คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บุคคลที่3 #2 40%
Title : บุคคลที่3 #2
Pairing: Chanyeol ♥ Baekhyun
Talk: สถานะของบุคคลที่สาม ใช่ว่าจะมาช้าเสมอไป ฝากแท็กไว้ในเส้นเลือดฝอยหัวใจด้วยนะคะ #ฟิคบุคคลที่3
“เป็นแฟนกันนะ!”
ชานยอลละสายตาจากตำราเรียนเล่มหนาเงยหน้ามองเจ้าของเสียงใสที่ยืนค้ำหัวด้วยแววตาตกใจ เสียงเซ็งแซ่แข่งกันพูดของเหล่าบรรดาพื่อนนักเรียนร่วมห้องพร้อมใจกันเงียบกริบ ทุกสายตาจับจ้องมาที่คนสองคน ต่างลุ้นและรอคอยคำตอบจากร่างสูงที่ดูเหมือนจะใบ้กินไปเรียบร้อยแล้ว
“นาย ..ว่าไงนะ ?”
อึ้งอยู่หลายวินาทีกว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ คนตัวสูงกลืนก้อนเหนียวๆลงคอไปอย่างยากลำบาก สบตากับคนตัวเล็กที่จู่ๆเกิดบ้าดีเดือดอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้
ก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ดีดี เจ้าตัวเล็กนี่ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ เดินดุ่มๆมาหยุดยืนฟาดมือกับโต๊ะเรียนดังปัง แถมยังเอ่ยถ้อยคำที่พาให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ก็แค่ล้อเล่นใช่ไหม แพคฮยอน?
“ฉันให้เวลาห้าวิ จะตกลงคบกับฉันไหม ปาร์คชานยอล!”
“แพคฮยอน?”
“ห้า….”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“สี่…”
“อย่าล้อเล่นน่ะ”
“สาม..”
“………”
“สอง..”
“หนึ่.. . / ตกลง!!”
เสียงเฮดังลั่นห้องสี่เหลี่ยม ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดกร้าดสลับกับเสียงโห่ร้องแข่งกัน เพื่อนร่วมห้องหลายคนเดินมาตบไหล่แสดงความยินดีกับชานยอลพลางยกนิ้วหัวแม่มือให้เป็นเชิงว่าสุดยอด ในขณะที่บรรดาสาวๆอีกหลายคนถึงกับน้ำตาคลอเสียอกเสียใจที่บัดนี้สุดหล่อขวัญใจตัวเองตอบตกลงคบกับเพื่อนสนิทที่เป็นหนุ่มในดวงใจของใครหลายๆคนเหมือนกันแบบหน้าตาเฉย
“เป็นบ้าอะไรเนี่ย?”
ชานยอลยิ้มให้คนตัวเล็กที่ยืนหอบหน้าแดงเพราะใช้พลังไปเยอะ ดูก็รู้ว่าต้องรวบรวมความกล้าแค่ไหน ต่อหน้าสักขีพยานนับสิบๆคนขนาดนี้ อีกไม่กี่นาทีคงลือลั่นไปทั่วโรงเรียน
“ก็บ้า เพราะรัก”
ตอบหน้าตายเรียกเสียงกรีดร้องไปอีกระลอก ชานยอลส่ายหน้าให้กับความบ้าบิ่นที่ฉุดยังไงก็คงไม่อยู่แล้วของเพื่อนตัวเล็ก แต่ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือหัวใจเจ้ากรรมของเขามันดันเต้นตอบรับทุกถ้อยคำที่แพคฮยอนบอก จนแทบจะกระเด็นออกมานอกอกอยู่แล้ว
“วันนี้ไม่ต้องรงไม่ต้องเรียนมันละ”
พูดจบก็ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง มือกว้างฉุดเอาข้อมือเล็กให้เดินตาม โดยไม่ลืมที่จะกวาดเอาสัมภาระของตนเองและของคนตัวเล็กที่วางอยู่ใกล้ๆกันแล้วเดินตัวปลิวออกจากห้องเรียนไปในทันที
“จะไปไหน?”
ขาเล็กแทบสับตามไม่ทันเรียวขายาวที่เอาแต่มุ่งไปข้างหน้า ชานยอลกึ่งลากกึ่งจูงจนพาแพคฮยอนพ้นรั้วสูงของโรงเรียนออกมาได้ มือหนาโบกเรียกแท็กซี่ทันทีโดยไม่สนใจเสียงทักท้วงของเพื่อนสนิทตัวเล็ก
“ชานยอล..”
