ข้าไม่อยากเป็นฮ่องเต้แล้ว ผู้อื่นเอาไปที! (อัพเล่มจบ)

โดย SnaiLife

เรื่องราวของฮ่องเต้ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อสละราชบัลลังก์ ไหนจะฮองเฮาที่มีใจให้ชายอื่น ไหนจะรัชทายาทที่อนาคตจะกบฎเขา ไหนจะขุนนางที่บอกว่าเขาเป็นทรราช ไหนจะเพื่อนเก่าของพี่ชายที่มาตามล้างแค้น เห็นหรือไม่ตำแหน่งนี้มันไม่มีดีอะไรเลย ใครอยากได้ก็เอาไปเสีย

อ่านนิยาย

รีวิวจากนักอ่าน

รีวิว

นิยายจีนโบราณที่ตีขลุมเล่นตลกร้ายการเมืองจนตกคนอ่านซะอยู่หมัด

รีวิวถึงลำดับตอนที่ 17

เยี่ยมมาก
บทวิจารณ์ ข้าไม่อยากเป็นฮ่องเต้แล้ว ผู้อื่นช่วยเอาไปที“นิยายจีนโบราณที่ตีขลุมเล่นตลกร้ายการเมืองจนตกคนอ่านซะอยู่หมัด”โดย หอยทากกินบะหมี่ ตลาดนิยายแนวสามมื้อ หรือที่พวกเราคุ้นกันดีอย่าง “แนวอดีต ปัจจุบัน อนาคต” ในเว็บไซต์เด็กดีนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นหนึ่งในแนวที่มีนักเขียนนิยมเขียนนิยายหรือฟิคชั่นมากที่สุดในระดับ 3 อันดับสูงสุดของเว็บ กลายเป็นหนึ่งในตลาดที่มีอัตราการแข่งขันกันสูงมาก และท่ามกลางนิยายแนวนี้อีกเป็นหมื่นเรื่อง นิยายเรื่องนี้กลับเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ต่างจากเรื่องอื่นอย่างสิ้นเชิง ข้าไม่อยากเป็นฮ่องเต้แล้ว ผู้อื่นช่วยเอาไปที แค่ชื่อเรื่องก็บ่งบอกแล้วว่าเนื้อหาจะต้องเกี่ยวข้องกับการที่ฮ่องเต้สักองค์ไม่ประสงค์จะครองบัลลังก์ต่อไปแน่ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อตัวเอกของเรื่องอย่าง อวี้ฟิง หรือ ฮ่องเต้เฉียนเชียวฉุยสง ผู้ครองแผ่นดินคนปัจจุบันต้องการหาคนมาแทนที่ตนเองให้ได้ชนิดว่าไปบวชก็ยอม หลังจากที่ตนเองนั้นตายซ้ำตายซากมาไม่รู้กี่รอบเพราะถูกกบฏโดยผู้คนรอบข้าง เช่น ชาติแรกโดนลูกชายคนแรกฆ่าตาย ชาติที่สองพอฟื้นขึ้นมาจึงสังหารลูกชายคนแรกก่อนที่เขาจะโต แต่ก็กลายเป็นถูกลูกชายคนเล็กฆ่าตายอีกในชาตินั้น วนเวียนอย่างนี้มาไม่รู้กี่ชาติจนเริ่มปลง และเขาก็ต้องฟื้นขึ้นมาในร่างตัวเองในวันที่ตัวเขานั้นแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้มาจากพี่ชายไปแล้วเสียทุกครั้งด้วย จากที่คิดฆ่ากลายเป็นอยากสละบัลลังก์ ทว่าโอกาสในการกลับตัวไม่อยากเป็นฮ่องเต้กลับริบหรี่ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาตลอด เรื่องนี้บรรยายผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่งอย่างอวี้ฟิง พระเอกของเรื่อง ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้ที่ทำให้เรื่องราวเป็นที่ประทับใจให้กับผู้อ่านอย่างมาก เพราะอวี้เฟิงเป็นคนตลก เขาคิดและทำอะไรออกมาในรูปแบบที่ทำให้คนอ่านหัวเราะไปกับไหวพริบปฏิภาณในการปัญหาต่างๆของบ้านเมืองของเขาได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหาที่ยากและใหญ่แค่ไหนก็ตาม