คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Away Special ๓ [๕๐%]
จือเทารู้สึกตัวอีกทีเพราะกลิ่นอาหารหอมๆที่ปกติจะไม่ลอยมาถึงชั้นบนของตึกใหญ่ ร่างเล็กทำท่าจะพลิก
ตัวเข้าหาแหล่งที่มาของกลิ่นที่แสนจะกระตุ้นรสสัมผัส เทาไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองเลย แต่กลิ่นแบบนี้
แพนเค้กราดน้ำผึ้งเพื่อนรักของเค้าแน่ๆ
แต่แล้ว เทาก็พลิกตัวกลับไปไม่ได้ เพราะสัมผัสหนักๆที่ทิ้งลงมาตรงซอกคอ และผิวมือกร้านที่ปิดบังวิสัยการ
มองเห็นอยู่บริเวณดวงตาทั้งสองข้าง
'คนอะไรนอนเป็นตุเป็นตะ' เสียงของคุณท่านอยู่ข้างหูนี่เอง ไอร้อนห่างออกไปเพียงช่องว่างอากาศผ่าน สัมผัสที่คลอเคลียอยู่ข้างพวงแก้มนิ่มก็เริ่มแปลกไปตามกฎกายภาพของร่างกาย เทาจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ได้รับสัมผัสนี้คือเมื่อสามวันที่แล้ว
คุณท่านไม่ยอมโกนหนวด
'หนวดขึ้นแล้วฮะ...' เทาเอื้อนเสียงอ่อน จนเสี่ยวหมิงขำ ลูกแมวของเค้าไม่เคยชอบสัมผัสนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แปลกอยู่อย่าง หากกิจกรรมตามท้องเรื่องเปลี่ยนจากการคลอเคลียอ้อยอิ่งรับอรุณเป็นความร้อนแรง เร้าอารมณ์ยามค่ำคืน คนตัวเล็กมีแต่แพ้ให้ปลายคางครึ้ม
ไรเคราแบบนี้อย่างหมดท่า
'รู้ได้ไง ยังไม่ลืมตามามองหน้าพี่เลยนะ' เสี่ยวหมิงพูดเย้า กะจะให้คนตัวเล็กตะเกียกตะกายแงะมือหนาของตนออกแล้วหันมายืนยันกับสิ่งที่ตนรู้สึก
จะได้จับมอนิ่งคิสปิดปากซะให้เข็ด
กลับกันเทาไม่ได้หันมาแย้ง มือบางดันโครงหน้าเข้มให้แนบเข้าหาพวงแก้มของตัวเอง เทาขยับหน้าเบาๆให้ผิวแก้มซึมซับรสสัมผัสสากๆ
โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าใครอีกคนต้องสะกดอารมณ์แค่ไหนกับท่าทางออดอ้อนซึ่งไร้การปรุงแต่งแบบนี้
'นี่ไง ไม่ได้โกน'เสี่ยวหมิงถอนหายใจแรง เพื่อห้ามตัวเองไม่ให้จับคนตรงหน้าขึ้นมาฟัดจนผิวเนื้ออ่อนระคายจนแดงเรื่อซะก่อน
'งั้นโกนให้พี่นะ' เทาโอด โกนหนวดให้คุณท่านทีไร โฟมโกนหนวดไม่วายมาเลอะบนหน้าเทาด้วยทุกที เสี่ยวหมิงไม่สนใจท่าทางประท้วงน่ารักน่าชังนั่น สูดดมความหอมแรงๆจากกกหูขาว แล้วจับคนตัวเล็กให้นั่งพิงกับหัวเตียง ยอมละมือที่ปิดดวงตากลมโตทั้งสองข้างออกเพื่อไปเข็นสำหรับอาหารมาเอาใจเมียเด็กตัวน้อยถึงเตียง
'แพนเค้กจริงด้วยยยยยยย' เทายิ้มจนตาปิดเหมือนลูกแมวตอนเห็นปลาทู อะไรจะมีความสุขเท่าการเห็นเด็กกินยากชอบอาหารที่ตัวเองทำล่ะ จริงมั้ย?
