ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] -Accidental of love-

    ลำดับตอนที่ #12 : Accidental of love ♡ Chapter ‏11 หัวใจที่ถูกเปิด

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 57


    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry


                                                                                                                                             




                       
                                               
    -ตอนที่11-


















                "ยินดีที่ได้รู้จักนะแพคฮยอน"

     

     

    ลู่หานทำหน้าที่แนะนำคนอื่นๆเสร็จสรรพ แต่อี้ชิงก็ยังเลือกที่จะทักทายแค่แพคฮยอนเป็นการส่วนตัว อี้ชิงยิ้มจนแก้มข้างขวาเป็นรอยบุ๋ม มือขาวที่นิ้วเรียวเล็กราวกับมือของผู้หญิงถูกยื่นมาตรงหน้า กิริยาของอี้ชิงทำให้แพคฮยอนทำอะไรไม่ถูก แต่ด้วยความที่กลัวเสียมารยาทคนตัวเล็กจำต้องเอื้อมมือไปจับด้วยความเกรงใจ  แพคฮยอนโค้งศีรษะให้อี้ชิงเล็กน้อยและทำท่าจะดึงมือของตนกลับทันที แต่อี้ชิงกลับไม่ยอมปล่อยง่ายๆเขายื้อมือเล็กไว้อย่างนั้นเล่นเอาแพคฮยอนหน้าตาเลิกลั่ก  จนลู่หานที่เอาแต่ถามโน่นถามนี่ชวนคนอื่นคุยอย่างร่าเริงยังต้องหันมามองการกระทำของเพื่อนอย่างงงๆ 

     

     

    ไม่เว้นแม้แต่ชานยอล

     

     

    พรึ่บ!

     

     

    จู่ๆชานยอลลุกพรวดขึ้นยืนเต็มความสูง ทำให้ลู่หานและคนอื่นๆละความสนใจจากอี้ชิงและแพคฮยอนมามองชายหนุ่มตัวสูงกันเป็นสายตาเดียว

     

     

     

     "ฉันเสร็จธุระแล้ว แกคงสบายใจแล้วสิ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรน่าห่วง"   ชานยอลหันไปพูดกับเซฮุน
    โดยไม่ได้สนใจสายตาที่มีแต่คำถามของใครหลายคน  เซฮุนก็พยักหน้ารับช้าๆ

     

     

     "งั้นพวกเราก็กลับด้วย วันนี้โดดเรียนทั้งวันแล้ว"  จงอินพูดพร้อมกับลุกขึ้น คยองซูเองก็ลุกตามโดยอัตโนมัติด้วยเช่นกัน เซฮุนได้แต่มองตามเพื่อนสนิทด้วยสายตาละห้อย ถึงจะเบาใจลงนิดนึงว่าอี้ชิงและลู่หานเป็นเพียงเพื่อนสนิท และอี้ชิงก็ดูท่าว่าจะสนใจแพคฮยอน แต่เซฮุนก็ยังคงไม่ไว้ใจ

     

     

     "อ้าว จะกลับกันหมดเลย"

     

     

    ลู่หานทำหน้าเสียดายตามประสาคนช่างคุยและรู้สึกดีใจที่นานๆทีจะได้คุยกับเพื่อนของรุ่นน้องที่สนิทบ้าง ก่อนหันไปสบตากับเซฮุน ตากลมคู่สวยกระพริบปริบๆอย่างรอคอย ไม่ได้เอ่ยถาม แต่ก็อยากได้คำตอ

     

     

     "ผมไม่รีบอะไร"  เซฮุนบอกเบาๆแต่ก็ทำให้รุ่นพี่หน้าหวานยิ้มกว้าง

     

     

     "แพคฮยอนก็ไม่รีบไปไหนใช่ไหม"  อี้ชิงเอ่ยถามแพคฮยอนบ้าง ลู่หานนึกหมั่นไส้จนต้องหันไปเหน็บเพื่อนสนิท

     

     

     "เยอะนะ รุกใหญ่เชียว แพคฮยอนกลัวแล้วนั่น"  

     

     

    อี้ชิงได้แต่หัวเราะเบาๆไม่ได้คิดจะแก้ตัวอะไรตาคมหวานยังคงมองหน้าแพคฮยอนอยู่อย่างนั้น

     

     

     "ผม..เอ่อ..ผม"  แพคฮยอนอึกอัก คนตัวเล็กไม่กล้าปฎิเสธเพราะกลัวเสียมารยาท แต่ก็ม่ใช่ว่าอยากตกอยู่ในสถานการณ์แสนอึดอัดที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่ และกำลังจะเกิดขึ้นซ้ำ

