คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Accidental of love ♡ Chapter 5 Day dream
-ตอนที่5-
หอนาฬิกาสูงชะลูดใจกลางลานกว้างตีบอกเวลาเลิกเรียน แพคฮยอนละสายตาออกจากตัวหนังสือที่เรียงรายเป็นพรืดในหน้ากระดาษ ก่อนมือเรียวจะปิดหนังสือเล่มหนาลงและเก็บมันเข้าที่ ทุกอย่างรอบตัวยังคงดำเนินไปเหมือนวันแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่ไม่มีผิด สิ่งที่ต่างออกไปก็คงเป็นเก้าอี้ด้านขวาที่ว่างเปล่า ไร้ร่างของบุคคลที่เป็นเจ้าของ คนที่มักจะมานั่งหลับมากกว่านั่งเรียนอยู่เสมอ
เกือบอาทิตย์แล้วที่ชานยอลไม่ได้เข้าเรียน
ส่วนสองคู่ซี้อย่างเซฮุนและจงอินก็ผลัดกันมาบ้างไม่มาบ้าง เฉกเช่นวันนี้ที่เด็กหนุ่มตัวขาวซีดเอาแต่ฟุบหลับตลอดคาบบ่าย เรียกว่ามาก็เหมือนไม่มา ไม่รู้จะมาทำไม มีเพียงคนตาโตที่นั่งข้างๆเขาเท่านั้นที่ขยันมาเรียนและเรียนจริงๆทุกวันไม่ได้ขาด
"แพคฮยอนรีบกลับบ้านล่ะ" คยองซูพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง เจ้าตัวกำลังสาละวนอยู่กับการเก็บสัมภาระมากมายลงกระเป๋า ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มสดใสก็ยังประดับใบหน้า ที่ไม่ว่าดูยังไงก็น่ารัก คยองซูเป็นคนน่ารัก..
จริงๆแล้วคนคนนี้ ไม่น่ามาอยู่รวมแก๊งกับพวกชานยอลได้เลย ทั้งหน้าตาที่ดูใจดีกับนิสัยที่เป็นมิตร ไหนจะเป็นเด็กเรียนเกรดเยี่ยมอันดับต้นๆของชั้นอีก แต่จะว่าไป หลายต่อหลายครั้งที่แพคฮยอนมักจะบังเอิญเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท คนตัวเล็กไม่เคยเห็นเพื่อนตาโตคนนี้ออกอาวุธหรือศิลปะป้องกันตัวเลยแม้เพียงครั้ง ถ้าความจำของเขาไม่เลือนลาง คนคนนี้มักจะยืนอยู่ด้านหลังของคนผิวเข้มที่พ่วงความปากเสียมาด้วยราวกับเพื่อนตาย และก็เป็นจงอินนั่นแหละที่คอยปกป้องเพื่อนตาโตคนนี้อยู่เสมอ
จะว่าไปมันก็แปลกนะ สองคนนี้มีความสัมพันธ์ประเภทไหนกันแน่?!
อาจจะเป็นเพื่อนสนิทแบบม๊ากมาก รู้จักกันมาแต่อ้อนแต่ออก ตายแทนกันได้แบบนั้นรึเปล่า
หรือคิมจงอินปากสุนัขไม่รับประทานนั่นจะแอบชอบคยองซูคนน่ารักกัน??? ต้องใช่แหง!!
"ไปหาอะไรกินหน้ามหาลัยSกันเถอะ อยู่แถวนี้กินอะไรไม่ค่อยลง เหม็นหน้าคน"
คิดยังไม่ทันขาดคำก็ต้องร้องในใจว่า ตายโคตรยาก ไม่ต้องบอกแพคฮยอนก็รู้ว่าเสียงยียวนกวนน้ำโหนั่นเป็นของใคร ใบหน้าหล่อคมเข้มเดินลอยหน้าลอยตาเข้ามาและคว้ากระเป๋าของคยองซูไปครอบครองอย่างถือวิสาสะ สายตาคมมองเลยมายังแพคฮยอนด้วยความไม่ชอบใจ
หมอนี่ไม่ได้เข้าเรียนทั้งวัน แต่โผล่มาตอนเลิกเรียนนี่นะ ทำอย่างกับมารับแฟนกลับบ้าน..
