คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Accidental of love ♡ Chapter 4 การเผชิญหน้า
-ตอนที่4-
แพคฮยอนตื่นสายเป็นครั้งแรกตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่โซล ถึงแม้จะเป็นวันหยุดเช่นวันนี้แต่เจ้าตัวก็ติดนิสัยตื่นเช้าเสมอ ด้วยความที่เมื่อคืนเอาแต่คิดฟุ้งซ่านทำให้แพคฮยอนนอนไม่หลับ กว่าสติจะลางเลือนเข้าสู่ห้วงนิทราก็ปาไปเกือบตีสี่
"ไปโรงพยาบาลดีมั้ยนะ"
คนตัวเล็กได้แต่พึมพัมกับตัวเอง ทั้งที่คิดแบบดื้อรั้นบวกกับนึกไม่ชอบใจอาการของจงอินที่แสดงออกต่อเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงชานยอล เพราะถึงตนเองจะไม่ใช่สาเหตุหลักของเรื่องราวทะเลาะวิวาทที่ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีส่วนในการบาดเจ็บของคนตัวสูง
"แต่ป่านนี้หมอนั่นอาจกลับบ้านไปแล้วก็ได้ ไม่ได้เป็นอะไรมากนิ" พูดกับตัวเองเป็นครั้งที่ร้อย แต่ความรู้สึกข้างในกลับหนักอึ้ง แพคฮยอนไม่ใช่พวกหัวอ่อนที่เอะอะก็ยอมให้คนอื่นข่มเหงความรู้สึก แต่เพราะต่อยตีกับใครไม่เป็นและไม่ใช่พวกชอบชวนทะเลาะ คนตัวเล็กจึงได้แต่เงียบเสมอมา
ลมหายใจหนักถูกพรูทิ้งอีกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอนกับฟูกนิ่ม แขนเรียวคว้าเอาหมอนใบเก่งที่เป็นเพื่อนให้พึ่งพาได้เพียงสิ่งเดียวในขณะนี้เข้ามากอดแนบอก ตาคู่สวยฉายแววกังวลแล้วค่อยๆหลับลงอีกครั้ง
.
.
.
.
.
Accidental of love♡
ปากบางเม้มเข้าหากัน สูดลมหายใจเเข้าปอดและพรั่งพรูออกมาหนักๆเพื่อเรียกกำลังใจ ก่อนก้าวเท้ายาวๆไปหยุดยืนหน้าเคาท์เตอร์สีครีม เรียวหน้าขาวหันซ้ายหันขวาอย่างชั่งใจ พอมายืนอยู่ตรงนี้ขาเล็กกลับสั่นแปลกๆ อยู่ดีดีความหวาดหวั่นก็แล่นเข้าสู่สมอง ไม่ใช่ว่าอะไร แต่กลัวโดนบรรดาเพื่อนพ้องของร่างสูงตอกหน้ากลับมาว่าเสร่อ ซึ่งก็มีเพียงไม่กี่คน และในที่นี้คงมีคนเดียว
วิ่งหนีกลับบ้านตอนนี้ยังทันไหมวะ!
ยังไม่ทันได้ถอยหลังกลับอย่างใจคิด สตรีในชุดสีขาวสะอาดก็เงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์และส่งยิ้มให้คนตัวเล็กอย่างมีไมตรี
"ติดต่อเรื่องอะไรคะ?" เสียงใสๆที่ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจเอ่ยขึ้น คนตัวเล็กเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนตัดสินใจเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่ฉุดเอาร่างของเขาให้มายืนเงอะงะอยู่ที่นี่
"ปาร์คชานยอล พักอยู่ห้องไหนครับ"
ขาเล็กก้าวไปตามทางเชื่อมที่ตัดจากตัวตึกด้านหน้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังตัวอีกฝั่งที่แยกออกไปเป็นห้องพักสำหรับผู้ป่วยระดับวีไอพี แพคฮยอนเดินกินลมชมวิวดื่มด่ำกับบรรยากาศหรูหราข้างทางไปเรื่อย จนสวนทางกับผู้ชายใส่สูทสีดำสองคนที่ดูเหมือนพวกบอดี้การ์ดของเจ้าพ่อมาเฟียในหนัง ใบหน้าเกือบครึ่งของคนเหล่านั้นถูกปิดด้วยแว่นตาสีเดียวกัน
"มีพวกเจ้าพ่อมาเฟียมารักษาตัวหรือไง ถึงกับต้องมีบอดี้การ์ดเนี่ย ..พวกคนรวยนี่นะ ไม่รู้จักสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเพียงลำพังหรือไง.." บ่นกับตัวเองพลางใช้นิ้วเรียวจิ้มปุ่มสีเงินจนเส้นขอบขึ้นไฟสีแดง รอเพียงไม่กี่อึดใจประตูเหล็กสีไข่ไก่ที่ติดโปสเตอร์รณรงค์ให้คนรุ่นใหม่ใส่ใจการคุมกำเนิดก็เปิดออก แพคฮยอนคิดโน่นคิดนี่เรื่อยเปื่อยตามประสาคนสมองโล่งไม่เป็น จนเรียวขาพามาหยุดยืนหน้าห้องพักของคนตัวสูงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ก๊อก.ก๊อก..
