ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] -Accidental of love-

    ลำดับตอนที่ #6 : Accidental of love ♡ ‏Chapter 5 Day dream

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 57


    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry
                                    
                               
                                        









                                                                           
                                                        -ตอนที่5-












               หอนาฬิกาสูงชะลูดใจกลางลานกว้างตีบอกเวลาเลิกเรียน  แพคฮยอนละสายตาออกจากตัวหนังสือที่เรียงรายเป็นพรืดในหน้ากระดาษ ก่อนมือเรียวจะปิดหนังสือเล่มหนาลงและเก็บมันเข้าที่  ทุกอย่างรอบตัวยังคงดำเนินไปเหมือนวันแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่ไม่มีผิด สิ่งที่ต่างออกไปก็คงเป็นเก้าอี้ด้านขวาที่ว่างเปล่า ไร้ร่างของบุคคลที่เป็นเจ้าของ คนที่มักจะมานั่งหลับมากกว่านั่งเรียนอยู่เสมอ

     

     

     

    เกือบอาทิตย์แล้วที่ชานยอลไม่ได้เข้าเรียน

     

     

     

    ส่วนสองคู่ซี้อย่างเซฮุนและจงอินก็ผลัดกันมาบ้างไม่มาบ้าง เฉกเช่นวันนี้ที่เด็กหนุ่มตัวขาวซีดเอาแต่ฟุบหลับตลอดคาบบ่าย  เรียกว่ามาก็เหมือนไม่มา  ไม่รู้จะมาทำไม  มีเพียงคนตาโตที่นั่งข้างๆเขาเท่านั้นที่ขยันมาเรียนและเรียนจริงๆทุกวันไม่ได้ขาด

     

     

     

    "แพคฮยอนรีบกลับบ้านล่ะ"   คยองซูพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง เจ้าตัวกำลังสาละวนอยู่กับการเก็บสัมภาระมากมายลงกระเป๋า ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มสดใสก็ยังประดับใบหน้า ที่ไม่ว่าดูยังไงก็น่ารัก  คยองซูเป็นคนน่ารัก..

     

     

    จริงๆแล้วคนคนนี้  ไม่น่ามาอยู่รวมแก๊งกับพวกชานยอลได้เลย ทั้งหน้าตาที่ดูใจดีกับนิสัยที่เป็นมิตร  ไหนจะเป็นเด็กเรียนเกรดเยี่ยมอันดับต้นๆของชั้นอีก แต่จะว่าไป หลายต่อหลายครั้งที่แพคฮยอนมักจะบังเอิญเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท คนตัวเล็กไม่เคยเห็นเพื่อนตาโตคนนี้ออกอาวุธหรือศิลปะป้องกันตัวเลยแม้เพียงครั้ง  ถ้าความจำของเขาไม่เลือนลาง คนคนนี้มักจะยืนอยู่ด้านหลังของคนผิวเข้มที่พ่วงความปากเสียมาด้วยราวกับเพื่อนตาย  และก็เป็นจงอินนั่นแหละที่คอยปกป้องเพื่อนตาโตคนนี้อยู่เสมอ

     

     

     

    จะว่าไปมันก็แปลกนะ สองคนนี้มีความสัมพันธ์ประเภทไหนกันแน่?!

     

     

    อาจจะเป็นเพื่อนสนิทแบบม๊ากมาก รู้จักกันมาแต่อ้อนแต่ออก ตายแทนกันได้แบบนั้นรึเปล่า

     

     

    หรือคิมจงอินปากสุนัขไม่รับประทานนั่นจะแอบชอบคยองซูคนน่ารักกัน???   ต้องใช่แหง!!

