คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Accidental of love ♡ Chapter 14 หัวใจสองดวง
-ตอนที่14-
“ขอโทษ ถ้ามันทำให้นายรู้สึกแย่ ฉันไม่ได้ตั้งใจ เออ...ฉันอาจตั้งใจ แต่เพราะนายน่าหมั่นไส้”
จงอินกัดกัดปากตัวเองพลางพ่นลมหายใจหนักหน่วงอีกรอบ มือหนาถูกยกขึ้นขยี้ผมตนเองอย่างหัวเสีย เขารู้สึกหงุดหงิดที่เหมือนตัวเองพูดอะไรไม่เข้าท่า
“ทำไมมันยากงี้วะ”
สบถกับตัวเองไม่ดังนัก แต่ก็สามารถทำให้คนที่กำลังตั้งใจฟังได้ยินมันอย่างชัดเจน
“ฮึก...”
ร่างเล็กส่งเสียงสะอื้นแทนคำตอบ มือขาวยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆแต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหล ปกติแพคฮยอนไม่ใช่คนอ่อนแอร้องไห้ง่าย ตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาที่นี่ความเข้มแข็งของเขากลับถูกดูดกลืนหายไปเสียหมด หรือเป็นเพราะอยากทำตัวอ่อนแอเพื่อที่จะได้รับการปกป้องจากใครซักคน...อย่างนั้นหรือเปล่า
“หมายความว่านายยอมเป็นเพื่อนกับฉันแล้วสิ.. ฮืออออ”
แพคฮยอนเอ่ยเสียงสั่น น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แม้นาทีนี้คนตรงหน้าอาจจะเสแสร้งแต่ในใจแพคฮยอนกลับเชื่อสนิท จงอินปรี่เข้ามาหาแพคฮยอนด้วยความตกใจ คนผิวเข้มร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
อีกแล้วร้องไห้เพราะฉันอีกแล้ว..
“ฮะ..เฮ้ยย ร้องไห้ทำไมวะ”
อาการของคนตัวเล็กที่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุทำเอาจงอินทำอะไรไม่ถูก แพคฮยอนสะอื้นหนักขึ้นเรื่อยๆจนตัวโยน ลมหายใจหนักของจงอินถูกพ่นทิ้งเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ก่อนมือหนาจะยกขึ้นวางบนหัวคนตัวเล็ก จงใจลูบแผ่วเบาเพื่อปลอบ
“อย่าร้องไห้...”
ถ้อยคำอบอุ่นถูกส่งออกมาจากปากร้าย ริมฝีปากอิ่มที่คอยส่งแต่คำพูดที่ฟังแล้วแทบจุก ในตอนนี้กำลังปลอบประโลมแพคฮยอน
“ถ้าชานยอลมันรู้ว่าฉันทำนายร้องไห้อีก มันมาฆ่าฉันหมกหอสมุดแน่” จงอินพูดติดตลกแต่ดันรู้สึกปวดขมับกับประโยคแสนงี่เง่าของตัวเอง
เสียงสะอื้นของแพคฮยอนค่อยๆเบาลงและเงียบหายไปในที่สุด มือบางค่อยๆดันจงอินให้ถอยห่างออก เพราะระยะที่ใกล้ชิดเกินไปและคำพูดของใครบางคนที่ลอยวนขึ้นมาในหัว
อย่าให้ใครมาแตะต้องง่ายๆสิ ..
คนตัวเล็กใช้นิ้วเช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือลวกๆ ตาเรียวช้อนมองจงอินเพียงแว่บนึงก็หลุบลง
แพคฮยอนกัดปากอย่างชั่งใจก่อนตัดสินใจเอ่ยถามคนตรงหน้า
“หมายความว่าเราเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย?”
เสียงแผ่วไร้ซึ่งความมั่นใจ ประหม่ากลัวจนต้องหลบสายตาคมนั่นอีกครั้ง หากคำตอบคือไม่ได้ แพคฮยอนคงทำได้เพียงยอมรับสภาพ
ไม่มีค่าพอ แม้คำว่าเพื่อนก็ไม่มีสิทธิ์
“ถ้าชานยอลมันชอบนายฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะเกลียด”
แพคฮยอนพรูลมหายใจอ่อนๆ บางทีเขาเองอาจจะคุยกับจงอินไม่รู้เรื่อง ถ้าคนตรงหน้ายังจะเก็กมันซะขนาดนี้ ทั้งๆที่หลุดฟอร์มยอมมาขอโทษเขาแล้วแท้ๆ แต่คำตอบของจงอินก็ยังไม่ชัดเจน
“ไหนบอกยอมรับฉันแล้วไง แค่ความเป็นเพื่อนก็ให้กันไม่ได้เหรอ?”