"ครับ?"
เสียงทุ้มที่คุ้นหูตอบรับมาจากด้านใน พาลให้ขาสั่นเข้าไปอีก ก้อนเนื้อที่ก่อนหน้าถูกบังคับให้สงบกลับมาเต้นรุนแรงอีกครั้ง น้ำเสียงที่แพคฮยอนจดจำได้แม่นยำ
แม้ว่าตลอดเกือบสองสัปดาห์ที่ย้ายเข้ามา คนตัวเล็กจะได้ยินสุ้มเสียงนั้นแทบนับคำได้ แต่เขากลับจดจำน้ำเสียงเรียบๆ ฟังดูจืดชืดไร้ความรู้สึกนี้ได้เป็นอย่างดี
ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบพูด ดวงตากลมโตถูกฉาบไปด้วยความเฉยชา น้ำเสียงที่แทบจับความรู้สึกไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่
บางที ...คนคนนี้ อาจยิ้มไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ
"ฉะ..ฉันเอง"
ขาเล็กก้าวเข้ามายืนกลางห้องพักพิเศษสีครีมสะอาดตา ภายในห้องตกแต่งสไตล์โมเดิร์นแถมยังมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ดูแล้วน่าจะกว้างกว่าห้องพักของคนตัวเล็กเสียด้วยซ้ำ
พวกคนรวย....
แพคฮยอนยอมเสียมารยาทกวาดสายตาไปรอบๆห้องกว้าง เพราะรู้สึกผิดสังเกต คนตัวเล็กคิดว่าเขาจะต้องเจอจงอินหรือไม่ก็เซฮุนที่นี่ แต่ก็พบเพียงเจ้าของห้องที่กึ่งเอนกึ่งนั่งกึ่งนอน ดูแล้วก็ออกจะสบายดีอยู่บนเตียงผู้ป่วย ไร้วี่แววของเพื่อนสนิทที่ปกติตัวติดกันราวกับทากาว
"อยู่คนเดียวเหรอ?"
ส่งเสียงออกไปแบบกล้าๆกลัวๆ เพราะคนตัวสูงไม่ได้มองมาที่เขาตั้งแต่แรก สายตาของชานยอลเหม่อมองผ่านกระจกใสบานใหญ่ที่ทำหน้าที่กั้นห้องส่วนในกับระเบียงกว้าง แก้วตาดำขลับสะท้อนภาพทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยตึกสูงแทบจะมองไม่เห็นสีของฟากฟ้ากว้าง
"เห็นว่าอยู่กับใครล่ะ"
ชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีสะดุด แต่แพคฮยอนกลับรู้สึกถึงความยียวนในถ้อยคำนั้น หากผู้พูดมีอารมณ์ร่วมลงไปในคำพูดซักนิด ซักนิด..ก็คงดีทีเดียว นะ..คุณชานยอลผู้เย็นชา!
