คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เพราะรักจึงยอม
เสียงอึกทึกครึกโครมดังลั่นอาคารหลังจากหญิงวัยใกล้เกษียนเดินออกจากห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบราวกับอัฒจรรย์นั่งชมฟุตบอล บรรดาชายหนุ่มหญิงสาวในชุดเสื้อขาวกระโปรงดำกางเกงดำต่างวิ่งกรูลงมาราวกับมดแตกรัง สีหน้าของแต่ละคนบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามีความสุขเพียงใดเมื่อหญิงแก่คนดังกล่าวเดินลับหายไปกับมุมตึกตัวอาคาร
“น่าเบื่อเป็นบ้าเลยว่ะจะบ่นอะไรนักหนาเนี่ย??ตกลงว่าเรามาเรียนหรือว่ามาฟังเสียงแกบ่นกันแน่”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิอธิป ท่านบ่นก็เพราะท่านอยากให้เราได้ดี”
หญิงสาวหน้าตาแฉล่มแช่มช้อยทัดทานขึ้นทำให้นิสิตหนุ่มที่กำลังหงุดหงิดงุ่นง่านต้องสงบปากสงบคำแต่โดยดี ก่อนเธอจะยิ้มหวานพริมใจราวกับว่านี่คือรางวัลสำหรับการเชื่อฟังในครั้งนี้
“เอ้อ...รินาดาวันนี้เราไปดูหนังด้วยกันนะ”
“เอ่อ...มันจะดีเหรอ เรายังไม่ได้โทรบอกพ่อบอกแม่เลยนะ”
รินาดานิสิตสาวคณะกฎหมายระหว่างประเทศออกอาการระล่ำละลักเมื่ออธิปซึ่งเป็นนิสิตหนุ่มคณะเดียวกันเอ่ยปากชวน ก่อนใบหน้าหวานพริ้มพริมใจจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเมื่ออุ้งมือเล็กทั้งสองถูกบีบกุมไว้แน่น หัวใจของเธอเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเมื่อจ้องมองใบหน้าคมเข้มของบุรุษหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเดือนมหาลัย ทั้งที่ทั้งคู่ก็เป็นแฟนกันมาเกือบขวบปีแล้วก็ตามที
“นะนะ...บอกท่านว่าดาต้องไปทำโปรเจคบ้านเพื่อน...”
อธิปเสนอแนะความคิด
“ก็ได้...เดี๋ยวดาขอตัวก่อนนะ....”
รินาดาเลี่ยงออกมาก่อนมือเล็กๆจะควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายใบใหญ่ หญิงสาวจ้องมองหน้าจอที่โชว์หมายเลขปลายทางด้วยความกังวลใจ ก่อนเธอจะสะดุ้งเฮือกเมื่ออธิปยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของเขา
“โทรสิดา...เดี๋ยวดึกนะ”
“จ้ะ...”
รินาดายิ้มรับก่อนปลายนิ้วจะกดปุ่มโทรออก เสียงรอสายดังขึ้นทำให้เธอเผลอกลั้นหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า หัวใจของหญิงสาวในตอนนี้เต้นระรัวเสียยิ่งกว่าฝีเท้าม้าแข่งเสียอีก
“ฮัล....มีอะไรเหรอลูก”
เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้รินาดาอึ้งงัน เพราะต้นเสียงนั้นคือพลเอก ธรรมยุทธ ศาสตรากัมปนาท ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบัน ผู้กุมอำนาจกำลังพลทั้งหมดอยู่ในมือชายผู้หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี รักเกียรติและครอบครัวรวมถึงประเทศชาติยิ่งกว่าสิ่งใด ลองใครไปทำร้ายหรือทำลายเกียรติภูมิอันเป็นที่รักและหวงแหนของแกดูสิรับรองไม่ได้เผาผีเป็นแน่ แต่นอกเหนือจากสิ่งเหล่านั้น ท่านคือพ่อที่รักและหวงลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใด
“คุณพ่อเหรอคะ....วันนี้ไม่ต้องให้พลขับมารับดาหรอกนะคะ ดาจะไปทำรายงานบ้านเพื่อน”
“อ้าว!!!ทำไมไม่ให้พลขับไปคอยรับใช้ละลูก...พ่อเป็นห่วงหนูนะ”
น้ำเสียงเน้นหนักดังขึ้นบ่งบอกถึงความรู้สึกได้เป็นอย่างดี จนทำให้รินาดาละล่ำละลักหันมามองหน้าอธิปที่ยืนลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ
“เดี๋ยวเพื่อนไปส่งค่ะ....อย่าลำบากเลยค่ะ แค่นี้นะคะคุณพ่อ ดาต้องไปแล้ว”
รินาดากดวางสายอย่างรวดเร็วทั้งที่ปลายทางยังไม่ทันจบบทสนทนา หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความรู้สึกโล่งอก ก่อนเธอจะระบายยิ้มบางๆออกมา
“ตอนเย็นเดี๋ยวธิปมารับนะจ๊ะ...ดาต้องแต่งตัวให้สวยนะ”
“จ้ะ...”
