ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] -Accidental of love-

    ลำดับตอนที่ #8 : Accidental of love ♡ ‏Chapter 7 Reseon & Promise

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 57


                                                     
                           







                                                        -ตอนที่7-


















              คยองซู...

     

     

     

     

     

    แพคฮยอนผุดลุกผุดนั่ง ทั้งกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่หลายตลบ แต่จนแล้วจนรอดคนตัวเล็กก็ยังไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้  ภาพใบหน้าและแววตาที่เดาไม่ออกภายใต้รอยยิ้มที่แสนใจดี ยังคงชัดเจนอยู่ในห้วงความคิด

     

     

    จริงอยู่ว่า ตัวของแพคฮยอนเองไม่ไม่ได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ตื้นลึกหนาบางของทั้งจงอินและคยองซู  จะเป็นแค่เพื่อนสนิทธรรมดาๆ หรือมีอะไรมากกว่านั้น.. แต่การที่คนสองคนตัวติดกันอยู่เสมอ  แววตาที่จงอินมักลอบมองคยองซูมันดูอบอุ่นและอ่อนโยนก้าวข้ามคำว่าเพื่อนไปมาก จนคนนอกอบ่างแพคฮยอนยังรู้สึกได้  ถึงแม้ภายนอกจงอินจะดูกวนประสาทและไม่ใส่ใจกับสิ่งรอบข้างก็ตาม  กับคยองซูที่กลายเป็นข้อยกเว้น ความห่วงใยและการดูแลเอาใจใส่มันแตกต่าง ไม่เหมือนสิ่งที่จงอินปฏบัติต่อเซฮุนหรือแม้กระทั่งชานยอล

     

     

    และเมื่อวาน หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น หมอนั่นก็หายตัวไปอย่างกับล่องหน ทิ้งแพคฮยอนให้ยืนมึนงงเป็นหมาสงสัยอยู่เพียงลำพัง

     

     

    ใครกันบอกว่าจะไปส่งเขาที่บ้านน่ะ!  ให้มันได้อย่างนี้คิมจงอิน!

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

     

     

     

    วันต่อมา...

     

     

     

    "คยองซู!!"

     

     

    แพคฮยอนแทบถลาเข้าไปที่โต๊ะเมื่อเห็นว่าเพื่อนตาโตกำลังนั่งทบทวนบทเรียนอยู่เงียบๆ โดยไร้ซึ่งวี่แววของอีกสามคนที่เหลือ

     

     

    "อรุณสวัสดิ์แพคฮยอน"  คยองซูตอบรับด้วยรอยยิ้มสดใสเช่นเคย

     

     

    "คยองซูอ่า เรามีเรื่องต้องคุยกัน ฉันขอเวลาซักนิดได้ไหม.." 

     

     

    แพคฮยอนพูดกึ่งขอร้องพลางเกาะแขนเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา แก้วตารีใสดูหงอยกว่าปกติ แพคฮยอนกลัวเหลือเกิน กลัวคยองซูจะเกลียดขี้หน้าเขาไปแล้ว

     

     

    "ได้ซิ ทำไมต้องทำหน้าเหมือนโลกจะแตกในอีกสองชั่วโมงข้างหน้าด้วยล่ะ" 

     

     

    คยองซูแซวขำๆเมื่อเห็นท่าทีของแพคฮยอน ปากอิ่มรูปหัวใจคลี่ยิ้มกว้างและหลุดหัวเราะออกมา  แต่แพคฮยอนกลับไม่รู้สึกอยากหัวเราะด้วยซักนิด เจ้าตัวหน้ามุ่ยลงเล็กน้อยที่เพื่อนเห็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับเขาเป็นเรื่องตลก

     

     

     

    "ก็ถ้าไม่คุย โลกของคยองซูอาจแตกก็ได้นี่นา.."   

