คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Accidental of love ♡ Chapter 7 Reseon & Promise
-ตอนที่7-
คยองซู...
แพคฮยอนผุดลุกผุดนั่ง ทั้งกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่หลายตลบ แต่จนแล้วจนรอดคนตัวเล็กก็ยังไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ ภาพใบหน้าและแววตาที่เดาไม่ออกภายใต้รอยยิ้มที่แสนใจดี ยังคงชัดเจนอยู่ในห้วงความคิด
จริงอยู่ว่า ตัวของแพคฮยอนเองไม่ไม่ได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ตื้นลึกหนาบางของทั้งจงอินและคยองซู จะเป็นแค่เพื่อนสนิทธรรมดาๆ หรือมีอะไรมากกว่านั้น.. แต่การที่คนสองคนตัวติดกันอยู่เสมอ แววตาที่จงอินมักลอบมองคยองซูมันดูอบอุ่นและอ่อนโยนก้าวข้ามคำว่าเพื่อนไปมาก จนคนนอกอบ่างแพคฮยอนยังรู้สึกได้ ถึงแม้ภายนอกจงอินจะดูกวนประสาทและไม่ใส่ใจกับสิ่งรอบข้างก็ตาม กับคยองซูที่กลายเป็นข้อยกเว้น ความห่วงใยและการดูแลเอาใจใส่มันแตกต่าง ไม่เหมือนสิ่งที่จงอินปฏบัติต่อเซฮุนหรือแม้กระทั่งชานยอล
และเมื่อวาน หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น หมอนั่นก็หายตัวไปอย่างกับล่องหน ทิ้งแพคฮยอนให้ยืนมึนงงเป็นหมาสงสัยอยู่เพียงลำพัง
ใครกันบอกว่าจะไปส่งเขาที่บ้านน่ะ! ให้มันได้อย่างนี้คิมจงอิน!
.
.
.
.
.
วันต่อมา...
"คยองซู!!"
แพคฮยอนแทบถลาเข้าไปที่โต๊ะเมื่อเห็นว่าเพื่อนตาโตกำลังนั่งทบทวนบทเรียนอยู่เงียบๆ โดยไร้ซึ่งวี่แววของอีกสามคนที่เหลือ
"อรุณสวัสดิ์แพคฮยอน" คยองซูตอบรับด้วยรอยยิ้มสดใสเช่นเคย
"คยองซูอ่า เรามีเรื่องต้องคุยกัน ฉันขอเวลาซักนิดได้ไหม.."
แพคฮยอนพูดกึ่งขอร้องพลางเกาะแขนเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา แก้วตารีใสดูหงอยกว่าปกติ แพคฮยอนกลัวเหลือเกิน กลัวคยองซูจะเกลียดขี้หน้าเขาไปแล้ว
"ได้ซิ ทำไมต้องทำหน้าเหมือนโลกจะแตกในอีกสองชั่วโมงข้างหน้าด้วยล่ะ"
คยองซูแซวขำๆเมื่อเห็นท่าทีของแพคฮยอน ปากอิ่มรูปหัวใจคลี่ยิ้มกว้างและหลุดหัวเราะออกมา แต่แพคฮยอนกลับไม่รู้สึกอยากหัวเราะด้วยซักนิด เจ้าตัวหน้ามุ่ยลงเล็กน้อยที่เพื่อนเห็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับเขาเป็นเรื่องตลก
"ก็ถ้าไม่คุย โลกของคยองซูอาจแตกก็ได้นี่นา.."
คนตัวเล็กเอ่ยเสียงอ่อย ดวงตาเรียวยังจับจ้องที่ใบหน้าของเพื่อนตาโตไม่ละไปไหน แพคฮยอนจ้องแก้วตากลมใสของคนตรงหน้าที่กลายเป็นเครื่องหมายคำถาม เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ดูท่าคยองซูยังคงงุนงงและไม่เข้าใจ แต่เขาไม่อาจปล่อยเรื่องราวที่คั่งค้างในใจให้ผ่านไปได้ แพคฮยอนตัดสินใจแล้ว ยังไงก็ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง
"ห๊ะ!!!?"
