[เริ่มอัพเดทภาคfinal] The Sun and Satan ดุจตะวันกับซาตาน [TALENT]

โดย Kinkmj

ดุจตะวัน ปีศาจสาวที่โตในโลกมนุษย์ ต้องไปเรียนต่อในสถาบันปีศาจ แถมโชคชะตายังดลใจให้เธอบังเอิญไปช่วยชีวิตซาตานเอาไว้ ทำให้ถูกเทพพาลหมายหัวเธอไปด้วย ! ยุ่งละสิ ! Love Fantasy ที่มีทุกแนวในเรื่องเดียว !

อ่านนิยาย

รีวิวจากนักอ่าน

รีวิว

แม่สาวจิ้งจอกแสนฉลาดกับซาตานหนุ่มแสนเย็นชา...หรือเปล่านะ

รีวิวถึงลำดับตอนที่ 10

เยี่ยมมาก
The Sun and Satan…ดุจตะวันกับซาตาน

เรื่องย่อ

ดุจตะวัน เด็กสาวที่กำเนิดจากปีศาจจิ้งจอกขาวและธิดาอัคคี เธอเติบโตในโลกมนุษย์ ไม่มีความสามารถใดๆ จู่ๆ ต้องถูกส่งไปเรียนต่อที่สถาบันแห่งโลกปีศาจ “เทลไฟร์” แถมยังบังเอิญโชคดีดันเข้าไปช่วยชีวิตของจ้าวปีศาจหรือที่เรียกกันว่า “ซาตาน” โดยไม่รู้ตัว ระหว่างการต่อสู้กับเทพสงคราม นั่นคือจุดเริ่มต้นของโชคชะตาหรือจะเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายในชีวิตเธอกันแน่ เมื่อเทพแห่งสงครามเกิดอยากได้ตัวเธอ ปีศาจสาว “ลิลิธ” ที่เกลียดขี้หน้าเธอตั้งแต่เห็นหน้า ต้องคอยสับสนกับท่าทีของซานตารที่เธอไม่เข้าใจ อีกทั้งยังต้องเผชิญกับการเรียนการสอนอันแสนพิศดารที่สถาบันเทลไฟร์ เธอจะเอาชีวิตและหัวใจรอดได้ได้หรือไม่

โครงเรื่อง (31/40)

การลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง (15/20) ช่วงต้นรู้สึกน่าเบื่อค่ะ การบรรยายรายละเอียดต่างๆ เยอะมาก บางครั้งไม่จำเป็นต้องบรรยายทุกอย่างออกมาเป็นประโยคๆ ก็ได้ ซึ่งการบรรยายบางครั้งก็ดูเหมือนเป็นการบรรยายเพื่อสร้างมุกตลก แต่ผู้วิจารณ์เห็นว่าเป็นการบรรยายที่ฟุ่มเฟือยมากกว่าและน่าจะตัดทอนให้การบรรยายกระชับขึ้น เช่น ฉากที่ซันเก็บของใส่กระเป๋า ฉากที่ซันบอกว่ารีบแต่งตัวแต่การบรรยายการแต่งหน้าทำให้มันยืดยาวไปอีก เป็นต้น

ตอนที่ 9 การบรรยาย รายละเอียดเกี่ยวกับการเรียนเรื่องเขียนวงเวทย์ ดูจะทำให้เนื้อเรื่องเคร่งเครียดมากขึ้นนะคะ หนึ่งล่ะ มันแตกต่างจากบทก่อนๆ มาก สาระมันอยู่ที่วิชาและรายละเอียดวิชาที่ผู้วิจารณ์อ่านแล้วก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง มันก็น่าสนใจดีอยู่ค่ะ แต่ทั้งนี้พอรายละเอียดมันอัดๆ กันมากก็จะทำให้คนอ่านเกิดความสับสนได้ง่ายๆ นะคะ แต่มันก็คงจะหลีกเลี่ยงอะไรไม่ได้มากนักเพราะมันคือแนวทางของนิยายเรื่องนี้ไปแล้ว

ในช่วงบทตอนสิบเป็นต้นไปการบรรยายกระชับขึ้นและเริ่มตัดบทเร็วขึ้น

ฉากที่ซันรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปแล้วทำให้ซาตานโกรธ จู่ๆ ก็ตัดไปเลยว่าคิดมาแล้วหลับ จนกระทั่งรู้สึกตัวและยืนอยู่หน้าห้องของซาตาน ในระหว่างสองเหตุการณ์นี้น่าจะมีช่วงที่นางเอกรู้สึกตระหนักว่าสิ่งที่ทำจะทำให้ซาตานเดือดร้อนใจ เช่นกว่า เมื่อตื่นขึ้นความรู้สึกผิดก็ยังไม่จางหาย ซันเดินไปรอบห้องๆ พยายามหาวิธีที่จะคลายกังวลและตันสินใจที่จะเข้าพบซาตานเพื่อขอโทษ อะไรทำนองนี้ค่ะ

