คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Accidental of love ♡ Chapter 13 ความจริงในอดีต
-ตอน13-
“อยู่ใกล้ฉันนายอาจจะไม่ปลอดภัย”
แพคฮยอนส่ายหน้าช้าๆ อยู่ๆน้ำตาก็พาลจะไหลขึ้นมาอีกซะอย่างนั้น ใบหน้าเล็กค่อยๆเอียงซบกับฝ่ามืออุ่น แพคฮยอนหลับตาลงพร้อมกับซ้อนมือตนเองทับฝ่ามือหนาที่ประคองข้างแก้มอย่างทนุถนอมนั้นเอาไว้ อยากจับมือนี้แม้จะอันตรายแต่ก็อบอุ่น แม้จะต้องเจออะไรที่คาดไม่ถึง แต่ก็รู้สึกปลอดภัย
อยากอยู่ใกล้ๆไม่อยากต้องห่างแม้เพียงเศษเสี้ยวของเวลา..และไม่อยากเฝ้ามองเพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว รอยยิ้มที่อยากได้ อ้อมกอดที่อยากสัมผัส แพคฮยอนแทบไม่รู้ตัวเลยว่าโหยหาสิ่งเหล่านี้จากคนตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ พอรู้ตัวอีกที ในตอนนี้ เขากลับรักชานยอลไปจนหมดใจแล้ว
รัก.. จะไม่ปล่อย..จะไม่ยอมปล่อยมือ แต่ว่า ฉันมีเรี่ยวแรงมากพอจะรั้งนายไว้หรือเปล่า นายพร้อมที่จะยืนข้างฉันเหมือนกันใช่มั้ย...
แพคฮยอนดึงมือออกจากมือชานยอลเมื่อรู้สึกตัวว่าเดินมาถึงหน้าห้องเรียนแล้ว ไม่รู้ว่าจากมือที่เกาะกุมข้อมือเล็กของเขามาตลอดทาง เลื่อนมาประสานกันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คยองซูเป็นคนแรกที่วิ่งมาหาเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล และคงจะมีแค่คยองซูเพียงคนเดียวนั่นล่ะที่เป็นห่วง เพราะคนอื่นก็ไม่มีใครให้ความเป็นมิตรกับเขาซักคนอยู่แล้ว
“แพคฮยอนมีคนมาหา”
คยองซูเบี่ยงตัวหลบเผยให้เห็นบุคคลที่นั่งส่งยิ้มหวานหยดมาให้ จนน่ากลัวว่ามดจะเผลอไต่ขึ้นปากเจ้าตัวเข้าซักที แพคฮยอนเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคนที่มาหานั้นเป็นใคร แถมตอนนี้เจ้าตัวยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเขาอีกต่างหาก
“พี่อี้ชิง!”
อี้ชิงหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นอาการเหวอขั้นสุดของแพคฮยอน
“ครับ พี่เอง ทำไมทำหน้าอย่างกับเห็นซูเปอร์สตาร์เกาหลีอย่างนั้นล่ะ”
..อย่างนั้น ก็คงดีกว่าเจอพี่ตอนนี้เยอะเลย..
แพคฮยอนคิดในใจแต่กลับทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้ เขาหันไปมองชานยอลที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง คนตัวสูงยังคงวางสีหน้าเรียบเฉยอย่างเคย ก่อนหมุนตัวเดินไปที่โต๊ะของตนเองอย่างไม่ใส่ใจ
“ดีใจที่พี่มาหาจนน้ำตาซึมเลยเหรอ แพคฮยอน”
อี้ชิงยังคงแหย่คนตัวเล็กที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ เขาส่งยิ้มแหยๆให้กับอี้ชิงแต่สายตายังคงมองตามแผ่นหลังของคนตัวสูง ชานยอลเดินไปหยิบกระเป๋าสีดำของตนเองเหวี่ยงพาดไปด้านหลังพลางเหลือบมองแพคฮยอนเพียงครู่ และทำท่าจะเดินออกจากห้องไปทันที
อย่าเพิ่งไปสิ...ได้โปรด ..ชานยอล อย่าเพิ่ง
แพคฮยอนอยากจะวิ่งไปขวางคนตัวสูงเอาไว้ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ทำให้เขาไม่มีความกล้าที่จะทำอะไรอย่างนั้นซักนิด แค่จะหุบยิ้มที่แค่นมันออกมาทั้งๆที่ในใจร่ำไห้ไปแล้วก็ยังทำไม่ได้
“นี่!”