'คุณท่านมาทานด้วยกันสิฮะ' มื้อเช้าไม่ใช่วิสัยของเสี่ยวหมิงเลย รับทีไรแล้วกระอักกระอ่วนท้องแปลกๆ สำหรับเค้ากาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลซักแก้วก็พอ
'หนูทานเถอะ' เทาส่ายหน้าขวับ จัดแจงหั่นแป้งแพนเค้กเป็นชิ้นพอดีคำ นี่เทาอุตส่าห์เลือกตรงที่ไม่ค่อยโดนน้ำผึ้งแล้วนะ เทารู้คุณท่านไม่ชอบกินหวานๆ
'อ้ามเร็วฮะะะะ' เสี่ยวหมิงอ้าปากรับเพราะ ปลายจมูกกลมๆที่รั้นขึ้นอ้อนนั่นหรอก รสชาติของน้ำพึ่งทำเอาเสี่ยวหมิงกุลีกุจอหาน้ำเปล่า แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้หยิบติดขึ้นมาด้วย ทำแพนเค้กให้คนตัวเล็กเสร็จก็ยกขึ้นมาบนห้องนอนเลย
จนสุดท้ายก็ต้องจำใจกลืนลงไป แล้วย้ายใบหน้าเหยๆเข้ามาหาซอกคอหอม สูดดมกลิ่นละมุนละไมให้พอคลายคลื่นเหียน ทำไมของหวานบนโลกไม่มีอะไรที่เป็นได้เหมือนเทาเลยนะ หวานแต่ก็ไม่เลี่ยน แถมยังมีกลิ่นหอมๆตัดให้ชื่นใจอีก ถ้าขนมอย่างอื่นให้รสสัมผัสได้ดีเท่าเทาป่านนี้เสี่ยวหมิงคงเป็นตาแก่ลงพุงไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
มื้อเช้าผ่านไป ก็ถึงเวลาจัดการตัวเองของคุณท่านของบ้านเสียที เสี่ยวหมิงในชุดคลุมสีดำลายมังกรปักดิ้นทองแสดงถึงอำนาจในบ้าน นั่งไขว้ห้างอยู่บนขอบอ่างอาบน้ำเหลือบมุก มองคนตัวเล็กที่ตระเตรียมมีดโกน และโฟมโกนหนวดด้วยแววตาทอดอ่อน
'เทาบอกไว้ก่อนนะฮะ ถ้าคราวนี้คุณท่านทำหน้าเทาเลอะโฟมแม้แต่นิดเดียวคราวหน้าเทาจะไม่ทำให้แล้ว'
ราวกับลูกแมวแยกเขี้ยวขู่ฟ่อ ไม่ได้เกรงใจมังกรที่ผงาดพาดเนื้อผ้าสีดำขลับที่ถูกตัดเย็บอย่างปราณีตสมกับเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ประจำตำแหน่งประมุขของบ้านแม้เพียงนิด
เสี่ยวหมิงเงยคอ ให้ได้มุมถนัดสำหรับเทา เนื้อครีมสีขาวค่อยๆถูกปาดลงบนผิวกร้านทีละน้อย เทาเม้มปากในขณะที่กำลังเกลี่ยให้เนื้อโฟมเข้าถึงทุกส่วนของรูปคางเป็นสัน เทาลอบมองเส้นเอ็นข้างลำคอสีแทนที่มีไอเหงื่อเกาะอยู่ อยู่ใกล้แค่นี้จึงไม่แปลกที่เทาจะได้กลิ่นกรุ่นๆจากไอร้อนที่กรุออกมาจากร่างคร้ามแดดตรงหน้า
ใครว่าคนเราจะร้อนแรงเวลาใส่น้ำหอม
ไม่ได้อยู่ใกล้จนจมูกเฉียดคอแบบเทา ไม่รู้หรอก
'ท…ทะ เทาจะลงมีดโกนแล้วนะฮะ ห้ามคุณท่านขยับนะ!' เทาค่อยๆบรรจงไล้ปลายคมของใบมีดไปตามผิวกร้าน ให้กินเนื้อน้อยที่สุด
เสี่ยวหมิงเห็นท่าทีขมักเขม้นแบบนั้น อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกลงไปหาลำคอขาวเนียน ดาหน้ากดจมูกลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ต่างอะไรกับความต้องการที่เค้ามีให้ร่างตรงหน้าอย่างไม่สิ้นสุด
'คุณท่าน!! เทาเลอะอีกแล้ว! โกนเองเลยฮะ!'
อย่าห่วงเลยว่าหวางเสี่ยวหมิงจะไม่มีใครโกนหนวดให้ เพราะเดี๋ยวเจ้าตัวก็ใช้ลูกหน้านิ่งๆท้วงว่าที่ตกลงกันไว้ ไม่มีบอกว่าห้ามทำเทาเลอะที่คอ
สุดท้ายก็จบที่อาบน้ำด้วยกันอยู่ดี
คนตัวเล็กฮึดฮัดขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดที่มีหยดน้ำเกาะพราว แต่จะพยศไปก็เท่านั้น
เพราะยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งตอกย้ำ
และบดเบียดเข้าหาความร้อนแรงของร่างหนาข้างหลังมากขึ้นเท่านั้น
เปลวเพลิงที่พึ่งดับลงยังคงไม่คลายความร้อนและควัน ขืนอยู่ใกล้กันแบบนี้
แค่เชื้อเพลิงบางเบาก็สามารถเร่งให้ไฟรักกลับมาโหมกระหน่ำได้เหมือนเดิม
'เป็นอะไร ไม่พูดไม่จาหืม'
'....'
'หนู'
'....'