     

     

    คนตัวเล็กเอ่ยเสียงอ่อย ดวงตาเรียวยังจับจ้องที่ใบหน้าของเพื่อนตาโตไม่ละไปไหน  แพคฮยอนจ้องแก้วตากลมใสของคนตรงหน้าที่กลายเป็นเครื่องหมายคำถาม  เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย  ดูท่าคยองซูยังคงงุนงงและไม่เข้าใจ  แต่เขาไม่อาจปล่อยเรื่องราวที่คั่งค้างในใจให้ผ่านไปได้  แพคฮยอนตัดสินใจแล้ว  ยังไงก็ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง

     

     

     

    "ห๊ะ!!!?" 

     

     

    แพคฮยอนแทบจะตะโกนออกมาทันทีที่ได้ฟังจนคยองซูต้องรีบตะครุบปากเพื่อนตัวเล็กเอาไว้  ดวงตาโตกดต่ำเป็นเชิงบอกให้เงียบ เมื่อเห็นว่าพคฮยอนพยักหน้ารับเป็นอันเข้าใจ คยองซูจริงยอมปล่อยมือออกจากเรียวปากบาง

     

     

    "เบาๆสินี่ห้องสมุดนะ"  คยองซูปรามซ้ำอีกครั้ง

     

     

    "ไม่ได้คบกันอยู่ จริงๆน่ะเหรอ แต่ทำไมคยองซูกับจงอิน..."   พอหลุดมาได้ก็ยิงคำถามต่อ ความสงสัยมากมายมันอัดอั้นจนแพคฮยอนลืมคำว่ามารยาทไปเสียสนิท

     

     

    "ฉันกับจงอินทำไมเหรอ?"  คยองซูถามกลับยิ้มๆ ในขณะที่แพคฮยอนทำหน้าเหมือนโลกแตกไปแล้ว ไม่จริงใช่ไหม ก็นายสองคนน่ะมัน มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนงั้นเหรอ?!

     

     

    "ก็นายสองคนน่ะ ดูสนิทกันสุดๆ ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ แล้วจงอินน่ะดูเป็นห่วงคยองซูจะตาย ปกป้องคยองซูตลอด แบบขนาดเวลามีเรื่อง แทบไม่ยอมให้คยองซูต้องสู้เลยนะ"  

     

     

    แพคฮยอนรัวทุกข้อสงสัย เขาตั้งใจจะมาอธิบายเรื่องเมื่อวานที่อาจทำให้คยองซูเข้าใจผิด แต่เพื่อนตาโตกลับบอกความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าตัวกับจงอินไม่ได้มีอะไรพิเศษ

     

     

    "มันก็..จริงนะ"

     

     

    แพคฮยอนตาวาว คิดว่าข้อสันนิษฐานของตัวเองอาจถูกบ้าง เป็นใครก็ดูออกไม่ใช่เหรอ หรือว่าเซนส์ของเขามันเพี้ยนไปแล้ว

     

     

    "มันก็จริงอยู่ ที่เราตัวติดกันที่สุด แต่ก็ไม่ได้สนิทกันที่สุดหรอกนะ  แล้วที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน..มันก็คงเป็นเรื่องของความจำเป็นมั้ง จงอินอาจไม่เต็มใจก็ได้

     

     

     แล้วเรื่องไม่ยอมให้ฉันต่อสู้...  คนตาโตเว้นระยะเพียงครู่ เมื่อเห็นว่าแพคฮยอนตั้งอกตั้งใจฟังชนิดลุ้นตัวโก่ง เจ้าตัวจึงตัดสินใจพูดต่อ

     

     

    "ก็เพราะฉัน ทำอะไรอย่างนั้นไม่เป็นหรอก"

     

     

    "ห๊ะ!!!"  

