คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ภาคนันจู ตอนที่ 1
หน้าจอลอคอินเป็นสีน้ำเงินสดจนแสบตา เธอยังคิดอยู่ว่าใครกันมันช่างออกแบบเวบได้สีแสบสันขนาดนี้
เธอพลิกดูเบอร์บนบัตรกระดาษแข็งที่เคลือบพลาสติกอย่างดี แล้วกรอกมันลงไปในช่อง serial number
ตามด้วย ID แล้วเตรียมกดเอนเทอร์
ทั้งหน้าจอ ไม่มีอะไรเลย นอกจากจั่วหัวตัวใหญ่กลางหน้าจอด้านบนว่า Cyber Pass
ช่องสำหรับกรอก serial 16 หลัก แบ่งเป็น 4 ช่วง ช่องกรอก ID ว่างๆยาวตามขนาดมาตราฐาน
แล้วก็ปุ่มให้กดเอนเทอร์ตรงกลางหน้าจอด้านล่าง
หน้าจอมันไม่มีอะไรซะจนคิดได้ว่า ถ้าไม่ขี้เกียจก็มือสมัครเล่นเป็นคนเขียนขึ้นมาแน่ๆ
เมื่อกลางวัน เธอไปงาน IT มา งานประเภทนี้ เดี๋ยวนี้จัดกันเยอะมาก
แน่นอน มีซุ้มเกมของค่ายเล็กค่ายใหญ่ไปเปิดด้วย คอเกมอย่างเธอย่อมพลาดไม่ได้
นอกจากจะได้ลองเกมใหม่ๆ ได้แผ่นเกมกลับมาสะสมแล้ว เผลอๆได้ของรางวัลติดไม้ติดมือกลับมาด้วย
เธอไม่ได้ตั้งใจไปรวมกลุ่มกับใครหรอก ที่ไปเจอเพื่อนในเกมก็โดยบังเอิญ
แล้วเพื่อนเธอก็ลากเธอไปนั่งคุยด้วยกันกับเพื่อนๆในบอร์ด ซึ่งเธอไม่รู้จักซักคน
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเป็นส่วนเกินมากมายนัก อย่างน้อยเธอก็เข้าใจภาษาเกมที่คนพวกนั้นคุยกัน
ระหว่างที่ฟังคนแปลกหน้าคุยกันพักนึง ก็มีแบบสอบถามร่อนมาให้เธอและคนอื่นๆทำ
เสียงคุยเงียบหายไป และทุกคนเริ่มก้มตาก้มตากรอกข้อมูลลงด้วยลายมืออันยั้วเยี้ย
แต่ความเซ็งแซ่จากบูธรอบๆก็ยังคงไม่ซาไป มีความเงียบอยู่แค่กระจุกที่เธอนั่ง
พอกรอกเสร็จเสียงคุยก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง มีใครคนนึงชวนขึ้นมา ให้ไปหาร้านนั่ง หาน้ำดื่ม
แล้วทุกคนก็เฮโลตามกันไป เธอก็ไปกับพวกนั้นด้วย เพราะเพื่อนเธอไป
แต่ดูเหมือนที่นั่งจะไม่มี พอซื้อน้ำได้ ทั้งกลุ่มก็ลงนั่งแอบๆตามขั้นบันได แล้วคุยกันขโมงต่อ
ทั้งที่ปกติก็คุยในบอร์ดกันอยู่เกือบทุกวัน ไม่รู้มีอะไรคุยกันอีกนักหนา
หลายคนคุยซ้ำเรื่องเดิมๆที่คิดถึงทีไรก็รู้สึกโดน หลายคนก็บ่นถึงเรื่องในเกมที่เล่น
มีผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งในกลุ่มสะกิดเรียกเธอ แล้วถามพอได้ยินแทรกเสียงเซ็งแซ่มาว่า
"ปกติเล่นเกมที่บ้านเหรอ? "
เธอพยักหน้ารับ
"แม่ไม่อยากให้เล่นตามร้านน่ะ หุหุ"
"อ่ะ ดีจัง"
เขาทำตาโต มองมาแล้วยิ้มๆ
"เล่นบ้านตลอดเลยดิ่"
"อื้อ"
เธอตอบ ผงกหน้ารับนิดหน่อย
"อ่ะ งั้นให้"
เขายื่นบัตรกระดาษแข็งเคลือบพลาสติกขนาดเท่านามบัตรสีทองมาให้
เธอรับไว้แล้วก็พลิกดู มีตัวเลขserial กับ url เวบ หน้าตาเหมือนบัตรเติมชั่วโมงอินเตอร์เน็ทยังไงอย่างงั้น
แต่ไม่ใช่ URL ที่เธอเคยเห็น ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าบัตรอะไร
สงสัยเน็ทยี่ห้อใหม่คงจะโปรโมทล่ะมั้ง ของฟรี รับไว้ไม่เสียหาย เธอคิดในใจ
"แทงยู จึก จึก"
เธอตอบกลับไป แล้วเก็บบัตรที่ได้ลงใส่กระเป๋าสะพายช่องเดียวกับที่ใส่กระเป๋าตังค์
จังหวะเดียวกับที่เหลือไปเห็นเด็กผู้หญฺงอีกคนที่นั่งถัดไปจากเพื่อนเธอ รับบัตรหน้าตาเหมือนๆกันนี้
มาถือพลิกดู แล้วก็ยิ้มๆรับมาพอดีเหมือนกัน ใครซักคนคงเอามาแจก
สงสัยจะเป็นชั่วโมงอินเตอร์เน็ทจริงๆ เพราะเลือกให้แต่คนเล่นบ้าน
ก็นะ ถ้าเล่นร้านก็ไม่ต้องเติมชั่วโมงเน็ทเองอยู่แล้วนี่นา ให้ไปเสียเปล่า
"แล้วนายก็เล่นบ้านเหมือนกันเหรอ"
เธอหันไปถามชายหนุ่มที่ชวนเธอคุยก่อน
"อาฮะ"
เวลาที่เขาทำเสียงแบบนั้นทำให้เธอรู้สึกว่า เขาน่ารักขึ้นอีก 30%
ปกติเธออยู่แต่ในบ้านเล่นเกม ไม่ค่อยได้ออกไปไหน สถาบันกวดวิชาก็ไม่ได้ไปเรียน
ผนวกกับโรงเรียนเธอเป็นโรงเรียนสตรีล้วน ผู้ชายจึงเป็นสิ่งหายาก เอ๊ย สิ่งที่ไม่คุ้นเคย
แต่ด้วยนี่สัยลุยๆของเธอ ทำให้เธอคุยสนิทกับพวกผู้ชายได้ไม่ยาก
แต่ยังไงซะ เธอก็ยังเป็นเด็กผู้หญิง ซึ่งเมื่อเจอหนุ่มโดนสเปคก็ต้องแอบกรี๊ดอยู่ในใจ
ยิ่งได้มานั่งคุยอยู่ตรงหน้า ถ้าหน้าด้านพอเธอคงจะขอเบอร์โทรไปแล้ว แต่เธอยั้งใจไว้อยู่
ไม่อยากทำตัวเป็นแบบโฆษณาที่โดนด่าว่า ทำตัวอย่างงี้แม่ไม่ว่าเหรอ
"แล้วนายไม่เก็บไว้เหรอ"
เธอย้อนถามถึงบัตรที่เขาส่งให้เมื่อครู่
"อ่า เราเล่นอยู่แล้วอ่ะ"
เล่นอยู่แล้ว เธอคิดทวนในใจ หรือมันเป็นแอคเคาท์เกมหรอกหรือ?