'หนูคะ'
'ฮึก...' หากเสี่ยวหมิงไม่ได้นั่งช้อนหลังบางอยู่แบบนี้
เป็นไปได้อย่างเดียวว่าต้องเห็นริมฝีปากสีสดเบะออกอย่างน่าตีที่สุด
'หนูเป็นอะไร'
'หนูอึดอัด ฮึก เอาออกไปเลย!' อ้าวเป็นงั้นไปอีก
เสี่ยวหมิงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบรวบอีกคนเข้ามากอดไว้ พร่ำคำปลอบประโลม
และขอโทษข้างหูขาวนับครั้งไม่ถ้วน
แล้วจึงค่อยๆถอนกายออกมา ผ้าขนหนูผืนนุ่มสีขาว ถูกนำมาห่อร่างสีขาวไม่ต่างอะไร
กับผืนผ้าจนเป็นก้อนกลมๆ
หลังจากจัดการตัวเองเสร็จแล้วคนเป็นพี่ช้อนก้อนผ้ากลมป๊อกขึ้นแนบอก
แล้วค่อยๆทอดวางลง
บนเตียบหลังใหญ่
เดินไปปลดเสื้อผ้าจากห้องแต่งตัวแบบ walk
in closet แล้วเดินกลับมายืนมองอีกคนที่นอนตัว
อ่อนพาดเตียง หู ตา แดง อยู่
'ไม่ร้องแล้วเร็ว คนดี' เสี่ยวหมิงแอบแปลกใจไม่น้อยที่จู่ๆเทาก็ไม่สบายตัวขึ้นมาเสียดื้อๆ
ทั้งๆที่เค้าทะนุถนอมดวงใจตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับปุยนุ่น
'พี่แต่งตัวให้นะ' เทาพยักหน้างึก ให้คนเป็นพี่หมั่นเขี้ยว
จับฝังจมูกลงที่แก้มแรงๆอยู่หลายที จนเทาร้องฮื้อถึงได้ผละออกไป
แก้ปมผ้าขนหนูที่แผ่นอกบาง
เพื่อที่จะได้เริ่มแต่งตัวให้ลูกแมวเปียกน้ำ ก่อนที่จะได้จับไข้จริงๆ
ร่างขาวเปล่าเปลือย
ถูกบรรจงทาด้วยแป้งเด็กกลิ่นหอมสบายจมูก เสี่ยวหมิงหมั่นเขี้ยวนัก ที่เลือกทาแป้งเด็กให้เพราะเห็นว่า
ไม่สบายตัว
ไม่คิดว่ากลิ่นที่ตามมาจะน่าดึงดูดยิ่งกว่าน้ำหอมแพงราคากลิ่นใดเสียอีก
เทาเองก็ดูจะผ่อนคลายไม่น้อย ปลาย
เท้าเล็กยกขึ้นเตะอากาศ
เหมือนเด็กเล็กๆ เสี่ยวหมิงทอดสายตามองอ่อน
สิ่งที่คิดเพียงอย่างเดียวคืออยากจะเก็บคนตรงหน้า
ไว้กับอก
เพียงแค่ชั่วห้วงหายใจเดียวก็ไม่อยากจะปล่อยให้คลาดสายตาไปไหน
'แต่งตัวเสร็จแล้วหนูไปอยู่กะเสี่ยวชุนนะ
วันนี้จะมีคนมาคุยธุระกับพี่ แล้วเดี๋ยวเย็นๆเราไปดูหนังตามที่หนูบอกกัน'
เสี่ยวหมิงพูดกำชับตอนที่ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนให้เทาเป็นเม็ดสุดท้าย
ร่างน้อยพอได้ยินคำว่าดูหนังเท่านั้นก็ยิ้มจนตาปิด
แล้วยืดตัวขึ้นฝากรอยจูบไว้ที่แก้มสาก
มือหนายื่นให้คนตัวเล็กใช้เกาะเป็นหลัก
จนในที่สุดปลายเท้าเรียวก็หยัดลงบนพื้นพรมของห้องนอนใหญ่
'ป่ะ เดี๋ยวพี่พาไปส่งที่ห้องเจ้าชุน'
'อื้อ!'
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
คุณชายของบ้านเห็นแม่เลี้ยงตัวน้อยมาหาถึงห้องก็ดีใจรีบปรี่เข้ามารับถึงหน้าห้อง
จากนั้นกรรมสิทธิ์ในตัวเทาก็กลายเป็น.
ของคุณเสี่ยวชุนไปด้วย
ร่างโปร่งหอมแก้มคนเป็นพ่อเร็วๆ แล้วรีบดันหลังให้รุดเดินออกไปจากห้องของตนเสียที
ราวกับว่า
อดใจรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เล่นกับเพื่อนเล่นของตนตามลำพัง
'วันนี้คุณพ่อมีแขกหรอ' คุณเสี่ยวชุนเอ่ยถามพลางจูบมืออีกคนมาที่เตียง
ชักชวนให้คนตัวเล็กดูโถแก้วใส่ขนมมากมายในห้องนอนของตน เทาหัวเราะแล้วพยักหน้าตอบ
'อื้อ สงสัยธุระสำคัญ
ถึงกับเปิดบ้านรับเนี่ย' เทาเอนตัวลงบนเตียงนุ่ม พลิกตัวเข้าหาชั้นวางโคมไฟตัวจ้อย
พลันสายตาก็ไปสะดุดกับกล่องกำมะหยี่สีกรมเข้ม ราวกับถูกสิ่งๆนั้นดึงดูดให้เข้าหา
เทาเอื้อมมือไปแตะกล่องรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสนั้นอย่างไม่รู้ตัว
'เทา! เทา!'
