ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] -Accidental of love-

    ลำดับตอนที่ #5 : Accidental of love ♡ ‏Chapter 4 การเผชิญหน้า

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 57


    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry
                                                                

                                       









                                                -ตอนที่4-






                    

     

     

     

    แพคฮยอนตื่นสายเป็นครั้งแรกตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่โซล ถึงแม้จะเป็นวันหยุดเช่นวันนี้แต่เจ้าตัวก็ติดนิสัยตื่นเช้าเสมอ  ด้วยความที่เมื่อคืนเอาแต่คิดฟุ้งซ่านทำให้แพคฮยอนนอนไม่หลับ กว่าสติจะลางเลือนเข้าสู่ห้วงนิทราก็ปาไปเกือบตีสี่

     

     

    "ไปโรงพยาบาลดีมั้ยนะ"  

     

     

    คนตัวเล็กได้แต่พึมพัมกับตัวเอง ทั้งที่คิดแบบดื้อรั้นบวกกับนึกไม่ชอบใจอาการของจงอินที่แสดงออกต่อเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงชานยอล เพราะถึงตนเองจะไม่ใช่สาเหตุหลักของเรื่องราวทะเลาะวิวาทที่ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีส่วนในการบาดเจ็บของคนตัวสูง

     

     

     

    "แต่ป่านนี้หมอนั่นอาจกลับบ้านไปแล้วก็ได้ ไม่ได้เป็นอะไรมากนิ"  พูดกับตัวเองเป็นครั้งที่ร้อย แต่ความรู้สึกข้างในกลับหนักอึ้ง แพคฮยอนไม่ใช่พวกหัวอ่อนที่เอะอะก็ยอมให้คนอื่นข่มเหงความรู้สึก แต่เพราะต่อยตีกับใครไม่เป็นและไม่ใช่พวกชอบชวนทะเลาะ คนตัวเล็กจึงได้แต่เงียบเสมอมา

     

     

     

                ลมหายใจหนักถูกพรูทิ้งอีกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอนกับฟูกนิ่ม แขนเรียวคว้าเอาหมอนใบเก่งที่เป็นเพื่อนให้พึ่งพาได้เพียงสิ่งเดียวในขณะนี้เข้ามากอดแนบอก  ตาคู่สวยฉายแววกังวลแล้วค่อยๆหลับลงอีกครั้ง

     

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

     

                Accidental of love

              

     

     

     

     

    ปากบางเม้มเข้าหากัน สูดลมหายใจเเข้าปอดและพรั่งพรูออกมาหนักๆเพื่อเรียกกำลังใจ ก่อนก้าวเท้ายาวๆไปหยุดยืนหน้าเคาท์เตอร์สีครีม เรียวหน้าขาวหันซ้ายหันขวาอย่างชั่งใจ พอมายืนอยู่ตรงนี้ขาเล็กกลับสั่นแปลกๆ  อยู่ดีดีความหวาดหวั่นก็แล่นเข้าสู่สมอง ไม่ใช่ว่าอะไร แต่กลัวโดนบรรดาเพื่อนพ้องของร่างสูงตอกหน้ากลับมาว่าเสร่อ  ซึ่งก็มีเพียงไม่กี่คน และในที่นี้คงมีคนเดียว

     

     

    วิ่งหนีกลับบ้านตอนนี้ยังทันไหมวะ!

     

     

     

    ยังไม่ทันได้ถอยหลังกลับอย่างใจคิด สตรีในชุดสีขาวสะอาดก็เงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์และส่งยิ้มให้คนตัวเล็กอย่างมีไมตรี

     

     

     

    "ติดต่อเรื่องอะไรคะ?"  เสียงใสๆที่ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจเอ่ยขึ้น  คนตัวเล็กเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนตัดสินใจเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่ฉุดเอาร่างของเขาให้มายืนเงอะงะอยู่ที่นี่

     

     

     

    "ปาร์คชานยอล พักอยู่ห้องไหนครับ"

     

     

     

