คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Accidental of love ♡ Chapter 17 Just love
-ตอนที่17-
แรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงทำให้แพคฮยอนตกใจเล็กน้อย คนตัวเล็กๆค่อยๆขืนตัวออกจากอ้อมกอด ถอยห่างจากคนตัวสูงก่อนกดรับและเสียงสนทนาจากคู่สายก็สวนกลับมาแทบทันที
[“ แพคฮยอน!! อยู่ไหนน่ะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า โทรไปตั้งนานทำไมไม่รับ" ]
ปลายสายส่งคำถามรัวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวนอย่างชัดเจน คนตัวเล็กเหลือบมองนาฬิกาแล้วจึงพบว่านี่เลยเวลาต้องกลับเข้าร้านมาเป็นชั่วโมงแล้ว
“เอ่อ..คือผม..หลงทางนิดหน่อยครับพี่อนยู ตอนนี้กำลังจะกลับ ขอโทษด้วยครับ”
ตัดสินใจโกหกคำโต เพราะตัวเขาเองที่เถลไถล ตอนแรกกะแค่ว่าจะคุยกับอี้ชิงเพียงเล็กน้อยแล้วก็ขอตัวกลับ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ตนเองก็คาดไม่ถึง
[“ อ่า แค่หลงทางใช่ไหม ไม่เป็นไร ค่อยๆกลับมา ระวังๆด้วยล่ะ พี่แค่เป็นห่วงกลัวจะเกิดเรื่องอะไร"]
เสียงจากปลายสายผ่อนลงทำให้แพคฮยอนพลอยโล่งใจไปด้วย คนตัวเล็กพรูลมหายใจเบาๆส่งเสียงตอบรับอีกสองสามคำก่อนกดวางและเก็บเครื่องมือสื่อสารของตนไว้ในกระเป๋ากางเกงดังเดิม
คนตัวเล็กเหลือบมองร่างสูงด้านข้างเพียงครู่เดียวก็ต้องหลุบตาลง มือเรียวทั้งสองข้างประสานกันแน่นที่หน้าตัก ถึงจะไม่ได้หันกลับไปมองอีกครั้งก็รับรู้ได้ว่าคนตัวสูงยังคงจ้องมองเขาไม่วางตา ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างดี แต่มือเล็กของแพคฮยอนกลับชื้นไปด้วยเหงื่อ
ร่างเล็กเอาแต่นั่งนิ่งไร้ปฏิกิริยาใดๆ และจู่ๆชานยอลก็ผุดลุกขึ้น ด้วยความตกใจแพคฮยอนจึงเผลอร้องเรียกคนตัวสูงเสียงเสียงดัง
“ชะ ชานยอล!" เรียวขายาวที่กำลังจะก้าวไปเบื้องหน้าชะงักลง คนตัวสูงเปลี่ยนทิศทางมายืนเบื้องหน้าคนตัวเล็ก ชานยอลโน้มตัวลงเล็กน้อยจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกันกับแพคฮยอน ปลายนิ้วยาวแตะเบาๆบนแก้มใสอย่างทะนุถนอมที่สุดราวกับว่ากลัวทุกการกระทำของตนจะทำให้ร่างเล็กนี้ต้องบอบช้ำอีก
”ต้องกลับไปทำงานใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง"
"ตะ..แต่ว่า"
แพคฮยอนเอ่ยค้านตะกุกตะกัก แก้มใสขาวซีดที่ตอนนี้ขึ้นสีจัดกว่าเก่า มือบางกำเสื้อเชิ้ตที่กระดุมหลุดรุ่ยไว้แน่น ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นฉายซ้ำอีกครั้ง แค่นั้นความน้อยใจทั้งหมดก็กลั่นตัวเป็นน้ำใสเอ่อคลอจนล้นนัยตาคู่สวย
