คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : [LuMiN] Love is not Allowed ... บทที่ 12 [+เหตุเกิดจากความว่างของไรท์]
“ใครก็ได้...เปิดประตูที...”
ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อยมากเพราะในห้องเก็บอุปกรณ์ไม่มีแม้หน้าต่างสักบาน ทำให้อากาศหายใจในนี้เริ่มลดลงไปเรื่อยๆ ยิ่งผมออกแรงทุบประตูเลื่อนไม้นั้นแล้ว มันยิ่งทำให้ผมเหนื่อยมากขึ้นไปอีก
ผมทรุดตัวลงนั่งหน้าประตูช้าๆ ก่อนที่จะนึกอะไรสักอย่างได้...ผมหยิบโทรศัพท์มือถือของผมที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาอย่างรนๆ ก่อนจะกดโทรออกเข้าเบอร์ของลู่ฮาน
แต่ความหวังทั้งหมดก็ต้องหายวับไปกับตา เมื่อเสียงจากปลายสายเป็นเสียงของผู้หญิงที่บอกว่า ‘เงินในโทรศัพท์ของผมไม่เหลือแล้ว’
“โถ่เว้ย!”
ผมเริ่มโวยวายทันทีเมื่อเห็นว่าอะไรๆ ก็ไม่เป็นไปอย่างที่ผมคิด ผมโยนสมาทโฟนของผมทิ้งจนเหมือนกับว่ามันเป็นของราคาถูกๆ
ลู่ฮาน...นายจะรู้รึเปล่านะว่าตอนนี้ผมกำลังตกอยู่ในอันตรายน่ะ...
ผมค่อยๆ เอาใบหน้ากลมของผมซุกลงบริเวณเข่าของตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆ ที่กำลังไหลอาบสองแก้ม พร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาตามตัวเพราะในห้องอุปกรณ์ที่ไม่มีช่องระบายอากาศสักช่อง
ลมหายใจของผมเริ่มติดๆ ขัดๆ ผมค่อยๆ ทรุดตัวลงนอนกับพื้นพร้อมมือของผมที่กำเสื้อบริเวณอกของตัวเอง สายตาเริ่มพร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เสียงลมหายใจจะแรงขึ้นด้วยเช่นกัน
ครืด ครืด... ครืด ครืด
เสียงสั่นของโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ผมที่ตอนนี้สายตาเริ่มพร่ามัวต้องจ้องเขม็ง เพื่อปรับภาพตรงหน้าให้ชัดมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าคนที่โทรเข้ามาคือลู่ฮาน
แค่เพียงชื่อบนหน้าจอสมาทโฟนนั้นก็ทำให้ผมยิ้มทั้งน้ำตา แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เพราะเรี่ยวแรงในตอนนี้ก็กำลังลดลงเรื่อยๆ เหมือนลมหายใจของผม
คราวนี้ถ้าผมตายไปผมก็โทษใครไม่ได้แล้วล่ะ...เพราะตัวผมเองที่โยนโทรศัพท์ไปที่อื่นที่มันไกลตัว โดยไม่คิดว่าคนที่อยู่ปลายสายจะโทรกลับเข้ามา
“ลู่ฮาน...”
สติที่เหมือนกำลังเลอะเลือนสั่งให้พูดชื่อของลู่ฮานขึ้นโดยที่ผมไม่รู้ตัว ถึงแม้ผมที่อยู่ๆ ก็คิดถึงเขา ก็ไม่ลืมนึกไปว่าผมก็ไม่ควรจะหลับด้วย...แต่มันก็คงทำได้ไม่นานนักหรอก...
ครืด!...
เสียงประตูเลื่อนดังขึ้นพร้อมเสียงลมหายใจที่ดังพอจะทำให้รู้ว่าคนที่โผล่เข้ามานั้นเหนื่อยมากขนาดไหน ผมที่กำลังจะหมดสติพยายามเลื่อนสายตาไปยังคนที่ยืนอยู่ แต่เพราะแสงไฟจากข้างนอกที่ส่องเข้ามาจึงทำให้ผมเห็นเพียงเงาของร่างสูงเท่านั้น
เปลือกตาเริ่มรู้สึกหนักขึ้น จนมองภาพตรงหน้าได้ยาก ภาพที่เคยพร่ามัวอยู่นั้นตอนนี้กลับมีเพียงความมืดมิด กับสติที่กำลังดับวูบลงไปของผม...
