คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Accidental of love ♡ Chapter 19 Remember
-ตอนที่19-
โลกทั้งโลกว่างเปล่า แต่ทุกจังหวะการก้าวเดินกลับหนักอึ้ง ราวถูกถ่วงด้วยน้ำหนักอย่างมหาศาลที่ปลายเท้าจากแรงฉุดที่ไร้รูป ร่างกายนี้กำลังจะล้มลงไม่เหลือแรงแม้เพียงนิดไว้ให้หยัดยืนต่อ
"อี้ชิงก็แค่สงสารมัน อี้ชิงเป็นเด็กดี เห็นเหลือขอก็แค่สงสาร ไม่ต้องห่วงหรอก อี้ชิงจะรักเด็กนอกคอกมากกว่าแม่แท้ๆได้ยังไงกัน!"
อี้เฟยกรอกเสียงสูงไปยังคู่สายที่อยู่ห่างกันคนละประเทศ ลูกพี่ลูกน้องคนสนิทที่รับรู้เรื่องราวของเธอมาโดยตลอด หวังพึ่งพาให้ลดความไม่สบายใจแต่กลับเจอคำถามที่ชวนหงุดหงิดใจยิ่งขึ้นไปอีก
เป็นความจริงที่ชานยอลรับรู้ได้ เป็นความจริงที่สุด หากต้องเลือกแล้วระหว่างแม่แท้ๆผู้ให้กำเนิด กับน้องชายร่วมสายเลือดแค่เพียงครึ่ง พี่ชายจะไม่มีวันเลือกเขา
"ฉันจะไม่ยอมให้มันมาแย่งอะไรไปจากลูกอี้! น่าจะให้มันหายไปเหมือนกับแม่ของมันตั้งแต่ตอนนั้น!!”
บทสนทนาสุดท้ายแทบจะพังร่างทั้งร่างให้แตกสลาย น้ำตาร่วงหล่นอย่างไม่รู้ตัว หัวใจถูกบีบรุนแรงจนแทบหายใจไม่ออก แม่ คนที่เทิดทูนเสมอราวกับแม่แท้ๆ คนที่เคยรักเคยแทนตัวเองว่าแม่..
คือคนที่พรากแม่แท้ๆ ไปจากเขา!
เจ็บปวดเหลือเกิน โหดร้ายเหลือเกิน ทำลายความรักที่เด็กบริสุทธิ์คนนึงมอบให้อย่างสิ้นเยื่อขาดใยยังไม่พอ จะเอาอะไรอีก จะต้องให้ตายไปต่อหน้าหรือไงถึงจะพอใจ
ให้ตายไปต่อหน้างั้นเหรอ!?
"ไอ้เด็กบ้า!! แกจะทำอะไร ปล่อยนะ ไอ้เด็กข้างถนน!"
เรียวแขนภายใต้ผ้าเนื้อดีถูกบีบแน่นจนกระดูกแทบร้าว แต่ก็ยังฝืนแสดงความกราดเกรี้ยวใส่ลูกเลี้ยงแสนเกลียด
"แกถือดียังไงมาทำอย่างนี้กับฉัน ไอ้เด็กเหลือขอ ฉันเป็นแม่แกนะ!"