                 ขาเล็กก้าวไปตามทางเชื่อมที่ตัดจากตัวตึกด้านหน้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังตัวอีกฝั่งที่แยกออกไปเป็นห้องพักสำหรับผู้ป่วยระดับวีไอพี แพคฮยอนเดินกินลมชมวิวดื่มด่ำกับบรรยากาศหรูหราข้างทางไปเรื่อย  จนสวนทางกับผู้ชายใส่สูทสีดำสองคนที่ดูเหมือนพวกบอดี้การ์ดของเจ้าพ่อมาเฟียในหนัง  ใบหน้าเกือบครึ่งของคนเหล่านั้นถูกปิดด้วยแว่นตาสีเดียวกัน

     

     

     

    "มีพวกเจ้าพ่อมาเฟียมารักษาตัวหรือไง ถึงกับต้องมีบอดี้การ์ดเนี่ย ..พวกคนรวยนี่นะ ไม่รู้จักสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเพียงลำพังหรือไง.."   บ่นกับตัวเองพลางใช้นิ้วเรียวจิ้มปุ่มสีเงินจนเส้นขอบขึ้นไฟสีแดง  รอเพียงไม่กี่อึดใจประตูเหล็กสีไข่ไก่ที่ติดโปสเตอร์รณรงค์ให้คนรุ่นใหม่ใส่ใจการคุมกำเนิดก็เปิดออก   แพคฮยอนคิดโน่นคิดนี่เรื่อยเปื่อยตามประสาคนสมองโล่งไม่เป็น  จนเรียวขาพามาหยุดยืนหน้าห้องพักของคนตัวสูงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     

     

     



    ก๊อก.ก๊อก..

     

     

     

    "ครับ?"

     

     

     

     

    เสียงทุ้มที่คุ้นหูตอบรับมาจากด้านใน พาลให้ขาสั่นเข้าไปอีก ก้อนเนื้อที่ก่อนหน้าถูกบังคับให้สงบกลับมาเต้นรุนแรงอีกครั้ง  น้ำเสียงที่แพคฮยอนจดจำได้แม่นยำ

     

     

     แม้ว่าตลอดเกือบสองสัปดาห์ที่ย้ายเข้ามา คนตัวเล็กจะได้ยินสุ้มเสียงนั้นแทบนับคำได้ แต่เขากลับจดจำน้ำเสียงเรียบๆ ฟังดูจืดชืดไร้ความรู้สึกนี้ได้เป็นอย่างดี

     

     

     

    ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบพูด ดวงตากลมโตถูกฉาบไปด้วยความเฉยชา น้ำเสียงที่แทบจับความรู้สึกไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่ 

     

     

     

    บางที ...คนคนนี้ อาจยิ้มไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ

     

     

     

    "ฉะ..ฉันเอง"

     

     

     

    ขาเล็กก้าวเข้ามายืนกลางห้องพักพิเศษสีครีมสะอาดตา ภายในห้องตกแต่งสไตล์โมเดิร์นแถมยังมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน  ดูแล้วน่าจะกว้างกว่าห้องพักของคนตัวเล็กเสียด้วยซ้ำ

     

     

    พวกคนรวย....

     

     

    แพคฮยอนยอมเสียมารยาทกวาดสายตาไปรอบๆห้องกว้าง เพราะรู้สึกผิดสังเกต คนตัวเล็กคิดว่าเขาจะต้องเจอจงอินหรือไม่ก็เซฮุนที่นี่  แต่ก็พบเพียงเจ้าของห้องที่กึ่งเอนกึ่งนั่งกึ่งนอน ดูแล้วก็ออกจะสบายดีอยู่บนเตียงผู้ป่วย  ไร้วี่แววของเพื่อนสนิทที่ปกติตัวติดกันราวกับทากาว

     

     

     

    "อยู่คนเดียวเหรอ?"

