P.P. Rising: The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

โดย Spy442299

ปลายปี ค.ศ. 2057 เมื่อพลังจิตผงาดทั่วโลก การผจญภัยอันแสนวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น! พบกับเรื่องราวไม่คาดฝันของ "พี" กับทูตสาวนามว่า "เรสเทียร์" ท่ามกลางความขัดแย้งของหลายองค์กร!

อ่านนิยาย

รีวิวจากนักอ่าน

รีวิว

นิยายแฟนตาซีที่มีกลิ่นไอญี่ปุ่น

รีวิวถึงลำดับตอนที่ 5

เยี่ยมมาก
P.P. Rising: The Bullet Time เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

เรื่องย่อ

ปลายปี ค.ศ. 2057 โลกที่อยู่ภายใต้การปกครองของ World General มีการค้นพบพัฒนา P.P. (Psychics Power) พีทูหรือพลังจิต แต่ยังนำมาใช้ประโยชน์ได้ไม่มากนัก แต่แล้ววันหนึ่ง "พี" ได้รับพลังประหลาดจากสาวลึกลับผู้หนึ่งที่มีนามว่า "เรสเทียร์" ซึ่งมันนำพาสู่ปรากฏการณ์พีทูไรซิ่ง (P.P. Rising) ทำให้เพิ่มพลังจิตอย่างมหาศาลทั่วโลก และนั่นก็เป็นเหตุให้เขาต้องเผชิญกับเรื่องต่างๆ ในแบบครึ่งๆ กลางๆ ระหว่างทั้ง 6 องค์กร คือ ไอริส, ไฮเทคอัพเปอร์, การ์เดี้ยน, เอ็มแอลเอ, แอคเซียมเอ็กซ์ และเวิลด์เจเรนัล! ในสองสัปดาห์แรกแห่งการเริ่มต้น!!

โครงเรื่อง (30/40)

การลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง (15/20) หลังจากปฐมบทการดำเนินเรื่องในตอนที่หนึ่งก็ถือว่าช้ามากค่ะ ส่วนใหญ่เป็นบทสนทนาเกี่ยวกับอดีต การบรรยายเรื่องต่างๆ ก็น้อยลงไปด้วย ทำให้เรื่องไปไม่ถึงไหนค่ะ ผู้แต่งเริ่มใช้การบรรยายด้วยการใช้ตัวละครพูดในตอนที่หนึ่งสลับกันทำให้ความสละสลวยของการบรรยายแบบบุคคลที่สามหายไปเช่นกัน ดังนั้นควรแบ่งการบรรยายทั้งสองแบบให้สมดุลกันนะคะ เพื่อให้นิยายไม่ใช่มีแต่บทสนทนาเพียงอย่างเดียว

ความสนุก (15/20) พล็อตเรื่องค่อนข้างแปลกใหม่ทีเดียว รู้จักเอาสภาพภูมิประเทศของไทยมาปรับให้ดูแตกต่างโดยเรียกเป็น Area TH มีหลักการที่ฟังดูน่าสนใจ แต่เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างช้าๆ ซ้ำยังมีฉากที่ใส่มุกตลกเข้าไปจนทำให้ดูเหมือนเรื่องจะยืดไปค่อนข้างเยอะ กว่าจะเข้าเรื่องมันทำให้อารมณ์ซีเรียสที่เคยมีในต้นบทหายไปและกลับมาแบบกะทันหันในฉากดราม่าอีกครั้ง อารมณ์มันติดๆ ขัดๆ อยู่นะคะจะดราม่าก็ไม่ดราม่าให้สุดจะตลกก็ตลกไม่สุด ถ้าตามชื่อเรื่องที่ออกแนวแฟนตาซีไซไฟก็น่าจะทำให้การบรรยายต่างๆ ให้ลุ้นระทึกมีเงื่อนงำให้น่าติดตามกว่านี้และไม่ควรมีพล็อตย่อยๆ มากเกินไปจนยืดการคลี่ประเด็นหลักและทำให้ความน่าสนใจน้อยลงไปด้วยค่ะ

ข้อแนะนำ การที่จะดึงดูดนิยายให้มีคนเข้ามาอ่านนิยายออนไลน์เช่นนี้ได้ก็คือการเขียนบทแรกให้ผู้อ่านอยากลองอ่านเพื่อทำให้เกิดแรงจูงใจในการอ่านบทต่อไป หากบทแรกยืดยาวไม่เข้าสาระของเรื่องสักทีก็ยากที่จะดึงให้ผู้อ่านอยู่กับนิยายเรานะคะ