ชานยอลมองหน้าคนที่ลุกพรวดขึ้นมาขวางหน้าเขาเอาไว้ด้วยแววตาไร้อารมณ์ คนตัวสูงขยับเพื่อจะเบี่ยงหลบไปอีกทางแต่ร่างนั้นก็ยังคงขยับตามทั้งดวงตาคมหวานที่ประสานอย่างไม่ลดละ ชานยอลจึงเบี่ยงตัวอีกครั้ง แต่ก็ไม่ทำให้ความพยายามของคนตัวเล็กกว่าลดลง ร่างนั้นตัดสินใจยกแขนขึ้นยันกับประตูทางออกเพื่อขวางคนตัวสูงเอาไว้
“นี่ จะทำเป็นไม่รู้จักฉันอีกนานมั้ย?”
ประโยคคำถามที่ดูเหมือนไม่จริงจังนักถูกเอ่ยขึ้นจากคนตรงหน้า คนพูดถอนหายใจอย่างชั่งใจ สบตาชานยอลด้วยแววตาที่ยากจะเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่ ผิดกับชานยอลที่มองเหมือนคนที่กำลังพยายามสนทนากับเขานั้นไร้ตัวตน
“หลีกไป” ชานยอลเอ่ยเสียงเรียบ เขาไม่ยอมมองหน้าคนที่กำลังยืนขวางด้วยซ้ำ
“จะยังไงก็ได้แต่เลิกทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนสักที เลิกทำเหมือนเราไม่รู้จักกัน!!”
น้ำเสียงขี้เล่นถูกแปรเปลี่ยนเป็นสุ้มเสียงที่ตัดพ้อ เจือเต็มไปด้วยความน้อยใจอย่างมากมาย แต่มันกลับไม่ทำให้ท่าทีของคนตัวสูงเปลี่ยนไปจากเดิมแม้แต่นิด
“ฉันไม่รู้จักนาย”
อี้ชิงแค่นหัวเราะบางเบา เจ้าตัวทำท่าครุ่นคิดอะไรเพียงครู่ ก็เอ่ยขึ้นกับชานยอลอีกครั้ง
“ก็ได้ อย่างนั้นก็ได้ งั้นวันนี้ฉันยืมตัวแพคฮยอนหน่อยละกัน คงไม่มีปัญหาใช่มั้ย” พูดพร้อมกับหันไปส่งยิ้มหวานให้กับแพคฮยอนแล้วหันมาสบตาคนตัวสูงอย่างท้าทาย
ทั้งคำพูดและการกระทำของอี้ชิงทำให้แพคฮยอนที่เหวออยู่แล้วยิ่งเหวอหนัก ไหนจะตกใจที่จู่ๆอี้ชิงก็โผล่เข้ามาหาถึงที่นี่ ไหนจะประโยคสนทนาของอี้ชิงกับชานยอลอีก.. ตอนนี้เขางุนงงไปหมด จนไม่รู้ว่าจะคิดประมวลผลกับสิ่งไหนก่อนดี มีเพียงเซฮุนกับจงอินเท่านั้นที่ดูนิ่งเเกินน่าจะเป็น ทั้งสองคนได้แต่สบตากันเงียบๆ
“อยากทำอะไรก็ทำ”
ชานยอลเอ่ยกับอี้ชิงด้วยน้ำเสียงเรียบดังเดิม มือหนาจับแขนที่กั้นขวางสะบัดออกอย่างไม่ใยดี เขาเดินชนไหล่เล็กจนอี้ชิงเซไปด้านข้าง หลงเหลือไว้เพียงแววตาแห่งน้อยใจที่ได้เพียงแค่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้น
เหมือนไร้ตัวตน เหมือนตรงนี้ไม่มีร่างนี้อยู่ด้วยซ้ำ
Accidental of love♡
นิ้วสวยหมุนหลอดสีเดียวกับน้ำผลไม้ในแก้วทรงสูงวนไปวนมา ตาเรียวก็คอยชำเลืองมองคนที่นั่งตรงข้ามกันเป็นระยะ อี้ชิงในตอนนี้ดูเงียบขรึมจนดูน่ากลัว ตาคมหวานที่มองเหม่อไปอย่างไร้จุดหมายนั่นก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หัวคิ้วของแพคฮยอนมุ่นเข้าหากันอย่างลืมตัว ประโยคสนทนาระหว่างอี้ชิงกับชานยอลยังคงดังก้องในหัวเวียนไปเวียนมาซ้ำๆ ฟังแล้วคงไม่มีใครคิดว่าจะเป็นแค่คนเคยรู้จักกันธรรมดา เพียงแต่แพคฮยอนเองก็ไม่กล้าที่จะคิดต่อ...
