้าคนพูดเชิดขึ้นอย่างถือดี เขากล้าดียังไงมาซ้ำเติมปมด้อยเรื่องหาแฟนยังไม่ได้ของเธอ ไม่รู้หรือไงนะว่าทุกวันนี้เธอเครียดเรื่องนี้จนจะลุกขึ้นมากรี๊ดวันละสามหน 

    “ที่ผมเรียกเข้ามาคุยก็เพราะอยากให้คุณคิดแคมเปญสักอย่างมาเรียกความนิยมของคิวปิดฮัทกลับ อะไรก็ได้ที่มันจะทำให้ลูกค้าคิดว่างานปาร์ตี้ที่คุณจัดขึ้น มันจะทำให้พวกเขาได้ไปเจอโซลเมต ไม่ใช่อาชญากรที่จะหลอกไปขายทอดตลาดในยุโรป ผมให้เวลาคุณสามวันในการหาทางออกให้เรื่องนี้” เจ้าของฉายาฮิตเลอร์ยังคงเส้นคงวาในเรื่องของความเผด็จการ 

                 “3 วัน !” หญิงสาวทวนคำอย่างตกใจ นี่แหละนิยามของคำว่างานเข้าของจริง แล้วงานนี้ก็ถือเป็นงานช้างสำหรับคนอย่างการะเกดด้วย

    “อย่าบอกนะว่าเวลา 72 ชั่วโมง หรือ 4,320 นาทีมันไม่พอสำหรับคุณ เท่าที่ผมจำได้ ตอนเข้ามาสมัครงาน คุณกรอกข้อมูลว่ามีความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดีนะ คุณคงไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าคุณ Stupid แทนที่จะเป็น Cupid หรอกนะ” ภีม เตชะดำรงกุลดึงคำพูดจากคอลัมน์เจ้าปัญหามาใช้อย่างน่ารังเกียจ ดวงตาแข็งกร้าวหรี่มองคิวปิดสาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าประหนึ่งว่ากำลังประเมินคุณภาพของเครื่องจักรสักตัวว่าควรเก็บไว้ใช้งานต่อไหม

    เจอไม้นี้เข้า การะเกดถึงกับคอแข็ง คนงานเข้าอย่างเธอไม่มีทางเลือกนอกจากเชิดใบหน้าเรียวเล็กขึ้นเพื่อแสดงความมั่นใจ

    หน็อยแน่…กล้าด่าฉันทางอ้อมว่าโง่เง่าเต่าตุ่นเหรออีตาฮิตเลอร์ !

    “ไม่มีปัญหาค่ะ เกดจะคิดแคมเปญให้ได้ภายในเวลาที่กำหนดแน่นอน ถ้าบอสไม่มีอะไรแล้ว เกดขอตัวก่อนนะคะ เพราะทุกวินาทีของเกดหลังจากนี้มันมีค่า” การะเกดประชดเสียงฉะฉาน

                 “ดี งั้นก็เอาแม็กกาซีนนั่นไปด้วย เอาไปอ่านหลายๆ รอบ เผื่อมันจะออสโมซิสเข้าสมองและช่วยกระตุ้นให้คุณคิดหาทางแก้ลำยายนั่นได้เร็วขึ้น ผมหมดธุระแล้ว เชิญ !” 

    คำประกาศิตส่งผลให้เท้าเรียวเล็กก้าวมาหยิบแม็กกาซีนเจ้าปัญหา แล้วออกจากห้องทำงานไปเงียบๆ พอกลับมากระแทกก้นลงบนเก้าอี้ทำงาน วราลีกับเพื่อนร่วมงานหลายคนก็กรูกันเข้ามาหาประหนึ่งว่าจะช่วยไว้อาลัยให้ศพของเธอ

                 “มีอะไรให้เจ๊ช่วยก็บอกนะเกด” วราลีก้าวมาหยุดตรงหน้าและแตะมือลงบนมือเย็นเฉียบของสาวรุ่นน้อง

                 “ไม่เป็นไรหรอกค่ะเจ๊ เดี๋ยวเกดกับหนูษาช่วยกันระดมความคิดเอง เจ๊กับทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” เธอยิ้มจืดเจื่อนบอกเจ๊ใหญ่ พร้อมกับปลอบใจตัวเองว่า ที่ผ่านมาสามารถแก้ปัญหาสารพันได้ทุกอย่าง ครั้งนี้ก็คงเช่นกัน แม้จะต้องรีดเค้นหาทางออกจนเส้นเลือดในสมองแตกจนชักตาตั้งก็เถอะ

                 “อย่าถือคนบ้า อย่าว่าอีตาฮิตเลอร์เลยเกด เขาอาจจะปากน่าต่อย แต่ก็...”