'ฮ...ฮะ คุณเสี่ยวชุน?'
'ดูอะไรอยู่ เรียกตั้งนานแน่ะ
อย่าบอกนะว่าคิดถึงคุณพ่อ พึ่งแยกกันได้ไม่ถึงห้านาทีดีเลยนะ' เทาไปต่อไม่ถูก ได้แต่หยิบกล่องกำมะหยี่เจ้ากรรมขึ้นมาให้คุณเสี่ยวชุนดู
'อ๋อ ดูนาฬิกานี่เอง
เทาก็สนใจพวกนาฬิกาด้วยหรอ'
....เปล่าเลย...เทาคิด
เครื่องประดับชนิดนี้ไม่ใช่สิ่งที่เทาให้ความสนใจเลยแม้แต่นิด เทาคิดตลอดว่า
มันไม่คุ้มค่าที่จะเอาเงินก้อนโตไปแลกกับเครื่องบอกเวลาความสามารถธรรมดาพรรค์นี้
หากแต่นาฬิกาเรือนสวยในมือนี้ ทำให้เทาหวนคิดถึงใครบางคน
ใครที่ทำให้เทาคิดถึงจะขาดใจ
'ต้องอูโบลท์ บิ๊กแบง สิ เทาเทาคอยดูนะ ซักวันเค้าจะซื้อให้ดู'
'ซื้อให้เค้าดูทำไม เค้าไม่ได้อยากได้อย่างตัวซะหน่อย'
'โถ่..ทำเป็นตื่นเต้นกับคำพูดเค้าซักหน่อยมั้ยล่ะ..'
‘นาฬิกาเรือนนี้ของคุณเสี่ยวชุนหรอฮะ?'
'อ๊ะ..อ๋อ ป่าวหรอก
ชุนเดินชนผู้ชายคนนึงบนถนนน่ะ แล้วทำของเค้าตกแตก
ก็เลยรับเอาไปซ่อมให้เป็นการขอโทษ' เทาพยักหน้าน้อยๆ
'แล้วจะเอาไปคืนเจ้าของเค้าตอนไหนหรอฮะ?' คุณเสี่ยวชุนยู่ปาก
ตอบด้วยคำตอบแบบเช้าชามเย็นชาม
'ยังไม่รู้เลย...เจ้าของไม่ยอมให้ติดต่ออะไรด้วยซักอย่าง
บอกแค่ว่าถ้าจะเอาไปคืนให้เอาไปวางไว้แถวๆที่ๆเดินชนกัน'
นาฬิการาคาแพงขนาดนี้แต่เจ้าของกลับพูดถึงด้วยท่าทีไม่ใส่ใจเท่าไร
ทำให้เทานึกทึ่งในตัวผู้ชายคนนั้นไม่น้อย….แต่จะเป็น
อะไรไป
สิ่งที่น่าสนใจไม่ได้อยู่ตรงนั้นนี่
เทาสนใจท่าทางขัดอกขัดใจจอบคุณชายเล็กของบ้านมากกว่า ยามที่ต้องพูดย้ำ
ว่า ไม่มีช่องทางให้ติดต่อเจ้าของนาฬิกาได้อีก
'เค้าไม่ติดต่อก็ไม่ติดต่อสิ
ทำไมคุณเสี่ยวชุนต้องอารมณ์เสียล่ะ หรือว่า..'
'อ...อ่ะ..อะไรเล่าเทา!!
ชุนเปล่า..เปล่าอยากเจอเค้าอีกครั้งซักหน่อย' เทากระพริบตาปริบปริบ แค่จะแซวเล่นๆแต่ไม่คิดว่า
ปฏิกิริยาตอบกลับจะรุนแรงขนาดนี้
เทายิ้มเผล่ เอียงคอลงเล็กน้อย มองหน้าอีกคนด้วยท่าทาง(แกล้ง)จับผิด
'เทาแค่จะบอกว่า หรือว่ากลัวไปวางทิ้งไว้แล้วนาฬิกาจะหาย :3'
เทากับเสี่ยวชุนนั่งเล่นนอนเล่น
ทอดตัวลงบนพื้นผิวบุนุ่มที่กระจายตัวจนแทบจะครบทุกตารางนิ้วของห้อง ยามบ่ายคล้อย
อาหารกลางวันถูกสั่งให้ยกขึ้นมาตั้งสำรับถึงบนห้อง
ทั้งที่แปลกใจเพราะมื้ออาหารควรจะดำเนินไปตามอย่างที่มันควรจะ
เป็นในห้องอาหารใหญ่
แต่สุดท้ายคำถามมากมายก็ถูกกลืนลงคอไปพร้อมกับเสียงของสาวใช้ที่บอกว่าคุณท่านนังติดแขกอยู่
ข้างล่าง
และห้องอาหารไม่สะดวกจะใช้งาน
'เทาจะไปดูหนังวันนี้หรอ?' ลูกเลี้ยงหน้าหล่อใช้ปลายส้อมชี้มาทางเทาพลางตั้งคำถาม
เทาพยักหน้างึก แล้วจึงออกปาก
ชวนอีกคนไปดูหนังด้วยกัน
จริงๆดูหนังด้วยกันสามคนก็สนุกดี อย่างน้อยก็จะได้มีคนสนใจหนังไปพร้อมๆเทาบ้าง ไม่
เหมือนใครอีกคนที่เข้าไปในโรงหนังแล้วมือต้องกลายเป็นปลาหมึก
โอบได้เป็นโอบ ถือโอกาสที่คนตัวเล็กเสียงดังไม่ได้
เก็บเกี่ยวกำไรจนชุ่มปอด
ตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงที่หนังฉาย พูดแล้วก็หมั่นไส้นัก
ออกมาจากโรงหนังถามชื่อพระเอกจะ
ตอบได้หรือเปล่าก็ไม่รู้
เพราะทุกหน่วยของระบบการรับรู้ของเจ้าของมือหนานั้นถูกตรึงไว้ที่เอวคอดๆที่นุ่มนิ่มน่าหยิกนั้น
ทั้งหมด
ทั้งๆที่ไม่ได้มีกะจิตกะใจจะดูหนังสักนิด
แต่กลับเอ่ยปากชวนดูต่ออีกเรื่องหน้าตาเฉย คุณท่านนะคุณท่าน ถ้าตัวเทา
ช้ำได้ จะช้ำให้ดูตรงนั้นเลยคอยดู!
