ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] -Accidental of love-

    ลำดับตอนที่ #18 : Accidental of love ♡ Chapter ‏17 Just love

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 57


    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry

                                     
                                        




                                                          

                                                                   -ตอนที่17-

     

     

               

     

         


     

    แรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงทำให้แพคฮยอนตกใจเล็กน้อย  คนตัวเล็กๆค่อยๆขืนตัวออกจากอ้อมกอด  ถอยห่างจากคนตัวสูงก่อนกดรับและเสียงสนทนาจากคู่สายก็สวนกลับมาแทบทันที

     

     

    [“  แพคฮยอน!! อยู่ไหนน่ะ  เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า โทรไปตั้งนานทำไมไม่รับ" ]

     

     

    ปลายสายส่งคำถามรัวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวนอย่างชัดเจน  คนตัวเล็กเหลือบมองนาฬิกาแล้วจึงพบว่านี่เลยเวลาต้องกลับเข้าร้านมาเป็นชั่วโมงแล้ว

     

     

    เอ่อ..คือผม..หลงทางนิดหน่อยครับพี่อนยู  ตอนนี้กำลังจะกลับ ขอโทษด้วยครับ” 

     

     

    ตัดสินใจโกหกคำโต  เพราะตัวเขาเองที่เถลไถล  ตอนแรกกะแค่ว่าจะคุยกับอี้ชิงเพียงเล็กน้อยแล้วก็ขอตัวกลับ  ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ตนเองก็คาดไม่ถึง

     

     

    [“ อ่า แค่หลงทางใช่ไหม ไม่เป็นไร ค่อยๆกลับมา ระวังๆด้วยล่ะ พี่แค่เป็นห่วงกลัวจะเกิดเรื่องอะไร"]

     

     

    เสียงจากปลายสายผ่อนลงทำให้แพคฮยอนพลอยโล่งใจไปด้วย  คนตัวเล็กพรูลมหายใจเบาๆส่งเสียงตอบรับอีกสองสามคำก่อนกดวางและเก็บเครื่องมือสื่อสารของตนไว้ในกระเป๋ากางเกงดังเดิม

     

     

    คนตัวเล็กเหลือบมองร่างสูงด้านข้างเพียงครู่เดียวก็ต้องหลุบตาลง  มือเรียวทั้งสองข้างประสานกันแน่นที่หน้าตัก  ถึงจะไม่ได้หันกลับไปมองอีกครั้งก็รับรู้ได้ว่าคนตัวสูงยังคงจ้องมองเขาไม่วางตา  ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างดี  แต่มือเล็กของแพคฮยอนกลับชื้นไปด้วยเหงื่อ

     

     

    ร่างเล็กเอาแต่นั่งนิ่งไร้ปฏิกิริยาใดๆ และจู่ๆชานยอลก็ผุดลุกขึ้น  ด้วยความตกใจแพคฮยอนจึงเผลอร้องเรียกคนตัวสูงเสียงเสียงดัง

     

     

    ชะ ชานยอล!"   เรียวขายาวที่กำลังจะก้าวไปเบื้องหน้าชะงักลง  คนตัวสูงเปลี่ยนทิศทางมายืนเบื้องหน้าคนตัวเล็ก  ชานยอลโน้มตัวลงเล็กน้อยจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกันกับแพคฮยอน  ปลายนิ้วยาวแตะเบาๆบนแก้มใสอย่างทะนุถนอมที่สุดราวกับว่ากลัวทุกการกระทำของตนจะทำให้ร่างเล็กนี้ต้องบอบช้ำอีก

     

     

    ต้องกลับไปทำงานใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง"

     

     

    "ตะ..แต่ว่า"  

     

     

    แพคฮยอนเอ่ยค้านตะกุกตะกัก  แก้มใสขาวซีดที่ตอนนี้ขึ้นสีจัดกว่าเก่า  มือบางกำเสื้อเชิ้ตที่กระดุมหลุดรุ่ยไว้แน่น  ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นฉายซ้ำอีกครั้ง  แค่นั้นความน้อยใจทั้งหมดก็กลั่นตัวเป็นน้ำใสเอ่อคลอจนล้นนัยตาคู่สวย

     

     

