ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] -Accidental of love-

    ลำดับตอนที่ #21 : Accidental of love ♡ Chapter 19 Remember

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 57


    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry


                            
                                       





                                                         -ตอนที่19-



     

     

     

     

     

     

                โลกทั้งโลกว่างเปล่า  แต่ทุกจังหวะการก้าวเดินกลับหนักอึ้ง  ราวถูกถ่วงด้วยน้ำหนักอย่างมหาศาลที่ปลายเท้าจากแรงฉุดที่ไร้รูป  ร่างกายนี้กำลังจะล้มลงไม่เหลือแรงแม้เพียงนิดไว้ให้หยัดยืนต่อ

     

     

    "อี้ชิงก็แค่สงสารมัน อี้ชิงเป็นเด็กดี เห็นเหลือขอก็แค่สงสาร ไม่ต้องห่วงหรอก อี้ชิงจะรักเด็กนอกคอกมากกว่าแม่แท้ๆได้ยังไงกัน!"

     

     

    อี้เฟยกรอกเสียงสูงไปยังคู่สายที่อยู่ห่างกันคนละประเทศ  ลูกพี่ลูกน้องคนสนิทที่รับรู้เรื่องราวของเธอมาโดยตลอด  หวังพึ่งพาให้ลดความไม่สบายใจแต่กลับเจอคำถามที่ชวนหงุดหงิดใจยิ่งขึ้นไปอีก

     

     

    เป็นความจริงที่ชานยอลรับรู้ได้ เป็นความจริงที่สุด หากต้องเลือกแล้วระหว่างแม่แท้ๆผู้ให้กำเนิด กับน้องชาร่วมสายเลือดแค่เพียงครึ่ง พี่ชายจะไม่มีวันเลือกเขา   

     

    "ฉันจะไม่ยอมให้มันมาแย่งอะไรไปจากลูกอี้! น่าจะให้มันหายไปเหมือนกับแม่ของมันตั้งแต่ตอนนั้น!!

     

     

    บทสนทนาสุดท้ายแทบจะพังร่างทั้งร่างให้แตกสลาย  น้ำตาร่วงหล่นอย่างไม่รู้ตัว  หัวใจถูกบีบรุนแรงจนแทบหายใจไม่ออก  แม่ คนที่เทิดทูนเสมอราวกับแม่แท้ๆ  คนที่เคยรักเคยแทนตัวเองว่าแม่..

     

     

    คือคนที่พรากแม่แท้ๆ ไปจากเขา!

     

     

    เจ็บปวดเหลือเกิน โหดร้ายเหลือเกิน ทำลายความรักที่เด็กบริสุทธิ์คนนึงมอบให้อย่างสิ้นเยื่อขาดใยยัไม่พอ  จะเอาอะไรอีก จะต้องให้ตายไปต่อหน้าหรือไงถึงจะพอใจ

     

     

    ให้ตายไปต่อหน้างั้นเหรอ!?

     

     

    "ไอ้เด็กบ้า!! แกจะทำอะไร ปล่อยนะ ไอ้เด็กข้างถนน!"

     

     

    เรียวแขนภายใต้ผ้าเนื้อดีถูกบีบแน่นจนกระดูกแทบร้าว แต่ก็ยังฝืนแสดงความกราดเกรี้ยวใส่ลูกเลี้ยงแสนเกลียด

     

     

    "แกถือดียังไงมาทำอย่างนี้กับฉัน ไอ้เด็กเหลือขอ ฉันเป็นแม่แกนะ!"

     

     

    "คุณไม่ใช่แม่ผม!!"  เสียงตวาดลั่นสวนกลับมาแทบจะทันทีเช่นกัน  มือแข็งแรงราวคีมเหล็กเพิ่มแรงจนผู้เป็นแม่เลี้ยงร้องออกมา

     

     

    "คุณเอาแม่ผมไปไว้ที่ไหน เอาแม่ผมคืนมา!"  ตวาดลั่นด้วยแรงโทสะที่ห้ามไม่อยู่ เขย่าร่างนั้นรุนแรงราวต้องการให้แหลกคามือ

     

     

