ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] -Accidental of love-

    ลำดับตอนที่ #9 : Accidental of love ♡ ‏Chapter 8 Something..

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 57


    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry
                                                           

                                       

                          





                                                           
                                                       -ตอนที่8-








                     



      ...ฉันสํญญา..ว่าจะดูแลนายตลอดไป ต่อไปนี้ห้ามห่างจากฉัน ห้ามอยู่ห่างจากฉัน...

     

     

     

                 





                   ห้องสมุดในตอนสาย  นักเรียน
    หลายต่อหลายคนเริ่มทยอยกลับเข้าห้องเรียนของตนกันบ้างแล้ว มีก็เพียงแค่สองเพื่อนซี้ตัวเล็กที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิ

     
     

    แพคฮยอน นั่งอ้าปากค้างฟังเรื่องราวจากเพื่อนตาโต  สีหน้าที่บ่งบอกถึงความอึ้งและอึ้งในสิ่งที่ได้รับรู้ทำเอาคยองซูอดขำกับท่าทางของแพคฮยอนเสียไม่ได้


     

     "จงอินแค่อยากตบแทน ที่ฉันเองต้องมาเจ็บตัวแทน ก็เลยสัญญาว่าจะคอยดูแลฉัน  แล้วอีกอย่างป้าจีอึนแม่ของจงอินเองก็คอยกำชับอยู่ตลอดเวลา มันก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะ" คยองซูอธิบายต่อด้วยสีหน้ายิ้มๆ

     

     

    "แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องหรือความผิดอะไรของจงอินเลยนะ ฉันเองต่างหากที่ทะเล่อทะล่าเข้าไปยุ่งวุ่นวายเอง"  สีหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่ถูกกลบด้วยยิ้มเศร้าๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต 

     

     

    ...หากไม่วิ่งเข้าไป จงอินจะสามารถหลบหลีกได้มั้ย ฝีมือระดับนั้นอาจทำได้ไม่ยาก แต่เพราะอะไรในตอนนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจทำแบบนั้น...

     

     

    "หมายความว่า ตอนนี้คยองซู กะ..ก็ อยู่บ้านเดียวกับจงอินเหรอ?" แพคฮยอนโพล่งข้อสงสัยออกมา ตาเรียวคู่สวยจ้องมองเพื่อนตาโตไม่กระพริบ


     

    "ฉันก็อยู่บ้านฉันนั่นล่ะ ป้าจีอึนก็คอยมาดูแลตลอดเหมือนฉันเป็นลูกคนนึงเลย"  คยองซูยิ้มอ่อนโยนเมื่อนึกถึงผู้มีพระคุณที่ดูแลเขาราวกับแม่แท้ๆ

     

     

     แพคฮยอนพยักหน้าหงึกหงักเมื่อคยองซูตอบในสิ่งที่ตนเองสงสัย

     

     

    "คยองซู ทำไมกล้าเอาหัวไปรับไม้เบสบอลแทนหมอนั่นล่ะ ความจริงถ้าหัวหมอนั่นได้รับความกระทบกระเทือนบ้างอาจปกติขึ้นนะ"  ประโยคหลังแพคฮยอนจงใจชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆคยองซูด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัว เมื่อนึกถึงสีหน้ากวนๆกับถ้อยคำร้ายๆที่มักจะหลุดออกมาจากปากของคนผิวเข้ม

     

     

    ...คนบ้าอะไร นึกจะดีก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว ซักพักก็ร้ายกาจแบบเอาแน่เอานอนไม่ได้ แถมคราวนั้นยังทำแบบนั้นอีก..

     

               

    คิดแล้วหน้าก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

     

     

    ..บ้าเอ้ย คิมจงอิน..!

     

     

    "คุยอะไรกัน"  


     

    แพคฮยอนสะดุ้งแทบตกจากเก้าอี้เมื่อเสียงที่จำได้แม่นว่าเป็นของใครดังขึ้นที่ด้านหลัง หนังสือเล่มบางในมือจงอินถูกยกขึ้นเคาะหัวของแพคฮยอนเพียงเบาๆ แต่ก็ทำให้เจ้าตัวร้องออกมาด้วยความตกใจ

     

     

    "นี่เคาะเบามากของเบามากเลยนะ แค่นี้ทำเป็นเจ็บ ไอ้เตี้ย"  จงอินอดแขวะเล็กๆไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของแพคฮยอน ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆคยองซู

     

     

    "ทำไมเมื่อเช้าไม่รอฉน"