.................................................................................
ผมเดินออกมาจากโรงยิมเพราะถูกมินซอกที่เป็นเวรเก็บอุปกรณ์ของวันนี้ไล่ออกมาโดยที่ผมไม่เต็มใจ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้นะว่าเขากำลังปิดบังเรื่องเพื่อนที่เขาบอกว่าจะรอคือลู่ฮานคลาสเอส ถึงผมจะพึ่งรู้จักเขาก็เถอะ แต่ว่าสายตาของผมไม่เคยผละออกจากเขาเลย...
ผมเดินมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าประตูโรงเรียนที่ตอนนี้คนเริ่มน้อยลงเพราะเวลาในตอนนี้ก็ปาไปเกือบจะสี่โมงแล้ว ผมหันกลับไปมองทางที่ผมพึ่งเดินมา ก่อนจะรู้สึกใจไม่ค่อยดีแปลกๆ
มินซอกจะเป็นอะไรมั้ยนะ...
ผมสะบัดความคิดในหัวของผมออกก่อนจะค่อยๆ เดินออกไปจากโรงเรียนด้วยความลังเล ผมที่ก้าวเดินต่อไปได้แค่สองสามก้าว ก็ต้องหยุดลงและคิดถึงมินซอกทุกครั้ง
โอ๊ยจงแดนายเป็นอะไรของนายกันนะ!!
ผมขยี้หัวของตัวเองอยู่สักพัก ก่อนจะมีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ มันจะไม่มีอะไรเลยจริงๆ ถ้าผู้หญิงกลุ่มนั้นไม่พูดเรื่องเรื่องหนึ่งออกมา...
“เธอนี่ก็วู่วามจริงๆ นะ ไปขังนายนั่นไว้แบบนั้นน่ะ! ฉันยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย”
“แต่เธอก็ไม่คิดจะห้ามไม่ใช่หรอ ฉันเห็นนะ ว่าเธอหัวเราะออกมาคนแรกเลย”
“แหม่! ก็มันน่าโมโหอยู่นี่ ใครใช้ให้มายุ่งกับลู่ฮานล่ะ ฮ่าๆๆ”
ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่กำมือแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธจัดของตัวเองไว้ ถ้าพวกนั้นเป็นผู้ชายผมคงต่อยพวกนั้นไปแล้วล่ะ! ผมรีบวิ่งตรงไปที่โรงยิมทันที แต่ก็ต้องเกือบเผลอสถบคำหยาบคายออกมาเพราะยัยพวกนั้นเล่นล็อกประตูโรงยิมไปด้วย
เมื่อเห็นอย่างนั้นผมเองก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งไปที่ห้องพักครูพละที่มีลูกกุญแจแขวนไว้อยู่ ลมหายใจของผมเริ่มติดขัดจากความเหนื่อย เหงื่อที่พึ่งแห้งไปไม่นานเริ่มกลับมาเปียกชุ่มไปทั่วตัวอีกครั้ง
อย่าเป็นอะไรไปนะมินซอก ฉันมาแล้ว!!
.................................................................................
-Luhan-
ผมที่พึ่งเรียนคาบพิเศษเสร็จรีบกดสมาทโฟนเพื่อโทรหามินซอกทันทีเพราะกลัวว่าคนที่อยู่ปลายสายจะรอนาน แต่ผมก็ต้องรู้สึกเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมินซอกไม่ยอมรับโทรศัพท์ผม
“ทำไมไม่รับสายกันนะ! หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมินซอก”
เมื่อคิดได้อย่างนั้นผมก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งออกตามหาร่างเล็ก ที่ตอนนี้ผมคิดว่าน่าจะยังอยู่ภายในโรงเรียน ผมวิ่งตามหามินซอกแถบทุกมุมของตึกคลาสเอ แต่ก็ไม่พบวี่แววของร่างเล็กเลย
เหงื่อเริ่มชุ่มไปทั้งตัวจนรู้สึกได้ถึงเสื้อนักเรียนสีขาวที่แนบลงมาโดนกับตัวของผม แต่ยังดีที่ยังมีเสื้อคลุมทับไว้อยู่ เลยพอลดจำนวนสายตาของคนที่เดินผ่านได้บ้าง
สองขาเริ่มรู้สึกอ่อนล้า ผมจึงยืนพักหายใจอยู่แถวๆ โรงยิม สายตาที่กำลังรนรานของผม เหลือบไปเห็นประตูโรงยิมที่ถูกแหงมไว้อยู่ พร้อมไฟจากข้างในที่สว่างออกมาถึงข้างนอกจึงไม่พลาดที่จะเข้าไปสำรวจดู
ครืด...