     

     

    แพคฮยอนตะโกนออกมาอีกครั้ง จนคนในห้องสมุดหันมามองเขาด้วยสายตาตำหนิ เจ้าตัวได้แต่ยิ้มแหยๆก่อนจะลุกขึ้นโค้งเพื่อขอโทษที่เสียมารยาท

     

     

    นี่มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ บ้าชัวร์บ้าแบบไม่มั่วนิ่ม!! แก๊งอันธพาลอันดับหนึ่งของย่านนี้ ขึ้นชื่อเรื่องหน้าตาของสมาชิกที่ดูดีราวกับเทพบุตร  ทักษะการต่อสู้ที่เป็นเลิศไม่แพ้หน้าตา แต่ดันมีคนที่ต่อสู้ไม่เป็นอยู่ในแก๊ง!  นี่มันหมายความว่ายังไง!?

     

     

    "ฉันน่ะ เพิ่งย้ายเข้ามาที่โรงเรียนนี้ได้ไม่นานเองนะ"  

     

     

    คยองซูอธิบายเมื่อเห็ว่าแพคฮยอนทำหน้าราวกับเขาเป็นตัวประหลาด หากเป็นคนที่มองจากภายนอกก็คงคิดเช่นเดียวกับแพคฮยอนกันทั้งนั้น เพียงแต่คยองซูไม่ได้ใส่ใจ คนตาโตไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะมองเขาเป็นอย่างไร  เพราะตั้งแต่เข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้เขาก็มีสายตาไว้เพื่อมองคนเพียงคนเดียวเท่านั้น

     

     

    "ฉันมีความจำเป็นบางอย่างที่ต้องย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ และบังเอิญมากจริงๆที่การมาเรียนวันแรกก็เจอกับเรื่องราวคล้ายๆแพคฮยอนเลยนะ"

     

     

     

     

     

     

     

     

    Accidental of love  





                                 

     

     

     


     

     

    "เราต้องไปอยู่อเมริกากันนะลูก" 

     

     

    เสียงของผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา เด็กหนุ่มผู้มีดวงตากลมโตเป็นเอกลักษณ์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือในมือ แววตานั้นฉายแวววิตกกังวล ทั้งยังสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด

     

     

    "แม่ครับ ..ผม...."

     

     

    ผู้เป็นมารดาเดินเข้ามานั่งเคียงข้างและลูบหัวลูกชายอย่างทะนุถนอม  เธอรู้ดีว่าลูกชายคนโตนั้นรู้สึกอย่างไร แต่ทางเลือกที่ต้องก้าวต่อไปไม่ได้มีมากนัก และทุกปัญหาย่อมต้องการการตัดสินใจ

     

     

    "แม่รู้ว่าลูกลำบากใจ แต่คุณเค้าอยากให้แม่ไปอยู่ที่โน่นด้วย ช่วงนี้บริษัทกำลังไปได้สวย แม่เองก็เห็นว่ามันค่อนข้างลำบากที่เค้าจะบินไปบินมานะลูก"

     

     

    เด็กหนุ่มเงยมองมารดาอย่างเข้าใจ เขาเองก็ไม่ได้อคติอะไรกับครอบครัวใหม่ของมารดา  แต่ติดที่ว่าอีกใจ เขาไม่อยากจากบ้านหลังนี้  บ้าน..ที่รวบรวมทุกความทรงจำตลอดเวลาที่พ่อเขายังมีชีวิตอยู่

     

     

    "ยองซู ยองซู ไปเมกา กัน เมกา สวยน้า"

     

     

    เด็กน้อยวัยสองขวบที่มีดวงตาสีดำขลับแต่กลับมีเส้นผมสีบรอนซ์ วิ่งเข้ามาเกาะขาพี่ชายอย่างออดอ้อน  คยองซูอุ้มเด็กน้อยวางบนตักของตัวเองด้วยความเอ็นดูก่อนเอ่ยถาม

     

     

    "อเล็กซ์ อยากไปอเมริกาไหม?"

