ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพบุตรไร้หัวใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : ฝันร้ายของนายเทพบุตร

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 54


     
    ท่ามกลางความมืดสงัดของราตรีกาล ชายหนุ่มร่างกำยำเจ้าของใบหน้าคมเข้มหลับสนิทภายใต้เครื่องนอนยี่ห้อดังหนานุ่มในห้องนอนขนาดใหญ่ เตียงนอนแอร์เมดจากฝรั่งเศสสีทองอร่ามบุลายอย่างประณีตวิจิตรบรรจงและด้วยเหตุนี้จึงทำให้ราคาของเครื่องนอนสี่ขามีราคาหลายแสนบาทเกินกว่าที่คนธรรมดาจะซื้อหามาเป็นที่หลับที่นอนได้  แต่แล้วคิ้วเข้มก็เริ่มขมวดเข้าหากันด้วยความเคร่งเครียดใบหน้าคมอาบไปด้วยเหงื่อกาฬเม็ดโป้งที่ไหลซึมออกมาจนทั่ว เสียงหายใจหอบถี่ดังขึ้นเป็นระยะๆบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาหลับสนิทหรือไม่ ชายหนุ่มเริ่มแสดงอาการกระสับกระส่ายหนักขึ้นทุกทีๆ

                    “แม่จ๋าอย่าทิ้งผมไป ฮือๆ แม่กลับมาก่อน”

                    นิมิตดังก้องอยู่ในมโนสำนึกของชายหนุ่มผู้เป็นใหญ่เหนือใครทั้งปวงแห่งตระกูล รุ่งเรืองโยธิน ภาพของหญิงสาววัยกลางคนร่างสูงสง่าที่กำลังหอบเสื้อผ้าและข้าวของหนีตามชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นเลขาคนสนิทของสามีหล่อนด้วยความเร่งรีบ เด็กชายวัยสิบขวบที่กอดขาผู้เป็นแม่ร้องไห้วิงวอนเพื่อให้เธออย่าได้ทิ้งเขาและพ่อไป เสียงสะอื้นฮักที่ดังปานจะขาดใจหาได้ฉุดรั้งความเป็นแม่ได้เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามหล่อนกลับสลัดลูกชายให้ออกห่างแล้วเดินไปขึ้นรถจากัวร์ของชายชู้โดยไม่ใยดี ความสัมพันธ์ของแม่ลูกตลอดระยะเวลาสิบปีที่ได้เลี้ยงดูหาได้ฉุดรั้งหรือหยั่งรากลึกของความเป็นแม่ลูกได้เลยแม้แต่น้อย

                    “ปล่อยฉันนะ...เชิญแกอยู่กับพ่อของแกไปเถอะ”

                    “เร็วๆสิ...เดี๋ยวพวกเจ้าหนี้มันก็ตามมาหรอก”

                    เสียงแหวจากริมฝีปากของผู้เป็นแม่ดังขึ้นอย่างไร้ปราณี หล่อนกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังรถที่จอดรออยู่หน้าคฤหาสน์หลังโตทรงโรมัน เมื่อชายชู้ของหล่อนยื่นใบหน้าอันไร้ซึ่งศีลธรรมออกมานอกหน้าต่างรถเพื่อตะโกนเรียก

                    “ปึง...”

                    เสียงประตูรถที่ปิดด้วยความเร่งรีบก่อนเครื่องยนต์จะดังกระหึ่มและเคลื่อนตัวออกจากประตูรั้วอัลลอยด์อย่างรวดเร็ว

                    “แม่กลับมาก่อน....ฮือๆ...อย่าไป...”

                    เด็กชายวิ่งตามผู้เป็นแม่ด้วยความอาลัยรักแต่เสียงเว้าวอนของเด็กหาได้ทำให้ผู้เป็นแม่ใส่ใจ แรงคนมีหรือจะสู้แรงเครื่องยนต์ได้ต่อให้วิ่งเร็วเพียงใดก็ไม่มีทางสู้เจ้าสี่ล้อราคาแพงเจ้าของฉายาเสือดำไปได้ ขาที่ไร้แรงล้มกระแทกพื้นอย่างจังจนหัวเข่าถลอกน้ำสีแดงข้นไหลซึมออกมา บรรดาบ่าวคนรับใช้ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวต่างวิ่งกุลีกุจอมาหานายน้อยด้วยความสงสารเวทนายิ่งนัก