จากนั้นในตอนเดียวกันผู้แต่งก็เริ่มเห็นการณ์ใหม่อย่างรวดเร็วในฉากที่ซันเอาแซนวิสมาให้ ผู้วิจารณ์คิดว่าถ้าจบลงแค่คำพูดของซาตาน “ฉันจะไปจับจิ้งจอกตัวนั้นออกจากป่าเอง” ดูจะทำให้เนื้อเรื่องมันชวนฟินมากกว่าค่ะ หรือหากจะเพิ่มเหตุการณ์ที่ซันจะกลับบ้านก็น่าจะเพิ่มบทให้ยาวกว่านี้อีกหน่อยเพื่อทำให้ไม่ดูเป็นการรีบร้อนเพิ่มฉากประมาณนี้ค่ะ

ปมของเรื่องมีเยอะมาก เช่น ปมเรื่องเทพที่เกิดต้นเรื่องและมีเค้าว่าจะเกี่ยวกับการหายตัวไปของพ่อแม่ ปมของเจน ปมเบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องเกี่ยวกับพ่อแม่และการเกิดของซัน ปมของซันเกี่ยวข้องอะไรกับซาตาน แต่กว่าจะแก้ปมเดิมๆ ได้ก็มีปมใหม่มาอีก ในที่นี้ก็อย่าลืมปมเก่าๆ ที่วางไว้ด้วยนะคะ

แต่ก็ขอชื่นชมการสร้างสรรค์ตัวละคร บรรยากาศที่ดูแปลกตา การใส่รายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยเงินที่ใช้ วิธีบอกเวลา สถานที่ การบรรยายตัวปีศาจก็ทำให้น่าสนใจทีเดียวค่ะและคงใช้เวลาอยู่ไม่น้อยที่จะคิดและหาข้อมูลมาทำให้นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายอย่างที่เป็น

ความสนุก (16/20) ความสนุกของนิยายสิ่งแรกที่จะกุมใจคนอ่านได้นั่นคือช่วงบทแรกๆ หากมีความน่าตื่นเต้น น่าสนใจก็จะดึงให้ผู้อ่านอยากอ่านต่อ ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ถือว่าน่าสนใจพอสำหรับผู้วิจารณ์อันเนื่องมาจากในช่วงต้นเป็นการบรรยายในรูปแบบอธิบายรายละเอียดของสิ่งต่างๆ สถานการณ์หลายๆ อย่างทำให้นึกถึงแฮรี่พอตเตอร์ เมื่อมีข้อเปรียบเทียบก็ทำให้นิยายมีความน่าสนใจน้อยลง แม้จะพยายามทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างแฮรี่พอตเตอร์แต่ไอเดียมันก็มาจากหนังเรื่องดังกล่าว แก่นของมันไม่ต่างกันทำให้ความสนใจน้อยลงไปค่ะ

หลังจากได้ลองอ่านต่อไปแล้วให้ความรู้สึกว่าเรื่องราวมันซับซ้อนยิ่งขึ้นแต่ไม่ดึงดูดให้อยากอ่านต่ออาจเป็นเพราะการบรรยายที่ดูเรื่อยๆ ไม่ยอมเข้าเนื้อหาจริงจังซักทีก็ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นลดน้อยลงไปตามบท เช่น ตอนที่ 10 – 13 บทบรรยายกลับไม่เคร่งเครียดนะคะ มีทั้งมุกตลกที่ออกมาเสริมอยู่ตลอดทำให้ความเคร่งเครียดของเรื่องดูจากลงไปแม้ว่ากำลังจะตามหาพ่อแม่ที่หายไปอยู่ก็ตาม ซึ่งฉากที่เสริมให้เรื่องดูผ่อนคลายขึ้นเช่น ฉากที่โดโรธีจิกกัดนิคเรื่องสะเดาะกุญแจบ้าน มุกที่จะเรียกรถแท็กซี่ ฉากที่ตัวละครใหม่เบลเซบับปลื้มอกปลื้มใจกับซัน ทำให้บทที่ควรเคร่งเครียดดูยืดเยื้องออกไป ซึ่งเนื้อหามาจริงจังตอน 14 15 แต่กว่าจะถึงตรงนี้มันก็ยาวนานจึงลดความสนใจไปเยอะเลย

