คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Accidental of love ♡ Chapter 16 หวง
-ตอนที่16-
“ทำไม…ถึง...?”
ยังไม่ทันได้เอ่ยประโยคถามเพื่อบั่นทอนความสงสัย ชานยอลก็เดินผ่านร่างเล็กไปอย่างไม่ไยดี
ราวกับไม่ต้องการจะสนทนาด้วยอีก
“ชานยอล...”
เอ่ยรั้งด้วยเสียงแผ่วเบายิ่งกว่า แผ่นหลังกว้างชะงักแค่เพียงเล็กน้อยแต่ช่วงขายาวกลับไม่ได้หยุดนิ่ง ชานยอลก้าวขึ้นบันไดรวดเร็วและหายไปบนชั้นสองของบ้าน ทิ้งให้แพคฮยอนที่ได้แค่มองตามจนร่างสูงหายไปจากสายตา
“อ้าว แพคฮยอน ..ชานยอล...”
แพคฮยอนหันไปหาต้นเสียงของผู้มาใหม่ ดูอี้ชิงจะตกใจไม่น้อยในการพบกันระหว่างชานยอลกับรุ่นน้องตัวเล็ก
นี่มันอะไรกัน...
แพคฮยอนสะบัดหัวช้าๆเพื่อไล่อาการตื้อในสมอง คนตัวเล็กหันไปสบตาอี้ชิงที่กำลังแสดงสีหน้าตกใจ ปากบางของคนตรงหน้าขยับเบาๆเหมือนต้องการเอ่ยถ้อยคำบางอย่างแต่ทว่าแพคฮยอนกลับเอ่ยขึ้นตัดบทเอาเสียก่อน
ไม่อยากฟัง...
“พี่อี้ชิง ผมอยากกลับบ้านแล้ว”
Accidental of love♡
“แพคฮยอน! แพคฮยอน!”
สะดุ้งเบาๆจากเสียงเรียกของคนนั่งด้านข้าง ใบหน้าเรียวดูอิดโรยคล้ายคนไม่ได้นอนหันมองหน้าเพื่อนตาโตช้าๆปากบางขยับฝืนยิ้มด้วยความยากลำบาก
“เป็นอะไร นั่งเหม่อทั้งวันเลยนะ ไม่สบายหรือเปล่า?”
คยองซูถามอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ เพราะตั้งแต่เข้าเรียนคาบแรกจนคาบสุดท้ายแพคฮยอนก็ดูเลื่อนลอยเหมือนไม่มีสติอยู่กับตัว
“เปล่าหรอก นอนไม่ค่อยหลับน่ะ”
ตอบพลางส่งยิ้มบางเบาให้กับเพื่อนตาโต พร้อมกับค่อยๆจัดแจงสัมภาระลงกระเป๋าและไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้คยองซูอีกครั้งเมื่อจัดการกับมันเรียบร้อย
“ทำหน้าอย่างกับอกหัก”
จงอินชะโงกหน้ามาจากด้านหลังด้วยรอยยิ้มแสนยียวนอย่างที่ชอบทำประจำ แพคฮยอนไม่ได้ตอบโต้ มีเพียงเสียงถอนหายใจแผ่วเบา ยอมรับว่าชินชาเสียแล้วกับนิสัยแสนกวนประสาทของจงอิน แต่เวลานี้แพคฮยอนกลับไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนผิวเข้มซักเท่าไหร่
“อกยังอยู่ดี แต่นายอยากดั้งหักหรือเปล่า”
ทั้งที่คิดว่าจะเงียบเฉยแต่ปากบางช่างซื่อสัตย์กับสิ่งที่ใจคิด อารมณ์หงุดหงิดบางอย่างก่อตัวและค่อยปะทุขึ้นจนแพคฮยอนควบคุมไม่อยู่ มือเรียวกระแทกหนังสือเล่มหนาลงกับโต๊ะเสียงดัง ก่อนยัดมันใส่กระเป๋า หุนหันออกจากห้องเรียนโดยไม่เอ่ยลาใครซักคน
“ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง โกรธจริงเหรอวะ”
จงอินยกมือขึ้นเกาท้ายทอยพลางบ่นพึมพัมกับตัวเองยังไม่ทันจบประโยคดีด้วยซ้ำ เซฮุนก็แทรกขึ้น
“ไปง้อเลย!”