                    “คุณหนูขา....อย่าร้องไปเลยค่ะกลับเข้าบ้านเถอะเดี๋ยวป้าจะทำแผลให้ดูสิเลือดไหลใหญ่แล้ว”

                    เสียงแหบพร่าของแม่บ้านวัยกลางคนที่รีบประคองร่างคุณหนูของนางด้วยความห่วงใย ฝ่ามือหยาบกร้านดึงร่างเด็กชายที่กำลังสะอื้นฮักจนเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความเศร้าเสียใจเข้ามากอดแนบอก มือของนางยกขึ้นลูบเรือนผมดำขลับของนายน้อยด้วยความอาดูรท่ามกลางบรรดาบ่าวที่มองมา

                    “มัวแต่ยืนมองอยู่ได้ตามั่น...แกรีบมาอุ้มคุณหนูขึ้นเรือนสิจะได้ทำแผล”

                    “จ้ะๆ..”

                    นางแม้นตวาดใส่สามีเสียงดังลั่นจนตามั่นต้องกุลีกุจอรีบอุ้มนายน้อยของบ้านขึ้นพาดบ่าแล้ววิ่งกลับเข้าเคหาโดยไว  มโนภาพยังฉายเด่นชัดอยู่ในภวังค์ทุกค่ำคืนยามเขาหลับตา ไม่มีครั้งใดที่เขาจะนอนหลับโดยไม่ฝันร้ายเยี่ยงนี้

                                                    .....................................................

                    “คุณหนูคะอาหารเช้าขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้วค่ะ”           

    แม่บ้านใหญ่ของตระกูลรุ่งเรืองโยธินดังขึ้นหลังประตูไม้สักซึ่งถูกทาทับด้วยสีเบสสลักลวดลายดอกไม้นานาชนิดอย่างสวยงามและประณีต แสงสีทองของเช้าวันใหม่สาดส่องผ่านกระจกใสของห้องนอนใหญ่ลงมากระทบใบหน้าคมเข้ม ดวงตาปรือค่อยๆเบิกกว้างออกเพื่อรับแสง เรตินาเริ่มรับภาพต่างๆแม้มันจะพร่ามัวก็ตามที ฝ่ามือหนาควานหาบางสิ่งที่ตั้งไว้อยู่บนหัวนอน

    “เจ็ดโมงแล้วเหรอเนี่ย...ได้ยินแล้วป้าเดี๋ยวผมลงไป”

    เสียงทุ้มนุ่มดังพึมพำในลำคอก่อนเขาจะตะโกนบอก  ป้าแม้นยังคงตะเบ็งเรียกจนเสียงแหบเสียงแห้งอยู่หน้าห้องของเขา ชายหนุ่มสลัดผ้าห่มผืนหนาออกเขาเบี่ยงกายมานั่งข้างเตียงฝ่ามือหนายกขึ้นเสยผมที่ตกลงมาปกหน้าผากจนเผยให้เห็นใบหน้ากว้างผิวสีแทนได้อย่างชัดเจน คิ้วเข้มรับกับดวงตาคม จมูกโด่งเป็นสันตามแบบฉบับของผู้มีเชื้อสายชาวโปรตุเกสซึ่งเข้ามาบุกเบิกค้าขายกับคนไทยตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายมหาราช นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนทอประกายหม่นลงเมื่อเขานึกถึงเรื่องราวความฝันเมื่อคืน

    “ใจดำ...”

    รามา รุ่งเรืองโยธินพึมพำด้วยความอาฆาตแค้นเมื่อเรื่องราวในอดีตยังตามหลอกหลอนเขาวันแล้ววันเล่าคืนแล้วคืนเล่าแม้นเวลาจะผ่านมาสิบห้าปีแล้วก็ตาม ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือหนายันกายอันกำยำลุกขึ้นช้าๆเผยให้เห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัดๆของเขาโดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณช่วงท้องที่เผยให้เห็นก้อนเนื้อที่เกิดจากการออกกำลังกาย เขาบิดกายไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยล้าที่เกาะตามข้อตามกระดูกออกไปก่อนร่างสูงโปร่งจะเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางราบเรียบไร้ซึ่งความกระฉับกระเฉงซึ่งผิดวิสัยกับการตื่นมาพบเจอวันใหม่ของคนปกติเลยแม้แต่น้อย