     

     

    เจ้าหนูตัวเล็กเอียงคอมองพี่ชายอย่างน่ารักก่อนตอบเสียงใสด้วยความไร้ดียงสา

     

    "ไปซิ อยากไปหาแด๊ด เที่ยวๆไปเที่ยว คิกๆ"  เด็กน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างมีความสุขทำให้ผู้เป็นพี่อดยิ้มตามไม่ได้ ..แต่นั่นก็ยิ่งทำให้คยองซูลำบากใจ 

     

     

    "แม่ครับ แม่ไปเถอะนะ ผมอยากอยู่ที่นี่ ผมดูแลตัวเองได้"

     

     

    ผู้เป็นมารดาส่ายหน้าอย่างช้าๆนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอ่ยปากคุยเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ได้คำตอบเดิมจากลูกชายเสมอ

     

     

    "แม่ลูกคู่นี้ คุยอะไรกันจ๊ะ หน้าตาซีเรียสเชียว"

     

     

    ผู้มาใหม่ร้องทักขึ้น ใบหน้าใจดีทักทายอย่างยิ้มแย้มพร้อมกับคำถาม คุณป้าข้างบ้านผู้ใจดีและสนิทสนมกับครอบครัวเขามานานตั้งแต่จำความได้ เรียกได้ว่าเหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึงเลยอย่างนั้นก็ได้

     

     

    ป้าจีอึนมีลูกชายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา แม้บ้านจะติดกันครอบครัวจะสนิทสนมกันแต่เขากับลูกชายป้าจีอึนแทบจะไม่เคยคุยกันเลยซักครั้ง พราะลูกชายของป้าจีอึนเป็นเด็กเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครหน้าตานิ่งๆกับแววตาดุๆนั่นทำให้คยองซูกลัวเสียมากกว่า

     

     

    "ก็เรื่องเดิมนั่นล่ะพี่จีอึน"   แม่ของเขาเอ่ยบอกกับผู้สูงวัยกว่า น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความอ่อนใจอย่างเห็นได้ชัด ผู้เป็นมารดาเองก็ลำบากใจไม่แพ้กัน

     

     

    "เอาอย่างนี้มั้ยโซฮี"  ป้าจีอึนวางมือลงบนไหล่  เธอเข้าใจและเห็นอกเห็นใจเพื่อนข้างบ้านที่รักราวกับน้องสาวแท้ๆ

     

     

    "ให้คยองซู อยู่ที่นี่ พี่จะดูแลให้เอง ส่วนเรื่องโรงเรียน ..ให้ย้ายมาเรียนที่เดียวกับจงอิน จะได้ช่วยดูแลกัน"

     

     

    ผู้เป็นมารดาปฏิเสธแทบจะทันที ด้วยความเป็นห่วงและกลัวว่าจะรบกวนป้าอึนจีมากเกินไป ถึงสนิทสนมกันมานานแต่หากพูดตามความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวดองทางสายเลือดใดๆทั้งสิ้น  คนเป็นแม่ย่อมห่วงลูกของตนเหนือสิ่งอื่นใดเป็นธรรมดา แม้จะรู้สึกว่าป้าอึนจีก็คงดูแลเขาได้ดีไม่ต่างจากตนเองนัก

     

     

    ป้าจีอึนพูดอยู่นาน กว่าแม่ของคยองซูจะใจอ่อน  เพราะตัวคยองซูเองก็ยืนยันหนักแน่นว่าอยากอยู่ที่นี่  ในตอนแรกผู้เป็นมารดาตัดสินใจว่าจะอยู่กับเขาและไม่ยอมย้ายไปอเมริกาตามที่ตั้งใจไว้แต่ทีแรก แต่คยองซูก็ให้เหตุผล เขาสัญญาว่าจะเดินทางไปเยี่ยมในช่วงปิดเทอมทุกครั้ง ความสุขของแม่ก็คือความสุขของเขาเช่นกัน เพียงแต่เขาก็อยากอยู่กับความทรงจำที่มีความสุขของตัวเองด้วยเพียงเท่านั้น  อยากให้ผู้เป็นแม่เข้าใจ

     

     

     

     

     

     

    Accidental of love  

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คยองซูก้าวตามคนที่เดินนำเขาไปอย่างหวาดๆ  ระหว่างทางไร้ซึ่งการสนทนาของคนทั้งคู่ คนนำหน้าเดินผิวปากสาวเท้ายาวๆอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่สนใจว่าคนเดินตามจะตามทันหรือไม่

     

     

     

    วืด!!