"คุณไม่ใช่แม่ผม!!" เสียงตวาดลั่นสวนกลับมาแทบจะทันทีเช่นกัน มือแข็งแรงราวคีมเหล็กเพิ่มแรงจนผู้เป็นแม่เลี้ยงร้องออกมา
"คุณเอาแม่ผมไปไว้ที่ไหน เอาแม่ผมคืนมา!" ตวาดลั่นด้วยแรงโทสะที่ห้ามไม่อยู่ เขย่าร่างนั้นรุนแรงราวต้องการให้แหลกคามือ
ชานยอลโตพอที่จะรับรู้ว่าคนที่ตนเองเรียกว่าแม่มาตลอดหลายปี ไม่เคยรักเขาแม้แต่น้อย ไม่เคยมองว่าเขาคนนี้เป็นลูกซักนิด ทุกการกระทำของเธอเป็นเพียงแค่หน้ากากที่เธอฉาบไว้เพียงเท่านั้น แต่สิ่งที่ชานยอลเจ็บปวดยิ่งกว่าการไม่เคยได้รับความรัก กลับกลายเป็นผู้หญิงที่เขารักและเทิดทูนราวกับแม่แท้ๆมาตลอด คือคนทำลายชีวิตเขาจนพังไม่มีชิ้นดี
อี้เฟยเองแม้จะเจ็บร้าวไปทั้งแขนแต่หงส์ก็คือหงส์ เธอฝืนยิ้มแม้เจ็บราวกับกระดูกแหลกคามือเด็กหนุ่มตรงหน้า แต่ชานยอลที่เธอเคยโอบอุ้มมากับมือก็แค่เด็กเมื่อวานซืน จะเอาอะไรมาสู้กับคนอย่างเธอได้
"แม่แกมันเลว แย่งสามีฉันยังไม่พอ ยังคบผู้ชายอีกคนไปด้วย แกเป็นลูกใครยังไม่รู้เลย แล้วมันก็ทิ้งแกไปเสวยสุขกับชู้มัน!!"
อี้เฟยแสยะยิ้มอย่างผู้มีชัย แรงบีบที่เรียวแขนลดลงบ่งบอกแรงกระตุกในหัวใจของผู้กระทำ เธอไม่รู้หรอกว่า ไอ้เด็กนี่ไปเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหน ถึงได้กล้าบุกขึ้นมาหาเธอถึงตึกใหญ่และกล้าแสดงอาการก้าวร้าวถึงเพียงนี้ ทั้งที่ปกติแล้ว ชานยอลทั้งรักและเกรงกลัวเธอยิ่งกว่าสิ่งใด
"มะ..ไม่..จริง!" เสียงแข็งกระตุกขาดห้วง ไม่เชื่อ ไม่เชื่อที่ผู้หญิงร้ายกาจคนนี้พูดอีกแล้ว
"แม่แก แย่งสามีฉัน ทั้งๆที่ฉันกำลังท้อง แม่แกยังเป็นคนอยู่รึเปล่าปาร์คชานยอล ถ้าแกจะเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้รับจากฉัน ก็โทษสิ่งที่แม่แกทำไว้กับฉันแล้วกัน!"
มือที่จับแขนเรียวค่อยๆหมดเรี่ยวแรงจนกลายเป็นทิ้งลงข้างตัว ขาที่ยืนนิ่งในตอนแรกยามนี้นี้สั่นไปหมดจนแทบล้ม ดวงตากลมโตที่เอ่อล้นน้ำตาฉายแววเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด
ไม่จริง.. ไม่จริงใช่มั้ยครับ..
แม่ แม่ไม่ได้ทำอย่างนั้น!
อี้เฟยกระตุกยิ้มร้ายกาจ ความจริงเป็นอย่างไรเธอรู้เต็มอก เธอพลาดเองที่ยอมให้ชานยอลเข้ามาเป็นหอกข้างแคร่อยู่ตั้งหลายปี เพียงเพื่อต้องการความมั่นใจจากสามีบ้างานที่อยากรับผิดชอบลูกเมียนอกสมรส
สามีที่ไม่เคยรักเธอเลย ..
ทุกอย่างต้องเป็นของเธอและลูกชายเท่านั้น! อี้เฟยทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา
ในอดีตเธอเป็นสาวสังคมไม่ได้สนใจเรื่องรักๆใคร่ๆมากมายนักในความคิด เงินและทรัพย์สมบัติเหล่านั้นต่างหากที่ประทานความสุขสบายแก่เธอได้ จนกระทั่งวันที่เธอได้พบกับคนรักของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ เธอตกหลุมรักเขาคนนั้นตั้งแต่แรกเห็น
มองดูเพื่อนสนิทที่ด้อยกว่าเธอทุกอย่างไม่มีอะไรเทียบเทียมได้ราวหงส์กับกา และผู้ชายแสนดีข้างกายทำให้อี้เฟยนึกอิจฉา ช่างไม่เหมาะสมกันซักนิด เธอต่างหากที่คู่ควรกว่าทั้งฐานะและหน้าตา ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เฝ้ามองดูคนทั้งคู่ ไม่มีครั้งไหนเลยที่ไม่รู้สึกเจ็บใจ เหนือไปกว่าสิ่งนั้นคือเธอรู้สึกเสียหน้า ไม่ว่าจะทำอย่างไรผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยชายตามองอี้เฟยซักครั้ง
มันสมควรแล้วเหรอ เธอเป็นใคร มีอะไรด้อยกว่าเพื่อนสนิทจนๆของเธอบ้าง
คนคนนั้นควรเป็นฉันต่างหาก ซอนฮวา!