ชานยอลตกใจที่เห็นคนตัวเล็กตรงหน้าทำท่าจะร้องไห้อีกครั้ง คนตัวสูงย่อตัวลงนั่งยองๆกับพื้นห้อง ก่อนใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าแพคฮยอนเบาแผ่วเบา
"แพคฮยอน"
ทันทีที่เสียงทุ้มเอ่ยเรียก กลุ่มน้ำที่เอ่อล้นดวงตาเรียวก็กลิ้งหล่นระแก้มใส ชานยอลใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยหยดน้ำออกช้าๆ ดวงตากลมโตที่เคยเรียบเฉยในตอนนี้กำลังสั่น สั่นพอๆกับหัวใจของเขา
"สัญญากับฉันนะ ได้มั้ยแพคฮยอน ว่าจะไม่อยู่ใกล้มันอีก"
จ้องมองดวงหน้าหวานที่ยังลังเลจนถึงที่สุด แต่แล้วแพคฮยอนก็พยักหน้ารับช้าๆทั้งที่ในใจยังเคลือบแคลงสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ แต่เพื่อความสบายใจของชานยอลเองแพคฮยอนก็ไม่ได้อยากคัดค้าน คนตัวเล็กตอบรับคำขอจากคนตัวสูงตรงหน้าอย่างว่าง่าย
ชานยอลลุกขึ้นไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบแจ๊คเก็ตสีดำของตนเองออกมาสวมให้กับคนตัวเล็ก มือหนาบีบกระชับมือเล็กเบาๆก่อนดึงให้ลุกเดินตาม แพคฮยอนเดินตามร่างสูงที่กำลังกระชับฝ่ามือหนาเข้ากับมือเล็กอย่างแนบแน่น
แรงบีบไม่มากนักจากฝ่ามืออุ่นแต่กลับสร้างความอบอุ่นอย่างล้นหลามให้กับหัวใจของคนตัวเล็ก ความไม่เคยชินกับกริยาของคนที่อยู่เบื้องหน้าทำให้แพคฮยอนทำตัวไม่ถูก ได้เพียงแค่เดินก้มหน้าตามแรงดึงของคนตัวสูง
"แพคฮยอน!!"
อี้ชิงที่กำลังเดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวายร้องทักขึ้นทันทีที่เห็นชานยอลและแพคฮยอนกำลังเดินลงมา ด้วยความเป็นห่วงรุ่นน้องตัวเล็ก หลังจากที่พักจนอาการหอบทุเลาลงแล้ว เจ้าตัวจึงรีบออกมาจากห้องนอนซี่งอยู่อีกฝั่งของตัวบ้าน แต่กลับเกิดอาการลังเลไม่กล้าขึ้นไปด้านบนจนชานยอลและแพคฮยอนเป็นฝ่ายลงมาเสียก่อน
แพคฮยอนเงยหน้าสบตากับอี้ชิงได้เพียงครู่แรงฉุดที่มือก็เพิ่มขึ้นจนรู้สึกเจ็บ จากกระชับด้วยแรงบีบบางเบากลายเป็นฉุดกระชากเข้าหาตัว แพคฮยอนทำได้เพียงโค้งหัวให้อี้ชิง ในขณะที่อีกคนเมื่อเห็นปฏิกิริยาของชานยอล จึงทำได้เพียงชะงักเท้าค้างอยู่กับที่ไม่กล้าแม้แต่จะเดินตาม มีเพียงสายตาที่มองตามคนทั้งคู่ด้วยความห่วงใยเท่านั้น
"อื้อ!" ส่งเสียงประท้วงเบาๆเพราะแรงบีบที่มือยิ่งเพิ่มขึ้น ทั้งจังหวะการก้าวที่เร็วขึ้นจนแพคฮยอนแทบจะต้องวิ่งเพื่อบั่นทอนแรงฉุดกระชากนั้น
ทำไมต้องโกรธขนาดนั้น
เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกับพี่อี้ชิงกันแน่
แล้วทำไมถึงยังอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน
มีความสัมพันธ์อะไรที่เชื่อมโยงกันเอาไว้
ชานยอล...
ฉันรักแพคฮยอนนะ.... .. .