“เรื่องอะไรวะ ไม่ไปหรอก”
ตอบกลับเพื่อนตัวขาวอย่างไม่ยอมกันแทบจะทันที แต่แววตาคู่นั้นกลับแสดงความไม่สบายใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ผิดกับคยองซูมองที่ได้แต่นั่งมองปฏิกิริยาเหล่านั้นนิ่งๆ ยิ่งนึกก็ยิ่งเป็นห่วงแพคฮยอนมากขึ้นไปอีก
Accidental of love♡
แพคฮยอนก้าวขาไปตามทางเดินที่ทอดยาวกับความคิดที่ฉายวนซ้ำๆ ไม่ว่าจะพยายามสลัดทิ้งเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล
ทำไมชานยอลถึงไปอยู่ที่บ้านพี่อี้ชิง..
ไม่ใช่สิ ทำไมทั้งสองคนถึงอยู่บ้านเดียวกัน?
ชานยอลกับพี่อี้ชิงเคยรู้จักกันมาก่อน ไม่ผิดแน่...
แต่ทำไมชานยอลไม่คิดจะบอกเขาบ้าง แล้วทำไมต้องแกล้งทำเหมือนไม่เคยรู้จักกัน
ทำไม......?
ในขณะที่ความคิดมากมายกำลังตีกันมั่วในหัว สายตาแพคฮยอนกลับปะทะเข้ากับแผ่นหลัง
ของใครซักคนที่คุ้นเคยกำลังเดินอยู่เบื้องหน้า ทุกอย่างที่สับสนในสมองเมื่อครู่ถูกดูดกลืนไปหมดสิ้นเพียงแค่
ได้เห็นใครคนนั้น
ชานยอล..
“ชานยอล!!”
ขาเล็กเร่งก้าวตามแผ่นหลังกว้างของคนที่คุ้นเคย เพราะเป็นย่านที่ผู้คนพลุกพล่านและเป็นเวลาช่วงเย็น การฝ่าฝูงชนที่ต่างคนต่างเร่งรีบของแพคฮยอนจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก แผ่นหลังนั้นค่อยเคลื่อนห่างออกไปทุกทีจนหายไปจากสายตาคนตัวเล็ก
แพคฮยอนถอนหายใจช้าๆ หัวใจของเขาตอนนี้มันเบาโหวงไปหมด บางทีเขาอาจจะแค่คิดถึงชานยอลมากเกินไปจนเห็นภาพลวงตา บางทีนั่นอาจไม่ใช่ชานยอลจริงๆก็เป็นได้
คิดถึง แค่อยากคุยด้วย ทำไมต้องหลบหน้ากันขนาดนี้
เกลียดฉันแล้วเหรอ? ไม่อยากเห็นหน้าฉันแล้วอย่างนั้นเหรอ ..
หรือเพราะอะไร หรือ...เพราะใครกันแน่..
Accidental of love♡
“สวัสดีครับ”
มือเล็กผลักบานประตูกระจกใสเข้ามาภายในร้านพร้อมโค้งศีรษะทักทายทุกคนที่ต่างยิ้มตอบรับด้วยความอย่างเอ็นดู แม้จะยังไม่ถึงเวลาทำงานของตนเองแต่แพคฮยอนก็มักจะมาก่อนเวลางานอยู่เสมอ ส่งผลให้เพื่อนร่วมงานรวมถึงเจ้าของร้านเองรักและเอ็นดูคนตัวเล็กกันไม่น้อย
“วันนี้เจ้ามุนกยูโทรมาลาป่วยกระทันหัน มีใครที่ขับมอเตอร์ไซด์เป็นบ้างไหม ออเดอร์เยอะซะด้วยสิ”
รุ่นพี่อนยูหัวหน้าพนักงานเอ่ยขึ้นพลางทำหน้ายุ่งๆ ถึงแม้ร้านนี้จะไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักแต่ก็มีลูกค้าขาประจำมากมายที่มักจะใช้บริการสั่งอาหารทางโทรศัพท์มากกว่ามานั่งกินที่ร้าน และออเดอร์ของวันหยุดก็หนักหนาแทบจะทำกันไม่ทันแม้ว่าพนักงานจะอยู่ครบก็ตาม
“ผมพอขับได้ครับ”
แพคฮยอนอาสาด้วยรอยยิ้ม อนยูพยักหน้ารับน้อยๆแต่ก็เอ่ยถามอย่างอดห่วงไม่ได้
“แต่แพคฮยอนเพิ่งมาอยู่โซลไม่นาน รู้ถนนหนทางเหรอ?”