แพคฮยอนแทบจะตะโกนออกมาทันทีที่ได้ฟังจนคยองซูต้องรีบตะครุบปากเพื่อนตัวเล็กเอาไว้ ดวงตาโตกดต่ำเป็นเชิงบอกให้เงียบ เมื่อเห็นว่าพคฮยอนพยักหน้ารับเป็นอันเข้าใจ คยองซูจริงยอมปล่อยมือออกจากเรียวปากบาง
"เบาๆสินี่ห้องสมุดนะ" คยองซูปรามซ้ำอีกครั้ง
"ไม่ได้คบกันอยู่ จริงๆน่ะเหรอ แต่ทำไมคยองซูกับจงอิน..." พอหลุดมาได้ก็ยิงคำถามต่อ ความสงสัยมากมายมันอัดอั้นจนแพคฮยอนลืมคำว่ามารยาทไปเสียสนิท
"ฉันกับจงอินทำไมเหรอ?" คยองซูถามกลับยิ้มๆ ในขณะที่แพคฮยอนทำหน้าเหมือนโลกแตกไปแล้ว ไม่จริงใช่ไหม ก็นายสองคนน่ะมัน มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนงั้นเหรอ?!
"ก็นายสองคนน่ะ ดูสนิทกันสุดๆ ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ แล้วจงอินน่ะดูเป็นห่วงคยองซูจะตาย ปกป้องคยองซูตลอด แบบขนาดเวลามีเรื่อง แทบไม่ยอมให้คยองซูต้องสู้เลยนะ"
แพคฮยอนรัวทุกข้อสงสัย เขาตั้งใจจะมาอธิบายเรื่องเมื่อวานที่อาจทำให้คยองซูเข้าใจผิด แต่เพื่อนตาโตกลับบอกความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าตัวกับจงอินไม่ได้มีอะไรพิเศษ
"มันก็..จริงนะ"
แพคฮยอนตาวาว คิดว่าข้อสันนิษฐานของตัวเองอาจถูกบ้าง เป็นใครก็ดูออกไม่ใช่เหรอ หรือว่าเซนส์ของเขามันเพี้ยนไปแล้ว
"มันก็จริงอยู่ ที่เราตัวติดกันที่สุด แต่ก็ไม่ได้สนิทกันที่สุดหรอกนะ แล้วที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน..มันก็คงเป็นเรื่องของความจำเป็นมั้ง จงอินอาจไม่เต็มใจก็ได้”
“ แล้วเรื่องไม่ยอมให้ฉันต่อสู้...” คนตาโตเว้นระยะเพียงครู่ เมื่อเห็นว่าแพคฮยอนตั้งอกตั้งใจฟังชนิดลุ้นตัวโก่ง เจ้าตัวจึงตัดสินใจพูดต่อ
"ก็เพราะฉัน ทำอะไรอย่างนั้นไม่เป็นหรอก"
"ห๊ะ!!!"
แพคฮยอนตะโกนออกมาอีกครั้ง จนคนในห้องสมุดหันมามองเขาด้วยสายตาตำหนิ เจ้าตัวได้แต่ยิ้มแหยๆก่อนจะลุกขึ้นโค้งเพื่อขอโทษที่เสียมารยาท
นี่มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ บ้าชัวร์บ้าแบบไม่มั่วนิ่ม!! แก๊งอันธพาลอันดับหนึ่งของย่านนี้ ขึ้นชื่อเรื่องหน้าตาของสมาชิกที่ดูดีราวกับเทพบุตร ทักษะการต่อสู้ที่เป็นเลิศไม่แพ้หน้าตา แต่ดันมีคนที่ต่อสู้ไม่เป็นอยู่ในแก๊ง! นี่มันหมายความว่ายังไง!?
"ฉันน่ะ เพิ่งย้ายเข้ามาที่โรงเรียนนี้ได้ไม่นานเองนะ"
คยองซูอธิบายเมื่อเห็นว่าแพคฮยอนทำหน้าราวกับเขาเป็นตัวประหลาด หากเป็นคนที่มองจากภายนอกก็คงคิดเช่นเดียวกับแพคฮยอนกันทั้งนั้น เพียงแต่คยองซูไม่ได้ใส่ใจ คนตาโตไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะมองเขาเป็นอย่างไร เพราะตั้งแต่เข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้เขาก็มีสายตาไว้เพื่อมองคนเพียงคนเดียวเท่านั้น
"ฉันมีความจำเป็นบางอย่างที่ต้องย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ และบังเอิญมากจริงๆที่การมาเรียนวันแรกก็เจอกับเรื่องราวคล้ายๆแพคฮยอนเลยนะ"
Accidental of love♡
"เราต้องไปอยู่อเมริกากันนะลูก"
เสียงของผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา เด็กหนุ่มผู้มีดวงตากลมโตเป็นเอกลักษณ์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือในมือ แววตานั้นฉายแวววิตกกังวล ทั้งยังสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด
"แม่ครับ ..ผม...."