“เงียบๆเถอะน่า ก็พาแฟนไปฉลองที่คบกัน ไม่ได้หรือไง?”
คำตอบแบบรวดเดียวที่หยุดคำถามทั้งหมด แทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้างจนตาเรียวเหลือเพียงขีดโค้งอย่างน่ารัก มือเล็กสอดคล้องเข้ากับแขนแกร่งข้างที่ว่าง ก่อนหัวกลมๆนั่นจะซบลงกับไหล่หนาช้าๆ
“เราเป็นแฟนกันแล้ว จริงๆนะ..”
.
.
.
.
-บุคคลที่3-
ว่ากันว่าเมื่อโอกาสมาถึง หากไม่รีบคว้าเอาไว้จะกลายป็นคนโง่ แล้วจำเป็นด้วยหรือเปล่า กับการที่คนฉลาดจะกลายเป็นคนเลว…
“นั่งเศร้าอย่างนี้ พี่คริสของแกก็ไม่รับรู้หรอกนะ! ดีไม่ดีตอนกลับมาอาจพาเมียกับลูกมาอวดแกก็ได้”
แพคฮยอนยืนเท้าเอวค้ำหัวคนที่เอาแต่นั่งมองรูปถ่ายสมัยเด็กๆ ถึงสีในรูปจะจืดจางตามกาล หากสิ่งที่แท้จริงคือเรื่องราวที่ยังคงชัดเจนในความทรงจำ แม้จะเป็นภาพของเด็กชายทั้งสี่คนที่ยืนกอดคอมองกล้องกันอย่างพร้อมหน้า แต่แพคฮยอนก็รู้ดีว่าชานยอลกำลังมองและคิดถึงใคร
“แพคฮยอนอย่าประชดได้ไหม”
“ประชด? ฉันเนี่ยนะ ฉันพูดความจริงทำรับไม่ได้ เชิญคิดถึงให้ตายไปเลย!”
กระแทกเท้าปึงปังออกไปตามมาด้วยเสียงปิดประตูโครม ชานยอลถอนใจกับความเอาแต่ใจของเพื่อนสนิทตัวเล็กที่ในเวลานี้กลายมาเป็นคนรักของเขาอย่างเต็มตัว
คนตัวสูงถอนใจเบาๆกับตัวเอง เขาก็แค่คิดถึงวันเวลาเก่าๆที่เคยอยู่ด้วยกัน กับการที่คริสเดินทางไปเรียนต่อมันก็กระทันหันจนตัวเขาเองตั้งรับไม่ทันแล้ว และเมื่อครึ่งปีก่อนเทาก็ต้องกลับจีนไปอีกคน แต่มันช่างแตกต่างกันเพราะทั้งเขาและแพคฮยอนยังติดต่อกับน้องชายตัวสูงได้ทุกครั้ง เรียกว่าตลอดเวลาที่คิดถึงก็สามารถใช้โปรแกรมออนไลน์ทั้งบนคอมพิวเตอร์หรือแม้แต่เครื่องมือสื่อสารสนทนากันให้หายคิดถึง แต่คริสกลับเป็นพวกหัวโบราญที่แทบไม่แตะแม้แต่อินเตอร์เน็ต นอกจากเวลาจำเป็นที่ต้องใช้จริงๆ และการตัดสินใจไปเรียนต่อแบบรวดเร็วจนตั้งตัวแทบไม่ทัน ทำให้ชานยอลไม่มีแม้แต่ที่อยู่ของผู้เป็นพี่ชาย ไม่มีอะไรไว้ให้ติดต่อกันได้ซักอย่าง แต่ถือว่ายังโชคดี ที่พี่ชายแสนดีของเขานั้นเขียนจดหมายเป็น
สามเดือนแรกทั้งเขาและคริสเอาแต่เขียนข้อความลงบนกระดาษส่งหากัน บางทีก็มีความสุขไปอีกแบบเพราะชานยอลรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้เห็นความห่วงใยผ่านตัวหนังสือขยุกขยิกที่ตั้งใจเขียน ตัวเขาเองก็เช่นกัน บรรจงเขียนทุกตัวอักษรและส่งผ่านกำลังใจไปให้พี่ชายที่ต้องโดดเดี่ยวอยู่ตัวคนเดียวที่โน่น เฝ้าคิดถึงวันเวลาที่จะได้กลับมาอยู่ร่วมกันพร้อมหน้าทั้งสี่คนอีกครั้ง
แต่แล้วหลังจากนั้นคริสก็เงียบหายไป แม้เขาจะพยายามส่งจดหมายหาคนเป็นพี่นับสิบๆฉบับโดยไม่มีแม้แต่จดหมายตอบกลับ ส่งจนท้อและนึกถอดใจ หาเหตุผลต่างๆนาๆมาปลอบตัวเองว่าผู้เป็นพี่ชายคงต้องเรียนหนักจนแทบไม่มีเวลา
มีก็แค่ความห่วงใย เพราะมันไปไม่ถึง ไม่รับรู้ว่าตอนนี้คริสเป็นตายร้ายดีอย่างไร... ได้แต่เฝ้ารอ ว่าซักวันพี่ชายของเขาจะกลับมา
-บุคคลที่3-
ก๊อก..ก๊อก..