                 “อย่าห่วงเลยค่ะเจ๊ เกดไม่เป็นไรจริงๆ ถ้าเกดถือสาบอส คงลาออกและหนีไปทำงานกับที่อื่นนานแล้วค่ะ คนที่เกดอยากต่อยสักเปรี้ยงคือยายแองจี้ต่างหาก มันน่าจับโยนลงคลองแสนแสบจริงๆ” หญิงสาวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกพลางปรายตามองแม็กกาซีนที่ถูกมิลินดึงจากมือไปอ่านต่อ

    “มิ้มว่ายายบ้านั่นมันเก็บกดที่เป็นสมาชิกคิวปิดฮัทมานานโขแต่ยังหาผู้ชายไม่ได้ แล้วมาฟาดหัวฟาดหางลงบนคอลัมน์” มิลินว่าอย่างเดือดดาล

                 “ก็แหงล่ะ ดูอย่างเคสของหนูษากับยายหอมสิ” แพรวพราวเสริมต่อเพราะรู้กิตติศัพท์ของคอลัมนิสต์เจ้าปัญหาดีว่าเคยสร้างเรื่องให้หรรษากับหอมหมื่นลี้ในงานเลี้ยงน้ำชามาแล้ว

                 “จะมีใครที่ไม่โดนยายแองจี้เล่นงานบ้างไหมเนี่ย รู้สึกว่ายายนั่นจะลับมีดรอเชือดพวกเราเรียงตัวยังไงไม่รู้ สงสัยพริมต้องกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลและแผ่เมตตาให้มากๆ จะได้ไม่มีเวรมีกรรมต่อกัน” สาวธรรมะธัมโมอย่างพริมาอดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็น

                “เจ๊ว่ากรวดน้ำคว่ำขันเลยดีกว่ามั้งพริม ชาติหน้าฉันใดจะได้ไม่ต้องมาเจอะเจอกันอีก” วราลีทำตาปะหลับปะเหลือก เพราะในฐานะพี่ใหญ่ในกลุ่ม เธอรับรู้เรื่องราวทั้งหมดมาโดยตลอด ทว่าแม้จะระดมความคิดกันจนสมองแทบระเบิด ก็ยังไม่สามารถหาวิธีมาปราบคู่กรณีอย่างแองจี้ให้อยู่หมัดได้อยู่ดี

    “โอ๊ย พี่พริมกับเจ๊อย่าใจดีกับยายปลวกนักเลยค่ะ คนแบบนั้นวิญญาณของมันต้องโดนจับใส่หม้อ ปิดด้วยผ้ายันต์ แล้วถ่วงน้ำไปเลย จะได้ไม่ต้องไปผุดไปเปิดให้ชาวบ้านเขาชาวช่องเขาเดือดร้อนอีก” คนเพิ่งโดนเล่นงานมาหมาดๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบอก  

                 “เฮ้อ..หนูษาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาจ้องล้างจองผลาญพวกเรานัก ทั้งๆ ที่ผ่านมาก็เข้าข่ายรำไม่ดีโทษปี่โทษกลองเองทั้งนั้น” หรรษาพ่นลมหายใจออกยาว เธอเองก็เคยถูกแองจี้ขี้เม้าต์เล่นงานมาหยกๆ โชคดีที่เรื่องของเธอ มันเริ่มต้นที่ความเลวร้าย แต่กลับลงท้ายด้วยการพบรักกับ ทิม พิชยธร ประธานบริษัทในเครือพิชยธรซึ่งคุมกิจการทั้งห้างสรรพสินค้าใหญ่ โรงแรม และรีสอร์ตหลายแห่งในประเทศ