    ชานยอลตกใจที่เห็นคนตัวเล็กตรงหน้าทำท่าจะร้องไห้อีกครั้ง  คนตัวสูงย่อตัวลงนั่งยองๆกับพื้นห้อง ก่อนใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าแพคฮยอนเบาแผ่วเบา

     

     

    "แพคฮยอน"  

     

     

    ทันทีที่เสียงทุ้มเอ่ยเรียก กลุ่มน้ำที่เอ่อล้นดวงตาเรียวก็กลิ้งหล่นระแก้มใส  ชานยอลใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยหยดน้ำออกช้าๆ  ดวงตากลมโตที่เคยเรียบเฉยในตอนนี้กำลังสั่น  สั่นพอๆกับหัวใจของเขา

     

     

    "สัญญากับฉันนะ ได้มั้ยแพคฮยอน ว่าจะไม่อยู่ใกล้มันอีก"  

     

     

    จ้องมองดวงหน้าหวานที่ยังลังเลจนถึงที่สุด  แต่แล้วแพคฮยอนก็พยักหน้ารับช้าๆทั้งที่ในใจยังเคลือบแคลงสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่  แต่เพื่อความสบายใจของชานยอลเองแพคฮยอนก็ไม่ได้อยากคัดค้าน  คนตัวเล็กตอบรับคำขอจากคนตัวสูงตรงหน้าอย่างว่าง่าย

     

     

    ชานยอลลุกขึ้นไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบแจ๊คเก็ตสีดำของตนเองออกมาสวมให้กับคนตัวเล็ก  มือหนาบีบกระชับมือเล็กเบาๆก่อนดึงให้ลุกเดินตาม  แพคฮยอนเดินตามร่างสูงที่กำลังกระชับฝ่ามือหนาเข้ากับมือเล็กอย่างแนบแน่น

     

     

    แรงบีบไม่มากนักจากฝ่ามืออุ่นแต่กลับสร้างความอบอุ่นอย่างล้นหลามให้กับหัวใจของคนตัวเล็ก ความไม่เคยชินกับกริยาของคนที่อยู่เบื้องหน้าทำให้แพคฮยอนทำตัวไม่ถูก ได้เพียงแค่เดินก้มหน้าตามแรงดึงของคนตัวสูง

     

     

    "แพคฮยอน!!"

     

     

     อี้ชิงที่กำลังเดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวายร้องทักขึ้นทันทีที่เห็นชานยอลและแพคฮยอนกำลังเดินลงมา  ด้วยความเป็นห่วงรุ่นน้องตัวเล็ก หลังจากที่พักจนอาการหอบทุเลาลงแล้ว เจ้าตัวจึงรีบออกมาจากห้องนอนซี่งอยู่อีกฝั่งของตัวบ้าน  แต่กลับเกิดอาการลังเลไม่กล้าขึ้นไปด้านบนจนชานยอลและแพคฮยอนเป็นฝ่ายลงมาเสียก่อน

     

     

    แพคฮยอนเงยหน้าสบตากับอี้ชิงได้เพียงครู่แรงฉุดที่มือก็เพิ่มขึ้นจนรู้สึกเจ็บ  จากกระชับด้วยแรงบีบบางเบากลายเป็นฉุดกระชากเข้าหาตัว  แพคฮยอนทำได้เพียงโค้งหัวให้อี้ชิง ในขณะที่อีกคนเมื่อเห็นปฏิกิริยาของชานยอล จึงทำได้เพียงชะงักเท้าค้างอยู่กับที่ไม่กล้าแม้แต่จะเดินตาม  มีเพียงสายตาที่มองตามคนทั้งคู่ด้วยความห่วงใยเท่านั้น

     

     

    "อื้อ!"   ส่งเสียงประท้วงเบาๆเพราะแรงบีบที่มือยิ่งเพิ่มขึ้น ทั้งจังหวะการก้าวที่เร็วขึ้นจนแพคฮยอนแทบจะต้องวิ่งเพื่อบั่นทอนแรงฉุดกระชากนั้น

     

     

    ทำไมต้องโกรธขนาดนั้น

     

            

             เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกับพี่อี้ชิงกันแน่

     

            

             แล้วทำไมถึงยังอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน

     

            

             มีความสัมพันธ์อะไรที่เชื่อมโยงกันเอาไว้

     

            

     

             ชานยอล...