เอาเถอะ พยอนแพคฮยอน นายควรชินซะ แค่หายใจก็ผิดแล้ว
"เกะกะ"
คำพูดไม่น่าฟังถูกเอ่ยขึ้น แม้น้ำเสียงจะไม่ได้กระโชกโฮกฮากขู่ตะโกนจนแก้วหูแทบแตก แต่แพคฮยอนก็พอจะรู้ว่าจงอินจงใจพูดให้เขาได้ยิน น้ำเสียงกดต่ำราวกับจะกดหัวเขาให้จมดินแบบนั้น ก็ว่าจะปลงอยู่ ถ้าไม่ติดว่าสูงน้อยกว่าหลายเซ็น และเสียเปรียบในช่วงแขนที่สั้น ช่วงขาที่ไม่ได้ยาว และสอบห่วยในวิชาพละ คนตัวเล็กคงลุกไปซัดซักป้าบให้หายหงุดหงิดใจ
"ไปกันเถอะ" คยองซูลุกขึ้นพร้อมดันหลังจงอินให้ออกเดิน โดยมีเซฮุนซึ่งสภาพเหมือนวิญญาณยังไม่เข้าร่างตามออกไปติดๆ
ตั้งแต่มีเรื่องที่ทำให้ชานยอลเจ็บตัวในคราวนั้น แทบไม่มีวันไหนที่เจอหน้ากันแล้วจงอินจะไม่พูดจาแขวะหรือแดกดันเลยซักครั้ง
จากกลัว ก็เริ่มชิน..
นึกไปนึกมาก็เหมือนพวกนางร้ายในนิยายน้ำครำที่ชอบหาเรื่องมาแกล้งนางเอก คยองซูเองก็คงเป็นเพื่อนนางเอกที่แสนดี คอยช่วยเหลือนางเอกอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆเป็นช่วงๆหากทำได้
แล้วพระเอกล่ะ?
ใบหน้าหล่อเหลา ฉาบด้วยความเย็นชา ดวงตาคู่สวยที่ไร้ความรู้สึก.. ริมฝีปากอิ่มกระตุกเบาๆเผยรอยยิ้มหวานให้กับคนเพียงคนเดียวที่มีโอกาสได้เห็น นางเอกของนิยายเรื่องนี้ที่กระเทาะหัวใจเจ้าชายผู้เย็นชาได้สำเร็จ
“งี่เง่า!”
ทำไมพระเอกเรื่องนี้มันปากเสียจังวะ พูดกับนางเอกงี้ได้ไง!
“ซุ่มซ่าม!”
ชัดเลย...
"นายโง่หรือเปล่า"
ปาร์คชานยอล!!!!
=__=
=_______=
=_____________=
แพคฮยอนสะดุ้งด้วยอาการขนตั้งชันแบบไร้สาเหตุ คนตัวเล็กสะบัดหัวตัวเองแรงๆไล่ความฟุ้งซ่านที่กำลังก่อตัวขึ้น
เพ้อใหญ่แล้วแพคฮยอน สงสัยเพราะนิยายเรื่องใหม่ที่เขาเพิ่งอ่านไปแน่ๆ แต่นางเอกนางเอิกอะไร เขาต้องเป็นพระเอกสิ!!
ว่าแต่...
ที่นี่มันที่ไหนอีกฟร่ะ!!
แพคฮยอนยืนมองตึกรูปทรงแปลกๆแต่กลับสวยสะดุดตาด้วยอาการงุนงง ปฎิมากรรมขนาดกระทัดรัดที่ตั้งอยู่ด้านในสุดรั้วโรงเรียนพอดิบพอดี เขาไม่เคยเห็นว่ามีสิ่งปลูกสร้างแบบนี้อยู่ในโรงเรียน หรือเพราะไม่เคยสังเกตเห็นกันแน่
"หอสมุด?"
ป้ายไม้แผ่นใหญ่สลักด้วยตัวหนังสือสีดำติดอยู่เหนือประตูไม้ชนิดเดียวกัน ลวดลายแกะสลักบนเนื้อไม้ชั้นดีงดงามและบ่งบอกถึงความใส่ใจของผู้ออกแบบได้เป็นอย่างดี
"โรงเรียนนี้มีห้องสมุดตั้งสองที่เลยเหรอ?"
แพคฮยอนพึมพัมกับตัวเอง เขาจำได้ว่าวันนี้เพิ่งตามคยองซูไปยืมหนังสือที่ห้องสมุดใจกลางโรงเรียนมาหมาดๆ ที่นั่นเป็นแบบกระจกใสรอบทิศทาง ดูทันสมัยและใหญ่โตกว่านี้มาก
"ที่นี่อาจไม่ได้ใช้แล้วมั้ง?"