     

     

    เสียงของแข็งบางอย่างฟาดแหวกอากาศผ่านหน้าจงอินไปเพียงเสี้ยว คนผิวเข้มชะงักไปเพียงเล็กน้อยก็จุดยิ้มร้ายในแบบที่ชอบทำ  ดวงตาคมไม่ได้ฉายแววตื่นตระหนกแต่กลับพราวระยับไปด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป 

     

     

    "ไง คิมจงอิน วันนี้พวกพ้องแกหายหัวไปไหนหมดวะ!"

     

     

    ผู้ชายร่างสูงใหญ่กว่าเกือบสิบเซ็นแสยะยิ้มน่ารังเกียจแข่งกับหน้าตาของมัน ไอ้ตัวโตสืบเท้าเข้ามาใกล้แล้วแค่นหัวเราะ

     

     

    "แต่เช้าเลยนะ  ฉันไม่ว่างเล่นกับแก เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน"   จงอินตอบกลับอย่างเบื่อหน่าย หน้าตาไม่ได้แสดงถึงความหวาดกลัวเลยซักนิด แม้กลุ่มคนที่ยืนขวางอยู่นี้จะมีไม่ต่ำกว่าครึ่งโหลก็ตาม

     

     

    "ฮะ ฮะ ฮ่าๆๆ!!!!!ฮ่าๆๆๆ!!!เฮ้ย!! ได้ยินปะวะ คิมจงอินกลัวไปเรียนสายว่ะ ฮ่าๆ!"

     

     

    ไอ้ตัวโตระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับลูกน้องของมันที่พร้อมใจกันประสานเสียงอย่างเอาใจลูกพี่เต็มที่

     

     

    หอนทำไมเห็นผีหรือไง”   เล่นเอาหุบปากกันแทบไม่ทันทั้งคณะ  เสียงกรอดๆที่รอดผ่านไรฟันบ่งบอกว่าเส้นความอดทนที่พยายามมีไว้เพื่อเล่นสนุกกำลังจะหมดลง

     

     

    "โอ๊ะ!! นี่ใครวะ"  

     

     

    ไอ้ตัวโตถามขึ้นเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคนตัวเล็กที่อยู่ด้านหลัง ทันทีที่มันสบตาคยองซูก็หลบตา อาการกล้าๆกลัวๆที่คนตัวเล็กแสดงออกเรียกแววตาเจ้าเล่ห์จากไอ้ยักษ์หน้าปลวกได้เป็นอย่างดี

     

     

    "เดี๋ยวนี้ควงเด็กไงวะ ร้ายนี่หว่า ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!"

     

     

    มันล้อเลียนอย่างสนุกสนานพร้อมมือหนาหยาบที่จงใจยกขึ้นตบแก้มจงอินเบาๆ   เป็นการยั่วโทสะที่ได้ผลเกินคาด เพราะคนโดนก่อกวนยกเท้าขึ้นสัมผัสกับพุงกลมๆของมันแล้วถีบอย่างแรง จนไอ้ตัวโตถึงกับหงายหลังลงไปนอนจุกที่พื้น

     

     

    และไม่ต้องให้บอก ลูกน้องกว่าครึ่งโหลของมันกรูกันเข้ามาล้อมรอบจงอินแทบจะทันที ไม้เบสบอลสีดำมะเมื่อมถูกเงื้อขึ้นเตรียมรุมยำแบบหมาหมู่  ในขณะที่จงอินยังยืนนิ่งอยู่กลางวงล้อมอย่างไม่สะทกสะท้าน

     

     

    "หลบไป!"