ตัวละคร (15/20)

ความสมเหตุสมผลของตัวละคร

พีมีบุคลิกที่ค่อนข้างประหลาดเลยทีเดียว มีความรู้สึกว่าจะแมนก็ไม่แมนให้เต็มที่เพราะมีเรื่องของการแต่งหญิงในวัยเด็กเข้ามาร่วมด้วย ในขณะเดียวกันก่อนหน้านั้นก็ยังมีความกุ๊กกิ๊กกับเมงุมิและปัจจุบันก็กลายเป็นหนุ่มที่ดูมาดแมน ทำให้ผู้วิจารณ์เกิดความรู้สึกว่าตกลงแล้วพีเบี่ยงเบนหรือเปล่า ยอมรับตรงๆ ว่าไม่ได้ติดตามแนวญี่ปุ่นมานานมากค่ะก็เลยไม่ค่อยจะเข้าใจสาวดุ้น แต่ถ้าพูดในแง่ของการสร้างตัวละครในนิยายแฟนตาซีไซไฟมันก็น่าจะเป็นต้องสร้างตัวละครที่มีความชัดเจน อย่างเช่น กัปตันอเมริกา บุคลิกคือความเป็นผู้นำ ทำตามระเบียบวินัย กล้าหาญ ไม่ประสาเรื่องผู้หญิง หรือไอรอนแมนคือ เก่ง ฉลาด รวย เจ้าชู้ แต่ในขณะเดียวกันก็เซ้นส์ซิทีฟ เป็นต้น ควรให้ความซับซ้อนไปลงที่ปริศนาต่างๆ เช่นทำไมพีถึงถูกตามล่า พีมีเบื้องหลังอะไรอีกหรือไม่ แล้วสองคนที่เปิดเรื่องนั่นมีความเกี่ยวข้องอย่างไร เป็นต้น

แล้วขอพูดในลักษณะการกระทำของตัวละครด้วยยกตัวอย่างบางจุดที่ต้องปรับปรุงดังนี้

บทที่หนึ่ง ฉากที่พีไปหาเมงุมิตามนัด แอบสงสัยว่าเมงุมิไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของพี่เลยเหรอ ในเมื่อพีก็เพิ่งไปบู๊มาแถมยังชวนเดินไปนั่นนี่โดยไม่ถามอาการพีสักคำ

บทที่สอง เสียงวิทยุเข้ามาถึงชายผู้หนึ่งในมุมมืดที่มีกระบี่ยาวแนบที่เอวอยู่ พอลูกน้องรายงานจบ เขาก็พูดคำสั่งต่อไป ปรับเป็น ชายผู้หนึ่งที่หลบอยู่ในมุมมืดได้รับรายงานผ่านทางวิทยุสื่อสารของลูกน้อง เมื่อเสียงปลายสายเงียบลงเขาจึงออกคำสั่งใหม่ เป็นต้น ถ้าหลบอยู่ในมุมมืดก็ไม่น่าจะเห็นว่ามีกระบี่ยาวแนบที่เอว แต่ถ้าบอกว่าหลบอยู่ในมุมสลัว(คือพอจะเห็นได้)และคลับคล้ายคลับคลาว่าเขามีกระบี่เล่มยาวแนบเอว น่าจะสมเหตุสมผลกว่า

คนขับรถแท็กซี่ตะโกนอีกชื่อหนึ่งของพีที่เจ้าตัวไม่ได้ยินนานแล้วพร้อมเหวี่ยงรถจอดข้างทาง เหมือนก้นเขาจะกระแทกกับริมประตูรถ “นี่แกเบรกรถให้มันเบาๆ หน่อยได้ไหม เดี๋ยวฉันหัวแตกขึ้นมาจะขย่ำคอแกนะเว้ย” ประโยคที่พีควรพูดให้สอดคล้องกับการบรรยายข้างต้น ควรเป็น “หัดเบรกให้มันนิ่มๆ หน่อยไม่ได้หรือไง ก้นฉันกระแทกประตูนะเห็นไหม!” น่าจะสมเหตุสมผลมากกว่าค่ะ

