ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] -Accidental of love-

    ลำดับตอนที่ #3 : Accidental of love ♡ ‏Chapter 2 coincidence

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 57


    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry


                             

                                                                                                                            





                                                     


                                                       -ตอนที่2-







         



                บรรยากาศในห้องเรียน ยังคงวุ่นวายเฉกเช่นทุกวัน จนแพคฮยอนเองเริ่มจะชิน  ว่าคงหาความสงบสุขจากที่นี่ไม่ได้

     

     

    "เฮ้ย ชานยอล พวกมันส่งจดหมายมาท้าว่ะ"  หนุ่มผิวเข้มที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมขว้างก้อนอะไรซักอย่างไปทางคนถูกเรียก ซึ่งเจ้าตัวยกมือคว้าได้อย่างแม่นยำ ก่อนคลี่สิ่งที่เคยมีสภาพเป็นกระดาษก่อนหน้านี้และโดนขยำไม่แทบเหลือสภาพเดิมออก

     

     

    "ไป" 

     

     

    เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย มือกว้างโยนก้อนกระดาษทิ้ง ตาคู่สวยค่อยๆปิดสนิทไม่ใส่ใจกับสิ่งรอบข้างอีกครั้ง

     

     

    "เจ๋งโว้ยย อยากยืดเส้นยืดสายซักหน่อยเหมือนกัน"  จงอินเอ่ยอย่างกระตือรือล้นพร้อมหักข้อมือไปมาดังกร๊อบแกร๊บ ฟังดูน่ากลัวว่ามือเจ้าตัวจะหักเสียให้ได้

     

     

    "อ ย า ก ไ ป  กิ น  ช า น ม กั บ พี่ ลู่ "

     

     

    เสียงงุ้งงิ้งคล้ายเสียงสวดอะไรซักอย่างดังแว่วๆมาจากร่างขาวๆที่ฟุบกองอยู่กับโต๊ะ ตาลอยๆปรือปรอยบ่งบอกว่าคนตัวขาวนี้ไม่ได้หลับแล้วเผลอละเมออกมา  แต่ก็ไม่แน่ว่ามีสติที่มียังอยู่ครบดีหรือเปล่า

     

     

    "อยาก ไป กิน ชา นม กับ พี่ ลู่"   เสียงยานคางเนือยๆ ถูกส่งออกมาจากปากบางๆสีชมพูระเรื่ออีกครั้ง  เจ้าตัวขาวยกมือขยี้หูขยี้ตาพลางหาวหวอดๆ  ลิ้นชื้นถูกส่งมาแลบเลียทดแทนความชุ่มชื่นอย่างที่ชอบทำ

     

     

     "อะไร จะไม่ไปงั้นสิ เห็นชานมกับสาวมหาลัยดีกว่าพวกฉันแล้วงั้นสิ “ 

     

     

    "นี่ล่ะน้า.."  จงอินทำท่าจะพูดต่อ แต่ก็หยุดอยู่แค่นั้น เพราะมือเล็กของคยองซูยื่นมากระตุกชายเสื้อเขาไว้เบาๆ

     

     

    "สาวบ้านป้าแกสิ  ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าพี่เค้าเป็นผู้ชาย และไม่ได้บอกว่าจะไม่ไป  แค่อยากกินชานมก่อน จะได้มีแรงกระทืบพวกมัน"  เซฮุนสาธยายยาวยืดให้เหตุผล

     

     

     "อยากไปเจอพี่ลู่ก็บอกเหอะ"  จงอินเหล่มองด้วยหางตา น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาแสร้งทำเป็นประชดมากกว่าจริงจัง

     

     

    ครืดด!   