                 “แต่คนประเภทนั้นมันไม่ยอมออกจากกะลามาดูโลกของความเป็นจริงหรอก” มิลิน พนักงานฝ่ายการเงินบัญชี เจ้าของฉายาส่าเกลือจากทะเลเดดซียังเรียกว่าพี่ เสริมด้วยใบหน้าเนือยๆ

    “ออยว่าหลักๆ ก็คงมาจากเพราะยายปลวกโกรธที่มางานหาคู่กี่ครั้งก็ยังหาแฟนไม่ได้นั่นแหละ บวกกับมาเจอกรณีแพ้เครื่องสำอางตอนยายหอมแต่งหน้าให้ก็เลยยิ่งโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง พอข่าวนี่ออกมา มันก็เลยถือโอกาสซัดตูมมาทีเดียวหนักๆ เน้นๆ” นันทิสา สาวน่ารักผู้มีจุดอ่อนอยู่ที่การหวาดผวาชายแท้ที่มีหน้าตาหล่อเหลา ร่วมผสมโรงหลังจากนั่งฟังคนอื่นพูดและอ่านคอลัมน์ที่เป็นประเด็นไป

                 “ไม่สวยสะดุดตาน่ะพอให้อภัยนะออย แต่ไอ้ประเภทหน้าไม่สวย แถมนิสัยห่วยแตก ผู้ชายที่ไหนเขาก็คงสวมวิญญาณเสือเผ่นเปิดแน่บกันหมด” การะเกดเอ่ยด้วยนัยน์ตาชิงชังขณะหลุบตาลงมองแม็กกาซีนเจ้ากรรมที่ถูกส่งต่อไปยังมือของหอมหมื่นลี้ เธออยากดำดิ่งเข้าไปกลางใจของคนเขียนคอลัมน์เสียจริงๆ ว่ามันจะดำเป็นตอตะโกหรือเปล่า

                 “ทำไมเกดไม่ลองเชิญยายแองจี้ไปล่องเรือดินเนอร์ดูสักเสาร์ล่ะ หอมว่าถ้าเราเตรียมการให้พร้อม น่าจะรับมือมันอยู่นะ” หอมหมื่นลี้ กูรูด้านการแต่งหน้า ไม่ยอมปล่อยโอกาสการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวงสนทนาให้หลุดลอยไปเช่นกัน 

                “โอ๊ย…ฟักลี่ขนาดนั้น เกดไม่ชวนไปให้ลูกค้าผู้ชายแตกตื่นจนงานล่มหรอก” หญิงสาวหน้าเบ้เหมือนเพิ่งกลืนของแสลง 

                “ฟักลี่คืออะไรน่ะพี่เกด” น้องน้อยอย่างหรรษาถามด้วยแววตาซื่อๆ

                “Fugly เป็นคำสนธิที่มาจากการผสมคำว่า Fat กับ Ugly เข้าด้วยกันจ้ะหนูษา สรุปง่ายๆ ก็คืออ้วนและขี้เหร่” วราลีตอบเสร็จก็กล่าวต่อด้วยสุ้มเสียงเป็นการเป็นงานว่า “เอาล่ะ พวกเราหยุดเม้าต์และแยกย้ายกันกลับไปทำงานได้แล้ว เที่ยงค่อยปรึกษาหารือกันต่อ เผื่อใครมีไอเดียดีๆ จะเสนอเกด”

                “ขอบคุณเจ๊กับทุกคนมากนะคะที่แวะมาให้กำลังใจ เกดคิดว่าปัญหาของยายแองจี้ เกดเอาอยู่” ริมฝีปากอิ่มแย้มยิ้มให้เพื่อนร่วมงานทั้งหมด หลังจากทุกคนแยกย้ายกันกลับไปประจำโต๊ะทำงาน เธอก็สูดหายใจเข้าลึก เรียกขวัญและกำลังใจกลับมาเพื่อจะต่อสู้กับปัญหาเฉพาะหน้า