“ถ้ามีแผนที่ก็สบายมากครับ!” แพคฮยอนตอบรับอย่างแข็งขัน อนยูจึงหันไปบอกกับพนักงานประจำตำแหน่งส่งอาหารอีกคน
“งั้นถ้าไกลหน่อยนายก็ไปแล้วกันนะ ใกล้ๆให้เป็นหน้าที่แพคฮยอน” อนยูว่าพลางตบไหล่แพคฮยอนเบาๆให้กำลังใจ คนตัวเล็กตอบรับด้วยรอยยิ้มสดใส
“ขอบคุณครับ โอกาสหน้าขอความกรุณาด้วยนะครับ!”
แพคฮยอนโค้งศีรษะให้กลับลูกค้ารายสุดท้ายของวันที่ทางร้านปิดรับออเดอร์ไปเรียบร้อย คนตัวเล็กยกหลังมือขึ้นซับเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดตามใบหน้าอย่างลวกๆ ก่อนขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์ที่กลายเป็นเพื่อนคู่ใจของเขามาตลอดทั้งวัน
แต่แล้วแพคฮยอนก็ต้องชะงัก เพราะสายตาเหลือบไปเห็นบ้านหลังใหญ่สีขาวที่มีบริเวณกว้างกับกำแพงสูงคุ้นตา จะว่าไปแถวนี้ก็คุ้นเหลือเกินคล้ายกับว่าเขาเคยมาที่นี่แล้วครั้งนึงแล้วอย่างนั้น
แพคฮยอนค่อยๆเข็นรถมอเตอร์ไซด์มาจอดไว้ริมกำแพงสูงของบ้านฝั่งตรงข้าม คนตัวเล็กค่อยๆเดินมาที่บริเวณประตูรั้วหน้าบ้านพร้อมกับชะเง้อมองเข้าไปภายในอย่างสงสัย ขาเล็กขยับเข้าไปใกล้ประตูรั้วนั้นอย่างลืมตัว จนกลายเป็นว่าตอนนี้คนตัวเล็กกำลังยืนเกาะประตูรั้วหรูนั่นอยู่
ปริ๊นๆ!!
เสียงแตรรถแผดขึ้นสั้นๆ แต่ก็ทำให้คนตัวเล็กที่กำลังแนบหน้าเข้ากับประตูรั้วสูงนั้นสะดุ้ง ขาเล็กถอยกรูดด้วยสัญชาติญาณ ใบหน้าขาวมองไปที่รถคนหรูเลิกลั่ก ตอนนี้แพคฮยอนรู้สึกกลัวขึ้นมาเพราะอากัปกิริยาที่เขาทำเมื่อครู่ดูไม่ต่างจากพวกมิจฉาชีพที่มาด้อมๆมองๆเพื่อดูลาดเลาซักเท่าไหร่
ถ้าคนบนรถแจ้งตำรวจขึ้นมาจะทำยังไง เขาไม่ใช่ขโมย แค่สงสัยก็เลยเดินมาดูเท่านั้น ทำไงดี
พยอนแพคฮยอน!!
กระจกฝั่งเดียวกันถูกเลื่อนลงโดยบุคคลภายในรถ พอเห็นดังนั้นแพคฮยอนจึงสาวเท้าเข้าไปใกล้ตั้งใจจะอธิบายให้คนด้านในเข้าใจว่าเขาไม่ได้มาทำอะไรอย่างนั้น แต่พอกระจกรถเลื่อนลงจนเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มด้านในก็ทำให้เขายิ้มออก
“พี่อี้ชิง”
Accidental of love♡
“งานพิเศษนอกสถานที่เหรอ?”