ไม่อยากคิด แค่นี้ก็แทบหายใจไม่ออก
“พี่อี้ชิงครับ”
แพคฮยอนตัดสินใจเอ่ยทำลายความเงียบที่แสนอึดอัด เขาไม่รู้ว่าอี้ชิงต้องการอะไร ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าคนคนนี้คงจะพอใจในตัวเขาถึงได้ทำอะไรแบบนั้น แต่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าทำให้ความคิดแพคฮยอนเปลี่ยนไป แล้วมันมีเหตุผลอะไรล่ะ ถึงในอดีตความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่อาจมีอะไรมากกว่านั้นแต่เขากับชานยอลเองก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่จำเป็นที่อี้ชิงจะต้องมาทำอะไรแบบนี้กับเขาด้วยซ้ำ
“แพคฮยอน”
นิ้วเรียวเย็นเฉียบถูกยกแตะข้างแก้มขาว ทำให้แพคฮยอนสะดุ้งนิดๆ อี้ชิงส่งยิ้มอ่อนโยนเหมือนกับครั้งแรกๆที่พบกันมาให้ แววตาที่เหม่อลอยเมื่อครู่กลับมาดูขี้เล่นเหมือนเคย
“เป็นอะไร เรียกพี่แล้วก็ไม่พูด พอถามกลับก็ไม่ตอบ พี่เรียกตั้งนานแน่ะ”
กลายเป็นว่าเขากลับเหม่อเสียเอง ตอนนี้ในหัวกลัวไปหมด กลัวความสัมพันธ์ระหว่างอี้ชิงกับชานยอล กลัวสิ่งที่จะได้รับรู้ ความสัมพันธ์เบื้องหลังนั้น ระหว่างเขากับชานยอลยังไม่เริ่มแต่มันกำลังจะจบอย่างนั้นเหรอ
“ผมต้องไปทำงานพิเศษแล้วล่ะครับ”
อี้ชิงพยักหน้ารับเขาวางเงินจำนวนหนึ่งไว้บนโต๊ะและลุกขึ้นยืนส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับแพคฮยอน
“เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”
Accidental of love♡
หลายวันต่อมา..
“ฮานอ่า”
เซฮุนเอ่ยเรียกคนหน้าหวานแผ่วเบาเมื่อเจ้าตัวมัวแต่สาละวนอยู่กับการพิมพ์อะไรยุกๆยิกๆในโน๊ตบุ๊คเครื่องกะทัดรัดของเจ้าตัว
“แป๊บนึงนะเซฮุน อันนี้ต้องส่งพรุ่งนี้แล้ว ต้องเรียบเรียงให้เสร็จน่ะ” ลู่หานตอบโดยที่ยังคงก้มหน้าก้ม
ตาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองรุ่นน้องตัวขาวที่ตอนนี้ กำลังทำหน้ามู่ทู่ราวกับกินชานมบูดเข้าไป
เซฮุนนั่งมองบรรยากาศภายในร้านที่ยังคงเหมือนเดิมเช่นทุกวัน คนตรงหน้าก็ยังหน้าตาหน้ารักราวกับตุ๊กตาเหมือนเดิม แต่สิ่งที่แปรเปลี่ยนไปคงมีเพียงแค่ความสัมพันธ์ของพวกเขา บางทีมันก็รวดเร็วจนเซฮุนแทบไม่เชื่อด้วยซ้ำว่านี่เป็นเรื่องจริง คนที่แอบชอบมาตลอดที่ตอนนี้นั่งอยู่ตรงหน้าเขา ในฐานะคนรัก
และเมื่อหลายวันก่อน
“ผมชอบพี่!!”
เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัดจนลู่หานเกือบสำลักน้ำที่เพิ่งดูดเข้าไป ดวงตากลมเบิกกว้างกับปากบางทำได้แค่อ้าค้างอยู่อย่างนั้น
“พี่สองคนเป็นแค่เพื่อนสนิทกันจริงๆใช่มั้ย ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งมากกว่านั้นใช่มั้ย งั้นผมจะจีบพี่ลู่หาน!!”
เซฮุนร่ายประโยคยาวรวดเดียวแบบที่คนฟังจับใจความได้ง่ายแสนง่าย เขาไม่รู้ว่ากล้าพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้ยังไง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาแทบไม่มีความกล้าแม้แต่นิด หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเขาหวาดระแวงคนที่ถูกแนะนำว่าเป็นเพื่อนสนิทนี่กันแน่เลยทำให้เขาต้องพยายามรักษาหัวใจของตนเอง แต่บางทีอาจไม่ใช่เพราะอี้ชิง แต่เพราะคำพูดของใครบางคนที่ดังก้องอยู่ในหัวตอนนี้ และมันเป็นแรงกระตุ้นให้เขาได้อย่างยอดเยี่ยม
“ถ้าเซฮุนพยายามล่ะก็ มันต้องสำเร็จอย่างแน่นอน”
“นายก็จีบมาตั้งนานแล้วนี่”
อี้ชิงเอ่ยติดจะเย้าเล็กน้อยทำเอาลู่หานที่กำลังตกตะลึงในความบ้าบิ่นของเซฮุนในครั้งนี้ได้สติ คนหน้าสวยฟาดไปที่ต้นแขนเพื่อนสนิทอย่างแรงเมื่อเห็นว่าอี้ชิงกำลังจะเอ่ยอะไรไม่เข้าท่า ในขณะที่เซฮุนทำหน้าเหมือนมีเครื่องหมายคำถามเป็นร้อยแปะบนใบหน้าเล่นเอาอี้ชิงอดขำกับอาการเหล่านั้นไม่ได้
“ก็หมอนี่น่ะ มันบ่นกับฉันทุกวัน ตั้งแต่ตอนยังอยู่เมืองนอกโน่นแล้วว่ามีรุ่นน้องหน้าตาน่ารักๆมาขายขนมจีบซาลาเปา แต่รุ่นน้องคนนั้นก็หล่อซะเหลือเกินแถมยังเป็นพวกแบดบอย แถมอะไรๆก็ยังไม่คืบหน้าเสียที เจอกันทุกวันแต่กลับไม่มีอะไรพัฒนา ไม่รู้ว่าเค้าจะชอบฉันจริงไหมไอ้ครั้นจะให้เผยก่อนก็กลัวเค้าจะไม่จริงจังฉันควรทำไงดี”
อี้ชิงจงใจทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียนเพื่อนสนิทโดยไม่สนใจมือเล็กของลู่หานที่ค่อยเขย่าแขนให้เจ้าตัวหยุดพูดเสียที
“เยอะแยะมากมาย วันๆฉันก็ฟังแต่เรื่องนายนั่นแหละ” อี้ชิงสาธยายยาวเหยียดไม่แพ้เซฮุน ลู่หานที่ดูเหมือนจะห้ามเพื่อนไม่ทันแล้วได้แต่ยกมือบางนวดขมับ คนหน้าหวานเหลือบมองเซฮุนที่เหมือนจะอึ้งอยู่ไม่น้อยเพียงแว่บหนึ่ง แต่ก็ดันสบเข้ากับดวงตาคมพอดีทำให้ต้องหลุบตาลงต่ำอย่างช่วยไม่ได้ แก้มใสที่ขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัดและอาการของคนหน้าหวานที่ทำได้เพียงก้มหน้าเม้มริมฝีปากสีอ่อนของตนอยู่อย่างนั้น เพียงแค่นั้นก็ทำให้เซฮุนยิ้มกว้างเหมือนคนบ้า
Accidental of love♡