                “พี่เกดมีอะไรให้หนูษาช่วยไหม” หรรษาขันอาสา

                “ช่วยรับปัญหาของยายแองจี้ไปจัดการให้พี่ที เพราะตอนนี้พี่แก้ปัญหาใหญ่อย่างการหาแฟนยังไม่ได้” แม็กกาซีนเล่มนั้นถูกยื่นให้ผู้ช่วยสาวซึ่งทำหน้าแหย แต่ก่อนที่สาวซุ่มซ่ามจะตอบกลับ การะเกดก็กล่าวต่อด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “พี่ล้อเล่นน่ะ ใครจะกล้าให้หนูษาแบกปัญหาอยู่คนเดียวเล่า พี่แค่แขวะเล่นเพราะหมั่นไส้ที่หนูษาไม่ต้องเครียดเรื่องหาแฟนแล้วต่างหาก”   

                “เฮ้อ…โล่งอกไปที หนูษาคิดว่าพี่เกดเอาจริงเสียอีก พี่เกดไม่ต้องห่วงนะคะ คนสวยๆ อย่างพี่เกด อีกไม่นานก็หาแฟนได้ ที่ผ่านมาพี่เกดต่อให้หนูษามากกว่า เพราะถ้าพี่เกดตั้งใจหาจริงๆ หนูษาว่าใช้เวลาไม่ถึงสองอาทิตย์” หรรษาออดอ้อนป้อนคำหวาน น่ารักกึ่งน่าหมั่นไส้เสียจนคนฟังค้อนให้วงใหญ่

                “ถ้าพี่ต่อให้จริงก็ดีน่ะสิแม่เต่าน้อย แต่นี่พี่แพ้หนูษาเสียหลุดลุ่ย นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะโดนใครแซงอีกบ้าง แต่ไม่มีวันเสียล่ะที่พี่จะเป็นคนสุดท้ายในกลุ่ม เพราะพี่ผูกคอตายเสียยังดีกว่าจะไปไล่จีบอีตาฮิตเลอร์”หญิงสาวกล่าวพลางหันไปแบะปากใส่ประตูออฟฟิซของเจ้านาย เพราะหนึ่งในสนธิสัญญาหาแฟนให้ได้ก่อนวันวาเลนไทน์ปีหน้าคือ คนสุดท้ายที่หาแฟนไม่ได้จะต้องลงทุนสวมวิญญาณสาวใจกล้าบ้าบิ่นผิดปกติ ไล่จีบเจ้าของบริษัทอย่างภีม เตชะดำรงกุลให้ได้

                “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า พี่เกดภาษีดีกว่าหลายคนเยอะ โดยเฉพาะเจ๊ลี” ผู้ช่วยสาวสร้างขวัญกำลังใจให้ มันได้ผลชะงัดนักเพราะการะเกดหัวเราะขึ้นมาทันใด

                “เอาล่ะ เรามาหยุดเรื่องหาแฟนและโฟกัสเรื่องงานกันดีกว่า เรื่องลิสต์ลูกค้าถึงไหนแล้วล่ะ”การะเกดกล่าวเสียงเป็นการเป็นงาน พออีกฝ่ายส่งแฟ้มมาให้ก็รีบรับมาเปิดดู

                “ห้าคนแรกเป็นลูกค้าเก่าที่ส่งอีเมลมาถามว่าจะมีงานอีกตอนไหนเพราะพวกเขาสนใจอยากมาเข้าร่วม ส่วนลูกค้าสาวๆ ตอนนี้มีตอบรับมาสิบกว่าคนแล้ว” หรรษาตอบอย่างคล่องแคล่ว

                “เลิศมาก แล้วเรื่องกับทางโรงแรม คุณปราชญ์คอนเฟิร์มมาหรือยัง” คนเป็นแม่งานถามพลางเปิดแฟ้มสีฟ้าเพื่อดูรายละเอียดของลูกค้าที่ผู้ช่วยสาวช่วยคัดสรรมาให้เธอสกรีนอีกที

    ห้ารายแรกนั้นเป็นลูกค้าหน้าเก่าที่เธอเคยเจอมาแล้วสองถึงสามครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะบางรายยังไม่เจอคนถูกใจแต่ชอบบรรยากาศงานปาร์ตี้จึงอยากเข้าร่วมอีก นอกเหนือจากนั้นเป็นลูกค้าใหม่กว่าสามสิบรายที่เธอยังต้องดูอีกทีก่อนให้ผู้ช่วยสาวส่งอีเมลไปเชิญมาร่วมงาน