“แพคฮยอนเปิดประตูให้ฉันหน่อย”
เรียกอยู่นานสองนานก็ไร้เสียงตอบรับจากคนข้างใน อุตส่าห์ลงทุนโกหกคุณอาพยอนว่ามีรายงานกลุ่มที่ต้องทำร่วมกันกับคนตัวเล็กและอาจใช้เวลาค่อนคืน ผู้ใหญ่ทั้งสองก็ใจดีบอกให้ชานยอลนอนค้างมันซะที่นี่จะได้ไม่ต้องลำบาก เพราะคืนนี้ท่านทั้งสองมีงานเลี้ยงที่อาจจะต้องอยู่ยาวและกลับมาดึกเช่นกัน
ร่างสูงลดมือที่กำลังจะเคาะประตูบานหนาทิ้งลงข้างกายด้วยความอ่อนใจ แพคฮยอนขี้หงุดหงิดและเริ่มเอาแต่ใจขึ้นทุกวันข้อนี้เขารู้ดี แต่คนตัวเล็กจะให้เขาตัดความสัมพันธ์กับคนที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่หรือแม้แต่คนรัก คำที่ชานยอลนิยามไม่ออกได้ในเร็ววันนั้นมันยากเกินไป
“มานอนอะไรตรงนี้ บ้านช่องไม่มีกลับหรือไง!”
เสียงหวานที่ดูหงุดหงิดแต่มือเรียวกลับช่วยยื้อคนที่เผลอหลับคาประตูห้องให้ลุกขึ้น แพคฮยอนดึงคนตัวสูงเข้าไปในห้องนอนกว้างแล้วทิ้งให้ยืนคว้างอยู่อย่างนั้น ส่วนตัวเองก็เดินไปนั่งหน้าง้ำอยู่บนเตียงไม่พูดไม่จา
“แพคฮยอน..”
เดินมานั่งข้างๆเจ้าตัวเล็กก็กระเถิบหนี ดวงตาเรียวใสนั้นแดงช้ำดูก็รู้ว่านี่คงแอบมาร้องไห้อีกแล้ว
“ฉันขอโทษ” บอกพร้อมกับดึงคนที่ทำท่าจะหนีไปอีกแล้วเข้ามากอด
“ขอเวลาหน่อยได้ไหม”
ไร้เสียงตอบรับ ชานยอลรู้ดีว่าแพคฮยอนรู้สึกอย่างไร เขาเองก็อึดอัดไม่ต่าง แต่ความรู้สึกมากมายที่เคยมีกับคริสมันไม่ได้ลดลง แต่ไม่ใช่ในแบบที่ใครอื่นจะเข้าใจ แม้แต่ตัวเขาเอง เขาก็ยังสับสน
“ถ้าตัดใจไม่ได้ แล้วมาคบกับฉันทำไม กลัวฉันหน้าแตกสินะ”
เอ่ยเสียงอู้อี้จนคนตัวสูงอดหัวเราะไม่ได้ น้อยใจเก่งก็ที่หนึ่งแต่ทำไมมันน่ารักเหลือเกินก็ไม่รู้
“ฉันคิดถึงพี่ชายตัวเองก็ไม่ได้หรือไง ทีแพคฮยอนยังสวีทกับเทาทุกวันเลย”
“มันไม่เหมือนกัน!”