     

     

      "งานพิเศษวันแรกถ้าไปสายคงดูไม่ดี"   ชานยอลเอ่ยลอยๆ ไม่ได้เจาะจงจะพูดกับใคร แต่นั่นก็ทำให้แพคฮยอนนึกออก  วันนี้เป็นวันแรกที่เขาจะต้องเข้าไปเริ่มทำงานพิเศษที่เพิ่งไปสมัครไว้เมื่อหลายวันก่อน

     

     

    แต่ว่าชานยอลรู้ได้ยังไง?   แพคฮยอนได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใ

     

     

    "วันนี้ผมเพิ่งเริ่มงานวันแรก ไปสายคงจะดูไม่ดีจริงๆ  ต้องขอโทษด้วยครับ"  เขาหันไปบอกอี้ชิงและลู่หานก่อนลุกขึ้นโค้งให้ทั้งสอง

     

     

    "น่าเสียดายจังเลยนะ แพคฮยอนนี่น่ารักจัง"  ลู่หานเอ่ยเย้าคนที่นั่งด้านข้างทันที  หลังจากที่คนอื่นๆออกไปกันหมดแล้ว  เพราะเห็นว่าอี้ชิงเอาแต่มองรุ่นน้องตัวเล็กหน้าตาน่ารักไม่วางตา

     

     

    "อือ น่ารัก"   อี้ชิงยกยิ้มกับตัวเองเบาบาง ดวงตาขี้เล่นเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ยากที่จะคาดเดาได้  

     

     

     

     

     

     

    Accidental of love 

     

     

     

    แพคฮยอน ถอดผ้ากันเปื้อนพับและวางไว้อย่างเรียบร้อย งานพิเศษวันแรกของเขาจบลงด้วยดี แม้ว่าจะเหนื่อยเพราะลูกค้าค่อนข้างเยอะแต่เจ้าตัวก็ไม่ปริปากบ่น กลับมีความสุขที่คิดว่าสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็ช่วยทางบ้านแบ่งเบาค่าใช้จ่ายได้บ้าง

     

     

    คนตัวเล็กยิ้มให้กับตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ แต่พอเหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนติดผนังก็ต้องรีบเก็บของอย่างรวดเร็ว  เพราะล่วงเลยเวลามาจนดึกมาก และคนตัวเล็กจะไม่ทันรถประจำทางเที่ยวสุดท้าย ที่จริงเลยเวลาเลิกงานของแพคฮยอนมามากแล้ว  แต่คนตัวเล็กก็ยังช่วยคนอื่นๆทำความสะอาดร้านในส่วนที่ไม่ใช่หน้าที่ของเขาด้วยความเต็มใจ

     

     

    แพคฮยอนโค้งลาคุณป้าเจ้าของร้านแสนใจดี และเอ่ยล่ำลารุ่นพี่พนักงานที่ยังอยู่ต่อก่อนรีบเดินออกไปที่ป้ายรถประจำทางที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่โชคร้ายที่รถประจำทางเที่ยวสุดท้ายวิ่งผ่านหน้าไปอย่างฉิวเฉียดก่อนที่เขาจะเดินถึงป้ายด้วยซ้ำ

     

     

    คนตัวเล็กถอนใจหนักๆ เขาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้สำหรับรอรถประจำทางอย่างเซ็งๆ  หอพักของเขาอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก หากเดินไปซักสิบยี่สิบนาทีก็คงถึง ถ้าเป็นตอนกลางวันเขาคงจะไม่ลังเลอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เป็นเวลากว่าห้าทุ่มแล้ว ซึ่งหากจะนั่งแท็กซี่ไปก็สิ้นเปลืองมากกว่าเดิมหลายเท่า  เมื่อคิดได้อย่างนั้นแพคฮยอนเลยตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆ เขาเลือกเดินผ่านเส้นทางลัดที่จะทำให้ไปถึงที่หมายเร็วขึ้น

     

     

    ขาเล็กค่อยๆเร่งฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขาต้องผ่านตรอกเล็กค่อนข้างเปลี่ยวที่ขนาบข้างด้วยตึกราบ้านช่องสูงเบียดเสียดทั้งสองฝั่ง แต่กลับเงียบไร้ผู้คนบรรยากาศเงียบๆรอบตัวทำให้เขาแทบกลั้นหายใจเดิน อีกนิดก็จะทะลุออกถนนใหญ่ที่มีผู้คนสัญจรไปมาแม้ยามดึกดื่นก็ตาม