แผนการต่างๆถูกไล่เรียงในหัวอย่างแยบยล และแน่นอนว่าคนอย่างเธอทำมันสำเร็จ หลอกล่อมอมเมาคนรักแสนดีของเพื่อนให้ติดกับตกหลุมพรางจนเเธอตั้งท้อง และจงใจให้เพื่อนรับรู้ได้ไม่ยากเย็น แน่นอนว่าคนอย่างซอนฮวาต้องยอมหลีกทางให้เธออย่างง่ายดาย คนซื่อและโง่ย่อมไม่ทันเกมส์คนฉลาด ความดีกดสมองของคนโง่ให้โง่งมลงไปอีก
ความริษยาทำให้อี้เฟยเลือกมองข้ามว่าสำหรับซอนฮวาแล้ว นี่คือการหลีกทางเพื่อให้เพื่อนได้มีความสุข และดูเหมือนเรื่องทุกอย่างจะเป็นไปอย่างง่ายดายเหลือเกิน เมื่อเพื่อนสนิทหายออกไปจากชีวิตได้เกือบปี จนกระทั่งเธอคลอดลูกชายและเด็กน้อยกำลังเติบโต พันธนาการหนึ่งเดียวที่เชื่อมต่อเธอกับสามีเอาไว้ด้วยกัน
แต่เธอกลับพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเอง เมื่อได้รับรู้ว่าผู้ชายที่เอาแต่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังโดยไม่สนใจเธอนั้นยังลักลอบไปพบกับคนรักเก่าอยู่เสมอโดยที่เธอไม่เอะใจซักนิด แต่มันไม่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่คนอย่างอี้เฟยจะหาพบ และเธอรู้ดีว่าคนอย่างชอนฮวาจะไม่ทรยศหักหลังแต่สามีของเธอต่างหากที่ไม่เคยเลิกรักผู้หญิงคนนี้เลย อี้เฟยรู้ดีว่าซอนฮวาดีกับเธอมากแค่ไหน แต่หากเลือกจะโง่งม ก็ช่วยไม่ได้
บทบาทน่าสงสารถูกแสดงออกมาอย่างแนบเนียน แค่แสร้งร่ำไห้จวนขาดใจต่อหน้า เพื่อนสนิทของเธอก็พร้อมหายสาบสูญไปจากชีวิตตลอดกาล แต่อี้เฟยกลับไม่รู้เลยว่าเธอได้พลาดเป็นครั้งที่สอง เพราะซอนฮวาเองก็กำลังตั้งท้องอ่อนๆในตอนนั้น เวลาผ่านไปหลายต่อหลายปี แต่สามีของเธอไม่เคยละความพยายามที่จะตามหา ในที่สุดเขาก็พบเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงที่รักสุดหัวใจเพียงคนเดียว
เธอและอี้ชิงต่างหาก คือความรับผิดชอบที่ถูกยัดเยียด ! เธอยอมไม่ได้หากทุกอย่างที่สร้างมาจะพังลงไปกับตา!