“ไม่เหมือนยังไงล่ะ?”
เถียงไม่ออกก็มุดลงกับอกกว้างอย่างเก่า เรียวแขนเล็กสอดกระชับรอบเอวของอีกคน ไม่ปล่อยมือหรอก อย่างไรก็ไม่มีทาง!
“ก็ชานยอลกับพี่คริสเป็นคนรัก”
ตั้งท่าได้ก็เถียงอีก พูดเองก็น้อยใจเข้าไปใหญ่ น้ำตาพาลจะไหลอีกแล้ว เจ็บทุกครั้งที่ต้องย้ำความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่
“แล้วตอนนี้ ฉันกับแพคฮยอนก็เป็นคนรัก”
“ขี้โกงอ่ะ! อย่ามาย้อนกันสิ” ตวาดเสียงใส ปากบางเชิดน้อยๆยิ่งดูน่ารัก
“ต้องให้ย้ำไหม”
“มะ..ไม่ อื้อ!”
ไม่ทันได้พูดต่อก็ถูกประกบปากปิดเสียง ลิ้นเล็กถูกไล่ต้อนจนมุมในที่สุดก็ได้แต่ตอบรับอย่างงกเงิ่น แม้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่แพคฮยอนก็ยังคงไม่ประสา
“ชานยอล เดี๋ยวแม่ได้ยิน อะ อื้อ!” ทักท้วงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพังเพียงสองคนในบ้านหลังใหญ่
“คุณอาไปงานเลี้ยงแล้วล่ะ แถมยังฝากให้ฉันดูแลแพคฮยอนด้วย”
จูบหวานถูกป้อนลงมาอีกครั้งซ้ำๆจนแทบขาดอากาศ ชานยอลผละออกไปเพียงครู่ก็ประทับลงไปใหม่ มือหนายกขึ้นประคองใบหน้าหวานไม่ยอมให้ผละหนี โน้มตัวออกแรงดันเพียงนิดหลังบางก็แตะกับฟูกนิ่ม
“คืนนี้ จะง้อคนขี้งอนทั้งคืนเลย”
-บุคคลที่3-
แพคฮยอนพลิกไปพลิกมาอยู่หลายตลบ เปลี่ยนท่าเป็นสิบๆท่าแล้วในค่ำคืนนี้แต่ก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เลย คนตัวเล็กผุดขึ้นนั่งท่ามกลางความมืดพร้อมกับถอนหายใจยาวเหยียด
มือเรียวเอื้อมไปหยิบเครื่องมือสื่อสารที่วางนิ่งอยู่หัวเตียง สไลด์หน้าจอด้วยเรียวนิ้วอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มเล็กจุดขึ้นบางเบาเมื่อเห็นการแจ้งเตือนของข้อความใหม่
‘สาวสวยเซ็กซี่ ไม่อั้นทุกวัน โหลดเลย xxxxx โหลดวันนี้ลุ้นฟรีทองหนักห้าบาท!!’
ตุบ!
โทรศัพท์เครื่องบางลอยละลิ่วไปอีกฟากของเตียงอย่างไม่รู้จุดหมาย มันกระแทกตามแรงยืดหยุ่นของฟูกเนื้อดีสองสามตลบก่อนที่จะแน่นิ่งลงไปในสภาพคว่ำหน้าพร้อมไฟหน้าจอที่ดับลงคล้ายจะสิ้นชีพ ตามมาด้วยหมอนใบเขื่องที่ใช้หนุนนอนทุกค่ำคืน ที่บัดนี้ถูกประทุษร้ายด้วยเจ้าของมันอย่างบ้าคลั่ง
“ไอ้บ้า!! ไอ้บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้บ้าชานยอล!!!”
กระหน่ำทุบตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งแหกปากตะโกนขู่แยกเขี้ยวด้วยความโมโหอัดอั้น ความน้อยใจรวมตัวกันรวดเร็วจนกลั่นออกมาเป็นน้ำอุ่นที่ร่วงลงมาหยดแล้วหยดเล่า
ชานยอลอาจแค่ลืมว่าต้องบอกฝันดีเขาทุกคืน ได้แต่ปลอบตัวเองไปอย่างนั้น เพราะคนตัวสูงวุ่นวายกับการกลับมาของคนเป็นพี่ ทำให้ทั้งวันมีเรื่องคุยกันยาวเหยียด จนแม้กระทั่งแพคฮยอนแยกตัวออกมาเงียบๆชานยอลยังไม่รับรู้ด้วยซ้ำ ก็ได้แต่หวังว่าคนตัวสูงจะนึกขึ้นได้บ้าง แต่นั่นก็ได้แค่หวัง..