    ชานยอลโตพอที่จะรับรู้ว่าคนที่ตนเองเรียกว่าแม่มาตลอดหลายปี  ไม่เคยรักเขาแม้แต่น้อย  ไม่เคยมองว่าเขาคนนี้เป็นลูกซักนิด  ทุกการกระทำของเธอเป็นเพียงแค่หน้ากากที่เธอฉาบไว้เพียงเท่านั้น  แต่สิ่งที่ชานยอลเจ็บปวดยิ่งกว่าการไม่เคยได้รับความรัก กลับกลายเป็นผู้หญิงที่เขารักและเทิดทูนราวกับแม่แท้ๆมาตลอด คือคนทำลายชีวิตเขาจนพังไม่มีชิ้นดี

     

     

    อี้เฟยเองแม้จะเจ็บร้าวไปทั้งแขนแต่หงส์ก็คือหงส์  เธอฝืนยิ้มแม้เจ็บราวกับกระดูกแหลกคามือเด็กหนุ่มตรงหน้า  แต่ชานยอลที่เธอเคยโอบอุ้มมากับมือก็แค่เด็กเมื่อวานซืน จะเอาอะไรมาสู้กับคนอย่างเธอได้

     

     

    "แม่แกมันเลว แย่งสามีฉันยังไม่พอ ยังคบผู้ชายอีกคนไปด้วย แกเป็นลูกใครยังไม่รู้เลย แล้วมันก็ทิ้งแกไปเสวยสุขกับชู้มัน!!"   

     

     

    อี้เฟยแสยะยิ้มอย่างผู้มีชัย แรงบีบที่เรียวแขนลดลงบ่งบอกแรงกระตุกในหัวใจขอผู้กระทำ เธอไม่รู้หรอกว่า ไอ้เด็กนี่ไปเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหน ถึงได้กล้าบุกขึ้นมาหาเธอถึงตึกใหญ่และกล้าแสดงอาการก้าวร้าวถึงเพียงนี้  ทั้งที่ปกติแล้ว ชานยอลทั้งรักและเกรงกลัวเธอยิ่งกว่าสิ่งใด

     

     

    "มะ..ไม่..จริง!"  เสียงแข็งกระตุกขาดห้วง ไม่เชื่อ ไม่เชื่อที่ผู้หญิงร้ายกาจคนนี้พูดอีกแล้ว

     

     

    "แม่แก แย่งสามีฉัน ทั้งๆที่ฉันกำลังท้อง แม่แกยังเป็นคนอยู่รึเปล่าปาร์คชานยอล ถ้าแกจะเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้รับจากฉัน ก็โทษสิ่งที่แม่แกทำไว้กับฉันแล้วกัน!"

     

     

    มือที่จับแขนเรียวค่อยๆหมดเรี่ยวแรงจนกลายเป็นทิ้งลงข้างตัว ขาที่ยืนนิ่งในตอนแรกยามนี้นี้สั่นไหมดจนแทบล้ม  ดวงตากลมโตที่เอ่อล้นน้ำตาฉายแววเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด

     

     

    ไม่จริง.. ไม่จริงใช่มั้ยครับ..

     

     

    แม่ แม่ไม่ได้ทำอย่างนั้น!

     

     

    อี้เฟยกระตุกยิ้มร้ายกาจ  ความจริงเป็นอย่างไรเธอรู้เต็มอก เธอพลาดเองที่ยอมให้ชานยอลเข้ามาเป็หอกข้างแคร่อยู่ตั้งหลายปี  เพียงเพื่อต้องการความมั่นใจจากสามีบ้างานที่อยากรับผิดชอบลูกเมียนอกสมรส

     

                สามีที่ไม่เคยรักเธอเลย ..

     

     

                ทุกอย่างต้องเป็นของเธอและลูกชายเท่านั้น!  อี้เฟยทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา

     

     

    ในอดีตเธอเป็นสาวสังคมไม่ได้สนใจเรื่องรักๆใคร่ๆมากมายนักในความคิด เงินและทรัพย์สมบัติเหล่านั้นต่างหากที่ประทานความสุขสบายแก่เธอได้ จนกระทั่งวันที่เธอได้พบกับคนรักของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ เธอตกหลุมรักเขาคนนั้นตั้งแต่แรกเห็

     

     