ช่วงกบฏ จากรูปการคิดว่าน่าจะเป็นสงครามขนาดย่อม แต่ดูไปมากลายเป็นนางเอกที่ออกตัวอยู่คนเดียวซะมากกว่า คนที่มีพลังอำนาจไม่ได้ออกลายให้เห็นทำให้รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจอะไรนัก ถึงจะมีช่วงหักมุมของกบฏอยู่เล็กๆ และมาเฉลยแฟลชแบคตอน 18-19 ก็ดูจะยาวนานมากทีเดียว แต่เรื่องทั้งหมดนี่ขอยกความดีให้เจนนะคะ ถ้าไม่ได้บังเอิญได้ยินนิคคุยก็ไม่รู้ว่าจะจบลงยังไงเหมือนกัน ในขณะเดียวกันความฉลาดแบบจิ้งจอกก็ทำให้เรื่องใหญ่ๆ คลายปมได้อย่างรวดเร็วทีเดียว ตรงบทนี้จะแสดงให้เห็นถึงทักษะพื้นฐานของซันที่มีมาตั้งแต่ต้นเรื่องคือการจดจำเรื่องต่างๆ ได้แม่นยำ และถ้าไม่กล้าหาญพอแผนการก็คงจะไม่สำเร็จและถ้าไม่ได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษจากซาตานก็คงไม่ล้มกบฎได้เหมือนกัน

ตอนที่ 20 ไม่เหลือเค้าของนิยายแฟนตาซีอีกต่อไป กลายเป็นนิยายแนวหวานแหววไปเลย จุดนี้จะดียิ่งขึ้นหากไม่ข้ามเรื่องพ่อแม่ของซันที่หายตัวไป แทนที่จะเดินทางไปที่แม่น้ำแต่ดันกลับมาสวีทกันซะก่อน ซึ่งตัวซันก็ดูจะให้ความสำคัญกับเรื่องพ่อแม่น้อยเกินไป ถ้าตามหลักจริงๆ ฟื้นขึ้นมา เราคงร้องหาพ่อแม่ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะคนในครอบครัวจะเป็นที่พึ่งพิงที่ดีที่สุดในเวลาที่เราเจ็บป่วย

ตัวละคร (15/20)

ซัน ตามบุคลิกดูเป็นสาวน้อย ร่าเริง จริงใจ ชอบพูดในสิ่งที่รู้สึกออกมาตรงๆ และการพูดมากของเธอมักจะผิดที่ผิดเวลาเสมอ ในขณะเดียวกันจริตบางอย่างในการพูดคุยกับซาตานก็ดูน่าหมั่นไส้นะคะ มันทำให้นึกถึงอนาตาเชียในเรื่องฟิฟตี้เฉดออฟเกรย์ขึ้นมาซะอย่างนั้น นั่นคือการวางตัวให้ดูใสบริสุทธิ์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง เช่นฉากตอนที่เข้าไปช่วยเหลือพระเอกในช่วงต้นเรื่อง ตามหลักความเป็นจริงแล้วหากจะช่วยใครก็ไม่น่าจะต้องอธิบายยืดยาวโดยไม่ดูสถานการณ์ วิธีการพูดจาก็แปลกๆ ในเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายขนาดนั้นแต่กลับพูดจาไม่เกรงกลัวอะไรเลย มันก็เลยดูขัดหูขัดตา ในเหตุการณ์ต่อมาฉากที่ต้องแต่งตัวในตอนแรกท่าทางก็ดูจะรีบแต่ดันมาชะงักตอนแต่งตัวที่ผู้แต่งเขียนรายละเอียดยิบย่อยว่าแต่งยังไง รองพื้น เขียนคิ้วเขียนตา ซึ่งมันขัดกับความเร่งรีบในตอนต้นเอามากๆ จึงไม่แปลกใจเลยที่ลิลิธจะไม่ชอบหน้านางเอกและความใส่ใจที่ดูจะพิเศษของคนอื่นๆ ก็เพิ่มอัตราความน่าหมั่นไส้เพิ่มขึ้นไปด้วยนั่นเองค่ะ แต่เมื่อซันขาดสติ ลักษณะและบุคลิกจะกลายเป็นอีกคน โหดร้าย และคลั่งการฆ่าฟันทีเดียวเชียว คงจะเป็นพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวซันนั่นเอง ตามที่พ่อกับแม่ของซันอธิบายไปในช่วงต้นเรื่อง

ซันละครนี้จะมีพัฒนาการของพลังไปเรื่อยๆ เพราะจากที่อ่านจนถึงตอนที่ 16 พลังอื่นๆ ก็เผยออกมาจากที่ไม่เคยมีก็มีแต่พลังของซันก็ดูจะมีข้อจำกัดอยู่เยอะทีเดียว เช่น การใช้ไฟก็มีข้อจำกัด การรักษาแผลก็ทำได้แค่ผายนอกเหมือนว่ายังสามารถใช้ได้อีกแต่ผู้แต่งยังเก็บความสามารถนั้นไว้ใช้ในบทต่อไป