มือเล็กค่อยๆผลักบานประตูเข้าไปช้าๆ เสียงบานพับดังออดแอดในความเงียบสงบ ฟังแล้วก็ชวนขนลุกเพราะดันนึกถึงนิยายสยองขวัญที่เคยอ่าน แบบพวกบ้านร้าง ผีดิบซอมบี้อะไรเทือกนั้น หากแต่ความอยากรู้อยากเห็นกลับมีน้ำหนักมากกว่า (นิดหน่อย)
แต่พอเดินผ่านช่องประตูเข้ามาด้านใน ความสวยงามของห้องเก็บหนังสือกลับลบเลือนความรู้สึกแรกทิ้งไปจนหมดสิ้น
ชั้นหนังสือถูกเจาะเรียงรายติดกับผนังห้อง ทุกชั้นอัดแน่นไปด้วยหนังสือหลายชนิดชวนตื่นตา เพดานเป็นแบบโดมทรงกลมที่ติดกระจกล้อมรอบรับแสงอาทิตย์ แม้ในยามบ่ายเกือบเย็นเช่นตอนนี้ห้องทั้งห้องก็ยังคงสว่างไสว กลิ่นหนังสือเก่าลอยมาแตะจมูกทำให้ชวนอึดอัด แต่ความสวยงามของห้องสมุดภายในพื้นที่แคบๆทำให้แพคฮยอนลืมเลือน เหมือนเหยียบยืนอยู่อีกโลกที่แตกต่าง
โต๊ะไม้ลายสวยตั้งเด่นอยู่กลางห้อง ขนาบข้างไปด้วยชั้นหนังสือสูง แต่ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้น บนเก้าอี้ข้างๆ มีร่างของใครบางคนที่แพคฮยอนคุ้นเคย
ขาเล็กค่อยๆก้าวช้าๆ จนกระทั่งมายืนเผชิญหน้ากับคนที่ดูเหมือนว่ากำลังอยู่ในห้วงนิทรา ตากลมโตคู่นั้นปิดสนิททาบทับด้วยแพขนตาอีกชั้น จมูกโด่งได้รูปกับริมฝีปากอิ่มที่รับกับคางมนอย่างพอเหมาะพอเจาะ ใบเนียนใส ผิวขาวราวกับไม่เคยต้องแสงแดด รูปลักษณ์งดงามเปรียบดุจเจ้าชายในเทพนิยาย ช่างขัดกับภาพลักษณ์แท้จริงที่ทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ไปวันๆ
"นายนี่หล่อจังนะ"
แพคฮยอนพึมพัมราวกับต้องมนต์ ใบหน้าเล็กของเจ้าตัวเลื่อนเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว เผลอจ้องมองใบหน้าคมหวานนิ่ง เจ้าชายรูปงามกำลังร่ายมนต์ให้เขาหลงรัก หัวใจดวงน้อยที่โง่งมของชาวบ้านชั้นต่ำ ที่ไม่อาจสมหวังดังเรื่องราวในเทพนิยาย
“เจ้าชายของฉัน...”
เผลอยกนิ้วเรียวขึ้นหวังแตะเพียงเสี้ยวหน้าให้รู้ว่ายังเอื้อมถึง แต่แล้วจู่ๆตาคู่สวยก็เปิดขึ้น ในขณะที่แพคฮยอนรู้สึกตัวใบหน้าของเขาทั้งสองอยู่ห่างกันกันเพียงช่วงหายใจ
คนตัวเล็กเบิกตากว้าง ผงะถอยหลังรวดเร็วด้วยความตกใจจนเสียการทรงตัว หลังบางกระแทกชั้นหนังสืออย่างแรงจนหนังสือเล่มหนาหล่นใส่ปลายจมูกของเขาพอดิบพอดี
"โอ้ยยยย เจ็บบบบบๆๆ!!..."
แพคฮยอนนั่งกุมจมูกโอดโอยอยู่ที่พื้นห้อง นิ้วเรียวค่อยๆยกขึ้นปาดของเหลวบางอย่างที่ปลายจมูก เพราะรู้สึกถึงความเหนอะหนะและกลิ่นคาวชวนเวียนหัว ทันทีที่เห็นว่าเป็นอะไรถึงกับหน้าซีด
"หละ..ละ..เลือด เฮือกก!!"