    มองดูเพื่อนสนิทที่ด้อยกว่าเธอทุกอย่างไม่มีอะไรเทียบเทียมได้ราวหงส์กับกา และผู้ชายแสนดีข้างกายทำให้อี้เฟยนึกอิจฉา  ช่างไม่เหมาะสมกันซักนิด เธอต่างหากที่คู่ควรกว่าทั้งฐานะและหน้าตา  ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เฝ้ามองดูคนทั้งคู่ ไม่มีครั้งไหนเลยที่ไม่รู้สึกเจ็บใจ  เหนือไปกว่าสิ่งนั้นคือเธอรู้สึกเสียหน้า  ไม่ว่าจะทำอย่างไรผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยชายตามองอี้เฟยซักครั้ง

     

                มันสมควรแล้วเหรอ เธอเป็นใคร มีอะไรด้อยกว่าเพื่อนสนิทจนๆของเธอบ้าง

     

     

    คนคนนั้นควรเป็นฉันต่างหาก ซอนฮวา!

     

     

    แผนการต่างๆถูกไล่เรียงในหัวอย่างแยบยล และแน่นอนว่าคนอย่างเธอทำมันสำเร็จ หลอกล่อมอมเมาคนรักแสนดีของเพื่อนให้ติดกับตกหลุมพรางจนเเธอตั้งท้อง และจงใจให้เพื่อนรับรู้ได้ไม่ยากเย็น แน่นอนว่าคนอย่างซอนฮวาต้องยอมหลีกทางให้เธออย่างง่ายดาย  คนซื่อและโง่ย่อมไม่ทันเกมส์คนฉลาด ความดีกดสมองของคนโง่ให้โง่งมลงไปอีก

     

     

    ความริษยาทำให้อี้เฟยเลือกมองข้ามว่าสำหรับซอนฮวาแล้ว นี่คือการหลีกทางเพื่อให้เพื่อนได้มความสุข  และดูเหมือนเรื่องทุกอย่างจะเป็นไปอย่างง่ายดายเหลือเกิน เมื่อเพื่อนสนิทหายออกไปจากชีวิตได้เกือบปี จนกระทั่งเธอคลอดลูกชายและเด็กน้อยกำลังเติบโต พันธนาการหนึ่งเดียวที่เชื่อมต่อเธอกับสามีเอาไว้ด้วยกัน

     

     

    แต่เธอกลับพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเอง เมื่อได้รับรู้ว่าผู้ชายที่เอาแต่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังโดยไม่สนใจเธอนั้นยังลักลอบไปพบกับคนรักเก่าอยู่เสมอโดยที่เธอไม่เอะใจซักนิด  แต่มันไม่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่คนอย่างอี้เฟยจะหาพบ และเธอรู้ดีว่าคนอย่างชอนฮวาจะไม่ทรยศหักหลังแต่สามีของเธอต่างหากที่ไม่เคยเลิกรักผู้หญิงคนนี้เลย  อี้เฟยรู้ดีว่าซอนฮวาดีกับเธอมากแค่ไหน  แต่หากเลือกจะโง่งม ก็ช่วยไม่ได้

     

     

    บทบาทน่าสงสารถูกแสดงออกมาอย่างแนบเนียน แค่แสร้งร่ำไห้จวนขาดใจต่อหน้า เพื่อนสนิทของเธอก็พร้อมหายสาบสูญไปจากชีวิตตลอดกาล  แต่อี้เฟยกลับไม่รู้เลยว่าเธอได้พลาดเป็นครั้งที่สอง เพราะซอนฮวาเองก็กำลังตั้งท้องอ่อนๆในตอนนั้น  เวลาผ่านไปหลายต่อหลายปี แต่สามีของเธอไม่เคยละความพยายามที่จะตามหา ในที่สุดเขาก็พบเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงที่รักสุดหัวใจเพียงคนเดียว

     

     

    เธอและอี้ชิงต่างหาก คือความรับผิดชอบที่ถูกยัดเยียด !  เธอยอมไม่ได้หากทุกอย่างที่สร้างมาจะพังลงไปกับต!