เพราะว่าปัญหาทางการเมืองเหล่านั้นเขาล้วนเคยผ่านพวกมันมาแล้วในชาติใดชาติหนึ่ง (หรือาจจะหลายๆชาติ โดนฆ่าตายและกลับมาหลายครั้งกว่าจะรู้ก็มี) เช่น ในเมื่อทุกคนอยากให้ลูกชายเขาเป็นฮ่องเต้นัก ก็ได้ เอาลูกชายวัยห้าขวบไปนั่งบัลลังก์ซะเลย แล้วให้พวกขุนนางกับฮองเฮาสอนเองเลย แล้วก็จะได้เลิกยุ่งกับเขาไปซะ และนั่นทำให้ลักษณะตัวละครของอวี้เฟิงมีความโดดเด่นและเด่นชัดที่สุดในเรื่องสมกับที่เป็นตัวเอก ขณะที่ตัวละครอื่นๆอย่างฮองเฮา องค์ชายรัชทายาท องค์รักษ์เงา หรือสหายของอวี้เฟิงนั้น เสน่ห์ของพวกเขาเกิดขึ้นได้เพราะมุมมองของอวี้เฟิงที่มีต่อพวกเขา ทั้งที่ตัวละครทั้งหมดนั้นแทบไม่มีใครหวังดีกับอวี้เฟิงเลย กล่าวคือ เพราะอวี้เฟิงรู้ว่าใครเป็นอย่างไร ดังนั้นเขาจึงมีวิธีการวางตัวและปฏิบัติตัวกับแต่ละคนแตกต่างกันไปตามความคิดและสถานการณ์ในช่วงนั้นของอวี้เฟิงซึ่งตลกมากในเนื้อหาแทบทุกตอนของเรื่อง ผู้อ่านอ่านแล้วอารมณ์ดี มีเสียงหัวเราะ...และนั่นคือหลุมที่ผู้เขียนขุดไว้ดักผู้อ่านให้ตกลงไป ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครแต่ละตัวอย่างฮ่องเต้-ฮองเฮา, ฮ่องเต้-องค์รัชทายาท, ฮ่องเต้-ขุนนาง, ฮ่องเต้ – องครักษ์เงา ฯลฯ แม้ผู้เขียนจะบรรยายให้อ่านแล้วรู้สึกตลกำขัน แต่หากมองให้ลึกลงไป จะสัมผัสได้ถึงเรื่องตลกร้ายทางการเมืองของเรื่องซ่อนอยู่ทั้งนั้น ไม่ว่าการที่อวี้เฟิงตอกหน้าขุนนางทุกคนหน้าหงายในท้องพระโรง ก็ต้องทำแบบที่ไม่หักหาญน้ำใจกันเกินไปหากเป็นขุนนางฝ่ายดีแต่คิดจะลองดีกับเขา การคุมเชิงกันระหว่างฮ่องเต้กับฮองเฮาที่เคยเป็นหวางเฟยของพี่ชายของอวี้เฟิงมาก่อน การปราฏตัวของสหายเก่าที่เคยมีส่วนในการฆ่าเขาในบางชาติ แต่ความสัมพันธ์ตัวละครที่ซับซ้อนที่สุดของเรื่องนี้ คือความสัมพันธ์ของอวี้เฟิงกับรัชทายาท อวี้เฟิงรู้อยู่เต็มอกว่าท้ายที่สุดแล้ว รัชทายาทคือคนที่มีโอกาสฆ่าเขาตายได้มากที่สุด แต่เขาก็ยังพยายามที่จะเลี้ยงรัชทายาทออกมาให้เป็นรัชทายาทที่ดี เหตุผลหนึ่งคือตนเองจะได้ไม่ต้องเป็นฮ่องเต้ และหวังว่าอีกฝ่ายจะเห็นแก่การเลี้ยงดูในวัยเยาว์ไม่ฆ่ากันตายในชาตินี้ และเหตุผลที่สองคือเพราะเขาต้องการชดใช้ความผิดของตนเอง คืนแผ่นดินให้คนที่สมควรได้ไปเสีย ผู้เขียนดักคนอ่านเสียอยู่หมัดด้วยการบรรยายแบบใช้ภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจได้ไม่ยาก อ่านแล้วสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับผู้อ่าน ทั้งที่ความตลกที่ผู้เขียนใส่มานั้น มันคือเรื่องราวความร้ายกาจดำมืดของนักการเมือง ความล้มเหลวทางการบริหารประเทศชาติของตัวเอกในอดีตชาติ และความดำมืดในจิตใจคน