"เกมไรอ่ะ ไม่เคยได้ยินชื่อ"
เธอถามกลับไปตามความสงสัย
"หึหึหึ... "
เขาอมยิ้มแก้มปริ ไม่ยอมตอบ
"เอาน่า.. "
ว่าแล้วก็กลั้นหัวเราะไม่ไหว หัวเราะออกมา
มิเตอร์ระดับความน่ารักของเขาในสายตาเธอเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 50%
เขาพยายามจะไม่หัวเราะอีก เลยกวาดสายตาไปยังคนอื่นๆในกระจุกที่นั่งกันอยู่
ก็ไปหยุดที่สาวคนที่นั่งข้างเพื่อนเธอที่รับบัตรไปเมื่อครู่นี้
เขาตะโกนทักข้ามวงไป
"ฟ้า ได้บัตรยังอ่ะ? "
"เออ ให้แล้วตะกี้"
เพื่อนผู้ชายอีกคนตะโกนตอบกลับมาแทน
"อย่าลืมเข้าไปนะ"
เขาตะโกนไปกำชับ แล้วอมยิ้มหัวเราะอีกครั้ง
อารมณ์เหมือนคนตั้งกระทู้ดักดีใจที่มีควาย เอ๊ย คน หลงเข้ามาอ่าน
"จ้า"
เสียงใสๆตอบกลับมาเสียงดังฟังชัด
"อย่าลืมเข้าไปนะ หึหึหึ"
เขาหันมาบอกกับเธออีกครั้ง ก่อนจะลุกกลับไปคุยกับเพื่อนที่อีกมุมหนึ่งของกลุ่ม
"อะไรเหรอ? "
เพื่อนของเธอหันมาถาม
"ไอดีเกมมั้ง"
"เหรอ ขอดูมั่งสิ"
เธอหยิบบัตรที่เก็บไปแล้วขึ้นมาให้เพื่อนดู
"ง่า ไม่เห็นได้มั่งเลย"
"มะรู้จิ่ ลองไปถามดูสิ"
เพื่อนของเธอส่งบัตรคืนมา แล้วลุกไปถามเพื่อนผู้ชายคนเมื่อครู่
พอดีว่ามีคนในกลุ่มขอตัวกลับก่อนคนนึง เธอจึงหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา
อา ได้เวลาที่นัดกับพ่อไว้พอดี เธอจึงขอตัวแยกออกมาด้วยอีกคน
เธอกดปุ่มเอนเทอร์
หน้าจอโหลดและตัดมา แสดงการยืนยันว่าได้ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
และไม่มีอะไรต่อจากนั้น
"กรรม อะไรเนี่ย! "
เธอนั่งงงอยู่ที่หน้าจอ เออ ช่างเหอะ เธอคิดในใจ พลางเปิดหน้าจอเอ็กซ์โพลเรอร์ขึ้นมาใหม่
และเข้าไปที่เวบเกมประจำเพื่อดูข้อมูลข่าวสาร
ซักชั่วโมงเศษๆเธอก็ลอคเอาท์จากเวบเกม ลุกไปอาบน้ำเตรียมนอน
ที่จริงก็ยังไม่ง่วงเท่าไหร่ เธอจึงลงนั่งหน้าคอม เตรียมเปิดตัวมาตั้งขายของ
เธอหยิบบัตรกระดาษสีทองขึ้นมาดูอีกครั้ง เอานิ้วถูไปมาตรงแถบที่เหมือนบาร์โค้ดด้านล่าง
แล้วก็ชะงักกึ๊ก เหมือนจะคิดอะไรได้
เธอเปิดหน้าจอลงทะเบียนสีน้ำเงินแสบตาที่ย่อไว้ในเมนูบาร์ขึ้นมาอีกครั้ง
เปิดหน้าจอให้เป็น FullScreen แล้วก็นิ่งไปซักพัก
คอมที่บ้านเธอก็รุ่นธรรมดา ไม่ใช่ทัชสกรีน นี่เธอคิดอะไรติงต๊องอยู่..
แต่ก็ไม่ได้เสียหาย ถึงจะบ้าก็บ้าอยู่คนเดียวน่า เธอคิดอีกครั้งแล้วเอาแถบบาร์โค้ดไปแปะที่จอ
ตรงแถบด้านใต้คำว่า บันทึกข้อมูลในระบบเรียบร้อยแล้ว
อัศจรรย์ใจ มีเสียงตอบรับดังปิ๊บขึ้นมา แล้วหน้าจอก็โหลดอีก
เฮ้ย เป็นไปได้ไง เป็นไปไม่ได้ ! เธอผละตัวพิงพนักเก้าอี้
หรือแค่หน้าจอมันรีไดเรคเอง
...รีไดเรคหลังจาก 2 ชั่วโมงเนี่ยนะ? ยิ่งเป็นไปไม่ได้ยิ่งกว่า
นี่มันอะไรกันหนอ พลางเสียงหัวเราะ หึหึหึ ที่ได้ยินเมื่อกลางวันก็ดังก้องอยู่ในหัวเธอ
มันเวบแกล้งไรเล่นรึเปล่าเนี่ย คล้ายๆกับมายากลหลอกให้ตกใจ
เดี๋ยวนี้ทำกับคอมได้ด้วยเหรอ สุดท้ายจะมีบอกจำนวนคนที่มาเยี่ยมชมด้วยรึเปล่า?
เออ เอาก็เอาเถอะ เธอจดจ่อ อยากรู้ว่าจะมีอะไรต่อ
เอ๊ะ ตะกี้ทำอะไรอยู่นะ?
เธอเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหงายหลังล้มตึง
"อูยยย" เธอเอามือลูยศีรษะตรงที่กระแทกกับพื้น ดีว่าเก้าอี้ไม่สูงมาก
"หวัดดีค่ะ ทำไรอยู่น่ะ"
เด็กสาวอีกคนหนึ่งมองเธอซึ่งหัวกลับอยู่บนพื้น เธอใส่กี่เภ้าสีน้ำเงินสด เกล้าผมมวยสองข้าง
"เอ้า ฮึบ"
สาวหมวยยิ้มให้ ยื่นมือมาฉุดเธอให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ
"ตกลงว่าจะเอาอันไหนคะ เลือกได้รึยังเอ่ย?"
"เลือก? "
เธอถามงงๆ
"อาซิง หัวเขกจนเบลอแล้วเหรอคะ ริมริมถามว่าถนัดจะเอาอาวุธชิ้นไหนไว้ป้องกันตัวไงคะ"
เธอยังคงมองไปยังสาวกี่เภ้าอย่างงงงวย
เบื้องหน้าเธอมีศาตราวุธหลายอย่างวางเรียงอยู่ เธอเอื้อมมือไปหยิบอันที่ใกล้ที่สุดมาดู
"จะใช้เพลงมวยเหรอคะ สำคัญที่เวลาออกหมัดนะ ถ้าเกิดช่องโหว่ละก็จะโดนสวนกลับมาทันทีเลยล่ะ"
ริมริมเข้ามานัวเนีย ให้คำอธิบายอย่างใกล้ชิด
"ถ้าพูดถึงเพลงมวยล่ะก็ ต้องเน้นกำลังกับความเร็วเป็นสำคัญล่ะ อย่าลืมนะคะ"
เธอวางถุงมือหนังลงบนโต๊ะ และหยิบดาบไม้ที่วางอยู่ถัดไปขึ้นมาดูบ้าง
"ถ้าเป็นดาบล่ะก็ ถึงเป็นไม้ก็มีความคมนะคะ แต่มันจะคมเพียงด้านเดียว"
ริมริมทำท่าเหวี่งไม้เหวี่ยงมือ สาธิตท่าประกอบ
"การจะใช้ดาบได้ดี ต้องควบคุมพลังให้ดีค่ะแล้วการโจมตีจะรุนแรงมากเลยเชียวนะ"
เธอขยับจับมันเหวี่ยงไปมา แล้วไม่ค่อยถนัดมือนักจึงวางลง
เหลือบมองแท่งไม้ยาวเหลาปลายแหลมที่วางอยู่ถัดไป
"สนใจทวนเหรอคะ ถึงมันจะแหลมแค่ส่วนปลายแต่ระยะโจมตีกว้างมากเลยนะคะ"
ริมริมจ้อไม่หยุด เหมือนมีใครกดสวิตช์เอาไว้ ถ่านไม่หมดก็จะพูดไปเรื่อยๆ
แต่ที่เธอเอื้อมมือไปหยิบมาลองไม่ใช่ทวน แต่เป็นธนูไม้ที่วางอยู่ถัดไป
"ธนูนี่แหละค่ะ ระยะโจมตีไกลที่สุด"
ริมริมขยับไม้ขยับมือ ทำท่าประกอบแบบเก้ๆกังๆให้ดู
"เพียงแต่ว่า จะใช้ธนูให้ได้ดีต้องมีความรวดเร็ว และต้องวางแผนการต่อสู้ดีๆด้วยค่ะ"
"แต่สำหรับผู้หญิงที่บอบบางอย่างเรา ใช้อาวุธลับก็น่าจะดีนะคะ"
เธอชี้ไปยังมีดสั้นแผนหนึ่งที่พาดอยู่บนเก้าอี้ เนื่องจากที่บนโต๊ะมีไม่พอแล้ว
"ถึงจะมีคนบอกว่ามีดบินเป็นวิธีของคนขี้ขลาด
แต่การต่อสู้ที่ฉลาดเราไม่ต้องเอาตัวเข้าไปแลกก็ได้นี่คะ คิดเหมือนริมริมใช่มั้ยล่ะ อิอิ"
มันก็จริงนะ ถ้าจะต้องต่อสู้ล่ะก็ สู้อยู่เป็นแนวหลังน่าจะดีกว่า
พลันสายตาเธอก็เหลือบไปพบแท่งไม้อีกแท่ง
หน้าตาเหมือนไม้กระบองที่เอาไว้ตีหมาที่บ้านเวลามันกัดกัน เธอจึงคว้าขึ้นมาดู