อี้ชิงเอ่ยถามยิ้มๆพลางดันจานขนมที่เพิ่งถูกยกมาเสิร์ฟไปตรงหน้าแพคฮยอน พยักพเยิดให้คนตัวเล็กลองชิม
“ครับ พอดีว่าวันนี้พนักงานที่ส่งอาหารลากะทันหัน ผมก็เลยออกมาส่งแทน”
“แล้วก็เลยแอบมามองหลังคาบ้านพี่เหรอ”
อี้ชิงเอ่ยแซวขำๆ แต่กลับทำให้แพคฮยอนหัวเราะแห้ง นี่ถ้าเป็นบ้านคนอื่นเขาคงไม่ได้มานั่งจิบน้ำชากินขนมอย่างนี้ อาจได้ไปเที่ยวเล่นแถวสถานีตำรวจแทนก็เป็นได้
“คือ ผมจำบ้านพี่อี้ชิงไม่ได้จริงๆนะครับ แค่รู้สึกว่ามันคุ้นๆ ก็เลยเดินมาดูเท่านั้น”
แพคฮยอนบอกพลางหยิบคุ้กกี้ที่มีรูปทรงน่ารักในจานเข้าปากแก้เก้อ ตาเรียวสบเข้ากับแววตาขี้เล่นของอี้ชิงบ่อยครั้งแล้วก็ต้องเป็นฝ่ายหลบไปเองทุกครั้ง อี้ชิงได้แต่นึกขำกับปฏิกิริยาแสนน่ารักของแพคฮยอน
ก็น่ารักขนาดนี้สินะแพคฮยอน .... มิน่าล่ะ
“เลอะหมดแล้ว”
อี้ชิงหัวเราะเบาๆขึ้นอีกครั้งทำให้แพคฮยอนที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับขนมแสนอร่อยกับรายการวาไรตี้ที่เจ้าของบ้านเปิดทิ้งไว้ได้แต่ทำหน้าเหรอหรา อาจเป็นเพราะสมองต้องทำงานหนักมาตลอดหลายวัน พอได้ผ่อนคลายจึงทำให้คนตัวเล็กลืมตัวไปชั่วขณะ ตอนนี้จิตใจของเขากำลังผ่อนคลายและรู้สึกสบายใจจนลืมไปว่าคนที่กำลังนั่งอยู่เคียงข้างก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หัวใจเขาต้องสับสน
อี้ชิงใช้นิ้วเขี่ยเศษขนมที่ติดข้างแก้มแพคฮยอนออกเบาๆ คนตัวเล็กจึงเอียงแก้มให้อี้ชิงได้ถนัดยิ่งขึ้น พี่ชายเจ้าของบ้านยิ้มน้อยๆกับอาการน่ารักที่แพคฮยอนแสดงออกมา พลางยกมือทั้งสองข้างหยิกแก้มนุ่มนั้นอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
“โอ้ยย พี่อี้ชิงผมเจ็บนะ”
แพคฮยอนร้องท้วงแต่อี้ชิงกลับยิ่งเพิ่มแรงบีบเข้าไปอีก คนแกล้งหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ในขณะที่คนถูกแกล้งได้เพียงแค่ยึดข้อมือของพี่ชายเจ้าของบ้านเอาไว้ และหลุดหัวเราะออกมาเช่นกัน
“กำลังทำอะไรกัน”
เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังส่งผลให้ทั้งอี้ชิงและแพคฮยอนชะงัก คนตัวเล็กหันขวับไปตามทิศทางที่มาของเสียง และสายตาก็ปะทะเข้ากับร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินมาทางพวกเขา
“ฉันถามว่า กำลังทำอะไรกัน”
น้ำเสียงราบเรียบอย่างที่เคยแต่กลับเย็นเยียบไปถึงไขสันหลัง แพคฮยอนขยับตัวลุกขึ้นโดยไม่ได้ละสายตาไปจากผู้มาใหม่ แต่กลับถูกอี้ชิงรั้งแขนให้นั่งลงดังเดิม
“นาย กำลังทำบ้าอะไร!”