    “ซ่า.....ซ่า”

    เสียงน้ำจากฝักบัวไหลลงสู่เส้นผมสีดำขลับฝ่ามือหนาเสยปอยผมขึ้นไปเผยให้เห็นใบหน้าราบเรียบไร้ความสุข สายน้ำที่ชโลมร่างกำยำตั้งแต่หัวจรดเท้า  ต้นคอแกร่งผ่านแผ่นอกกว้างจรดความเป็นชายที่ผงาดง้ำ ก่อนเขาจะหมุนปิดฝักบัวแล้วสายน้ำก็หยุดไหล ร่างสูงกำยำเดินออกจากห้างน้ำขนาดใหญ่ เขาเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วค่อยๆเลื่อนเปิดมันช้าๆ สายตาของชายหนุ่มมองไปยังเสื้อผ้านับสิบที่แขวนอยู่บนราวมีทั้งแบรนด์ดังที่ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ระดับโลกแทบทั้งสิ้น ฝ่ามือหนาปลดเสื้อเชิ้ตแขนยาวยี่ห้อเควินครายสีขาวซ่อนลายเดรทออกมาใส่เป็นเสื้อตัวในก่อนคว้าเสื้อสูทแบรนด์เดียวกันขึ้นมาสวมทับแล้วคว้ากางเกงสแลคสีดำขาเดฟขึ้นมาสวมใส่สายตาคมมองนาฬิกาข้อมือหลากหลายยี่ห้อที่วางอยู่ในลิ้นชักก่อนเขาจะหยิบเรือนทองฝังเพชรทำงานด้วยระบบโครโนกราฟขึ้นมาสวมใส่  หน้าปัดเป็นพรายน้ำตัวเลขเป็นภาษาโรมันทำจากทองคำขาวซึ่งเมื่อใส่เข้าไปแล้วย่อมบ่งบอกถึงวิทยุฐานะผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดีว่ารวยหรือจน

    “สวัสดีครับคุณพ่อ...”

    รามากล่าวทักทายชายหนุ่มวัยหกสิบที่นั่งอยู่เก้าอี้หัวโต๊ะรับประทานอาหารหลุยส์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ริมฝีปากบางหยักยิ้มเล็กๆเพื่อแสดงให้ผู้เป็นพ่อเห็นว่าเขามีความสุขแต่การแสดงออกของเขาก็คงไม่สามารถทำให้พ่อของเขากลับมาเป็นปกติดังเดิม สายตาเหม่อลอยไม่รับรู้เรื่องราวต่างๆไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งที่เห็นหรือสิ่งที่ได้ยิน ริมฝีปากทั้งสองเผยอขึ้นจนบางครั้งน้ำเหนียวๆไหลซึมออกจากมุมปากจนแม่บ้านเช็ดแทบไม่ทัน รามามองนายราเมศผู้เป็นพ่อด้วยความสลดหดหู่ใจ ชายหนุ่มได้แต่กัดกรามข่มความรู้สึกเศร้านั้นไว้ภายในไม่แสดงออกมาให้ใครได้เห็นหรือสมเพสว่าเขานั้นเป็นคนเช่นไร

    “คุณพ่อเป็นยังไงบ้างป้าแม้น”

    “เช้านี้ทานข้าวดีค่ะไม่งอแงโวยวายคุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”

    ป้าแม้นรายงานรามาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นเมื่อแกนึกถึงนายท่านผู้เป็นใหญ่เหนือใครในบ้านแต่ต้องมากลายเป็นคนเสียสติจากเหตุการณ์ที่คุณนายหนีตามชู้เมื่อสิบห้าปีก่อน เพราะไม่อาจทนอยู่ร่วมหัวจมท้ายกับธุรกิจที่กำลังจะล้มละลายได้ และด้วยเหตุนี้นี่เองนายราเมศจึงกลายเป็นคนเสียสตินับจากนั้นมา  ส่วนธุรกิจที่กำลังจะล้มละลายก็ฟื้นจากวิกฤติเพราะธนาคารต่างประเทศอนุมัติเงินช่วยเหลือ

    “ทานเยอะๆนะครับคุณพ่อ”

