ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพบุตรไร้หัวใจ

    ลำดับตอนที่ #3 : เทพบุตรปะทะนางฟ้า...แรงๆๆๆๆมักมาก

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 54



     “เอี๊ยดดดดด....”

                    เสียงล้อครูดกับพื้นคอนกรีตลานจอดรถดังลั่นจนบรรดานักเที่ยวและเจ้าหน้าที่ต่างพากันหันมามองด้วยความตกใจและสนใจใคร่รู้ละคนไป

                    “ฉันไม่ลงไม่ได้เหรอ...ฉันว่าฉันรอบนรถดีกว่า”

                    “ลงมา...แกต้องลงมาเดี๋ยวนี้เลยดา...เร็วๆเข้าสิป่านนี้พี่มาร์คเค้ารอฉันแย่แล้ว”

                    น้อยหน่าดึงมือญาดาให้ลงจากรถหลังเพื่อนสาวแสดงอาการอิดออดไม่ยอมเข้างาน สาเหตุที่ไม่ยอมเข้านั่นคงเกิดจากชุดที่สวมใส่อันแสนเซ็กซี่ จนเกินกว่าเธอจะออกไปอวดสายตาสาธารณะชนได้ หญิงสาวพยายามเกาะเบาะรถไว้แน่นแต่เพื่อนเธอก็ออกแรงดึงสุดชีวิตจนในที่สุดข้อมือเล็กก็หลุดจากที่ยึดเหนี่ยว

                    “ดาแกเดินดีๆหน่อยได้มั๊ย”

                    “แต่ฉันอายนี่นา...”

                    ญาดาหน้าเสียเมื่อโดนเพื่อนดุ น้อยหน่าหันกลับไปเดินเชิดหน้าอกสะโพกผึ่งผายตรงเข้าสู่อาณาจักรแห่งความสำราญ ขณะเพื่อนอีกคนได้แต่ฝืนใจยิ้มสองมือของเธอพยายามปิดส่วนเว้าส่วนแหว่งเป็นพัลวัน

                    “ฉันมางานวันเกิดคุณมาร์คค่ะ”

                    น้อยหน่าบอกเจ้าหน้าที่ผับร่างสูงใหญ่ซึ่งยืนจังก้าเฝ้าหน้าประตูดุจยักษ์ปักหลั่นเฝ้าทวารบานก็ไม่ปาน สองสาวแสดงบัตรประชาชนให้ชายร่างยักษ์หน้าเหี้ยมดู

                    “นางฟ้าชุดทองน่าฟัดชะมัดเลยว่ะ” 

                    “เออว่ะ...นมแม่งโคตรน่าขยำปากแม่งน่าขยี้ฉิบ...หมื่นหนึ่งกูก็ยอมวะ”

    ท่ามกลางสายตาของบรรดาผู้ชายที่มองมาราวกับจะกลืนกินทั้งคู่ลงไปด้วยความหิวกระหายไม่ต่างไปจากกวางน้อยในหมู่เสือโหย

    “มาแย่งงานแย่งเงินพวกกูอีกแล้วอีพวกตอ... ทำทีมาเที่ยวพอเข้าไปเหอะป๋าคะป๋าขา อี....เอ้ย”

    แต่ก็ยังมีสายตาไม่น้อยที่มองมายังทั้งสองด้วยความอิจฉาริษยา สองมือกำยำต้นแขนกล้ามเป็นมัดๆผายออกด้วยความนอบน้อม ก่อนร่างบางโปร่งจะเดินเข้าไปภายในอาคารทันที ทั้งสองสาวคนหยุดยืนภายในร้านซึ่งไม่ต่างไปจากจุดชมวิวในอุทยาน ทั้งสองสาวมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งมองเป็นสิ่งสวยงามตื่นเต้น สนุกเร้าใจ ทุกสิ่งรอบตัวดุจสรวงสวรรค์ ส่วนอีกคนหนึ่งมองว่านี่คือเรื่องวุ่นวายเต็มไปด้วยอบายมุขสิ่งที่ทำให้ร่างกายและจิตใจทรุดและทรามลง ที่นี่คือนรกบนโลกก็ไม่ปาน

    “แกช่วยกันมองหาหน่อยสิดา....”

