คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Accidental of love ♡ Chapter 12 เพียงเปิดใจ
-ตอนที่12-
"ที่นี่เหรอ"
แพคฮยอนพยักหน้ารับเบาๆเมื่อถึงที่หมาย ชานยอลกวาดสายตามองไปรอบๆด้วยสีหน้าปกติเหมือนทุกที โดยมีจงอินยืนทำหน้าง่วงอยู่ไม่ห่างออกไปนัก ชานยอลละสายตาจากการสำรวจรอบๆกลับมามองหน้าแพคฮยอน ดวงตากลมโตที่ดูสวยราวกับดวงตาของผู้หญิงสบตาแพคฮยอนนิ่งโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
คนคนนี้แม้จะเย็นชาและดูไร้ความรู้สึก แต่กลับมีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาดราวกับซ่อนบางสิ่งไว้ใต้หน้ากากที่ว่างเปล่า ฉาบทับใบหน้าจริงที่อาจมีอะไรมากไปกว่าที่เห็น...
อยากรู้จัก คนคนนี้ให้มากกว่านี้ ....
"นายอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ" ชานยอลที่เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เจ้าตัวกลับเสมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่ดวงหน้าของแพคฮยอน พึมพัมคล้ายจะพูดกับตัวเองแต่กลับเป็นประโยคที่สื่อว่าถามคนตัวเล็ก
ทำไมเวลาคุยด้วยไม่ชอบมองหน้านะ! เวลามองก็มองเอาๆไม่คุย คนบ้าอะไรเนี่ย
นั่นสิ ...ทำไม?
"อื้ม" แพคฮยอนตอบรับเบาๆแต่ก็ดังพอที่ชานยอลจะได้ยิน
"ขอยืมมือถือนายหน่อย"
สายตาของชานยอลยังคงมองไปที่อื่น แต่คนตัวสูงกลับยื่นมือเรียวหนาออกมาด้านหน้า แพคฮยอนงุนงงกับการกระทำนั้นไม่น้อย แต่ก็ล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงไปวางไว้บนมือของชานยอล คนตัวสูงใช้มือเพียงข้างเดียวจิ้มหน้าจออยู่เพียงครู่ก็ส่งมันคืนให้กับแพคฮยอน ทำเอาคนตัวเล็กยิ่งงงหนัก เขารับเครื่องมือสื่อสารของตัวเองมาถือไว้ ประโยคคำถามที่ก่อตัวขึ้นในสมองและกำลังถูกกลั่นกรองเป็นคำพูด แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยคนตัวสูงก็เดินหนีไปซะดื้อๆ
"อะ.?" แพคฮยอนอ้าปากค้างได้แต่ก้มมองมือถือของตนเอง นิ้วเรียวสัมผัสเพื่อปลดล็อกหน้าจอก่อนลากผ่านเข้าสู่เข้าเมนูการใช้งานล่าสุด ยังคงเป็นเบอร์ของแม่เขา คิ้วเรียวขมวดยุ่งจนแทบพันกันด้วยความงุนงงระคนสงสัย หรือบางทีคนตัวสูงอาจจะใช้ส่งข้อความ แต่พอกดเข้าไปดูก็พบเพียงความว่างเปล่า
อาจจะลบทิ้งไปแล้วก็ได้มั้ง
“กลับกันเถอะ” ชานยอลเอ่ยกับจงอินเสียงเรียบเมื่อเดินผ่านโดยไม่ได้หยุดรอ ขายาวยังคงก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ จงอินหมุนตัวเดินตามชานยอลไปอย่างไม่รีบร้อนนัก แต่ไม่วายที่เสี้ยวหน้าคมจะหันกลับมาส่งยิ้มกวนประสาทแบบที่เจ้าตัวชอบทำให้กับแพคฮยอนที่ยืนทำหน้ายุ่งๆอยู่ด้านหลัง
“รีบเข้านอนซะนะไอ้หนู”
Accidental of love♡
นอนไม่หลับ...