     

     

     

    "ไปหาอะไรกินหน้ามหาลัยSกันเถอะ อยู่แถวนี้กินอะไรไม่ค่อยลง เหม็นหน้าคน"

     

     

     

    คิดยังไม่ทันขาดคำก็ต้องร้องในใจว่า ตายโคตยาก  ไม่ต้องบอกแพคฮยอนก็รู้ว่าเสียงยียวนกวนน้ำโหนั่นเป็นของใคร  ใบหน้าหล่อคมเข้มเดินลอยหน้าลอยตาเข้ามาและคว้ากระเป๋าของคยองซูไปครอบครองอย่างถือวิสาสะ สายตาคมมองเลยมายังแพคฮยอนด้วยความไม่ชอบใจ

     

     

    หมอนี่ไม่ได้เข้าเรียนทั้งวัน แต่โผล่มาตอนเลิกเรียนนี่นะ ทำอย่างกับมารับแฟนกลับบ้าน..

     

     

    เอาเถอะ พยอนแพคฮยอน นายควรชินซะ แค่หายใจก็ผิดแล้ว 

     

     

    "เกะกะ"

     

     

    คำพูดไม่น่าฟังถูกเอ่ยขึ้น  แม้น้ำเสียงจะไม่ได้กระโชกโฮกฮากขู่ตะโกนจนแก้วหูแทบแตก แต่แพคฮยอนก็พอจะรู้ว่าจงอินจงใจพูดให้เขาได้ยิน  น้ำเสียงกดต่ำราวกับจะกดหัวเขาให้จมดินแบบนั้น  ก็ว่าจะปลงอยู่  ถ้าไม่ติดว่าสูงน้อยกว่าหลายเซ็น  และเสียเปรียบในช่วงแขนที่สั้น  ช่วงขาที่ไม่ได้ยาว และสอบห่วยในวิชาพละ  คนตัวเล็กคงลุกไปซัดซักป้าบให้หายหงุดหงิดใจ

     

     

     

    "ไปกันเถอะ"  คยองซูลุกขึ้นพร้อมดันหลังจงอินให้ออกเดิน โดยมีเซฮุนซึ่งสภาพเหมือนวิญญาณยังไม่เข้าร่างตามออกไปติดๆ 

     

     

     

    ตั้งแต่มีเรื่องที่ทำให้ชานยอลเจ็บตัวในคราวนั้น แทบไม่มีวันไหนที่เจอหน้ากันแล้วจงอินจะไม่พูดจาแขวะหรือแดกดันเลยซักครั้ง

     

     

     

    จากกลัว ก็เริ่มชิน..

     

     

     

    นึกไปนึกมาก็เหมือนพวกนางร้ายในนิยายน้ำครำที่ชอบหาเรื่องมาแกล้งนางเอก  คยองซูเองก็คงเป็นเพื่อนนางเอกที่แสนดี คอยช่วยเหลือนางเอกอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆเป็นช่วงๆหากทำได้

     

     

     

    แล้วพระเอกล่ะ?

     

     

     

    ใบหน้าหล่อเหลา ฉาบด้วยความเย็นชา ดวงตาคู่สวยที่ไร้ความรู้สึก.. ริมฝีปากอิ่มกระตุกเบาๆเผยรอยยิ้มหวานให้กับคนเพียงคนเดียวที่มีโอกาสได้เห็น นางเอกของนิยายเรื่องนี้ที่กระเทาะหัวใจเจ้าชายผู้เย็นชาได้สำเร็จ

     

     

    งี่เง่า!”

     

     

     

    ทำไมพระเอกเรื่องนี้มันปากเสียจังวะ พูดกับนางเอกงี้ได้ไง!

     

     

     

    ซุ่มซ่าม!”

     

     

     

    ชัดเลย...


               


                "นายโง่หรือเปล่า"

     

     

     

     

    ปาร์คชานยอล!!!!

     

     

     

    =__=

     

     

    =_______=

     

     

    =_____________=

     

     

     

     

    แพคฮยอนสะดุ้งด้วยอาการขนตั้งชันแบบไร้สาเหตุ  คนตัวเล็กสะบัดหัวตัวเองแรงๆไล่ความฟุ้งซ่านที่กำลังก่อตัวขึ้น   

     

     

    เพ้อใหญ่แล้วแพคฮยอน สงสัยเพราะนิยายเรื่องใหม่ที่เขาเพิ่งอ่านไปแน่ๆ  แต่นางเอกนางเอิกอะไร เขาต้องเป็นพระเอกสิ!!