รวมถึงสายสัมพันธ์ระหว่างตัวละครแต่ละตัวที่ไม่รู้ว่าใครจะสะบั้นใครก่อนกันแน่ ชวนให้ลุ้นให้เดาว่าจุดจบของเรื่องนี้ชีวิตนี้ของอวี้เฟิงจะดำเนินไปสู่จุดไหนกัน ตีขลุมให้โดนตกด้วยมุกตลก ทั้งที่จริงๆแล้วนี่คือหลุมระเบิดดราม่าการเมืองและการเล่นกับความรู้สึกของตัวละครและผู้อ่านอย่างแยบยล ทั้งนี้ แม้ความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้โดดเด่นขึ้นมาอย่างมาก แต่ด้วยความที่ปมสำคัญในเรื่องคือความสัมพันธ์ ดังนั้น เนื้อเรื่องจะเดินไปอย่างไม่รวดเร็วนัก กล่าวคือ ยิ่งมีประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ความนึกคิดของตัวละครในเรื่องมากขึ้นเท่าไร ห้วงเวลาในเรื่องก็จะยิ่งไหลไปอย่างเชื่องช้าขึ้นเท่านั้น เพราะเนื้อหาแต่ละตอนจะเล่นปมกับความรู้สึก มากกว่าเหตุการณ์ต่างๆในเรื่องราวที่เป็นไป ทำให้เรื่องดูดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ไม่กระชับเท่าที่ควร ตัวละครแต่ละตัวในเรื่อง แม้จะบอกว่าพวกเขาคือสีสัน แต่ด้วยความที่เรื่องนี้เป็นการบรรยายผ่านมุมมองบุรุษที่ 1 ที่นานๆทีจะมีมุมมองบุรุษที่ 3 หรือมุมมองตัวละครอื่นสอดแทรกเข้ามา ทำให้ความโดดเด่นของพวกเขาแทบจะไม่สามารถเทียบกับอวี้เฟิงได้เนื่องจากถูกตัวเอกกลบมิด จนแทบจะเรียกได้ว่า อ่านมาทั้งเรื่องจำชื่อและบุคลิกใครไม่ได้เลยนอกจากอวี้เฟิง (ยกเว้นช่วงหลังที่มีตัวละครที่โดดเด่นด้วยท่าปางไสยาสน์ของเจ้าตัวขึ้นมา) ซึ่งการเป็นเรื่องยาว คือการที่มีตัวละครโดดเด่นออกมาให้ผู้อ่านตื่นตาตื่นใจหรือจดจำชื่อและบุคลิกได้หลายตัว ไม่ใช่แค่ตัวละครเอกของเรื่องเพียงตัวเดียว เพราะถ้ามีแค่ตัวเอกโดดเด่นคนเดียว ท้ายที่สุดแล้ว เสน่ห์ของเรื่องก็จะมีเพียงจุดเดียวไปแทน ซึ่งน่าเสียดายยิ่ง โดยรวมแล้ว นิยายเรื่องข้าไม่อยากเป็นฮ่องเต้แล้ว ผู้อื่นช่วยเอาไปที จัดเป็นนิยายที่น่าสนใจอย่างยิ่งด้วยการโยงเอาประเด็นหนักๆอย่างการเมือง การเล่นกับประเด็นความรู้สึกของคนอ่านและตัวละครในเรื่องอย่างชาญฉลาดผ่านการบรรยายง่ายๆที่แฝงด้วยอารมณ์ขันของมุมมองบุรุษที่หนึ่งซึ่งผู้เขียนทำได้อย่างน่าประทับใจ ตัวละครเอกมีเสน่ห์และเอกลักษณ์อย่างมาก แต่เพราะเล่นประเด็นดังที่กล่าวไป ทำให้การดำเนินเรื่องอาจขาดความกระชับอยู่บ้าง และเสน่ห์ตัวละครอื่นๆที่ถูกตัวละครเอกกลบเสียมิดแทบทุกตัวเพราะการบรรยายแบบบุรุษที่หนึ่งไป สุดท้าย ขอเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนในการสร้างสรรค์ผลงานดีๆต่อไป อย่างไรเสียคำวิจารณ์นี้ก็เป็นเพียงมุมมองและความเห็นของผู้อ่านคนหนึ่งจากบรรดาผู้อ่านหลายคนของนิยายเรื่องนี้เท่านั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการคิดและตัดสินใจของผู้เขียนเอง

0