หมูน้อยกับพยัคฆ์ร้าย

โดย Mystery Me

เขาไม่ได้แตะต้องตัวนาง นางตั้งครรภ์ได้อย่างไร เขาผู้ไม่สนใจในหญิงใด ไยต้องมาติดอยู่กับนาง

อ่านนิยาย

รีวิวจากนักอ่าน

รีวิว

นิยายขนมสายไหมญี่ปุ่น สีหวาน สดใส และเบาหวิว

รีวิวถึงลำดับตอนที่ 23

เยี่ยมมาก
บทวิจารณ์ หมูน้อยกับพยัคฆ์ร้าย
"นิยายขนมสายไหมญี่ปุ่น สีหวาน สดใส และเบาหวิว"
โดย หอยทากกินบะหมี่
หมูน้อยกับพยัคฆ์ร้าย เป็นเรื่องที่ตั้งชื่อมาจากลักษณะเด่นหรือฉายาของตัวละครเอกหญิงและชายของเรื่อง เป็นนิยายที่เพียงเห็นเพียงชื่อเรื่องก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่า ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักใสๆของคู่นี้เป็นแน่
เรื่องราวเล่าถึงองค์ชายสามแห่งแคว้นเว่ย จินหู่ บุรุษหน้าหวานชนิดผู้หญิงยังอาย ผู้สนใจตำรามากกว่าสตรีจนมีข่าวลือว่าเป็นพวกตัดแขนเสื้อ (ชายรักชาย) จึงไม่เป็นที่โปรดปราณของฮ่องเต้ กับองค์หญิงแคว้นจ้าว จ้าวเหมยลี่ ที่อายุถึง 20 ปีแล้วแต่ยังมิได้ออกเรือนเนื่องจากป่วยด้วยโรคประหลาด พวกเขาเข้ามาเกี่ยวข้องกันเพราะจินหู่ถูกกลเกมการเมืองภายในราชสำนักบีบให้ต้องออกมารบ จนเขาต้องพึ่งยาพิษของสำนักพันพิษ ที่ช่วยให้ร่างบัณฑิตป้อแป้ของตนมีกล้ามเนื้อและเรี่ยวแรงขึ้นมารบทัพจับศึก จนสามารถมีชีวิตรอดและคว้าชัยชนะในสงครามนี้ได้ สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน และนั่นทำให้ฮ่องเต้มีราชโอการจัดสมรสพระราชทานระหว่างเขากับองค์หญิงแคว้นจ้าวขึ้นเพื่อเป็นการให้รางวัล ท่ามกลางศึกชิงบัลลังก์ภายในแคว้นเว่ยที่เข้มข้นขึ้นทุกขณะ ความสัมพันธ์ระหว่างจินหู่กับจ้าวเหมยลี่ก็เริ่มบ่มเพาะขึ้นมาจากสมรสพระราชทานนี้
ปริศนาอาการป่วยในวัยเด็กของจ้าวเหมยลี่ กับคนที่ช่วยให้จินหู่รอดพ้นจากผลสะท้อนของยาพิษจากสำนักพันพิษ คือจุดเด่นที่สำคัญของเรื่องนี้ โดยผู้เขียนได้หยิบยกเรื่องราวอดีตที่เคยป่วยด้วยโรคประหลาดที่ทำให้รูปร่างไม่น่ามอง ถูกเรียกว่าเสี่ยวจู (หมูน้อย) ขึ้นมาเล่าในช่วงตอนที่เนื้อเรื่องดำเนินมาได้สักพักแล้ว ซึ่งเป็นการกระตุ้นผู้อ่านให้ตื่นตัวกับความสัมพันธ์ของพระ-นาง ให้คาดเดากันว่าพวกเขาเคยเจอกันมาก่อน เนื่องจากจินหู่มีความสัมพันธ์กับหญิงอ้วนคนหนึ่งในคืนที่พิษกำเริบซึ่งกล่าวไว้ตั้งแต่ในบทนำ ทำให้ผู้อ่านเกิดความกระหายใคร่รู้ว่า เมื่อใดความจริงจะเปิดเผย และถ้าเปิดเผยแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะเป็นอย่างไรต่อไป
ผู้เขียนเล่าเรื่องด้วยการใช้ภาษาบรรยายแบบเรียบง่าย เข้าใจได้ไม่ยาก ทำให้สามารถอ่านได้ทุกเพศทุกวัย และได้มีการสอดแทรกความตลกเล็กๆช่วยผ่อนคลายสมองของผู้อ่านไว้ จากการให้จ้าวเหมยลี่เชื่อข่าวลือเรื่องตัดแขนเสื้อของจินหู่ และเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเจ้าหนุ่มองครักษ์คนสนิทประจำตัวของอ๋องสามคือคนรักที่แท้จริงของเขา เลยกลายเป็นพยายามเอาใจเจ้าหนุ่มองครักษ์ไปด้วย ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน ทั้งองครักษ์คนนี้ยังกลายเป็นก้างขวางคอชิ้นโตเวลาที่พระ-นางกำลังมีช่วงเวลาดีๆด้วยกัน โผล่มาขัดคอบ่อยมากทั้งด้วยบังเอิญและด้วยหน้าที่