     

     

    โต๊ะด้านหน้าออกเคลื่อนครูดไปกับพื้นห้องด้วยฝีมือของคนที่หลับตาลงไปเมื่อครู่  ถึงมันจะไม่ได้รุนแรงนัก แต่ก็เรียกความสนใจจากคนทั้งห้องได้เป็นอย่างดี  รวมถึงแพคฮยอนเองด้วย 

     

     

                "ฉันรอที่เดิม" 

     

     

    ลุกขึ้นเต็มความสูง คำพูดแทบนับคำได้กับน้ำเสียงราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์  มันไม่ได้เฉื่อยชาหรือแสดงถึงความเบื่อหน่าย แต่มันราบเรียบคงเส้นคงวา เข้าข่ายผู้ชายเย็นชาอย่างแท้จริง



                แพคฮยอนได้แต่กลอกตาไปมา  อยากรู้ว่าหมอนั่นเวลาท้องผูกยังจะทำหน้าตาแบบนี้ตอนใช้พลังลมปราณขั้นสูงสุดในส้วมรึเปล่า

     

     

    ก็แค่คิด..

     

     

    ถ้อยคำสุดท้ายหยุดลงพร้อมเรียวขายาวที่ขยับก้าว  ฉุดเอาทั้งจงอินและเซฮุนลุกตามออกไปทันที

     

     

     

     

     

     "คยองซู ก็จะไปด้วยเหรอ?"  แพคฮยอนเอ่ยถามออกไปทั้งๆที่พอจะรู้คำตอบเมื่อเห็นคนนั่งข้างๆเตรียมตัวเก็บข้าวของ  เพื่อนตาโตพยักหน้าแย้มยิ้ม ก่อนเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นบ้าง

     

     

     "แพคฮยอนก็รีบกลับบ้านนะ แล้วก็..อย่าผ่านไปแถวๆเกมเซ็นเตอร์ล่ะ"

     

     

     แล้วแถวนั้นมันทำไมล่ะ ..

     

     

    ปกติแพคฮยอนเองต้องเดินผ่านทางนั้นทุกวันเพราะมันดันเป็นทางลัดที่ทำให้เดินถึงหอพักของเขาได้เร็วขึ้น  ซึ่งมันก็อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก  แต่มันก็ดันเป็นแหล่งรวมตัวของพวกอันธพาล นักเรียนนักเลงเรียกว่ามากหน้าหลายตาชอบมาซ่องสุมทำสารพัดกิจกรรมกันในละแวกนั้นอย่างมหาศาลเลยก็ว่าได้

     

     

    ที่นั่นมักถูกเรียกว่าเกมส์เซ็นเตอร์  เพราะมีร้านเกมส์หลากชนิดหลายสิบร้าน ไม่เว้นแม้แต่ร้านเหล้าหรือสถานบันเทิงหลายรูปแบบที่รวมตัวแออัดยัดเยียดอยู่ในละแวกเดียวกัน  แต่ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเขา เพราะเขาไม่เคยมีเรื่องมีราวกับคนพวกนั้น และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นว่าจะมีใครในที่นั้นให้ความสนใจแพคฮยอนกันซักคน 

     

     

                "พวกนั้นคงมีเรื่องเหมือนทุกวันแหงเลย"  พูดกับตัวเองพลางเก็บข้าวของบ้าง  ชะเง้อมองตามกลุ่มคนที่เพิ่งเดินพ้นประตูห้อง แม้แต่คยองซูที่ดูใจดีก็ยังเป็นหนึ่งในแก๊งอันธพาลของโรงเรียน และไมใช่แค่พวกแก๊งกระจอกที่ทำตัวกร่างไปวันๆ จากที่ได้ยินและได้ฟังและอยากรู้อยากเห็นเองบ้าง เทพบุตรทั้งห้าแห่งโรงเรียนมัธยมK  แก๊งค์อันดับหนึ่งที่ไม่มีใครในย่านนี้ไม่รู้จัก 

     

     