'คุณเสี่ยวไปดูด้วยกันมั้ยฮะ?' เสี่ยวชุนเบ้ปาก
ส่งเสียงงุ้งงิ้งว่าถึงจะอยากไปแต่ถ้าต้องมานั้งล้อมหน้าล้อมหลังง้อคนแก่อีก
คนฐานที่ไปขัดโอกาสสวีทกับแม่เลี้ยงตัวน้อย
ก็ดูจะไม่คุ้มนัก คุณพ่อของเสี่ยวชุนไม่ใช่คนง้อง่ายเลย
'เทาไปกับคุณพ่อเถอะ
เดี๋ยวถ้าครั้งไหนคุณพ่อไม่ว่างพาเทาไป ชุนจะไปด้วยนะ'
.
.
.
.
..
.
.
.
.
.
.
.
.
หกโมงครึ่งแล้ว
ธุระของคุณท่านกับแขกยังไม่มีท่าทีว่าจะคลี่คลายลง
เด็กน้อยที่รอมานานห้าชั่วโมงเต็มๆ เริ่มออกอาการไม่
สบายตัวอีกครั้ง เทาคลื่นไส้
ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เสี่ยวชุนเห็นท่าไม่ดีรีบเดินเข้ามาประคองไว้ก่อนที่คนตัวเล็กจะ
หน้ามืดลงไปจริงๆ
คำโกหกว่าตัวเองสบายดีถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ เทาถามหาน้ำผลไม้รสเปรี้ยวซักแก้วเพื่อมาล้างอาการฝาด
ขมในคอ
เสี่ยวชุนนึกขัดใจกับนิสับหัวแข็งของคนตรงหน้านัก ฝืนตัวเองไม่พอ
ยังจะยืนกรานลงไปห้องครัวด้วยตัวเอง ถึง
จะฟึดฟัดใส่
แต่สุดท้ายก็เป็นเสี่ยวชุนเองที่ประคองเทาลงไปถึงห้องครัวจนได้
'รอตรงนี้นะ เดี๋ยวชุนไปเทน้ำมาให้'
เสี่ยวชุนกลับมาพร้อมน้ำพันช์สีสวย
คนตัวเล็กรับไปดื่มด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง
'ขอบคุณนะฮะคุณเสี่ยวชุน' มือเรียวหยิกแก้มแม่เลี้ยงตัวเล็กแล้วเอ่ยบอกว่าตัวเองเต็มใจ
'เย็นมากแล้วออกไปตามคุณพ่อกันมั้ย
เดี๋ยวช่วงหัวค่ำรถจะติดนะ' เสี่ยวชุนหมายถึงนัดของคนเป็นพ่อกับแม่เลี้ยงตัวแสบ
เทาใช้ปากงับขอบแก้วแล้วทำหน้าใช้ความคิด
ก่อนที่หัวกลมๆจะผงกขึ้นลงเป็นสัญญาณว่าเห็นด้วยกับความคิดของคนน้อง
เสี่ยวชุนคว้ามมือนุ่มนิ่มมาถือไว้
ก่อนจะออกแรงน้อยๆกระตุกแขนให้อีกคนเดินออกไปห้องรับแขกด้วยกัน
ประตูไม้บานสง่าสักฉลุลายโบราณราวยุคราชวงศ์ถังเป็นสิ่งเดียวที่กั้นระหว่างคู่แม่เลี้ยงลูกเลี้ยงและเจ้าของอัครสถานแห่งนี้
ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศข้างในแผ่ออกมาสัมผัสผิวบางๆของคนตัวเล็ก
แต่เทาไม่ได้นึกเลยว่าเมื่อประตูบานใหญ่ถูก
เลื่อนออก
ภาพที่เทาเห็นจะทำให้เทาเย็นวาบไปทั้งตัว ไอเย็นที่ก็ขึ้นที่กลางอกเคลื่อนตัวไม่เกาะกินถึงหัวใจภายในเวลาอัน
สั้น
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วแต่ฝังร่องรอบร้ายลึกอย่างที่สุด
'เทา...' มีเพียงเสียงหน่วยเดียวที่เกิดขึ้นท่ามกลางความเงียบงันทั้งหมด
นักธุรกิจรูปร่างภูมิฐานมากมายกำลังนั่งอยู่บนชุด
โซฟาบุหนังด้วยอริบาบถผ่อนคลาย
โดยที่เจ้าของเสียงเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
เสี่ยวหมิงพยายามจะลุกขึ้นไปหาอีกคนที่ตอนนี้เปราะบางราวกับแก้วใส
เปราะบางอย่างที่แม้แต่ลมแผ่วเบาก็ทำให้แตก
ละเอียดได้ไม่ยาก
แต่ทุกอย่างก็ดูจะยากและช้าเกินไปเสียหมด เมื่อมีมวลน้ำหนักของร่างกายอ้อนแอ้นที่ทาบทับลงมาบน
หน้าขาและทวีความอึดอัดร้ายแรงด้วยวงแขนที่โอบรอบต้นคอของเค้าอยู่ เพราะสีหน้าปั้นยิ้มแฝงแววตาอิดโรย
กำลังทำให้หัวใจมังกรดวงนี้บีบรัดตัวรุนแรงอย่างที่สุด!