“ฉัน..ฉันจะงอนจริงๆแล้วนะ ชานยอล ฮึก“
วันต่อมา
ร่างเล็กวิ่งพรวดพลาดเข้ามาในบ้านหลังใหญ่อย่างเคยชิน ยังไม่ทันที่จะถลาไปถึงไหนขาทั้งสองข้างที่กิ่งวิ่งกึ่งเดินก็ต้องเบรคดังเอี๊ยด
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณลุง”
เจ้าตัวเล็กส่งยิ้มสดใสพร้อมกับคำทักทายให้กับผู้อาวุโสที่กำลังนั่งเอกเขนกอ่านหนังสือพิมพ์ พลางจิบกาแฟถ้วยโปรดอยู่กลางห้องโถงใหญ่ของบ้าน
ผู้อาวุโสได้แต่ส่งยิ้มเอ็นดูให้คนตัวเล็กและพยักหน้ารับถ้อยคำทักทายเบาๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเล็กทำท่าจะวิ่งขึ้นด้านบนจึงร้องทัดทานเอาไว้
“ชานยอลไม่อยู่หรอกหนูแพค มันเพิ่งออกไปเมื่อกี๊”
เรียวขาเล็กชะงักลงเล็กน้อย รอยยิ้มสดใสเมื่อครู่เจื่อนลงแต่ก็กลับมายิ้มกว้างอีกครั้ง แพคฮยอนเดินไปหาผู้ที่ตนเองเรียกว่าคุณลุงมาตั้งแต่จำความได้ ผู้ปกครองเพียงหนึ่งเดียวของชานยอลในบ้านหลังนี้
“ออกไปแล้ว? เหรอครับ”
เจ้าตัวเล็กนั่งคุกเข่าลงใกล้ๆกับผู้อาวุโสเจ้าของบ้าน ยกมือเรียวแตะไว้ที่ขาของผู้เป็นลุงอย่างออดอ้อนแบบที่ชอบทำเสมอๆ ความน่ารักของแพคฮยอนทำให้คุณลุงอดที่จะเลื่อนมือไปลูบหัวกลมๆนั้นอย่างนึกเอ็นดูเสียไม่ได้
“ใช่ น่าจะสวนกับหนูแพคนี่นา เราคงไม่ได้เข้ามาทางหน้าบ้านเหมือนทุกทีล่ะสิ”
เจ้าตัวเล็กยิ้มแหยพลางพยักหน้าเบาๆ ชินเสียแล้วกับการปีนข้ามกำแพงที่ไม่สูงนักเข้ามายังบ้านของคนตัวสูง เรียกได้ว่าเข้าออกทางปกติแทบไม่เป็น
“เห็นว่าเจ้าคริสอยากเที่ยวรอบโซลให้หายคิดถึง เจ้าไกด์จำป็นไม่ได้บอกไว้หรอกเหรอ?”
แพคฮยอนส่ายหน้าช้าๆ เขาส่งยิ้มที่ฝืนแทบตายให้กับคนอายุมากกว่าอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวอ้างว่านึกได้ว่ามีธุระ เพียงแค่แวะมาหาชานยอลก่อนเท่านั้น
เรียวขาเล็กก้าวย่ำไปข้างหน้าช้าๆ แดดในยามสายเริ่มร้อนแต่ฝีเท้าและจังหวะการเดินของแพคฮยอนก็ไม่ได้เร็วขึ้น เขาเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จะไปที่ไหน ไม่มีจุดหมายและรู้สึกเคว้งคว้างเลื่อนลอย
“ฮัลโหล จงอิน นี่ฉันเอง แพคฮยอน”
40% (มั้ง)
++แต่งออกแล้วก็อยากลงเลย นิดหน่อยก็เอา ไม่ต้องรีบร้อนอ่าน ไม่ได้เรียกยอดวิวค่ะ เพราะมันไม่มีอยู่แล้ว 5555 พรุ่งนี้มาต่อให้ หวังว่าจะครบร้อย (คนอะไร๊ กากละยังขี้เกียจอีก หิกหิก)
ความคิดเห็น