พูดกับเขาทั้งที่สายตายังคงจับจ้องผ่านกระจกใสดังเดิม
"เอ้อ จริงด้วยสินะ" คนตัวเล็กยิ้มแหย นิ้วเรียวสวยถูกยกขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ อันที่จริงก็ทำไปเพราะไม่รู้จะเอามือเกะกะของตัวเองไปไว้ไหน และไม่รู้จะเริ่มสนทนาต่ออย่างไรดี
"ฉันซื้อขนมมาฝากนายด้วยนะ เอ่อ..เป็นของเยี่ยมน่ะ ไม่รู้ว่านายจะชอบมันไหม แต่ว่าฉันชอบ ก็เลย..ก็เลยลองซื้อมาฝากดู.." ปลายเสียงแผ่วลงเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรยืดยาวจนเกินไป และคนฟังก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจซักนิด
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ดวงตาเรียวจ้องมองคนบนเตียงอย่างรอคอยคำตอบ ถ้อยคำที่รอด้วยความคาดหวังของบทสนทนาที่อาจไม่ได้รับ
และแล้วมันก็ยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น มีเพียงเสียงฮีตเตอร์ที่ยังคงทำหน้าที่ของมันอยู่อย่างสม่ำเสมอ
"วางไว้นั่นล่ะ"
อยู่ๆเจ้าของห้องก็โพล่งน้ำเสียงไร้ความรู้สึกขึ้นมา แพคฮยอนกระตือรือร้นมองหาที่ว่างเพื่อวางถุงบรรจุขนมปังรูปปลาตะเพียนที่ตัวเขาเองชื่นชอบเป็นนักหนา และตั้งใจซื้อมาฝากคนตัวสูง
แต่แล้วความดีใจก็ถูกทำลายลงในเวลาอันสั้น บนโต๊ะขนาดกลางเรียงรายเต็มไปด้วยของเยี่ยมทั้งขนมนมเนยมากมายไปยันของบำรุงหลายชนิดที่กินทั้งเดือนก็คงไม่หมดจนมันล้นออกมาที่พื้นห้อง เห็นอย่างนั้นแพคฮยอนแทบอยากจะเขวี้ยงถุงขนมปังปลาทิ้งลงหน้าต่าง เพราะของเยี่ยมแต่ละอย่างนั้นล้วนแต่เป็นของดีราคาแพง ในขณะที่สิ่งทีอยู่ในมือเขาเป็นแค่ขนมข้างทางราคาไม่กี่พันวอน
ความรู้สึกแปลกๆแล่นเข้ามาจนรู้สึกตีบตันไปทั่วลำคอ ห้องพักหรูหราที่บรรยากาศแสนดีนี้ไม่น่าอยู่เลยซักนิดในตอนนี้ คนตัวเล็กไม่รู้ว่าเขามายืนทำอะไรอยู่ที่นี่ แค่เห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกก็ยิ่งรู้สึกสมเพช
แพคฮยอนกำถุงกระดาษในมือแน่น ตัดสินใจว่าจะถือมันกลับออกไปอย่างเงียบๆเพราะหากวางเอาไว้อีกไม่เกินครึ่งวันก็คงต้องมีคนมาเก็บไปทิ้ง แค่ถุงกระดาษที่ใส่มาก็ดูไม่เข้ากับห้องนี้อย่างมากมายแล้ว รวมไปถึงตัวของแพคฮยอนเอง เขาไม่สมควรอยู่ที่นี่
แต่จนแล้วจนรอดก็ตัดใจไม่ได้ ในที่สุดถุงกระดาษใบเล็กก็ถูกวางลงที่พื้น อย่างน้อยก็ให้มันได้อยู่ในห้องนี้อีกซักนิด ให้เจ้าของห้องได้เห็นแม้จะเพียงเสี้ยวหางตาแบบที่ใช้มองเขาก็ยังดี
"เอามานี่สิ"
คนตัวเล็กชะงัก ก่อนเลิกคิ้วมองเจ้าของเสียงด้วยความสงสัย ตากลมโตคู่นั้นยังคงคาดเดาความรู้สึกไม่ได้เช่นเดิม
"จะทำหน้าเป็นหมาสงสัยอีกนานรึเปล่า ฉันบอกให้เอามานี่ไง" น้ำเสียงติดจะรำคาญเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เสี้ยวหน้าหล่อที่หันมามองเมื่อครู่ดึงสายตากลับไปที่เดิม ทิ้งให้แพคฮยอนยืนค้างอยู่อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
บางทีความรู้สึกที่ว่า หัวใจพองโตจนคับอก..
วันนี้ แพคฮยอนได้รู้สึกถึงมันอย่างแจ่มแจ้ง
"ฉันไม่ใช่หมาซะหน่อย" ปากบางยู่ลงอย่างงอนๆกับสิ่งที่คนบนเตียงเปรียบเทียบ ก่อนเดินไปยื่นถุงขนมตรงหน้าคนตัวสูง ชานยอลรับมันแทบจะทันทีและโยนลงกับพื้นที่ว่างข้างๆตัวอย่างไม่ใส่ใจ
บางทีก็อดคิดไม่ได้ ของเยี่ยมราคาถูกของเขาถูกแยกออกไปจากของคนอื่น
บางทีพยอนแพคฮยอนอาจได้รับสิทธิพิเศษ และมันอาจเป็นสัญญาณว่า......