    รามาตักรังนกที่อยู่ในถ้วยลายครามาป้อนนายราเมศผู้เป็นพ่อ เขาเฝ้ามองริมฝีปากที่เผยอเคี้ยวแม้บางครั้งอาหารเสริมจะไหลเลอะมุมปากก็ตามที เสียงสะอื้นแห่งความเสียใจดังอยู่ในลำคอแววตาฉายแววความแค้นเมื่อนึกถึงคนที่ทำให้พ่อของเขาต้องกลายเป็นคนอย่างนี้

    “ฝากดูคุณพ่อด้วยนะครับป้า”

    “ไม่ต้องห่วงค่ะคุณหนูวันนี้กลับมาเร็วๆนะคะป้าจะทำพะแนงไก่ของโปรดไว้รอ”

    “ครับ..”

    รามายิ้มรับบางๆก่อนร่างสูงโปร่งจะคว้าเสื้อสูทแล้วเดินออกไปพร้อมเสียงเครื่องยนต์รถสปอร์ตเฟอร์รารี่สีแดงเพลิงที่ดังกังวานก้อง พร้อมล้อทั้งสี่ที่เคลื่อนออกไปด้วยความรวดเร็ว

                                                                                    ..........................................

                    “สวัสดีครับคุณรามา.....”

                    “สวัสดีค่ะท่านประธาน.....”

                    บรรดาพนักงานชายหญิงต่างพากันยกมือไหว้บ้างโค้งคำนับด้วยความนอบน้อมบ้าง เมื่อร่างสูงสง่าของชายวัยยี่สิบห้าปีเศษย่างกรายเข้าสู่ภายในตัวอาคารรุ่งเรืองทาวเวอร์ ประตูกระจกถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว แววตาเคร่งขรึมใบหน้าราบเรียบริมฝีปากบางไม่ตอบหรือขานรับพนักทั้งหลายที่กล่าวทักทายเลยแม้แต่น้อย นั่นจึงเป็นเหตุให้พนักงานทั้งหลายต่างพากันกลัวเกรงในความเงียบขรึมของเจ้านายหนุ่ม แต่บางคนก็หาได้มีความกลัวหรือให้ความเคารพแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกลับทำตัวเป็นพวกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาเสียด้วยซ้ำไป นั่นคงเป็นเพราะว่าพฤติกรรมของเขากระมัง

                    “นี่แก...ได้ข่าวว่าเลขาส่วนตัวคนที่แล้วท้องไม่ใช่เหรอ”

                    “เออๆ...ฉันก็ได้ข่าวมาเหตุที่ถูกไล่ออกเพราะว่าทับแล้วปล่อยให้ท้องนี่แหละแก”

                    “จริงเหรอ....แต่ฉันว่าท่านประธานของเรานี่ใช้ผู้หญิงเปลืองเสียยิ่งกว่ากระดาษชำระเสียด้วยซ้ำไปด้วยล่ะมั้ง”

                    “ฮ่าๆๆจะบ้าเหรอ...แกก็ว่าไปเรื่อย แต่ฉันว่าตอนนี้เราแยกย้ายไปทำงานกันเถอะขืนเอาแต่สุมหัวนินทาเจ้านายอย่างนี้มีหวังนรกกินหัวหรือไม่ก็โดนไล่ออกเป็นแน่ ไปแยกย้ายหางานทำได้แล้ว แต่อย่าลืมนะมีข่าวอะไรใหม่ๆแล้วอย่าลืมมาเม้าท์กันอีกล่ะ

                    “ทำไงได้ล่ะคนเกิดมารวยนี่หว่าอีกอย่าใครก็อยากจับท่านเป็นผัวด้วยกันทั้งนั้นแหละ มีที่ไหนทั้งหล่อทั้งรวยไม่รู้ว่า....ตรงนั้นใหญ่ด้วยหรือเปล่า  ใครไม่อยากได้มาเป็นผัวก็คงต้องหันไปกินหญ้าแทนข้าวแล้วล่ะ”

                    เสียงพวกปากหอยปากปูต่างวิภาควิจารณ์เจ้านายหนุ่มจนกลายเป็นเรื่องสนุกปากไปเสียแล้วนั่นเพราะว่าข่าวคาวเรื่องความเป็นคาสสิโนว่าตัวพ่อที่ล่อสาวๆไม่ซ้ำหน้าไม่ว่าจะเป็นพนักงานในบริษัทหรือจะเป็นดารานางแบบนักร้อง เขาล้วนแต่เด็ดมาดอมดมพอชื่นชมแล้วก็จ่ายด้วยเงินตรา

                    “ขอโทษค่ะท่านประธานวันนี้มีประชุมกลุ่มคู่ค้าแถบลาตินอเมริกาตอนบ่ายสองค่ะ”

    “เข้าใจแล้ว...”