แพคฮยอนพลิกไปพลิกมาในความมืดอยู่อย่างนั้น แม้พยายามข่มตาให้หลับแค่ไหนก็ไม่มีความง่วงแม้เพียงน้อยนิดเข้ามาทักทาย คนตัวเล็กค่อยๆดึงหมอนอีกใบมากอดไว้แนบออก สมองก็คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน
เพียงวันเดียวทำไมเกิดอะไรขึ้นมากมายขนาดนี้ ..ทั้งการได้พบกับลู่หานคนที่เซฮุนแอบชอบ ดูแล้วก็น่ารักเหมาะจะเป็นพี่สาวมากกว่าพี่ชายซะอีก คงเป็นเพราะหน้าสวยๆนั่นล่ะมั้ง ไหนจะอี้ชิงคนที่ลู่หานแนะนำว่าเป็นเพื่อนสนิทที่ดูเหมือนจะถูกใจเขาไม่น้อย เกิดมาไม่เคยโดนผู้ชายจีบก็เลยรู้สึกแปลกไปซักหน่อยแต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร
พี่อี้ชิงก็น่ารักดีนะ...
ดูเป็นคนเปิดเผยแสดงออกชัดเจน ไม่เหมือนกับ.....
ย่า !! พยอนแพคฮยอน ทำไมต้องคิดถึงแต่หมอนั่นด้วย!
แพคฮยอนผุดลุกขึ้นมานั่งทำหน้ายุ่งในความมืด มือเรียวควานหาโทรศัพท์ที่วางไว้หัวเตียงก่อนปลดล็อกและเริ่มสำรวจมันอีกครั้ง เขามั่นใจว่าชานยอลไม่ได้โทรออกเพราะไม่เห็นคนตัวสูงจะยกโทรศัพท์แนบหูเลยซักครั้ง ชานยอลแค่ทำเหมือนพิมพ์อะไรบางอย่าง ซึ่งเขาคิดว่าคนตัวสูงอาจจะใช้ส่งข้อความ และอาจลบมันทิ้งทันทีที่ส่งเสร็จ
แค่นี้ก็ต้องลบด้วย .. เชอะ ไม่เห็นจะอยากรู้เลย จะส่งหาสาวๆทำไมไม่ใช้โทรศัพท์ตัวเองห้ะ! คนระดับนายทำไมต้องมายืมโทรศัพท์คนอย่างฉัน หรือแบตจะหมด แล้วทำไมไม่ยืมของจงอินล่ะ เฮอะ!
แพคฮยอนล้มตัวลงนอนอีกครั้งเพราะรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ความคิดในสมองกับลังเล่นงานเขาอย่างจัง
ไม่รู้ว่าปล่อยให้คนตัวสูงมามีอิทธิพลอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แพคฮยอนยกโทรศัพท์จนอยู่ในระดับเดียวกับใบหน้า มืออีกข้างสัมผัสหน้าจอไปเรื่อยๆ เขากดผ่านเข้าสู่เมนูสมุดโทรศัพท์แบบไม่ได้ตั้งใจ จริงสิเขามีเพื่อนที่โรงเรียนเก่าหลายคนที่ไม่ได้ติดต่อไปหาเลยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้นเปลี่ยนเบอร์กันไปบ้างหรือยัง ที่โน่นจะเป็นยังไงบ้าง
แพคฮยอนคิดและยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงช่วงเวลาดีๆที่โรงเรียนเก่า สายตายังคงไล่อ่านรายชื่อผู้ติดต่อในสมุดโทรศัพท์ของตนไปเรื่อยๆ แต่จู่ๆร่างเล็กก็มีอันต้องเด้งตัวจากที่นอนราวกับติดสปริง ตาคู่สวยจ้องมองจอเครื่องมือสื่อสารแทบไม่กระพริบ พินิจดูว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่เพราะตาฝาด
รายชื่อที่ไม่คุ้นเคยในสมุดโทรศัพท์ แต่จำได้อย่างแม่นยำในความทรงจำ
ปาร์ค ชานยอล 010 xxx xxxx
Accidental of love♡
วันนี้ อากาศดีเกินไป.. รึเปล่านะ แต่อะไรๆก็ดูดีไปหมด แม้แต่หน้ากวนเบื้องล่างของจงอินยังดูหล่อ
และทั้งชานยอลเซฮุนและจงอินก็ยังเข้าเรียนพร้อมกันอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ยาก แม้ว่าทั้งชานยอลและเซฮุนจะเอาแต่หลับตลอดคาบก็เถอะ อะไร อะไร ..ก็ดี ดีจริงๆ
คยองซูมองหน้าแพคฮยอนที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แถมยังฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดีด้วยสีหน้าแปลกใจ ก็ตั้งแต่แพคฮยอนเข้ามาเรียนที่นี่ด้วยกัน เขายังไม่เคยเห็นแพคฮยอนอารมณ์ดีขนาดนี้เลยซักครั้ง
”มีอะไรน่ายินดีหรือเปล่าแพคฮยอน” คยองซูเอ่ยถามเพื่อนสนิท มือเรียวที่กำลังเก็บสัมภาระลงกระเป๋าชะงักเล็กน้อย แก้มใสขึ้นสีจางๆอย่างห้ามไม่อยู่ เขาหันมายิ้มที่เรียกว่ายิ้มกลบเกลื่อนเสียมากกว่าเพราะเหมือนจะถูกเพื่อนตาโตจับความรู้สึกได้
"เปล่านี่ ก็เหมือนเดิม" แพคฮยอนตอบกลับด้วยเสียงที่พยายามให้เป็นปกติ แม้หัวใจจะถูกสูบฉีดจนเต้นโครมครามเมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขมาทั้งวัน ..