รินาดาพยักหน้าพร้อมริมฝีปากที่ฉีกกว้างออกเล็กน้อย แต่ในใจเธอก็ยังมิวายหวาดหวั่นต่อการกระทำครั้งนี้ของตัวเอง ที่กล้าฝืนกฎระเบียบของผู้เป็นพ่อที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับเรื่องรักในวัยเรียน หญิงสาวหันหลังเดินจากไปพร้อมเพื่อนสาวสามคนที่พากันจูงไม้จูงมือเธอ
............................
“เห้ย...จะครบปีแล้วนะมึง...ตกลงมึงจะเก็บยัยดาวมหาลัยนั้นไว้ทำแม่พันธ์หรือไงวะ”
“ไม่หรอก...กูไม่ชอบพวกหงิมๆทำตัวเป็นลูกแหง่ไม่รู้จักโตเสียที”
อธิปหันไปตอบเพื่อนร่วมคณะสามสี่คนที่พากันส่งเสียงแซวดังเอ็ดตะโล นัยน์ตาชายหนุ่มฉายประกายหวาดหวั่นออกมาเมื่อเห็นหญิงสาวที่ต้องเข้ามาเป็นเหยื่อในการพนันครั้งนี้โดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มสลัดแขนเพื่อนร่วมก๊วนที่โอบต้นคอเขาไว้ก่อนเดินจากไปอย่างหัวเสีย
“เราจะทำยังไงดีนะ...จะทำหรือไม่ทำดี...”
อธิปพึมพำในลำคออยู่คนเดียวก่อนปลายนิ้วจะกดปุ่มสตาร์ตรงพวงมาลัย เพียงเท่านั้นเสียงเครื่องยนต์Ferrari รุ่น
“ฉันอยากนั่งรถคันนั้นจัง...”
“แกก็ไปตายแล้วเกิดใหม่สิ...เผื่อจะได้เป็นลูกคุณหญิงคุณนายเหมือนเขาบ้าง”
บรรดานิสิตทั้งชายหญิงต่างจับกลุ่มสุมหัวนินทาเกี่ยวกับเพื่อนร่วมสถาบันที่เกิดมาบนกองเงินกองทองมิหนำซ้ำพ่อยังเป็นถึงนายกรัฐมนตรีอีก ทุกคนมองรถสปอร์ตราคาหลายสิบล้านแล่นผ่านประตูมหาลัยไปด้วยความรู้สึกอิจฉาในโชคชะตาที่ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้เกิดมาราวกับเจ้าชาย
“กลับมาแล้วเหรอลูก...”
“ครับ...แต่วันนี้ผมต้องไป...”