      

            

     

     

             ฉันรักแพคฮยอนนะ.... .. .

     

     

     

     

    Accidental of love

     

     

     

     

    วันก่อนนี้ทำหน้าอย่างกับหมาเหงา กำลังจะเฉาตาย  วันนี้เหมือนคนบ้าเพิ่งหลุดออกมาจากโรงพยาบาล”  

     

     

    เสียงทุ้มแสนกวนประสาทดังขึ้นจากที่นั่งด้านหลังอย่างเคย  บางทีน้ำเสียงที่เหมือนอยากจะยิ้มเยาะนั่นก็กลายเป็นส่วนนึงในชีวิตแพคฮยอนไปแล้ว  หากขาดไปวันไหนก็คงจะเหงาน่าดูเหมือนกัน

     

     

    คนตัวเล็กหมุนดินสอในมือเบาๆพลางจดการบ้านลงสมุดอย่างอารมณ์ดี  รอยยิ้มสดใสระบายบางเบาอยู่บนใบหน้าขาวตลอดเวลา จนทำให้คยองซูที่นั่งด้านข้างกันก็อดสงสัยไม่ได้

     

     

    วันนี้ดูอารมณ์ดีจังนะแพคฮยอน”  คยองซูเอ่ยพลางเหลือบมองคนผิวเข้มด้านหลังที่นั่งทำหน้ามุ่ยเพราะแพคฮยอนไม่สนใจ  จนเซฮุนที่นั่งด้านข้างอดส่งเสียงหัวเราะไม่ได้พลางทำปากชมุบขมิบไร้เสียงล้อเลียนเพื่อน

     

     

    แพคฮยอนไม่ได้ตอบคำถามของคยองซูแต่หันไปส่งยิ้มให้กับเพื่อนสนิทแทนและหันกลับมาสนใจกับการจดการบ้านตรงหน้าต่อ

     

     

    นั่นก็อีกคน  ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นจะเดินยิ้มเข้าห้องเรียนซักที อารมณ์ดีอะไรกันวะ” 

     

     

    จงอินส่งเสียงร้องทักทันทีที่ร่างสูงโปร่งของชานยอลผ่านพ้นประตูห้องเรียนเข้ามา  จริงๆแล้วอาจเป็นการแขวะเพื่อนอย่างที่เจ้าตัวชอบทำเสียมากกว่า

     

     

    ก็อารมณ์ดี จะให้ร้องไห้ก็ดูจะก่อกบฏกับมันมากไปหน่อย”  

     

     

    ชานตอบกลับเพื่อนสนิทผิวเข้มด้วยสีหน้าแต้มรอยยิ้มอย่างที่ไม่เคยทำ  ดวงตาคมกลมโตที่เคยราบเรียบไร้ความรู้สึกทอประกายสดใสแม้เพียงเล็กน้อยแต่กลับเพิ่มเสน่ห์ให้คนตัวสูงมากขึ้นกว่าเดิม

     

     

    เออ!  ให้โลกมันสดใสให้ตลอดรอดฝั่งนะ”  

     

     

    จงอินอดไม่ได้ที่จะแขวะเพื่อนตัวสูงอีกครั้งด้วยสีหน้ายิ้มๆอีกครั้ง  ชานยอลต่อยไปที่ไหล่จงอินเบาๆเป็นการตอบรับ  เหวี่ยงกระเป๋าสีดำลงบนโต๊ะว่างข้างตัวก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่ประจำ

     

     

    ดวงตาคมเหลือบมองแพคฮยอนแวบหนึ่งทำให้คนตัวเล็กที่เผลอมองอยู่ก่อนแล้วรู้สึกตัว  ก้อนเนื้อในอกที่เต้นแรงขึ้นตามจังหวะทำให้แพคฮยอนรู้สึกอาย  ใบหน้าขาวซับสีเลือดอย่างห้ามไม่อยู่

     

     

    แพคฮยอนทำได้เพียงก้มหน้าลงจนแทบจะชิดอก  คนตัวเล็กพยายามควบคุมการเต้นโครมครามของจังหวะหัวใจที่ดังลั่นจนกลัวว่ามันจะดังออกมาข้างนอก  แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามเท่าไหร่มันก็ยิ่งเกิดผลตรงกันข้ามมากเท่านั้น

     

     

    ชานยอลได้แต่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอกับท่าทางประหม่าแสนน่ารักของคนตัวเล็ก

     

     

                คนที่กุมหัวใจของเขา....