     

     

                ตะโกนบอกคนที่ยืนตกใจอยู่ด้านหลังพร้อมขายาวเงื้อขาฟาดปากลูกกระจ๊อกคนนึงที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา

     

     

    คยองซูลอบมองเหตุการณ์อย่างตื่นเต้น คนกว่าครึ่งโหลค่อยๆร่วงไปทีละคนสองคนด้วยฝีมือเพื่อนข้างบ้านของเขา ไม่น่าเชื่อว่าจงอินที่แสนเงียบขรึมจะมีทักษะในการต่อสู้ขนาดนี้  คนตาโตจ้องมองทุกกิริยาตาไม่กระพริบ คยองซูรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะเรื่อยๆ เขานึกเป็นห่วงคนที่ยกแขนฟาดขาอยู่เบื้องหน้า ถึงแม้จงอินจะเก่งกาจเพียงใด แต่จะทานทนต่อกำลังของคนหมู่มากได้ซักแค่ไหนกัน

     

     

    และทฤษฎีของคยองซูก็ไม่ผิดเพี้ยน

     

     

    ไอ้ตัวโตหัวโจกค่อยๆยันกายลุกขึ้นอย่างยากลำบากหลังจากลงไปนอนสบายได้ซักพัก มันคว้าไม้เบสบอลที่ตกอยู่ข้างตัว แสยะยิ้มร้ายและย่องไปด้านหลังจงอินอย่างเงียบเชียบ

     

     

    "จงอิน ระวัง!!

     

     

     

    พลั่ก!!!!!!!

     

     

     

    "โอ้ยย!!!"

     

     

     

    จงอินหันขวับตามเสียงเรียกก่อนร่างตนเองจะกระเด็นไปอีกทางเพราะแรงปะทะ พร้อมกับร่างใครบางคนที่ร่วงลงกับพื้น  ไวเท่าความคิดร่างสูงถลาไปรับร่างนั้ได้ทันท่วงทีก่อนจะร่วงฟาดพื้นหยาบ เลือดสีสดไหลออกจากศีรษะเจ้าของร่างจนเปรอะเต็มข้างแก้มขาว

     

     

    "นาย!! เฮ้ย!! อะ..ไอ้ตาโต ตื่นสิวะ ตื่น!!   ค..ยอง  ..  คยองซู คยองซู!  บอกให้ตื่นไง!"

     

     

    จงอินเขย่าร่างที่ไม่ได้สติอย่างลืมตัว สมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกได้แต่ทำกริยาอย่างเดิมซ้ำไปซ้ำมา จงอินลืมไปหมด  ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไร  จงอินสับสน ไม่รู้ต้องเริ่มต้นตรงไหน  เขาทำได้แค่กู่ตะโกน เรียกให้ร่างเล็กในอ้อมกอดลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

     

     

    "แอบมาเล่นสนุกคนเดียวไม่ชวนวะ"  

     

     

    เสียงหนึ่งปลุกจงอินให้ได้สติ  พอหันกลับมาก็เจอเพื่อนสนิททั้งสองคนยืนอยู่ และไอ้ตัวการก็เผ่นไปเรียบร้อยแล้ว จงอินก้มมองคยองซูที่เลือดไหลไม่หยุด มือสั่นเทาประคองร่างไร้สติแนบอกก่อนลุกก้าวอย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทางจนเซฮุนต้องวิ่งมารั้งแขนเอาไว้

     

     

    "จะไปไหน"

     

     

    "โรงพยาบาล ไม่เห็นเหรอ หมอนี่เลือดออกเยอะแยะไปหมด"

     

     

    เซฮุนถอนใจกับท่าทีที่ยังคุมสติไม่ได้ของเพื่อนสนิท

     

     

    "รถชานยอลจอดอยู่นั่น ถ้าขืนวิ่งไปหมอนี่คงเลือดหมดตัวตายก่อน"  บอกพลางช่วยพยุงร่างไร้สติไปที่รถ  จงอินยังคงคอยพร่ำเรียกชื่อคนในอ้อมแขนไม่หยุด จนกระทั่งพวกเขาพาคยองซูมาถึงโรงพยาบาล

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    Accidental of love  

     

     

     

     



     

     

     

     

    ปวดหัว..