“จ้า...แม่รู้ดีว่าลูกจะไปไหน จัดการยัยนั่นให้หงอเป็นลูกแมวเชื่องๆไปเลยนะ เผื่อเราจะได้เอาไปต่อรองกับพ่อของมันได้บ้าง เพราะช่วงนี้ข่าวกระแสการปฏิวัติมันกำลังมาแรงอยู่ แม่กลัวคุณพ่อจะโดนโค่นน่ะสิคุณลูกขา”
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะทำให้ยัยนั่นกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ และที่สำคัญไม่ต้องไปจ้างเพื่อนผมคนไหนให้มาล้อผมอีกแล้วนะครับ เพราะผมเบื่อจะต้องมาทนฟัง
อธิปเน้นน้ำเสียงที่แสดงออกถึงอารมณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี จนคุณหญิงพจนี ชินวงศ์ต้องสงบปากสงบคำเพราะทุกสิ่งที่ลูกชายพูดมานั้นล้วนเป็นความจริงทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างเพื่อนฝูงซึ่งเป็นลูกนักการเมืองด้วยกันให้ทำทีเป็นเล่นพนันเรื่องฟันหญิง โดยเฉพาะเป้าหมายคือลูกสาวนายทหารซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกแล้วด้วยจึงทำให้เขาหลงกลเดินตามแผนโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็กลายเป็นหมากตัวหนึ่งในกระดานของคุณนายจอมวางแผนไปเสียแล้ว
“ผมขอตัวไปแต่งตัวก่อนนะครับคุณแม่...แต่ผมอยากบอกไว้นะครับ ลาภ ยศ เราไม่ควรยึดติดเพราะเมื่อใดที่เราตายไปสิ่งเหล่านี้เราเอาติดตัวไปไม่ได้”
“สาธุ...คุณแม่จะจดจำไว้นะคุณลูกขา”
คุณหญิงพจนีทำท่ายกมือสาธุท้วมหัวเมื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนฝีปากกล้าริอาจจะมาสอนท่าน แต่คุณหญิงภริยานายกก็ต้องยอมลูกชายเพราะครั้งนี้ถ้าไม่ได้ความร่วมมือของอธิปมีหวังบรรดาพรรคร่วมคงได้อกสั่นขวัญแขวนกับข่าวการปฏิวัติเป็นแน่ อธิปใช้เวลาอยู่กับการแต่งตัวไม่นานเขาเดินลงจากบันไดหินอ่อนที่ทอดตัววนลงสู่ชั้นล่างของคฤหาสน์หลังโต
“อย่าลืมจัดการคุณหนูลูกสาวนายพลซะล่ะ”
“ไม่ต้องบอกผมก็รู้ครับว่าต้องทำอย่างไร”
อธิปหันไปตอบคุณหญิงแม่ก่อนจะเดินตรงไปยังโรงจอดรถก่อนเขาจะหยุดยืนแล้วมองออกไปเบื้องหน้าซึ่งเต็มไปด้วยรถหรูยี่ห้อต่างๆมากมายหลายสิบคัน ก่อนเขาจะยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นMercedes Benz SLR McLaren สีบรอน เป็นมันวาวจอดอยู่
“บรื้นๆๆ”
เสียงเครื่องยนต์เจ้าของฉายาศรสีเงินดังขึ้นก่อนหลังคาไฮโดรริคจะยกตัวแล้วจัดการหลบซ่อนหลังกระโปรงรถ แล้วล้อทั้งสี่ก็จัดการเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ แต่แค่เพียงปลายนิ้วสัมผัสโดนปุ่มเกียร์เดินหน้าเท่านั้นมันก็ทะยานแหวกอากาศออกไปอย่างรวดเร็ว เขาขับลัดเลาะไปตามเส้นทางเกษตร-นวมินทร์ แสงสียามค่ำคืนของถนนเส้นนี้ช่างงดงามเสียเหลือเกิน ผับบาร์มากมายเปิดหยอกยั้วยั่วยวนให้ผู้คนเข้าไปเสียเงินเพื่อตักตวงความสุขก่อนลูกนายกจะหมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าผับแห่งหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดของย่านนี้และมีชื่อเสียงที่สุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความโอ่อ่าอลังการงานสร้าง หรือจะเป็นเรื่องของบรรดาพนักงานสาวสวยทั้งหลายล้วนแต่ขึ้นชื่อแทบทั้งสิ้น เพียงแค่รถหรูจอดนิ่งบรรดาสายตาของผู้คนมากมายก็จับจ้องมายังชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งก้าวลงจากรถหรู สองมือแกร่งกระชับเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่ตอนนี้ถูกพับจนถึงข้อศอกไว้แน่น กระดุมเสื้อเม็ดแรกถูกปลดออกจนเผยให้เห็นแผ่นอกกำยำเต็มไปด้วยไรขนสีน้ำตาลอ่อน
“สวัสดีครับคุณอธิป...”
ชายร่างท้วมวัยกลางคนวิ่งตาลีตาเหลือกมาพร้อมกับบอร์ดี้การ์ดร่างสูงใหญ่อย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นอธิปก้าวลงจากรถสปอร์ตสุดหรู
“เพื่อนๆของผมมายัง...”