     

     

    "หึ! ริจะต่อกรกับฉัน แค่คำโกหกง่ายๆแกก็เชื่อเหรอ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน"  เผลอเย้ยหยันเมื่อเห็นลูกเลี้ยงที่แสนรังเกียจทำท่าราวเจ็บปวดจนแทบตาย  ชานยอลเงยหน้ามองผู้ที่ตนเคยเรียกว่าแม่ด้วยแววตาเจ็บช้

     

     

    ผู้หญิงคนนี้ช่างร้ายกาจเหลือเกิน ความรักมากมายที่เคยเติมเต็มกำลังกัดกร่อนหัวใจของเขาช้าๆ จนมันเริ่มชา

     

     

    "ฉันเป็นคนเฉดหัวมันออกไปจากชีวิตพวกเราเอง  แม่แกก็โง่เหมือนแกนี่ล่ะ  แต่ฉันพลาดที่ปล่อยให้มันมีแก และทิ้งไว้ให้กลับมาทำร้ายฉัน!  แม่แกอยู่ไหนน่ะเหรอ มันก็แค่โง่อยากเสียสละ เพราะมันโง่เลยเป็นอย่างนี้ไงล่ะ  เหมือนกับแกที่โง่ ใครที่นี่จะรักแกกันล่ะ ฝันไปเถอะ!

     

     

    ร้ายกาจ ..ผิดหวัง.. เจ็บปวด  ก้อนเนื้อในอกปวดหนึบราวกับถูกบีบรัดรุนแรงจนแทบขาดใจตาย พวกเราคือคนโง่เหรอครับแม่ ?  คนโง่ที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับความรัก

     

     

    อี้ชิง นายเห็นฉันเป็นอย่างนั้นใช่มั้ย เห็นฉันเป็นแค่หมาโง่ตัวนึงใช่มั้ย  แค่คอยโยนเศษอาหารให้ แต่กลับแลกกับความซื่อสัตย์ในหัวใจมันได้อย่างง่ายดาย..

     

     

     

     

     

                                                                             

     

     

     

     

     

     

    อี้ชิงต้องเดินทางกลับบ้านอย่างกระทันหัน หลังจากอี้เฟยล้มป่วยลง ถึงแม้จริงแล้วนี่จะเป็นช่วงปิดเทอม แต่มารดาของเขากลับไม่ยอมให้เจ้าตัวกลับมาบ้าน  โดยอ้างเหตุผลกับลูกชายว่ากำลังจัดการเรื่องย้ายโรงเรียนให้ชานยอลได้ไปอยู่กับเขาที่โน่น

     

     

    แต่อาการป่วยของอี้เฟยทรุดหนักอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย และยิ่งซ้ำร้ายไปกว่านั้น หมอยังบอกว่าไม่มีทางรักษาให้หายได้  ทำได้เพียงแค่ประคองอาการไปเรื่อยๆมีเพียงแค่ทรงกับทรุดเท่านั้น

     

     

    อี้ชิงลอบสังเกตว่าน้องชายดูซูบไปมาก วันๆก็แทบจะไม่เห็นหน้า ทักทายกันก็แทบนับคำได้ ชานยอลเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ในตอนนี้คนที่อี้ชิงเป็นห่วงมากที่สุดย่อมสำคัญกว่า เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะถามไถ่น้องชายว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

     

     

    ความห่างเหินค่อยๆโอบล้อมเข้ามาอย่างเงียบเชียบโดยทั้งสองแทบไม่รู้ตัว อี้ชิงที่วุ่นวายกับการไปกลับโรงพยาบาล บางวันถึงกับต้องค้างที่โรงพยาบาลเพื่อคอยดูแลผู้เป็นแม่อย่างใกล้ชิด ส่วนผู้เป็นพ่อก็มีงานรัดตัวต้องไปต่างประเทศเป็นว่าเล่น ไม่มีเวลาแม้จะโทรศัพท์มาถามอาการผู้เป็นแม่ด้วยซ้ำ

     

     

     

                เวลาแห่งการเสแสร้งจบลงแล้ว

     

                นายมันก็เหมือนกับแม่ของนาย

     

                ร้ายกาจได้อย่างแนบเนียน ฉันมันก็แค่คนโง

     

     

    "อี้ชิง.."