บทที่สาม อารมณ์ของพี่น่าจะลึกกว่านี้หน่อยนะคะในฉากที่เมงุมิตายไปต่อหน้าต่อตา ปัญหานี้น่าจะเกิดจากการบรรยายที่ยังไม่ดึงอารมณ์เศร้าของพีออกมาให้เต็มที่ มันยังดูแข็งๆ ลองปรับคำให้สละสลวยมากยิ่งขึ้นนะคะ และการรำพึงรำพันน่าจะเชื่อมโยงคำพูดนั้นเกี่ยวกับอดีตที่เคยอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ และในส่วนของเรื่องปัจจุบันน่าจะดีกว่าค่ะ นอกนั้นน่าจะตัดออกไปเพื่อดึงอารมณ์ของผู้อ่าน แล้วค่อยเฉลยว่าทำไมพีถึงถูกเรียกว่าสาวดุ้นในสถานการณ์อื่นแทน

การใช้ภาษา (25/40)

การบรรยาย (12/20) เนื่องจากว่าผู้แต่งยังไม่สามารถเขียนบรรยายได้ลื่นไหลเท่าที่ควร จึงเกิดการสะดุดและติดขัดอยู่เนืองๆ การบรรยายยังขาดการใช้คำสันธานหรือคำบุพบทเพื่อเชื่อมความอยู่หลายที่ค่ะจึงทำให้การบรรยายดูไม่เป็นธรรมชาติขาดๆ เกินๆ อีกทั้งการเลือกใช้คำที่ผิดความหมายก็ทำให้การบรรยายสื่อไปทางอื่น ยังขาดการเล่นคำ การเลือกคำที่หลากหลายมาใช้ในการบรรยายและมีคำฟุ่มเฟื่อยในหนึ่งประโยค อีกทั้งการบรรยายในบางฉากที่ไม่ใช่ประเด็นหลักให้ยืดยาวเกินความจำเป็น

ความถูกต้องของหลักภาษา (13/20)

ปรัศนี ? ตามความเป็นจริงหลักภาษาไทยไม่มีการใช้ค่ะ เพราะในภาษาไทยมีคำไทยที่เป็นคำถามในตัวมันเองแล้ว เช่น หรือ เหรอ หรือไม่ อะไร ที่ไหน อย่างไร

จุดไข่เปล่า เช่น “...ต่อด้วยข้อความ” อันนี้ผู้วิจารณ์ได้รับคำแนะนำจากกองบก. ท่านหนึ่งบอกว่าโดยหลักภาษาไทย การใช้จุดไข่ปลามักจะใช้ท้ายประโยคที่มีการอธิบายยืดยาวและย่นประโยคให้สั้นลง หรือถ้าใส่หน้าข้อความแล้วก็ต้องใส่หลังข้อความในกรณีที่ยกข้อความมาจากที่อื่น ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องใส่จุดไข่ปลา ให้ผู้แต่งบรรยายไปว่าตัวละครเว้นระยะการพูด หรือหยุดเงียบชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อไปแทนน่าจะดีกว่าค่ะ

การเคาะบรรทัด เข้าใจว่าผู้แต่เคาะบรรทัดเพื่อให้เกิดอารมณ์ในการอ่าน แต่เอาเข้าจริงๆ มันจะทำให้หน้านิยายยาวโดยใช่เหตุค่ะ ซ้ำจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกเบื่อได้ง่าย ดังนั้นควรใช้เท่าที่ควรดีกว่าค่ะ

การเว้นวรรค การเว้นช่องว่างระหว่าคำ ข้อความหรือประโยคให้ถูกต้องเป็นเรื่องจำเป็นมากค่ะ เพราะจะทำให้ข้อความนั้นมีความถูกต้อง ชัดเจน และอ่านได้ตรงตามความต้องการของผู้เขียน (อ้างอิงจากราชบัณฑิตยสถาน) เพราะฉะนั้นหากเว้นวรรคผิดก็จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดของเนื้อความหรือทำให้รู้สึกขาดๆ เกินๆ ซึ่งพบเห็นในนิยายเรื่องนี้ตั้งแต่อ่านบทนำเรื่องแล้ว ยกตัวอย่าง

พีอาบน้ำเสร็จก็ปิดฝักบัวเดินหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาในห้องนั่งเล่น ที่เป็นทั้งห้องนอนของเขาด้วย จะเห็นว่าประโยคนี้ไม่จำเป็นต้องเคาะวรรคเลยค่ะเพราะบทบรรยายยังกล่าวถึงเรื่องเดียวกันอยู่