     

               

                ไว้ทั้งดวง..

     

     

    ชอบเค้า ก็บอกดิ”  

     

     

    เซฮุนที่นอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนแต่จงใจหันมาทางเพื่อนตัวสูงเอ่ยขึ้น  จงอินยกยิ้มมุมปากเห็นดีเห็นงามไปกับเพื่อนตัวขาว  แม้แต่คยองซูที่ได้ยินเสียงงึมงำของเซฮุนไม่ชัดนักยังต้องหันมามอง  และแน่นอนว่าคนตัวเล็กที่นั่งด้านข้างกันย่อมได้ยินมันเช่นกัน

     

     

    บอกไปแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าชอบ….” 

     

     

    ชานยอลตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆอย่างเคย  คนตัวสูงจงใจเว้นประโยคค้างไว้คล้ายมีสิ่งที่ยังต้องพูดต่อ  ทำให้เซฮุนที่ทำท่าจะหลับแหล่มิหลับแหล่ถึงกลับลุกพรวดขึ้นนั่งตัวตรงจับจ้องไปที่เพื่อนตัวสูงอย่างไม่วางตา  ทั้งจงอินและคยองซูก็เช่นกันซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าตาใครโตไปกว่าใคร  รวมไปถึงนักเรียนในห้องที่พร้อมใจกันเงียบเสียงลงอย่างพร้อมเพรียงเพื่อรอฟังสิ่งที่ชานยอลจะพูดต่อ  กลับกลายเป็นว่าในตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องมองมาที่ชานยอลเป็นสายตาเดียว

     

     

    หมะ..หมายความว่าไงวะ บอกไปแล้วแต่ไม่ได้บอกว่าชอบ?” 

     

     

    เซฮุนทวนคำถามอย่างนึกสงสัย  ในขณะที่แพคฮยอนนั่งนิ่งจนแทบลืมวิธีหายใจ  ใบหน้าหวานยังคงก้มนิ่งอยู่อย่างนั้นแต่ในหัวใจเต้นรัวจนแทบกระเด็น  ทั้งยังจดจ่ออยากรู้ในสิ่งที่ชานยอลจะเอ่ยไม่แพ้ใครหลายคนในห้อง

     

     

                ชานยอลกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่

     

     

    ไอ้หัวใจบ้านี่ก็ไม่หยุดเต้นซะที

     

     

    จะเป็นลมตายแล้วนะ!!

     

     

     

    ก็ไม่ได้บอกว่าชอบ

     

     

                “แต่บอกว่า   รัก “

     

     

     

     

    Accidental of love

     

     

     

     

     

     

     

    แพคฮยอนเดินลิ่วๆ โดยไม่สนใจเสียงเรียกจากคนที่ด้านหลัง  ขาเล็กจ้ำเอาๆมือบางก็ได้แต่กำสายสะพายกระเป๋าของตัวเองไว้แน่น  ใบหน้าเรียวที่เอาแต่ก้มลงมองเพียงแค่ทางเดินเบื้องหน้าเท่านั้น

     

     

    แต่แล้วจู่ๆข้อมือเล็กถูกคว้าไว้และดึงอย่างแรง  จากแรงกระชากทำให้ร่างเล็กเสียหลักเซปะทะอกแกร่งของคนที่ตามมาติดๆ  คนตัวสูงถือโอกาสที่แพคฮยอนไม่ทันตั้งตัวรวบร่างเล็กจนจมเข้าไปในอ้อมกอดทันที  ทำให้คนถูกจู่โจมอย่างกระทันหันตกใจ  มือบางยกขึ้นปัดป่ายทุบตีเป็นพัลวัลอย่างไม่นึกกลัวเหมือนเก่า  แต่ยิ่งดิ้นอ้อมกอดก็ยิ่งถูกพันนาการแน่นยิ่งขึ้นไปอีก

     

     

    อื้อ”  ส่งเสียงอู้อี้ประท้วงพลางทุบอีกสองสามที  แต่คนตัวสูงนี่ก็ดูจะไม่สะทกสะท้านอะไรซักนิด

     

     

    ปล่อยสิชานยอล นี่มันกลางทางเดินนะ คนมองใหญ่แล้ว” 