     

     

     

    ว่าแต่...

     

     

    ที่นี่มันที่ไหนอีกฟร่ะ!!

     

     

     

    แพคฮยอนยืนมองตึกรูปทรงแปลกๆแต่กลับสวยสะดุดตาด้วยอาการงุนงง ปฎิมากรรมขนาดกระทัดรัดที่ตั้งอยู่ด้านในสุดรั้วโรงเรียนพอดิบพอดี เขาไม่เคยเห็นว่ามีสิ่งปลูกสร้างแบบนี้อยู่ในโรงเรียน หรือเพราะไม่เคยสังเกตเห็นกันแน่

     

     

     

    "หอสมุด?"

     

     

     

    ป้ายไม้แผ่นใหญ่สลักด้วยตัวหนังสือสีดำติดอยู่เหนือประตูไม้ชนิดเดียวกัน  ลวดลายแกะสลักบนเนื้อไม้ชั้นดีงดงามและบ่งบอกถึงความใส่ใจของผู้ออกแบบได้เป็นอย่างดี

     

     

     

    "โรงเรียนนี้มีห้องสมุดตั้งสองที่เลยเหรอ?"  

     

     

    แพคฮยอนพึมพัมกับตัวเอง เขาจำได้ว่าวันนี้เพิ่งตามคยองซูไปยืมหนังสือที่ห้องสมุดใจกลางโรงเรียนมาหมาดๆ ที่นั่นเป็นแบบกระจกใสรอบทิศทาง ดูทันสมัยและใหญ่โตกว่านี้มาก

     

     

     

    "ที่นี่อาจไม่ได้ใช้แล้วมั้ง?"  

     

     

    มือเล็กค่อยๆผลักบานประตูเข้าไปช้าๆ เสียงบานพับดังออดแอดในความเงียบสงบ ฟังแล้วก็ชวนขนลุกเพราะดันนึกถึงนิยายสยองขวัญที่เคยอ่าน แบบพวกบ้านร้าง ผีดิบซอมบี้อะไรเทือกนั้น หากแต่ความอยากรู้อยากเห็นกลับมีน้ำหนักมากกว่า (นิดหน่อย)

     

     

    แต่พอเดินผ่านช่องประตูเข้ามาด้านใน ความสวยงามของห้องเก็บหนังสือกลับลบเลือนความรู้สึกแรกทิ้งไปจนหมดสิ้น 

     

     

     

    ชั้นหนังสือถูกเจาะเรียงรายติดกับผนังห้อง  ทุกชั้นอัดแน่นไปด้วยหนังสือหลายชนิดชวนตื่นตา เพดานเป็นแบบโดมทรงกลมที่ติดกระจกล้อมรอบรับแสงอาทิตย์  แม้ในยามบ่ายเกือบเย็นเช่นตอนนี้ห้องทั้งห้องก็ยังคงสว่างไสว กลิ่นหนังสือเก่าลอยมาแตะจมูกทำให้ชวนอึดอัด แต่ความสวยงามของห้องสมุดภายในพื้นที่แคบๆทำให้แพคฮยอนลืมเลือน เหมือนเหยียบยืนอยู่อีกโลกที่แตกต่าง

     

     

     

    โต๊ะไม้ลายสวยตั้งเด่นอยู่กลางห้อง ขนาบข้างไปด้วยชั้นหนังสือสูง แต่ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้น บนเก้าอี้ข้างๆ มีร่างของใครบางคนที่แพคฮยอนคุ้นเคย 

     

     

     

    ขาเล็กค่อยๆก้าวช้าๆ จนกระทั่งมายืนเผชิญหน้ากับคนที่ดูเหมือนว่ากำลังอยู่ในห้วงนิทรา  ตากลมโตคู่นั้นปิดสนิททาบทับด้วยแพขนตาอีกชั้น  จมูกโด่งได้รูปกับริมฝีปากอิ่มที่รับกับคางมนอย่างพอเหมาะพอเจาะ  ใบเนียนใส ผิวขาวราวกับไม่เคยต้องแสงแดด รูปลักษณ์งดงามเปรียบดุจเจ้าชายในเทพนิยาย ช่างขัดกับภาพลักษณ์แท้จริงที่ทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ไปวันๆ