     

     ทันทีที่หลังสัมผัสกับพนักพิง จงอินก็เลิกสนใจแพคฮยอนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แขนยาวยกพาดพนักเก้าอี้เลยไปถึงฝั่งที่คยองซูนั่ง ตาคมจับจ้องเพื่อนสนิทที่ตนเองถือสิทธิ์ดูแลนิ่ง

     

     

    "เอ่อ... ฉันแค่อยากลองมาโรงเรียนเองดูบ้างน่ะ"  คยองซูตอบกลับเสียงแผ่ว


     

    "ฉันไม่อนุญาติ ฉันเคยบอกแล้วไง!"  จงอินพูดเหมือนดุ แต่มันกลับแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เจือไว้ในน้ำเสียงนั้น  แพคฮยอนได้แต่มองหน้าสองคนสลับกันไปมา 

     

     

    ..คงจะมีเพียงแต่คยองซูเท่านั้นที่ไม่รับรู้ถึงความรู้สึกเหล่านั้น มันต้องมีอะไรมากกว่าแค่เหตุผลกับเรื่องราวในอดีต..

     

     

     คยองซูได้แต่นิ่งเงียบเหมือนเด็กที่กำลังทำความผิดแล้วหาข้อแก้ตัวไม่ได้ 

     

     

    ..ไม่หรอก ไม่ใช่เลยคยองซู จงอินในตอนนี้ไม่ได้ดุนายเลยซักนิด มันมีอะไรมากกว่านั้น
    ไอ้ความรู้สึกที่แปลกๆนั่นมันอะไรกันนะ..

     

     

     








     ฟุ่บบบ!!

     

     

    แก้วใสทรงกระทัดรัดที่ด้านในบรรจุของเหลวสีหวานหลายต่อหลายแก้วถูกวางลงกลางโต๊ะอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ความคิดของแพคฮยอนต้องชะงักลงและเรียกความสนใจจากทั้งจงอินและคยองซูให้หันมามองเป็นสายตาเดียวด้วยความสงสัย

     

     

     ใบหน้าขาวจนเกือบซีดยืนหน้างอมองแก้วชานมหลากสีสันที่ตนเองหอบมากองไว้อย่างไม่สบอารมณปากบางค่อยๆคว่ำลงเรื่อยๆจนบูดบึ้ง หากนี่เป็นการ์ตูน คงมีควันลอยออกมาจากหูเซฮุนเป็นแน่

     

     

    "ห้ามเอาของกินเข้ามาในห้องสมุดนะเซฮุน"  คยองซูทักขึ้นแต่คำพูดกลับดูเหมือนตำหนิเสียมากกว่า ในขณะที่ถ้อยคำของคยองซูไม่ได้ทะลุประสาทการได้ยินของเซฮุนแม้เพียงนิด

     

     

    "เป็นอะไรวะ เซฮุนาาาา"  จงอินเอ่ยขึ้นบ้างด้วยเสียงล้อเลียนกับชื่อที่เจ้าตัวหวงนักหนา

     

     

    "อยากตายไงวะ!"  เหมือนเสียงล้อเลียนของจงอินจะไปสะกิดเส้นอะไรซักอย่างขาดดังผึง เซฮุนถลาเข้าไปกระชากคอเสื้อเพื่อนรักขึ้นมาอย่างแรง จงอินยังคงแค่นยิ้มกวนประสาทไร้ซึ่งความสะทสะท้านราวกับเป็นเรื่องสนุก แม้ในตอนนี้เซฮุนแทบจะยกเขาลอยจากเก้าอี้ก็ตาม

     

     

    "พี่ลู่หักอกมาไงวะ"  

     

     

    ึก!!

     

     

     คำถามแทงใจดำถูกส่งออกมาอย่างลอยหน้าลอยตาแต่แม่นยำ  เพราะจงอินรู้จักนิสัยเพื่อนสนิทดี เรื่องที่จะทำให้มนุษย์มึนงงอย่างโอเซฮุนสติหลุดได้ขนาดนี้มีไม่กี่เรื่อง และเรื่องที่ทำให้โลกมืดได้ขนาดนี้คงหนีไม่พ้นรุ่นพี่หน้าหวานที่เซฮุนปลื้มนักปลื้มหนา

     

     

    "ไอ้จงอิน อย่าอยู่เลย!!"   เซฮุนคลายมือจากคอเสื้อจงอินแล้วเปลี่ยนเป็นบีบคอเพื่อนสนิทผิวเข้มทั้งเขย่าไปมาอย่างบ้าคลั่ง จนคยองซูตกใจรีบมาช่วยแกะมือขาวซีดนั้นออก  แม้แต่แพคฮยอนเองก็ลุกขึ้นมาช่วยคยองซูห้ามทัพอีกแรง โดยลืมไปเสียสนิทว่าสองคนที่กำลังจะฆ่ากันนี้เกลียดเขาอย่างกับอะไรดี

     

     

    แต่โอเซฮุนในตอนนี้สติท่าจะหลุดไปไกลแล้ว..