    น้อยหน่าสะกิดแขนเพื่อนรักให้ช่วยมองหาเจ้าของงานคืนนี้ แต่ดูเหมือนหญิงสาวหาได้สนใจคำพูดของอีกฝ่าย นั่นเพราะมือทั้งสองข้างกำลังสาระวนอยู่กับการปิดหน้าอกหน้าใจและส่วนสงวนพื้นที่เท่าฝ่ามืออยู่จนไม่มีเวลามองหาใครทั้งนั้น

    “ดาลิ๊ง....”

    เสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้นริมฝีปากอวบอมคล้ำของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่โน้มใบหน้าจนริมฝีปากของตัวเองประกบริมฝีปากอิ่มวาวของแฟนสาว ดวงตาคมเฉี่ยวเบิกกว้างออกด้วยความตกใจก่อนจะปรือลงเมื่อสัมผัสรสจูบอันหอมหวานเร่าร้อนของชายคนรักที่มอบให้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ฝ่ามือใหญ่ควานคลึงทั่วร่างบางโปร่งโดยไม่สนใจสายตาของใครต่อใครที่มอง

    “ทำไมมาช้าจังเลยล่ะครับดาลิ๊ง”

    “ขอโทษจ๊ะดาลิ๊งจ๋า พอดีเค้าแต่งตัวนานไปหน่อยเพราะกลัวว่าจะไม่สวยเดี๋ยวดาริ๊งขายหน้าเพื่อนๆ”

    น้อยหน่าจีบปากจีบคอทำเสียงอ่อนเสียงหวานแก้ตัวที่มาช้าหลังจากหล่อนโดนแฟนหนุ่มลูกครึ่งอเมริกันตำหนิ

    “อย่างนี้ต้องลงโทษที่มาช้ามาให้มาร์คหอมซะดีๆ”

    ชายหนุ่มลูกครึ่งที่เน้นไปทางฝรั่งตาน้ำข้าวมากกว่าจะเป็นหนุ่มไทยเพราะไม่ว่าจะเป็นผิวขาวจนตกกระ ดวงตาสีฟ้าหรือแม้กระทั่งเส้นผมยังเป็นบรอนทองโน้ม ริมฝีปากหยักหยาบบดบี้พวงแก้มของแฟนสาวอีกครั้งจนหล่อนคราง อือ ออกมาเบาๆ ขณะเพื่อนสาวซึ่งยืนอยู่ข้างๆได้แต่อายหน้าแดงก่ำงุดง้ำไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองภาพเพื่อนสาวที่กำลังเล่นบทรักกลางสาธารณะชน

    “อุ้ย...เกือบลืมไป  นี่เพื่อนน้อยหน่าค่ะชื่อญาดาแต่เรียกเธอดาเฉยๆก็ได้”

    น้อยหน้าเพิ่งคิดได้ว่าไม่ได้มาเพียงลำพังแต่เธอยังมีเพื่อนมาด้วย หล่อนรีบผละหน้าตาตัวเองออกแล้วชี้ไม้ชี้มือให้แฟนหนุ่มรู้จัก

    “สวัสดีค่ะ”

    ญาดาก้มหน้าเล็กน้อยเมื่อเพื่อนสาวเปิดตัว ดวงตากลมโตที่ขีดด้วยอายไลเนอร์จนเป็นเส้นขอบดำปลายหางเชิดขึ้นราวกับนางพญา เปลือกตาแต่งเติมด้วยอายเชโดว์สีเทา ม่านขนตางอนงามราวกับนกยูงรำแพนก็ไม่ปาน จมูกโด่งได้รูปริมฝีปากบางแดงดั่งกระจับชวนถวิล สรุปว่าเครื่องหน้าต่างๆที่วางอยู่บนใบหน้ารูปหัวใจนั้นช่างงดงามเกินกว่าที่จะหาสิ่งใดในใต้หล้ามาเปรียบได้ มาร์คได้แต่ยืนเบิกตาค้างตะลึงงันในความงามของญาดา และยิ่งมองเรือนร่างตั้งแต่ลำคอเนียน ไหล่ขาว หน้าอกอูม หน้าท้องแบนราบ และเนินนางที่เผยให้เห็นโหนกเนื้อแล้วยิ่งทำให้เขาน้ำลายแทบหยด

    “ไฮ...”

     เสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้นหลังเงียบหายไปนานชายหนุ่มลูกครึ่งโผเข้ากอดญาดาด้วยความกลัดมัน แต่ร่างสูงใหญ่ก็ต้องชะงักเมื่อข้อมือเรียวของน้อยหน้าฉุดรั้งเขาไว้ มาร์คได้แต่กลืนน้ำลายลงคอด้วยความเสียดายที่อดได้สัมผัสบุพชาติงาม ต่างจากหญิงสาวที่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเพราะเธอคิดว่าตัวเองคงถูกแฟนเพื่อนจอมหื่นลวนลามเป็นแน่  ญาดาดึงมือน้อยหน่าเดินห่างออกจากแฟนหนุ่มเพื่อปรึกษาอีกครั้ง

    “นี่น้อยหน่า...ฉันไม่เข้าไปไม่ได้เหรอ”

    “ไม่ได้...แกต้องเข้าไปนะดา แต่ถ้าใครรุ่มร่ามกับแกฉันจัดการเอง”

    น้อยหน่าให้คำมั่นเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงหนักแน่นหล่อนกำไม้กำมือขึงขังก่อนเธอจะจับมือเพื่อนสาวเดินฝ่าฝูงชนท่ามกลางสายตาแทะโลมของเหล่าบรรดาผู้ชายเข้าสู่งานวันเกิด

    “เต้นรำด้วยกันมั้ยครับ”

    “อย่าเลยดีกว่าค่ะฉันเต้นไม่เก่ง”

    ญาดานั่งตัวเกร็งบนโซฟาหนังสีดำ มือขวาถือแก้วทรงสูงน้ำสีแดงอำพันส่งกลิ่นหอมเย้ายวนนักดื่มแต่สำหรับเธอแล้วเหม็นเสียจนอยากอาเจียน หญิงสาวผู้อ่อนเดียงสาบอกปัดหนุ่มคนแล้วคนเล่าที่มาเชิญเธอเต้นรำหรือชนแก้วอย่างมิใยดี จนบางคนถึงกลับหน้าจ๋อยหรือไม่ก็ฮึดฮัดไม่พอใจหาว่าหยิ่ง

                                                                    ......................

    รามานั่งดื่มวิสกี้บนโซฟาหนังเข้ามุมไร้ซึ่งสาวคลอเคลียกายเหมือนทุกครั้ง ชายหนุ่มยกแก้วกลมแปดเหลี่ยมกระดกวิสกี้สีอำพันดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า จนใบหน้าขรึมเริ่มแดงปลั่งเพราะฤทธิ์สุราดวงตาคมเข้มปรือลงอย่างเห็นได้ชัด เสียงเพลงดังอึกทึกครึกโครมบรรดานักเที่ยวต่างพากันโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเสียงเพลง บรรดาโคโยตี้สวมบราเซียตัวจิ๋วแบบสายผูกคอซึ่งปกปิดได้เพียงยอดถันพร้อมปลดทุกเมื่อกับกางเกงในตัวน้อยนิดที่แทบปิดนาพื้นน้อยไว้ไม่มิด เพราะอีกไม่นานเงินมาผ้าพวกเธอคงได้หลุดเป็นแน่ พวกหล่อนต่างพากันงัดกระบวนท่าเด็ดของตัวเองออกมายั่วยวนเพื่อแรกทิปจากหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทั้งหลาย

    “น้องสามพันถอดเลย...”

    “เฮียให้หมื่นถอดทั้งบนทั้งล่างเลย”

    เสียงบรรดานักท่องราตรีทั้งหนุ่มน้อยหื่นกามหรือจะเป็นเสี่ยแก่ตัณหากลับต่างหยิบยื่นรางวัลเพื่อแลกกับการชื่นชมของสงวนโดยไม่สนใจสายตายใครที่มองมา ตรงกันข้ามการกระทำเหล่านั้นของพวกเขายังทำให้คิดว่าตัวเองเท่ห์เสียด้วยซ้ำ

    “ตู๊ดๆๆๆ”

    เสียงโทรศัพท์มือถือสัญลักษณ์แอปเปิ้ลดังขึ้นรามาหยิบออกมามองก่อนเขาจะถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายเมื่อเห็นตัวเลขสิบหลักโชว์หลาอยู่บนหน้าจอ แทนที่เขาจะกดปุ่มรับสายชายหนุ่มเลือกกดปุ่มตัดสายทิ้งแล้วยัดเข้ากระเป๋ากางเกงดังเดิม แต่ไม่ถึงนาทีเสียงเตือนก็ดังขึ้นอีกครั้ง รามายกแก้ววิสกี้กระดกอย่างหัวเสียเขาไม่ใยดีต่อเสียงเรียกเข้านั้นต่อไป