“มาแล้วครับคุณอธิป....แล้วคุณอธิปต้องการอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ”
“ไม่ล่ะ...เดี๋ยวขาดเหลืออะไรผมจะบอกเอง ขอแค่คุณคอยดูแลอย่าให้ใครเข้ามายุ่งงานนี้ก็พอ ผมไม่ชอบคนมาวุ่นวายเสียด้วยสิ”
“ได้ครับๆเดี๋ยวผมจะจัดคนไปคอยดูแลสถานที่รับรองไว้เลย แม้แต่ยุงสักตัวก็จะไม่ไปกวนใจคุณอธิปเป็นแน่”
ผู้จัดการผับก้มหัวน้อมรับคำสั่งอย่างแข็งขัน ก่อนเสียงระบายลมหายใจเฮือกใหญ่จะดังขึ้นเมื่อลูกผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองเดินลับหลังเขาไป
“พวกเอ็งสองคนไปคอยดูแลสถานที่ส่วนจัดเลี้ยงของคุณอธิปให้ดี อย่าให้พวกสอใส่เกือกเข้าไปยุ่งเข้าใจมั้ย”
“ครับผู้จัดการ...พวกผมจะดูแลรักษาพื้นที่ไว้ยิ่งชีพครับ”
บอร์ดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองตบปากรับคำก่อนวิ่งกลับเข้าไปในผับอย่างรวดเร็วเพื่อทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย อธิปเดินเข้าสู่ด้านในสถานที่อโคจรแล้วสาดส่องสายตาไปโดยรอบเพื่อหากลุ่มเพื่อนๆ แสงไฟหลากสีส่องวูบวาบสว่างตา เสียงเพลงดนตรีแนวฮิพฮ๊อฟดังลั่นสลับสับเสียงดีเจย์หนุ่มจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ว่าเนื้อหาสื่อถึงอะไร ก่อนลูกชายท่านนายกจะหันไปทางซ้ายสุดของร้าน รอยยิ้มบางก็ฉีกกว้างออกก่อนเขาจะเดินไป
“ขอโทษที่ทำให้รอ...ขอโทษนะดา...รอธิปนานมั้ย”
“ไม่จ้ะ...แต่ไหนธิปบอกว่าจัดงานที่บ้านเพื่อนไม่ใช่เหรอ...แล้วทำไมถึงเป็นที่นี่ล่ะ”
“เอ่อ....คือว่าบ้านเพื่อนแม่มันก็จัดงานเลี้ยงสังสรรค์เหมือนกันน่ะจ้ะ มันก็เลยเปลี่ยนเป็นที่นี่จริงมั้ยไอ้วัชร”
อธิปรีบโบ้ยความผิดไปทางวัชรลูกชายอธิบดีกระทรวงศึกษาธิการทันที จนอีกฝ่ายต้องรีบพยักเพยิดรับมุขแทบไม่ทัน
“เห็นมั้ยล่ะ...แต่ถ้าดาไม่สบายใจ ธิปกลับก็ได้นะ”
อธิปทำท่าจูงมือรินาดาเดินออกจากผับแต่ก็ถูกหญิงสาวชะงักเท้าไว้แต่ยิ้มเจื่อนๆออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกธิป ดานั่งได้”
รินาดาฝืนความรู้สึกตัวเองตอบออกไปเพื่อให้แฟนหนุ่มสบายใจ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วหากคุณพ่อหรือคุณแม่มาพบเขาในสภาพอย่างนี้มีหวังได้ขึ้นศาลทหารเป็นแน่ ลูกสาวท่านนายพลค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาร์เข้ามุมสีแดงสุดนุ่ม สายตาเธอกวาดมองไปรอบๆสถานที่ด้วยความแปลกหูแปลกตา สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็คงเกิดจากการเลี้ยงดูตามแบบฉบับนายทหารที่เคร่งครัดต้องการให้มีระเบียบวินัย ดังนั้นเธอจึงเป็นหญิงสาวที่อ่อนต่อโลกด้อยประสบการณ์ไม่เหมือนลูกนักการเมืองที่ต้องประจบประแจงตามพ่อตามแม่เข้าสังคมเก่ง
“ดื่มหน่อยมั้ยดา...”