     

     

    เสียงแหบพร่าจากร่างที่นอนซมอยู่บนเตียงผู้ป่วยฝืนเรียกลูกชายที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องอย่างยากลำบาก อี้ชิงวางหนังสือลงที่ว่างข้างกายก่อนลุกขึ้นมานั่งข้างๆผู้เป็นแม่ มือเรียวค่อยๆกุมมือผู้เป็นแม่อย่างทะนุถนอม รอยยิ้มจางปรากฏขึ้นพร้อมบีบกระชับเบาๆ

     

     

    "แม่รักลูกนะอี้ชิง จากนี้ไปลูกต้องเติบโตและคอยดูแลคุณพ่อแทนแม่ รู้มั้ย?"   ดวงตาที่เริ่มพร่าเลือนคลอไปด้วยน้ำตา  อี้เฟยรู้ตัวดีเธอกำลังเผชิญกับสิ่งที่เธอไม่สามารจะต่อสู้ได้ และกำลังพ่ายแพ้ทีละนิดอย่างทรมาน

     

     

    "อยู่เป็นตัวแทนของแม่ เป็นลูกคนโตของครอบครัว ให้พ่อแกภูมิใจ ทำได้มั้ยอี้ชิง ทำเพื่อแม่ได้มั้ย!

     

     

    ความเจ็บปวดในอดีตถาโถมเข้ามาดั่งพายุลูกใหญ่ เจ็บปวดที่ไม่เคยถูกรักทั้งๆที่ทุ่มทั้งตัวเพื่อให้ได้มา ทนไม่ได้กับสายตาแสนเย็นชาคู่นั้น

     

     

    ไม่เคยลืม คุณไม่เคยลืมผู้หญิงคนนั้น ได้สิ คุณปาร์ค ไม่รักฉันแต่ลูกของฉันต้องได้ทุกอย่างฉันไม่ยอม!

     

     

    "พ่อของลูก ไม่เคยรักแม่เลย ฮึก! แม่ต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดมาเป็นสิบๆปี แกรู้มั้ย ขนาดแม่กำลังจะตาย พ่อแกยังไม่สนใจเลย"  

     

     

    อีเฟยร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น ไม่ได้แสร้งทำให้ลูกสงสาร แต่เธอกำลังอ่อนแอเมื่อย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา

     

     

    "แม่ครับ .." อี้ชิงเอ่ยกับมารดาเสียงแผ่ว เรื่องราวในอดีตเขาเพียงรับรู้แค่ว่าพ่อและแม่ถูกจับแต่งงานโดยไม่ได้รัก  แล้ววันหนึ่งพ่อของเขาก็ไปพาเด็กชายอีกคนเข้ามาในบ้าน อี้ชิงรับรู้ว่าเพียงว่านี่คือน้องชายต่างมารดาเท่านั้น

     

     

    "รับปากกับแม่ อี้ชิง แกจะทำให้พ่อภูมิใจไม่ว่าจะต้องพยายามแค่ไหน ทุกอย่างต้องเป็นของเรา รับปากแม่สิ!"  น้ำเสียงแหบพร่าแต่ยังเกรี้ยวกราดตามแรงอารมณ์จนทำให้ร่างกายอ่อนแอนั้นหอบหนัก อี้ชิงตกใจกับอาการของมารดาจนทำอะไรแทบไม่ถูก กดสัญญาณเรียกหมอที่หัวเตียงแล้วได้เพียงแต่กุมมือผู้เป็นแม่ไว้ด้วยหัวใจสั่นระริก

     

     

    "รับปากแม่ อี้ชิง!"  คนเป็นแม่ย้ำทั้งที่ยังหอบจนพูดออกมาไม่เป็นภาษา แววตาปวดร้าวกลั่นหยดน้ำไหลเป็นทางจนอี้ชิงต้องร้องไห้ออกมา

     

     

    "ครับแม่ ผมจะทำทุกอย่างให้คุณพ่อภูมิใจ ผมจะพยายามเพื่อแม่ จะไม่ให้ใครมาแย่งอะไรไปทั้งนั้น!" อี้ชิงตอบรับทั้งน้ำตา หวังเพียงเพื่อให้แม่ของเขาสบายใจ

     

     

    ดีมาก ลูกรักของแม่  ดีมาก แกคือตัวแทนของแม่ อย่าให้พวกมันมีความสุข

     

     

    ทุกอย่างเป็นของแก!!

     

     

    เจ้าของร่างกายอ่อนแอยิ้มรับอย่างพอใจ อาการหอบสั่นบางเบาลงจนเกือบปกติ เธอยิ้มเย็นพลางลูบหัวลูกชายคนเดียวที่ซบหน้าร้องไห้กับฝ่ามือจนสั่นไปทั้งตัว โดยอี้ชิงไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าร่างหนึ่งที่ยืนค้างอยู่หน้าประตูกำลังสั่นไม่แพ้กัน..