     

     

     

    "นายนี่หล่อจังนะ" 

     

     

    แพคฮยอนพึมพัมราวกับต้องมนต์  ใบหน้าเล็กของเจ้าตัวเลื่อนเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว  เผลอจ้องมองใบหน้าคมหวานนิ่ง  เจ้าชายรูปงามกำลังร่ายมนต์ให้เขาหลงรัก หัวใจดวงน้อยที่โง่งมของชาวบ้านชั้นต่ำ ที่ไม่อาจสมหวังดังเรื่องราวในเทพนิยาย

     

     

     

    เจ้าชายของฉัน...” 

     

     

     

    เผลอยกนิ้วเรียวขึ้นหวังแตะเพียงเสี้ยวหน้าให้รู้ว่ายังเอื้อมถึง  แต่แล้วจู่ๆตาคู่สวยก็เปิดขึ้น ในขณะที่แพคฮยอนรู้สึกตัวใบหน้าของเขาทั้งสองอยู่ห่างกันกันเพียงช่วงหายใจ

     

     

     

    คนตัวเล็กเบิกตากว้าง  ผงะถอยหลังรวดเร็วด้วยความตกใจจนเสียการทรงตัว หลังบางกระแทกชั้นหนังสืออย่างแรงจนหนังสือเล่มหนาหล่นใส่ปลายจมูกของเขาพอดิบพอดี

     

     

     

    "โอ้ยยยย เจ็บบบบบๆๆ!!..."  

     

     

    แพคฮยอนนั่งกุมจมูกโอดโอยอยู่ที่พื้นห้อง นิ้วเรียวค่อยๆยกขึ้นปาดของเหลวบางอย่างที่ปลายจมูก เพราะรู้สึกถึงความเหนอะหนะและกลิ่นคาวชวนเวียนหัว  ทันทีที่เห็นว่าเป็นอะไรถึงกับหน้าซีด

     

     

     

    "หละ..ละ..เลือด  เฮือกก!!"

     

     

    มือเล็กปัดเช็ดสะเปะสะปะ  ยิ่งเห็นว่ามันเลอะมากเท่าไหร่แพคฮยอนก็ยิ่งเช็ดแรงขึ้นเท่านั้น  คนตัวเล็กไม่มีสติพอที่จะควบคุมตัวเองเพราะรู้สึกเหมือนกำลังขาดอากาศและเวียนหัวอย่างรุนแรง 

     

     

    กลัวมากกว่าผี ก็เลือดนี่ล่ะ

     

     

     

     

     

     

    "อยู่นิ่งๆ

     

     

     

    ชานยอลเอ่ยขึ้นพลางคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก คนตัวสูงเกือบหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสภาพใบหน้าที่ดูไม่ได้ของแพคฮยอน

     

     

    ก็ยังโชคดีที่ยังปั้นหน้าทันล่ะนะ...

     

     

     

    ฮึก!

     

     

     

    "กลัวก็หลับตาลงสิ จะได้ไม่เห็น"

     

     

     

    ชานยอลสั่งอีกครั้ง เมื่อเห็นท่าทางคนตัวเล็กดูจะกลัวของเหลวสีเข้มที่ไหลออกจากร่างกายตัวเองอย่างหนัก คนตัวสูงส่ายหน้าเบาๆหลังจากที่แพคฮยอนยอมทำตามอย่างว่าง่าย  ดวงตาคู่สวยค่อยๆหลับตาลงช้าๆและไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มบางเบาจากคนตัวสูง

     

     

     

    กลิ่นคาวยังคงชัดเจนในความรู้สึก ชั่วอึดใจก็เกิดสัมผัสแผ่วเบาที่ปลายจมูก ชานยอลกำลังค่อยๆเช็ดเลือดให้แพคฮยอนอย่างเบามือ สัมผัสที่นุ่มนวลอ่อนโยนซะจนคิดไม่ถึงว่านี่เป็นสัมผัสจากมือผู้ชาย แถมยังเป็นพวกชอบทะเลาะวิวาทไม่เว้นแต่ละวันอีกต่างหาก 

     

     

     

    ว่าแต่........