     

     

    "ห้องสมุดห้ามส่งเสียงดัง"

     

     

    สี่ชีวิตที่กำลังชุลมุนวุ่นวาย แม้แต่เซฮุนเองก็เหมือนถูกเรียกสติกลับมาด้วยเสียงทุ้มเรียบๆที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทุกคนหยุดการกระทำของตัวเองแทบจะทันทีพร้อมกับหันมองที่มาของเสียง  ร่างสูงคุ้นตาค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นจากซอกระหว่างชั้นหนังสือที่อยู่ด้านหลังที่นั่งของแพคฮยอน หากไม่สังเกตคงไม่เห็นว่ามีใครมานอนอยู่ตรงนี้เพราะเป็นมุมด้านในสุดของห้องสมุดพอดิบพอด

     

     

     แม้จะรู้ว่าเสียงนั้นเป็นใคร แต่พอได้เห็นใบหน้าของคนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายวันอย่างชัดเจนแก้มใสของแพคฮยอนก็ขึ้นสีระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่  จนเจ้าตัวรู้สึกว่ามันร้อนเห่อไปหมดร้อนยิ่งกว่าตอนคิดถึงเรื่องของจงอินมากกว่าหลายต่อหลายเท่า

     

     

    คยองซูปล่อยมือออกจากมือขาวซีดของเซฮุนเมื่อเห็นว่าเซฮุนเองคลายมือที่บีบคอจงอินออกและทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเพื่อนสนิทที่กำลังสำลักอย่างเอาเป็นเอาตาย  ใบหน้าขาวซบลงกับไหล่เพื่อนผิวเข้มที่การหายใจกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง มือทั้งสองข้างโอบกอดเอวจงอินแน่นเหมือนกลัวว่าเพื่อนผิวเข้มจะหายวับไปกับอากาศ

     

     

    "พี่ลู่ ....พี่ลู่...ฮึก! พี่ ลู่ มี แฟน แล้ว อ่ะ ฮือออออออออออออออออออออออออออออออออ!!!!! “  เซฮุนแหกปากเสียงดังลั่นไม่อายใคร  ดีที่ว่าตอนนี้ในห้องสมุดมีแค่พวกเขากับป้าบรรณารักษ์ที่เสียบหูฟังและอ่านนิยายไปด้วย โดยที่หล่อนไม่สนใจสิ่งมีชีวิตสี่ห้าคนที่กำลังโหวกเหวกโวยวายอยู่แม้แต่นิด

     

     

    "ไปเจอเค้าอยู่กับแฟน เลยประชดด้วยการเหมาชานมมาทั้งร้านกะมากินให้อ้วนตายไงวะ ชาติไหนจะตาย"  จงอินส่ายหน้าระอาพร้อมก่นด่าเพื่อนที่กำลังสะอึกสะอื้นอยู่กับไหล่ของเขาจนมันเปียกชุ่มไปหมด

     

     

    "นายน่ะ"


     

    ..หือ..??


     

    "จะมองอยู่อย่างนั้นอีกนานมั้ย"


     

     "อะ..หา!?"

     

     

    เสียงทุ้มของชานยอลเรียกสติแพคฮยอนกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่รู้สึกตัวแพคฮยอนก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาเอาแต่จ้องชานยอลที่ยืนพิงชั้นหนังสือฝั่งตรงข้ามอยู่อย่างนั้นไม่รู้ว่านานเท่าไหร่  ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกมองมาด้วยสายตาว่างเปล่า  ยากจะคาดเดาว่าคนตรงหน้าคิดอะไรกันแน่  แค่เสี้ยววินาทีที่ได้สบตาแต่แพคฮยอนก็เลือกที่จะเบนสายตาหนีเสียเอง คนตัวเล็กทำอะไรไม่ถูกแม้มือของตัวเองก็รู้สึกว่ามีนเกะกะ จึงขยับเก้ๆกังๆลงมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม

     

     

    "พี่ลู่หานบอกเหรอ ว่ามีแฟนแล้ว"  คยองซูเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเซฮุนหยุดสะอื้นไปบ้างแล้วแต่ยังคงกอดและซบหน้กับไหล่ของจงอินอยู่อย่างนั้น  

     

     

    เซฮุนได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

     

     

    "อ้าว  แล้วไอ้ที่ตีโพยตีพาย ร้องไห้ซะตุ๊ดแตกนี่มันยังไง๊!"  จงอินหันไปด่าเพื่อนสนิทอีกครั้งก่อนผลักหัวเซฮุนออกจากไหล่ตนแบบออมแรง หรือต่อให้ใส่เต็มแรงเซฮฺนในตอนนี้ก็ไม่รู้สึกอะไร

     

     

    เซฮุนยกมือปาดคราบน้ำตาพลางสูดจมูกก่อนเอ่ยตอบ

     

     

    "ก็ฉันเห็นพี่ลู่อยู่กับผู้ชายคนอื่น ท่าทางสนิทสนมกันมากด้วย"  พูดไปก็ทำท่าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกจนจงอินต้องโบกมือห้าม 

     

     

    "ถ้าขืนแหกปากอีกทีฉันจะไปยุให้พี่ลู่แต่งงานกับไอ้หมอนั่นให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย" จงอินขู่ ทั้งที่เซฮุนรู้ดีว่าคนผิวเข้มไม่คิดจะทำจริง แต่ก็พยายามเก็บกลืนกลืนเสียงสะอื้นลงคอแม้จะยากลำบาก

     

     

    "เค้าอาจเป็นเพื่อนกันก็ได้ คนน่ารักอย่างพี่ลู่มีเพื่อนบ้างจะแปลกเหรอวะ"  จงอินตั้งข้อสันนิษฐานแบบเข้าข้างเพื่อนนิดๆให้เซฮุนได้สบายใจ

     

     

    "แต่พี่ลู่ไม่เคยไปที่นั่นกับเพื่อนเลยนะ ตั้งแต่เรารู้จักกันมา ที่นั่นเป็นที่ของฉันกับพี่ลู่!"  เซฮุนเถียงทันควันและทันทีที่พูดจบจงอินก็ยกมือตบหัวเพื่อนตัวเองอย่างแรง

     

     

    "อย่ามโน พี่ลู่เค้ารู้อะไรด้วยมั้ย ไอ้รักข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่ง"

     

     

     เซฮุนได้แต่สลดยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆ พลางคิดถึงช่วงเวลาหลายเดือนที่เขาคอยไปเฝ้ารุ่นพี่นักศึกษามหาลัยหน้าหน้าหวานที่ร้านขายชานมแถวๆมหาลัยของเจ้าตัว  ซึ่งคนหน้าหวานที่เซฮุนแอบชอบจนไม่อยากโงหัวขึ้นมานั้นมักจะมานั่งอ่านหนังสือพร้อมกับการลิ้มรสชานมแสนอร่อยที่นั่นเป็นประจำ

     

     

    "ข้าวเหนียวนึ่งคืออะไร?"  จู่ๆคยองซุก็เอ่ยถามจงอิน ตากลมโตของเจ้าตัวเต็มไปด้วยความสงสัย

     

     

    "ก็ข้าวเหนียวๆหนึบๆ ไว้กินกับส้มตำ" จงอินตอบ

     

     

    "ส้มตำ?" คราวนี้เป็นแพคฮยอนที่นั่งเงียบฟังอยู่นานทวนคำด้วยความสงสัยบ้าง

     

     

    "อาหารไทยชนิดหนึ่ง" 

     

     

    "แล้วจงอินเคยกินเหรอ" คยองซูยังคงถามต่อจงอินได้แต่ยักไหล่เบาๆเป็นคำตอบ แม้แต่ชานยอลเองก็ยังหันมาสนใจการสนทนาของคนทั้งสามที่ถูกเปิดประเดนขึ้นด้วยคำว่าข้าวเหนียวนึ่งของจงอิน โดยลืมเซฮุนที่ตอนนี้กำลังนั่งตาลอยรำลึกถึงเรื่องในอดีตไปเสียสนิท





     

     

    “พี่ลู่ พี่ลู่ของเซฮุน ฮึก!

     

     

     























     

    TBC…




                เมเม : รักข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่ง

     

    #ฟิคอุบัติเหตุ  @Aprilnov0408




                











      







     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×