นอกจากนี้ ศึกชิงบัลลังก์ภายในแคว้นเว่ยที่ ก็เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจและเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนของนิยายเรื่องนี้ เพราะบรรดาองค์ชายและขุนนางทั้งหลายต่างก็ห้ำหั่นกันเพื่อให้ตนหรือคนที่ตนสนับสนุนได้เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ แม้ว่าตอนนี้แผ่นดินจะมีรัชทายาทอยู่แล้วก็ตาม โดยเรื่องเกมการเมืองภายในนี้ ก็เป็นอีกเรื่องที่ช่วยทำให้จินหู่และเหมยลี่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วย
ตัวละครเอกชายอย่างจินหู่ เป็นชายหนุ่มหน้าหวานกว่าอิสตรี ชอบอ่านหนังสือ จึงเป็นคนฉลาด สามารถกุมชัยชนะในสงครามที่ตนไปรบมาได้แม้จะเป็นศึกแรก ส่วนจ้าวเหมยลี่ เป็นสตรีที่เลี้ยงดูมาแบบประหลาดกว่าสตรีทั่วไปเล็กน้อย เพราะต้องรักษาอาการป่วยประหลาดของตนตั้งแต่เด็กๆ ทำให้มีนิสัยชอบอ่านหนังสือเช่นกัน โดยเฉพาะตำราแพทย์ และชอบเหม่อคิดอะไรคนเดียว ตัวละครทั้งสองเป็นคาแรคเตอร์ที่จะว่าเห็นได้บ่อยในนิยายจีนโบราณทั่วไปก็ไม่เชิงนัก เนื่องจากจินหู่มีจุดอ่อนอยู่ตรงที่เขานั้นไม่ได้มีพละกำลังมากมายอะไร ที่รบได้ก็เพราะพึ่งยาล้วนๆ กับเหมยลี่ที่ชอบทำอาหาร ชอบปรุงยา แต่ก็ช่างมโนเวลาเห็นอ๋องสามกับองครักษ์ของเขาอยู่ด้วยกัน จุดนี้ทำให้ตัวละครเอกทั้งสองมีความแตกต่างจากตัวเอกนิยายแนวจีนโบราณที่มีเยอะมากในปัจจุบัน และทำให้พวกเขามีสีสัน มีชีวิตชีวาขึ้นมาในสายตาของผู้อ่าน
ส่วนตัวละครอื่นๆ เช่น จวิ้นอ๋อง ก็มีลักษณะของตัวร้ายที่ร้ายลึกขึ้นมาทีละนิด จากการพยายามขัดขวางการสืบข่าวของอ๋องสาม การชิงกว้านซื้อวัตถุดิบสำหรับปรุงยาขั้นสูงที่เหมยลี่ต้องใช้ ทำให้คาแรคเตอร์ของตัวละครตัวนี้โดดเด่นขึ้นมาได้ทันที แม้ว่าเขาจะมีบทพูดในเรื่องจนปัจจุบัน 23 ตอนนี้ไม่ถึง 10 ประโยคก็ตาม ส่วนหวงต้าหยง หรืออาหยง องครักษ์ประจำตัวของอ๋องสาม คู่จิ้นกับจินหู่ในสายตาของเหมยลี่ กับจื่อเหยา จอมยุทธ์สาวจากสำนักพันพิษ ก็เป็นตัวละครที่สร้างสีสันให้กับเรื่องราวได้ดี
นิยายเรื่องนี้เหมือนกับขนมสายไหม คือเป็นแนวจีนโบราณที่นำเสนอเรื่องความรัก อ่านแล้วอมยิ้มไปกับความน่ารักกุ๊กกิ๊กของพระเอก-นางเอกเวลาที่อยู่ด้วยกัน ดูหวานๆ ยิ้มมุมปากเวลาที่เหมยลี่จินตนาการความสัมพันธ์ของจินหู่กับต้าหยงไปไกลจนกู่แทบไม่กลับ ให้ความรู้สึกสดใส ทำให้อ่านแล้วเพลิน อ่านได้เรื่อยๆ
และขนมสายไหมญี่ปุ่นก็มีลักษณะเด่นอีกอย่าง นั่นคือความเบาหวิว