    รามากดปุ่มเครื่องตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนแผ่นหลังกว้างจะเอนลงบนพนักพิงเก้าอี้หนังสีดำตัวใหญ่ด้วยความเหนื่อยหน่ายอีกครั้ง สายตาของชายหนุ่มมองออกไปยังเบื้องนอกซึ่งเป็นอาคารสูงตระหง่านระฟ้า แสงแดดสาดส่องกระทบตัวอาคารทำให้เขาต้องหรี่ตาลง บรรดาผู้คนต่างพากันเดินขวักไขว่หัวไหล่แทบชนกันเพื่อชีวิตของตนเองแต่เป็นกิจการของผู้อื่น รถราที่พากันวิ่งเบียดเสียดอยู่บนถนนคอนกรีตสี่เลนทำให้ใครที่มองได้แต่ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายในชีวิต แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องหันกลับมามองยังต้นเสียงใสปรี๊ดชนิดปรอทแตกทันที

    “ที่รักขา...ไม่เห็นโทรหาฮันนี่เลย”

                    หญิงสาวร่างสูงโปร่งในชุดกระโปรงสั้นอวดเรียวขาขาวกลมกลึงปรี่เข้ามาในห้องโดยไม่ฟังเลขาสาวผู้ทำหน้าที่ยามเฝ้าหน้าประตูที่พยายามห้ามปรามว่าเข้าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

    “ขอโทษค่ะ...แต่คุณฮันนี่....เธอ”

    เลขาสาวได้แต่ก้มหน้ากล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดที่ไม่อาจทำตามคำสั่งของเจ้านายหนุ่มที่สั่งห้ามคนนอกเข้ามาหากไม่มีธุระจริงๆ

    “ไม่เป็นไร...”

    รามาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาของเขากลับฉายประกายความไม่พอใจออกมาจนเลขาสาวหน้าห้องถึงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้มขึ้นมาทันที

                    “คุณมาทำไมฮันนี่....”

                    “แหม...ทำไมรามาถึงพูดอย่างนั้นกับฮันนี่ล่ะคะ??รู้มั้ยว่าฮันนี่คิดถึงรามามากขนาดไหน”

                    ฮันนี่ดารานางเอกสาวลูกครึ่งเอ่ยน้ำเสียงออดอ้อนฉอเลาะ  ร่างบางสูงโปร่งในชุดเดรทสีแดงสดรัดรูปจนเผยให้เห็นส่วนสัดของร่างกายไม่ว่าจะเป็นหน้าอกอูมอันกลมกลึงหน้าท้องแบนราบหรือแม้แต่เนินเนื้อนางอันอวบอัด หล่อนเดินนวยนาดส่ายสะโพกผายเข้ามาหาชายหนุ่มด้วยมารยายั่วเย้าตามแบบฉบับนางเอกใจถึงที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ วงแขนเรียวโอบต้นคอชายหนุ่มไว้ใบหน้าคมที่เต็มไปด้วยเครื่องหน้าอันโฉบเฉี่ยวโน้มหอมแก้มทั้งสองข้างสลับไปมาด้วยอารมณ์เสน่หา ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดเลื่อนประกบริมฝีปากบางหยักทันทีหล่อนหยิบยื่นความหวานร้อนให้โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องร้องขอ ลิ้นสวาทมอบความหมายน้ำตาลเชื่อมจนไฟตัณหาของชายหนุ่มเริ่มลุกโชน ดอกบัวตูมเบียดร่างกำยำ ชิวหาของทั้งสองพัลวันนัวเนียกระหวัดเกี่ยวด้วยความสุข

                    “เดี๋ยวก่อน...ฮันนี่”

                    รามาตั้งสติได้เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองหลงเกมส์กามา ฝ่ามือหนาจับต้นแขนเรียวขาวของฮันนี่แล้วดันร่างหล่อนออกห่าง ชายหนุ่มจ้องตาดาราสาวลูกครึ่งด้วยความสงสัย