     

     

    นายมันก็เหมือนแม่ของนาย หลอกลวงร้ายกาจ เห็นพวกเราเป็นคนโง่!!









                           

                                                                           

               

     

     

    ไม่เคยที่จะหลับสบายเลยสักครั้ง

     

     

    ยิ่งเห็นหน้าใบหน้านั้นก็พาลนึกถึงผู้หญิงร้ายกาจคนนั้น

     

     

    ความตายไม่ได้พรากความเจ็บปวดจากรอยแผลที่ถูกกดลึกให้หายไปด้วย..

     

     

    เจ็บจนหัวใจด้านชา จะไม่อ่อนแออีกแล้ว

     

     

     จะไม่ยอมแพ้

     

     

    ถึงจะดีไม่ได้

     

     

    แต่ก็จะไม่ยอมถอยไปง่ายๆเหมือนกัน!

     

     

     

     

     

     

    เวลาผ่านไป ... อะไรๆมักเปลี่ยนตามเวลา...นั่นมันจริงมั้ย?...

     

     

    ถ้าแกไม่ใช่ลูกฉัน ฉันไล่แกออกไปจากบ้านนานแล้ว หัดดูพี่แกเป็นตัวอย่างบ้าง ปารคชานยอล!” 

     

     

    เสียงเกรี้ยวกราดอย่างเคยที่ได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน  ไม่รู้ว่าคนบ้านนี้เห็นเขาเป็นอะไรกันแน่  ถึงได้ตะคอกเอาๆเช่นนี้

     

     

    ยักไหล่เบาๆอย่างไม่นึกแยแส  ใบหน้าคมเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกปรายตามองผู้เป็นพ่อราวกับไร้ตัวตนในตอนนี้  เสียงตะคอกลั่นด้วยแรงโทสะเกิดขึ้นทุกครั้งที่ผู้เป็นพ่อได้กลับมาที่บ้าน นักธุรกิจใหญ่ที่ดูจะงานรัดตัวจนแทบไม่มีเวลาแม้แต่จะพบหน้าลูกด้วยซ้ำ

     

     

    ทำอะไรก็ไม่เคยอยู่ในสายตามาตั้งนานแล้วนี่  จะทำไปทำไม ? แต่จะให้ไปจากที่นี่ก็ไม่ยอมเหมือนกั

     

     

    เมื่อไหร่แกจะเลิกทำตัวแบบนี้  เป็นพวกอันธพาล ท้าตีท้าต่อยไปทั่วกับไอ้เพื่อนเลวๆของแก  คิดว่าเท่นักหรือไง!!”  

     

     

    ความเงียบงันคือการตอบคำถามของผู้เป็นพ่อจากลูกชาย  ยอมรับว่าเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินกับการพยายามเลี้ยงลูกชายคนนี้ให้ดี  ถึงจะทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลา  แต่ก็พยายามในฐานะผู้เป็นพ่อ  ในขณะที่ชานยอลกลับไม่เคยคิดจะรับมั

     

     

    เด็กน้อยที่น่ารักคนนั้นเมื่อหลายปีก่อนหายไปไหน?  หลังจากอี้เฟยจากโลกนี้ไป  ผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้เห็นรอยยิ้มจากลูกชายคนเล็กอีกเลย

     

     

    หรือรอยยิ้มนั้น  หายไปนานแค่ไหนแล้ว

     

     

    แกป็นอะไร ทำไมไม่บอกพ่อ พ่อเป็นพ่อแกนะ  ทำไมไม่บอก มีอะไรทำไมไม่พูด”  เสียงผู้เป็นพ่ออ่อนลงอย่างเหนื่อยอ่อน  ชานยอลกระตุกยิ้มเพียงนิดมองผู้เป็นพ่อด้วยแววตาว่างเปล่าก่อนขยับเข้าไปใกล้  ส่งสุ้มเสียงนิ่งแผ่วเบาแต่กลับลากลึกเย็นวาบไปถึงขั้วหัวใจผู้เป็นพ่อได้เป็นอย่างดี

     

     

    ผมคงเสียใจที่เมียคุณตาย และคงซาบซึ้งที่คุณชอบเอาผมไปเปรียบเทียบกับลูกเมียหลวง

     

     

    ชานยอล!!  แก!” 