Accidental of love♡
“วันก่อนนี้ทำหน้าอย่างกับหมาเหงา กำลังจะเฉาตาย วันนี้เหมือนคนบ้าเพิ่งหลุดออกมาจากโรงพยาบาล”
เสียงทุ้มแสนกวนประสาทดังขึ้นจากที่นั่งด้านหลังอย่างเคย บางทีน้ำเสียงที่เหมือนอยากจะยิ้มเยาะนั่นก็กลายเป็นส่วนนึงในชีวิตแพคฮยอนไปแล้ว หากขาดไปวันไหนก็คงจะเหงาน่าดูเหมือนกัน
คนตัวเล็กหมุนดินสอในมือเบาๆพลางจดการบ้านลงสมุดอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มสดใสระบายบางเบาอยู่บนใบหน้าขาวตลอดเวลา จนทำให้คยองซูที่นั่งด้านข้างกันก็อดสงสัยไม่ได้
“วันนี้ดูอารมณ์ดีจังนะแพคฮยอน” คยองซูเอ่ยพลางเหลือบมองคนผิวเข้มด้านหลังที่นั่งทำหน้ามุ่ยเพราะแพคฮยอนไม่สนใจ จนเซฮุนที่นั่งด้านข้างอดส่งเสียงหัวเราะไม่ได้พลางทำปากชมุบขมิบไร้เสียงล้อเลียนเพื่อน
แพคฮยอนไม่ได้ตอบคำถามของคยองซูแต่หันไปส่งยิ้มให้กับเพื่อนสนิทแทนและหันกลับมาสนใจกับการจดการบ้านตรงหน้าต่อ
“นั่นก็อีกคน ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นจะเดินยิ้มเข้าห้องเรียนซักที อารมณ์ดีอะไรกันวะ”
จงอินส่งเสียงร้องทักทันทีที่ร่างสูงโปร่งของชานยอลผ่านพ้นประตูห้องเรียนเข้ามา จริงๆแล้วอาจเป็นการแขวะเพื่อนอย่างที่เจ้าตัวชอบทำเสียมากกว่า
“ก็อารมณ์ดี จะให้ร้องไห้ก็ดูจะก่อกบฏกับมันมากไปหน่อย”
ชานตอบกลับเพื่อนสนิทผิวเข้มด้วยสีหน้าแต้มรอยยิ้มอย่างที่ไม่เคยทำ ดวงตาคมกลมโตที่เคยราบเรียบไร้ความรู้สึกทอประกายสดใสแม้เพียงเล็กน้อยแต่กลับเพิ่มเสน่ห์ให้คนตัวสูงมากขึ้นกว่าเดิม
“เออ! ให้โลกมันสดใสให้ตลอดรอดฝั่งนะ”
จงอินอดไม่ได้ที่จะแขวะเพื่อนตัวสูงอีกครั้งด้วยสีหน้ายิ้มๆอีกครั้ง ชานยอลต่อยไปที่ไหล่จงอินเบาๆเป็นการตอบรับ เหวี่ยงกระเป๋าสีดำลงบนโต๊ะว่างข้างตัวก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่ประจำ
ดวงตาคมเหลือบมองแพคฮยอนแวบหนึ่งทำให้คนตัวเล็กที่เผลอมองอยู่ก่อนแล้วรู้สึกตัว ก้อนเนื้อในอกที่เต้นแรงขึ้นตามจังหวะทำให้แพคฮยอนรู้สึกอาย ใบหน้าขาวซับสีเลือดอย่างห้ามไม่อยู่
แพคฮยอนทำได้เพียงก้มหน้าลงจนแทบจะชิดอก คนตัวเล็กพยายามควบคุมการเต้นโครมครามของจังหวะหัวใจที่ดังลั่นจนกลัวว่ามันจะดังออกมาข้างนอก แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามเท่าไหร่มันก็ยิ่งเกิดผลตรงกันข้ามมากเท่านั้น
ชานยอลได้แต่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอกับท่าทางประหม่าแสนน่ารักของคนตัวเล็ก
คนที่กุมหัวใจของเขา....