มือเล็กปัดเช็ดสะเปะสะปะ ยิ่งเห็นว่ามันเลอะมากเท่าไหร่แพคฮยอนก็ยิ่งเช็ดแรงขึ้นเท่านั้น คนตัวเล็กไม่มีสติพอที่จะควบคุมตัวเองเพราะรู้สึกเหมือนกำลังขาดอากาศและเวียนหัวอย่างรุนแรง
กลัวมากกว่าผี ก็เลือดนี่ล่ะ
"อยู่นิ่งๆ”
ชานยอลเอ่ยขึ้นพลางคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก คนตัวสูงเกือบหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสภาพใบหน้าที่ดูไม่ได้ของแพคฮยอน
ก็ยังโชคดีที่ยังปั้นหน้าทันล่ะนะ...
“ฮึก!”
"กลัวก็หลับตาลงสิ จะได้ไม่เห็น"
ชานยอลสั่งอีกครั้ง เมื่อเห็นท่าทางคนตัวเล็กดูจะกลัวของเหลวสีเข้มที่ไหลออกจากร่างกายตัวเองอย่างหนัก คนตัวสูงส่ายหน้าเบาๆหลังจากที่แพคฮยอนยอมทำตามอย่างว่าง่าย ดวงตาคู่สวยค่อยๆหลับตาลงช้าๆและไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มบางเบาจากคนตัวสูง
กลิ่นคาวยังคงชัดเจนในความรู้สึก ชั่วอึดใจก็เกิดสัมผัสแผ่วเบาที่ปลายจมูก ชานยอลกำลังค่อยๆเช็ดเลือดให้แพคฮยอนอย่างเบามือ สัมผัสที่นุ่มนวลอ่อนโยนซะจนคิดไม่ถึงว่านี่เป็นสัมผัสจากมือผู้ชาย แถมยังเป็นพวกชอบทะเลาะวิวาทไม่เว้นแต่ละวันอีกต่างหาก
ว่าแต่........
หมอนี่ไปเอาผ้ามาจากไหน?
คงไม่ได้ถอดเสื้อมาเช็ดให้เขาหรอกใช่มั้ย ? ถ้าเป็นอย่างนั้นลืมตาดูหน่อยคงไม่เป็นไร =.,=
เห้ย! ไม่ใช่สิ ผิดประเด็นแล้วแพคฮยอน!
หรือว่าจะไปหยิบเป็นผ้าขี้ริ้วแถวนี้มา
ต้องเป็นผ้าขี้ริ้วแน่ๆ โอ้ยยย สิวจะขึ้นไหมเนี่ยยยย!!
หรือว่า หรือว่า...!!
จะถอดถุงเท้ามาเช็ดกันแน่!!
"เป็นอะไร"
ชานยอลเอ่ยขึ้นที่อยู่ๆตาคู่เรียวก็เบิกโพลงขึ้นมา แพคฮยอนจ้องมือชานยอลที่ค้างอยู่กลางอากาศเขม็ง ในนั้นมีผ้าเช็ดหน้าเนื้อละเอียดสีครีมที่ตอนนี้ถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือดของเขา อาการวิงเวียนเล่นงานจนคนตัวเล็กหลับตาลงอีกครั้งแทบไม่ทัน
"อยู่เฉยๆสิ"
เสียงทุ้มติดจะดุทำให้แพคฮยอนยิ่งหลับตาปี๋ รู้สึกโล่งใจที่ชานยอลไม่ได้เอาผ้าขี้ริ้วมาซับจมูกให้เขาอย่างที่คิด
สัมผัสบางเบาที่ปลายจมูกเกิดขึ้นอีกครั้ง ปลายนิ้วกดลงบนเนื้อผ้าค่อยๆซับอย่างระมัดระวัง นุ่มนวล อ่อนโยน และชวนให้เคลื้มฝัน..
เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ ...ไม่มีความรู้สึกถึงสัมผัสที่ปลายจมูกแล้ว ...ทุกอย่างรอบตัวดูเงียบสงบไปหมด....แต่แพคฮยอนกลับไม่กล้าลืมตาขึ้นมา ..
สัมผัสบางเบาเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่ปลายจมูกที่เดิม ลมหายใจอุ่น เคลื่อนเข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ ก่อนความชื้นบางอย่างจะเข้ามาคลอเคลียบดเบียดที่ริมฝีปากด้านนอก.. ตามมาด้วยรสหวานละมุนค่อยๆแทรกซึมเข้ามาทีละนิด จากแผ่วเบาก็เริ่มหนักหน่วง.. ฉุดเอาทุกสิ่งทุกอย่างให้ล่องลอยจนแทบหมดลมหายใจ ....
แพคฮยอนตัวลอย ลอยอยู่ท่ามกลางปุยเมฆสีขาว แต่ในความรู้สึกกลับกลายเป็นสีชมพู อยู่ท่ามกลางดินแดนที่คล้ายสวรรค์แต่ไม่ชัดเจนว่ามันคือแห่งหนใด คนตัวเล็กมีความสุขกับปุยเมฆที่ค่อยๆโอบล้อมจนสัมผัสได้ถึงฟองอากาศอันเนียนนุ่ม ไอน้ำพราวระยับฉุดสติของแพคฮยอนให้ล่องลอยอีกครั้งและอีกครั้ง...
.
.
.
.
.
Accidental of love♡
"ครับแม่ ผมสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ...อ่า เรื่องนั้น พอใช้อยู่ครับ แม่ดูแลตัวเองด้วยนะ ผมรักแม่นะครับ"
ติ๊ด..
แพคฮยอนกดปุ่มวางสายก่อนโยนโทรศัพท์ลงข้างๆและล้มตัวลงนอน มือเรียวดึงหมอนเข้ามากอดไว้หลวมๆ คนตัวเล็กถอนหายใจหนัก ชีวิตต่างบ้านต่างเมืองไม่ได้สวยหรูเสมอไป และแน่นอนว่านักเรียนทุนอย่างเขาครอบครัวทางบ้านไม่ได้มีฐานะดีนัก และการที่ต้องย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงทำให้ค่าใช้จ่ายในแต่ละวันสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ถึงแม้แพคฮยอนจะพยายามประหยัดสุดๆแล้วก็ตาม แต่ค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่วเกินกว่ากำลังของผู้เป็นมารดาทำให้คนตัวเล็กต้องคิดหนัก เขาไม่อยากให้แม่ต้องลำบาก
"คงต้องหางานพิเศษทำ"
วันหยุดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนบนถนนชื่อดังย่านหนึ่งในกรุงโซล แพคฮยอนในชุดลำลองสบายๆเดินปะปนสวนกับผู้คนอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาเพิ่งเข้าไปสมัครงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวย่านนี้ คุณป้าเจ้าของร้านเมื่อเห็นว่าเขาเป็นเด็กมัธยมปลายอยากหารายได้พิเศษก็ตกลงรับเข้าทำงานทันที
"วันนี้ฉลองหน่อยดีกว่า ซื้ออะไรไปกินดีน้า" คนตัวเล็กหัวเราะเบาๆ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรถเข็นขายพุงออปังไม่ห่างออกไปนัก เจ้าตัวก็รีบปรี่ไปหาของโปรดทันที
"แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะสำหรับการฉลองของพยอนแพคฮยอน"
แพคฮยอนก้มมองขนมปังปลาที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นออกมาจากถุงกระดาษในมือ เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับความสำเร็จก้าวแรกในความตั้งใจ คนตัวเล็กค่อยๆกัดเจ้าขนมชิ้นพอดีคำ ความร้อนบวกกับความหวานแบบพอดีของไส้ถั่วเหลืองกวนทำให้เขามีความสุข
“ฮ้า~~~สุดยอดเลย อร่อยจัง เห็นไหมเนี่ยขนมของฉันออกจะอร่อย นายจะมีโอกาสได้ชิมรึเปล่า ชานยอล ”
เผลอคิดถึงใครอีกคนอย่างลืมตัว ก้อนเนื้อในอกสั่นไหว นิ้วเรียวยกแตะริมฝีปากซึมซับความรู้สึกที่ยังชัดเจน สัมผัสอ่อนนุ่มราวกับปุยเมฆ แก้มใสร้อนวูบวาบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหตุการณ์ในวันวานฉายซ้ำราวกับกดเปิด...