    ตอนแรกแพคฮยอนก็ไม่อยากจะเชื่อนักหรอก  แต่เพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา คยองซูเป็นคนเดียวที่คอยช่วยเหลือเรื่องต่างๆ และมักไปไหนมาไหนด้วยกันกับเขาในโรงเรียนเสมอ  นักเรียนหญิงที่กรี๊ดกร๊าดเวลาพบเจอ หรือแม้แต่พวกนักเรียนชายก็ต่างก้มหัวให้แถมไม่กล้าสบตากันทั้งนั้น  ซึ่งทำให้เขาเองรับรู้ได้ว่าสี่คนนี้ไม่ธรรมดาเอาซะเลย  สมแล้วที่เป็นแก๊งอันดับหนึ่ง  เรื่องฝีมือแพคฮยอนก็ได้สัมผัสมันกับตัวเอง ตั้งแต่วันแรกที่เหยียบย่างเข้ามาเรียนที่นี่

     

     

    "ซวยล่ะ"

     

     

    ทั้งๆที่คิดว่าจะเลี่ยงไม่เดินผ่านหน้าเกมส์เซ็นเตอร์ตามคำเตือนของเพื่อนตาโต  แต่เพราะความเคยชินที่ต้องผ่านทุกวันทำให้คนตัวเล็กเผลอเดินกลับทางเก่าจนได้  รู้สึกตัวอีกทีก็กำลังจะเดินพ้นร้านอาหารกึ่งบาร์ที่เปิดได้ตั้งแต่หัววัน  และดูท่าวันนี้คนจะเยอะเป็นพิเศษ

     

     

    "มุงอะไรกันนะ?"

     

     

    คนตัวเล็กงึมงัมกับตัวเองด้วยความสงสัย เขย่งปลายเท้าชะเง้อมองด้านในร้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น ต้องโทษความสูงที่ออมม่ากับอัปป้าแบ่งให้เพียงน้อยนิดทำให้เขาต้องเขย่งดูเหตุการณ์ภายในร้านจนสุดปลายเท้า  และมันก็แย่พอๆกับความไม่สูง แพคฮยอนเสียการทรงตัวจนเซถลาไปด้านหน้าอย่างแรง

     

     

     "เฮ้ยยย!!!!"

     

     

    เสียงร้องดังลั่นของแพคฮยอน ทำให้เกาหลีมุงตกใจหันมามองกันอย่างพร้อมเพรียงและไหวตัวออกจากรัศมีการเซถลาแบบควบคุมทิศทางไม่ได้  ก่อนเจ้าตัวจะกลิ้งหลุนๆอีกหลายตลบและมาหยุดตรงขาโต๊ะตัวหนึ่งในร้าน  เป็นเหตุให้การสนธนาอันครุกกรุ่นของเพื่อนร่วมโรงเรียนและต่างโรงเรียนเป็นอันต้องหยุดชะงักลง 

     

     

     "เอ่อ สะ..สวัสดีทุกคน..."  แพคฮยอนทักทายเมื่อเห็นหน้าตาของเพื่อนร่วมห้องที่คุ้นเคย ถึงแม้จะมีอีกหลายคนที่ไม่รู้จักอยู่ด้วยก็ตาม

     

     

    "เฮ้ย!  ไหนบอกมาเจรจาแบ่งถิ่นแฟร์ๆสี่ต่อสี่ไงวะ แล้วไอ้เตี้ยนี่ใคร!?"

     

     

    ผมผ่านมาครับและกำลังจะไปเดี๋ยวนี้เลย...

     

     

     "ไอ้เตี้ย!!!!!" 

     

     

    เพื่อนร่วมห้องตัวขาวผิวเข้มพร้อมใจประสานเสียงขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง  ในขณะที่คยองซูกำลังใช้ทักษะทางการต่อสู้ชนิดใหม่ที่น่าจะเรียกว่าการขยายม่านตา  อีกซักแป๊บมันคงหลุดออกมาข้างนอกและพวกนี้ก็จะหนีกระเจิงไปใช่มั้ย?   

     

     

    คยองซูกำลังเบิกตากลมๆของตัวเองกว้างขึ้นเรื่อยๆ

     

     

    และมีเพียงคนเดียวที่ไร้รีแอคชั่นจากการปรากฎตัวของแพคฮยอน ..