     

     

    ถึงรู้ว่าเป็นถ้อยคำประชดประชันที่เปล่งออกมาจากปากลูกชาย แต่ก็อดโมโหไม่ได้ที่ชานยอลดูก้าวร้าวและไม่ให้ความเคารพ  ที่สำคัญ  ชานยอลลืมการเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ ไปนานแล้ว  จำไม่ได้ว่าตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีเด็กคนนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

     

     

    เด็กชายตัวสูงเดินจากไป  ทิ้งไว้เพียงรอยแผลที่ผู้เป็นพ่อไม่สามารถรักษาได้

     

     

     

     

     Accidental of love

     

     

     

     

     

    อี้ชิงนั่งมองหนังสือสารคดีเล่มหนาในมือแล้วถอนหายใจ  ของขวัญที่เขาตั้งใจซื้อมาฝากน้องชายเพียงคนเดียวแต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้มอบให้

     

     

    ทุกครั้งที่อี้ชิงปิดเทอมและได้กลับมาบ้าน ไม่มีครั้งไหนเลยที่น้องชายจะอยู่ให้ได้พบหน้าหากไม่เก็บตัวเงียบในห้อง ก็จะออกไปค้างที่อื่นเสม

     

     

    ตั้งแต่แม่ของเขาจากไปน้องชายเพียงคนเดียวก็ทำตัวห่างเหินจนน่าใจหาย  อี้ชิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับน้องชายกันแน่  ชานยอลกลายเป็นคนเงียบไม่ยอมพูดยอมจาแถมยังทำตัวเกเรไม่เว้นแต่ละวัน 

     

                อะไรที่ทำให้น้องชายที่แสนน่ารักคนนั้นของเขาหายไป

     

                อี้ชิงอยากย้ายตัวเองกลับมาเรียนที่เกาหลีถ้าไม่ติดว่าผู้เป็นพ่อห้ามไว้ อี้ชิงไม่ใช่คนดื้อและคิดว่าอีกไม่นานก็จะเรียนจบและได้มาช่วยแบ่งเบาภาระของผู้เป็นพ่อได้เสียที เขาก็แค่อยากให้พ่อได้พักบ้าง ส่วนเรื่องน้องชายก็เพียงได้แค่ปล่อยให้ค้างคาในความรู้สึก ทำได้เพียงแค่นั้น

     

     

                                                 

     

     

               

     

     

     

    ไม่เคยมีใครมาเปิดหัวใจได้

     

     

    หวาดกลัวการไว้ใจ

     

                กลัวจะถูกหักหลังให้ได้เจ็บ

     

                เพียงแค่ใครคนนั้นแปลกออกไป

     

                ทำไมถึงได้ดูน่าปกป้องขนาดนั้น

     

                ทำไมถึงดูน่ารักขนาดนั้น

     

               

     

     

                 แค่เปลี่ยนไปกลายเป็นคนแสนเย็นชา ซ่อนตัวตนแท้จริงไว้อีกด้านหนึ่ง ไม่มีใครเคยหามันเจอ แม้แต่เพื่อนสนิทที่เคยยืนยันการกระทำ แทบตายแทนกันได้ ... ความรู้สึกคราวนี้ต่างออกไป

     

     

     

     

                แพคฮยอนโค้งให้กับรุ่นพี่หัวหน้าพนักงานอีกครั้งเป็นการขอโทษเพราะเลยเวลาเลิกงานมานานมากแล้วแต่รุ่นพี่หน้าขาวก็ยังคงนั่งรอเขาเอารถมาส่ง โดยไม่ตำหนิซักคำ ทันทีที่มาถึงอนยูก็รีบเข้ามาสำรวจคตนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง  พลางทำหน้าสงสัยกับชายหนุ่มหน้าตาดีที่ติดสอยห้อยตามคนตัวเล็กมาด้วยอย่างสงสัย

     

                “เพื่อนที่โรงเรียนน่ะครับ เอ่อ...บังเอิญเจอกันกลางทาง” แพคฮยอนโกหกอีกแล้ว เพราะความมีมารยาทจึงเอ่ยที่จะแนะนำคนตัวสูงให้รุ่นพี่รู้จัก อนยูพยักหน้ารับพลางลอบสังเกตใบหน้าคมที่นิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์นั่นอย่างอดไม่ได้

     