แต่เธอก็ต้องแปลกใจเพราะสันทั้งสองข้างนั้น ลับไว้จนคมกว่าตะบองไล่หมาที่บ้านมากนัก
"นั่นคือกระบี่ค่ะ ต่างกับดาบตรงที่มันมีสองคม"
ริมริมแนะนำอย่างยิ้มแย้มต่อไป คราวนี้ไม่ทำท่าประกอบ
"การเคลื่อนไหวที่พริ้วสง่าของกระบี่ หลายคนเรียกมันว่าการร่ายรำเชียวนะคะ"
เธอหยิบพัดขนนกสีขาว ลายน้ำเงินขึ้นคลี่ พัดให้ตัวเองคลายร้อน แล้วพูดต่อไป
"คนส่วนใหญ่ถึงเรียนวิชากระบี่กัน เรียกว่ามากที่สุดในสมัยนี่เลยมังคะเนี่ย"
เธอหยิบมันกวัดแกว่งไปมา ค่อนข้างถูกใจ
"เอ่อ ริมริม? ให้ชั้นเลือกอย่างเดียวเหรอจ๊ะ? "
"ค่ะ ริมริมก็อยากให้เท่าที่อาซิงอยากได้นะ แต่ถ้าทำอย่างงั้นริมริมต้องโดนดุแน่ๆเลย"
สาวหมวยหลับตาปี๋ นึกถึงเวลาถูกดุแล้วตัวก็กดลงไปเหลือเล็กนิดเดียว
"ถ้าเลือกอาวุธได้แล้วดูชุดด้วยนะคะ"
เธอรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ที่ถูกเรียกว่าอาซิง ราวกับว่ามันไม่ใช่ชื่อของเธอ
แต่ดูริมริมเรียกเธอไม่ลังเลเลย และเธอก็นึกไม่ออกว่าถ้านี่ไม่ใช่ชื่อเธอแล้วจะให้เธอชื่ออะไร
เธอหันความสนใจจากโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาวุธมาที่เสื้อผ้าสองชุดที่ริมริมเตรียมไว้ให้
ชุดนึงเป็นผ้าเนื้อดี สีเขียวหยก สะอาดตา อีกชุดเป็นผ้าหนังแข็งสีบุษราคัม
เธอเลือกชุดสีเขียว ริมริมช่วยมัดผ้าพันเอวสีน้ำเงินให้จนแน่น
ชุดที่เธอเลือก เมื่อใส่ออกมาแล้ว คล้ายๆชุดในหนังบู๊กำลังภายในของจีน
ผิดแต่ว่า ชายเสื้อที่ซ้ายทับขวา ยาวลงมาบังหน้าและหลังไม่ถึงเข่า แถมด้านข้างผ่าถึงเอว
กางเกงซับในสีขาวมองเห็นได้ชัดเต็มๆทั้งตัว
"ริมริม มันไม่โป๊ไปหน่อยเหรอ? "
"ทะมัดทะแมงดีออกค่ะ ไม่ได้แต่งตัวไปจ่ายตลาดนะคะ"
ริมริมเดินอ้อมมาด้านหลัง แล้วกดตัวเธอให้นั่งลงบนม้านั่งไม้เตี้ยๆ
"ริมริมมัดผมให้นะคะ จะได้เคลื่อนไหวได้ถนัดขึ้นอีก"
"เป็นไงคะ อย่างนี้ดีมั้ย? "
เธอส่งกระจกเงาบานเล็กให้อาซิงดู ผมของเธอถูกเกล้าขึ้นไปเป็นหางม้า
เหลือปอยผมด้านหน้าที่สั้นกว่าเอาไว้ตามเดิม
"แล้วตกลงเอาอาวุธอันไหนคะ? "
ริมริมวกกลับมาเรื่องเดิม
"นั่นสิ ดาบ เอ๊ย หมายถึงกระบี่ก็เข้าท่าอยู่นะ"
อาซิงหยิบดาบมาแกว่งไปมา แล้วพลาดทำหลุดมือ กระเด็นไปอยู่สุดห้อง
"เออ บางทีอาจจะไม่... "
งั้นน่าจะเอาอะไรง่ายๆ เธอคิดกับตัวเอง
"ริมริม ยืมตะเกียบทีจ้ะ"
"หา ตะเกียบเหรอคะ? "