ไว้ทั้งดวง..
“ชอบเค้า ก็บอกดิ”
เซฮุนที่นอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนแต่จงใจหันมาทางเพื่อนตัวสูงเอ่ยขึ้น จงอินยกยิ้มมุมปากเห็นดีเห็นงามไปกับเพื่อนตัวขาว แม้แต่คยองซูที่ได้ยินเสียงงึมงำของเซฮุนไม่ชัดนักยังต้องหันมามอง และแน่นอนว่าคนตัวเล็กที่นั่งด้านข้างกันย่อมได้ยินมันเช่นกัน
“บอกไปแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าชอบ….”
ชานยอลตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆอย่างเคย คนตัวสูงจงใจเว้นประโยคค้างไว้คล้ายมีสิ่งที่ยังต้องพูดต่อ ทำให้เซฮุนที่ทำท่าจะหลับแหล่มิหลับแหล่ถึงกลับลุกพรวดขึ้นนั่งตัวตรงจับจ้องไปที่เพื่อนตัวสูงอย่างไม่วางตา ทั้งจงอินและคยองซูก็เช่นกันซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าตาใครโตไปกว่าใคร รวมไปถึงนักเรียนในห้องที่พร้อมใจกันเงียบเสียงลงอย่างพร้อมเพรียงเพื่อรอฟังสิ่งที่ชานยอลจะพูดต่อ กลับกลายเป็นว่าในตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องมองมาที่ชานยอลเป็นสายตาเดียว
“หมะ..หมายความว่าไงวะ บอกไปแล้วแต่ไม่ได้บอกว่าชอบ?”
เซฮุนทวนคำถามอย่างนึกสงสัย ในขณะที่แพคฮยอนนั่งนิ่งจนแทบลืมวิธีหายใจ ใบหน้าหวานยังคงก้มนิ่งอยู่อย่างนั้นแต่ในหัวใจเต้นรัวจนแทบกระเด็น ทั้งยังจดจ่ออยากรู้ในสิ่งที่ชานยอลจะเอ่ยไม่แพ้ใครหลายคนในห้อง
ชานยอลกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่
ไอ้หัวใจบ้านี่ก็ไม่หยุดเต้นซะที
จะเป็นลมตายแล้วนะ!!
“ก็ไม่ได้บอกว่าชอบ”
“แต่บอกว่า รัก “
Accidental of love♡
แพคฮยอนเดินลิ่วๆ โดยไม่สนใจเสียงเรียกจากคนที่ด้านหลัง ขาเล็กจ้ำเอาๆมือบางก็ได้แต่กำสายสะพายกระเป๋าของตัวเองไว้แน่น ใบหน้าเรียวที่เอาแต่ก้มลงมองเพียงแค่ทางเดินเบื้องหน้าเท่านั้น
แต่แล้วจู่ๆข้อมือเล็กถูกคว้าไว้และดึงอย่างแรง จากแรงกระชากทำให้ร่างเล็กเสียหลักเซปะทะอกแกร่งของคนที่ตามมาติดๆ คนตัวสูงถือโอกาสที่แพคฮยอนไม่ทันตั้งตัวรวบร่างเล็กจนจมเข้าไปในอ้อมกอดทันที ทำให้คนถูกจู่โจมอย่างกระทันหันตกใจ มือบางยกขึ้นปัดป่ายทุบตีเป็นพัลวัลอย่างไม่นึกกลัวเหมือนเก่า แต่ยิ่งดิ้นอ้อมกอดก็ยิ่งถูกพันนาการแน่นยิ่งขึ้นไปอีก
“อื้อ” ส่งเสียงอู้อี้ประท้วงพลางทุบอีกสองสามที แต่คนตัวสูงนี่ก็ดูจะไม่สะทกสะท้านอะไรซักนิด
“ปล่อยสิชานยอล นี่มันกลางทางเดินนะ คนมองใหญ่แล้ว”
เสียงอู้อี้ขึ้นจมูกบ่งบอกถึงอารมณ์กรุ่นๆของร่างเล็ก ชานยอลส่งเสียงตอบรับเบาๆในลำคอ แต่อ้อมกอดที่แนบแน่นนั่นก็ไม่ได้คลายออกเลยซักนิ
“ชานยอล”
น้ำเสียงดึงดันเอาแต่ใจแปรเปลี่ยนเป็นเสียงเรียกแผ่วจนเกือบกลายเป็นเสียงกระซิบ แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนที่อยู่ใกล้กันจนแทบรับรู้ถึงลมหายใจ ชานยอลได้ยินมันอย่างชัดเจน