ปาร์คชานยอล...
มือเรียวเผลอล้วงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาจ้องมองแล้วเผลอยิ้มอย่างลืมตัว ความดีใจบางอย่างแล่นริ้วไปทั่วจนไม่สามารถจะควบคุมกริยาที่แสดงออกมาได้ คยองซูได้แต่นั่งมองเพื่อนสนิทของตนตาปริบๆ ดูท่าแล้วแพคฮยอนเหมือนพวกที่กำลังมีความรัก หรือไม่ก็ตกหลุมรักใครซักคนเอามากๆ แต่มันเกี่ยวอะไรกับโทรศัพท์มือถือ
หรือจะตกหลุมรักกับโทรศัพท์..?
"น่าหมั่นไส้ชะมัด"
แพคฮยอนเงยจากจอเครื่องมือสื่อสารคู่กายด้วยใบหน้าหน้ายิ้มค้าง หัวใจที่เต้นรัวเหมือนกลองค่อยๆเต้นช้าลงไปทุกขณะ ความดีใจที่ไหลผ่านความรู้สึกเมื่อครู่มลายหายไปหมดสิ้นทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงกวนประสาทของจงอิน ที่ดันมายืนอยู่ตรงหน้าเขาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
"อะไร" แพคฮยอนถามไปอย่างไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ทำหน้าหงุดหงิดใส่จงอินขนาดไหน ทำไมหมอนี่ชอบมาขัดความสุขเขานักนะ จะไม่ค่อนขอดซักวันคงนอนหลับไม่สบายกินข้าวไม่อร่อยใช่ไหม!
"ฉันบอกว่า นายมันน่าหมั่นไส้ สมองไม่ประมวลผลหรือไงถึงฟังภาษามนุษย์ด้วยกัน ไม่รู้เรื่อง"
จงอินจงใจยื่นไงหน้าเข้ามาใกล้เน้นคำพูดทุกคำ นิ้วชี้ถูกยกขึ้นจิ้มหน้าผากมนย้ำๆ ถึงจะกล้าๆกลัวๆกับคนตรงหน้าบ้างแต่ความอดทนของแต่ละคนมีขีดจำกัด แพคฮยอนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาพยายามที่จะข่มความรู้สึกแต่เหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไร เมื่อสติสุดท้ายแห่งความอดทนขาดผึงลงไปแล้ว
"นี่ ! ฉันรู้ว่านายคงจะไม่ชอบขี้หน้าฉันเอามากๆอาจจะถึงขั้นเกลียด อาจจะอย่างนั้น เพราะฉะนั้นในเมื่อ นายเกลียดฉันนักก็อยู่ห่างๆจากฉันซิ ไม่ใช่มาวุ่นวายเวียนวนอยู่อย่างนี้! "
แพคฮยอนพูดรัวอย่างเหลืออด ความโกรธปะปนกับความน้อยใจที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร หรือเพราะไม่เคยได้รับความเป็นเพื่อนจากคนตรงหน้าได้ซักนาที ทำให้แพคฮยอนควบคุมตัวเองไม่อยู่
"หึ คิดว่าฉันอยากยุ่งกับนายนักเหรอไง"
จงอินตอบกลับอย่างไม่หยี่ระในขณะที่แพคฮยอนสั่นไปแทบทั้งตัวแต่ก็พยายามที่จะควบคุมมัน คนตัวเล็กกระตุกยิ้มบางเบาที่มุมปากหัวสมองของเขาตอนนี้มีแต่คำว่าอยากจะเอาชนะคนตรงหน้านี้ให้ได้
"หรือว่า จริงๆแล้ววนายจะชอบฉันล่ะ" แพคฮยอนยิ้มเย็น เขาคิดว่าตอนนี้แค่ทำให้จงอินดูร้อนรนบ้าง อย่างไรซะคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาก็คือคยองซูคนที่จงอินรู้สึกพิเศษด้วยอย่างแน่นอน
"หึ " ยกอินยกยิ้มร้ายกาจ
"สำคัญตัวจังนะ ถ้าฉันชอบนายแล้วจะทำไม" จงอินจงใจเว้นระยะชั่วอึดใจแต่ก็ทำให้แพคฮยอนลืมวิธีหายใจไปชั่วอึดใจเช่นกัน
"แต่ ฉันไม่มีทางชอบคนอย่างนาย" จงอินเหยียดยิ้ม เขาจงใจหลอกล่อแพคฮยอนให้ตกหลุมพรางด้วยคำพูดแสนฉลาด ทั้งที่มันดูไม่มีอะไรแต่แพคฮยอนกลับรู้สึกว่าเขากำลังโดนคนตรงหน้าเย้ยหยันราวกับจะเหยียบให้จมดิน
ทำไม คนอย่างฉันแล้วมันทำไม!