อาซิงเอาดาบบากตะเกียบแต่ละอันที่ระดับไม่เท่ากัน แล้วเอาตะเกียบคืนใส่กระบอก
ว่าแล้วก็เขย่าเหมือนเสี่ยงเซียมซี กุกกัก กุกกัก แกร๊ก
ตะเกียบข้างนึงเคลื่อนหล่นออกมาจากกระบอกตามแรงเขย่า
เธอหยิบตะเกียบด้ามนั้นมาวางบนโต๊ะ
และนำตะเกียบด้ามอื่นๆในกระบอกมาวางเรียงไปทางซ้ายทีละอัน
หลังจากเทียบดูรอยบากแล้ว ด้ามที่หล่นมานั้น รอยบากอยู่ใกล้ปลายตะเกียบมากที่สุด
สรุปว่าเธอจะเลือกอาวุธที่ระยะต่อสู้ใกล้ที่สุด
"เอาอันนี้แหละจ้ะริมริม"
เธอฉวยคว้าถุงมือหนังขึ้นมา
"ไม่เอามีดบินจะดีเหรอคะ อย่างนี้อันตรายนะคะ"
"ของมันฝึกกันได้น่า"
ริมริมหน้าเบี้ยวด้วยความเป็นห่วง
เหมือนเธอนึกได้ถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด อาซิงถามโพล่งขึ้นมา
"ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนแล้วเธอเป็นใครนะ? ชั้นไม่รู้สึกว่ารู้จักเธอมาก่อนเลย"
ความเงียบเข้าปกคลุมพักนึง ก็มลายไปด้วยรอยยิ้มของริมริม
"ริมริมเป็นคนดูแลทุกคนที่มายังโรงเตี๊ยมเทียนอันแห่งนี้ค่ะ รวมทั้งอาซิงด้วยค่ะ"
เธอจูงมืออาซิงแล้วเปิดประตูโรงเตี๊ยมออกไป
"ที่นี่คือนันจูค่ะ ทุกคนต้องเริมต้นที่นี่ด้วยกันทั้งนั้น"
เบื้องหน้าเธอคือเมืองแบบจีน ตึกรามบ้านช่องหลังคากระเบื้อง ผู้คนแต่งกายเหมือนหนังจีนกำลังภายใน
เธอรู้สึกราวกับว่าหลุดเข้ามาในโลกแฟนตาซี โลกของเกม
แต่ให้ตายเถอะ ถ้ามันเป็นเกมทั้งทีทำไมไม่เป็นเกมที่เธอเคยเล่น!!?
เธอชอบแต่เกมสไตลอัศวินนักรบแบบยุโรป ใช้เวทย์มนตูสกิลเอฟเฟคอลังการณ์
ทำไมเธอถึงมาอยู่ในโลกที่มันจีนแท้ ตะวันออกจ๋าอย่างนี้
เธอร้องไห้อยู่ในใจ พลางเดินไปสำรวจ
ริมริมยังคงเดินตามเธอไปติดๆ ก่อนจะกระซิบบอกเธอให้ไปคุยกับสาวเสื้อม่วงที่ยืนอยู่ใกล้โคมไฟ
"สวัสดีค่ะ ข้ามีหน้าที่แนะนำนักเดินทางรุ่นใหม่ทุกคนค่ะ เอ่อ ถึงข้าจะหน้าเด็ก แต่จริงๆแล้วข้ารู้เยอะนะ"
ท่าทางของเธอดูเคอะเขินไม่คุ้นคน ไม่เหมาะกับหน้าที่ที่เธอได้รับซักนิด
"รอบเมืองจะมีเหล่าปิศาจที่ไม่ดุร้ายมากสำหรับล่า แล้วก็ นอกนั้นลองคุยกับชาวบ้านดูนะคะ"
ช่างเป็นคำแนะนำที่บรรเจิดเสียจริงๆ อาซิงบ่นอุบอิบอยู่ในใจไม่ให้ริมริมเห็น
"เอ่อ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะ ถ้ายังไง ข้าจะเขียนจดหมายรับรองให้"
สาวกี่เภ้าม่วงก้มลงเขียนกุกกักๆ ก่อนส่งม้วนสารให้อาซิงฉบับหนึ่ง
"นำจดหมายรับรองนี่ไปพบพ่อค้าเสื้อพังยอนนะคะ"