"หึ! ริจะต่อกรกับฉัน แค่คำโกหกง่ายๆแกก็เชื่อเหรอ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน" เผลอเย้ยหยันเมื่อเห็นลูกเลี้ยงที่แสนรังเกียจทำท่าราวเจ็บปวดจนแทบตาย ชานยอลเงยหน้ามองผู้ที่ตนเคยเรียกว่าแม่ด้วยแววตาเจ็บช้ำ
ผู้หญิงคนนี้ช่างร้ายกาจเหลือเกิน ความรักมากมายที่เคยเติมเต็มกำลังกัดกร่อนหัวใจของเขาช้าๆ จนมันเริ่มชา
"ฉันเป็นคนเฉดหัวมันออกไปจากชีวิตพวกเราเอง แม่แกก็โง่เหมือนแกนี่ล่ะ แต่ฉันพลาดที่ปล่อยให้มันมีแก และทิ้งไว้ให้กลับมาทำร้ายฉัน! แม่แกอยู่ไหนน่ะเหรอ มันก็แค่โง่อยากเสียสละ เพราะมันโง่เลยเป็นอย่างนี้ไงล่ะ เหมือนกับแกที่โง่ ใครที่นี่จะรักแกกันล่ะ ฝันไปเถอะ!”
ร้ายกาจ ..ผิดหวัง.. เจ็บปวด ก้อนเนื้อในอกปวดหนึบราวกับถูกบีบรัดรุนแรงจนแทบขาดใจตาย พวกเราคือคนโง่เหรอครับแม่ ? คนโง่ที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับความรัก
อี้ชิง นายเห็นฉันเป็นอย่างนั้นใช่มั้ย เห็นฉันเป็นแค่หมาโง่ตัวนึงใช่มั้ย แค่คอยโยนเศษอาหารให้ แต่กลับแลกกับความซื่อสัตย์ในหัวใจมันได้อย่างง่ายดาย..
อี้ชิงต้องเดินทางกลับบ้านอย่างกระทันหัน หลังจากอี้เฟยล้มป่วยลง ถึงแม้จริงแล้วนี่จะเป็นช่วงปิดเทอม แต่มารดาของเขากลับไม่ยอมให้เจ้าตัวกลับมาบ้าน โดยอ้างเหตุผลกับลูกชายว่ากำลังจัดการเรื่องย้ายโรงเรียนให้ชานยอลได้ไปอยู่กับเขาที่โน่น
แต่อาการป่วยของอี้เฟยทรุดหนักอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย และยิ่งซ้ำร้ายไปกว่านั้น หมอยังบอกว่าไม่มีทางรักษาให้หายได้ ทำได้เพียงแค่ประคองอาการไปเรื่อยๆมีเพียงแค่ทรงกับทรุดเท่านั้น
อี้ชิงลอบสังเกตว่าน้องชายดูซูบไปมาก วันๆก็แทบจะไม่เห็นหน้า ทักทายกันก็แทบนับคำได้ ชานยอลเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ในตอนนี้คนที่อี้ชิงเป็นห่วงมากที่สุดย่อมสำคัญกว่า เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะถามไถ่น้องชายว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ความห่างเหินค่อยๆโอบล้อมเข้ามาอย่างเงียบเชียบโดยทั้งสองแทบไม่รู้ตัว อี้ชิงที่วุ่นวายกับการไปกลับโรงพยาบาล บางวันถึงกับต้องค้างที่โรงพยาบาลเพื่อคอยดูแลผู้เป็นแม่อย่างใกล้ชิด ส่วนผู้เป็นพ่อก็มีงานรัดตัวต้องไปต่างประเทศเป็นว่าเล่น ไม่มีเวลาแม้จะโทรศัพท์มาถามอาการผู้เป็นแม่ด้วยซ้ำ
เวลาแห่งการเสแสร้งจบลงแล้ว
นายมันก็เหมือนกับแม่ของนาย
ร้ายกาจได้อย่างแนบเนียน ฉันมันก็แค่คนโง่
"อี้ชิง.."