                “แฟน!” จู่ๆคนตัวสูงก็โพล่งออกมาพลางสาวเท้ายาวๆมายืนเคียงข้างแพคฮยอน มือหนารั้งเอวคนคนตัวเล็กด้านข้างจนร่างกายแนบชิดกันอย่างถือวิสาสะ 

     

                แพคฮยอนยิ้มแหยให้กับรุ่นพี่หน้าขาวที่เอาแต่มองหน้าสองคนสลับไปมา มือเล็กพยายามแกะมือที่เกี่ยวแน่นราวติดกาวนั้นออก แต่ก็ไม่เป็นผล และเหมือนจะทำให้เจ้าของใบหน้านิ่งเพิ่มแรงพันธการยิ่งขึ้นไปอีก

     

                “เอ่อ พี่ว่ากลับกันดีกว่านะ “ รุ่นพี่หน้าขาวเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เลยตัดบทให้คนทั้งคู่เสียเอง

     

      

     

     

                “ชานยอล..” รั้งชายเสื้อคนด้านข้างที่เอาแต่เงียบมาตลอดทาง ช้อนตามองคนตัวสูงที่ทำเพียงเหลือบมองเล็กน้อยก่อนทำท่าจะเดินต่อ

     

                “นี่ ...” คราวนี้คนตัวเล็กกลับเป็นฝ่ายหยุดเดินซะเอง ปล่อยให้ร่างสูงเดินนำไปหลายก้าว มองตามแผ่นหลังกว้างเบื้องหน้าก็ไม่มีท่าจะหยุดลงซักที 

     

     

     ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันอย่างลืมตัว  ทำไมแค่รู้สึกว่าชานยอลไม่สนใจน้ำตาก็พาลจะไหลซะอย่างนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็โดนเมนเฉยมานับครั้งไม่ถ้วน  แต่ความรู้สึกในตอนนี้กลับต่างออกไป ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไรก็อยากแสดงให้คนตัวสูงได้รับรู้บ้าง

     

     

    ชานยอลพ่นลมหายใจออกเบาๆ ก่อนหมุนตัวและแทบจะวิ่งกลับมาในจุดที่คนตัวเล็กหยุดยืนอยู่  ไม่ได้โกรธอะไรคนตัวเล็กนั่นหรอก แค่นึกสนุก แค่อยากลองแกล้งดูบ้าง แต่กลับพ่ายแพ้หัวใจตัวเองซะอย่างนั้น

     

     

               

     

                ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     

                ที่โดนก่อกวนหัวใจ

     

                ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     

                ที่เอาแต่คิดถึงใบหน้านี้

     

    เมื่อไหร่กันนะ....

     

     

                ชานยอลแตะสองมือกับข้างแก้มใสที่เจ้าของเอาแต่ก้มหน้างุด เพียงแค่สัมผัสเบาๆน้ำใสก็กลิ้งหล่นจากแก้วใส  ทำให้ร้องไห้อีกแล้วสินะ  .. ชานยอลจะไถ่โทษยังไงดี...

     

     

                สัมผัสอุ่นชื้นแผ่วเบาไล่แตะตั้งแต่เปลือกตาเลื่อนลงมาที่แก้มใส ก่อนหยุดนิ่งเนิ่นนานที่ริมฝีปากนุ่ม อ้อยอิ่งอย่างไม่นึกรีบร้อน  ค่อยๆสำรวจค่อยไล่ชิมทีละนิดทีละนิดอย่างกลัวความหวานจะเจือจาง คลอเคลียไม่ห่างสอดแทรกความรู้สึกท่วมท้นราวกับเป็นการบอกรักอีกครั้งด้วยสัมผัสแสนอ่อนหวาน

     

               

                เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้

     

                อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

     

                ตอนนี้สิ่งที่คนทั้งสองรับรู้ 

     

     

                แค่มีกันและกันอยู่ตรงนี้ ....ก็พอแล้ว 

     






                                         


               

     

     

     

     

    TBC..

     

     

    เมเม: ไม่งงกันใช่ไหมคะกับเหตุการณ์ที่ย้อนไปมา ค่อยๆอ่านที่ละบรรทัดจะเข้าใจ ^^ เป็นอย่างไรก็บอกกันบ้าง เมรออ่านคอมเม้นท์อยู่นะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ #ฟิคอุบัติเหตุ @Aprilnov0408

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×