ปึง!
แพคฮยอนวางหนังสือกระแทกโต๊ะอย่างแรง เขาไม่รู้ว่าอารมณ์ในตอนนี้คืออะไร โกรธ เสียใจ น้อยใจหรืออะไรกันแน่ แต่เขาไม่ชอบไม่ชอบคำพูดที่เหมือนดูถูกเหล่านั้น มันทำให้เขาอดทนไม่ได้ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
"หึ ไม่ชอบฉัน นาย... ไม่มีทางชอบคนอย่างฉัน ..ไม่ชอบ...แล้วนายมาจูบฉันทำไม!!"
แพคฮยอนพูดเสียงดังจนกลายเป็นตะโกน จนเซฮุนที่ฟุบหลับอยู่แทบสะดุ้งตกจากเก้าอี้ คยองซูที่ตกใจไม่แพ้กันลุกขึ้นจับแขนแพคฮยอนเบาๆเหมือนเรียกสติ แพคฮยอนกัดปากเล็กจนเจ็บไปหมด ตาเรียวทั้งสองข้างร้อนผ่าวเอ่อล้นไปด้วยน้ำใสๆที่พร้อมจะร่วงหล่นได้ทุกเมื่อ จงอินเองก็มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กันเมื่อเห็นอาการของคนตัวเล็ก
"ขอโทษนะคยองซู" แพคฮยอนเบี่ยงแขนออกจากการเกาะกุมของเพื่อนสนิท เขาไม่สามารถควบคุมน้ำตามากมายที่ไหลไม่หยุดได้ ทั้งอับอายทั้งเจ็บจุกจนไม่รู้จะทำอย่างไร เขาก้าวเดินผ่านเซฮุนที่เหมือนจะพยายามพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา เขาอยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดแต่ขาเจ้ากรรมก็เหมือนจะเดินได้ช้าเหลือเกิน
แพคฮยอนเลือกที่จะเดินให้พ้นไปจากที่นี่เร็วๆ แต่สายตาก็ดันสบเข้ากับชานยอลที่คงตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ แพคฮยอนทำได้แค่หลบสายตาคมคู่นั้น อยากหนีไปให้ไกล ไม่อยากต้องทนเป็นตัวตลกอีกต่อไปแล้ว
..ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้...
คนตัวเล็กฟุบหน้ากับโต๊ะไม้ในหอสมุดเก่านิ่งๆ ที่นี่เงียบพอจะให้เขาได้สงบสติที่สับสนฟุ้งซ่าน
ปล่อยน้ำตาให้ไหลอยู่อย่างนั้นจนมันเริ่มแห้งไปเอง เขาไม่ได้โมโหจงอินกับคำพูดที่ว่าไม่ได้ชอบแต่กลับเจ็บปวดกับคำว่า คนอย่างนาย
ก็แค่คนอย่าง พยอนแพคฮยอน...