'ขอโทษที่เสียมารยาทครับ
ไม่ทราบว่าคุณท่านจะมีแขก' เทาพูดเท่านั้นแล้วรีบพาตัวเองให้ออกห่างจากแผลเหวอะอย่างไวที่สุด
แต่เสี่ยวชุนที่ตั้งรับรออยู่แล้วรีบประคองอีกคนออกมาทันที
ประตูรถคันสวยถูกระชากออก แผ่นหลังสั่นเทาถูกดีนเข้าไปยังห้องโดยสาร
ขาเรียวก้าวฉับอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อตามเข้าไปในรถด้วยทันที
แอสตันมาร์ตินคันสวยรีบทะยานออกจากประตูใหญ่ของบ้าน
โดยที่มีแต่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำหน้าที่ของมันเพียงเท่านั้น
เสี่ยวชุนแอบชำเลืองมองร่างขาวข้างๆเป็นระยะ
เทาไม่ได้ร้องไห้ ไม่เลย มีแต่สายตางว่างๆ
ไม่สื่ออารมณ์ที่ทอดมองไปยังถนนข้างหน้าเท่านั้น
เทานิ่งเสียจนเสี่ยวชุนกลัวเหลือเกินว่าเทากำลังเผชิญกับเข็มพันเล่มที่มองไม่เห็น
โทรศัพท์ของเทาดังขึ้นหลายต่อหลายครั้ง
แต่สุดท้ายเท่ก็กดปิดเครื่องทั้งๆที่ไม่ได้ก้มลงไปมองหน้าจอเลยด้วยซ้ำ
ผ่านไปไม่นาน
เหมือนคนต้นสายจะรู้แล้วว่าถูกปิดเครื่องหนี
เสียงเรียกเข้าจึงย้ายมาอยู่ที่เครื่องของเสี่ยวชุนแทน
ดวงตาคมหรี่ลงเหมือนจะถามคนข้างๆว่ารับสายได้มั้ย
เทาไม่ได้ตอบอะไร แต่เบนหน้าหนีแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างแทน
เสี่ยวชุนกดรับสายเกร็งๆ และเพียงเสียงแรกจากคนที่ปลายสาย
ก็มากพอจะทำให้เสี่ยวชุนรู้ว่าคนเป็นพ่อร้อนรนขนาดไหน
'ครับคุณพ่อ...อยู่กับชุนครับ'
(.....)
'ครับ ชุนทราบ
แต่ชุนไม่รู้ว่าเทาจะเข้าใจอย่างที่ชุนเจ้าใจมั้ย'
(.....)
'ครับ งั้นคุณพ่อถือสายแปปนึงนะฮะ' เสี่ยวชุนใช้มือข้างที่ไม่ได้ยังคับพวงมาลัยยื่นโทรศัพท์เครื่องสวยเจ้าไปแนบกับกกหู
ขาว เทาทำท่าจะเบี่ยงตัวออก
แต่สุดท้ายก็แพ้ให้กับความยาวจองช่วงตัวคุณเสี่ยวชุนอยู่ดี
(.....)
'แล้วยังไงครับถ้าให้ผมรออยู่บนห้องต่อ
คุณจะบอกผมมั้ยว่าในห้องรับแขกคุณทำอะไรไปบ้าง'
(.....)
'ครับผมเข้าใจ คงสำคัญทั้งธุรกิจ ทั้งเธอคนนั้น'
(.....)
'จะคุยเรื่องธุรกิจกันต่อถึงดึกดื่นเลยก็ได้นะครับ
ตอนผมขึ้นตึกจะได้เดินอ้อมไปอีกทางนึง คุณจะได้นั่งใกล้ๆผู้หญิงคนนั้นแบบไม่ต้องคิดถึงหน้าผม'
(....)
'นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องรู้ครับ
ผมรู้เท่าที่ผมเห็น แค่นี้นะครับ ไม่ค้องเสียเวลาโทรมาแล้วครับ' นิ้วเรียวกดปิดเครื่องอย่าง
รวดเร็วทันทีที่วางสาย
มีหลายความรู้สุกที่เสี่ยวชุนได้รับจากยทสนทนาเมื่อกี้ เทาพูดประชดคุณพ่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ไม่
มีแววสั่นเครือแฝงอยู่ซักนิด
แต่มือขาวกลับต้องกดหน้าอกไว้ตลอดเวลา เหมือนทุกครั้งที่เทาแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ
แต่ใน
ความเป็นจริง หัวใจดวงน้อยกลับเจ็บปวดในทุกๆคำพูดของตน
พวงมาลัยหนังสีดำขลับหักเลี้ยวเข้าลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่หนึ่ง
คนขับจำเป็นจำเป็นเลือกจอดในมุมที่ลับตาคนที่สุด
เพราะตอนนี้เทาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าที่เงียบๆ และโอกาสที่จะ
ปลดปล่อยแรงกดมหาศาลในใจ
เสี่ยวชุนปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วหันเข้าหาคนตัวเล็กข้างๆที่ยังคงไม่พูดไม่จาอย่างเดิม
เพียงแค่สัมผัสเบาๆที่หน้าขา
และท่าทีเป็นห่วงเป็นใยจากคุณเสี่ยวชุน
ก็มากพอที่จะทำให้เทาปล่อยโฮราวกับคนสิ้นสติ มือ
น้อยๆยกขึ้นมากำเนื้อผ้าที่ปกคลุมช่วงอกข้างซ้ายจนสุดแรง
เทาบีบ บีบเหมือนจะบอกมันว่าอย่าพึ่งหยุดเต้นตอนนี้
เสี่ยวชุนไม่ได้ขอให้เทาหยุดร้องไห้
มือเรียวเพียงแค่ลูบแผ่นหลังบางขึ้นลง
เสี่ยวชุนกลัวเหลือเกินว่าคนตรงหน้าจะร้องไห้
จนหายใจไม่เป็นจังหวะ
เพราะคล้อยหลังจากเรื่องที่อิตาลี่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเป็นต้นมา
ระบบการหายใจของเทาก็กลับมา
ทำงานได้ไม่เต็มร้อยเท่าเดิมนัก
'เทา ใจเย็นๆนะค่อยๆหายใจนะ ค่อยๆหายใจ' เหมือนมีก้อนความรู้สึกมากมายขึ้นมาจุกที่คอ
เทาใช้ความพยายามมากมาย
จะปรับให้ตัวเองหายใจให้ทัน
แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเอาเสียเลย
'เทาอย่าพึ่งคิดมากเลย
เทายังไม่ได้ฟังคุณพ่ออธิบายเลยนะ'
จะให้เทาฟังอะไร
ก็เทาเห็นมันอยู่เต็มตา
ภาพที่มีผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยนั่งห้อยขากอดคออยู่บนหน้าตักคุณท่าน
และเทาคงจะไม่รู้สึกอะไรซักนิด ถ้าสีหน้าของคุณท่านไม่ได้ประดับด้วยความสุขขนาดนั้น
'เรื่องพวกนี้ชุนก็เห็นมาเยอะ
สำหรับคนพวกนั้นไม่มีอะไรที่เค้าจะไม่มองเป็นธุรกิจหรอก...พวกเค้าทั้งสรรหาของมากมายมาวางเรียงตรงหน้าคุณพ่อเพื่อที่จะบรรลุข้อตกลงทางผลประโยชน์ร่วมกัน'
'....'
'และของที่พวกเค้าสรรหามา
บางทีก็ไม่พ้น...ผู้หญิง'
'ถ้าอย่างนั้น
เทาก็ต้องทนเห็นภาพแบบนี้ทักครั้งที่มีคนมาคุยธุรกิจกับคุณท่านงั้นสิ'
'แต่เชื่อเถอะ
คุณพ่อรับไว้พอเป็นมารยาทเท่านั้นแล่ะ คล้อยหลังพวกขี้สอพลอพวกนั้น
ผู้หญิงที่ถูกส่งมาคุณพ่อก็จะปล่อย
ไปทั้งหมด' เสี่ยวชุนทั้งโน้มน้าว ทั้งโอ๋
ทั้งปลอบคนตรงหน้า ถึงจะเรียกว่าโน้มน้าวก็เถอะ
แต่เรื่องที่เค้าบอกเทาก็เป็นเรื่อง
จริงนี่นา
'หน่าาาา นะๆๆๆ
ไม่ใช่ว่าคนแถวนี้อยากดูหนังหรอ ขึ้นไปดูกันเนอะ ป่ะๆ' เสี่ยวชุนโน้มคอแม่เลี้ยงตัวเล็กมาให้ซบกับอก
ตัวเอง เทาไถจมูกแดงๆกับเสื้อของคนตรงหน้า
เสียงสะอื้นยังพอมีให้ได้ยินเป็นระยะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เสี่ยวชุนใช้เวลาลูบหน้าลูบตา พึมพำคำโอ๋
ไม่ต่างอะไรกับเทาเป็นแมวตัวน้อยๆ จนผ่านไปพักใหญ่
เทาก็ยอมให้คนน้องจูงมือลงจากรถในที่สุด
'เดี๋ยวไปดูรอบหนังก่อนดีกว่า
ถ้าพอเหลือเวลาจะได้ไปทานข้าวกัน' เสี่ยวชุนพูดลอยๆตอนที่จูงคนพี่ขึ้นบันไดเลื่อน ตอนนี้
เทาทำตัวเองให้ไร้ทิศไร้ทางเช่นเดียวกับปุยนุ่น
โดนคนน้องลากไปทางไหน เทาก็ลอยตามไปแบบไม่มีแรงขัดขืนใดๆทั้งสิ้น
เสี่ยวชุนจัดการจองตั๋วหนังเสร็จสรรพ
หลังจากอนุมานว่าเทาอยากดูหนังเรื่องไหนเอาจากเสียงงุ้งงิ้งเหมือนคิตตี้หัดพูดภาษา
คน
ยิ่งเมื่อเจ้าตัวมุดจมูกแดงๆเข้าซ่อนกับคอเสื้อ
ชื่อหนังที่เสี่ยวชุนได้ยินยิ่งอู้อี้และไม่ได้ศัพท์ขึ้นไปอีก
'เอาเป็นว่า...ดูเรื่องนี้แล้วกัน...'