     

     

    เสียงอู้อี้ขึ้นจมูกบ่งบอกถึงอารมณ์กรุ่นๆของร่างเล็ก  ชานยอลส่งเสียงตอบรับเบาๆในลำคอ  แต่อ้อมกอดที่แนบแน่นนั่นก็ไม่ได้คลายออกเลยซักนิ

     

     

    ชานยอล”  

     

     

    น้ำเสียงดึงดันเอาแต่ใจแปรเปลี่ยนเป็นเสียงเรียกแผ่วจนเกือบกลายเป็นเสียงกระซิบ  แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนที่อยู่ใกล้กันจนแทบรับรู้ถึงลมหายใจ  ชานยอลได้ยินมันอย่างชัดเจน

     

     

    ถ้าปล่อยแล้วจะวิ่งหนีไปอีกไหมล่ะ”  ก้มลงกระซิบข้างใบหูนิ่มและอดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นหอมของแชมพูที่ยังเจือจางบนเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน

     

     

    ไม่หนีแล้วก็ได้ ตะ..แต่ อย่าแกล้งกันสิ”   คนตัวเล็กหดคอหนีลมหายใจอุ่นที่คลอเคลียจนทำให้เขารู้สึกจั๊กกะจี้  ชานยอลอดยิ้มเล็กๆกับอาการเหล่านั้นไม่ได้  อ้อมกอดถูกคลายลงเล็กน้อยเพื่อให้แพคฮยอนลดความอึดอัด

     

     

    ฉันแกล้งอะไร?”   คิ้วเข้มเลิกสูงขยับใบหน้าก้มต่ำจนสามารถมองเห็นใบหน้าของแพคฮยอนได้ถนัดยิ่งขึ้น

     

     

    ก็!!”   แพคฮยอนเงยหน้าขึ้นอย่างลืมตัวจนปลายจมูกชนเข้ากับปลายจมูกของอีกคนที่ก้มมาใกล้  แพคฮยอนรับรู้ถึงความร้อนวูบที่แผ่กระจายไปทั่วใบหน้า  และเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในห้องเรียนก่อนนี้ที่ทำให้ให้เขาทั้งอายทั้งเขินจนแทบจะมุดไปนั่งเรียนใต้โต๊ะเสียให้ได้ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าขาวขึ้นสีชัดยิ่งขึ้น

     

     

    จนกระทั่งสัญญาณบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้นเหมือนช่วยชีวิต  คนตัวเล็กไม่รีรอคว้ากระเป๋าได้ก็เดินลิ่วออกมาจากห้องเรียนโดยไม่ได้มองหน้าใครซักคน

     

     

    ก็..เรื่องวันนี้ ที่ห้องเรียน...”   เอ่ยบอกคนตัวสูงเสียงแผ่วพลางก้มหน้าลงดังเดิม  ริ้วแดงที่ฉาบทับแก้มใสประจานว่าคนตัวเล็กกำลังอายมากแค่ไหน

     

     

    แล้ว?”   เอ่ยเพียงสั้นๆเป็นเชิงคำถามว่ายังไงต่อ   ไม่ใช่ชานยอลเองไม่รู้ว่าแพคฮยอนหมายถึงเรื่องอะไร  แต่พอเห็นท่าทางของคนตัวเล็กที่แสนน่ารักกลับทำให้เขาอยากแกล้งร่างเล็กในอ้อมกอดนี่ซะเหลือเกิน

     

     

    ชานยอล!”   แพคฮยอนเงยหน้าส่งสายตาขุ่นคล้ายกับไม่พอใจเล็กๆ  ปากบางงอคว่ำลงเหมือนเด็กกำลังถูกขัดใจ  พาลคิดอยากจะฟาดร่างสูงตรงหน้าแรงๆซักทีให้หายหมั่นไส้  แต่ติดที่ว่ายังโดนกอดทั้งตัวอยู่แบบนี้

     

     

    ปล่อยได้แล้ว ..คนมอง”   บอกกับคนตัวสูงอีกครั้ง แต่คราวนี้ชานยอลยอมปล่อยอย่างว่าง่าย  มือหนาเปลี่ยนเป็นเลื่อนมากระชับมือบางของแพคฮยอนเอาไว้แทน