แค่นึกหมั่นไส้อยู่บ้าง ตลอดเวลาที่ผ่านมาคนคนนี้ทำเขาปวดหนึบในใจมานานเท่าไหร่ แค่จะต้อนให้จนมุมบ้างคงไม่เกินไปหรอก
“โว้ย!! ไอ้เตี้ยจะอะไรนักวะ โอเค ฉัน นาย เราเป็นเพื่อนกัน พอใจยัง!.”
จงอินสบถดังลั่นอย่างหัวเสีย ใบหน้าคมขึ้นสีเข้มจัดกว่าเก่า
ไม่ใช่โกรธ แต่จงอินกำลังเขิน..
ถือว่าหายกันนะ คิมจงอิน..
ความจริงผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลวร้ายมากซักเท่าไหร่ ถึงแม้บางทีจะพูดอะไรไม่คิดไปบ้าง ทำอะไรตามใจตัวเองไปบ้าง แต่เมื่อรู้สึกว่ามันผิดก็พร้อมกลับมายอมรับและแก้ไข เพียงแค่วิธีมันอาจดูประหลาดและคำพูดตรงๆอย่างที่คิดอะไรก็พูด ไม่ได้ถูกสรรค์ปั้นแต่งมาตั้งแต่ต้น ความใจดีที่ซ่อนเอาไว้ ถูกบดบังแทนที่ด้วยท่าทางแสนจะกวนประสาท
ก็แค่ฟอร์มจัดเท่านั้นเอง
“ถ้าพวกสาวๆรู้ว่าฉันทำอะไรอย่างนี้ ฉันจะเอาหน้าไปไว้ไหน”
จงอินยังคงบ่นงึมงำ เขาเปิดประตูหอสมุดออกโดยมีแพคฮยอนเดินตามหลังมาติดๆ ที่ด้านหน้าของมีร่างของใครคนนึงยืนรออยู่ก่อนแล้ว
คยองซูส่งยิ้มกว้างอย่างที่ชอบทำเป็นประจำมาให้อย่างเคย แพคฮยอนขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันโดยอัตโนมัติ แว่บแรกที่เห็นเพื่อนตาโต ใบหน้าเรียวก็ขึ้นเป็นเครื่องหมายคำถามแทบทันที แพคฮยอนเหลือบมองจงอิน คนผิวเข้มแสดงสีหน้ายุ่งๆ ก่อนหันกลับมามองคยองซูที่ยังคงยิ้มแย้มพร้อมสีหน้าสบายใจสุดๆ
“ดีกันแล้วใช่ไหม”
คนตาโตเอ่ยถามยิ้มๆ ยิ้มแสนอ่อนโยนที่มักเจืออยู่บนใบหน้าได้รูป คยองซูคือเพื่อนที่แสนดีที่น่ารักกับแพคฮยอนเสมอ
“พอใจแล้วใช่ไหม!”
จงอินทำเสียงฮึดฮัดเอ่ยกับคนตาโตที่ยังไม่คลายยิ้ม แค่นั้นรอยยิ้มของคยองซูก็ลดลงจนจางหายไปจากใบหน้าน่ารัก เพื่อนตัวเล็กได้แต่ก้มมองมือของตนเองที่ประสานกันแน่นไว้ด้านหน้า
“หมดเรื่องละกลับบ้านได้แล้ว”
จงอินถือวิสาสะฉวยข้อมือของคยองซูเอาดื้อๆ ออกแรงดึงให้ร่างเล็กเดินตาม แต่แพคฮยอนก็เร็วไม่แพ้กัน มือบางคว้าข้อมืออีกข้างของเพื่อนตาโตพร้อมกับยื้อไว้แน่น จนกลายเป็นว่าทั้งแพคฮยอนและจงอินต่างยื้อยุดข้อมือเล็กไว้คนละข้าง
“ทำอะไรวะ ปล่อยยยย”
จงอินตวัดสายตาขุ่นใส่แพคฮยอน ไม่ใช่ว่าแค่จงอินยอมรับแล้วตัวแพคฮยอนจะมีความกล้าอะไรมากขึ้นหรอก แต่ความอยากรู้ระคนสงสัยมันมีมากกว่า
“หมายความว่ายังไง?”
“อะไรของนาย?”