เสียงแหบพร่าจากร่างที่นอนซมอยู่บนเตียงผู้ป่วยฝืนเรียกลูกชายที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องอย่างยากลำบาก อี้ชิงวางหนังสือลงที่ว่างข้างกายก่อนลุกขึ้นมานั่งข้างๆผู้เป็นแม่ มือเรียวค่อยๆกุมมือผู้เป็นแม่อย่างทะนุถนอม รอยยิ้มจางปรากฏขึ้นพร้อมบีบกระชับเบาๆ
"แม่รักลูกนะอี้ชิง จากนี้ไปลูกต้องเติบโตและคอยดูแลคุณพ่อแทนแม่ รู้มั้ย?" ดวงตาที่เริ่มพร่าเลือนคลอไปด้วยน้ำตา อี้เฟยรู้ตัวดีเธอกำลังเผชิญกับสิ่งที่เธอไม่สามารถจะต่อสู้ได้ และกำลังพ่ายแพ้ทีละนิดอย่างทรมาน
"อยู่เป็นตัวแทนของแม่ เป็นลูกคนโตของครอบครัว ให้พ่อแกภูมิใจ ทำได้มั้ยอี้ชิง ทำเพื่อแม่ได้มั้ย!”
ความเจ็บปวดในอดีตถาโถมเข้ามาดั่งพายุลูกใหญ่ เจ็บปวดที่ไม่เคยถูกรักทั้งๆที่ทุ่มทั้งตัวเพื่อให้ได้มา ทนไม่ได้กับสายตาแสนเย็นชาคู่นั้น
ไม่เคยลืม คุณไม่เคยลืมผู้หญิงคนนั้น ได้สิ คุณปาร์ค ไม่รักฉันแต่ลูกของฉันต้องได้ทุกอย่างฉันไม่ยอม!
"พ่อของลูก ไม่เคยรักแม่เลย ฮึก! แม่ต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดมาเป็นสิบๆปี แกรู้มั้ย ขนาดแม่กำลังจะตาย พ่อแกยังไม่สนใจเลย"
อีเฟยร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น ไม่ได้แสร้งทำให้ลูกสงสาร แต่เธอกำลังอ่อนแอเมื่อย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
"แม่ครับ .." อี้ชิงเอ่ยกับมารดาเสียงแผ่ว เรื่องราวในอดีตเขาเพียงรับรู้แค่ว่าพ่อและแม่ถูกจับแต่งงานโดยไม่ได้รัก แล้ววันหนึ่งพ่อของเขาก็ไปพาเด็กชายอีกคนเข้ามาในบ้าน อี้ชิงรับรู้ว่าเพียงว่านี่คือน้องชายต่างมารดาเท่านั้น
"รับปากกับแม่ อี้ชิง แกจะทำให้พ่อภูมิใจไม่ว่าจะต้องพยายามแค่ไหน ทุกอย่างต้องเป็นของเรา รับปากแม่สิ!" น้ำเสียงแหบพร่าแต่ยังเกรี้ยวกราดตามแรงอารมณ์จนทำให้ร่างกายอ่อนแอนั้นหอบหนัก อี้ชิงตกใจกับอาการของมารดาจนทำอะไรแทบไม่ถูก กดสัญญาณเรียกหมอที่หัวเตียงแล้วได้เพียงแต่กุมมือผู้เป็นแม่ไว้ด้วยหัวใจสั่นระริก
"รับปากแม่ อี้ชิง!" คนเป็นแม่ย้ำทั้งที่ยังหอบจนพูดออกมาไม่เป็นภาษา แววตาปวดร้าวกลั่นหยดน้ำไหลเป็นทางจนอี้ชิงต้องร้องไห้ออกมา
"ครับแม่ ผมจะทำทุกอย่างให้คุณพ่อภูมิใจ ผมจะพยายามเพื่อแม่ จะไม่ให้ใครมาแย่งอะไรไปทั้งนั้น!" อี้ชิงตอบรับทั้งน้ำตา หวังเพียงเพื่อให้แม่ของเขาสบายใจ
ดีมาก ลูกรักของแม่ ดีมาก แกคือตัวแทนของแม่ อย่าให้พวกมันมีความสุข
ทุกอย่างเป็นของแก!!