เธอผายมือไปทางด้านหลังที่มีร้านขายเสื้อตั้งเป็นราวแต่ไกล
คงเพราะเมืองนี้เล็กมาก เมื่อยืนอยู่กลางเมืองจึงมองเห็นภายในเมืองได้โดยรอบ
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ร้านขายผ้ามีผ้าสีสันฉูดฉาดแขวนอยู่มากมาย เสื้อผ้าสวยๆก็มีมาก
แม่ค้าขายเสื้อโฮงรูยอนที่อยู่ใกล้ๆกันนั้นก็มีของสวยๆงามๆ อย่างเครื่องประดับและผ้าคลุมเนื้อนุ่ม
แต่เมื่อสอบถามราคาแล้วเธอแทบจะเป็นลม
เธอมองแหวนตาละห้อย ก่อนจะเดินไปหาพังยอน พร้อมกับยื่นจดหมายแนะนำตัวให้
พ่อค้ารับไว้แล้วก็หยิบผ้าเล็กๆให้เธอสองผืน
"ไว้มัดมวยนะ จะได้ต่อสู้ถนัดๆ"
แต่อาซิงชอบรัดหางม้าแบบที่ริมๆช่วยผูกไว้แล้ว เธอรับมาอย่างเสียไม่ได้และยิ้มแห้งๆให้
"นี่จดหมายแนะนำตัวจากข้านะ เอาไปให้คนเฝ้าโกดังเถอะ"
อาซิงวิ่งเอาจดหมายแนะนำตัวอันใหม่ไปมอบแก่คนเฝ้าโกดัง โชชอมยอง
เขารับไปแล้วโบกไม้โบกมือ
"ไม่มีอะไรจะให้เจ้าหรอก คิดว่าพอจะออกผจญภัยแล้วจะขอของจากทุกคนรึไง"
อาซิงหรี่ตาขวาง เธอไม่ได้อยากจะขอของสักหน่อย แค่นำหนังสือมาส่งมาตามที่ถูกไหว้วาน
"ไปหาท่านเจ้าเมืองซังซงฮกเถอะ อาจจะพอมีงานการให้ทำมั่ง"
คนเฝ้าโกดังโบกมือไล่ คืนหนังสือแนะนำตัวกลับมา
อาซิงเดินรี่ไปยังจวนกลางเมือง เจ้าผู้ครองแต่งตัวภูมิฐาน
เสื้อคลุมชั้นนอกสีหมวกก็ตัดเย็บจากผ้าไหมอย่างประณีต
แต่หมวกสีดำปลายยาวที่ขนาดกับหนวดนั้นดูตลกพิลึก อาซิงพยายามจะไม่ขำ
เจ้าเมืองรับหนังสือแนะนำตัวอันเดิม แล้วแนะนำด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นแต่น่าเกรงขาม
"เจ้านำหนังสือนี่ไปหาหมอชอชอนทางด้านนู้นนะ เขาจะให้ยาแก่เช้า เผื่อฉุกเฉิน"
อาซิงมองตามทางที่เจ้าเมืองพยักเพยิดให้ก็เห็นชายชราชุดขาวนั่งอยู่ไกลๆ
"เสร็จแล้วกลับมาหาข้าล่ะ ข้ามีงานให้เจ้าทำ"
"ค่ะ"
อาซิงรับคำแล้ววิ่งไปยังเรือนแพทย์ของหมอ วิ่งจนเกือบเลยทำให้ต้องเบรกตัวโก่ง
"ช่วงนี้โลกมันแปลกเหลือเกินแค่ออกไปนอกหมู่บ้านก็ยังอันตราย"
น้ำสียงครั่นเครือของหมอชรากล่าวทักเมื่อเจอหน้า
"เมื่อบาดเจ็บอันตรายก้ต้องรีบรักษาให้ทัน การจะรักษาได้นั้นก็ต้องรู้จักตัวยา
รวมถึงควรจะพกยาติดตัวไว้เผื่อฉุกเฉินด้วย"
ชายชรากระแอม
"ตัวยาน่ะมีอยู่สองประเภท คือเชลอกเป็นยาฟื้นคือพลัง ส่วนคัลยอกเป็นยาฟื้นฟูปราณ"
อาซิงฟังแล้วพยายามจำ แม้ว่าจริงๆจะจำไม่ได้ก็ตาม
"ยาฟื้นฟูกำลังส่วนใหญ่หาไม่ยาก แค่กินให้อิ่มท้อง แต่ยาฟื้นฟูปราณนี่หาได้จากสมุนไพร"