จริงสิ คุณเมงุมิบอกเมื่อหลานวันก่อนว่าเธอต้องบินกลับ Area JP พรุ่งนี้แล้ว เห็นบอกว่าจะไม่มีโอกาสมาที่ Area TH อีก เพราะงานที่บริษัทของเธอ ให้ประโยคเพราะ... ชิดกับประโยคหน้าเลยค่ะเพราะเป็นเนื้อเรื่องเดียวกันอยู่

การเรียงลำดับประโยค บางประโยคผู้แต่งเรียงลำดับแปลกๆ นะคะ ยกตัวอย่าง

พีอาบน้ำเสร็จก็ปิดฝักบัวเดินหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาในห้องนั่งเล่น ที่เป็นทั้งห้องนอนของเขาด้วย ถ้าเอาโต๊ะญี่ปุ่นพับขึ้นแล้วนำฟูกที่นอนมาปูบนพื้นนี้ เจ้าตัวเปิดตู้เสื้อผ้ากำลังยืนเลือกชุดอยู่

จากประโยคนี้ผู้แต่งต้องการสื่อว่าตัวเอกเดินออกจากห้องน้ำเข้าสู่ห้องนั่งเล่นที่เป็นทั้งที่นอนแล้วก็ไปเปิดตู้เสื้อผ้า แต่ผู้แต่งยังใส่รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับห้องที่ทำให้เกิดการวางประโยคแปลกๆ อีกทั้งประโยคหน้าก็ให้ความรู้สึกกำกวมเสมือนว่าตัวเอกเดินถือผ้าออกจากห้องน้ำไม่ได้ห่อตัวมา ควรปรับเป็นว่า

พีปิดฝักบัวลงหลังจากชำระร่างกายจนสะอาด คว้าผ้าขนหนูพันรอบเอวจากนั้นก็เดินออกจากห้องน้ำเข้าสู่ห้องนั่งเล่นที่เป็นทั้งห้องนอนของเขาอีกด้วย เพราะเพียงแค่พับโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องออก เขาก็ได้พื้นที่พอที่จะวางฟูกนอนได้แล้ว

จากนั้นพีก็ก้าวเท้ายาวๆ ไปเพียงนิดเดียวก็ถึงตู้เสื้อผ้าแล้วเจ้าตัวก็จัดการยืนเลือกชุดที่จะสวมใส่ วันนี้มีนัด ใส่ชุดอะไรดีนะ เป็นการเติมความให้ประโยคสมบูรณ์ขึ้นและย่อหน้าใหม่เพื่อบอกว่าเกิดอีกเหตุการณ์ ผู้อ่านจะได้เข้าใจและไม่เกิดความสับสนค่ะ

เสียงอะไรบางอย่างที่คล้ายๆ ผ้าผืนใหญ่สะบัด รอบข้างตัวของพีที่มืดกลับมาเป็นเหมือนเดิม สาวที่ยกปืนเล็งใส่อยู่มีอาการตกใจสะดุ้งขึ้นมา

ปรับเป็นว่า เกิดเสียงบางอย่างคล้ายกับการสะบัดผ้าผืนใหญ่ ในที่สุดรอบข้างตัวของพีที่เคยมืดสนิทก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ เธอที่ยกปืนเล็งมาทางพีก็พลันสะดุ้งตกใจ

การเลือกใช้คำ

ใบหน้าเธออ่อนโยนที่ดูมีรัศมีลูกคุณหนูจับ ลองปรับเป็นใบหน้าของเธอดูอ่อนโยนและมีราศีลูกคุณหนูจับ

รัศมี หมายถึง แสงที่พวยพุ่งออกจากจุดกลาง แสงสว่าง

ราศี หมายถึง ความสง่างาม ในที่นี้ควรใช้คำว่าราศีเพื่อแสดงลักษณะด้านดีของคนๆ นั้นค่ะ

เมงุมิพูดด้วยน้ำเสียงแลดูเศร้าลงท้าย ตัดแลดูออกใจความก็ได้นะคะ เมงุมิพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า