เสียงเลื่อนของประตูโรงยิมดังขึ้นเพราะผมที่ดันมันออกให้กว้างพอจะระบายอากาศข้างในได้เยอะกว่าที่เคย ไม่ทันที่ผมจะเดินเข้าไปสำรวจให้มากความ ผมก็เห็นร่างเล็กในอ้อมแขนของคนอื่นที่ไม่ใช่ผม
“นายจะทำอะไรมินซอกน่ะ!!”
ผมรีบเดินเข้าไปโดยไม่ลืมที่จะทำหน้าตาชวนหาเรื่องใส่คนตรงหน้า ทั้งๆ ที่ผมจะเป็นคนที่มีเหตุมีผลเสมอไม่ว่าเรื่องอะไร แต่เรื่องของมินซอกผมดันเป็นคนที่ไร้เหตุผลไปซะดื้อๆ ตอนนี้ผมรู้สึกหงุดหงิดมาก และอยากเดินเข้าไปต่อยหน้าของชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดตรงที่ว่ามินซอกกำลังสลบอยู่ในอ้อมแขนของเขา!!
“ทำอะไรน่ะหรอ ก็ช่วยน่ะสิ!”
“ช่วย? ช่วยอะไรของนาย!”
“ช่วยตั้งสติของนายก่อนเถอะ ลู่ฮานคลาสเอส หลบไปซะ ฉันจะพามินซอกไปโรงพยาบาล!”
ชายตรงหน้าเดินชนที่ไหล่ของผม ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจว่ายังมีผมที่ยืนอยู่ตรงนี้ มือของผมคว้าเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่ายอย่างแรง ทำให้ตอนนี้ผมกับเขาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง
“ส่งมินซอกมาซะ ฉันจะพาเขาไปเอง”
“นายมีสิทธิ์อะไรในตัวเขางั้นหรอ?”
“ฉันกับมินซอก...เรากำลังคบกัน!”
เมื่อผมพูดจบ คนตรงหน้าก็ทำหน้าตาตกใจทันที ก่อนจะมองมินซอกที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองสลับกับใบหน้าของผมอย่างงุนงง
“ทะ ทำไม...ไม่จริงน่ะ ฉันมองเขามาตลอดทำไมฉันจะไม่รู้!”
คำพูดของคนตรงหน้าเหมือนกำลังมีคนเอามีดมากรีดที่หัวใจให้เจ็บเล่นๆ เล็กน้อย ทำให้ผมยิ่งรู้สึกโกรธหนักขึ้นไปอีก เพราะผมได้รู้แล้วว่าคนคนนี้ชอบมินซอกอยู่จริงๆ!
“ก็แค่มองนี่...แต่สักพักนายก็จะได้ยินมันจากปากของที่รักของฉันเอง”
เมื่อผมพูดจบก็ไม่รอช้าที่จะช้อนตัวมินซอกออกมาจากอ้อมแขนของชายคนนั้น แล้วเดินออกมาจากโรงยิมเพื่อตรงไปที่โรงพยาบาลเอกชนที่พ่อของชานยอลเป็นผู้อำนวยการอยู่ที่นั่น และทิ้งให้ชายคนนั้นยืนอยู่คนเดียวภายในโรงยิม...
__________________________________________________________________________________________________
-เหตุเกิดจากความว่างของไรท์-
-ของแถมอีกชิ้น สำหรับบทนี้-
ความคิดเห็น