เจ้าของร่างกายอ่อนแอยิ้มรับอย่างพอใจ อาการหอบสั่นบางเบาลงจนเกือบปกติ เธอยิ้มเย็นพลางลูบหัวลูกชายคนเดียวที่ซบหน้าร้องไห้กับฝ่ามือจนสั่นไปทั้งตัว โดยอี้ชิงไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าร่างหนึ่งที่ยืนค้างอยู่หน้าประตูกำลังสั่นไม่แพ้กัน..
นายมันก็เหมือนแม่ของนาย หลอกลวงร้ายกาจ เห็นพวกเราเป็นคนโง่!!
ไม่เคยที่จะหลับสบายเลยสักครั้ง
ยิ่งเห็นหน้าใบหน้านั้นก็พาลนึกถึงผู้หญิงร้ายกาจคนนั้น
ความตายไม่ได้พรากความเจ็บปวดจากรอยแผลที่ถูกกดลึกให้หายไปด้วย..
เจ็บจนหัวใจด้านชา จะไม่อ่อนแออีกแล้ว…
จะไม่ยอมแพ้
ถึงจะดีไม่ได้
แต่ก็จะไม่ยอมถอยไปง่ายๆเหมือนกัน!
เวลาผ่านไป ... อะไรๆมักเปลี่ยนตามเวลา...นั่นมันจริงมั้ย?...
“ถ้าแกไม่ใช่ลูกฉัน ฉันไล่แกออกไปจากบ้านนานแล้ว หัดดูพี่แกเป็นตัวอย่างบ้าง ปาร์คชานยอล!”
เสียงเกรี้ยวกราดอย่างเคยที่ได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าคนบ้านนี้เห็นเขาเป็นอะไรกันแน่ ถึงได้ตะคอกเอาๆเช่นนี้
ยักไหล่เบาๆอย่างไม่นึกแยแส ใบหน้าคมเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกปรายตามองผู้เป็นพ่อราวกับไร้ตัวตนในตอนนี้ เสียงตะคอกลั่นด้วยแรงโทสะเกิดขึ้นทุกครั้งที่ผู้เป็นพ่อได้กลับมาที่บ้าน นักธุรกิจใหญ่ที่ดูจะงานรัดตัวจนแทบไม่มีเวลาแม้แต่จะพบหน้าลูกด้วยซ้ำ
ทำอะไรก็ไม่เคยอยู่ในสายตามาตั้งนานแล้วนี่ จะทำไปทำไม ? แต่จะให้ไปจากที่นี่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“เมื่อไหร่แกจะเลิกทำตัวแบบนี้ เป็นพวกอันธพาล ท้าตีท้าต่อยไปทั่วกับไอ้เพื่อนเลวๆของแก คิดว่าเท่นักหรือไง!!”
ความเงียบงันคือการตอบคำถามของผู้เป็นพ่อจากลูกชาย ยอมรับว่าเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินกับการพยายามเลี้ยงลูกชายคนนี้ให้ดี ถึงจะทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลา แต่ก็พยายามในฐานะผู้เป็นพ่อ ในขณะที่ชานยอลกลับไม่เคยคิดจะรับมัน
เด็กน้อยที่น่ารักคนนั้นเมื่อหลายปีก่อนหายไปไหน? หลังจากอี้เฟยจากโลกนี้ไป ผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้เห็นรอยยิ้มจากลูกชายคนเล็กอีกเลย
หรือรอยยิ้มนั้น หายไปนานแค่ไหนแล้ว
“แกป็นอะไร ทำไมไม่บอกพ่อ พ่อเป็นพ่อแกนะ ทำไมไม่บอก มีอะไรทำไมไม่พูด” เสียงผู้เป็นพ่ออ่อนลงอย่างเหนื่อยอ่อน ชานยอลกระตุกยิ้มเพียงนิดมองผู้เป็นพ่อด้วยแววตาว่างเปล่าก่อนขยับเข้าไปใกล้ ส่งสุ้มเสียงนิ่งแผ่วเบาแต่กลับลากลึกเย็นวาบไปถึงขั้วหัวใจผู้เป็นพ่อได้เป็นอย่างดี
“ผมคงเสียใจที่เมียคุณตาย และคงซาบซึ้งที่คุณชอบเอาผมไปเปรียบเทียบกับลูกเมียหลวง”
“ชานยอล!! แก!”