    “มันจะอะไรนักหนาเงินก็ให้แล้วทองก็ให้แล้วอยากได้อะไรก็ให้หมด ปลิงชัดๆ นี่เหรอความรัก ทุเรศสิ้นดี”

    รามาพึมพำในลำคอเมื่อเขานึกถึงดาราสาวด้วยความแค้นใจ เสียงสบถคำหยาบดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนอารมณ์โกรธที่สงบนิ่งมานานเริ่มขุ่นมัว ชายหนุ่มลุกขึ้นเอนไปเอนมาด้วยความเมาราวกับรถที่เสียศูนย์ ร่างสูงกำยำเดินสะเปะสะปะชนคนนั้นทีคนนี้ทีโดยเขาหาได้ใส่ใจสายตาของคนที่มองมาแม้แต่น้อย

                    “ชนแล้วยังไม่ยอมขอโทษอีกแม่งน่ากระทืบ..”

                    “อย่าถือคนเมาเลยว่ะ”

                    “เมาก็กลับบ้านไปนอนเลยไป”  เสียงกร่นด่าดังไล่หลังคนแล้วคนเล่า

                                                                                    ...........................

                    “นี่น้อยหน่าเดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

                    “อะไรนะ??ไม่ได้ยิน”

                    “ฉานบอกว่าจะไปห้องน้ำ”  ญาดาตะเบ็งสุดเสียงเมื่อน้อยหน่าทวนคำถาม

                    “ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย??”

                    “ไม่ต้องหรอก...ฉันไปได้...แกอยู่กับแฟนไปเถอะ”

                    ญาดาบอกน้อยหน่าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเธอจะคว้ากระเป๋าสะพายสีทองสุดหรูราคาแพงที่เพื่อนรักให้ยืมใช้  หญิงสาวเดินฝ่าบรรดานักท่องราตรีเพื่อตรงไปยังห้องน้ำ แต่!!แล้วร่างบางก็ต้องเซจนหลังกระแทกผนังอย่างจังเมื่อเธอถูกชายร่างสูงใหญ่ปะทะ

                    “โอ้ยยยย...”

    ความเจ็บปวดทางร่างกายมีหรือจะสู้ความเจ็บปวดทางใจได้เมื่อเธอเห็นคู่กรณีหนุ่มกำลังเดินจากไป ใบหน้านวลขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธทันที น้ำเสียงขุ่นมัวดังลั่นทางเดินหน้าห้องน้ำจนบรรดาชายหญิงที่ยืนต่อแถวนั้นต่างพากันหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน

    “นี่คุณชนแล้วไม่คิดขอโทษบ้างเลยเหรอ”

    ญาดาตวาดแว๊ดอย่างไม่กลัวเกรงทั้งที่ชายหนุ่มคู่กรณีสูงกว่าเธอเป็นฟุต ราวกับหนูที่คิดต่อการกับหมีก็ว่าได้ แววตาขึงของเธอจ้องมองอย่างเอาเรื่อง สองมือกำหมัดแน่นหมายสู้สุดใจหากมีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจเธอก็นึกหวั่นๆหากเขาเป็นพวกชอบนุ่งผ้าถุงแม่

    “มีอะไรเหรอคุณ...เอื้อกกกก”

    รามาถามพร้อมเลอออกมาเอื้อกใหญ่จนคู่กรณีสาวต้องยกมือปิดจมูกเพราะกลิ่นละมุดที่โชยออกมาจากปากชายหนุ่ม

    “แหวะ...ขี้เมานี่หว่า”  ญาดาพึมพาในลำคอเบาๆเมื่อเธอสังเกตพฤติกรรมของคู่กรณีที่ตาปรือจะยืนก็ยืนแทบไม่ไหวโอนไปเอนมาจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่

    “คุณเดินชนฉัน....”  ญาดาตอบด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก

    “อ๋อ...นึกว่าเรื่องอะไร  แล้วคุณต้องการเท่าไหร่ล่ะ”