     

     

    มองซักนิดก็ไม่เสียสายตาหรอกนะ ทำไมต้องเหลือบด้วยหางตาแบบนั้นด้วย! ขอตำหนิในใจซักนิด ช่วยแบบ เฮ้ย นี่นายเพื่อนร่วมห้องที่แสนน่ารักของฉันหนิ! อะไรแบบนี้!

     

     

    ชานยอลยังคงมีสีหน้าที่นิ่งสนิทและเรียบเฉย

     

     

    "เอ่อ ..ฉะ..ฉัน ไม่รู้เรื่อง อะไร เกี่ยวกับพวกนายนะ ฉันแค่ผ่านมา แล้วก็ กะ..เกิด..อุบัติเหตุนิดหน่อย.. และ และ กำลังจะไป.."   คำพูดตะกุกตะกักถูกเค้นออกมาจากริมฝีปากบางก่อนเจ้าตัวจะพยายามยันตัวลุกด้วยความลำบากลำบน 

     

     

     "จะไปไหนไอ้เตี้ย!"

     

     

    ผู้ชายร่างค่อนข้างใหญ่  ไม่ล่ะ ใหญ่มากซะด้วย ดึงคอเสื้อนักเรียนของแพคฮยอนไว้ จนเขาเซถอยหลังตามแรงมือ 

     

     

     เอ๊!! ไอ้ยักษ์นี่พูดไม่รู้เรื่อง ฉันกำลังจะไปแล้วโว้ยยยยย!!

     

     

    "หึ นี่มันเครื่องแบบนักเรียนโรงเรียนแกนี่หว่า ชานยอล หึ! ไอ้นี่คงเป็นสายสินะ พวกแกเหยียบจมูกฉันเกินไปแล้ว!!"

     

     

    สายบ้านน้าแกสิ แล้วปล่อยฉันด้วยเดี๋ยวฉันกลับบ้านสาย  ถ้าเสื้อฉันขาดแกต้องซื้อใช้นะ ไอ้หน้าหัก!

     

     

     "ฉะ..ฉัน ไม่ กะ.. เกี่ยว "  แพคฮยอนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยากลำบาก บรรยากาศรอบตัวไม่เห็นเหมือนในนิยายที่เคยอ่านมาซักนิด  พวกนี้ดูท่าจะไม่ล้อเล่นซะด้วย  คือ..ถ้านางเอกได้รับอันตรายป่านนี้พระเอกต้องทะยานตีลังกาสามตลบ ลงสู่พื้นด้วยท่าทีที่งดงาม แล้วมาช่วยแล้วดิวะ!

     

     

    โครม!!!! 

     

     

      "เหยียบจมูกของจริงต้องแบบนี้ต่างหาก"

     

     

    ยังไม่ทันที่แพคฮยอนจะได้เอ่ยข้อแก้ต่างให้ตัวเองจบ ก็เกิดเสียงดังลั่นคล้ายของหนักร่วงกระทบโต๊ะในร้านจนหูแทบอื้อ

     

     

    ต้นเหตุมาจากบุคคลที่นั่งนิ่งไร้อารมณ์ กระโดดจากเก้าอี้ทีเดียวก็ขึ้นมายืนหล่อบนโต๊ะ  ก็ไอ้ตัวที่ใช้เปิดประเด็นสนทธนาเมื่อครู่นั่นแหละ ก่อนยกเท้าถีบจมูกไอ้ยักษ์นั่นไปเต็มๆจนลงไปกองกับพื้น พร้อมโต๊ะเก้าอี้ที่ล้มระเนระนาด  

     

     

    และทันทีที่ไอ้ตัวโตล้ม ก็ปรากฎร่างนักเรียนชายในชุดเครื่องแบบสีดำเป็นสิบกรูกันเข้ามา  ในมือของพวกมันทุกคนมีไม้เบสบอลขนาดเขื่องสีเดียวกับเครื่องแบบเด๊ะ

     

     