“ไม่ล่ะธิป...เราไม่ดื่มแอลกอฮอล”
“แอลกอฮอลที่ไหนกัน นี่มันแค่พั้นซ์ไม่เมาหรอก”
อธิปยื่นแก้วทรงสูงที่ใส่น้ำสีฟ้าอำพันขอบแก้วถูกประดับด้วยมะนาวฝานเป็นแว่นบางๆพร้อมร่มตัวเล็กเพื่อตกแต่งให้แลดูน่าดื่ม รินาดาปฏิเสธทันทีเมื่อชายหนุ่มส่งให้แต่แล้วเธอก็ต้องรับมาแล้วกลั้นใจดื่มจนหมดแก้วเมื่อเห็นสายตาเว้าวอนคู่นั้นของเขา ใบหน้านวลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเมื่อแก้วแล้วแก้วเล่าผ่านลำคอเนียนขาว ดวงตากลมปรือลงอย่างเห็นได้เมื่อกระแสเลือดในตอนนี้มีความเข้มข้นของแอลกอฮอลเจือปน อธิปยิ้มมุมปากด้วยความพอใจเพราะบัดนี้ทุกอย่างได้เป็นไปตามแผนการที่เขาวางไว้แล้ว เช่นเดียวกับเพื่อนๆร่วมก๊วนที่หันมามองเขาแล้วพากันส่งเสียงหัวเราะคิกคัก
“จัดการเลยนะเว้ย...ไม่งั้นพ่อนายไม่ได้อยู่ในประเทศแน่”
“เออๆรู้แล้ว....ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนล่ะ”
“ขอให้มีความสุขนะเพื่อน...ถึงสวรรค์ชั้นไหนบอกด้วย แต่ทางที่ดีถ่ายคลิปมาให้ดูยิ่งชอบ”
“เกินไปแล้วพวกนายน่ะ...”
อธิปหันไปมองตาขวางใส่เพื่อนๆร่วมก๊วนที่พากันส่งเสียงแซวเกินงาม ก่อนเขาจะหันกลับไปมองรินาดาที่นั่งคอพับคออ่อนอยู่บนเก้าอี้
“กลับบ้านกันเถอะดา...เธอเมามากแล้ว”
“อารายเหรอ...ดายังไม่มาวนะ เอิ้ก...ดื่มต่อได้”
รินาดาโบกไม้โบกมือปฏิเสธแต่ดวงตาและคำพูดของเธอมันฟ้องได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เธอเมาจนแทบไม่มีสติแล้ว อธิปจัดการช้อนร่างบางขึ้นจนหญิงสาวผวากอดคอเขาด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอแดงก่ำเป็นผลตำลึงสุกเลือดในกายสูบฉีดทำให้เธอร้อนรุ่มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอได้แต่มองหน้าคมเข้มของเขาด้วยหัวใจที่เต้นโครมครามเสียยิ่งกว่าเสียงเพลงในผับ เสียงหายใจหอบถี่ตลอดเวลาที่เขาทำหน้าเขม็งเคร่งเครียดอุ้มร่างเธอเดินผ่าฝูงชนนับร้อยนับพันโยกย้ายส่ายสะโพกเริงร่าอย่างมีความสุข
“เปิดประตูรถให้ฉันหน่อย”
“ครับๆ...”
ผู้จัดการผับรีบเปิดประตูรถรถเบ๊นซ์สปอร์ตอย่างรวดเร็ว สายตาผู้จัดการหนุ่มอดแสดงออกถึงความรู้สึกแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมอธิปถึงได้กลับไว้ขนาดนี้ เพราะปกติแล้วเขาต้องอยู่จนผับปิดถึงกลับพร้อมกับหิ้วสาวติดมือไปด้วยเสมอ แต่ที่น่าแปลกใจไปว่านั้นคือหญิงสาวที่แต่งตัวคุณหนู้คุณหนูคนนี้คือใครกันนะคงไม่ใช่โคโยตี้ทางร้านหรือเด็กใจแตกทั่วไปเป็นแน่
“นี่ทิป...”
“ขอบคุณมากครับ...ขับรถดีๆนะครับคุณอธิป”
ผู้จัดการหนุ่มยกมือไหว้ครั้งแล้วครั้งครั้งเล่าเมื่ออธิปยื่นธนบัตรใบสีเทาให้ ก่อนเขาจะยกกระดาษมากราคาขึ้นชื่นชมด้วยความสุขใจเมื่อรถสปอร์ตหรูแล่นจากไป
อธิปขับรถด้วยหัวใจเต้นรัว สายตาคมจ้องมองทางสลับกับใบหน้าสาวสวยที่นอนหลับตาพริ้มข้างๆเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แม้นเธอจะไม่เขียนอายไลเนอร์ไม่ใส่ขนตาปลอมหรือแต่งแต้มลิปสติคสีสันบาดตาก็ทำให้เขารักเธออย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน รินาดาเป็นสาวสวยใสซื่อหรือที่ใครอื่นมักเรียกว่าคุณหนูแต่สำหรับอธิปแล้วเธอคือดอกไม้สีขาวน่าบูชาควรค่าแก่การถนุถนอมรักษาไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาฟันมาคนแล้วคนเล่า
“จะกลับบ้านเลยมั้ยดา??”