ถึงรู้ว่าเป็นถ้อยคำประชดประชันที่เปล่งออกมาจากปากลูกชาย แต่ก็อดโมโหไม่ได้ที่ชานยอลดูก้าวร้าวและไม่ให้ความเคารพ ที่สำคัญ ชานยอลลืมการเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ ไปนานแล้ว จำไม่ได้ว่าตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีเด็กคนนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เด็กชายตัวสูงเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงรอยแผลที่ผู้เป็นพ่อไม่สามารถรักษาได้
Accidental of love♡
อี้ชิงนั่งมองหนังสือสารคดีเล่มหนาในมือแล้วถอนหายใจ ของขวัญที่เขาตั้งใจซื้อมาฝากน้องชายเพียงคนเดียวแต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้มอบให้
ทุกครั้งที่อี้ชิงปิดเทอมและได้กลับมาบ้าน ไม่มีครั้งไหนเลยที่น้องชายจะอยู่ให้ได้พบหน้าหากไม่เก็บตัวเงียบในห้อง ก็จะออกไปค้างที่อื่นเสมอ
ตั้งแต่แม่ของเขาจากไปน้องชายเพียงคนเดียวก็ทำตัวห่างเหินจนน่าใจหาย อี้ชิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับน้องชายกันแน่ ชานยอลกลายเป็นคนเงียบไม่ยอมพูดยอมจาแถมยังทำตัวเกเรไม่เว้นแต่ละวัน
อะไรที่ทำให้น้องชายที่แสนน่ารักคนนั้นของเขาหายไป
อี้ชิงอยากย้ายตัวเองกลับมาเรียนที่เกาหลีถ้าไม่ติดว่าผู้เป็นพ่อห้ามไว้ อี้ชิงไม่ใช่คนดื้อและคิดว่าอีกไม่นานก็จะเรียนจบและได้มาช่วยแบ่งเบาภาระของผู้เป็นพ่อได้เสียที เขาก็แค่อยากให้พ่อได้พักบ้าง ส่วนเรื่องน้องชายก็เพียงได้แค่ปล่อยให้ค้างคาในความรู้สึก ทำได้เพียงแค่นั้น
ไม่เคยมีใครมาเปิดหัวใจได้
หวาดกลัวการไว้ใจ
กลัวจะถูกหักหลังให้ได้เจ็บ
เพียงแค่ใครคนนั้นแปลกออกไป
ทำไมถึงได้ดูน่าปกป้องขนาดนั้น
ทำไมถึงดูน่ารักขนาดนั้น
แค่เปลี่ยนไปกลายเป็นคนแสนเย็นชา ซ่อนตัวตนแท้จริงไว้อีกด้านหนึ่ง ไม่มีใครเคยหามันเจอ แม้แต่เพื่อนสนิทที่เคยยืนยันการกระทำ แทบตายแทนกันได้ ... ความรู้สึกคราวนี้ต่างออกไป
แพคฮยอนโค้งให้กับรุ่นพี่หัวหน้าพนักงานอีกครั้งเป็นการขอโทษเพราะเลยเวลาเลิกงานมานานมากแล้วแต่รุ่นพี่หน้าขาวก็ยังคงนั่งรอเขาเอารถมาส่ง โดยไม่ตำหนิซักคำ ทันทีที่มาถึงอนยูก็รีบเข้ามาสำรวจคตนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง พลางทำหน้าสงสัยกับชายหนุ่มหน้าตาดีที่ติดสอยห้อยตามคนตัวเล็กมาด้วยอย่างสงสัย
“เพื่อนที่โรงเรียนน่ะครับ เอ่อ...บังเอิญเจอกันกลางทาง” แพคฮยอนโกหกอีกแล้ว เพราะความมีมารยาทจึงเอ่ยที่จะแนะนำคนตัวสูงให้รุ่นพี่รู้จัก อนยูพยักหน้ารับพลางลอบสังเกตใบหน้าคมที่นิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์นั่นอย่างอดไม่ได้