ด้วยนิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่พูดถึงประเด็นความรัก ดังนั้นเนื้อหาจึงไม่ได้หนักไปทางการเมืองจ๋า หรือสงครามนองเลือดมากนัก หากการเล่าเรื่องในจุดอื่นก็กลับลงรายละเอียดปลีกย่อยเพียงเล็กน้อยไปด้วย ทำให้ผู้อ่านเข้าใจเหตุการณ์ในเรื่องอย่างคลุมเครือไม่ชัดเจนเท่าใดนัก เหตุการณ์บางจังหวะตัดไปตัดมาอย่างรวดเร็วจนตามไม่ทันเพราะไม่มีรายละเอียดเท่าที่ควร ทำให้อารมณ์ร่วมไปกับเนื้อเรื่องของผู้อ่านลดลง ทั้งที่ผู้เขียนสามารถลงรายละเอียดเนื้อเรื่องได้มากกว่านี้เพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกมีอารมณ์ไปกับเรื่องได้ในทุกตอน
หลายประโยคที่ปรากฎขึ้นในเรื่องไม่มีการคำเชื่อมในประโยคหรือคำ กลายเป็นในแต่ละวรรคเหมือนกับจับคำแต่ละคำมาวางไว้ข้างๆกันอย่างห้วนๆ ตัวอย่างเช่นตอนที่ 3 "ชายวัยยี่สิบห้าปี วันๆอยู่แต่ในห้องทรงอักษร รักการอ่านตำราทุกชนิด มหาพิชัยสงคราม บทกลอน จนถึงเรื่องแต่ง นิยาย..." ผู้เขียนบรรยายเพื่อเปิดตัวตัวละครเอกชายเป็นครั้งแรกสู่สายตาผู้อ่าน หากภาษาที่ใช้กลับเป็นการบรรยายลักษณะเป็นข้อๆแบบสรุปหัวข้อรายงาน หรือเขียนเหมือนอยู่ในหน้าแนะนำตัวละครมากกว่าเป็นฉากเปิดตัว แม้จะหาความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันได้ แต่ก็ทำให้อรรถรสในการอ่านสะดุดลงไปได้พอสมควร การแก้ไขคือสามารถใช้การบรรยายแบบพรรณาโวหารในเนื้อเรื่องเข้ามาในจุดนี้เพื่อให้เนื้อหามีความสละสลวยยิ่งขึ้น
การเว้นวรรคของเรื่อง ผู้เขียนเว้นวรรคเพื่อให้อ่านง่ายสบายตา ไม่ยาวจนอ่านแล้วสูดหายใจเฮือกไม่ทัน เพราะการอ่านสำหรับทุกคนพวกเขากลั้นลมหายใจไปด้วยขณะอ่านจนจบวรรค แต่การเว้นวรรคของผู้เขียนในเรื่องทำให้ผู้อ่านอ่านแล้วหายใจถี่ๆจนจะเป็นหอบแทน เนื่องจากการเว้นวรรคที่มีค่อนข้างมาก (ตอนที่ 4 "ตำหนักรับรองภายในส่วนของฮองเฮา องค์หญิงแคว้นจ้าว เดินทางมาพำนัก ได้หลายวันแล้ว...")
ตามหลักเกณฑ์การเว้นวรรคของสำนักงานราชบัณฑิตยสภานั้น จะใช้การเว้นวรรค หรือช่องว่างระหว่างคำเพื่อให้ข้อเขียนนั้นมีความถูกต้อง แจ่มแจ้ง ชัดเจน และอ่านได้ตรงตามความต้องการของผู้เขียน โดยใช้เว้นวรรคเมื่อจบข้อความแต่ละประโยค หรือในประโยครวมให้เว้นวรรคระหว่างประโยคย่อยที่มีใจความสมบูรณ์และเชื่อมกับประโยคอื่น ๆ ที่ขึ้นต้นด้วยคำสันธาน “และ” “หรือ” “แต่” ฯลฯ
ดังนั้น ในตอนที่ 4 ที่ยกตัวอย่างมานั้น หากเขียนรูปประโยคเป็น "ณ ตำหนักรับรองภายในส่วนของฮองเฮา องค์หญิงแคว้นจ้าวเดินทางมาพำนักได้หลายวันแล้ว..." แบบนี้จะทำให้ผู้อ่านไม่ต้องหายใจถี่ๆตามจำนวนวรรคที่เว้นเข้ามาเป็นจำนวนมากในแบบเดิม และเนื้อเรื่องก็อ่านได้อย่างไหลลื่น
ความสมจริงของเนื้อเรื่อง เนื่องจากนิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแนวจีนโบราณ วัฒนธรรมธรรมเนียมเกี่ยวกับเจ้านาย-บ่าวไพร่ จะมีการแบ่งแยกไว้ค่อนข้างชัดเจน มีการกำหนดบทลงโทษข้าทาสไว้อย่างรุนแรง แต่เรื่องนี้ตัวละครบ่าวไพร่กับสามารถตั้งวงนินทาเหมยลี่ที่เป็นหวางเฟย เป็นนายเหนือหัวสูงสุดฝ่ายหญิงของพวกตนที่เป็นรองเพียงแค่เจ้าของวังอย่างอ๋องสาม ครั้นเมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขา พฤติกรรมของบ่าวไพร่กลับแสดงออกมาในรูปของการทำหลบตาก้มหน้าทำงานกลบเกลื่อนความผิดเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (ตอนที่ 8)