ผู้เป็นมารดาเดินเข้ามานั่งเคียงข้างและลูบหัวลูกชายอย่างทะนุถนอม เธอรู้ดีว่าลูกชายคนโตนั้นรู้สึกอย่างไร แต่ทางเลือกที่ต้องก้าวต่อไปไม่ได้มีมากนัก และทุกปัญหาย่อมต้องการการตัดสินใจ
"แม่รู้ว่าลูกลำบากใจ แต่คุณเค้าอยากให้แม่ไปอยู่ที่โน่นด้วย ช่วงนี้บริษัทกำลังไปได้สวย แม่เองก็เห็นว่ามันค่อนข้างลำบากที่เค้าจะบินไปบินมานะลูก"
เด็กหนุ่มเงยมองมารดาอย่างเข้าใจ เขาเองก็ไม่ได้อคติอะไรกับครอบครัวใหม่ของมารดา แต่ติดที่ว่าอีกใจ เขาไม่อยากจากบ้านหลังนี้ บ้าน..ที่รวบรวมทุกความทรงจำตลอดเวลาที่พ่อเขายังมีชีวิตอยู่
"ยองซู ยองซู ไปเมกา กัน เมกา สวยน้า"
เด็กน้อยวัยสองขวบที่มีดวงตาสีดำขลับแต่กลับมีเส้นผมสีบรอนซ์ วิ่งเข้ามาเกาะขาพี่ชายอย่างออดอ้อน คยองซูอุ้มเด็กน้อยวางบนตักของตัวเองด้วยความเอ็นดูก่อนเอ่ยถาม
"อเล็กซ์ อยากไปอเมริกาไหม?"
เจ้าหนูตัวเล็กเอียงคอมองพี่ชายอย่างน่ารักก่อนตอบเสียงใสด้วยความไร้เดียงสา
"ไปซิ อยากไปหาแด๊ด เที่ยวๆไปเที่ยว คิกๆ" เด็กน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างมีความสุขทำให้ผู้เป็นพี่อดยิ้มตามไม่ได้ ..แต่นั่นก็ยิ่งทำให้คยองซูลำบากใจ
"แม่ครับ แม่ไปเถอะนะ ผมอยากอยู่ที่นี่ ผมดูแลตัวเองได้"
ผู้เป็นมารดาส่ายหน้าอย่างช้าๆนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอ่ยปากคุยเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ได้คำตอบเดิมจากลูกชายเสมอ
"แม่ลูกคู่นี้ คุยอะไรกันจ๊ะ หน้าตาซีเรียสเชียว"
ผู้มาใหม่ร้องทักขึ้น ใบหน้าใจดีทักทายอย่างยิ้มแย้มพร้อมกับคำถาม คุณป้าข้างบ้านผู้ใจดีและสนิทสนมกับครอบครัวเขามานานตั้งแต่จำความได้ เรียกได้ว่าเหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึงเลยอย่างนั้นก็ได้
ป้าจีอึนมีลูกชายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา แม้บ้านจะติดกันครอบครัวจะสนิทสนมกันแต่เขากับลูกชายป้าจีอึนแทบจะไม่เคยคุยกันเลยซักครั้ง เพราะลูกชายของป้าจีอึนเป็นเด็กเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครหน้าตานิ่งๆกับแววตาดุๆนั่นทำให้คยองซูกลัวเสียมากกว่า
"ก็เรื่องเดิมนั่นล่ะพี่จีอึน" แม่ของเขาเอ่ยบอกกับผู้สูงวัยกว่า น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความอ่อนใจอย่างเห็นได้ชัด ผู้เป็นมารดาเองก็ลำบากใจไม่แพ้กัน
"เอาอย่างนี้มั้ยโซฮี" ป้าจีอึนวางมือลงบนไหล่ เธอเข้าใจและเห็นอกเห็นใจเพื่อนข้างบ้านที่รักราวกับน้องสาวแท้ๆ
"ให้คยองซู อยู่ที่นี่ พี่จะดูแลให้เอง ส่วนเรื่องโรงเรียน ..ให้ย้ายมาเรียนที่เดียวกับจงอิน จะได้ช่วยดูแลกัน"