     

     

     

    ส่งเสียงออกไปแบบกล้าๆกลัวๆ เพราะคนตัวสูงไม่ได้มองมาที่เขาตั้งแต่แรก สายตาของชานยอลเหม่อมองผ่านกระจกใสบานใหญ่ที่ทำหน้าที่กั้นห้องส่วนในกับระเบียงกว้าง  แก้วตาดำขลับสะท้อนภาพทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยตึกสูงแทบจะมองไม่เห็นสีของฟากฟ้ากว้าง

     

     

     

    "เห็นว่าอยู่กับใครล่ะ"

     

     

     

    ชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีสะดุด  แต่แพคฮยอนกลับรู้สึกถึงความยียวนในถ้อยคำนั้น หากผู้พูดมีอารมณ์ร่วมลงไปในคำพูดซักนิด ซักนิด..ก็คงดีทีเดียว นะ..คุณชานยอลผู้เย็นชา!

     

     

    พูดกับเขาทั้งที่สายตายังคงจับจ้องผ่านกระจกใสดังเดิม

     

     

     

    "เอ้อ จริงด้วยสินะ"  คนตัวเล็กยิ้มแหย นิ้วเรียวสวยถูกยกขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ  อันที่จริงก็ทำไปเพราะไม่รู้จะเอามือเกะกะของตัวเองไปไว้ไหน และไม่รู้จะเริ่มสนทนาต่ออย่างไรดี 

     

     

     

    "ฉันซื้อขนมมาฝากนายด้วยนะ เอ่อ..เป็นของเยี่ยมน่ะ ไม่รู้ว่านายจะชอบมันไหม แต่ว่าฉันชอบ ก็เลย..ก็เลยลองซื้อมาฝากดู.." ปลายเสียงแผ่วลงเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรยืดยาวจนเกินไป และคนฟังก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจซักนิด 

     

     

     

    ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง  ดวงตาเรียวจ้องมองคนบนเตียงอย่างรอคอยคำตอบ ถ้อยคำที่รอด้วยความคาดหวังของบทสนทนาที่อาจไม่ได้รับ 

     

     

     

    และแล้วมันก็ยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น มีเพียงเสียงฮีตเตอร์ที่ยังคงทำหน้าที่ของมันอยู่อย่างสม่ำเสมอ

     

     

     

    "วางไว้นั่นล่ะ"

     

     

     

    อยู่ๆเจ้าของห้องก็โพล่งน้ำเสียงไร้ความรู้สึกขึ้นมา แพคฮยอนกระตือรือร้นมองหาที่ว่างเพื่อวางถุงบรรจุขนมปังรูปปลาตะเพียนที่ตัวเขาเองชื่นชอบเป็นนักหนา  และตั้งใจซื้อมาฝากคนตัวสูง

     

     

     

    แต่แล้วความดีใจก็ถูกทำลายลงในเวลาอันสั้น  บนโต๊ะขนาดกลางเรียงรายเต็มไปด้วยของเยี่ยมทั้งขนมนมเนยมากมายไปยันของบำรุงหลายชนิดที่กินทั้งเดือนก็คงไม่หมดจนมันล้นออกมาที่พื้นห้อง  เห็นอย่างนั้นแพคฮยอนแทบอยากจะเขวี้ยงถุงขนมปังปลาทิ้งลงหน้าต่าง เพราะของเยี่ยมแต่ละอย่างนั้นล้วนแต่เป็นของดีราคาแพง  ในขณะที่สิ่งทีอยู่ในมือเขาเป็นแค่ขนมข้างทางราคาไม่กี่พันวอน

     

     

     

    ความรู้สึกแปลกๆแล่นเข้ามาจนรู้สึกตีบตันไปทั่วลำคอ ห้องพักหรูหราที่บรรยากาศแสนดีนี้ไม่น่าอยู่เลยซักนิดในตอนนี้ คนตัวเล็กไม่รู้ว่าเขามายืนทำอะไรอยู่ที่นี่  แค่เห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกก็ยิ่งรู้สึกสมเพช 

     

     