     

     

     

    หมอนี่ไปเอาผ้ามาจากไหน?

     

     

     

    คงไม่ได้ถอดเสื้อมาเช็ดให้เขาหรอกใช่มั้ย ?  ถ้าเป็นอย่างนั้นลืมตาดูหน่อยคงไม่เป็นไร =.,=

     

     

    เห้ยไม่ใช่สิ ผิดประเด็นแล้วแพคฮยอน!

     

     

                หรือว่าจะไปหยิบเป็นผ้าขี้ริ้วแถวนี้มา

     

     

     

    ต้องเป็นผ้าขี้ริ้วแน่ๆ  โอ้ยยย สิวจะขึ้นไหมเนี่ยยยย!!

     

     

     

    หรือว่า หรือว่า...!!

     

     



    จะถอดถุงเท้ามาเช็ดกันแน่!!

     

     



    "เป็นอะไร"

     

     

     

    ชานยอลเอ่ยขึ้นที่อยู่ๆตาคู่เรียวก็เบิกโพลงขึ้นมา   แพคฮยอนจ้องมือชานยอลที่ค้างอยู่กลางอากาศเขม็ง  ในนั้นมีผ้าเช็ดหน้าเนื้อละเอียดสีครีมที่ตอนนี้ถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือดของเขา  อาการวิงเวียนเล่นงานจนคนตัวเล็กหลับตาลงอีกครั้งแทบไม่ทัน

     

     

     

    "อยู่เฉยๆสิ"

     

     

    เสียงทุ้มติดจะดุทำให้แพคฮยอนยิ่งหลับตาปี๋ รู้สึกโล่งใจที่ชานยอลไม่ได้เอาผ้าขี้ริ้วมาซับจมูกให้เขาอย่างที่คิด

     

     

    สัมผัสบางเบาที่ปลายจมูกเกิดขึ้นอีกครั้ง ปลายนิ้วกดลงบนเนื้อผ้าค่อยๆซับอย่างระมัดระวัง นุ่มนวล อ่อนโยน และชวนให้เคลื้มฝัน..

     

     

     

    เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้  ...ไม่มีความรู้สึกถึงสัมผัสที่ปลายจมูกแล้ว  ...ทุกอย่างรอบตัวดูเงียบสงบไปหมด....แต่แพคฮยอนกลับไม่กล้าลืมตาขึ้นมา ..

     

     

     

    สัมผัสบางเบาเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่ปลายจมูกที่เดิม  ลมหายใจอุ่น เคลื่อนเข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ ก่อนความชื้นบางอย่างจะเข้ามาคลอเคลียบดเบียดที่ริมฝีปากด้านนอก.. ตามมาด้วยรสหวานละมุนค่อยๆแทรกซึมเข้ามาทีละนิด จากแผ่วเบาก็เริ่มหนักหน่วง.. ฉุดเอาทุกสิ่งทุกอย่างให้ล่องลอยจนแทบหมดลมหายใจ  ....

     

     

    แพคฮยอนตัวลอย  ลอยอยู่ท่ามกลางปุยเมฆสีขาว แต่ในความรู้สึกกลับกลายเป็นสีชมพู อยู่ท่ามกลางดินแดนที่คล้ายสวรรค์แต่ไม่ชัดเจนว่ามันคือแห่งหนใด  คนตัวเล็กมีความสุขกับปุยเมฆที่ค่อยๆโอบล้อมจนสัมผัสได้ถึงฟองอากาศอันเนียนนุ่ม ไอน้ำพราวระยับฉุดสติของแพคฮยอนให้ล่องลอยอีกครั้งและอีกครั้ง...

               

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

     

     

     

     

               

     

     

     


    Accidental of love 

                                         


     

               

     

     

     

     

    "ครับแม่ ผมสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ...อ่า เรื่องนั้น พอใช้อยู่ครับ แม่ดูแลตัวเองด้วยนะ ผมรักแม่นะครับ"

     



     ติ๊ด..