     

     

    อายเหรอ อายทำไม เค้าก็รู้กันทั้งห้องแล้ว จะให้รู้อีกทั้งโรงเรียนก็ไม่เห็นเป็นไร”  

     

     

    คนตัวสูงลอยหน้าลอยตาพูด  แม้น้ำเสียงจะนิ่งเรียบแต่กลับแฝงความหยอกเย้าในที  ชานยอลที่ดูแปลกไปจากเดิม จากผู้ชายที่แสนเย็นชาไร้ความรู้สึกยากต่อการเดาอารมณ์ที่แพคฮยอนได้พบตั้งแต่ครั้งแรกที่เหยียบย่างเข้ามาที่นี่  ผู้ชายไร้อารมณ์ที่ดูมีเสน่ห์น่าค้นหากลับกลายเป็นชานยอลที่ดูขี้เล่นชอบแกล้งแบบนี้

     

     

    จะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้หน้าทนเหมือนชานยอลนี่!” 

     

     

     แพคฮยอนตอบกลับไปตามความรู้สึกโดยไม่รู้ตัวซักนิดว่าตอนนี้ตัวเองใช้น้ำเสียงแบบไหนกับคนตัวสูง ชานยอลกระชับมือของเขากับมือบางของคนข้างกายดึงรั้งเบาๆให้คนตัวเล็กขยับเท้าตามและเดินไปด้วยกันช้าๆ

     

     

    ว่าฉันหน้าด้านเหรอ”   ชานยอลเอ่ยเสียงเรียบ  ตาคมเหลือบมองคนข้างกายที่ทำท่าตกอกตกใจอีกระรอก  ตาเรียวเบิกกว้างมองหน้าคู่สนทนาพลางปฏิเสธพัลวัน

     

     

    เปล่าซะหน่อย ก็ฉัน...อายนี่น่า ดูสิมีแต่คนมองเต็มไปหมด อย่างกับตัวประหลาดเลย” 

     

     

    ปลายเสียงแผ่วลงเล็กน้อย  มองรอบๆตัวก็พบแต่สายตาแปลกๆที่คนรอบข้างส่งมาให้  บางคนถึงกับจับกลุ่มกระซิบกระซาบกันอย่างชัดเจน

     

     

    อายที่จะอยู่กับฉันเหรอ”  

     

     

    ชานยอลส่งคำถามให้กับคนตัวเล็กอีกครั้ง  ร่างสูงหยุดเดินเอาดื้อๆ  สายตาคมมองกวาดไปทั่วบริเวณที่ยังคงมีนักเรียนอยู่ทำกิจกรรมที่ต่างกันออกไปประปราย  บ้างที่เดินผ่านก็ก้มหัวให้กับคนตัวสูงอย่างนอบน้อม บ้างก็จับกลุ่มมองมาที่ชานยอลและแพคฮยอนพลางเปิดประเด็นสนทนา  รวมไปถึงพวกแฟนคลับสาวๆที่เดินตามคนทั้งคู่มาห่างๆตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากห้องเรียน

     

     

    มะ..ไม่ใช่ อย่างนั้น ซะหน่อย”   แพคฮยอนเอ่ยเสียงอ่อย  รู้สึกถึงความตัดพ้อเล็กๆในคำถามเมื่อครู่ คนตัวเล็กได้แต่มองไปรอบตัวอย่างอึดอัด  เขาไม่ชอบเลยที่จะถูกมองด้วยสายตาแบบนี้  สายตาที่บอกว่าเขาไม่คู่ควรที่จะอยู่ตรงนี้  มันไม่ใช่ที่สำหรับเขา

     

     

    ชานยอลปล่อยมือที่เกาะกุมมือเล็กออกและมันล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแทน  ใบหน้าคมถูกฉาบทับด้วยความเรียบเฉยอย่างที่เคยเป็น  ดวงตากลมโตที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงดูสวยกลับมาเย็นชาอีกครั้ง  ชานยอลมองหน้าคนตัวเล็กชั่วอึดใจก่อนตัดสินใจเอ่ยประโยคคำถามกับแพคฮยอนอีกครั้ง

     

     

    ไม่ว่าจะยังไงแพคฮยอนก็จะอยู่กับฉันใช่มั้ย?