คนตัวสูงกว่าใช้เพียงมือเดียวกระชากข้อมือบางอย่างแรงร่างเล็กก็ปลิวขึ้นมาปะทะอกแกร่ง น้ำเสียงที่เคยราบเรียบตอนนี้แฝงไว้ด้วยอารมณ์โทสะอย่างที่แพคฮยอนไม่เคยได้สัมผัส คนตัวเล็กหันมองหน้าคนที่กำลังบีบข้อมือเขาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ สายตาแข็งกร้าวนั้นจับจ้องไปที่อี้ชิงไม่ลดละ เป็นครั้งแรกที่แพคฮยอนเห็นชานยอลโกรธ แววตาคมที่ฉายแววความเกลียดชังชัดเจนจนแพคฮยอนต้องเผลอครางเรียกชื่อคนตัวสูงออกมาอย่างแผ่วเบา
“ชะ..ชานยอล...”
“อย่ายุ่งกับแพคฮยอน! ฉันจะเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่อยากตายอย่ามายุ่งกับของที่เป็นของฉัน!!”
เสียงดังจนเกือบกลายเป็นตะโกน แพคฮยอนจ้องมองคนตัวสูงอย่างไม่เข้าใจ คนตัวเล็กพยายามขืนมือออกจากการเกาะกุมเมื่อเห็นว่าอี้ชิงนิ่งเงียบไปและทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“พี่อี้ชิง.... ชานยอลปล่อยสิ ไม่เห็นต้องพูดขนาดนี้เลยพี่อี้ชิงกำลังเสียใจนะ”
บิดข้อมือจนหลุดพราะคนตัวสูงเผลอผ่อนแรง แพคฮยอนถลาเข้าไปหาอี้ชิงที่กำลังร้องไห้อยู่ทันทีแต่มือหนาแข็งแรงของชานยอลก็คว้าแขนคนตัวเล็กไว้ได้อีกครั้ง
“ห่วงมันมากนักเหรอ แพคฮยอน!”
ออกแรงลากจนร่างเล็กแทบจะปลิวตามมือ แพคฮยอนพยายามขืนตัวแต่ก็สู้แรงของคนตัวสูงไม่ได้ซักนิด ชานยอลลากคนตัวเล็กขึ้นมาถึงบนชั้นสองใช้เท้าถีบประตูห้องที่แง้มไว้ให้เปิดออก กดล็อกและปิดลงแทบจะทันทีด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจับคนตัวเล็กโยนไปบนเตียงกว้างอย่างไม่ปราณี
“ชานยอล ชานยอล!!”
อี้ชิงวิ่งตามมาแต่ก็ช้ากว่าเพราะสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรงของเจ้าตัวจึงทำให้แทบทรุดอยู่ตรงหน้าบันได ทำได้เพียงพยุงตัวเองกับราวบันไดพยายามส่งเสียงร้องเรียกคนที่อยู่ด้านบน แต่ก็ดูจะไม่เป็นผล
“คุณอี้ชิง หอบกำเริบอีกแล้วเหรอคะ ไปพักก่อนเถอะค่ะ” แม่บ้านวัยกลางคนที่เดินผ่านมาเห็นพอดี
เข้ามาพยุงร่างที่หอบหายใจหนักแต่ก็พยายามจะยันกายลุกด้วยตัวเองและ อี้ชิงได้เพียงแค่พึมพำเสียงแผ่ว และพยายามจะเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองอีกครั้ง แต่กลับถูกห้ามไว้เสียก่อน
“ไปพักทานยาพักผ่อนก่อนเถอะค่ะร่างกายคุณไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวจะแย่เอา” หญิงวัยกลางคนพยายาม
พยุงร่างที่ไร้เรี่ยวแรงกลับไปที่ที่ห้องพักอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เกิดขึ้น แม้อี้ชิงจะพยายามฝืนซักแค่ไหน แต่ร่างกายของเขาในตอนนี้กลับไม่มีเรี่ยวแรงซักนิด ทำได้แค่เพียงยอมให้ถูกประคองช้าๆไปที่ห้องนอนซึ่งอยู่อีกฝั่งของบ้านหลังใหญ่
“ชานยอล ปล่อยนะ ! ชะ... อื้อ!!”