ทำให้พีคิดบางเรื่องออกขึ้นมา ปรับเป็น ทำให้พีนึกขึ้นได้

เสียงผู้หญิงโทนแหลมสูงถาม พีเงยหน้าขึ้นมา เป็นผู้หญิงผมทองยาวคนหนึ่ง นัยน์ตาสีเขียว อายุน่าจะราวๆ สิบเจ็ดได้ ใส่ชุดสีขาวที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวเรียบๆ ไว้ข้างนอกอีกที ส่วนอีกคนที่ชนล้มไปเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ผมสีน้ำตาลสั้น นัยน์ตาสีดำใส่ชุดแบบเดียวกันกับอีกคน

สังเกตว่าผู้แต่งยังขาดการใช้คำสันธานเพื่อเชื่อมความ มีการใช้คำฟุ่มเฟือยในประโยคเดียวกัน ลองปรับเป็นว่า

เสียงแหลมสูงร้องถาม พีจึงเงยหน้าขึ้นมอง เธอคือผู้หญิงผมยาวสีทอง มีนัยน์ตาสีเขียว อายุราวๆ สิบเจ็ดปีเห็นจะได้ เธอสวมชุดสีขาวที่สวมทับด้วยเสื้อคลุมสีเขียวเรียบๆ อีกคนเธอมีผมสีน้ำตาลซอยสั้น นัยน์ตาสีดำและยังสวมชุดแบบเดียวกัน

การใช้คำว่าเธอก็สามารถสื่อความเป็นผู้หญิงได้ค่ะ โดยไม่ต้องใช้คำเดิมซ้ำๆ กันและทำให้การบรรยายเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

พอคิดเสร็จ พียกถุงมือที่เพิ่งซื้อขึ้นมาดู และทำท่าจะสวมใส่ แต่กลับหยุดซะก่อน ปรับเป็นพีละจากความคิดและยกถุงมือที่เพิ่งซื้อขึ้นมา ทำทีจะสวมมันแต่กลับชะงัก

แล้วก็ทำตามในเมลบอกว่าง่าย เงยหน้าขึ้นไปพบกับตึกอิฐสีน้ำตาลสูงประมาณห้าชั้น และชั้นที่สี่มีคนยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่าง ห้องตรงกลางเป็นร่างของใครบางคนที่สวมผ้าคลุมมีดำทั้งตัว แต่พอมองเส้นผมเป็นสีฟ้าและใช้นัยน์ตาสีขาวจ้องมองมายังสีน้ำตาลของพี

ข้อสังเกตในเหตุการณ์นี้ก็คือถ้ารู้ว่ามีคนอยู่ชั้นสีการระบุโดยประมาณจึงเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันค่ะ และเมื่อความสูงของตึกก็สูงมากทีเดียวคงไม่สามารถสังเกตเห็นสีของตาได้ชัดขนาดนั้น ควรปรับเป็น

แล้วพีก็ทำตามในเมลอย่างว่าง่าย เขาเงยหน้าขึ้นไปยังตึกอึฐสีน้ำตาลตรงหน้า ใครบางคนกำลังยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างในชั้นที่อยู่เกือบบนสุดของตึก สวมผ้าคลุมสีดำทั้งตัวแต่มันกลับยิ่งสะดุดตาพีเมื่อบุคคลปริศนานั้นมีผมสีฟ้าและที่น่าแปลกก็คือคนๆ นั้นกำลังจ้องหน้ามาที่เด็กหนุ่ม

สาวชุดดำลั่นไกปืนกระบอกสีดำ มันมีคำว่าดำซ้ำ ลองเล่นคำดูเป็นว่า สาวชุดดำขลับลั่นไกปืนกระบอกสีนิล หรือตัดไปเลยแล้วเติมความลงไปแทน สาวชุดดำลั่นไกปืนในมือ

แม้ว่าพียังสับสนกับตัวเอง แต่ร่างกายเขากลับทำงานไปเอง ปีนขึ้นไปจนจะถึงชั้นสอง พยายามอยากใช้คำที่มีเสียงใกล้เคียงกันในประโยคเดียวกันนะคะ อย่างในที่นี้คือ ตัวเอง กับเอง และประโยคท้ายมันดูแข็งๆ ต้องลองปรับ อาจใช้การเชื่อมประโยคด้วยคำบางอย่างเช่น

แม้ว่าพียังสับสนกับตัวเองแต่ร่างกายกลับทำงานโดยอัตโนมัติ เขากำลังปีนเข้าใกล้ชั้นสองในไม่ช้าแต่แล้ว... เป็นต้น