เหลือเวลาอีกประมาณชั่วโมงนึงกว่าหนังจะเริ่ม
เสี่ยวชุนพาเทามานั่งทานข้าวที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เทาชอบ ซึ่งตอนแรกเทาก็
ดูจะดีใจขึ้นมาหน่อย
แต่สุดท้ายก็มานั่งทำหน้าพะอืดพะอมอย่างไร้เหตุผลอยู่ตรงข้ามเค้า
เสี่ยวชุนสืบความได้ว่าเทาเวียนหัว
แต่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
เสี่ยวชุนคิดเอาเองว่าเทาเวียนหัวเพราะไม่สดชื่นถ้าได้ทานอาหารที่ชอบ
ก็น่าจะทำให้อารมณ์ดี
และอาการเวียนหัวก็จะหายไปเอง
แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิด
เมื่อซาชิมิแซลมอนสีส้มสดยกมาเสิร์ฟ เทาก็ออกอาการพะอืดพะอมทันที
'คุณเสี่ยวชุน เทาไม่เอาอันนี้
เอาออกไปฮะ!' เสี่ยวชุนสะดุ้งตกใจทำอะไรไม่ถูก
แม้ว่าจะเลื่อนจานวางชิ้นเนื้อปลาสดไปไกล
อีกฝั่งของโต๊ะแล้วก็ตาม
แต่อาการเทาก็ไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น จนสุดท้ายเสี่ยวชุนก็ต้องยอมแพ้
และสั่งให้พนักงานมายกเซ็ตซา
ชิมิออกไปทั้งหมด
ยิ่งมองไปโต๊ะข้างๆที่มีอาหารมาวางอาการอยากอาเจียนของเทาก็หนักขึ้น
จนสุดท้ายเสี่ยวชุนก็ยอมแพ้
แล้วพาคนตัวเล็กออกมาหาที่นั่งข้างนอกในที่สุด
'เทาดูไม่ค่อยโอเคเลย กลับบ้านก่อนมั้ย' เสี่ยวชุนประคองแม่เลี้ยงคนสวยมานั่งที่ม้านั่ง
มือก็อาศัยโบรชัวจากร้านอาหาร
ญี่ปุ่นมาเป็นพัดให้อีกคน เทาปฏิเสธอย่างไม่ต้องสงสัย
ต่อให้ต้องนั่งทรมานกับอาการที่เป็นอยู่ เทียบกับ กลับบ้านไปเจอ
หน้าคุณท่านตอนนี้
ความรู้สึกเทาเลือกอย่างแรกโดนปราศจากความลังเลใดๆทั้งหมด
เสี่ยวชุนละสายตาจากเทาเพื่อที่จะมองหาร้านเครื่องดื่มเย็นๆให้เทาซักแก้ว
แต่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ไม่ทันที่เสี่ยวชุนจะพูดอะไร
ร่างโปร่งก็เห็นกับตาว่าร่างบางๆของแม่เลี้ยงตัวเอง กำลังทิ้งตัวลง
ตามอย่างของคนหมดสติที่ไม่มีแรงประคองตัวต้านกับแรงโน้มถ่วงโลก
และความคิดในหัวของเสี่ยวชุน ไม่มีอะไรจะเกิด
ขี้นไวเท่ากับ
เค้าต้องรีบเข้าไปประคองศรีษะเล็กก่อนที่จะกระแทกลงกับพื้น
'เทา!!!'
150%
completed
ฮี่ๆ เดี๋ยวลงสปอยตอนหน้าให้น้า
มาดูเจ้าของนาฬิกาอูโบลท์กัน อิ____อิ
คิดเห็นยังไงช่วยติดแท็ก #ห้องลับน้องเทา ด้วยนะก๊า
ความคิดเห็น