                    “คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยว่ามาหาผมเรื่องอะไร”

                    น้ำเสียงขึงถามแววตาเคร่งจ้องมองใบหน้าคมเพื่อรอคำตอบ

                    “ทำไมถามอย่างนั้นล่ะคะรามา??ฮันนี่คิดถึงรามานี่คะเราไม่ได้พบกันมาเกือบเดือนแล้วนะ อีกอย่างพรุ่งนี้ฮันนี่ต้องไปถ่ายละครที่ออสเตรเลียด้วยไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่”

                    ฮันนี่ทอดเสียงอ่อนหวานหล่อนพลางส่งสายตาขอคะแนนสงสารจากชายคนรัก แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่เห็นถึงความจริงใจในคำพูดของหญิงสาวหุ่นเซ็กซี่ที่นั่งบนตักเขาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามชายหนุ่มกลับแสยะยิ้มมุมปาก

                    “ไปถ่ายละครกี่วันล่ะ...”

                    “สี่วันค่ะ...แต่ฮันนี่ว่าจะ...”

                    ยังไม่ทันหมดประโยครามาก็เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานออก เขาหยิบสมุดปกสีเหลืองนวลตาขึ้นมาก่อนที่มืออีกข้างหนึ่งจะหยิปปากกาปาร์คเกอร์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วกรอกตัวเลขลงไป และตัวเลขเหล่านั้นก็ทำให้ดาราสาวถึงกับตาลุกวาวทันที

                    “ผมให้คุณ...เผื่อคุณจะอยากได้อะไร”

                    “อุ้ย...ไม่เป็นไรหรอกค่ะรามาขา”

                    “ไม่เป็นไร รับไว้เถอะ...”

                    ฮันนี่ไม่ยื่นมือรับเช็คตัวเลขเจ็ดหลักที่ชายหนุ่มเขียนให้ตรงกันข้ามหล่อนกลับโน้มตัวลงหน้าชายหนุ่ม จนเผยให้เห็นร่องเนินเนื้ออกอูมภายใต้ชุดเดรทสีแดง

                    “ถ้าจะให้ก็ให้ถึงที่หน่อยสิคะรามา”

                    น้ำเสียงยั่วยวนดังขึ้น รามารู้ทันทีว่าเขาต้องทำอย่างไรต่อไป ชายหนุ่มม้วนเช็คเงินสดแล้วยัดลงไปในร่อง บราเซียสีแดงของหล่อนทันที ชายหนุ่มดึงมือออกแต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อมือบางรั้งมือเขาไว้

                    “จับสิคะ”

                    ฮันนี่กุมมือใหญ่ไว้แน่นกระซิบข้างหูรามาก่อนลากเลื่อนลิ้นอ่อนนุ่มรอบใบหูพลางขมเม้มเบาๆเพื่อปลุกไฟราคะของคนรักให้ลุกโชน ริมฝีปากอวบออกแรงดูดดุนจนผิวขาวบริเวณลำคอเป็นวงแดงช้ำ เสียงกระซิบดังกระเส่าครั้งแล้วครั้งเล่า กลิ่นกายผสมกลิ่นน้ำหอมผสมปนเปกันทำให้อุณหภูมิในร่างกายของทั้งสองร้อนผ่าว  ริมฝีปากอวบทาทับด้วยลิปสติกสีแดงสดยังไม่สิ้นกระบวนท่าเริงสวาท หล่อนเลื่อนลงมาประกบริมฝีปากหยักนุ่มด้วยความชำนิชำนาญ ชิวหาควานล้วงทั่วปากพลางหยิบยื่นความหวานดุจน้ำผึ้งเดือนห้าจนทำให้ชายหนุ่มครางในลำคอด้วยความเสียวซ่าน ฝ่ามือบางลูบไล้ร่างกำยำก่อนตัวเธอจะลอยเคว้งกลางอากาศเมื่อชายหนุ่มออกแรงอุ้ม

                    “ฟุบ...”