ผู้เป็นมารดาปฏิเสธแทบจะทันที ด้วยความเป็นห่วงและกลัวว่าจะรบกวนป้าอึนจีมากเกินไป ถึงสนิทสนมกันมานานแต่หากพูดตามความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวดองทางสายเลือดใดๆทั้งสิ้น คนเป็นแม่ย่อมห่วงลูกของตนเหนือสิ่งอื่นใดเป็นธรรมดา แม้จะรู้สึกว่าป้าอึนจีก็คงดูแลเขาได้ดีไม่ต่างจากตนเองนัก
ป้าจีอึนพูดอยู่นาน กว่าแม่ของคยองซูจะใจอ่อน เพราะตัวคยองซูเองก็ยืนยันหนักแน่นว่าอยากอยู่ที่นี่ ในตอนแรกผู้เป็นมารดาตัดสินใจว่าจะอยู่กับเขาและไม่ยอมย้ายไปอเมริกาตามที่ตั้งใจไว้แต่ทีแรก แต่คยองซูก็ให้เหตุผล เขาสัญญาว่าจะเดินทางไปเยี่ยมในช่วงปิดเทอมทุกครั้ง ความสุขของแม่ก็คือความสุขของเขาเช่นกัน เพียงแต่เขาก็อยากอยู่กับความทรงจำที่มีความสุขของตัวเองด้วยเพียงเท่านั้น อยากให้ผู้เป็นแม่เข้าใจ
Accidental of love♡
คยองซูก้าวตามคนที่เดินนำเขาไปอย่างหวาดๆ ระหว่างทางไร้ซึ่งการสนทนาของคนทั้งคู่ คนนำหน้าเดินผิวปากสาวเท้ายาวๆอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่สนใจว่าคนเดินตามจะตามทันหรือไม่
วืด!!
เสียงของแข็งบางอย่างฟาดแหวกอากาศผ่านหน้าจงอินไปเพียงเสี้ยว คนผิวเข้มชะงักไปเพียงเล็กน้อยก็จุดยิ้มร้ายในแบบที่ชอบทำ ดวงตาคมไม่ได้ฉายแววตื่นตระหนกแต่กลับพราวระยับไปด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป
"ไง คิมจงอิน วันนี้พวกพ้องแกหายหัวไปไหนหมดวะ!"
ผู้ชายร่างสูงใหญ่กว่าเกือบสิบเซ็นแสยะยิ้มน่ารังเกียจแข่งกับหน้าตาของมัน ไอ้ตัวโตสืบเท้าเข้ามาใกล้แล้วแค่นหัวเราะ
"แต่เช้าเลยนะ ฉันไม่ว่างเล่นกับแก เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน" จงอินตอบกลับอย่างเบื่อหน่าย หน้าตาไม่ได้แสดงถึงความหวาดกลัวเลยซักนิด แม้กลุ่มคนที่ยืนขวางอยู่นี้จะมีไม่ต่ำกว่าครึ่งโหลก็ตาม
"ฮะ ฮะ ฮ่าๆๆ!!!!!ฮ่าๆๆๆ!!!เฮ้ย!! ได้ยินปะวะ คิมจงอินกลัวไปเรียนสายว่ะ ฮ่าๆ!"
ไอ้ตัวโตระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับลูกน้องของมันที่พร้อมใจกันประสานเสียงอย่างเอาใจลูกพี่เต็มที่
“หอนทำไมเห็นผีหรือไง” เล่นเอาหุบปากกันแทบไม่ทันทั้งคณะ เสียงกรอดๆที่รอดผ่านไรฟันบ่งบอกว่าเส้นความอดทนที่พยายามมีไว้เพื่อเล่นสนุกกำลังจะหมดลง
"โอ๊ะ!! นี่ใครวะ"
ไอ้ตัวโตถามขึ้นเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคนตัวเล็กที่อยู่ด้านหลัง ทันทีที่มันสบตาคยองซูก็หลบตา อาการกล้าๆกลัวๆที่คนตัวเล็กแสดงออกเรียกแววตาเจ้าเล่ห์จากไอ้ยักษ์หน้าปลวกได้เป็นอย่างดี
"เดี๋ยวนี้ควงเด็กไงวะ ร้ายนี่หว่า ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!"