“ไม่อาว...ดายังไม่อยากกลับขืนกลับไปตอนนี้มีหวังพ่อตีดาตายแน่เลย”
“ฮ่าๆ ไม่หรอก ดาโตจนป่านนี้แล้วคุณลุงคงไม่ตีดาแล้วมั้ง”
อธิปหัวเราะร่า เขามีความสุขเสมอยามเมื่อได้อยู่ใกล้เธอทั้งๆที่มันเป็นแผนการของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการให้ได้ลูกสาวผู้บัญชาการทหารบกมาดองร่วมกันเพื่อเสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคงไม่ต้องกลัวการปฏิวัติว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วเกลี่ยปอยผมที่ปกหน้าเนียนใสออก จนเผยให้เห็นริมฝีปากบางซึ่งถูกแต่งแต้มด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อน พวงแก้มสุกปลั่งถูกทาทับด้วยรองพื้นบางๆ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆช่างปลุกความเป็นชายในตัวเขาได้อย่างดีแท้ อธิปเร่งเครื่องให้แรงขึ้นเพื่อจะได้ถึงจุดหมายปลายทางวิมานฉิมพลี รถสปอร์ตแล่นแผ่นถนนที่เต็มไปด้วยรถราแม้เป็นเวลายามค่ำคืนก็ตาม นี่แหละคือกรุงเทพเมืองที่ไม่เคยหลับใหล ปลายเท้าค่อยๆผ่อนคันเร่งลงเมื่อรถแล่นเข้าสู่คอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขาดับเครื่องยนต์แล้วจ้องมองใบหน้าเนียนของแฟนสาวอีกครั้งราวกับชั่งใจว่าสิ่งที่กำลังทำนั้นผิดหรือถูก แต่เมื่อคำสั่งของแม่คำขอร้องของพ่อดังขึ้นในโสตประสาทของเขาแล้วก็ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจได้ทันที
“ต้องการให้ช่วยมั้ยครับคุณอธิป...”
“ไม่ล่ะ...ผมจัดการเองได้”
อธิปบอกปัดความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนุ่มที่ยืนคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง ก่อนเขาจะเดินเข้าสู่ตัวอาคารที่พักราคาแพงลิบ ตลอดระยะเวลาแห่งการรอคอยเขาจ้องมองใบหน้านวลในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกผิดและเสน่หาระคนไป แต่เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกความคิดต่างก็ต้องวูบดับไปในทันที ชายหนุ่มอุ้มร่างบางระหงเดินสุดทางเดินซึ่งเป็นห้องพักขนาดใหญ่ถูกตกแต่งเป็นพิเศษสำหรับคนพิเศษอย่างเขาเท่านั้น อธิปใช้ไหล่ผลักประตูให้เปิดออกก่อนจะใช้เท้าเขียปิดมัน เขาอุ้มร่างบางตรงสู่ห้องนอนก่อนจะค่อยๆวางหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้มลงบนเตียงหนานุ่มขนาดคิงไซส์อย่างแผ่วเบาด้วยความรู้สึกระเหี่ยใจ
“เฮ้อ...จะเอายังไงดีนะ...ขืนปล่อยไปมีหวังคุณแม่ได้ฆ่าตายเป็นแน่...เอาวะ..เป็นไงเป็นกัน”
อธิปลุกขึ้นเดินไปหยิบเบียร์นอกยี่ห้อดังขึ้นมากระดกพรวดเดียวราวกับว่าน้ำเมานี้คือดีหมีก็ว่าได้ เพียงชั่วอึดใจใบหน้าคมเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำโลกทั้งใบหมุนติ้วๆจนทำให้เสียการทรงตัว ชายหนุ่มเดินเข้าหารินาดาด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้หมดสิ้นไป เขาปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดๆจนหมดแล้วถอดมันออกจนเผยให้เห็นความกำยำของกล้ามเนื้อแผ่นอกและแผ่นท้อง
“ฉันขอโทษนะรินาดา...”