“ฮานอ่า จะงอนแล้วนะ” เซฮุนเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมทำหน้ามูทู่หนักกว่าเก่า น้ำเสียงออดอ้อนทำเอาลู่หานต้องใจอ่อน มือบางถูกยกขึ้นบีบจมูกโด่งเบาๆอย่างหมั่นไส้ พลางทำหน้ายู่แข่งกับคนตัวขาวบ้าง แต่มันกลับดูน่ารักสุดๆในสายตาเซฮุน
ถ้าฉันเรียนไม่จบ ต้องรับเลี้ยงไปตลอดชีวิตนะ” ลู่หานประชดทีเล่นทีจริงแต่กลับทำให้เซฮุนยิ้มกว้าง
คนอายุน้อยกว่าเลื่อนมือของตนไปกุมมือบางไว้พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาที่จริงจัง
“นั่นมันหน้าที่ของฉันอยู่แล้วนี่ ฉันจะดูแลลู่หานไปตลอดชีวิตเลย”
“พูดอะไรน่ะ ยังไงมันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่จะให้ฉันอายเพื่อนหรือไง อี้ชิงน่ะจบมาแล้วนะ ฉันก็ต้องขยันให้มากขึ้นเพื่ออนาคตด้วยสิ เซฮุนก็เหมือนกันไม่ใช่เวลามาเกเรแล้ว”
ลู่หานมองหน้าเซฮุนด้วยแววตาจริงจังไม่แพ้กัน มืออีกข้างถูกยกมาซ้อนทับมือของเซฮุนพร้อมกับบีบเบาๆ
ไม่ว่ายังไง เราก็จะเดินเคียงข้างกัน ไม่ว่ายังไงฉันก็พร้อมจะอยู่ข้างนายนะ
ฉันอยากเป็นกำลังใจให้นาย ไม่ว่าจะยังไง เพราะฉันรัก เซฮุนของฉัน....
Accidental of love♡
“หายไปไหนของเขานะ”
แพคฮยอนได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง อี้ชิงยังคงคอยมาหาไปรับส่งเขาทำงานพิเศษตลอดหลายวันมานี้ แต่กลับกลายเป็นชานยอลที่หายไปดื้อๆ แม้แต่หอสมุดเก่าที่เจ้าตัวชอบมาก็ไร้วี่แววของร่างสูง
แพคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ไม้ตัวเดิมที่ชานยอลเคยนั่ง.. ที่นี่เงียบสงบเหมือนเดิมหลังจากวันนั้นที่เขาเผลอเดินเข้ามาก็ติดใจในเสน่ห์ที่น่าหลงใหลของหอสมุดแห่งนี้จนต้องแอบเข้ามาอีกบ่อยๆ และบ่อยครั้งที่เข้ามาเพื่อหาใครซักคน แต่ก็ไม่พบ..
“นายนี่มันเหลือเชื่อชะมัด”
เสียงคุ้นหูถูกเอ่ยทำลายความเงียบ มันคงจะดีไม่น้อยถ้าเสียงนั่นเป็นเสียงของคนที่เขากำลังคิดถึง หากแต่มันไม่ใช่ แพคฮยอนพรูลมหายใจหนัก คนตัวเล็กค่อยๆลุกขึ้นยืนมองผู้มาเยือนคนใหม่ด้วยแววตาติดจะเบื่อหน่าย
จะมาหาเรื่องอะไรฉันอีกล่ะ คิมจงอิน
“ที่นี่ ชานยอลมันหวงมากนะ แม้แต่พวกฉันเองยังต้องขออนุญาตก่อนเข้ามา” จงอินพูดขึ้นลอยๆโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก คนผิวเข้มเดินไปเรื่อยๆพลางใช้นิ้วไล่เรียงหนังสือมากมายที่ยังคงเรียงตัวกันเป็นระเบียบบนชั้นติดผนัง
จริงสิถึงที่นี่ไม่ได้ใช้งานแล้วและมีแต่หนังสือเก่าเก็บ แต่มันก็สะอาดสะอ้านเหมือนกับได้รับการดูแลอย่างดี
“ที่นี่มันเจ๋งใช่มั้ยล่ะ” จงอินยังคงมองอย่างสำรวจไปรอบๆ เป็นครั้งแรกที่แพคฮยอนได้เห็นคนผิวเข้มยิ้มอย่างสบายใจ แทนที่จะเป็นรอยยิ้มร้ายแสนยียวนแบบที่ชอบทำใส่เขา คนตัวเล็กยืนมองจงอินที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆตาปริบๆ เขาไม่รู้ว่าจงอินจะมาไม้ไหนกันแน่