จงอินถามกลับเสียงขุ่นไม่แพ้สายตา ทำไมแพคฮยอนชอบทำอะไรที่มันดูจุกจิกนัก โดยเฉพาะเวลาอยู่กับคยองซูด้วยแล้ว ไม่ได้ไม่ชอบหน้าขนาดนั้นซะหน่อย ยอมรับว่าโกรธที่เห็นเพื่อนรักต้องเจ็บตัวเพราะความวุ่นวายของเจ้าตัวเล็กนี่ แต่เพราะเหตุผลที่เพียงพอของเพื่อนรักตัวสูงจึงเจือจางความขุ่นมัวที่จงอินมีต่อแพคฮยอนไปบ้าง แต่ไม่รวมเรื่องนี้ ที่แพคฮยอนดูเกะกะเหลือเกินเวลาอยู่ใกล้คยองซู
“ที่พูดกับคยองซูไง หมายความว่าไง”
“ห้ะ?”
“นายคงไม่ได้อยากจะมาขอโทษอะไรฉันจริงๆ แต่เพราะคยองซูขอร้องมาใช่มั้ย? เอาจริงๆแล้ว
คนอย่างฉันก็ไม่สามารถกลายเป็นเพื่อนนายได้!!”
แพคฮยอนตอบกลับด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ใช่สิจงอินเกลียดเขาจะตาย อยู่ๆจะมาดีด้วยทำไม แต่ไม่เห็นต้องสนเลย ไม่เห็นต้องสนคนอย่างจงอินเลย!
แล้วเพราะอะไรแพคฮยอนต้องแคร์คนพวกนี้ด้วยล่ะ ทั้งเซฮุนทั้งจงอินล้วนอคติกับเขาทั้งนั้น เพราะทุกคนคือเพื่อนของชานยอลงั้นสินะ เพราะชานยอลใช่ไหม แต่บางทีนั่นก็ไม่ใช่เหตุผล การที่แพคฮยอนอยากเป็นเพื่อนกับทุกคน อยากได้มิตรภาพที่ดีมันผิดเหรอ?
และถ้าอยากได้มันจากชานยอลบ้าง.. มันจะดูโลภไปมั้ย?
“แพคฮยอนใจเย็นนะ มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก”
คยองซูบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของจงอินเบาๆ แล้วค่อยๆแกะมือเรียวที่ยื้อข้อมืออีกข้างของตนออก เปลี่ยนมากอบกุมมือของแพคฮยอนเอาไว้แทน
“จงอินน่ะ ถึงจะปากไม่ดีไปหน่อย แต่เพราะอยากจะขอโทษแพคฮยอนจริงๆนะ เลยยอมที่จะทำอะไรแบบนี้ ถ้าหากไม่อยากทำจริงๆใครจะบังคับได้ล่ะ จริงมั้ย?”
“ฉันแค่บอกว่า มันคงจะดีถ้าทำอย่างนั้น เท่านั้น .. เพราะแพคฮยอนคงรู้สึกไม่ดีมากๆ”
แพคฮยอนหันไปสบตาจงอินที่ตอนนี้ทั้งสีหน้าและแววตาดูยุ่งหนัก มือหนาถูกยกขยี้ท้ายทอยตนเองด้วยความขัดใจ หากแต่ไม่ใช่กับคนรอบข้าง ไม่ใช่ทั้งแพคฮยอนหรือคยองซู แต่จงอินกำลังขัดใจกับตัวเอง ขัดใจกับนิสัยตัวเอง
ก็ขี้เก๊กซะขนาดนั้น พูดให้จบอธิบายให้ครบจะตายหรือไง ให้คยองซูออกหน้าอยู่ได้
ริมฝีปากบางระบายยิ้มออกมา คำพูดแสนหนักแน่น แววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงจังจริงใจ ปัดเป่าความขุ่นหมองใจเลือนหายไปจากแพคฮยอนอย่างหมดสิ้น
แพคฮยอนกุมมือตอบ สบตาและยิ้มให้คยองซูอย่างสบายใจ เพื่อนตัวเล็กทั้งสองสบตากันไปมา มือเล็กเปลี่ยนมาประสานกันไว้คนละข้าง ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
“พอ!!”
มือเล็กทั้งสองถูกจับแยกออกจากกันด้วยมือของใครอีกคน คิ้วเข้มของจงอินขมวดจนแทบผูกเป็นปม คยองซูทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจ ผิดกับแพคฮยอนหันกลับไปมองจงอินอย่างครุ่นคิด
จริงอยู่จงอินไม่ได้รู้สึกกับคยองซูแค่เพียงเพื่อน แต่ไอ้อาการที่แสดงออกเมื่อครู่มันคืออะไร ทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้คยองซูก็เช่นกัน จงอินมักจะมาวนเวียนใกล้ๆแทบจะทุกครั้ง ขอให้ได้เหน็บนิดแนมหน่อยก็ดูจะพอใจแล้ว
จงอินเคยเกลียดแพคฮยอน หรือแค่ไม่พอใจกันแน่?