“ถ้าปล่อยแล้วจะวิ่งหนีไปอีกไหมล่ะ” ก้มลงกระซิบข้างใบหูนิ่มและอดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นหอมของแชมพูที่ยังเจือจางบนเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน
“ไม่หนีแล้วก็ได้ ตะ..แต่ อย่าแกล้งกันสิ” คนตัวเล็กหดคอหนีลมหายใจอุ่นที่คลอเคลียจนทำให้เขารู้สึกจั๊กกะจี้ ชานยอลอดยิ้มเล็กๆกับอาการเหล่านั้นไม่ได้ อ้อมกอดถูกคลายลงเล็กน้อยเพื่อให้แพคฮยอนลดความอึดอัด
“ฉันแกล้งอะไร?” คิ้วเข้มเลิกสูงขยับใบหน้าก้มต่ำจนสามารถมองเห็นใบหน้าของแพคฮยอนได้ถนัดยิ่งขึ้น
“ก็!!” แพคฮยอนเงยหน้าขึ้นอย่างลืมตัวจนปลายจมูกชนเข้ากับปลายจมูกของอีกคนที่ก้มมาใกล้ แพคฮยอนรับรู้ถึงความร้อนวูบที่แผ่กระจายไปทั่วใบหน้า และเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในห้องเรียนก่อนนี้ที่ทำให้ให้เขาทั้งอายทั้งเขินจนแทบจะมุดไปนั่งเรียนใต้โต๊ะเสียให้ได้ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าขาวขึ้นสีชัดยิ่งขึ้น
จนกระทั่งสัญญาณบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้นเหมือนช่วยชีวิต คนตัวเล็กไม่รีรอคว้ากระเป๋าได้ก็เดินลิ่วออกมาจากห้องเรียนโดยไม่ได้มองหน้าใครซักคน
“ก็..เรื่องวันนี้ ที่ห้องเรียน...” เอ่ยบอกคนตัวสูงเสียงแผ่วพลางก้มหน้าลงดังเดิม ริ้วแดงที่ฉาบทับแก้มใสประจานว่าคนตัวเล็กกำลังอายมากแค่ไหน
“แล้ว?” เอ่ยเพียงสั้นๆเป็นเชิงคำถามว่ายังไงต่อ ไม่ใช่ชานยอลเองไม่รู้ว่าแพคฮยอนหมายถึงเรื่องอะไร แต่พอเห็นท่าทางของคนตัวเล็กที่แสนน่ารักกลับทำให้เขาอยากแกล้งร่างเล็กในอ้อมกอดนี่ซะเหลือเกิน
“ชานยอล!” แพคฮยอนเงยหน้าส่งสายตาขุ่นคล้ายกับไม่พอใจเล็กๆ ปากบางงอคว่ำลงเหมือนเด็กกำลังถูกขัดใจ พาลคิดอยากจะฟาดร่างสูงตรงหน้าแรงๆซักทีให้หายหมั่นไส้ แต่ติดที่ว่ายังโดนกอดทั้งตัวอยู่แบบนี้
“ปล่อยได้แล้ว ..คนมอง” บอกกับคนตัวสูงอีกครั้ง แต่คราวนี้ชานยอลยอมปล่อยอย่างว่าง่าย มือหนาเปลี่ยนเป็นเลื่อนมากระชับมือบางของแพคฮยอนเอาไว้แทน
“อายเหรอ อายทำไม เค้าก็รู้กันทั้งห้องแล้ว จะให้รู้อีกทั้งโรงเรียนก็ไม่เห็นเป็นไร”
คนตัวสูงลอยหน้าลอยตาพูด แม้น้ำเสียงจะนิ่งเรียบแต่กลับแฝงความหยอกเย้าในที ชานยอลที่ดูแปลกไปจากเดิม จากผู้ชายที่แสนเย็นชาไร้ความรู้สึกยากต่อการเดาอารมณ์ที่แพคฮยอนได้พบตั้งแต่ครั้งแรกที่เหยียบย่างเข้ามาที่นี่ ผู้ชายไร้อารมณ์ที่ดูมีเสน่ห์น่าค้นหากลับกลายเป็นชานยอลที่ดูขี้เล่นชอบแกล้งแบบนี้
“จะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้หน้าทนเหมือนชานยอลนี่!”