เขาก็แค่เด็กบ้านนอกจนๆที่โชคดีสอบผ่านจนได้ทุนการศึกษาจากเหล่าผู้บริหารโรงเรียนใหญ่โตหลายแห่งที่ร่วมกันทำโครงการให้กับพวกนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ อาจจะแค่เป็นการทำบุญกับพวกเด็กจนๆเช่นเขา แต่นั่นก็เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่เพราะไม่เพียงแค่ทุนจบม.ปลาย แต่ยังได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในโครงการด้วยอย่างสบายๆ ถึงจะต้องเจออะไรมากกว่านี้ก็ต้องอดทน เพื่ออนาคตที่ดีและสามารถช่วยแบ่งเบาภาระที่บ้านได้
นั่นคือสิ่งที่แพคฮยอนต้องการ...
แพคฮยอนลุกขึ้นสะบัดหัวไล่ความฟุ้งซ่าน เขาหมุนตัวกลับไปที่ประตูแต่ก็ต้องชะงัก...
ร่างสูงโปร่งของชานยอลยืนพิงประตูมองมาที่เขาอย่างเงียบๆ แพคฮยอนได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเท้าแต่กลับกลายเป็นชานยอลที่กำลังก้าวเข้ามาหาเขาช้าๆ จนมาหยุดยืนตรงหน้า ทิ้งระยะห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“นาย จูบกับจงอิน..”
คนตัวสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบบวกกับแววตาว่างเปล่าทำให้แพคฮยอนจุกจนแทบพูดไม่ออก ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นประโยคคำถามหรือต้องการจะมาตอกย้ำอะไรกับเขากันแน่ ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนทำเขาแทบสำลักความสุขตายแต่ตอนนี้กลับพรากมันออกไปอย่างไม่ใยดี
“เมื่อไหร่"
ชานยอลถามขึ้นอีกด้วยน้ำเสียงแบบเดิม แพคฮยอนไม่รู้ว่าคนตัวสูงต้องการอะไร ถึงพยายามเข้าใจแต่ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้เลยซักที คำว่าอย่าทำให้ต้องเป็นห่วงที่เคยบอกกับเขา บางทีอาจจะหมายความว่าอย่ามาทำให้ต้องวุ่นวายอีกก็เป็นได้
"ก่อนหรือหลัง"
ชานยอลยังคงตั้งคำถามอย่างต่อเนื่องเมื่อเห็นว่าแพคฮยอนเอาแต่นิ่ง แต่เพราะประโยคที่ถูกเอ่ยล่าสุดทำเอาแพคฮยอนต้องเงยหน้ามองคนตัวสูง ดวงตาเรียวเต็มไปด้วยความงุนงงไม่เข้าใจ
"ก่อนหรือหลัง... ฉันทำ"
ตอนนี้แพคฮยอนเหมือนลืมวิธีหายใจอีกครั้งคล้ายหัวสมองหยุดทำงาน ม้วนฟิล์มในความทรงจำกำลังฉายซ้ำภาพเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนขึ้นมาใหม่
ชานยอลจูบเขา ที่นี่..
แพคฮยอนได้แต่ก้มหน้าจนแทบชิดอกความรู้สึกมากมายเริ่มตีกันวุ่นวายในหัว บางสิ่งที่คิดว่าเคยเข้าใจกลับไม่เข้าใจเอาดื้อๆ ริมฝีปากบางเม้มหนักก่อนตัดสินใจตอบคำถามแผ่วเบา
“หลัง ... หลัง จากนั้น"
แพคฮยอนหลับตาลงช้าๆ เขาปวดหัวอีกแล้ว ไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว บางทีการต้องคิดไปเองอยู่คนเดียวเพราะอีกฝ่ายเอาแต่นิ่งหรือการไล่ตามความรู้สึกของใครมันเหนื่อยเกินไป