และ คยองซูคือเหตุผล
ตาเรียวของแพคฮยอนเบิกกว้างทันทีที่นึกออก เข้าใจความจริงที่จงอินซ่อนเอาไว้อย่างแจ่มแจ้ง
ห่วงชานยอลมากเลยโกรธฉัน ..ไม่ชอบหน้า
แต่กับคยองซู คือหวงสินะ.. ไม่สิหึงต่างหาก..
เหตุผลที่หมั่นไส้ฉันมาตลอด
“เหอะ” แพคฮยอนแค่นยิ้มส่งเสียงงึมงึมในลำคอ ใบหน้าเรียวส่ายช้าๆ สบตากับคนผิวเข้มนิ่งแต่แฝงไปด้วยแววตารู้ทัน
ยังจะซ่อนมันไว้อีกต่อไปเหรอคิมจงอิน ทั้งที่คยองซูก็ดูจะไม่ได้รู้สึกแตกต่างไปจากนายเลย
นายกำลังกลัวอะไรกัน? หรือนายไม่รู้ ....หรือนายแกล้งไม่รู้
“นี่....ถ้าไม่ยอมบอกความรู้สึกละก็ นายไม่สามารถจะปกป้องเค้าให้อยู่กับนายได้ตลอดหรอก ถึงนายจะอยู่ข้างๆคอยปกป้องดูแลเค้าก็ได้เพียงแค่ภายนอก แล้วหัวใจล่ะ นายดูแลได้ด้วยรึเปล่า?”
แพคฮยอนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำขลับ อยากบอกให้จงอินเข้าใจ สิ่งที่ทำอยู่มันสบายใจแล้วเหรอ
พอใจเพียงแค่นี้ โดยไม่นึกถึงเลยว่ามันอาจทำให้หัวใจอีกดวงเหนื่อยล้าสักเพียงใด
“แพคฮยอนพูดเรื่องอะไรกัน?”
คยองซูเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ แพคฮยอนที่จริงจังกว่าเคยดูแปลกออกไปในสายตาเขา ทั้งสีหน้าและแววตาคล้ายจะบีบบังคับจงอินให้ต้องตอบคำถาม
“นายพูดเรื่องอะไรกับฉันมากมายข้างในนั้น นายที่เข้าใจคนอื่นเป็นอย่างดี แต่กลับไม่เข้าใจตัวเองงั้นเหรอ คิมจงอิน”
ความเงียบแล่นเข้าปกคลุมไปทั่ว จงอินที่เอาแต่เงียบงันสร้างความอึดอัดให้กับคยองซู คนตัวเล็กไม่รู้ว่าสิ่งที่แพคฮยอนพูดหมายถึงอะไร ใครที่จงอินจะต้องดูแล ความรู้สึกหน่วงในอกที่เก็บกักถูกกดจมลงไปอีกเป็นเท่าตัว อดทนเพื่อจะได้ใกล้กับร่างสูงตรงหน้านี้ ยอมรับการผูกมัดด้วยสัญญาว่าจะคอยปกป้องดูแล
แล้วยังมีใครที่จงอินยังต้องดูแลอีก ไม่ใช่แค่คยองซูคนนี้งั้นเหรอ
...แม้ความห่วงใยที่แสดงออก ไม่ถูกเจือจางด้วยความรัก แม้จะแค่อยากรับผิดชอบชดเชยให้กับเรื่องราวในอดีต แม้เพียงแค่นั้น คยองซูก็พอใจ
แค่ได้อยู่ใกล้กัน ..ก็เพียงพอแล้ว…
บรรยากาศของความเงียบยังคงโรยตัวอยู่รอบกายคนทั้งสาม คยองซูที่จมอยู่กับความคิดตัวเอง แพคฮยอนที่ยังคงรอคอยคำตอบ หรือแม้แต่จงอินที่กำลังทบทวนบางอย่างในใจ
“ใครว่าฉันไม่ปกป้อง”
อินเค้นเสียงออกมาได้แค่นั้น คำพูดก็ถูกกลืนหายไปอีกครั้ง คนตัวสูงสูดลมหายใจลึก ความรู้สึกมากมายที่ถูกซ่อนไว้ด้านในสุดของหัวใจกำลังเร่งเร้าจนแทบหายใจไม่ออก ไม่ใช่ไม่เจ็บที่ต้องซ่อนมันเอาไว้ ไม่ใช่ไม่อยากเปิดเผยออกมา เพียงแต่เลือกผูกมัดอีกคนไว้ด้วยวิธีไม่ฉลาด เพียงแค่กลัวว่าหากความจริงเปิดเผยใครคนนั้นจะห่างออกไปจนคว้าเอาไว้ไม่ได้อีก
“ฉันพยายามปกป้องหัวใจดวงนั้นมาตลอดด้วยความเจ็บปวดของฉัน”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาติดจะสั่น พยายามเป็นคนเข้มแข็งพยายามไม่สนใจอะไร การแสดงออกที่แข็งกระด้าง ทั้งห่วงจนไม่รู้จะยังไง หวงทุกครั้งที่ร่างเล็กต้องใกล้ชิดกับคนอื่นที่ไม่ใช่ตน
“ฉันต้องอดทนตั้งเท่าไหร่ ใกล้ชิดแต่แตะต้องไม่ได้ ผูกมัดเค้าไว้ด้วยสัญญาบ้าบอ รั้งให้เค้าอยู่กับฉันมันก็มากพอแล้ว คนอย่างฉัน มันมีสิทธิ์อะไรวะ!”