     

     

    เงาตะคุ่มบางอย่างพรวดพราดออกมาจากซอกตึกด้านข้าง มันยืนจังก้าขวางทาง พร้อมวัตถุที่วาววับอยู่ในความมืดที่มีเพียงไฟทางสาดส่องเลือนราง  แม้มองไม่ชัดแพคฮยอนก็รับรู้ได้ทันทีว่าวัตถุนั้นมันคืออะไ

     

     

     "จะรีบไปไหนล่ะไอ้หนู เอาเงินมาแบ่งกันใช้หน่อย

     

     

     

    มันแสยะยิ้มพร้อมเอ่ยเสียงเย็น กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกลอยคลุ้งมาแตะจมูกจนแพคฮยอนต้องเบือน
    หน้าหนี เขาถอยหลังอย่างช้าๆ ขาเล็กสั่นจนแทบยืนไม่อยู่ แพคฮยอนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น  หากเขาหันหลังวิ่งกลับไปจะหนีทันไหม ถ้าเขาวิ่ง...

     

     

    มันก็กระโจนเข้ามาเข้าหาแพคฮยอนอย่างรวดเร็วไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กได้คิดมาก  เขาอยากเบี่ยงตัวหลบหรือทำอะไรที่มันดีกว่านี้แต่ร่างกายกลับนิ่งเฉยไม่ทำตามสมองสั่ง

     

     

    ถ้าจะตายก็อย่าให้เจ็บมากเลยนะ

     

     

    เลือดจะออกเยอะมั้ย

     

     

    มีดนั่นสะอาดรึเปล่า

     

     

    ฉันยังไม่ได้ฉีดยากันบาดทะยักเลยนะ!!

     

     

     

     

    พลั่ก!!

     

     

     

     

    แคร๊ง!

     

     

     

     

    เสียงโลหะหล่นกระทบพื้น เรียกสติของแพคฮยอนกลับมาอีกครั้ง เขาค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆก่อนจะเบิกตาเล็กๆของตัวเองกว้างขึ้นไปอีก สัมผัสอุ่นๆรอบวงแขนเพราะถูกกอดเอาไว้ด้วยวงแขนแข็งแรงของใครอีกคน ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนสมองแทบจะประมวลผลไม่ทั

     

     

    แพคฮยอนมองหน้าบุคคลที่เข้ามาช่วยเขาได้ทันท่วงทีด้วยแววตาตกใจ ใบหน้าเล็กถูกกดซุกกับอกแกร่งแต่ก็มีช่องว่างพอที่เขาจะเงยมองคนตัวสูงได้อย่างถนั

     

     

    ชะ..ชานยอล”   แพคฮยอนเอ่ยเสียงสั่น ความกลัวปนโล่งใจทำให้ใบหน้าเล็กเผลอซุกลงกับอกนั่นอีกครั้ง

     

     

    รู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่อยู่ใกล

     

     

    "นายนี่มัน.."   ชานยอลเอ่ยแผ่วเบาราวกับกระซิบ เสียงหอบหนักที่เจ้าตัวพยายามควบคุมกับลมหายใจที่ไม่ปกติบ่งบอกว่าคนคนนี้นี้วิ่งมา .. วิ่งมาเพื่อเอาตัวมาปกป้องเข้าไว้...

     

     

    รีบวิ่งมาเพื่อช่วยเขางั้นเหรอ ..

     

     

    "ขะ..แขนนาย!"

     

     

    แพคฮยอนขืนตัวจากอ้อมกอด  มือเล็กคว้าแขนของคนตัวสูงมาพลิกดูด้วยความตกใจ เมื่อเห็นรอยกรีดเป็นทางกับเลือดที่ไหลซึม

     

     

    ชานยอล แขนนาย เลือดออก แขน..แขน นาย”   แพคฮยอนละล่ำละลัก มือบางยังคงจับแขนของคนตัวสูงเอาไว้ ตาเรียวมองหน้าชานยอลสลับกับบาดแผลอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร 

     

     

    "แค่นั้นมันไม่ตายหรอก แต่ถ้าวิ่งมาไม่ทันมันอาจตาย"

     

     

    เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากมุมหนึ่ง  ร่างโปร่งของใครซักคนยืนล้วงกระเป๋าพิงกำแพงอยู่ไม่ห่างนัก ถัดไปไม่ไกลมีร่างที่สลบเหมือดไม่ได้สติกองอยู่กับพื้นถนนอย่างหมดสภาพ

     

     

    จงอิน...