แต่มีความรู้สึกว่าซันมักจะทำให้คนรอบข้างคล้อยตามไปเกือบทุกอย่าง มันดูไม่ค่อยมีอุปสรรคในการจัดการกับปัญหาต่างๆ เท่าไหร่ค่ะ ทำอะไรก็ดูจะประสบความสำเร็จไปหมด มันทำให้เรื่องเดาได้ว่าเดี๋ยวนางเอกก็รอด เดี๋ยวนางเอกก็จัดการกับปัญหานี้ได้แน่นอน คือไม่มีอารมณ์กังวลหรือลุ้นว่านางเอกจะทำได้หรือไม่ได้ สองเผ่าที่ทะเลาะกันมาตลอดยังคืนดีกันได้ แม่มดที่ค่อยแต่นินทากลับเห็นในความดี ผู้หญิงที่เคยเกลียดกลับรู้สึกดีภายในวันเดียว คือมันดูง่ายจนเกินไปค่ะถ้าชีวิตจริงนี่คงแค้นเคืองกันยาว

ซาตาน เมื่อเปรียบซันเป็นอนาตาเซียแล้ว ซาตานก็ต้องเป็นคริสเตียนค่ะ อารมณ์ของฮีก็คล้ายๆ กับคาแรกเตอร์นี้พอดิบพอดี เงียบขรึม พูดน้อย ทรงเสน่ห์และรวย ในขณะเดียวกันก็ลึกลับ ทรงอำนาจ(แต่คงจะไม่ซาดิสม์) การเปิดตัวของซันอย่างน้อยๆ ก็ทำให้ซาตานประทับใจนะคะ เพราะคงไม่มีใครทะเล่อทะล่าเข้ามาขวางสงครามของปีศาจกับเทพได้ง่ายๆ และดูเมื่อว่าสองคนนี้จะมีจุดเชื่อมโยงหรือพรหมลิขิตให้มาเจอกันอย่างไม่ต้องสงสัย อาจจะเป็นเพราะลูกแก้ว หรือเบื้องลึกเบื้องหลังการเกิดของซันก็น่าจะเป็นเค้าลางสำคัญที่ผู้วิจารณ์เดาเอาเอง แต่จนถึงตอนที่หกเจ็ด ผู้วิจารณ์ก็ยังไม่รู้สึกหลงรักซาตานนะคะ แม้ว่าฮีจะดูใจดีเฉพาะซัน หรือใจสปอร์ตมีรถรับส่งส่วนตัวมาให้ (กริฟฟินตัวสีดำ) หรือมีอาจารย์หนุ่มมาสอนให้เป็นการส่วนตัว แต่ยังขาดเสน่ห์ที่ทำให้รู้สึกชอบตัวละครนี้อยู่นะคะ อาจเป็นเพราะวิธีการบรรยายที่ไม่ได้สละสลวยอะไรเท่าไหร่ก็เลยไม่มีอารมณ์ร่วมมากนัก อีกทั้งเนื้อหาโดยส่วนใหญ่จะเน้นไปทางนางเอกและเรื่องบู๊มากกว่า

นอกจากนี้ยังมีตัวละครอีกมากที่มีบทบาทไปตามแต่ละบท ยิ่งบทบาทขึ้นตัวละครต่างๆ ก็มากขึ้น ปัญหาตรงนี้ก็จะเกิดค่ะ จะเขียนบรรยายอย่างไรให้ดึงเอกลักษณ์ของแต่ละคนออกมาโดยไม่ให้เหมือนตัวละครเก่าๆ และจะทำอย่างไรให้การบรรยายนั้นมันน่าสนใจ เพราะในเรื่องนี้มีปีศาจอยู่เยอะจริงๆ ค่ะ ตั้งแต่แวมไพร์ หมาป่า ปีศาจตามธาตุที่อ้างอิงในบทแรกๆ ซาตาน เหล่าบาปเจ็ดประการ คือมันเยอะมากค่ะจนจำแทบไม่หมด

โดยส่วนตัวชอบตัวละครที่มีมิติ มีความซับซ้อนทางอารมณ์มากกว่านี้ เสมือนว่าตัวละครในเรื่องคือคนจริงๆ มากกว่าที่จะเป็นตัวละครที่มีบุคลิกลักษณะหลุดออกมาจากการ์ตูน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อาจจะเป็นที่ชื่นชอบของนักอ่านสายทำนองนี้มากกว่าค่ะ

การใช้ภาษา (34/40)

การบรรยาย (17/20) การบรรยายยังไม่สละสลวยเท่าทีควรค่ะ เหมือนเป็นการเขียนประโยคบอกเล่าในบางประโยค ซึ่งผู้แต่งสามารถใช้คำเชื่อม การใช้คำที่หลากหลายเพื่อให้การบรรยายมีความลื่นไหล น่าอ่านมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งต้องแยกวิธีการบรรยายกับบทสนทนาให้ออกซึ่งการบรรยายนอกบทสนทนานั้นควรจะเป็นภาษาทางการหากใช้การบรรยายแบบบุคคลที่สาม จะทำให้เห็นชัดเจนว่าส่วนใดเป็นการบรรยายส่วนใดเป็นบทสนทนาค่ะ