“ชานยอลน่ะ มันไม่เคยต้องบ้าบออะไรขนาดนั้น ทั้งเรื่องเจ็บตัวเพราะนายทั้งเรื่องไอ้เซฮุนด้วย เรื่องความรักไร้สาระอะไรพวกนั้นไม่เคยอยู่ในสมอง ปกติมันไม่ทำ พวกเราจัดการกันเองได้” จงอินเดินมาหยุดและจ้องมองคนตัวเล็กด้วยแววตาที่ต่างออกไป
“หัวใจด้านที่รับความรู้สึกของมันตายไปนานมากแล้ว ถึงพวกเราจะสนิทกันมากมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งฉันชานยอลและเซฮุนแต่เราก็ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวซึ่งกันและกัน ถ้ามันอยากบอกมันจะบอกเอง”
“แต่พอนายมาที่นี่ เรื่องทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด ฉันไม่รู้ว่าควรจะดีใจมั้ย? ที่ชานยอลมันกลับมามีหัวใจอีกครั้ง” จงอินเงียบไปแต่ตาคมยังคงสบนิ่งลึกเข้าไปในดวงตาของแพคฮยอน ทุกคำพูดของจงอินที่ไหลผ่านประสาทการรับรู้บ่งบอกว่าตอนนี้คนตรงหน้าไม่ได้ล้อเล่น
“ที่มันเป็นแบบนั้นมันก็มีเหตุผล และที่มันเป็นในตอนนี้มันก็มีเหตุผล และเหตุผลของมันในตอนนี้คือนาย"
แพคฮยอนได้แต่ตั้งใจรับฟังสิ่งที่จงอินพยายามบอกกับเขา แม้ว่าเขาเองไม่ได้เข้าใจความหมายของประโยคยาวเหยียดที่คนตรงหน้าพูดออกมาทั้งหมด แต่กลับรับรู้ถึงความใส่ใจที่จงอินมีต่อชานยอลอย่างมากมาย
“เพราะนาย จะไม่หักหลังมันใช่มั้ย?”
แพคฮยอนขมวดคิ้วอย่างสงสัย เขาไม่เข้าใจประโยคที่จงอินพูด ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจว่าจงอินหมายถึงว่าต่อไปเขาจะไม่ทรยศความรู้สึกที่ชานยอลมีต่อเขา แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจคือ สิ่งเหล่านี้มันเคยเกิดขึ้นกับชานยอลในอดีตอย่างนั้นหรือ หัวใจที่แพคฮยอนอยากครอบครองมันเคยมีแผลอย่างนั้นใช่มั้ย
“ฉันจะยอมรับนายก็ได้ ไอ้เตี้ย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะล้อเล่นกับความรู้สึกใครก็ได้ รีบๆจัดการ เรื่องไอ้เจ๊กหน้าขาวนั่นด้วยล่ะ”
จงอินยังคงพูดไปเรื่อยๆโดยที่แพคฮยอนไม่ได้เอ่ยแย้งอะไร คนผิวเข้มหยุดพูดและยืนสบตานิ่งอยู่เพียงครู่ก็ตัดสินใจหมุนตัวกลับไปที่ประตู แต่ก่อนที่ขายาวจะก้าวไปถึงจงอินกลับชะงักนิ่งอีกครั้ง คนผิวเข้มพ่นลมหายใจหนักๆ เขาหมุนตัวกลับมามองแพคฮยอนดังเดิมเพียงแต่ระยะห่างที่ต่างออกไป ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยบางคำที่แพคฮยอนไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้รับฟังจากปากคนคนนี้
“แล้วก็ ...ขอโทษ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา”
TBC..
เมเม : จงอินเด่นกว่าพระเอกเพราะเป็นพระรองที่ไรท์เตอร์มันลำเอียง
#ฟิคอุบัติเหตุ @Aprilnov0408
ความคิดเห็น