     

     

    อีกเดี๋ยวตำรวจจะมาเก็บซากมัน  ถ้าไม่อยากโดนซักเป็นผงซักฟอกก็ควรรีบไปจากที่นี่ "  จงอินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ  เรียวหน้าคมภายใต้ความมืดสลัวดูสงบกว่าทุกครั้ง คนผิวเข้มกวาดสายตามองไปรอบๆก่อนเป็นฝ่ายเดินนำออกไป

     

     

    "แต่ชานยอลต้องไปหาหมอ"  แพคฮยอนบอกอย่างเป็นห่วง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับความสนใจจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของชานยอล  จงอินก็เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ไร้ซึ่งความสนใจใยดี

     

     

    "ฉันไม่เป็นไร แค่ถากๆเท่านั้น"   ชานยอลบอกโดยที่ไม่ได้หันมามองแพคฮยอน ขายาวก้าวเดินตามจงอินไปอย่างรวดเร็ว  ทำให้แพคฮยอนต้องวิ่งตาม

     

     

               “ ไม่เป็นไรแน่เหรอ”  แพคฮยอนที่วิ่งมาจนทันแต่เลือกที่จะเดินอยู่ด้านหลังคนตัวสูงและเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง  เขามองไปที่แขนของชานยอลที่ยังคงมีเลือดซึมออกมาด้วยความรู้สึกผิด  อีกครั้งแล้วที่ชานยอลจะต้องมาเจ็บตัวเพราะเขา  คนตัวเล็กกดริมฝีปากแน่น ความรู้สึกต่างๆในหัวตีกันมั่วไปหมด ทั้งสับสนและรู้สึกว่าทุกอย่างล้วนมีเขาเป็นต้นเหตุทั้งนั้น คนตัวเล็กก้มหน้านิ่งเมื่อรู้สึกถึงความร้อนผ่าวของขอบตา ได้แต่เดินก้มหน้าตามคนทั้งคู่ไปอย่างนั้น แต่แล้วจู่ๆคนตัวสูงก็หยุดเดินเอาดื้อๆ ทำเอาแพคฮยอนที่เดินก้มหน้าตามชนเข้ากับแผ่นหลังของเจ้าตัวอย่างจัง

     

                 "เดินไปก่อนสิ "  เขาเอ่ยเบาๆ แพคฮยอนได้แต่มองหน้าชานยอลอย่างงงๆ แต่ก็พยักหน้ารับแล้วก้าวออกไปข้างหน้า  ชานยอลปล่อยให้แพคฮยอนเดินนำไปเรื่อยๆ  แต่เพียงไม่นานคนตัวสูงก็เร่งฝีเท้ามาจนทัน  ทันทีที่ก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกัน ชานยอลโน้มตัวลงเล็กน้อย เขากระซิบบางอย่างที่ข้างหูแพคฮยอนพร้อมกับเรียวขายาวที่หยุดนิ่ง

     

     

     

               แพคฮยอนหยุดชะงัก  คนตัวเล็กมองเสี้ยวหน้าของอีกคนที่ยืนข้างกัน  ชานยอลทอดสายตาไปเบื้องหน้ามองตามแผ่นหลังของเพื่อนสนิทที่เริ่มเลือนลางออกไป   เรียวขายาวเริ่มก้าวอีกครั้งจนกลายเป็นออกวิ่งในที่สุด  แพคฮยอนมองตามแผ่นหลังกว้างที่เคลื่อนออกไปเรื่อยๆจนมันหยุดขนาบข้างกับแผ่นหลังของจงอิน  คนผิวเข้มหันมองแผลที่แขนชานยอลและเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่เจ้าตัวกลับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแขนยาววาดโอบรอบคอเพื่อนสนิท  จงอินจึงต่อยไปที่แขนชานยอลเบาๆด้วยความหมั่นไส้ 



            แพคฮยอนยิ้มกับภาพความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ก่อนขาเล็กจะขยับวิ่งตามออกไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                  "นายน่ะ     ทำไมชอบทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่เรื่อย อย่าทำให้ฉันต้องเป็นห่วงบ่อยนักสิ” 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC…

     

    เมเม:  เช้าแล้วนะ 5:48  

    #ฟิคอุบัติเหตุ @Aprilnov0408

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×