อธิปกระซิบข้างหูรินาดาอย่างแผ่วเบาก่อนริมฝีปากหยักหยาบจะซุกไซ้ลงบนต้นคอเนียนขาวทันที หญิงสาวที่นอนนิ่งเพราะฤทธิ์เมรัยถึงกับสะดุ้งตื่นเธอปรือตามองการกระทำของชายหนุ่มด้วยความสงสัย
“จะทำอะไรน่ะอธิป??”
“ผมรักคุณนะดา...”
“อย่านะ...อย่าทำอย่างนี้”
รินาดาร้องห้ามสองแขนเล็กๆพยายามออกแรงปัดป้ายจ้าล่ะหวั่นแต่ไม่เป็นผล ตรงกันข้ามมันกลับทำให้เลือดในกายชายหนุ่มสูบฉีดพุ่งพล่าน อธิปซุกไซ้ใบหน้าหล่อคมไปตามลำคอทันทีโดยไม่สนใจเสียงร้องปรามแม้แต่น้อย กลิ่นกายของสาวบริสุทธ์ไร้จริตจะกร้านนี้ช่างหอมรัญจวนใจเสียเหลือเกิน เพียงแค่ลิ้นสากลากเลียร่างบางถึงกับแอ่นสะท้านอากัปกิริยาขัดขืนหายไปจนสิ้น ความเสียวซ่านแทรกซึมเข้าแทนเสียงร้องห้ามบัดนี้กลับกลายเป็นครวนครางไปเสียแล้ว ริมฝีปากหยักหยาบลากเลียไล้ทั่วซอกคอเนียนขาวจนชื่นใจก่อนจะผละขึ้นลิ้มลองความหวาน
“อย่าธิป...มันไม่ดี...”
ยังไม่ทันขาดคำห้ามปรามกลีบริมฝีปากบางก็ต้องปลิออกจากกันปล่อยให้ชิวหาสวาทแทรกผ่านตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว เสียงอู้อี้ดังในลำคอเมื่อลิ้นทั้งสองพันเกี่ยวราวกับเถาวัลเคลือ อธิปลิ้มลองชิมรสความหวานอย่างหนำใจสองมือแกร่งไม่นิ่งเฉย เขาจัดการลูบไล้เรือนร่างบางระหงด้วยความนุ่มนวลจนรินาดาเสียวซ่านไปทั่วสรรพางกายฝ่ามือชายหนุ่มเลื่อนผ่าน กระโปรงแนววินเทจสีชมพูอ่อนพิมพ์ลายดอกไม้ถูกเลื่อนจากเอวโดยไม่รู้ตัวเผยให้เห็นต้นขาเนียนขาว เสื้อแขนจั้มผ้าชีฟองสีเดียวกับกระโปรงถูกเลื่อนขึ้นเหนือยอดดอกบัวตูมอวบใหญ่ บัดนี้ไม่มีเหลือแล้วคำสอนของคุณพ่อคำเตือนของคุณแม่ ชื่อเสียงเกียรติยศวงส์ตระกูลมอดไหม้ลงเพียงเพราะชิวหาสวาทของเขาไฟราคะที่เขาปรนเปรอมอบให้
รินาดาได้แต่นอนหลับตาพริ้มไร้การขัดขืนตรงกันข้ามมีแต่ตอบสนอง หญิงสาวแอ่นอกสะดุ้งเฮือกเมื่อบราสีขาวลายลูกไม้ถูกปลดออกอย่างง่ายดาย อธิปมองดอกบัวตูมอูมใหญ่ด้วยความใคร่สิเหน่หาก่อนเขาจะซุกไซ้ลงชื่นชมความหอมหวานของสองดอกบัวนั่น ริมฝีปากหยักหยาบดูดปลายชิวหาดุนเจ้าของทรวงน่าถวิลก็ต้องแอ่นรับสุดตัว เสียงครางดังลั่นคอนโดหรูเมื่อยอดเกสรสัมผัสได้ถึงการขบเม้มเพียงเบาๆ
“อ้าว์...ทำไมช่างหอมหวานถึงเพียงนี้”