แพคฮยอนตอบกลับไปตามความรู้สึกโดยไม่รู้ตัวซักนิดว่าตอนนี้ตัวเองใช้น้ำเสียงแบบไหนกับคนตัวสูง ชานยอลกระชับมือของเขากับมือบางของคนข้างกายดึงรั้งเบาๆให้คนตัวเล็กขยับเท้าตามและเดินไปด้วยกันช้าๆ
“ว่าฉันหน้าด้านเหรอ” ชานยอลเอ่ยเสียงเรียบ ตาคมเหลือบมองคนข้างกายที่ทำท่าตกอกตกใจอีกระรอก ตาเรียวเบิกกว้างมองหน้าคู่สนทนาพลางปฏิเสธพัลวัน
“เปล่าซะหน่อย ก็ฉัน...อายนี่น่า ดูสิมีแต่คนมองเต็มไปหมด อย่างกับตัวประหลาดเลย”
ปลายเสียงแผ่วลงเล็กน้อย มองรอบๆตัวก็พบแต่สายตาแปลกๆที่คนรอบข้างส่งมาให้ บางคนถึงกับจับกลุ่มกระซิบกระซาบกันอย่างชัดเจน
“อายที่จะอยู่กับฉันเหรอ”
ชานยอลส่งคำถามให้กับคนตัวเล็กอีกครั้ง ร่างสูงหยุดเดินเอาดื้อๆ สายตาคมมองกวาดไปทั่วบริเวณที่ยังคงมีนักเรียนอยู่ทำกิจกรรมที่ต่างกันออกไปประปราย บ้างที่เดินผ่านก็ก้มหัวให้กับคนตัวสูงอย่างนอบน้อม บ้างก็จับกลุ่มมองมาที่ชานยอลและแพคฮยอนพลางเปิดประเด็นสนทนา รวมไปถึงพวกแฟนคลับสาวๆที่เดินตามคนทั้งคู่มาห่างๆตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากห้องเรียน
“มะ..ไม่ใช่ อย่างนั้น ซะหน่อย” แพคฮยอนเอ่ยเสียงอ่อย รู้สึกถึงความตัดพ้อเล็กๆในคำถามเมื่อครู่ คนตัวเล็กได้แต่มองไปรอบตัวอย่างอึดอัด เขาไม่ชอบเลยที่จะถูกมองด้วยสายตาแบบนี้ สายตาที่บอกว่าเขาไม่คู่ควรที่จะอยู่ตรงนี้ มันไม่ใช่ที่สำหรับเขา
ชานยอลปล่อยมือที่เกาะกุมมือเล็กออกและมันล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแทน ใบหน้าคมถูกฉาบทับด้วยความเรียบเฉยอย่างที่เคยเป็น ดวงตากลมโตที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงดูสวยกลับมาเย็นชาอีกครั้ง ชานยอลมองหน้าคนตัวเล็กชั่วอึดใจก่อนตัดสินใจเอ่ยประโยคคำถามกับแพคฮยอนอีกครั้ง
“ไม่ว่าจะยังไงแพคฮยอนก็จะอยู่กับฉันใช่มั้ย?”