ขอยกตัวอย่างข้อบกพร่องในช่วงต้นเรื่องดังนี้ค่ะ

ตอนที่ 1 เสียงไม่ทุ้มมากอันแสนคุ้นเคยดังขึ้น พ่อกลับมาแล้ว พ่อเดินยิ้มกว้างเข้ามา กอดและหอมแม่ หอมแก้มเธอ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเธอ ลองปรับเป็นว่า น้ำเสียงนุ่มๆ ไม่ทุ้มหนักมากนักอันแสนคุ้นเคยดังขึ้น พ่อกลับมาแล้วพร้อมฉีกยิ้มก้าวเข้ามาตรงรี่ไปกอดและหอมแม่ จากนั้นก็หันมาหอมแก้มเธอแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามที่ว่างอยู่ เป็นต้น

ตอนที่ 2 ประกาศิตที่ทำให้เด็กสาวต้องเดินตามมารดาไปอย่างเสียไม่ได้พลางเหลียวหลังมองโปสเตอร์ครีมกิโมโนอย่างแอบเสียดาย ปรับเป็น อย่างนึกเสียดาย

เด็กสาวรัวการเชียร์สินค้ารวดเดียวจบอย่างที่ซันสงสัยเลยว่าเธอหายใจทางไหนกันแน่ ประโยคตรงนี้ยังไม่ลื่นไหลและบรรยายขัดๆ ปรับเป็นว่า เด็กสาวพูดรัวเร็วเกี่ยวกับสินค้าภายในร้านจบในเวลาอันรวดเร็ว ซันนึกสงสัยเอาเองว่าเธอหายใจทางเหงือกหรืออย่างไร หรือ เด็กสาวนำเสนอสินค้าใหม่ภายในร้านรวดเร็วจนแทบไม่หายใจ ซันนึกประหลาดใจว่าหญิงสาวตรงหน้าหายใจทางใดกันแน่

ฮิคารุพูดแทรกระหว่างที่เด็กสาวกำลังเริ่มเชียร์สินค้าชิ้นต่อไปอย่างมุ่งมั่น ปรับเป็น ฮิคารุพูดแทรกขณะที่เด็กสาวนำเสนอสินค้าชิ้นต่อไปอย่างแข็งขัน

เธอหน้าจ๋อยลงเล็กน้อยว่าเชียร์ไม่สำเร็จ อดค่าคอมอีกตามเคย ปรับเป็นว่า เธอหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อไม่ทันได้นำเสนอสินค้าใหม่ที่จะทำให้เธอได้ค่าคอมมิชชั่นเพิ่มขึ้น

ซันฟังอย่างตั้งใจ ในใจรู้สึกตื่นเต้นมาก โลกปีศาจก็ไฮเทคนะเนี่ย มีโปรแกรมแชทเฉพาะปีศาจซะด้วย ไม่รู้ใครก๊อปใครเลย จากตรงนี้จะเห็นว่าประโยคดังกล่าวทำให้ผู้วิจารณ์สับสน ไม่แน่ใจว่าเป็นประโยคสนทนาหรือประโยคบรรยาย สามารถจัดการประโยคดังกล่าวได้สองกรณีดังนี้

หนึ่งทำให้ประโยคดังกล่าวเป็นประโยคสนทนาที่เกิดขึ้นจากการนึกคิดภายในหัว เช่น ซันฟังอย่างตั้งใจภายในใจรู้สึกทึ่งกับเวทย์ที่ว่า โลกปีศาจก็ไฮเทคนะเนี่ย มีโปรแกรมแชทเฉพาะปีศาจซะด้วย ไม่รู้ใครก๊อปใครเลย ซันคิด การใช้ตัวเอียงหรืออัญประกาศเดี่ยว (เครื่องหมายคำพูด ‘ ’ ) จะช่วยแยกได้ว่าเป็นประโยคที่กำลังคิดอยู่ซึ่งผู้แต่งต้องเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งตลอดการเขียนนิยายนะคะ

สองทำให้เป็นประโยคบรรยาย เช่น ซันฟังอย่างตั้งใจภายในใจรู้สึกทึ่งกับเวทย์ที่ว่า ไม่น่าเชื่อว่าโลกปีศาจจะทันสมัยถึงขนาดมีโปรแกรมแชทเฉพาะตัว เล่นเอาซันสับสนว่าใครกันแน่ที่ก๊อปไอเดียใคร ระหว่างมนุษย์หรือว่าปีศาจ เป็นต้น

เด็กสาวอ่อนวัยกว่าตอบพลางยักไหล่ ในประโยคที่ซันคุยกับแม่ไม่จำเป็นต้องใช้ประโยคเดิมก็ได้ค่ะ ยังไงผู้อ่านก็ทราบแล้วว่าซันอายุน้อยกว่าแม่ ดังนั้นจะใช้คำแทนเด็กสาวอ่อนวัยกว่าตอบ เป็นอย่างอื่นก็ได้ เช่น เด็กสาว ซัน ลูกของเธอ เป็นต้น