    น้ำเสียงยานเป็นหนังแผ่นสะดุดดังขึ้น มือทั้งสองข้างของเขายกขยี้ตาเพื่อรับภาพเบลอให้ชัด รามายื่นหน้าเข้าไปใกล้ญาดาเขาพลางหรี่ตาลง ราวกับโฟกัสภาพให้ชัดจนหญิงสาวคู่กรณีต้องรีบยกมือปิดหน้าอกอูมโดยไว ภาพที่เห็นคือหญิงสาวร่างบางสูงร้อยหกสิบเศษใบหน้าเนียนขาว คิ้วขอดโค้งเป็นคันศรธนู จมูกโด่งเป็นสัน พวงแก้มอวบอิ่มแดงปลั่งราวกับผลมะเขือเทศสุกงอม ริมฝีปากบางรูปกระจับ  แต่สิ่งที่เรียกความสนใจมากกว่าใบหน้าสวยของเธอนั้นคงเป็นชุดที่เธอสวมใส่ กระโปรงเดรทเกาะอกสีทองสั้นจู๋เผยให้เห็นต้นขาเนียนขาวเนื้อผ้ารัดร่างจนเผยให้เห็นสัดส่วนของร่างกายไม่ว่าจะเป็นหน้าอกอวบอูมคัพบี เอวบางขอดกิ่วส่วนเอวถูกคว้านออกจนเผยให้เห็นผิวกายขาวผ่อง เนินเนื้อโหนกนูนอันน่าเค้นคลึงต้นขาเรียวขาวราวสำลี ชายหนุ่มมองคู่กรณีสาวด้วยสายตาแทะโลม ลิ้นหยาบนุ่มชายหนุ่มเลียริมฝีปากหยักราวกับว่าเช็ดน้ำลายที่กำลังหกให้หายไป

    “นึกว่าใคร...ที่แท้ก็คุณตัว”

    คำตอบของรามาทำให้ญาดาควันแทบออกหู ความเจ็บกายหายเป็นปลิดทิ้งความเจ็บใจที่เกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นหญิงถูกย่ำยีเข้ามาแทนที่

    “มันจะมากไปแล้วนะเดินชนฉันแล้วยังมากล่าวหาเป็นผู้หญิงอย่างว่าอีก”

    ญาดาตวาดลั่นด้วยความโกรธจนคนทั้งร้านหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน เสียงโจทย์จัณฑ์เริ่มดังขึ้นเกี่ยวกับคู่วิวาท

    “อย่ามีเรื่องกันครับ...ดีเจขอร้อง...ผมว่าเรามาสนุกกันต่อดีกว่าครับ”

    เสียงดีเจพูดออกไมค์เพื่อให้สถานการณ์ต่างๆคลี่คลายแต่เหมือนไร้ผลเมื่อเสือสาวยังแยกเขี้ยวยิงฟันใส่สิงห์หนุ่มอยู่โดยมิกลัวเกรง

    “ถ้าไม่ใช่คุณตัวแล้วจะให้ผมมองว่าคุณเป็นอะไร แต่งตัวออกจะยั่วเสียขนาดนี้ อ้อสงสัยชอบมายืนอ่อยเหยื่อหน้าห้องน้ำ ถ้าตกลงราคากันได้คง....กันในห้องน้ำเลยสินะ”

    “เพี๊ยะ...มันจะมากไปแล้วนะ หน้าตาก็ดีการแต่งตัวก็ดีดูเป็นคนมีฐานะมีชาติตระกูลสูงแต่ไม่น่าเชื่อว่านิสัยสันดานจะต่ำถ้อยได้ถึงเพียงนี้ พ่อไม่ได้สอนให้เกียรติเพศแม่หรือไง”

    เสียงฝ่ามือบางกระทบใบหน้าคู่กรณีหนุ่มอย่างแรง รามาค่อยๆหันหน้ากลับมาอย่างช้าๆเขาใช้ปลายนิ้วชี้เกลี่ยมุมปากของตัวเองเพราะมีน้ำสีแดงขุ่นไหลซึมออกมา  แววตาเหี้ยมฉายประกายทันทีเขาจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง กรามขบดังกรอดๆด้วยความโกรธเสียงหายใจฟึดฟัดดังขึ้นท่ามกลางไทยมุงที่ได้แต่ยืนดูห่างๆ

    “ได้...เธอบอกว่าฉันชนแล้วไม่ขอโทษ ถ้าอย่างนั้นฉันยอมขอโทษเธอก็ได้แต่...”