มันล้อเลียนอย่างสนุกสนานพร้อมมือหนาหยาบที่จงใจยกขึ้นตบแก้มจงอินเบาๆ เป็นการยั่วโทสะที่ได้ผลเกินคาด เพราะคนโดนก่อกวนยกเท้าขึ้นสัมผัสกับพุงกลมๆของมันแล้วถีบอย่างแรง จนไอ้ตัวโตถึงกับหงายหลังลงไปนอนจุกที่พื้น
และไม่ต้องให้บอก ลูกน้องกว่าครึ่งโหลของมันกรูกันเข้ามาล้อมรอบจงอินแทบจะทันที ไม้เบสบอลสีดำมะเมื่อมถูกเงื้อขึ้นเตรียมรุมยำแบบหมาหมู่ ในขณะที่จงอินยังยืนนิ่งอยู่กลางวงล้อมอย่างไม่สะทกสะท้าน
"หลบไป!"
ตะโกนบอกคนที่ยืนตกใจอยู่ด้านหลังพร้อมขายาวเงื้อขาฟาดปากลูกกระจ๊อกคนนึงที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา
คยองซูลอบมองเหตุการณ์อย่างตื่นเต้น คนกว่าครึ่งโหลค่อยๆร่วงไปทีละคนสองคนด้วยฝีมือเพื่อนข้างบ้านของเขา ไม่น่าเชื่อว่าจงอินที่แสนเงียบขรึมจะมีทักษะในการต่อสู้ขนาดนี้ คนตาโตจ้องมองทุกกิริยาตาไม่กระพริบ คยองซูรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะเรื่อยๆ เขานึกเป็นห่วงคนที่ยกแขนฟาดขาอยู่เบื้องหน้า ถึงแม้จงอินจะเก่งกาจเพียงใด แต่จะทานทนต่อกำลังของคนหมู่มากได้ซักแค่ไหนกัน
และทฤษฎีของคยองซูก็ไม่ผิดเพี้ยน
ไอ้ตัวโตหัวโจกค่อยๆยันกายลุกขึ้นอย่างยากลำบากหลังจากลงไปนอนสบายได้ซักพัก มันคว้าไม้เบสบอลที่ตกอยู่ข้างตัว แสยะยิ้มร้ายและย่องไปด้านหลังจงอินอย่างเงียบเชียบ
"จงอิน ระวัง!!
พลั่ก!!!!!!!
"โอ้ยย!!!"
จงอินหันขวับตามเสียงเรียกก่อนร่างตนเองจะกระเด็นไปอีกทางเพราะแรงปะทะ พร้อมกับร่างใครบางคนที่ร่วงลงกับพื้น ไวเท่าความคิดร่างสูงถลาไปรับร่างนั้นได้ทันท่วงทีก่อนจะร่วงฟาดพื้นหยาบ เลือดสีสดไหลออกจากศีรษะเจ้าของร่างจนเปรอะเต็มข้างแก้มขาว
"นาย!! เฮ้ย!! อะ..ไอ้ตาโต ตื่นสิวะ ตื่น!! ค..ยอง .. คยองซู คยองซู! บอกให้ตื่นไง!"
จงอินเขย่าร่างที่ไม่ได้สติอย่างลืมตัว สมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกได้แต่ทำกริยาอย่างเดิมซ้ำไปซ้ำมา จงอินลืมไปหมด ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไร จงอินสับสน ไม่รู้ต้องเริ่มต้นตรงไหน เขาทำได้แค่กู่ตะโกน เรียกให้ร่างเล็กในอ้อมกอดลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
"แอบมาเล่นสนุกคนเดียวไม่ชวนวะ"
เสียงหนึ่งปลุกจงอินให้ได้สติ พอหันกลับมาก็เจอเพื่อนสนิททั้งสองคนยืนอยู่ และไอ้ตัวการก็เผ่นไปเรียบร้อยแล้ว จงอินก้มมองคยองซูที่เลือดไหลไม่หยุด มือสั่นเทาประคองร่างไร้สติแนบอกก่อนลุกก้าวอย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทางจนเซฮุนต้องวิ่งมารั้งแขนเอาไว้
"จะไปไหน"
"โรงพยาบาล ไม่เห็นเหรอ หมอนี่เลือดออกเยอะแยะไปหมด"
เซฮุนถอนใจกับท่าทีที่ยังคุมสติไม่ได้ของเพื่อนสนิท
"รถชานยอลจอดอยู่นั่น ถ้าขืนวิ่งไปหมอนี่คงเลือดหมดตัวตายก่อน" บอกพลางช่วยพยุงร่างไร้สติไปที่รถ จงอินยังคงคอยพร่ำเรียกชื่อคนในอ้อมแขนไม่หยุด จนกระทั่งพวกเขาพาคยองซูมาถึงโรงพยาบาล
.