     

     

    แพคฮยอนนิ่งอึ้งกับถ้อยคำของร่างสูง  เสียงทุ้มเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ  ดวงตากลมจ้องมองใบหน้าของคนตัวเล็กนิ่งอยู่อย่างนั้น  รอคอยคำตอบ.. 

     

     

    ร่างเล็กเผลอกัดริมฝีปากจนช้ำ  ในใจของตนเองต้องการอะไรแพคฮยอนรู้ดี  แต่เขาในตอนนี้จะยอมรับสภาพแสนอึดอัดเหล่านี้ไหวหรือเปล่า  จะทนต่อสายตาที่เหยียบย่ำความรู้สึกของคนที่อยู่รอบตัวพวกนี้ได้มั้ย  แพคฮยอนไม่ใช่คนเข้มแข็ง แต่สถานการณ์รอบตัวทำให้เขาต้องพยายามยืนหยัดด้วยตัวเอง  ทั้งที่ความรู้สึกของร่างเล็กนี้แสนเปราะบางเหลือเกิน

     

     

    “ฉันเข้าใจแล้ว” 

     

     

    ชานยอลเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยังคงนิ่งเงียบ  แววตาคมฉายแวววูบไหวเพียงครู่เดียวก็กลับมาเรียบเฉยดังเดิม  คนตัวสูงค่อยๆหมุนตัวหันหลังให้กับแพคฮยอนช้าๆ เรียวขายาวขยับเคลื่อนห่างออกไปโดยไม่หันกลับมามองคนตัวเล็กที่ด้านหลังอีกเลย

     

     

    “ฉันจะอยู่!! ไม่ว่ายังไงฉันก็จะอยู่กับชานยอล!!”  

     

     

    แพคฮยอนตะโกนออกไปแทบจะสุดเสียงโดยไม่สนใจสายตาหลายต่อหลายคู่รอบกาย ขาเล็กก้าวรวดเร็วจนไปยืนเบื้องหลังคนตัวสูงที่หยุดชะงักนิ่ง

     

     

     “ให้ฉัน...ฮึก..อยู่  ..ข้างๆ  ฮึก ชาน ยะ... อื้อ!!!

     

     

    เหมือนร่างทั้งร่างถูกกระชากตกลงจากที่สูงอย่างแรง  หัวใจกระตุกวูบในทีแรกที่ดิ่งลงด้วยความเร็วสูง  รวดเร็วรุนแรง  เอาแต่ใจ  ดำดิ่ง แต่กลับไม่เจ็บปวดจากแรงกระแทก ราวกับหมู่เมฆมากมายคอยโอบอุ้มร่างเล็กนี้ไว้และวางลงบนจุดหมายอย่างนิ่มนวล

     

     

    “อือ  แฮ่ก..”  เผลอกำเสื้อของคนที่ช่วงชิงลมหายใจไปครู่ใหญ่แน่น  ก้มใบหน้าชิดอกกว้างพลางโกยอากาศที่ขาดหายทดแทน  หัวสมองเหมือนหยุดการประมวลผลไปชั่วขณะ

     

     

    “ไม่ต้องสนใจใคร แค่อยู่ข้างฉันก็พอ”  

     

     

    แพคฮยอนพยักหน้ารับอย่างช้าๆ  ไม่รู้ว่าตอนนี้คนรอบกายจะมองมาที่เขาด้วยสายตาแบบไหน  ในตอนนี้แพคฮยอนไม่สนใจมันอีกต่อไปแล้ว แค่รับรู้ว่าร่างสูงตรงหน้านี้จะหายไป  หัวใจก็เจ็บจนแทบจะทนไม่ได้


     

                “ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะอยู่ข้างๆชานยอล

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC..

     

     

    เมเม:  มันเป็นการรีไรท์ที่ไม่เหมือนการรีไรท์ แต่ก็นะ ใช้ขนาดตัวหนังสือที่น่าจะอ่านง่ายมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เล็กเหลือเกิน  ขอบคุณที่ยังมีคนกดเฟบเรื่อยๆ ยอดวิวยังคงเพิ่มเรื่อยๆ ดีใจที่ยังมีคนอ่าน ขอบคุณมากๆค่ะ^^

    PS. ชอบชานยอลตอนนี้มากๆ  รู้สึกว่าน่ารัก  @Aprilnov0408

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×