มือเรียวหนาของชานยอลถูกยกขึ้นลูบแก้มใสแผ่วเบา มันทำให้คนตัวเล็กแปลกใจจนต้องเงยหน้าขึ้นสบตาคมสวยคู่นั้นที่เขาแอบหลงใหลไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ นิ้วโป้งถูกแตะไว้ที่กลีบปากบางอย่างนุ่มนวล คนตัวสูงไล้นิ้วอ่อนละมุนไปตามแนวริมฝีปากด้านล่างอย่างช้าๆ แพคฮยอนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอ่อนโยนเกินกว่าครั้งไหนๆถูกส่งผ่านปลายนิ้ว เฉกเช่นเดียวกับดวงตาของชานยอลที่สะท้อนเพียงภาพของเขาในตอนนี้ และดวงตาของเขาก็จะสะท้อนแค่ภาพของชานยอลเช่นกัน
“อย่าให้ใครมาแตะต้องง่ายๆสิ"
ประโยคราบเรียบเหมือนคำสั่งในทีแต่กลับทำให้หัวใจมีเลือดมาหล่อเลี้ยงอีกครั้ง แพคฮยอนพยักหน้ารับเบาๆ แม้ในตอนนี้จะยังมั่นใจได้ไม่เต็มร้อยแต่บางสิ่งที่รับรู้ได้ในขณะนี้ แม้คนตัวสูงไม่ได้เอ่ยมันออกมาทั้งหมด แต่หัวใจของเขาตอนนี้มันบอกว่าควรเชื่อในความรู้สึกนี้อีกครั้ง อยากเชื่ออีกครั้งว่าไม่ใช่แค่เขาที่คิดอยู่ฝ่ายเดียว
แพคฮยอนหลับตาลงและเอียงหน้าแนบสนิทอุ้งมือหนา เขาอยากรับความรู้สึกนี้ อยากมีไว้ให้นานที่สุด แค่ตอนนี้...ที่สามารถทำได้
“กลับกันเถอะเย็นมากแล้ว” ชานยอลค่อยๆดึงมือออกจากแก้มใสช้าๆ คนตัวสูงวางมันบนหัวทุยของแพคฮยอนอย่างเอ็นดู ปากอิ่มระบายยิ้มบางเบาอย่างที่แพคฮยอนไม่เคยได้เห็นมาก่อน
เปิดให้ฉันแล้วสินะ หัวใจที่แสนเย็นชาดวงนั้น
แพคฮยอนเดินตามชานยอลเพื่อกลับไปเอาสัมภาระที่ห้องเรียน เขาพยายามรักษาระยะห่างจากคนตัวสูงอย่างพอดีไม่ให้ใกล้จนเกินไป ขนาดเดินห่างสายตาของบรรดานักเรียนอื่นก็ยังจ้องมาที่เขาเขม็ง โดยเฉพาะพวกแฟนคลับสาวๆที่ดูจะคลั่งไคล้ชานยอลกันเป็นพิเศษ
“เดินช้าชะมัด”
ชานยอลบ่นและหยุดเอาดื้อๆ ทำให้แพคฮยอนที่ไม่ทันระวังจึงชนเข้ากับแผ่นหลังกว้าง คนตัวสูงหันมาทำหน้ายุ่งๆก่อนจะคว้าข้อมือแพคฮยอนอย่างรวดเร็วและดึงคนตัวเล็กมาใกล้จนแทบชิด ก่อนเริ่มก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง แพคฮยอนทำได้แค่มองชานยอลที่จูงเขาไปเงียบๆ พร้อมรับรู้ถึงรังสีอำมหิตรอบด้านที่ถูกส่งมาจากพวกแฟนคลับปะทะร่างเขาอย่างจัง
“แพคฮยอน !!” คยองซูวิ่งมาหาทันทีที่แพคฮยอนปรากฏตัวที่ประตู ดวงตากลมโตนั้นฉายแววห่วงใยอย่างชัดเจน มือเล็กของเจ้าตัวกุมมือของแพคฮยอนเอาไว้แน่น เหมือนกลัวว่าเพื่อนตัวเล็กจะหายไป
“ไม่เป็นไรหรอกคยองซู ฉันโอเค” แพคฮยอนยิ้มสดใสให้คยองซูอย่างเคย ทำให้เพื่อนตาโตของเขายิ้มออกมาได้เช่นกัน
“ชานยอลจัดการเรียบร้อยแล้วสินะ” ประโยคต่อมาคยองซูชะโงกหน้าไปคุยกับคนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังทำให้แพคฮยอนต้องมองตาม ชานยอลได้แต่พยายามตีหน้านิ่งๆเหมือนเคย หากว่าเป็นก่อนหน้านี้ คงจะเป็นชานยอลผู้เฉยชาในความรู้สึกของแพคฮยอน แต่ตอนนี้มันต่างออกไป..
“อ้อ แพคฮยอน มีคนมาหาแน่ะ” แพคฮยอนขยับปากไร้เสียงถามว่าใคร คยองซูจึงเบี่ยงตัวหลบเผยให้เห็นคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เรียนของเขา และกำลังส่งยิ้มหวานๆมาให้
“สวัสดี แพคฮยอน”
TBC...
เมเม : มันเป็นฟิคแก้บนนะ ไม่แก้ล่าง #ฟิคอุบัติเหตุ @Aprilnov0408
ความคิดเห็น