“แค่ คอยกางปีกที่มองไม่เห็นอยู่อย่างนั้น ก็ควรจะพอแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ที่นายต้องเจ็บตัวก็เพราะฉัน.. ฉันสัญญา..จะดูแลนายตลอดไป...
จงอินพูดด้วยเสียงที่อ่อนลง น้ำเสียงที่เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจถูกส่งออกมาบางเบาราวกับกระซิบ ร่างสูงค่อยๆขยับเท้าก้าวจนมายืนเบื้องหน้าของคนที่ผูกมัดหัวใจเขาไว้ทั้งดวง มัดแน่นจนไม่กล้าขยับ
แน่นจนกลัวว่าซักวัน แรงบีบนั้นจะทำให้มันหยุดเต้นไปเสียให้ได้
“เด็กสองคนในครอบครัวที่สนิทสนมเพราะบ้านติดกันไปมาหาสู่กันเหมือนญาติพี่น้อง แต่เด็กทั้งสองที่ต่างเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านกลับไม่สนิทกันเอาซะเลย ไม่เคยแม้แต่จะพูดคุยกันด้วยซ้ำ เด็กคนนึงเป็นเด็กเกเร ชีวิตมีแต่เรื่องแย่ๆ มีแผลติดตัวกลับบ้านไม่เว้นแต่ละวันไม่เคยสัมผัสถึงคำว่าตั้งใจเรียน
“ส่วนอีกคนเป็นเด็กดีแสนจะเรียบร้อย เรียนได้คะแนนอันดับต้นๆของชั้นเป็นคนที่ไม่ว่าใครเห็นก็จะต้องพูดว่าน่ารัก...”
“ความแตกต่างของทั้งคู่ยิ่งกว่าสีขาวกับสีดำ ทุกทีที่บังเอิญพบกันสายตาที่เด็กน่ารักส่งมาให้เจ้าเด็กเกเรก็มีแต่ความหวาดกลัว หมอนั่นไม่รู้เลยว่า การที่ต้องคอยแอบมองคนที่เราอยากเห็นหน้าเค้าทุกวันแต่เค้าไม่อยากเห็นหน้าเรามันเจ็บปวดขนาดไหน อยากคุยด้วยใจแทบขาดก็ทำไม่ได้
ดวงตาสีเข้มที่เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ในตอนนี้เต็มไปด้วยความหม่นหมอง ความรู้สึกที่ถูกเก็บกักเอาไว้มาเนิ่นนานกำลังถูกปลดปล่อยผ่านทางสายตาคมอย่างหมดสิ้น
“แต่บางทีสวรรค์ก็ไม่ได้โหดร้ายเกินไป พระเจ้ายังมอบความเมตตาให้ฉันได้อยู่ใกล้ๆเค้าคนนั้น มันเป็นความโชคดีที่ต้องแลกกับความเจ็บปวดยิ่งกว่าเก่า ได้ใกล้ชิดแต่มาสามารถแตะต้องได้ มันต่างอะไรกับการคอยมองอยู่ไกลๆเหมือนที่ผ่านมา ฉันไม่รู้ว่า ถ้าก้าวผ่านเส้นความสัมพันธ์นั้นมา มันจะเป็นยังไง เพราะฉันขี้ขลาดเลยปล่อยมันคาราคาซังแบบนี้”
“ได้ยินไหมคยองซู” แพคฮยอนเอ่ยกับเพื่อนสนิท ถึงเวลาแล้วที่เพื่อนคนนี้ของเขาจะเปิดใจ
ยอมรับซะที ตลอดเวลาที่คยองซูเฝ้าคิดว่าการกระทำของจงอินเป็นเพียงแค่การรักษาสัญญาในอดีต
ไม่กล้าที่จะเปิดใจยอมรับ
“สองคนควรได้คุยกันนะ อืม..ฉันไปรอตรงโน้นดีกว่า”
แพคฮยอนเลือกที่จะเดินหนีไปดื้อๆ ที่เหลือปล่อยให้ความรู้สึกที่เกินกักเก็บของคนทั้งคู่ข้ามผ่านเส้นกั้นบางๆเส้นนั้น ให้หัวใจทั้งสองดวงละลายกำแพงที่ต่างสร้างกันขึ้นมาด้วยความคิดเพียงข้างเดียว
“ไค ....”