เฮ้ยนี่มัน อุทานในใจ ปรับเป็น เฮ้ยนี่มัน... ซันอุทานในใจ

เด็กสาวงงหนัก ปรับเป็น เด็กสาวยิ่งงงไปใหญ่ เป็นต้น

ซันเงียบไปครู่หนึ่ง จนเซนทอร์ชราถอนใจ

คงกลัวสินะ... ไม่จำเป็นต้องขึ้นบรรทัดใหม่ สามารถต่อประโยคได้เลย เช่น ซันเงียบไปครู่ จนเซนทอร์ชราถอนหายใจ คงกลัวสินะ...เขาคิด

ฮิคารุและซันกึ่งเดินกึ่งวิ่งพักใหญ่ จนตอนหลังเป็นวิ่งเต็มที่ ในมือก็หิ้วของพะรุงพะรัง ฮิคารุร้องเมื่อเห็นจุดหมายอยู่ตรงหน้า ปรับเป็น ฮิคารุและซันกึ่งเดินกึ่งวิ่งอยู่พักใหญ่ แต่หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็วิ่งเต็มฝ่าเท้าขณะที่มือทั้งสองถือของพะรุงพะรัง เมื่อเห็นจุดหมายอยู่เบื้องหน้า ฮิคารุก็ร้องลั่น

ตอนที่ 4

ที่นี่ที่ไหน? คำถามที่เธอได้ถามตัวเองบ่อยเสียเหลือเกิน ไม่ต้องใช้เครื่องหมายปรัศนีค่ะ เพราะภาษาไทยมีคำที่เป็นคำถามอยู่แล้วในประโยคนี้คือไหน และปรับประโยคได้ว่า ที่นี่ที่ไหน เป็นคำถามที่เธอถามตัวเองบ่อยเสียเหลือเกิน หรือ เป็นประโยคที่พูดกับตัวเองบ่อยเสียเหลือเกิน เป็นต้น

“โดโรธีออกไปก่อน” เป็นคำสั่งที่ทำให้ซันรู้ว่าสาวใช้หน้าตาน่ารักนั้นมีชื่อว่าโดโรธี ปรับเป็น ชายตรงหน้าสั่งการสาวใช้ นั่นทำให้ซันรู้ว่าผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนี้ชื่อโดโรธี

ตอนที่ 6

ไม่กี่นาทีต่อมาทั้งสามตน ก็มาถึงอาคารกลางที่ดูเหมือนทำเนียบขาวสีดำได้โดยยังไม่ทันมีเหงื่อ ปรับเป็น ไม่กี่นาทีต่อมาทั้งสามตนก็มาถึงอาคารกลางที่ดูเหมือนทำเนียบขาวแต่เป็นสีดำโดยไม่เสียเหงื่อสักหยดเดียว

โดยที่แต่ละคนดูเหนื่อยเอามากๆ ส่วนมากหอบกันไม่หยุด ปรับเป็น โดยแต่ละคนดูเหนื่อยล้าเอาการ ส่วนมากต่างหอบตัวโยน

ตอนที่ 20 แสงสว่างวาบเป็นการยืนยันการให้คำสาบานของปีศาจ ซันอ้าปากค้าง เอ่ยห้ามใดๆ ไม่ทัน ปรับเป็น ลำแสงจ้าสว่างวาบแสดงคำสัตย์สาบานของปีศาจ ซันเพียงมองตาค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่ทันได้เอ่ยห้ามใดๆ เป็นต้น

เสียงไม่ทุ้มมากนักดูหวีดหวิวอย่างบาดใจ ตรงนี้หมายถึงนิคซบหน้าบนไหล่แล้วก็ร้องไห้ไปด้วยใช่ไหมคะ ลองปรับเป็น นิคซบหน้าบนไหล่บางแม้จะพยายามอดกลั้นแต่น้ำเสียงแหบพร่าสะอื้อไห้ออกมาอย่างไม่อาจฝืนทน เด็กสาวจึงปล่อยให้เพื่อนของเธอโอบกอดแบบนั้นโดยไม่มีท่าทีขัดขืน เป็นต้น

จิ้งจอกสาวกรี๊ดอยู่ในใจดังลั่น มันดูขัดๆ นะคะ ลองปรับเป็น จิ้งจอกสาวแอบกรีดร้องอยู่ในใจ

ความถูกต้องของหลักภาษา (17/20)

คำผิดคำตก มีอยู่ให้เห็นประปราย ยกตัวอย่างเช่น เธอยืนยิ้มแป้นอย่างรับแขกเต็มที่ แก้เป็น เธอยืนยิ้มแป้นอยากรับแขกเต็มที่, กระพริบตา กะพริบตา,หลงไหล หลงใหล เป็นต้น