    แพคฮยอนกำถุงกระดาษในมือแน่น ตัดสินใจว่าจะถือมันกลับออกไปอย่างเงียบๆเพราะหากวางเอาไว้อีกไม่เกินครึ่งวันก็คงต้องมีคนมาเก็บไปทิ้ง แค่ถุงกระดาษที่ใส่มาก็ดูไม่เข้ากับห้องนี้อย่างมากมายแล้ว รวมไปถึงตัวของแพคฮยอนเอง เขาไม่สมควรอยู่ที่นี่

     

     

     

    แต่จนแล้วจนรอดก็ตัดใจไม่ได้  ในที่สุถุงกระดาษใบเล็กก็ถูกวางลงที่พื้น  อย่างน้อยก็ให้มันได้อยู่ในห้องนี้อีกซักนิด ให้เจ้าของห้องได้เห็นแม้จะเพียงเสี้ยวหางตาแบบที่ใช้มองเขาก็ยังดี

     

     

     

     "เอามานี่สิ"

     

     

     

    คนตัวเล็กชะงัก ก่อนเลิกคิ้วมองเจ้าของเสียงด้วยความสงสัย  ตากลมโตคู่นั้นยังคงคาดเดาความรู้สึกไม่ได้เช่นเดิม

     

     

     

    "จะทำหน้าเป็นหมาสงสัยอีกนานรึเปล่า ฉันบอกให้เอามานี่ไง"   น้ำเสียงติดจะรำคาญเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เสี้ยวหน้าหล่อที่หันมามองเมื่อครู่ดึงสายตากลับไปที่เดิม ทิ้งให้แพคฮยอนยืนค้างอยู่อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี 

     

     

    บางทีความรู้สึกที่ว่า หัวใจพองโตจนคับอก..

     

     

    วันนี้ แพคฮยอนได้รู้สึกถึงมันอย่างแจ่มแจ้ง

     

     

     

    "ฉันไม่ใช่หมาซะหน่อย"  ปากบางยู่ลงอย่างงอนๆกับสิ่งที่คนบนเตียงเปรียบเทียบ ก่อนเดินไปยื่นถุงขนมตรงหน้าคนตัวสูง  ชานยอลรับมันแทบจะทันทีและโยนลงกับพื้นที่ว่างข้างๆตัวอย่างไม่ใส่ใจ

     

     

     

     

     

     

    บางทีก็อดคิดไม่ได้  ของเยี่ยมราคาถูกของเขาถูกแยกออกไปจากของคนอื่น

     

     

    บางทีพยอนแพคฮยอนอาจได้รับสิทธิพิเศษ  และมันอาจเป็นสัญญาณว่า...... 

     

     

    "เยี่ยมเสร็จแล้วก็กลับไปซะ"

     

     

     

    นั่นไง =____=

     

     

               

    พิเศษสุดล่ะกับไอ้ถ้อยคำเย็นชาไร้อารมณ์เนี่ย

     

     

     

    "บอกว่าเยี่ยมเสร็จแล้วก็กลับไปไง

     

     

     

    เสียงของชานยอลปลุกแพคฮยอนออกจากภวังค์อีกครั้ง  และทุกอย่างก็ยังคงเป็นเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่มีผิด  แพคฮยอนรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกลับมาโปร่งแสงอีกครั้ง หลังจากที่ดูเหมือนจะมีตัวตนขึ้นมาบ้าง

     

     

               

    มีเพียงชื่อลอยวนอยู่ในอากาศ ไม่เคยถูกเรียก  ไม่มีสิทธิ์แม้จะได้รับถ้อยคำขอบคุณ

     

     

     

    "เดี๋ยวพวกนั้นจะมา นายควรรีบกลับไป"

     

     

    คนตัวเล็กหน้าหงอยลงแต่กลับกล้าจ้องตาคนตัวสูง  แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีแต่ภาพในหัวของเขามันช่างเชื่องช้า  ตาคมต้องแสงไฟในห้องจนเกิดประกายประหลาดที่ทำให้หัวใจแพคฮยอนเต้นคร่อมจังหวะ  มือเรียวต้องยกขึ้นมากุมเอาไว้เพราะกลัวมันจะกระเด็นออกมาข้างนอก