เอ่ยเรียกเสียงแหบพร่า ตากลมช้อนสบสายตาคมที่ยังไม่ยอมละไปไหน
“ทำไมยอมเรียกแล้วล่ะ”
จงอินยกใช้หลังมือแตะข้างแก้มคยองซูแผ่วเบา ไล้หลังนิ้วอุ่นสัมผัสไปกับแก้มขาวของคนตรงหน้า อยากดูแล อยากกอด อยากปกป้อง ..ฉันแค่ขี้ขลาดเพียงเท่านั้น คยองซู...
“ทำไม ถึงได้..”
คยองซูเค้นเสียงอย่างยากลำบากไม่แพ้กัน ความรู้สึกที่ถูกกดจมกลับกลายเป็นความปวดหนึบจนแทบชา ความจริงจากปากร่างสูงที่เขาไม่เคยได้รับรู้
“ตลอดเวลา ฉันต้องอดทนมากแค่ไหนรู้มั้ยคยองซู ทั้งที่ฉันอยากดูแลอยากปกป้องเด็กข้างบ้านที่ดูอ่อนแอคนนั้น แต่เค้าจะสนใจเด็กเกเรมีแผลกลับบ้านไม่เว้นแต่ละวันแบบฉันหรือเปล่า เด็กดีคนนั้น กับคนไม่ดีอย่างฉัน ฉันถือสิทธิ์อะไรได้?”
“แล้วอยู่ๆวันนึงเด็กนั่นก็เอาตัวเข้ามาปกป้องฉัน ความรู้สึกตั้งแต่วันนั้นมันไม่ลดไปเลย ฉันไม่รู้ต้องทำยังไง... คยองซู ก้าวไปข้างหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังกลับก็ไม่ได้ ฉันไม่รู้ ไม่รู้เลย..”
น้ำหยดใสร่วงจากปลายหางตา ปากอิ่มที่ชอบยกยิ้มร้ายสั่นพอๆกับแววตาที่สะท้อนภาพคนตัวเล็ก
“จากวันนี้ไปนายจะเกลียดฉัน ถอยห่างจากฉัน ฉันก็แค่เจ็บเหมือนเดิมแต่ไม่เท่าเดิม ทุกอย่างที่ทำแค่เพื่อให้นายอยู่ตรงนี้ เพื่อให้นายยังอยู่ข้างๆฉันเท่านั้น คยองซู..”
แผ่นหลังกว้างกำลังเคลื่อนห่างออกทุกทีไป ชั่วเสี้ยวนาทีที่ได้รับรู้ความจริงจากปากคนตัวสูง
ม้วนฟิลม์ในความทรงจำก็ฉายชัดอีกครั้ง
เคียงข้างดูแล ปกป้อง มากมายยิ่งกว่าเพื่อนคนนึงจะมอบให้เพื่อนคนนึงได้
“อย่าอยู่ห่างจากฉันก็พอ”
ถ้อยคำถือดีเอาแต่ใจที่คอยย้ำ คยองซูไม่เคยรับรู้ถึงความหมายแท้จริงของมันเลย
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว ที่ดวงตากลมมักจะเผลอไผลมองเด็กข้างบ้านคนนั้น เห็นกันมาตั้งแต่จำความได้ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว ที่ไม่สามารถละสายตาไปได้เลย บ่อยครั้งที่เผลอสบตา บ่อยครั้งที่พบกันโดยบังเอิญ แต่ก็ต้องเป็นฝ่ายหลบตาคมคู่นั้นไปเสียเอง เด็กคนนั้นน่ะน่ากลัว แต่คยองซูก็อยากลองคุยด้วยซักครั้ง ติดที่ไม่กล้า ติดที่ใบหน้าคมมักจะแสดงความหงุดหงิดทุกครั้งที่บังเอิญได้สบตากัน นานเท่าไหร่แล้วนะ
จงอินก็ไม่เคยรู้เหมือนกันนั่นแหละ..
Accidental of love♡
“เป็นไงบ้าง”
นิ้วเรียวแตะที่ข้างขมับเบาๆ จนแทบไม่รับรู้ถึงสัมผัสนั้น นิ่มนวลแสนอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรแล้ว หายแล้ว จงอินไม่ต้องห่วงหรอก”
ยิ้มรับอย่างเคย ชินแล้วกับการที่คนคนนี้เข้ามาดูแลอย่างนี้ ตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่อง จงอินแทบจะไม่ยอมห่างจากคยองซูเลย
“ไค....”