.
.
.
.
.
.
.
Accidental of love♡
ปวดหัว..
คยองซูค่อยๆเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นช้าๆ เพดานสีขาวสะอาดปรากฎแก่สายตา เมื่อมองไปรอบๆก็พบแต่สิ่งที่ไม่คุ้นเคย แขนของเขามีสายยางเส้นเล็กเสียบอยู่ แถมยังมีกลิ่นฉุนของน้ำยาบางอย่างที่ยังคงเจือจางอยู่ในลมหายใจ
"นี่โรงพยาบาลงั้นเหรอ" เอ่ยกับตัวเองอย่างแผ่วเบาก่อนปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง แต่ประสาทสัมผัสกลับรับรู้ถึงความรู้สึกแปลกปลอมที่มือของตนเอง ทำให้คยองซูต้องลืมตาขึ้นมามองด้วยความสงสัย
ใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยห่างออกไปแค่เพียงหนึ่งช่วงแขน ดวงตาที่ปิดสนิทกับลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังหลับสนิท มือของจงอินเกาะเกี่ยวมือของเขาไว้อย่างหลวมๆ แต่คงจะเนิ่นนานเพราะมันชื้นไปด้วยเหงื่อ คยองซูรับรู้ถึงความเห่อร้อนอย่างประหลาดฉาบทับใบหน้าของเขา เจ้าตัวค่อยดึงมือตัวเองออกจากมือของจงอินอย่างแผ่วเบา
เบาที่สุด
"อะ..โอ้ย"
จู่ๆอาการปลวดแปลบก็แล่นริ้วที่ศีรษะทำให้เผลอร้องอย่างลืมตัว และนั่นก็ทำให้คนที่หลับอยู่เมื่อครู่ตื่นขึ้นมาอย่างง่ายดาย
"นาย เป็นอะไร เจ็บตรงไหน?" ถามออกไปด้วยความห่วงใยเพราะคนบนเตียงเล่นหลับไปซะครึ่งค่อนวันจนเขาไม่เป็นอันทำอะไร
"ขอโทษนะ ที่ทำให้นายตื่น" คยองซูเอ่ยเสียงอ่อย
"ฉันถามว่า นายเจ็บตรงไหน เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่ใช่ให้มาขอโทษ"
"อะ..อือ ขอ โทษนะ"
จงอินได้แต่มองด้วยสายตาดุๆที่ทำจนติดเป็นนิสัย ทำให้คยองซุไม่กล้าพูดอะไรอีก
"ถ้าแม่รู้เรื่อง ฉันตายแน่"
จงอินเอ่ยขึ้นลอยๆ เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้กระทบความรู้สึกคนตัวเล็ก แต่บรรยากาศรอบตัวชวนอึดอัดเสียจนคนผิวเข้มต้องหาถ้อยคำมาพูดแก้เก้อ
"ฉัน ขอ ทะ.."
"เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ ห้ามนายอยู่ห่างจากฉันเป็นอันขาด ห้ามไปไกลจากฉันเข้าใจมั้ย"
“ดะ..เดี๋ยว สิ จงอิน”
“ไม่มีข้อแม้ เพราะหลังจากวันนี้ฉันต้องโดนแม่ทำโทษขั้นรุนแรง และนั่นเพราะนาย และ ฉันต้องรับผิดชอบชีวิตนายเพราะเรื่องที่เกิดมันเพราะฉัน”
....ฉันจะดูแลนายเอง ฉันสัญญา...
TBC…
เมเม : จงอินมันมัดมือชกนี่หว่า
#ฟิคอุบัติเหตุ แท็กนี้ไม่มีประโยชน์ เพราะฟิคมันจบไปแล้ว และคงไม่มีใครอ่านซ้ำ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เสมอเลยนะคะ
@Aprilnov0408
ความคิดเห็น