     

     

     

    แพคฮยอนกดปุ่มวางสายก่อนโยนโทรศัพท์ลงข้างๆและล้มตัวลงนอน  มือเรียวดึงหมอนเข้ามากอดไว้หลวมๆ  คนตัวเล็กถอนหายใจหนัก  ชีวิตต่างบ้านต่างเมืองไม่ได้สวยหรูเสมอไป และแน่นอนว่านักเรียนทุนอย่างเขาครอบครัวทางบ้านไม่ได้มีฐานะดีนัก และการที่ต้องย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงทำให้ค่าใช้จ่ายในแต่ละวันสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ถึงแม้แพคฮยอนจะพยายามประหยัดสุดๆแล้วก็ตาม  แต่ค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่วเกินกว่ากำลังของผู้เป็นมารดาทำให้คนตัวเล็กต้องคิดหนัก  เขาไม่อยากให้แม่ต้องลำบาก

     

     


    "คงต้องหางานพิเศษทำ"

     


                 วันหยุดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนบนถนนชื่อดังย่านหนึ่งในกรุงโซล แพคฮยอนในชุดลำลองสบายๆเดินปะปนสวนกับผู้คนอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาเพิ่งเข้าไปสมัครงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวย่านนี้ คุณป้าเจ้าของร้านเมื่อเห็นว่าเขาเป็นเด็กมัธยมปลายอยากหารายได้พิเศษก็ตกลงรับเข้าทำงานทันที

     

     

     

    "วันนี้ฉลองหน่อยดีกว่า ซื้ออะไรไปกินดีน้า"  คนตัวเล็กหัวเราะเบาๆ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรถเข็นขายพุงออปังไม่ห่างออกไปนัก เจ้าตัวก็รีบปรี่ไปหาของโปรดทันที

     

     

    "แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะสำหรับการฉลองของพยอนแพคฮยอน" 

     

     

    แพคฮยอนก้มมองขนมปังปลาที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นออกมาจากถุงกระดาษในมือ เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับความสำเร็จก้าวแรกในความตั้งใจ  คนตัวเล็กค่อยๆกัดเจ้าขนมชิ้นพอดีคำ ความร้อนบวกกับความหวานแบบพอดีของไส้ถั่วเหลืองกวนทำให้เขามีความสุข

     

     

    ฮ้า~~~สุดยอดเลย อร่อยจัง  เห็นไหมเนี่ยขนมของฉันออกจะอร่อย นายจะมีโอกาสได้ชิมรึเปล่า ชานยอล

     

     

                เผลอคิดถึงใครอีกคนอย่างลืมตัว  ก้อนเนื้อในอกสั่นไหว นิ้วเรียวยกแตะริมฝีปากซึมซับความรู้สึกที่ยังชัดเจน สัมผัสอ่อนนุ่มราวกับปุยเมฆ  แก้มใสร้อนวูบวาบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหตุการณ์ในวันวานฉายซ้ำราวกับกดเปิด...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตาเรียวของแพคฮยอนเบิกกว้าง มองคนตัวสูงที่เพิ่งผละริมฝีปากออกไปตาค้าง  ชานยอลเสมองไปอีกทางโดยไม่ยอมหันกลับมามองแพคฮยอนอีก   แว่บนึงคนตัวเล็กมองเห็นความเขินอายฉาบทับใบหน้าคม เขาต้องฝันไปแล้วๆแต่พอลองหยิกแขนตัวเองก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ

     

     

     

    "ที่นี่ไม่อนุญาติให้นักเรียนเข้ามา รีบกลับออกไปซะ"

     

     

     

    พูดจบคนตัวสูงก็หันหลังออกไปทันที ทิ้งให้แพคฮยอนยืนนิ่งอยู่เพียงลำพัง  



     

     

     

    Accidental of love

     

     








     

    มือเรียวกำถุงขนมปังแน่น ปากบางเม้มเข้าหากัน  ข้างแก้มกำลังร้อนผ่าวและหัวใจที่เต้นแรงเกินจังหวะควบคุม นี่เขาเป็นอะไร  คงไม่ได้ชอบหมอนั่นเข้าแล้วหรอกนะ  ไม่ ไม่ ไม่มีทาง !  