“หือ?”
“ ชื่อของฉัน”
นั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม แสร้งหยิบหนังสือมาเปิดผ่านโดยไม่มองหน้าคู่สนทนา
“อ๋อ ใช่แล้ว..เห็นป้าจีอึนชอบเรียกนายบ่อยๆ”
ยิ้มให้จนตาหยี มือเล็กเอื้อมไปหยิบดินสอที่ละไว้ก่อนหน้ามาจรดกับหน้ากระดาษเพื่อทำการบ้านที่ยังคั่งค้างอยู่
“นายก็เรียกด้วยสิ”
เงยหน้าจากสมุดสีขาวสะอาด กรอกตามองคนตัวสูงอย่างไม่เข้าใจ ก่อนหลุบลงหันมาสนใจกับการบ้านดังเดิม
“ไม่ดีหรอกมั้ง ฉันไม่ชินน่ะ”
เอ่ยทั้งที่ยังสนใจกับการบ้านตรงหน้า ....ไม่มีโอกาสได้รับรู้ ไม่มีโอกาสได้เห็นถึงความวูบไหวในแววตาคมคู่นั้น…
และซ่อน ความอ่อนไหวจากแก้วตาใสของตนเอง
ฉันไม่ชินน่ะ
ฉันไม่กล้าหรอก....
Accidental of love♡
“แผลหายสนิทแล้ว จงอินไม่ต้องมาที่นี่ทุกวันก็ได้นะ ฉันสบายมาก”
ส่งยิ้มตาหยีให้คนตัวสูงอย่างเคย ชินกับการถูกดูแล คอยช่วยหยิบจับโน่นนี่ แต่ก็เกรงใจที่บั่นทอนเวลาส่วนตัวของจงอิน
“ทำไม บ้านก็อยู่แค่นี้ ฉันไม่มาแม่ก็มาอยู่ดีไม่ใช่เหรอ หรืออยากให้แม่ลำบาก”
ประโยคโต้ตอบแฝงคำถามทำให้คยองซูอึกอัก แต่ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ เขาสามารถดูแลตัวเองได้
ไม่อยากใกล้ฉันขนาดนั้นเลยเหรอ ทุกครั้งที่นายจะถอยห่าง ซีกหนึ่งของหัวใจมันเหมือนถูกบีบ หายใจแทบไม่ออกรู้มั้ย มัน อึดอัดไปหมด ถ้านายไกลออกไปหัวใจคงทนอยู่ไม่ได้
ขอแค่ได้อยู่ข้างนายตรงนี้ ถึงหัวใจอีกซีกจะถูกบีบแทบแหลกไม่แพ้กัน แต่แค่ได้เห็นหน้านายทุกวัน ได้ยืนอยู่เคียงข้างนาย จะเจ็บเจียนตายก็ยอม
เพียงแค่มีนาย คยองซู
มีก็เจ็บไม่ต่าง ถึงจะยืนข้างๆนายตรงนี้ แต่ไม่อาจก้าวข้ามเส้นจางๆที่ถูกขีดไว้โดยใครซักคนไม่ได้ แต่หากไม่มีก็เจ็บยิ่งกว่า เพราะฉันคงทนไม่ได้หากนายต้องห่างออกไปจนคว้าไม่ได้อีก ฉันไม่ยอม!