    "ว่าละพวกมันต้องเล่นงี้ เอาไงวะชานยอล"   คนผิวเข้มที่สุดในกลุ่มเอ่ยพร้อมกระตุกยิ้มร้าย  สีหน้าเจ้าเล่ห์ไม่ได้ดูหวาดกลัวเลยซักนิด  มันกลับสนุกสนานราวกับกำลังเจอเรื่องถูกใจเสียเต็มประดา

     

     

    "หนี”  



    คนตัวสูงเอ่ยสั้นๆ  ขายาวก้าวเข้ามาประชิดตัวแพคฮยอนก่อนลากข้อมือคนตัวเล็กมุ่งไปทางด้านหลังของร้าน  และใช้อวัยวะเดียวกันเบิกทางนักเรียนนับสิบที่กรูเข้ามาหาด้วยความบ้าคลั่ง  ต่างกับชานยอลที่ยังคงสงบนิ่งอยู่ภายใต้หน้ากากแสนเย็นชา

     

     

    "ห๊า! อะไรนะ!  "  จงอินถามกลับอย่างไม่เชื่อหู แต่มือหนากลับคว้าข้อมือคยองซูรวดเร็วและเตรียมพร้อมเผ่นไปทางหน้าร้าน  คนตาโตมองตามชานยอลที่ดึงนักเรียนใหม่หายเข้าไปด้านหลังก่อนหันกลับมาสบตาจงอินด้วยแววตาที่ไร้คำถามใดๆ

     

     

    "งั้นสนุกซักหน่อยไปตลอดทางละกัน"  พูดจบจงอินก็วาดขายาวๆฟาดปากไอ้หัวหนามที่ถือไม้เบสบอลวิ่งทะเล่อทะล่าข้ามา 

     

     

    ถือว่าออกกำลังก่อนกินมื้อเย็นซักหน่อยจะได้เจริญอาหาร

     

     

    "เสียเวลากินชานมชะมัดเลยพวกแก”  เซฮุนบ่นพร้อมกับสาวหมัดขาวๆไปเบื้องหน้า จุดสิ้นสุดคือปากหนาของไอ้อ้วนคนหนึ่ง โดนเพียงแค่นั้นมันก็ลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้น

     

     

     

     


     

    นี่มันสมรภูมิรบชัดๆ!!เลย!!

     

     

    แพคฮยอนคิดพลางพยายามทำตัวเบาซอยเท้าด้วยความถี่กว่าปกติเพื่อแบ่งเบาภาระกับคนที่กึ่งลากกึ่งจูงพาเขาฝ่าฝูงอันธพาลนับสิบออกมาได้ แม้ว่าหลายคนจะลงไปนอนนับดาวด้วยฝีมือคนตัวสูง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ตามพวกเข้ามาอย่างไม่ลดละ

     

     

     เหนื่อยใจจะขาดแล้วนะ 

     

     

     เพราะไม่รู้ว่าวิ่งมานานเท่าไหร่ ขาเจ้ากรรมดันจะหมดแรงเอาดื้อๆ ส่งผลให้แพคฮยอนเสียการทรงตัวและทรุดลงกับพื้นถนน  มือเรียวหลุดจากการเกาะกุมของคนตัวสูงทันท

     

     

     "เป็นอะไรหรือเปล่า!"

     

     

    น้ำเสียงเจือความตกใจเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงที่บ่งบอกอารมณ์ของคนคนนี้

     

     

     "มะ..ไม่ เป็นไร "   แพคฮยอนยันตัวลุก เอื้อมมือเรียวไปเกาะแขนคนสูงอีกครั้ง  ร่างกายยังคงหอบถี่เพราะความเหนื่อย เขาไม่อยากเป็นภาระ ถึงขาทั้งสองข้างจะแทบหมดแรงแล้วก็ตาม

     

     

     "เฮ้ย!!!นั่นไงมันอยู่ตรงนั้น!!"