    ร่างสูงกำยำเดินย่างสามขุมเข้าหาร่างบางซึ่งยืนใจดีสู้เสือ และเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อฝ่ามือหนายื่นสอดล้วงใต้ชายกระโปรงคู่กรณีสาวฝีปากกล้า รอยยิ้มมุมปากยกขึ้นราวกับผู้มีชัยขณะ อีกฝ่ายได้แต่ตะลึงงันในสิ่งที่เกิดขึ้น ดวงตากลมโตเบิกค้างกว้างออก ริมฝีปากบางเผยอขึ้นราวกับว่าวิญญาณของตัวเองหลุดออกจากร่างก็ว่าได้

    “ไม่เห็นมีส่วนไหนสึกหรอหรือบุบสลาย ทุกส่วนก็ยังคงสมบูรณ์ดี แล้วอย่างนี้เธอจะให้ฉันเคลมตรงไหนเพราะฉันจะได้ให้ประกันจ่ายได้ตรงจุด”

    น้ำเสียงเย้ยหยันดังขึ้นท่ามกลางไทยมุงที่พากันตกตะลึงในการกระทำของชายหนุ่ม รามาล้วงกระเป๋าเงินสีน้ำตาลออกมา เขาหยิบธนบัตรใบละพันนับสิบๆใบ โบกสะบัดไปมาในอากาศเพื่อแสดงถึงฐานะของตนเอง

    “พรึบ....เพี๊ยะ” ฝ่ามือของญาดาที่ปัดธนบัตรใบละพันนับสิบใบในมือของรามาจนกระจายเกลื่อนอากาศท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองมาด้วยความตกใจ จากนั้นมืออีกข้างหนึ่งของหญิงสาวก็ไม่รอช้าเธอจัดการฟาดมันลงบนใบหน้าเข้มของคู่กรณีหนุ่มอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้มันแรงกว่าครั้งแรกเป็นร้อยเท่าพันเท่า

                    “ต่ำ...ถ่อย...ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ...เลว....”

                    เสียงด่ากราดขาดหายไปเมื่อริมฝีปากหยักของคู่กรณีหนุ่มประกบปากของเธอแน่น ชายหนุ่มล่วงล้ำสัมผัสความหวานของหญิงสาว ริมฝีปากหยักบดบี้ขยี้จนริมฝีปากบางช้ำก่อนเขาจะผละออกจากหน้าสวย

                    “ฮ่าๆๆเป็นยังไงล่ะฉันเคลมให้แล้วพอใจมั้ย”

                    รามาหัวเราะร่าอย่างผู้มีชัย เขาใช้ปลายนิ้วเช็ดริมฝีปากของตัวเองเป็นการเย้ยหยันฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องหยุดเสียงหัวเราะลงเมื่อเขาเห็นหยาดน้ำใสไหลอาบสองพวงแก้มดั่งธาราแห่งความโศกที่ไหลบ่าลงมา เสียงสะอื้นฮักดังขึ้นในลำคอมือเล็กยกป้องริมฝีปากบาง บัดนี้ความแข็งแกร่งถูกพังทลายราวกับกำแพงดินที่ไม่อาจต้านทานต่อสายน้ำอันเชี่ยวกรากได้ ดวงตาคลอเคลือบไปด้วยม่านน้ำใสๆมองไปรอบตัว ร่างกายบัดนี้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้กระทั่งจะหายใจ ความอับอายขายหน้าแทรกซึมผ่านทุกอณูตรงสู่หัวใจเธออย่างจัง สายตาและเสียงกระซิบกระซาบของบรรดานักเที่ยวเริ่มดังก้องในโสตประสาต

                    “เมื่อกี้ผู้หญิงคนนั้นโดนจูบใช่มั้ยเธอ”

                    “ใช่โดนเต็มๆเลยล่ะ”

                    “เห็นว่าถูกล้วง....ตรงนั้นด้วยนี่นา”

                    “จริงเหรอ...”

                    เสียงพูดคุยดังขึ้นเกินกว่าหญิงสาวตัวเล็กๆคนหนึ่งจะทนรับได้ต่อไปแล้ว เธอหันหลังวิ่งฝ่าฝูงชนออกไปด้วยความอับอายและเสียใจ น้ำตาที่พรั่งพรูออกมาราวกับฝนห่าใหญ่ที่กระหน่ำเทลงมา

                    “ฮืออออ....ไม่ไหวแล้ว”

                    ญาดาร้องไห้โฮวิ่งออกจากผับ หญิงสาวอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด เธอยืนโบกรถแท็กซี่ด้วยหัวใจอันสั่นไหว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูก.....

                                                                                    ......................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×