บทที่หนึ่ง ผิวสีขาวชมพู ปรับเป็น ผิวสีขาวอมชมพู

บทที่สอง คนขับรถแท็กซี่ตะโกนอีกชื่อหนึ่งของพีที่เจ้าตัวไม่ได้ยินนานแล้วพร้อมเหวี่ยงรถจอดข้างทาง เหมือนก้นเขาจะกระแทกกับริมประตูรถ ปรับเป็น คนขับรถตะโกนอีกชื่อที่เจ้าตัวไม่ได้ยินมานานพร้อมกับรถที่เหวี่ยงตัวจอดเข้าข้างทางอย่างรวดเร็วส่งผลให้พีกระแทกประตูรถอย่างจัง

ทอมมี่เริ่มเพ้อไปทั่ว ปรับเป็น ทอมมี่เริ่มเพ้อ หรือทอมมี่เริ่มเพ้อไปเรื่อย เป็นต้น

ตอนที่สี่ เสียงประตูด้วยลูกถีบเข้ามา แสงข้างนอกส่องจนแสบตาแล้วมีคนของไอริสเดินถือปืนเข้ามายิงปืนขึ้นเพดานหนึ่งนัดก่อนที่จะตะโกนสั่งทุกคนในห้อง “ลุกขึ้น! ออกมาจากห้องเดี๋ยวนี้” ปรับเป็น ประตูเปิดผ่างด้วยลูกถีบทำให้แสงข้างนอกสาดเข้ามาจนแสบตา คนของไอริสจ้ำเท้าเข้ามาพร้อมปืนในปืน พวกมันจัดการยิงขู่หนึ่งนัดก่อนตะโกนสั่งคนในห้อง “ลุกแล้วออกไปข้างนอก!

ความรู้สึกระวนกระวายอย่างรุนแรงที่สุดที่พีได้เจอมา เพราะตอนนี้ทุกคนโดนลากออกมาด้านนอกที่เดิมของสนามบิน ผู้โดยสารคนอื่นก็หายไปหมดแล้ว ด็อกเตอร์ซิสกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งสี่คน โดนให้นั่งรวมกลุ่มข้างหลังประมาณสิบก้าวได้ ที่เหลือก็โดนลากมานั่งคุกเข่าเรียงหน้ากัน ถึงโดนแก้มัดเชือกให้แล้ว แต่ก็โดนปืนจ่อให้เอามือไว้ข้างหลังอยู่ดี

จุดบกพร่องมีหลายจุดเลย ผู้แต่งยังเรียงประโยคไม่ถูกต้องและยังไม่สามารถดึงอารมณ์ให้รู้สึกเครียดตามสถานการณ์ที่ควรจะเป็น ลองปรับเป็นว่า พีไม่เคยรู้สึกแย่ได้เท่านี้มาก่อน เขาทั้งกระวนกระวายและหวาดวิตกเมื่อเห็นผู้คนถูกลากออกมา พวกเขาถูกบังคับให้นั่งคุกเข่าเรียงเป็นแถวยาว สีหน้าพวกเขาดูหวากกลัวและตัวก็สั่นเทิ้มไปหมด จากตรงนี้พีเห็นด็อกเตอร์ซิสและนักวิทยาศาตร์อีกสี่คนนั่งห่างจากกลุ่มแรกไม่ไกลนักแม้จะไม่ได้ถูกมัดมือแต่ปืนก็จ่อพวกเขาเอาไว้เสมือนยืนยันว่าหากลุกหนีเมื่อไหร่พวกมันจะจัดการทันที

รวม 70/100 คะแนน

ผู้วิจารณ์ขอชื่นชมในความพยายามของผู้แต่งที่เลือกเขียนนิยายแนวนี้นะคะ มันค่อนข้างยากและท้าทายความสามารถเอามากๆ แต่ทั้งนี้ผู้แต่งยังต้องปรับปรุงในหลายๆ ด้านและพัฒนานิยายเรื่องนี้ต่อไป หวังว่าจะรับคำแนะนำไปใช้นะคะ ยินดียิ่งที่ใช้บริการจากร้านเราค่ะ หากมีข้อบกพร่องก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ ปล.เราวิจารณ์ตั้งแต่บทนำไปจนถึงบทที่สี่นะคะ (รวมห้าบทตามเกณฑ์ร้าน)

reviewer author
@wondermomo
10 ก.พ. 58 / 09:52 น.

0