     

     

     

     

    คยองซูค่อยๆเปิดเปลือตาอันหนักอึ้งขึ้นช้าๆ  เพดานสีขาวสะอาดปรากฎแก่สายตา เมื่อมองไปรอบๆก็พบแต่สิ่งที่ไม่คุ้นเคย แขนของเขามีสายยางเส้นเล็กเสียบอยู่ แถมยังมีกลิ่นฉุนของน้ำยาบางอย่างที่ยังคงเจือจางอยู่ในลมหายใจ

     

     

    "นี่โรงพยาบาลงั้นเหรอ"  เอ่ยกับตัวเองอย่างแผ่วเบาก่อนปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง แต่ประสาทสัมผัสกลับรับรู้ถึงความรู้สึกแปลกปลอมที่มือของตนเอง ทำให้คยองซูต้องลืมตาขึ้นมามองด้วยความสงสัย

     

     

    ใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยห่างออกไปแค่เพียงหนึ่งช่วงแขน ดวงตาที่ปิดสนิทกับลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังหลับสนิท  มือของจงอินเกาะเกี่ยวมือของเขาไว้อย่างหลวมๆ แต่คงจะเนิ่นนานเพราะมันชื้นไปด้วยเหงื่อ คยองซูรับรู้ถึงความเห่อร้อนอย่างประหลาดฉาบทับใบหน้าของเขา เจ้าตัวค่อยดึงมือตัวเองออกจากมือของจงอินอย่างแผ่วเบา

     

     

    เบาที่สุด

     

     

    "อะ..โอ้ย"

     

     

    จู่ๆอาการปลวดแปลบก็แล่นริ้วที่ศีรษะทำให้เผลอร้องอย่างลืมตัว และนั่นก็ทำให้คนที่หลับอยู่เมื่อครู่ตื่นขึ้นมาอย่างง่ายดาย

     

     

    "นาย เป็นอะไร เจ็บตรงไหน?"  ถามออกไปด้วยความห่วงใยเพราะคนบนเตียงเล่นหลับไปซะครึ่งค่อนวันจนเขาไม่เป็นอันทำอะไร

     

     

    "ขอโทษนะ ที่ทำให้นายตื่น" คยองซูเอ่ยเสียงอ่อย

     

     

    "ฉันถามว่า นายเจ็บตรงไหน เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่ใช่ให้มาขอโทษ"

     

     

    "อะ..อือ  ขอ โทษนะ"

     

     

    จงอินได้แต่มองด้วยสายตาดุๆที่ทำจนติดเป็นนิสัย  ทำให้คยองซุไม่กล้าพูดอะไรอีก

     

     

    "ถ้าแม่รู้เรื่อง ฉันตายแน่" 

     

     

    จงอินเอ่ยขึ้นลอยๆ เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้กระทบความรู้สึกคนตัวเล็ก แต่บรรยากาศรอบตัวชวนอึดอัดเสียจนคนผิวเข้มต้องหาถ้อยคำมาพูดแก้เก้อ

     

     

    "ฉัน ขอ ทะ.."

     

     

    "เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ ห้ามนายอยู่ห่างจากฉันเป็นอันขาด ห้ามไปไกลจากฉันเข้าใจมั้ย"

     

     

    ดะ..เดี๋ยว สิ จงอิน

     

     

    ไม่มีข้อแม้ เพราะหลังจากวันนี้ฉันต้องโดนแม่ทำโทษขั้นรุนแรง และนั่นเพราะนาย และ ฉันต้องรับผิดชอบชีวิตนายเพราะเรื่องที่เกิดมันเพราะฉัน

     

     

     


     

     

    ....ฉันจะดูแลนายเอง ฉันสัญญา...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC…

     

     

    เมเม : จงอินมันมัดมือชกนี่หว่า

     

    #ฟิคอุบัติเหตุ แท็กนี้ไม่มีประโยชน์ เพราะฟิคมันจบไปแล้ว และคงไม่มีใครอ่านซ้ำ  
                 ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เสมอเลยนะคะ

              @Aprilnov0408

    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×