แพคฮยอนขืนตัวสุดแรงตามสัญชาติญาณ แต่ดูเหมือนทุกสิ่งจะไม่เป็นผล ข้อมือข้างนึงถูกมือหนาตรึงไว้กับฟูกนุ่มชั้นดีในขณะที่มืออีกข้างของชานยอลรั้งท้ายทอยของคนใต้ร่างบังคับด้วยแรงโทสะให้รับสัมผัสแสนจาบจ้วง มือเล็กข้างที่ไร้พันธนาการทั้งผลักทั้งดันแต่นั่นก็ทำให้สัมผัสยิ่งแนบแน่นตามจนคนร่างเล็กแทบขาดอากาศหายใจ ยิ่งพยายามต่อสู้แรงบีบที่ข้อมือก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ยิ่งพยายามดิ้นรนแรงบดเบียดจากริมฝีปากอิ่มก็ยิ่งรุนแรง จูบที่เอาแต่ใจไม่คิดจะอ่อนโยนเลยเหมือนที่เคยทำเลยซักนิด
“ฮึก!!...”
เสียงประท้วงของแพคฮยอนไม่สามารถทำให้ชานยอลที่กำลังขาดสติหยุดการกระทำเหล่านั้นได้ ในหัวสมองของคนตัวสูงตอนนี้เห็นเพียงภาพอี้ชิงและแพคฮยอนหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาน
ไม่ชอบ
ไม่ชอบเอาซะเลย
เสื้อนักเรียนถูกกระชากออกจนกระดุมหลุดรุ่ย เผยให้เห็นผิวขาวสีน้ำนมกระจ่างแก่สายตาหากแต่อารมณ์ทั้งโกรธทั้งหวงบดบังไม่ทันให้ได้มีความคิดจะสำรวจเรือนร่างใต้อาณัติ ในหัวสมองของชานยอลพร่าเลือนจากทุกสิ่ง ความคิดไหลวนย้อนไปมาเพียงแค่อยากให้ร่างนี้เป็นของเขา ไม่อยากให้ใครมาแตะต้องแม้แค่ปลายนิ้วก็ไม่ยอม
ยิ่งถ้าคนนั้นเป็นอี้ชิงด้วยแล้ว
ต่อให้ตายชานยอลก็ไม่ยอม
“ชานยอล เจ็บ ฮึก..เจ็บ”
เสียงสะอื้นที่ขาดห้วงกับร่างที่สั่นสะท้านทำให้ร่างสูงชะงัก ดวงตาคู่สวยชุ่มไปด้วยน้ำตาทำได้เพียงส่งสายตาเว้าวอนให้กับคนที่แทบจะบีบร่างของเขาให้แหลกคามือในตอนนี้
แพคฮยอนอาศัยจังหวะที่คนด้านบนนิ่งงันออกแรงผลักอกแกร่งนั่นออกจากตัวอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการไปกระตุ้นอารมณ์โกรธของชานยอลให้ปะทุขึ้นมาอีก
“จะไปไหน จะไปหามันเหรอ!”
ชานยอลแทบจะกัดฟันพูด มือหนาตรึงร่างแพคฮยอนลงกับเตียงอย่างแรง ก่อนเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ลำคอขาว จูบซับรุนแรงทิ้งไออุ่นร้อนจัดที่แปรเปลี่ยนผิวขาวเป็นรอยแดงประปรายไล่ลงมาถึงไหปลาร้า
“มะ..ไม่ ฮึก ..ฉันไม่ได้ทำอะไร ไม่....ได้ ฮึก...ทั้งที่คิดถึงชานยอลแทบตายแต่ชานยอลต่างหากที่เอาแต่หลบหน้ากัน”
น้ำเสียงตัดพ้อปะปนกับเสียงสะอื้น ถึงแม้แพคฮยอนจะพยายามสะกดกลั้นมันเท่าไหร่ก็ไม่สามารถห้ามได้ มือทั้งสองข้างทีแคยถูกพันธนาการไว้ด้วยมือแข็งแรงของอีกคน ในตอนนี้กลับถูกปล่อยออกอย่างง่ายดาย
ชานยอลนิ่งอึ้งกับถ้อยคำที่ถูกส่งออกมาจากริมฝีปากบาง กับความเป็นจริงที่ว่าเขาพยายามหลบหน้าคนตัวเล็ก ไม่ใช่ไม่อยากเจอ ไม่ใช่ไม่อยากเห็นหน้า แม้เพียงน้อยนิดอย่างที่เคยทำ ชานยอลก็มีความสุข แต่ทั้งหมดที่ชานยอลเลือกทำเพราะไม่ต้องการจะให้เกิดเหตุการณ์ที่เขาทนไม่ได้เฉกเช่นวันนี้และมันก็เกิดขึ้น
ตั้งแต่แพคฮยอนรู้จักกับอี้ชิง ตั้งแต่ที่เห็นคนทั้งสองใกล้ชิดกัน คนตัวสูงก็แทบจะทนไม่ได้ ทุกครั้งที่เห็นอี้ชิงพยายามทำตัวสนิทสนม เ ขาแทบอยากจะเข้าไปกระชากแพคฮยอนออกมาเสียด้วยซ้ำ หากเป็นคนอื่นชานยอลคงจะระงับอารมณ์เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี ซ่อนทุกอย่างภายใต้ความสงบนิ่งอย่างที่ผ่านมา
แต่กับอี้ชิง ....คนที่ชานยอลเกลียด..