     

     

    ไม่ต้องรอให้บอก ขาทั้งสองออกแรงวิ่งอีกครั้งทันที แต่เพราะคราวนี้ ระยะห่างมันกระชั้นชิด  ชานยอลจึงเลือกที่จะดึงแพคฮยอนหลบไปในตรอกเล็กๆสำหรับทิ้งขยะระหว่างซอกตึก ซ่อนตัวในช่องว่างระหว่างกำแพงที่แสนแคบ

     

     

     "มันหายเข้ามาในนี้นี่หว่า หายไปไหนวะ หรือมันจะปีนกำแพงออกไป แม่ง!!อย่าให้เจอนะเว้ย!!!"

     

     

    เสียงฝีเท้าของพวกนั้นห่างไปทุกที  คงไว้แต่ความเงียบที่โอบล้อมรอบกายพวกเขา  ที่ได้ยินตอนนี้ก็แค่ลมหายใจของกันและกันเท่านั้น  ถึงแม้จะอยู่ในตรอกแคบๆ มีเพียงแสงไฟจากถนนส่องมาเพียงนิดหน่อย แต่แพคฮยอนก็มองหน้าบุคคลที่ยืนแทบซ้อนกันได้อย่างชัดเจน 

     

     

    กลิ่นเหม็นชวนอ้วกของซากขยะไม่ได้มีผลซักเท่าไหร่

     

     

     เพราะคนตรงหน้า  ยิ่งมองก็ยิ่งหล่อ..  นี่สินะเค้าเรียกว่า หล่อสลบสยบความเหม็น

     

     

    ใบหน้าหล่อเหลาเจือไว้ด้วยความหวานละมุนแบบผู้หญิงยังคงเรียบนิ่ง  ดวงตากลมโตมองสบตากับแก้วตารีใสของแพคฮยอนไม่ยอมละไปไหนตั้งแต่แรก  ก็ดีที่ว่าตรงนี้ไม่สว่างเท่าไหร่ ไม่งั้นคนตรงหน้านี้ต้องเห็นว่าเขาหน้าแดงไปถึงหูแล้วแน่ๆ

     

     

    สี้ยวนาทีแห่งความคิด ใบหน้าที่อยู่สูงกว่าเขาเหมือนจะค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ลงทุกที  อาจเพราะความสลัวที่ทำให้แคฮยอนตาพร่า มันใกล้จนลมหายใจอุ่นเป่ารดใบหน้า  หัวใจของแพคฮยอนเต้นโครมครามกระโดดข้ามจังหวะ  แต่สมองกลับสั่งการให้คนตัวเล็กค่อยๆปิดเปลือกตาลงช้าๆ 

     

     

     

     

     

    .....................................................................

     

     

    ......................................

     

     

    ..................

     

     

    .......

     

     

    ..

     

     

    .        

     

     

     

    อ๊บ อ๊บ อ๊บ อ๊บ  

     

     

    กบที่ไหนมาร้องแถวนี้  หน้าฝนแล้วเร๊อะ

     

     

     

     

     

     

    อ๊ปป้ากังนัมสไตล์  

     

     

    อ๋อ ลุงไซน่ะเอง

     

     

     

     

     

     

     

     

                เสียงเพลงปริศนาทำเอาเราทั้งคู่ชะงัก

     

     

     

    "ใคร" 

     

     

     

     


    หือ?!?"   ใคร อะไร ยังไง? 

     

     

     

     

     

    "ใครโทรมา..." 

     

     

    อย่าบอกนะว่า..นั่นเสียงเรียกเข้า... =___=

     

     

     

     

     

    "ปาร์คชานยอล"  



                พลั่ก!!
     

     

     

     

     

    "ชานยอล!!"








     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


















    TBC..

     

     

     เมเม: พล็อตได้มาจากการ์ตูนตาหวานหลายๆเรื่องที่ชอบอ่าน รู้สึกว่านาง(?)เอกโก๊ะๆกับพระเอกเย็นชาน่ารักดี และนาง(?)เอกก็มักจะซวยเซ่อซ่าประมาณนั้น


    #ฟิคอุบัติเหตุ  @Aprilnov0408

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×