จุดไข่เปล่า เช่น “...ต่อด้วยข้อความ” อันนี้ผู้วิจารณ์ได้รับคำแนะนำจากกองบก. ท่านหนึ่งบอกว่าโดยหลักภาษาไทย การใช้จุดไข่ปลามักจะใช้ท้ายประโยคที่มีการอธิบายยืดยาวและย่นประโยคให้สั้นลง หรือถ้าใส่หน้าข้อความแล้วก็ต้องใส่หลังข้อความในกรณีที่ยกข้อความมาจากที่อื่น ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องใส่จุดไข่ปลา ให้ผู้แต่งบรรยายไปว่าตัวละครเว้นระยะการพูด หรือหยุดเงียบชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อไปแทนน่าจะดีกว่าค่ะ

การเคาะบรรทัด เข้าใจว่าผู้แต่เคาะบรรทัดเพื่อให้เกิดอารมณ์ในการอ่าน แต่เอาเข้าจริงๆ มันจะทำให้หน้านิยายยาวโดยใช่เหตุค่ะ ซ้ำจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกเบื่อได้ง่าย หรือบางทีควรทำเนื้อหาให้มีรูปแบบเหมือนหนังสืออ่านทั่วไปน่าจะดีกว่านะคะ

คำที่ผิดความหมาย

ตอนที่ 2 ภาพสาวสวยผิดขาวจัดๆ ในทางภาษาไทยถ้าต้องการบอกว่าผู้หญิงคนนี้มีผิวขาวมากจะใช้คำว่า ผิวขาวจัด การเติมไม้ยมก จะทำให้คำที่อยู่ข้างหน้าจางลง ยกตัวอย่าง รถคนนี้สีแดง กับรถคนนี้สีแดงๆ สองประโยคนี้มีความหมายต่างกัน ประโยคแรกบอกชัดเจนว่ารถที่เห็นคือสีแดงไม่ใช่สีอื่น ส่วนประโยคนั้นเป็นการระบุสีที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน ดังนั้นผิวขาวจัดๆ แสดงว่าผิวคนนี้ไม่ได้ขาวมากนั่นเองค่ะ

ตอนที่ 5 เสียงดุติดจะสั่ง ตรงนี้คงหมายถึงว่าตัวท่านเจ้ามักจะพูดในลักษณะเชิงสั่งอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมคะ งั้นลองปรับเป็นว่า เสียงดุแกมสั่ง หรือเสียงดุสั่งการ หรือ น้ำเสียงดุที่มักพูดแบบสั่งการ หรือน้ำเสียงดุเหมือนสั่งการ หรือน้ำเสียงดุพูดเชิงสั่งการ เป็นต้น

ตอนที่ 10 ซันคิดพลางร้องไห้เสียงดังในใจ อารมณ์ประมาณโอดครวญ กรีดร้องในใจใช่ไหมคะ ลองปรับใช้เป็นคำว่า ซันคิดพลางโอดครวญในใจ ซันคิดพลางกรีดร้องในใจ เป็นต้น

เมื่อโดโรธีเดินกลับไปอีกฝั่งของเตียง (ซึ่งเท่ากับเด็กสาวหันหลังให้ในขณะนี้) อันนี้ต้องการจะสื่อว่าโดโรธีหันหลังคุยกับซันใช่ไหมคะ เหมือนเดินออกไปแล้วหยุดพูดประมาณนี้ น่าจะปรับเป็นว่า เด็กสาวถอยห่างออกจากซันเพื่อเตรียมตัวออกจากห้อง แต่แล้วก็หยุดกึกและพูดหนึ่งประโยคโดยไม่ยอมหันกลับไปมองซัน แสดงให้เห็นว่าพยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้แสดงออกว่าโกรธชัดเจนแต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดความรู้สึกของตัวเอง

จู่ๆ คำพูดสั้นๆ ที่ได้ใจความจากปีศาจสูงศักดิ์ดังขึ้นลอยๆ ทำให้บรรยากาศเมื่อครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยซึ่งซันเองก็เป็นคนที่โล่งใจจนลอบถอนหายใจเงียบๆ ในใจ สังเกตว่าประโยคข้างต้นมีคำว่า ใจอยู่หลายที่จึงกลายเป็นคำฟุ่มเฟือยไปโดยปริยาย อีกทั้งในใส่ท้ายประโยคทำให้ประโยคเดิมดูสับสน ควรตัดออกไปนะคะ ดังนั้นควรปรับได้ว่า จู่ๆ คำพูดแสนกระชับจากปีศาจผู้สูงศักดิ์ก็ดังขึ้น ทำให้บรรยากาศเมื่อครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ซันจึงถอนหายใจโล่งอกอย่างเงียบๆ

ตอนที่ 13 “ถ้างั้นเรียกแท็กซี่อีกทีแล้วกันนะ” ซันว่า ทำเอาปีศาจที่มาด้วยทั้งสองหันมองจนแทบจะมีเสียงดังควับ สายตาทั้งคู่บอกเป็นข้อความได้ชัดเจน ทำไมไม่นั่งไปที่จุดนัดพบตั้งแต่แรกล่ะ ประโยคนี้ดูขัดๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ลองปรับดูค่ะ

ทำเอาปีศาจที่มาด้วยกันหันมองจนแทบจะเกิดเสียง “ควับ” และสายตาของทั้งสองก็บอกได้ชัดเจนว่า ทำไมไม่นั่งไปที่จุดนัดพบตั้งแต่แรกล่ะ!