     

     

     

    พวกนั้นที่หมายถึงคงไม่พ้นจงอินกับเซฮุน  สองซี้ที่แสดงออกชัดเจนแล้วว่าเกลียดแพคฮยอนเข้าไส้  บางทีเขาควรจะยื้อเวลาอยู่ต่อเพื่อเผชิญหน้าหรือเปล่า  และถึงตอนนั้นไม่จงอินก็เซฮุนคงจะตะบันหน้าเขาจนล้มคว่ำ

     

     

                บางทีชานยอลก็ไม่ควร ใช้ถ้อยคำห่วงใยแบบนั้น.. 

     

     

    แล้วไอ้หัวใจบ้านี่ทำไมต้องเต้นแรง ด้วย!! หยุดนะ!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     Accidental of love

     

     

     

     

     

     

    แพคฮยอนเดินเหม่อออกมาตามทางเชื่อมของโรงพยาบาลอีกครั้ง  คนตัวเล็กทอดสายตาเอื่อยๆไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย  ขาเรียวเดินผ่านส่วนกลางที่เป็นเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ในตอนแรกแต่กลับต้องขมวดคิ้วเมื่อบัดนี้ทางเดินโล่งๆถูกจับจองจนเต็มทุกพื้นที่

     

     

     

    ตอนนี้โรงพยาบาลมีม๊อบหรือไงกันนะ?? เสื้อสีไหนล่ะเนี่ย!! ก็....ตอนขามายังปกติดีนี่นา .. 

     

     

    คนตัวเล็กคิดไปเรื่อยเมื่อนึกถึงสถานการณ์ทางการเมืองของเกาหลี ที่ชักจะคล้ายกับบางประเทศไปทุกที  เอะอะก็ปิดถนน ใช่ซี้ถนนมันผิด เอาถนนออกคงไม่มีม๊อบแล้วจริงไหม!  แต่ตอนนี้มันปิดโรงพยาบาล งั้นคงต้องรื้อโรงพยาบาลเป็นงานต่อไป (ใช่มั้ย?)                                                                            

     

     

     

    "พี่คะ ได้โปรดให้พวกเราเข้าไปเยี่ยมคุณชานยอลเถอะค่ะ!"  เสียงใสๆเอ่ยบอกกึ่งอ้อนวอน  ด้านหน้าเคาท์เตอร์มีเด็กผู้หญิงที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแพคฮยอนเกาะอยู่เต็มไปหมด จนแทบมองไม่เห็นเจ้าหน้าที่ด้านใน  ทุกคนแข่งกันพูดจนฟังอะไรแทบไม่รู้เรื่อง จับใจความได้คร่าวๆว่า ขอขึ้นไปเยี่ยมคุณชานยอล  ชานยอล  ชานยอล  และชานยอล ..ชานยอลอีกแล้ว..

     

     

     

    "นะคะพี่ แค่แป๊ปเดียวเอง

     

     

     "นะคะให้พวกเราเข้าไปเยี่ยมเถอะค่ะ

     

     

    ให้พวกเราได้เห็นกับตาว่าคุณชานยอลปลอดภัยดี นะคะพี่"

     

     

     

    พวกเด็กสาวดูเหมือนจะไม่ได้สนใจคนตัวเล็กที่เดินออกมาจากตัวตึกชั้นใน  แพคฮยอนเพิ่งสังเกตว่าบัดนี้ตรงทางเข้ามีบอดี้การ์ดร่างยักษ์สี่ห้าคนคอยขวางทางเด็กสาวพวกนั้นเอาไว้ 

     

     

     

    หรือว่าคนที่เขาเห็นตอนนั้นจะเป็นบอดี้การ์ดของชานยอล?  ถ้าจะมีบอดี้การ์ดคุ้มกันขนาดนี้ ก็คงไม่ต้องโกยหนีคู่อริแบบนั้นมั้ง หรือเอาไว้กันแค่พวกแฟนคลับสาวๆ... ขนาดเขาเดินผ่านออกมาเจ้าพวกนี้ยังนิ่งเหมือนหุ่นยนต์เลย แต่พอเด็กสาวพวกนั้นทำท่าจะเดินเข้าไป ก็ขยับตัวมาขวางซะงั้น  เมื่อกี๊มีโค้งให้เขาด้วยแน่ะ จะว่าไปก็เขินนิดหน่อย