ความจริงแล้ว ด้วยยุคสมัยเช่นนั้น ชีวิตของบ่าวไพร่ในเรือนสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า "ไร้ค่า" นายสั่งให้ตายก็ต้องตายอย่างไม่มีปากมีเสียง แม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาม ดังนั้นกลุ่มชนชั้นนี้เมื่อถูกจับได้ว่ากระทำความผิด พวกเขาจะแสดงพฤติกรรมสำนึกผิดต่อเจ้านายเพื่อรักษาชีวิตน้อยๆของตนไว้ทันที ด้วยการคุกเข่าโขกศีรษะลงกับพื้นขอความเมตตา แกล้งร้องห่มร้องไห้ให้ดูน่าเวทนาสงสาร ฯลฯ แต่ไม่ใช่การทำเนียนว่าทำงานต่อ ประหนึ่งเป็นพนักงานออฟฟิศในยุคปัจจุบันนั่งนินทาเพื่อนร่วมงานแล้วโป๊ะแตก เพราะถ้าเปลี่ยนเป็นพนักงานนินทาเจ้านายแล้วโดนเจ้านายจับได้คาตาเช่นนั้น ก็ต้องขอโทษเจ้านายเช่นกัน ตรงจุดนี้ทำให้เนื้อเรื่องขาดความสมจริงไปอย่างน่าเสียดายทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ ผู้เขียนอาจต้องทำการบ้านเพิ่มเติมในจุดนี้เพื่อให้เนื้อหาพัฒนาไปสู่ทิศทางที่ดียิ่งขึ้นไป
การใช้คำ ยังมีคำผิดอยู่ประปราย เช่น ในตอนเดียว มีทั้ง "พะย่ะคะ" และ "พะย่ะค่ะ" ซึ่งคำนี้มองว่าผู้เขียนรู้อยู่แล้วแต่อาจพลาดพิมพ์ตกคำไป, สมดุลย์ เป็น สมดุล (ตอนที่ 9) , กระตือรือล้น เป็น กระตือรือร้น (ตอนที่ 9 ) และยังมีการใช้คำอีกจุดหนึ่งของเรื่องที่สร้างความงุนงงให้อย่างยิ่งในขณะที่อ่าน นั่นคือ ตกลงแล้ว เหมยลี่ นามสกุล "จ้าว" หรือ "เจ้า" และเป็นองค์หญิงของแคว้น "จ้าว" หรือ "เจ้า" กันแน่ เพราะผู้เขียนใช้สองคำนี้ผสมกันมาในเรื่อง ควรใช้เพียงคำเดียวตลอดทั้งเรื่อง (บทแนะนำตัวละคร กับบทที่ 2)
โดยสรุปแล้ว นิยายเรื่องหมูน้อยกับพยัคฆ์ร้าย เป็นนิยายแนวจีนโบราณที่นำเสนอเรื่องความรักและความสัมพันธ์ของตัวละครเอกชาย-หญิงแบบสบายๆ อ่านแล้วไม่เครียด อ่านได้เรื่อยๆ ด้วยความสดใสและมีสีสันของตัวละครในเรื่อง และความลับในความสัมพันธ์ของตัวละครเอกให้ลุ้นว่าตกลงพวกเขาเคยเจอกันมาก่อนหรือไม่ พร้อมกับตื่นเต้นนิดๆไปกับศึกชิงบัลลังก์มังกรในวังหลวง แต่ด้วยความที่เป็นนิยายรัก ทำให้รายละเอียดประเด็นด้านอื่นของเนื้อเรื่องยังเบาบางไปบ้าง ใช้คำที่สั้นและห้วนในบางจังหวะ มีการเว้นวรรคค่อนข้างถี่ ความสมจริงยังมีจุดติดขัด และคำผิดกับคำที่ชวนงุนงงมาให้เห็นเป็นระยะ
สุดท้าย ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนในการสร้างสรรค์ผลงานดีๆต่อไป อย่างไรเสียคำวิจารณ์นี้ก็เป็นเพียงมุมมองและความเห็นของผู้อ่านคนหนึ่งจากบรรดาผู้อ่านหลายคนของนิยายเรื่องนี้เท่านั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการคิดและตัดสินใจของผู้เขียนเอง

0