                    ร่างบางสูงโปร่งถูกอุ้มวางลงบนโซฟานุ่มสีขาวสะอาดตา รามามองหญิงสาวที่นอนเหยียดกายส่งสายตายั่วยวนอยู่เบื้องหน้าด้วยความใคร่  เสียงหายใจหอบถี่ดังขึ้นเขาโน้มใบหน้าเข้มลงซุกไซ้ลำคอเนียนขาว ชิวหาสวาทดูดดุนจนเป็นรอยแดงช้ำอย่างชำนาญการ เสียงครางกระเส่าดังขึ้นด้วยอารมณ์ซาบซ่าน ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้สัมผัสผิวนวลอย่างแผ่วเบาจนร่างบางสั่นสะท้าน  หล่อนแอ่นกายกระตุกเกร็งเมื่อริมฝีปากหยักพรมจูบทั่วใบหน้าจนไรขนน้ำตาลอ่อนนุ่มลุกซู่ด้วยความซ่านเสียว แต่มือบางก็หาได้นิ่งเฉยปลายนิ้วเรียวลากกรีดแผ่นหลังกำยำด้วยความกระสันเสียว

                    “เบาๆสิคะเดี๋ยวฮันนี่ก็ช้ำไปทั้งตัวหรอก”

                    น้ำเสียงร้องปรามของฮันนี่ดังขึ้นแต่การกระทำของหล่อนหาได้เป็นอย่างนั้นไม่  เพราะนิ้วมือเรียวกลับปลดกระดุมเสื้อออกจากรังดุมของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ตะขอกางเกงสแลคสีดำขลับถูกปลดออกราวมายากลก่อนถูกเลื่อนไปอยู่ปลายเท้า แต่ฝ่ามือใหญ่ของรามาไม่รอช้าเช่นกันเขาจัดการเลิกกระโปรงเดรทของหล่อนขึ้นจนเผยให้เห็นจีสตริงค์ตัวจิ๋ว ผิวขาวนวลเนียนบั้นท้ายงอนงามชวนเค้นคลึงสะโพกกลมกลึงชวนสัมผัส

    ใบหน้าเนียนเลื่อนไล้พรมจูบผิวกายกำยำพลางขบเม้มไล้เลียจนเลือดในกายของชายหนุ่มสูบฉีดพุ่งพล่าน บัดนี้ไฟตัณหาของเขาลุกโชนราวน้ำมันราดรดบนกองเพลิง มือไม้ของทั้งคู่กอดก่ายเค้นคลึงลูบไล้เรือนร่างของกันและกันอย่างเร่าร้อน  ริมฝีปากของทั้งสองประกบแน่นราวกับว่าจะกลืนกันเป็นหนึ่งเดียว ชิวหาล้วงลึกสัมผัสควานทั่วเพื่อแลกลิ้มชิมรสความหวานที่ซ่อนอยู่ภายใน 

    “หวานเสียเหลือเกิน..เธอนี่ช่างร้อนแรงไม่เคยเปลี่ยนเลยฮันนี่”

    ริมฝีปากหยักผละออกและจูบไล้ลงเรื่อยจนถึงเนินอกอวบอิ่มชิวหาลากเลียก่อนขบเม้มยอดถันที่ตั้งช่อชูชันอย่างช่ำชอง เท่านั้นร่างบางโปร่งก็แอ่นอกสนองต่อสัมผัสสวาท ฮันนี่ครางเบาๆในลำคอเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ชายหนุ่มมอบให้ หล่อนสะท้านเฮือกเมื่อส่วนสงวนถูกล่วงล้ำด้วยดัชนีแกร่ง เธอจุกเสียดทั่วท้องทันทีเมื่อความเป็นชายแทรกผ่านร่างก่อนความเจ็บจะหายไปกลายเป็นความเสียวซ่านเข้ามาแทน สองมือเรียวขยุ้มผมดกดำอย่างสุดจะทน ดวงตาคมลอยเคว้งดั่งดวงจิตหลุดออกจากร่าง เสียงหายใจหอบถี่ดังเป็นระลอกๆดุจเกลียวคลื่นซัดหาฝั่ง ทั้งสองรุกสลับรับจนเหงื่อไหลอาบทั้งร่าง และไม่นานชั่วอึดใจจังหวะโหมโรงก็ดังเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนกายกำยำจะซบลงแนบร่างบางอย่างไร้เรี่ยวแรง

                    “คืนนี้ฮันนี่รอคุณที่เก่านะคะรามา”

                                                                                    ......................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×