อธิปงึมงำในลำคอเมื่อเขาชื่นชมลิ้มลองความหวานจนหนำใจ ต่างจากรินาดาที่ได้แต่นอนหอบถี่ราวกับตนเองเพิ่งวิ่งรอบสนามฟุตบอลมาสักสิบรอบ แต่แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อลิ้นสวาทลากเลื่อนต่ำผ่านหน้าทางแบนราบเนียนขาวก่อนจะวนรอบจุดเล็กๆ เพียงแค่ปลายลิ้นตวัดร่างบางก็บิดไปมาด้วยความเสียวซ่าน ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองแฟนสาวด้วยความพึงพอใจที่บทเพลงกามาของเขาสร้างความสุขสมให้กับเธอได้ อธิปไม่รอช้าเขาใช้ปลายนิ้วเกี่ยวลิงตัวน้อยลายลูกไม้เพียงเบาๆมันก็หลุดออกจากขาเนียนขาวอย่างง่ายดาย รินาดานอนขาเข้าหากันแน่นราวกับว่าพื้นส่วนนี้ห้ามบุกรุกเป็นอันขาด แต่เธอก็ฝืนได้เพียงเสี้ยวนาทีเพียงแค่ปลายลิ้นกระหวัดรอบเนินเนื้ออวบอูมเรี่ยวแรงทั้งหมดก็มลายหายไปราวกับขี้ผึ้งโดนไฟรนก็ไม่ปาน ชายหนุ่มจัดการลิ้มลองความหวานครั้งแล้วครั้งเล่าจนร่างบางกระตุกเกร็งบ่อยครั้งที่เธอเผลอกดหัวเขาไว้แน่น
“อือ...อย่า...พอเถอะอธิป ดาไม่ไหวแล้ว”
รินาดาส่ายหน้าไปมาสุดจะทานทนต่อการปลุกเร้าอารมณ์ น้ำเสียงสั่นเคลือลมหายใจหอบถี่ขาดช่วงเป็นวรรคตอนดังขึ้นทำให้อธิปผละออกจากพื้นที่หวงห้ามมุมริมฝีปากหยักยกยิ้มก่อนเขาจะเลื่อนตัวขึ้นทาบทับร่างหญิงสาวไว้ มือแกร่งจับความเป็นชายที่ผงาดง้ำค้ำโลกไว้แน่นหมายทะลวงพื้นที่สงวนในคราเดียวให้รู้แล้วรู้รอด ต่างจากรินาดาเธอได้แต่นอนหายใจหอบถี่ทำตาปรือรอรับชะตากรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงแค่เสี้ยววินาทีแก่นกายแกร่งก็แทรกตัวผ่านกลีบเยื่อบางเข้าไป ใบหน้าสวยเรียบบัดนี้เหยเกด้วยความเจ็บปวด ส่วนสงวนร้าวระบมราวขาดใจปลายนิ้วเรียวทั้งสิบจิกลงบนต้นแขนและแผ่นหลังราวกับหาที่ยึดไว้ เช่นเดียวกับอธิปเขารู้สึกได้ถึงการบีบรัดกระชับแน่น
“อ้าว์...ทำไมมันช่างคับแน่นถึงเพียงนี้...แต่ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีเอง”
อธิปงึมงำในลำคอก่อนเขาจะค่อยๆขยับช่วงล่างขึ้นลงอย่างช้าๆและแผ่วเบา ไม่นานนักความฉ่ำเยื้อมก็มีให้เห็นทำลายความฝืดเคืองจนสิ้น อาการเจ็บแปลบคับตื้อหายเป็นปลิดทิ้งเหลือเพียงแต่ความเสียวซ่านสุดจะทานทน ความต้องการพุ่งพล่านเกินจะฉุดรั้ง ฝ่ายหนึ่งรุกอีกฝ่ายรับอย่างรู้ใจไม่ต้องบอกว่าต้องการอะไรเขาก็พร้อมสนองให้ในทันที หากแต่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความใคร่ หากแต่ว่ามันอยู่บนหลักการของความรักแทบทั้งสิ้น อธิปขยับกายเร่งเร้ารุนแรงเช่นเดียวกับรินาดาที่แอ่นรับท่ามกลางเสียงครวญครางยามราตรีกาล ก่อนทั้งสองจะผลอยหลับไปพร้อมหยาดเหงื่อที่ไหลโทรมกายและความสุขอันชุ่มฉ่ำใจ
......................................
ความคิดเห็น