ชอชอนชี้ชวนให้ดูโสมชนิดต่างๆที่วางตากอยู่บนเสื่อ
"ว่าแต่แม่หนูมาทำอะไรหรือ? "
อาซิงเพิ่งนึกธุระตัวเองได้หลังจากฟังเพลิน ส่งหนังสือจากเจ้าเมืองให้หมอชรา
"โอย ทำไมไม่บอกล่วงหน้า ยาข้าไม่ได้เตรียมไว้"
ชายชราเดินไปหยิบอะไรบางอย่างมัดใส่ห่อผ้า
"เกี๊ยวพวกนี้แม้จะไม่ใช่ยา แต่ก็ช่วยฟื้นฟูกำลังได้พอสมควร มากะทันหัน ข้าเตรียมให้ได้เท่านี้แหละ"
อาซิงก้มหัวขอบคุณ กำลังจะเดินจากไป ก็ถูกรั้งตัวไว้
"จริงสิ ถ้าแม่หนูพอมีเวลา ข้ามีเรื่องจะรบกวน"
อาซิงพยักหน้ารับ เธอว่างเหลือเฟืออยู่แล้ว
"คูมุนฮาที่อยู่ในเขามียาดี ข้าอยากได้ตัวยาบางส่วนจากเขา แต่สังขารข้าไม่อำนวยจะเดินทางไกล"
แต่สีหน้าของชายชราบอกถึงความกังวลต่อปิศาจที่คุกคามนอกเมืองมากกว่า
"ถ้ายังไง เจ้าช่วยไปเอามาให้ข้าทีได้ไหม"
"ได้สิคะ"
อาซิงรับปาก
"เรื่องนี้ข้าจัดการเอง"
เธอโค้งคำนับอีกครั้ง ก่อนจะกลับไปหาเจ้าเมือง
"เจ้ามาพอดีเลย ข้าทำหนังสือรับรองในส่วนของเจ้าเสร็จแล้ว"
ซังซงฮักยื่นม้วนสารให้อาซิงทันทีที่เห็นหน้า
"นำมันไปให้คนขายอาวุธยอชิกุนทางด้านโน้น เขาเป็นนักสะสมลูกแก้ว"
เธอมองไปยังร้านขายอาวุธฝั่งตรงข้าม เจ้าของร้านกำลังง่วงตีแท่งเหล็กให้กลายเป็นใบดาบ
"เห็นอย่างนั้นเขาเป็นนักสะสมลูกแก้วนะ คิดว่าเขาคงมีอะไรให้เจ้าทำบ้าง"
"ทั่นเจ้าเมืองส่งเจ้ามา? "
สำเนียงของพ่อค้าอาวุธคนนี้ห้วนๆ ฟังดูแปลกๆ
"เจ้าไปเก็บลูกแก้วนอกเมืองมาให้ข้าสิ ถ้าฆ่าพวกปิศาจคงจะได้มา"
"ไม่ได้ให้ทำฟรีหรอกน่า อย่าทำหน้าอย่างนั้น ค่าตอบแทนน่ะมีแน่ แต่ของต้องมาก่อน"
เขาแทบไม่เงยหน้าจากเตาหลอมของเขาเลยในขณะที่สนธนา
สมาธิยังคงแน่วแน่อยู่ที่แท่งเหล็กและค้อนในมือ กับระดับเปลวไฟที่ต้องคอยดูให้สม่ำเสมอ
"ถึงงานนี้จะอันตรายสำหรับเจ้าแค่ไหน แต่คงไม่ปฏิเสธหรอกใช่ไหม"
อาซิงเองก็ไม่ได้นึกกลัวอะไร สัตว์ประหลาดนอกเมือง แค่ตบเบาๆก็แล้ว
เป็นอย่างนี้มาทุกเกม เธอยืดอกรับเต็มที่
"ได้ค่ะ ลูกแก้วซัก 10 ลูกพอมั้ยคะ? "
"นั่นล่ะ ข้ากำลังจะบอกพอดี งั้นตกลงตามนี้"
ยอชิกุนเงยหน้าขึ้นยิ้มให้อย่างพอใจแว่บหนึ่ง และก้มลงขะมักเขม้นกับงานที่เตาหลอมต่อ
ประตูเมืองมีสองทาง ทิศตะวันออกและทิศเหนือ
ทางไหนก็คงมีสัตว์ประหลาดเหมือนกันแหละน่า
เธอไม่ได้คิดมากอะไร และวิ่งดุ่มๆออกไปทางประตูทิศเหนืออย่างอารมณ์ดี
ได้เวลาซัดกับม่อนซักตั้งแล้วน่า...
ความคิดเห็น