คนตัวสูงไม่สามารถจะทานทนได้
“แพคฮยอน..”
ชานยอลร้องเรียกเสียงแผ่ว ก้านนิ้วยาวยกเกลี่ยเส้นผมชื้นเหงื่อที่ระแก้มขาวออกช้าๆ พยายามดึงมือบางที่เจ้าตัวยกปิดใบหน้าขาวนั่นออก แต่แพคฮยอนก็แข็งขืนสุดกำลังแม้ร่างกายจะกำลังสั่นด้วยด้วยแรงสะอื้น
ไม่ได้โกรธคนตัวสูงตรงหน้าซักนิด
แค่รู้สึกน้อยใจ
แค่ยังรู้สึกสับสน
“แพคฮยอน อย่าร้องไห้......”
เสียงทุ้มที่อ่อนลงร้องขอแต่กลับเพิ่มแรงสะอื้นของร่างเล็กอีกเป็นเท่าตัว แขนแกร่งรั้งร่างที่นอนปิดหน้าร้องไห้อย่างหนักขึ้นมาแนบอก กอดกระชับราวกับจะซึมซับทุกสิ่งของร่างเล็กยิ่งได้ยินเสียงแพคฮยอนร้องไห้เท่าไหร่ก้อนเนื้อในอกก็ถูกบีบอัดรุนแรงยิ่งขึ้น
“ขอโทษ...ขอโทษนะแพคฮยอน ขอโทษ”
พร่ำบอกประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า วงแขนที่กระชับแน่นคลายออกเล็กน้อยเพื่อให้คนตัวเล็กหายใจได้สะดวก เสียงสะอื้นเบาบางลงจนเหลือแค่แรงสั่นน้อยๆจากร่างในอ้อมกอด
“แพคฮยอน อย่าอยู่ใกล้มันได้มั้ย ฉันขอร้อง”
ชานยอลเอ่ยขอเสียงเบาราวกับกระซิบ มันสั่นไม่แพ้ร่างน้อยในอ้อมกอดซักนิด แต่มีหรือคนที่ซุกใบหน้าอยู่กับอกแกร่งจะไม่ได้ยิน แม้ในใจนึกสงสัยอยากเอ่ยถามว่าทำไม แต่แพคฮยอนก็เลือกที่จะเงียบอยู่อย่างนั้น
“ฉันไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบวันนี้อีก แพคฮยอนรับปากได้มั้ย อย่าอยู่ใกล้อี้ชิง”
มือเล็กผลักอกชานยอลเบาๆ คนตัวสูงยอมคลายอ้อมกอดแต่โดยดี ใบหน้าได้รูปที่บัดนี้ซีดเซียวกว่าที่เคย ดวงตาเรียวแดงช้ำและยังเปรอะไปด้วยคราบน้ำตา ชานยอลใช้นิ้วยาวเกลี่ยหยดน้ำใสที่ยังเปรอะเปื้อนรอบดวงตาคู่สวยอย่างอ่อนโยน มือหนาประคองใบหน้าเล็กไว้ทั้งสองข้าง ก่อนเคลื่อนหน้าผากแนบสนิทกับหน้าผากมนของคนตัวเล็ก
“ฉันรักแพคฮยอนนะ”
TBC..
ความคิดเห็น