                “คุณปราชญ์โทร.มาคอนเฟิร์มเรียบร้อยแล้ว หนูษาว่าถ้าเราชวนยายแองจี้มาร่วมงานปาร์ตี้เหมือนที่หอมเสนอก็น่าจะดีนะ เขาจะได้ไม่เอาไปเขียนโจมตีแบบผิดๆ อีก” หรรษาถือโอกาสที่อีกฝ่ายกำลังแจกใบแดงกับใบเขียวให้บรรดาหนุ่มที่เธอคัดสรรมา เอ่ยถึงสิ่งที่เป็นประเด็นการสนทนากับทุกคนก่อนหน้า

                “อืม ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เห็นด้วยกับที่หอมแนะนำหรอกนะ” การะเกดงึมงำพลางดึงกระดาษบางแผ่นออกจากแฟ้ม “แต่พี่อยากรอให้คิดแผนการแยบยลได้มากกว่านั้นหน่อย ขืนเชิญยายบ้านั่นไปร่วมงานโดยไม่วางแผนอะไรไว้ก่อนเลย แล้วยายปลวกไม่ประทับใจ ก็คงจะเอาไปเขียนโจมตีงานปาร์ตี้มากขึ้น พี่อยากคิดแคมเปญออกมาแก้ลำชีให้ได้ก่อน ว่าบริษัทของเราน่าเชื่อถือและทุ่มเทเพื่อลูกค้าขนาดไหน”

                “พี่เกดรอบคอบดีจริงๆ เลย” หรรษาดีดนิ้วดังเป๊าะ “พี่เกดว่าข่าวที่เขาบอกว่ามีผู้หญิงไทยโดนหลอกไปขายยุโรปมันเป็นจริงแค่ไหนน่ะ ถ้าจริงก็น่าสงสารพวกเขาเนอะ”

                “บอกตามตรงว่านี่ก็เป็นอีกเรื่องที่พี่อยากหาความจริง ถ้าหากมันเป็นอย่างที่ยายแองจี้เขียน พี่คงจะรู้สึกแย่กับตัวเองมาก” แววตาสวยซึ้งแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยเมื่อนึกถึงภาพของสาวไทยเคราะห์ร้ายทั้งสองคน สภาพของทั้งคู่นั้นหน้าตายับเยินจนเธอจำไม่ได้แม้จะพยายามทบทวนความทรงจำว่าเคยเชิญไปร่วมงานอีเว้นต์จริงอย่างที่แองจี้เขียนโจมตีไหม

                “หนูษาช่วยส่งอีเมลไปเชิญพวกเขา และคอนเฟิร์มกับพี่พรุ่งนี้ทีนะว่ามีลูกค้าตอบตกลงกลับมากี่คน”หญิงสาวส่งแฟ้มคืนให้ผู้ช่วยซึ่งรับกลับไปทำหน้าที่อย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่เธอขลุกกับการคิดหาทางออกให้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยอาการหน้านิ่วคิ้วขมวด


    สวัสดีค่าท่านผู้อ่านทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นนักอ่านหน้าเก่า หรือนักอ่านหน้าใหม่ที่ตัดสินใจทดลองอ่านงานของไรต์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูบคมกามเทพจะเป็นที่ชื่นชอบของท่านนะคะ นิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนได้รับแรงบันดาลใจหลังจากที่อ่านข่าวเกี่ยวกับผู้หญิงไทยถูกกลุ่มแก๊งค้ามนุษย์หลอกไปขายที่ยุโรปค่ะ หากท่านติดตามผลงานของไรต์มาสักพักก็คงจะรู้แล้วว่าเรื่องนี้เคยถูกตีพิมพ์กับสถาพรบุ๊คส์ และเป็นนิยายที่ไรต์ร่วมเขียนในซีรี่ย์คิวปิดฮัต บริษัทรักอุตลุต ซึ่งช่องสามซื้อไปทำละคร  อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในละครก็ค่อนข้างแตกต่างจากเวอร์ชั่นนิยาย ไรต์จึงหวังว่าท่านที่เพิ่งจะเริ่มทดลองอ่าน จะตัดสินใจอ่านต่อไปจนจบเรื่องนะคะ  ท่านใดที่ขี้เกียจรอจนไรต์อัพจบ สามารถโหลดอีบุ๊กอ่านแบบรวดเดียวจบได้ที่เมบนะคะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×