ตาเรียวของแพคฮยอนเบิกกว้าง มองคนตัวสูงที่เพิ่งผละริมฝีปากออกไปตาค้าง ชานยอลเสมองไปอีกทางโดยไม่ยอมหันกลับมามองแพคฮยอนอีก แว่บนึงคนตัวเล็กมองเห็นความเขินอายฉาบทับใบหน้าคม เขาต้องฝันไปแล้วๆแต่พอลองหยิกแขนตัวเองก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ
"ที่นี่ไม่อนุญาติให้นักเรียนเข้ามา รีบกลับออกไปซะ"
พูดจบคนตัวสูงก็หันหลังออกไปทันที ทิ้งให้แพคฮยอนยืนนิ่งอยู่เพียงลำพัง
Accidental of love♡
มือเรียวกำถุงขนมปังแน่น ปากบางเม้มเข้าหากัน ข้างแก้มกำลังร้อนผ่าวและหัวใจที่เต้นแรงเกินจังหวะควบคุม นี่เขาเป็นอะไร คงไม่ได้ชอบหมอนั่นเข้าแล้วหรอกนะ ไม่ ไม่ ไม่มีทาง !
ไม่มีทางไม่ชอบแน่ๆ อาการแบบนี้ แพคฮยอนอยากจะร้องไห้ T T
"เฮ้ย!!นั่นมันไอ้เตี้ย สายของพวกแก๊งเทพบุตรนี่หว่า"
ห้ะ!?
แพคฮยอนหันขวับตามเสียงที่ดังอยู่เบื้องหลังด้วยสัญชาตญาณ คำว่า ‘ไอ้เตี้ย’ ในน้ำสียงเกรี้ยวกราดนั่นอาจหมายถึงเขา หรืออาจเป็นคนอื่นที่มีความสูงใกล้เคียงกัน แต่แล้วสายตาก็ปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ของคนที่เขาจำได้แม่น ไอ้ตัวโตที่ชานยอลเหยียบจมูกซะจนไปนอนนับดาวเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน
........ซวยแล้ว
ไวเท่าความคิด แพคฮยอนออกวิ่งทันทีอย่างไม่ต้องให้พวกมันเรียกเป็นครั้งที่สอง เขาวิ่งตัดซอยเล็กซอยน้อยหลีกหนีผู้คนมั่วซั่วอย่างคนไม่ชำนาญทาง ขาเล็กยังคงทำหน้าที่ของมันไม่หยุดหย่อน โดยมีบุคคลที่ทำหน้าราวกับกับมัจจุราชตามเขามาติดๆอย่างไม่ลดละ ถึงสามคน!
ไอ้พวกบ้า มาตามฉันทำม๊ายยย!!! ฉันไม่ใช่ซงไม่ใช่สายอะไรทั้งน้านน!! ฮือออออออ..ไม่ไหวแล้วไหวแล้ว
ขาของแพคฮยอนเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เพียงไม่กี่ก้าวมัจจุราชทั้งสามก็จะตามเขาทัน แม้จะพยายามเร่งความเร็วขึ้นมากเท่าไหร่ แต่ขาทั้งสองข้างอ่อนล้าเต็มทีและกำลังจะหมดแรงลงในไม่ช้า
“อ๊ะ!”
หินก้อนเขื่องทำเอาแพคฮยอนสะดุดจนเซถลาไปด้านหน้า เขาชนเข้ากับใครซักคนเต็มแรงจนร่างกายเสียการทรงตัว และก่อนที่คนตัวเล็กจะหน้าคะมำลงไปกับพื้นถนน แขนแข็งแรงนั้นคว้าแพคฮยอนเอาไว้ได้ มือหนารวบเอวของคนตัวเล็กแนบชิดจนแทบจมหายเข้าไปในอกกว้าง
คนคนนี้กำลังกอดเขาอยู่!
"ชะ..ชานยอล.."
"เสียใจด้วย แต่ไม่ใช่!"
TBC…
เมเม: จริงๆ เราควรแนะนำตัวอย่างเป็นทางการแม้ไม่มีใครอยากรู้ ไรท์เตอร์ฝึกหัดคนนี้ชื่อ เมเม อายุ.. ข้ามไปได้ไหม ยี่สิบกว่าๆ กว่าไหนก็นั่นแหละ ตอนนี้กำลังรีไรท์ฟิคยาวเรื่องแรกในชีวิตคือเรื่องนี้ หลายคนได้อ่านไปแล้ว และคงมีหลายคนที่หลงเข้ามาใหม่ หวังว่านะ หวังว่า ผลงานของเราจะทำให้คุณยิ้มได้ และเราดีใจที่คุณชอบและติดตามมันนะคะ
#ฟิคอุบัติเหตุ @Aprilnov0408
ความคิดเห็น