“ฉันเกรงใจ.. แค่จงอินต้องตื่นเช้ากว่าปกติไปส่งฉันที่โรงเรียน แล้วตอนเย็นก็ต้องรีบกลับมาส่งที่บ้านอีก มันก็มากพอแล้วนะ”
ตอบรับเสียงแผ่ว ไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า ไม่อยากให้จงอินต้องมาลำบากเพราะเขา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คยองซูตัดสินใจเอ่ยกับจงอินแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่เอ่ยคำพูดทำนองนี้ก็จะได้รับคำตอบแบบเดิมเหมือนกันทุกที ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่ใกล้ แต่ไม่อยากให้ความใกล้ชิดผลักดันความรู้สึกให้ถลำมากเกินไป
แต่หากต้องถอยไปไกลจริงๆคยองซูจะทนได้หรือเปล่า จะทนวันที่ไม่มีจงอินยืนข้างๆได้มั้ย สัญญาที่ถูกสร้างเพื่อรับผิดชอบไม่ได้มีค่ากับหัวใจดวงนี้เลย แม้จะเป็นแบบนั้นแต่คยองซูเลือกแล้ว อยากอยู่กับคนคนนี้ คอยเฝ้ามองในระยะใกล้อย่างนี้ ไม่อยากละสายตาไปอีกแล้ว ... เพียงแค่ ใกล้กันไปกว่านี้ไม่ได้
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วคยองซู นี่คือหน้าที่ของฉัน จำเอาไว้แค่ว่า อย่าอยู่ห่างจากฉันก็พอ”
อีกคนเลือกผูกมัดด้วยสัญญาที่ไม่ได้มีค่าตั้งแต่ต้น เพื่อเหนี่ยวรั้ง
อีกคนเลือกจะถูกผูกมัดด้วยสัญญา เพียงเพื่อได้ใกล้ชิด
“จงอิน จงอินฉันช่วยทำตรงนี้เสร็จแล้ว”
“ เรียกไคสิ”
“จงอิน วันนี้ต้องไปทำความสะอาดแต่เช้านะ”
“ ชื่อของฉัน ไค “
Accidental of love♡
มือเล็กถูกสอดเข้ามารั้งร่างที่กำลังห่างออกไปให้หยุดนิ่ง ใบหน้าซบกับแผ่นหลังกว้างราวกับจะซึมซับทุกความรู้สึก กระชับอ้อมกอดแน่นคล้ายกับเกรงว่าร่างนี้จะหลุดหายไป
“ทำไมใจร้าย ทำไมถึงไม่บอกตั้งนานแล้ว ทำไม”
เสียงอู้อี้จากการกดทับลงไปกับแผ่นหลังกว้างนั้นไม่ทำให้จงอินได้ยินมันชัดน้อยลงเลย ความชื้นที่ซึมผ่านเนื้อผ้าบ่งบอกว่าคยองซูกำลังร้องไห้
มือหนาค่อยๆแกะอ้อมแขนรัดแน่นนั้นออกช้าๆ ร่างสูงหันมาเผชิญหน้ากับคนตัวเล็กกว่าด้วยแววตาไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช้นิ้วเกลี่ยหยาดน้ำตาที่เปรอะไปทั่วแก้มขาวนั้นออกอย่างเบามือ
“ทั้งๆที่ .. ฮึก... ฉัน... ฮืออ ...ฉันน่ะ ยอมอยู่ตรงนี้ก็เพื่อนายมาตลอดเหมือนกัน ฮือ…”
คยองซูสะอื้นจนคำพูดขาดช่วงตะกุกตะกัก แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการรับฟังของจงอินเลย ต่อให้เสียงเบายิ่งกว่ากระซิบ เขาก็ยังคงจะได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน
“คยองซู หมายความว่า นาย...”
ก้อนเหนียวแล่นมาจุกที่คอจนพูดไม่ออก ความรู้สึกมากมายตีรวนในอกจนจงอินเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
“ถ้า ไค อยากฟัง เล่าทั้งวันมันก็ไม่จบหรอกนะ”
ยิ้มให้ทั้งน้ำตา ความรู้สึกที่ถูกซ่อน หัวใจทั้งสองดวงก้าวข้ามเส้นกั้นสีจาง จากนี้และต่อไป เหตุผลที่ผูกมัดคนทั้งคู่ให้อยู่ด้วยกัน จะมีแค่หัวใจเท่านั้น
TBC…
เมเม: เรื่องเล็กน้อยในสายตาคุณบางทีอาจเป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับใครก็ได้ เหตุผลที่คิดเองว่ามันคงจะเป็นอย่างนั้น ควรจะเป็นอย่างนี้ อาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดเสมอไป... เพราะหัวใจของเราที่สร้างกำแพงขึ้นมาเองทั้งนั้น **เราไม่ได้ดราม่าเองแต่นี่คือมุมมองความรักของคิมจงอิน แต่งยากมากค่ะ แค่ประโยคพูดสั้นๆปาไป4-5วัน เพราะต้องสื่อในมุมของจงอินในเรื่องแบบสุดๆแต่ก็ทำได้แค่นี้ เศร้านิด(_ _) หวังว่าจะไม่งงกันนะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามตลอด ดราม่าที่แท้จริงกำลังมา พระเอกของเรา ฮือออ เราขอโทษดองเค็มนางอีกแล้ว T.T
***รีไรท์ก็ยังใช้ทอล์คเดิม โถวขี้เกียจ5555555 #ฟิคอุบัติเหตุ แท็กมาตอนฟิคจบ เพราะฉะนั้น ร้างขรั่บ (แต่คอมเม้นท์ยังมีมาเรื่อยๆ ขอบคุณจริงๆค่ะ ) @Aprilnov0408
-แถม-
โปรโมตฟิคเรื่องแรกในชีวิต หากยังมิเคยอ่าน จิ้มเบาๆ
เรื่องนี้ไม่มีใครโหวตเลยแฮะ? อิอิ ลองเข้าไปอ่านกันดูนะค้าาาาาา อย่าลืมติชมกันบ้าง^.^
ความคิดเห็น