อีกประโยค คราวนี้ปีศาจจิ้งจอกก็ได้รับขว้างค้อนมาสองอันเต็มๆ ไม่แน่ใจว่าต้องการจะสื่ออะไร หรืออาจจะหมายถึงได้รับสีหน้าไม่สบอารมณ์นิดๆ ของทั้งโดโรธีและนิคหรือเปล่าคะ

ตอนที่ 22 เผ่าออร์คมันเป็นพวกความดันต่ำ ผิดความหมายนะคะ ปรับเป็น เผ่าออร์คมันเป็นพวกจุดเดือดต่ำ จะถูกความหมายมากกว่าค่ะ

ข้อเสนอแนะ

คุกกี้แบบฝรั่งเศส น่าจะขยายลักษณะของมันหน่อยนะคะ เป็นมาการอง หรือว่าตูเล อัลมอนด์ที่มีแผ่นบางกรอบ เพราะใส่ทื่อๆ ก็เดาไม่ออกว่าคุ้กกี้นั้นมีลักษณะแตกต่างจากคุ้กกี้ธรรมดาอย่างไร ในเมื่อผู้แต่งเขียนแบบเจาะจง อีกทั้งผู้อ่านแต่ละคนก็ไม่ได้มีประสบการณ์ที่เหมือนกัน หากจะบรรยายเพิ่มสักนิดก็น่าจะทำให้ผู้อ่านที่ไม่มีประสบการณ์ (อย่างเช่นผู้วิจารณ์) เข้าใจมากขึ้นค่ะ

สำหรับแนวเรื่องจุดนี้ไม่แน่ใจว่าจะให้มันตลกไปเลยหรือว่าจะให้มันดราม่า เพราะผู้แต่งก็มักจะเสริมเรื่องให้ดูตลกจากบทของนางเอก มันดูกึ่งๆ จะตลกก็ไม่ตลกสุด จะดราม่าก็ไม่แน่ใจ แต่จากมุมมองของผู้วิจารณ์คิดว่าเรื่องแนวนี้น่าจะเขียนให้มีแนวทางไปอย่างหลังจะดีกว่าเพราะทำให้เรื่องดูน่าอ่านขึ้นค่ะ

การแบ่งบท ผู้แต่งแบ่งบทแต่ละตอนไม่เท่ากัน บางตอนก็ยาวมาก บางตอนก็สั้น พออ่านยาวๆ แล้วมันรู้สึกว่าทำไมไม่แบ่งจัดส่วนให้เท่าๆ กันนะ ซึ่งพอจะเข้าใจว่าที่ทำแบบนี้เพื่อตัดเนื้อหาให้ดูน่าตื่นเต้น อยากอ่านตอนต่อไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ลองเฉลี่ยๆ บทให้ใกล้เคียงกันดูนะคะและให้ตอนท้ายเรื่องยังดูน่าติดตามซึ่งคิดว่าผู้แต่งน่าจะทำได้ค่ะ อีกทั้งมันจะช่วยให้บทความไม่ยาวมากเกินไปค่ะ เพราะจริงๆ บางตอนมันก็สั้นจนสามารถนำบทจากตอนอื่นๆ มาต่อได้เหมือนกันค่ะ

รวม 80/100 คะแนน

โดยสรุปแล้วนิยายเรื่องนี้ถ้าไม่มีความอดทนพอก็ขาดว่าคงไม่เห็นจุดหักมุมของเรื่องที่อยู่กลางๆ บท ความยืดเยื้อของฉากบางฉาก การบรรยายยิบย่อยทำให้ใจความหลักของเรื่องห่างออกไปอีก และทำให้ความสนใจของผู้อ่านน้อยลงไปด้วย หลังจากนี้คาดว่าผู้แต่งคงทำการรีไรท์เพื่อให้เนื้อเรื่องมันกระชับกว่านี้ ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทวิจารณ์จะช่วยให้เห็นแนวทางแก้ไขเนื้อหาที่ต้องปรับปรุง ทั้งนี้ทั้งนั้นได้วิจารณ์ถึงตอน 23 และหากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยค่ะ

reviewer author
@wondermomo / MissSuika
7 เม.ย. 58 / 13:49 น.

0