"เยี่ยมเสร็จแล้วก็กลับไปซะ"
นั่นไง =____=
พิเศษสุดล่ะกับไอ้ถ้อยคำเย็นชาไร้อารมณ์เนี่ย
"บอกว่าเยี่ยมเสร็จแล้วก็กลับไปไง”
เสียงของชานยอลปลุกแพคฮยอนออกจากภวังค์อีกครั้ง และทุกอย่างก็ยังคงเป็นเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่มีผิด แพคฮยอนรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกลับมาโปร่งแสงอีกครั้ง หลังจากที่ดูเหมือนจะมีตัวตนขึ้นมาบ้าง
มีเพียงชื่อลอยวนอยู่ในอากาศ ไม่เคยถูกเรียก ไม่มีสิทธิ์แม้จะได้รับถ้อยคำขอบคุณ
"เดี๋ยวพวกนั้นจะมา นายควรรีบกลับไป"
คนตัวเล็กหน้าหงอยลงแต่กลับกล้าจ้องตาคนตัวสูง แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีแต่ภาพในหัวของเขามันช่างเชื่องช้า ตาคมต้องแสงไฟในห้องจนเกิดประกายประหลาดที่ทำให้หัวใจแพคฮยอนเต้นคร่อมจังหวะ มือเรียวต้องยกขึ้นมากุมเอาไว้เพราะกลัวมันจะกระเด็นออกมาข้างนอก
พวกนั้นที่หมายถึงคงไม่พ้นจงอินกับเซฮุน สองซี้ที่แสดงออกชัดเจนแล้วว่าเกลียดแพคฮยอนเข้าไส้ บางทีเขาควรจะยื้อเวลาอยู่ต่อเพื่อเผชิญหน้าหรือเปล่า และถึงตอนนั้นไม่จงอินก็เซฮุนคงจะตะบันหน้าเขาจนล้มคว่ำ
บางทีชานยอลก็ไม่ควร ใช้ถ้อยคำห่วงใยแบบนั้น..
แล้วไอ้หัวใจบ้านี่ทำไมต้องเต้นแรง ด้วย!! หยุดนะ!!
Accidental of love♡
แพคฮยอนเดินเหม่อออกมาตามทางเชื่อมของโรงพยาบาลอีกครั้ง คนตัวเล็กทอดสายตาเอื่อยๆไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย ขาเรียวเดินผ่านส่วนกลางที่เป็นเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ในตอนแรกแต่กลับต้องขมวดคิ้วเมื่อบัดนี้ทางเดินโล่งๆถูกจับจองจนเต็มทุกพื้นที่
ตอนนี้โรงพยาบาลมีม๊อบหรือไงกันนะ?? เสื้อสีไหนล่ะเนี่ย!! ก็....ตอนขามายังปกติดีนี่นา ..
คนตัวเล็กคิดไปเรื่อยเมื่อนึกถึงสถานการณ์ทางการเมืองของเกาหลี ที่ชักจะคล้ายกับบางประเทศไปทุกที เอะอะก็ปิดถนน ใช่ซี้! ถนนมันผิด เอาถนนออกคงไม่มีม๊อบแล้วจริงไหม! แต่ตอนนี้มันปิดโรงพยาบาล งั้นคงต้องรื้อโรงพยาบาลเป็นงานต่อไป (ใช่มั้ย?)
"พี่คะ ได้โปรดให้พวกเราเข้าไปเยี่ยมคุณชานยอลเถอะค่ะ!" เสียงใสๆเอ่ยบอกกึ่งอ้อนวอน ด้านหน้าเคาท์เตอร์มีเด็กผู้หญิงที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแพคฮยอนเกาะอยู่เต็มไปหมด จนแทบมองไม่เห็นเจ้าหน้าที่ด้านใน ทุกคนแข่งกันพูดจนฟังอะไรแทบไม่รู้เรื่อง จับใจความได้คร่าวๆว่า ขอขึ้นไปเยี่ยมคุณชานยอล ชานยอล ชานยอล และชานยอล ..ชานยอลอีกแล้ว..