“แฟน!” จู่ๆคนตัวสูงก็โพล่งออกมาพลางสาวเท้ายาวๆมายืนเคียงข้างแพคฮยอน มือหนารั้งเอวคนคนตัวเล็กด้านข้างจนร่างกายแนบชิดกันอย่างถือวิสาสะ
แพคฮยอนยิ้มแหยให้กับรุ่นพี่หน้าขาวที่เอาแต่มองหน้าสองคนสลับไปมา มือเล็กพยายามแกะมือที่เกี่ยวแน่นราวติดกาวนั้นออก แต่ก็ไม่เป็นผล และเหมือนจะทำให้เจ้าของใบหน้านิ่งเพิ่มแรงพันธการยิ่งขึ้นไปอีก
“เอ่อ พี่ว่ากลับกันดีกว่านะ “ รุ่นพี่หน้าขาวเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เลยตัดบทให้คนทั้งคู่เสียเอง
“ชานยอล..” รั้งชายเสื้อคนด้านข้างที่เอาแต่เงียบมาตลอดทาง ช้อนตามองคนตัวสูงที่ทำเพียงเหลือบมองเล็กน้อยก่อนทำท่าจะเดินต่อ
“นี่ ...” คราวนี้คนตัวเล็กกลับเป็นฝ่ายหยุดเดินซะเอง ปล่อยให้ร่างสูงเดินนำไปหลายก้าว มองตามแผ่นหลังกว้างเบื้องหน้าก็ไม่มีท่าจะหยุดลงซักที
ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันอย่างลืมตัว ทำไมแค่รู้สึกว่าชานยอลไม่สนใจน้ำตาก็พาลจะไหลซะอย่างนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็โดนเมนเฉยมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ความรู้สึกในตอนนี้กลับต่างออกไป ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไรก็อยากแสดงให้คนตัวสูงได้รับรู้บ้าง
ชานยอลพ่นลมหายใจออกเบาๆ ก่อนหมุนตัวและแทบจะวิ่งกลับมาในจุดที่คนตัวเล็กหยุดยืนอยู่ ไม่ได้โกรธอะไรคนตัวเล็กนั่นหรอก แค่นึกสนุก แค่อยากลองแกล้งดูบ้าง แต่กลับพ่ายแพ้หัวใจตัวเองซะอย่างนั้น
ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ที่โดนก่อกวนหัวใจ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ที่เอาแต่คิดถึงใบหน้านี้
เมื่อไหร่กันนะ....
ชานยอลแตะสองมือกับข้างแก้มใสที่เจ้าของเอาแต่ก้มหน้างุด เพียงแค่สัมผัสเบาๆน้ำใสก็กลิ้งหล่นจากแก้วใส ทำให้ร้องไห้อีกแล้วสินะ .. ชานยอลจะไถ่โทษยังไงดี...
สัมผัสอุ่นชื้นแผ่วเบาไล่แตะตั้งแต่เปลือกตาเลื่อนลงมาที่แก้มใส ก่อนหยุดนิ่งเนิ่นนานที่ริมฝีปากนุ่ม อ้อยอิ่งอย่างไม่นึกรีบร้อน ค่อยๆสำรวจค่อยไล่ชิมทีละนิดทีละนิดอย่างกลัวความหวานจะเจือจาง คลอเคลียไม่ห่างสอดแทรกความรู้สึกท่วมท้นราวกับเป็นการบอกรักอีกครั้งด้วยสัมผัสแสนอ่อนหวาน
เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้
อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
ตอนนี้สิ่งที่คนทั้งสองรับรู้
แค่มีกันและกันอยู่ตรงนี้ ....ก็พอแล้ว
TBC..
เมเม: ไม่งงกันใช่ไหมคะกับเหตุการณ์ที่ย้อนไปมา ค่อยๆอ่านที่ละบรรทัดจะเข้าใจ ^^ เป็นอย่างไรก็บอกกันบ้าง เมรออ่านคอมเม้นท์อยู่นะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ #ฟิคอุบัติเหตุ @Aprilnov0408
ความคิดเห็น