     

     

                "กรี๊ดดดดดด ดดดด ดดดด ด ด!! คุณจงอินกับคุณคยองซูมาแล้ว"

     

     

                เสียงหวีดร้องแสดงความยินดีดังประสานกันลั่น ก่อนที่เสียงแหลมๆของใครซักคนจะโพล่งชื่อคนที่เพิ่งย่างก้าวเข้ามาถึงให้ได้คลายสงสัย   เด็กสาวที่มีมากกว่ายี่สิบคนพร้อมข้าวของพะรุงพะรังเปลี่ยนเป้าหมายไปหาผู้มาใหม่ บางคนถึงกับวิ่งชนแพคฮยอนจนแทบเสียหลักล้ม  แต่เมื่อสายตาสบเข้ากับใครซักคนที่คุ้นตา คนตัวเล็กจึงหลบฉากไปอีกทางเพื่อให้มั่นใจว่าทั้งสองคนจะไม่เห็นเขา

     

     

     

    จงอินทำหน้าเบื่อโลกแบบอัตโนมัติ คนผิวเข้มกระชับมือหนาเข้ากับเรียวแขนของอีกคน  ออกแรงดึงคนที่กำลังแจกยิ้มแสนน่ารักให้ก้าวตาม  มือเล็กทำท่าจะรับของขวัญแต่ถุงกระดาษโชว์โลโก้ของแบรนด์สินค้าสุดหรูหลายๆต่อหลายถุงถูกมือหนาปัดทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนจะถูกลากฝ่าฝูงแฟนคลับไปอีกฝั่ง  ชายร่างใหญ่โค้งให้อย่างนอบน้อมพร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นกำแพงไม่ให้สาวๆเหล่านั้นกรูกันตามเข้าไปได้

     

     

    "กรี๊ดดดด เมื่อกี่คุณจงอินมองฉันด้วยแหละเธอ!!!"  

     

     

    เสียงหวีดร้องอย่างคลั่งไคล้ดังขึ้เซ็งแซ่  เด็กผู้หญิงบางคนเหมือนสติหลุดไปแล้ว บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาสลับหัวเราะ ไม่ใช่ว่าแพคฮยอนเองจะไม่เคยเจอบรรดาแฟนคลับของแก๊งเทพบุตรอันเลื่องชื่อ(?)  แต่โดยปกติที่อยู่ในโรงเรียนจะค่อนข้างมีมารยาทและถือตัว ตามประสาลูกผู้ดีมีตระกูล (แต่ก็แค่ส่วนใหญ่..มั้ง)  ส่วนคนที่อยู่แถวนี้ จัดว่าติ่งพอสมควร 

     

     

    แพคฮยอนขยับตัวออกจากหลังเสาต้นใหญ่ที่ใช้หลบจงอินและคยองซูเมื่อครู่ กลุ่มเด็กสาวยังคงพร่ำเพ้อพรรณาถึงชายหนุ่มทั้งสองที่เพิ่งผ่านไปจึงไม่มีใครสังเกตเห็นเขา ...หรือไม่ ..ก็ไม่มีใครคิดจะสนใจสิ่งมีชีวิต ที่มีความสูงร้อยเจ็ดสิบกว่าๆเช่นเขา.....อยู่แล้ว

     

     

     

                ก็ดี  ..ก็ดีแล้ว   ควรกลับบ้านได้แล้ว..  

     

     

     

     

     

     

     

          ...อย่าลืมกินพุงออปังของฉันล่ะ ปาร์คชานยอล...



















































         TBC..

     

     

     

     

     

     

    เมเม : ขนมปังปลา 

     

              #ฟิคอุบัติเหตุ  @Aprilnov0408


                                                                  

              
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×