แพคฮยอนนิ่งอึ้งกับถ้อยคำของร่างสูง เสียงทุ้มเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ ดวงตากลมจ้องมองใบหน้าของคนตัวเล็กนิ่งอยู่อย่างนั้น รอคอยคำตอบ..
ร่างเล็กเผลอกัดริมฝีปากจนช้ำ ในใจของตนเองต้องการอะไรแพคฮยอนรู้ดี แต่เขาในตอนนี้จะยอมรับสภาพแสนอึดอัดเหล่านี้ไหวหรือเปล่า จะทนต่อสายตาที่เหยียบย่ำความรู้สึกของคนที่อยู่รอบตัวพวกนี้ได้มั้ย แพคฮยอนไม่ใช่คนเข้มแข็ง แต่สถานการณ์รอบตัวทำให้เขาต้องพยายามยืนหยัดด้วยตัวเอง ทั้งที่ความรู้สึกของร่างเล็กนี้แสนเปราะบางเหลือเกิน
“ฉันเข้าใจแล้ว”
ชานยอลเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยังคงนิ่งเงียบ แววตาคมฉายแวววูบไหวเพียงครู่เดียวก็กลับมาเรียบเฉยดังเดิม คนตัวสูงค่อยๆหมุนตัวหันหลังให้กับแพคฮยอนช้าๆ เรียวขายาวขยับเคลื่อนห่างออกไปโดยไม่หันกลับมามองคนตัวเล็กที่ด้านหลังอีกเลย
“ฉันจะอยู่!! ไม่ว่ายังไงฉันก็จะอยู่กับชานยอล!!”
แพคฮยอนตะโกนออกไปแทบจะสุดเสียงโดยไม่สนใจสายตาหลายต่อหลายคู่รอบกาย ขาเล็กก้าวรวดเร็วจนไปยืนเบื้องหลังคนตัวสูงที่หยุดชะงักนิ่ง
“ให้ฉัน...ฮึก..อยู่ ..ข้างๆ ฮึก ชาน ยะ... อื้อ!!!”
เหมือนร่างทั้งร่างถูกกระชากตกลงจากที่สูงอย่างแรง หัวใจกระตุกวูบในทีแรกที่ดิ่งลงด้วยความเร็วสูง รวดเร็วรุนแรง เอาแต่ใจ ดำดิ่ง แต่กลับไม่เจ็บปวดจากแรงกระแทก ราวกับหมู่เมฆมากมายคอยโอบอุ้มร่างเล็กนี้ไว้และวางลงบนจุดหมายอย่างนิ่มนวล
“อือ แฮ่ก..” เผลอกำเสื้อของคนที่ช่วงชิงลมหายใจไปครู่ใหญ่แน่น ก้มใบหน้าชิดอกกว้างพลางโกยอากาศที่ขาดหายทดแทน หัวสมองเหมือนหยุดการประมวลผลไปชั่วขณะ
“ไม่ต้องสนใจใคร แค่อยู่ข้างฉันก็พอ”
แพคฮยอนพยักหน้ารับอย่างช้าๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้คนรอบกายจะมองมาที่เขาด้วยสายตาแบบไหน ในตอนนี้แพคฮยอนไม่สนใจมันอีกต่อไปแล้ว แค่รับรู้ว่าร่างสูงตรงหน้านี้จะหายไป หัวใจก็เจ็บจนแทบจะทนไม่ได้
“ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะอยู่ข้างๆชานยอล
TBC..
เมเม: มันเป็นการรีไรท์ที่ไม่เหมือนการรีไรท์ แต่ก็นะ ใช้ขนาดตัวหนังสือที่น่าจะอ่านง่ายมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เล็กเหลือเกิน ขอบคุณที่ยังมีคนกดเฟบเรื่อยๆ ยอดวิวยังคงเพิ่มเรื่อยๆ ดีใจที่ยังมีคนอ่าน ขอบคุณมากๆค่ะ^^
PS. ชอบชานยอลตอนนี้มากๆ รู้สึกว่าน่ารัก @Aprilnov0408
ความคิดเห็น