"นะคะพี่ แค่แป๊ปเดียวเอง”
"นะคะให้พวกเราเข้าไปเยี่ยมเถอะค่ะ”
“ให้พวกเราได้เห็นกับตาว่าคุณชานยอลปลอดภัยดี นะคะพี่"
พวกเด็กสาวดูเหมือนจะไม่ได้สนใจคนตัวเล็กที่เดินออกมาจากตัวตึกชั้นใน แพคฮยอนเพิ่งสังเกตว่าบัดนี้ตรงทางเข้ามีบอดี้การ์ดร่างยักษ์สี่ห้าคนคอยขวางทางเด็กสาวพวกนั้นเอาไว้
หรือว่าคนที่เขาเห็นตอนนั้นจะเป็นบอดี้การ์ดของชานยอล? ถ้าจะมีบอดี้การ์ดคุ้มกันขนาดนี้ ก็คงไม่ต้องโกยหนีคู่อริแบบนั้นมั้ง? หรือเอาไว้กันแค่พวกแฟนคลับสาวๆ... ขนาดเขาเดินผ่านออกมาเจ้าพวกนี้ยังนิ่งเหมือนหุ่นยนต์เลย แต่พอเด็กสาวพวกนั้นทำท่าจะเดินเข้าไป ก็ขยับตัวมาขวางซะงั้น เมื่อกี๊มีโค้งให้เขาด้วยแน่ะ จะว่าไปก็เขินนิดหน่อย
"กรี๊ดดดดดด ดดดด ดดดด ด ด!! คุณจงอินกับคุณคยองซูมาแล้ว"
เสียงหวีดร้องแสดงความยินดีดังประสานกันลั่น ก่อนที่เสียงแหลมๆของใครซักคนจะโพล่งชื่อคนที่เพิ่งย่างก้าวเข้ามาถึงให้ได้คลายสงสัย เด็กสาวที่มีมากกว่ายี่สิบคนพร้อมข้าวของพะรุงพะรังเปลี่ยนเป้าหมายไปหาผู้มาใหม่ บางคนถึงกับวิ่งชนแพคฮยอนจนแทบเสียหลักล้ม แต่เมื่อสายตาสบเข้ากับใครซักคนที่คุ้นตา คนตัวเล็กจึงหลบฉากไปอีกทางเพื่อให้มั่นใจว่าทั้งสองคนจะไม่เห็นเขา
จงอินทำหน้าเบื่อโลกแบบอัตโนมัติ คนผิวเข้มกระชับมือหนาเข้ากับเรียวแขนของอีกคน ออกแรงดึงคนที่กำลังแจกยิ้มแสนน่ารักให้ก้าวตาม มือเล็กทำท่าจะรับของขวัญแต่ถุงกระดาษโชว์โลโก้ของแบรนด์สินค้าสุดหรูหลายๆต่อหลายถุงถูกมือหนาปัดทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนจะถูกลากฝ่าฝูงแฟนคลับไปอีกฝั่ง ชายร่างใหญ่โค้งให้อย่างนอบน้อมพร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นกำแพงไม่ให้สาวๆเหล่านั้นกรูกันตามเข้าไปได้
"กรี๊ดดดด เมื่อกี่คุณจงอินมองฉันด้วยแหละเธอ!!!"
เสียงหวีดร้องอย่างคลั่งไคล้ดังขึ้นเซ็งแซ่ เด็กผู้หญิงบางคนเหมือนสติหลุดไปแล้ว บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาสลับหัวเราะ ไม่ใช่ว่าแพคฮยอนเองจะไม่เคยเจอบรรดาแฟนคลับของแก๊งเทพบุตรอันเลื่องชื่อ(?) แต่โดยปกติที่อยู่ในโรงเรียนจะค่อนข้างมีมารยาทและถือตัว ตามประสาลูกผู้ดีมีตระกูล (แต่ก็แค่ส่วนใหญ่..มั้ง) ส่วนคนที่อยู่แถวนี้ จัดว่าติ่งพอสมควร
แพคฮยอนขยับตัวออกจากหลังเสาต้นใหญ่ที่ใช้หลบจงอินและคยองซูเมื่อครู่ กลุ่มเด็กสาวยังคงพร่ำเพ้อพรรณาถึงชายหนุ่มทั้งสองที่เพิ่งผ่านไปจึงไม่มีใครสังเกตเห็นเขา ...หรือไม่ ..ก็ไม่มีใครคิดจะสนใจสิ่งมีชีวิต ที่มีความสูงร้อยเจ็ดสิบกว่าๆเช่นเขา.....อยู่แล้ว
ก็ดี ..ก็ดีแล้ว ควรกลับบ้านได้แล้ว..
...อย่าลืมกินพุงออปังของฉันล่ะ ปาร์คชานยอล...
TBC..
เมเม : ขนมปังปลา
#ฟิคอุบัติเหตุ @Aprilnov0408
ความคิดเห็น