                ไม่มีทางไม่ชอบแน่ๆ อาการแบบนี้ แพคฮยอนอยากจะร้องไห้ T T

     

     

     

    "เฮ้ย!!นั่นมันไอ้เตี้ย สายของพวกแก๊งเทพบุตรนี่หว่า"

     

     

     

    ห้ะ!?

     

     

     

    แพคฮยอนหันขวับตามเสียงที่ดังอยู่เบื้องหลังด้วยสัญชาตญาณ  คำว่า ‘ไอ้เตี้ย’  ในน้ำสียงเกรี้ยวกราดนั่นอาจหมายถึงเขา หรืออาจเป็นคนอื่นที่มีความสูงใกล้เคียงกัน แต่แล้วสายตาก็ปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ของคนที่เขาจำได้แม่น  ไอ้ตัวโตที่ชานยอลเหยียบจมูกซะจนไปนอนนับดาวเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน

     




    ........ซวยแล้ว

     

     

     

    ไวเท่าความคิด แพคฮยอนออกวิ่งทันทีอย่างไม่ต้องให้พวกมันเรียกเป็นครั้งที่สอง เขาวิ่งตัดซอยเล็กซอยน้อยหลีกหนีผู้คนมั่วซั่วอย่างคนไม่ชำนาญทาง ขาเล็กยังคงทำหน้าที่ของมันไม่หยุดหย่อน โดยมีบุคคลที่ทำหน้าราวกับกับมัจจุราชตามเขามาติดๆอย่างไม่ลดละ  ถึงสามคน!

     

     

     

    ไอ้พวกบ้า มาตามฉันทำม๊ายยย!!! ฉันไม่ใช่ซงไม่ใช่สายอะไรทั้งน้านน!! ฮือออออออ..ไม่ไหวแล้วไหวแล้ว

     

     

    ขาของแพคฮยอนเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ  เพียงไม่กี่ก้าวมัจจุราชทั้งสามก็จะตามเขาทัน  แม้จะพยายามเร่งความเร็วขึ้นมากเท่าไหร่  แต่ขาทั้งสองข้างอ่อนล้าเต็มทีและกำลังจะหมดแรงลงในไม่ช้า

     

     

    อ๊ะ!

     

     

    หินก้อนเขื่องทำเอาแพคฮยอนสะดุดจนเซถลาไปด้านหน้า เขาชนเข้ากับใครซักคนเต็มแรงจนร่างกายเสียการทรงตัว  และก่อนที่คนตัวเล็กจะหน้าคะมำลงไปกับพื้นถนน แขนแข็งแรงนั้นคว้าแพคฮยอนเอาไว้ได้ มือหนารวบเอวของคนตัวเล็กแนบชิดจนแทบจมหายเข้าไปในอกกว้าง

     

     

     

    คนคนนี้กำลังกอดเขาอยู่!

     

     



    "ชะ..ชานยอล.."

     

     

     

     



    "เสียใจด้วย แต่ไม่ใช่!"

     

     

     

     

     








     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC…

     

     

     

    เมเม: จริงๆ เราควรแนะนำตัวอย่างเป็นทางการแม้ไม่มีใครอยากรู้  ไรท์เตอร์ฝึกหัดคนนี้ชื่อ เมเม อายุ.. ข้ามไปได้ไหม ยี่สิบกว่าๆ กว่าไหนก็นั่นแหละ  ตอนนี้กำลังรีไรท์ฟิคยาวเรื่องแรกในชีวิตคือเรื่องนี้  หลายคนได้อ่านไปแล้ว และคงมีหลายคนที่หลงเข้ามาใหม่ หวังว่านะ หวังว่า ผลงานของเราจะทำให้คุณยิ้มได้ และเราดีใจที่คุณชอบและติดตามมันนะคะ

                

     

    #ฟิคอุบัติเหตุ  @Aprilnov0408


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×